นิทานพ ้ ื นบา ้ น นิทานพ ้ ื นบา ้ น หมายถ ึ งถ ึ ง เร ื่องเล่าท ี่เล่าต่อๆ กนัมาจากคนรุ่นหน่ึ งมาสู่ คนอ ี กรุ่นหน่ึ งโดยไม่ทราบวา่ ใครเป็ นผแู้ ต่ง เช่น เราไม่สามารถบอกได ้ วา่ ใครแต่งนิทานเร ื่องสงัขท ์ อง ปลาบู่ทองโสนนอ ้ ยเร ื อน
ภาคกลาง นิทานพื้นบ้านภาคกลาง : ไกรทอง (จ.พิจิตร) ชาละวนัเป็นจระเขเ้จา้อาศยัอยใู่นถ้า ทองใตบ้าดาลในถ้า ทอง จระเข้จะกลายร่างเป็นคนได้ชาละวนัตอนกลายร่างเป็นคนจะเป็นหนุ่มรูปงาม โดยชาละวนัเองมีเมียสาว สวยเป็ นนางจระเข้ 2 ตัวคือ วิมาลา และเลื่อมลายวรรณ ชาละวันเป็ นหลานชายของ ท้าวร าไพ ผู้เป็ นจระเข้ เจา้ที่อยใู่นศีลธรรม ไม่เคยจบัสตัวห์รือมนุษยก์ินเป็นอาหารและจะกินแต่ซากสตัวท์ ี่ตายแลว้เป็นอาหาร เท่าน้นัชาละวนัแมอ้ยใู่นถ้า ทองจะอิ่มทิพยไ์ม่ตอ้งกินเน้ือแต่ดว้ยความมีนิสยัที่เป็นอนัธพาล จึงชอบมาเมือง บนตามแม่น้า ลา คลองจบัคนที่เป็นชาวบา้นและสตัวก์ินเพื่อความสนุกสนาน ณ หมู่บา้นดงเศรษฐีแขวง เมืองพิจิตร มีพี่นอ้งฝาแฝดคู่หน่ึง มีความงามเป็นที่เลื่องลือ ชื่อนางตะเภาแกว้ผพู้ ี่และนางตะเภาทองผนู้อ้ง ท้งัสองเป็นบุตรเศรษฐีคา และคุณนายทองมาวนัหน่ึงนางตะเภาแกว้และนางตะเภาทองไดล้งไปเล่นน้า ที่ท่า หนา้บา้น ช่วงเวลาน้นัเจา้ชาละวนัซ่ึงเป็นจระเขไ้ดอ้อกมาวา่ยน้า หาเหยอื่เมื่อไดเ้ห็นนางตะเภาทองกล็ุ่ม หลงในความงาม จึงโผล่ข้ึนเหนือน้า เขา้ไปคาบนางตะเภาทองแลว้ดา ดิ่งไปยงัถ้า ทองอนัเป็นที่อยขู่องเจา้ชา ละวัน เมียของชาละวนัคือวมิาลาและเลื่อมลายวรรณ เห็นกไ็ม่พอใจแต่กห็า้มสามีไม่ได้เพราะเกรงกลวัจึง ตอ้งยอมใหผ้วัมีเมียเป็นมนุษยอ์ีกคน เมื่อนางตะเภาทองฟ้ืนข้ึนมาเจา้ชาละวนักเ็ก้ียวพาราสีแต่นางตะเภา ทองกไ็ม่สนใจเจา้ชาละวนัจึงจา ตอ้งใชเ้วทมนตร์สะกดใหน้างตะเภาทองหลงรักและยอมเป็นภรรยาต้งัแต่ น้นัมา เศรษฐีคา และคุณนายทองมาโศกเศร้าเสียใจเป็นอยา่งมาก ที่นางตะเภาทองบุตรสาวคนเลก็ถูกเจา้ชา ละวนัคาบไป และคิดวา่บุตรสาวตนคงตายไปแลว้ดว้ยความรักในบุตรสาวและความแคน้ ในเจา้ชาละวนัจึง ประกาศออกไปวา่ ใครที่พบศพนางตะเภาทองและสามารถปราบจระเขต้วัน้ีไดจ้ะมอบสมบตัิของตนเองให้ คร่ึงหน่ึงและจะใหแ้ต่งงานกบันางตะเภาแกว้ดว้ย แต่กไ็ม่มีหมอจระเขค้นไหนสามารถปราบเจา้ชาละวนัได้ นอกจากกลายเป็นเหยอื่ของเจา้ชาละวนัคนแลว้คนเล่าจนในที่สุดกม็ีชายหนุ่มรูปงามนามวา่ ไกรทอง ซ่ึงได้ ร่ าเรียนวิชาการปราบจระเขจ้ากอาจารยค์งจนมีความเก่งกลา้ไดอ้าสามาปราบเจา้ชาละวนัแต่อาจารยค์งรู้วา่ เจ้าชาละวันเป็นพญาจระเขม้ีอา นาจมากและหนงัเหนี่ยว ฆ่าฟันไม่ตายเนื่องจากมีเข้ียวเพชรทา ใหอ้ยยู่งคง กระพัน จึงได้มอบหอกสัตตโลหะ , เทียนระเบิดน้า เส้ือยนัตแ์ละลูกประคา ปลุกเสกแก่ไกรทอง รุ่งเชา้ต้งั พิธีบวงสรวงพร้อมอ่านคาถา ทา ใหเ้จาัชาละวนัเกิดร้อนลุ่มตอ้งออกจากถ้า ข้ึนมาต่อสู้กบัไกรทองไกรทอง กระโดดข้ึนบนหลงัจระเข้และแทงดว้ยหอกสตัตโลหะ
ทา ใหอ้าคมของเข้ียวเพชรเสื่อม หอกไดท้ ิ่มแทงเจา้ชาละวนัจนบาดเจบ็สาหสัและไดห้นีกลบัไปที่ถ้า แต่ไกร ทองกใ็ชเ้ทียนระเบิดน้า ตามไปต่อสู้อีกในถ้า ระหวา่งที่เขา้ไปในถ้า ไกรทองกพ็บกบัวิมาลา เมียของชาละวนั ดว้ยความเจา้ชูจ้ึงเก้ียวพาราสีนางวิมาลาจนนางใจอ่อนยอมเป็นชู้และบอกทางไปช่วยนางตะเภาทอง ไกร ทองตามมาต่อสู้กบัเจา้ชาละวนัในถา้ต่อจนเจา้ชาละวนัตายและไกรทองกไ็ดพ้านางตะเภาทองกลบัข้ึนมา เศรษฐีดีใจมากจึงจดังานแต่งงานใหไ้กรทองกบันางตะเภาแกว้พร้อมมอบสมบตัิใหค้ร่ึงหน่ึงแถมนางตะเภา ทองใหอ้ีกคน ไกรทองจอมเจา้ชูก้ร็ับไว้ดว้ยความยนิดีแต่ยงัไม่จบแคน่้นัดว้ยความเจา้ชูข้องไกรทองแมช้า ละวนัตายไป ไกรทองกย็งัหลงรสรักกบันางวิมาลาจึงไปหาสู่ที่ถ้า ทองและคิดจะพานางวิมาลาไปอยกู่ ินดว้ย โดยทา พิธีทา ใหน้างยงัคงเป็มมนุษยแ์มอ้อกนอกถ้า ทอง นางตะเภาแกว้และนางตะเภาทองจบัไดว้า่สามีไป มาหาสู่นางจระเข้จึงไปหาเรื่องกบันางในร่างมนุษยจ์นนางวิมาลาทนไม่ไหวกลบัร่างเป็นจระเขแ้ละไกรทอง ตอ้งออกไปหา้มไม่ใหเ้มียตีกนัและอา ลาจากนางวิมาลาดว้ยใจอาวรณ์
นิทานพืน้บ้านภาคกลาง : บางแม่หม้าย(จ.สุพรรณบุรี) มีเรื่องเล่ากนัวา่มีชายหนุ่มสองพี่นอ้งผกูสมคัรรัก ใคร่สาวทางบา้นบางแม่หมา้ยจนถึงไดสู้่ขอและกา หนดนดัวนัแต่งงาน เมื่อถึงกา หนดฝ่ายเจา้บ่าวกเ็คลื่อน ขบวนสา เภาขนัหมากมารับพวกมโหรีที่บา้นแห่งหน่ึง เรียกวา่บา้นบางซอซ่ึงวงมโหรีไดบ้รรเลงเพลงมา ตามทางอยา่งสนุกสนาน แต่ที่สนุกที่สุดกเ็มื่อเดินทางมาถึงยา่นน้า อนักวา้งใหญ่อุดมไปดว้ยสตัวน์ ้า ที่ดุร้าย คือจระเขไ้ดเ้กิดพายใุหญพ่ดัจนสา เภาล่มจึงเรียกสถานที่แห่งน้นัวา่บา้นสา เภาล่ม หรือสา เภาทะลายปัจจุบนั เรียก บ้านส าเภาทอง เมื่อเรือล่ม บางคนกจ็มน้า ตาย บางคนกถ็ูกจระเขค้าบไป เจา้บ่าวถูกจระเขค้าบวา่ยไป ทางทิศเหนือถึงบา้นเจา้สาวเมื่อพวกเจา้สาวเห็นกจ็า ไดจ้ึงไปบอกเจา้สาว.. เจา้สาวเสียใจมากวิ่งตามตลิ่งตาม ดูเจา้บ่าวไปจนถึงที่แห่งหน่ึง ซ่ึงไม่อาจตามไปไดท้นัท่วงทีจึงไดแ้ต่แลมองไปจนสุดสายตาที่ที่เจ้าสาวยืน มองอยนู่้ีต่อมาเรียกวา่วดับา้นสุด แมก้ระน้นันางกม็ิไดท้อ้ถอยมุ่งหนา้ติดตามไปเรื่อย ๆ จนเหนื่อยอ่อนจึง นงั่พกัที่โคกแห่งหน่ึงต่อมาไดช้ื่อวา่"โคกนางอ่อน" เมื่อหายเหนื่อย นางกต็ามต่อไปอีกจนถึงโพนางเซา ต่อมานางไดข้า่ววา่มีจระเขค้าบคนรักไปทางทิศใต้จึงยอ้นกลบัมาและพบศพนางจึงนา ศพมาฌาปนกิจที่วดั ต่อมาวนัน้นัชื่อวา่"วดัศพ" ปัจจุบนัเปลี่ยนชื่อเป็นวดัประสบสุขและบา้นเจา้สาวจึงไดช้ื่อวา่"บางแม่หมา้ย" มาจนทุกวนัน้ีนิทานพ้นืบา้นภาคกลาง : สองพี่นอ้ง (จ.สุพรรณบุรี) ที่จงัหวดัสุพรรณบุรีมีคลองอยคู่ลอง หน่ึง เรียกวา่"คลองสองพี่นอ้ง" ปัจจุบนัอยใู่นทอ้งที่อา เภอสองพี่นอ้ง เรื่องน้ีมีนิทานเล่ากนัมาแต่โบราณวา่ ... สมยัหน่ึงมีชายสองคนพนี่อ้งอาศยัอยทู่ ี่คลองน้ีท้งัสองมีอาชีพทา ไร่ทา สวน ฐานะค่อนขา้งมีอนัจะกิน และรูปร่างหนา้ตากห็ล่อเหลาเอาการเป็นที่หมายปองของสาวในบา้นเดียวกนัแต่ชายหนุ่มท้งัสองหาสนใจ ไม่ต่อมาไม่นานท้งัสองไดข้า่ววา่มีสาวงามสองคนอยใู่นตา บลทอ้งที่อา เภอบางปลามา้หญิงท้งัสองน้ี สวยงามมาก ชายท้งัสองพี่นอ้งจึงคิดตอ้งการนางมาเป็นคู่ครองท้งัสองคน ต่อมาสองพี่นอ้งไดจ้ดัเถา้แก่ไปสู่ ขอ พอ่แม่ฝ่ายหญิงเมื่อไดฟ้ ังคุณสมบตัิของฝ่ายชายกไ็ม่รังเกียจและเห็นวา่ลูกสาวของตนอายสุมควรที่จะมี คู่ครองไดแ้ลว้จึงตอบตกลง "เมื่อมาสู่ขอลูกสาวของฉนั ไปตกไปแต่งท้งัทีกข็อใหส้มกบัหนา้ตาฐานะหน่อย หน่ึงจะไดไ้หม" พอ่ขอฝ่ายหญิงกล่าวกบัเถา้แก่ฝ่ายหญิงตอ้งการใหจ้ดัขบวนขนัหมากลงเรือสา เภาให้ ใหญ่โต จะไดเ้ป็นที่เชิดหนา้ชูตาของชาวบา้นแถวน้ี
คร้ังถึงวนักา หนดนดั ฝ่ายชายกจ็ดัเครื่องขนัหมากและเครื่องใชใ้นการแต่งงานลงเรือสา เภา มีมโหรีปี่พาทย์ ครบครัน เมื่อไดฤ้กษข์บวนขนัหมากพร้อมท้งัเจา้บ่าวท้งัสองกเ็ริ่มเคลื่อนที่จากคลองสองพี่นอ้งออกไปทาง แม่น้า สุพรรณข้ึนไปทางเหนือมุ่งหนา้ไปบา้นเจา้สาว ขณะที่เรื่อแล่นไป นกัดนตรีกเ็ลน่ดนตรีดงัไปตลอด ทางจนถึงตา บลหน่ึง เมื่อนกัดนตรีเปลี่ยนเพลงมาเล่นซอ ชาวบา้นจึงเรียกที่แห่งน้ีวา่"บางซอ" เพราะนกั ดนตรีไปเล่นซอที่นนั่เมื่อแล่นไปอีกไม่นานเสียงดนตรีกย็งิ่ดงัครึกคร้ืน สนุกสนาน ผคู้นในเรือกร็้องร ากนั ไม่ไดห้ยดุที่แห่งน้ีจึงเรียกวา่"บา้นสนุก" เมื่อเรือขบวนขนัหมากเลยบา้นสีสนุกไปไดไ้ม่นาน กเ็กิดเหตุการณ์ อยา่งไม่คาดคิดข้ึน คือเรือสา เภาที่บรรทุกท้งัคนท้งัเครื่องใชไ้มส้อยสา หรับงานแต่งานไดเ้กิดอุบตัิเหตุ อบั ปางล่มลงคนที่มากบัขบวนขนัหมากและสิ่งของเครื่องใชจ้มหายไปในน้า หมด ดงัน้นัตรงที่เรือสา เภา ล่มน้นั ปัจจุบนัจึงเรียกวา่"สา เภาทลาย" ส่วนเจา้บ่าวสองพี่นอ้งจมน้า ตายท้งัคู่ฝ่ายเจา้สาวท้งัสองสมกบัเป็น เจา้สาวรอขบวนขนัหมากดว้ยใจระทึก ต่างคนกค็ิดถึงเจา้บ่าวของตนเองวา่หนา้ตาหลอ่เหลาแค่ไหน แต่เมื่อมี คนมาส่งข่าววา่ขบวนเรือขนัหมากของสองพี่นอ้งล่มลงกลางแม่น้า เสียแลว้และเจา้บ่าวของเธอกจ็มน้า ตาย ดว้ย หญิงท้งัสองเสียใจมากเธอร้องไหค้ร่ าครวญอยา่งน่าเวทนา ต่อมาชาวบา้นจึงเรียกบา้นที่หญิงท้งัสองอยู่ วา่"บา้นแม่หมา้ย" ซ่ึงปัจจุบนักข็้ึนอยกู่บัอา เภอบางปลามา้จงัหวดัสุพรรณบุรี
นิทานพืน้บ้านภาคกลาง :วงัตาเพชร(จ.สุพรรณบุรี) แถว ๆ โรงสีตอนน้ีเคา้ถมที่กลายเป็นโรงสีไปแลว้เขา เล่าใหฟ้ ังวา่แต่ก่อนจะมีชายแก่อยคู่นนึงเขาเรียนพวกเวทยม์นตอ์ะไรพวกน้ีคาถากม็ีเมียอยดู่ว้ยกนัเองตา ยาย วนัหน่ึงกจ็ะไปทา บุญ เมียกไ็ม่มีเรือ ตวัเองกม็ีคาถาแปลงตวัเป็นจระเข้กเ็ลยแปลงตวัเป็นจระเขใ้หเ้มีย เดินทางขา้มไปฟากนูน้เพื่อที่จะไปทา บุญที่วดัพอดีเขากเ็สกน้า มนตไ์วข้นันึงบอกวา่ระหวา่งเดินทางใหถ้ือ ขนัน้า มนตน์ ้ีไปดว้ยเวลาขา้มฟากแลว้กเ็ทน้า มนตร์ดหวัจระเข้ซ่ึงตาคนน้ีไดแ้ปลงเป็นจระเข้แลว้ตวัเองกจ็ะ กลับกลายเป็ นคน แต่วา่เวลาถึงกลางแม่น้า เนี่ยขนัน้า มนตม์นักเ็กิดหก ตามนักเ็ลยไม่สามารถที่จะกลายเป็น คนได้กเ็ป็นจระเขต้ลอดเขากเ็ลยเรียกตรงน้นัวา่"บึงตาเพชร"
ภาคอีสาน นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน : ต านานผาแดงนางไอ่นางไอ่เป็นธิดาพระยาขอมผคู้รองเมืองชะธีตา นางไอ่เป็น สตรีที่มีสิริโฉมงดงามเป็นที่เลื่องลือไปในนครต่าง ๆ ท้งัโลกมนุษยแ์ละบาดาล มีชายหนุ่มหมายปองจะได้ อภิเษกกบันางมากมายในจา นวนผทู้ี่มาหลงรักนางไอ่มีทา้วผาแดงและทา้วพงัคีโอรสสุทโธนาคเจา้ผคู้รอง นครบาดาล ทา้วท้งัสองต่างเคยมีความผกูพนักบันางไอม่าแต่อดีตชาติจึงต่างช่วงชิงจะไดเ้คียงคู่กบันางแต่ก็ พลาดหวงัจึงมิไดอ้ภิเษกท้งัคู่เพราะแข่งขนับ้งัไฟแพ้ทา้วพงัคีนาคไม่ยอมลดละแปลงกายเป็นกระรอกเผอืก คอยติดตามนางไอ่สุดทา้ยถูกฆ่าตาย พญานาคผเู้ป็นพอ่จึงข้ึนมาถล่มเมืองล่มไป กลายเป็นหนองน้า ใหญ่คือ หนองหาน อยา่งไรกต็าม ในตา ราอา้งอิงถึงเรื่องผาแดงนางไอ่จบลงดว้ยการเกิดเป็นหนองน้า ขนาดใหญ่ จากการต่อสู้ของพญานาคกบัทา้วผาแดง ต่างกม็ีขอ้มูลอา้งอิงถึง หนองน้า ที่ชื่อหนองหาน แต่กล่าวต่างกนัไป ในตา ราแต่ละเล่มถึงหนองน้า ท้งั 3 แห่ง หนองหาน ที่อา เภอหนองหาน จงัหวดัอุดรธานีและหนองหาน อา เภอกมุภวาปีซ่ึงกไ็ม่ไกลจากที่แรกมากนกัและอีกที่หน่ึงกค็ือหนองหารจงัหวดัสกลนคร
นิทานพืน้บ้านภาคอสีาน : เรื่องปู่ปะหลาน ปู่กบัหลานไดเ้ดินทางไกลผา่นมายงัทุ่งกลุาร้องไหน้ ้ีเดินขา้ม อยา่งไรกไ็ม่พน้ สกัทีปู่กจ็วนเจียนจะหมดแรงอยรู่อมร่อ ส่วนหลานน้นักไ็ดเ้อาแต่ร้องไหง้วัเงียดว้ยความ เหนื่อยลา้ท้งัยงักระหายน้า จนดูท่าวา่จะเดินทางไปต่อไม่ไหวจนกระทงั่ ไดพ้ลอยหลบัไปดว้ยความ อ่อนเพลีย(แต่ก่อนน้ีทุ่งกลุาร้องไหน้ ้ีมีความทุรกนัดารมาก ท้งัยงัมีพ้นืที่ที่กวา้งใหญ่มีอาณาเขตติดต่อกนัถึง หา้จงัหวดั) ปู่จึงไดใ้ชผ้า้ขาวมา้ห่อหุม้หลานเอาไว้แลว้นา ไปไวย้งัโคนของพมุ่ ไมแ้ห่งหน่ึงเพื่อบงัแดดใหแ้ก่ หลานนอ้ยน้นั ไว้ปู่จึงไดร้ีบเดินทางต่อโดยความหวงัวา่จะไดพ้บกบัหมู่บา้นที่ใกลท้ี่สุดที่ซ่ึงมีน้า เพื่อที่จะ น าไปให้หลานดื่มได้บริเวณน้ีเรียกวา่บา้นป๋าหลาน เพราะคา วา่ ป๋าน้นัหมายถึงการทิ้ง เช่น ผวัป๋าเมียเป็นตน้ ซ่ึงในบริเวณจงัหวดัมหาสารคามน้นักม็ีชื่อหมู่บา้นน้ีวา่เป็นบา้นป๋าหลานอยู่ในทอ้งที่ใกล้ๆ กบัอา เภอเมือง จังหวัดมหาสารคามในปัจจุบัน เมื่อปู่เดินทางจนมาถึงตีนบา้น ปู่กไ็ดร้ีบเขาไปขอน้า ดื่มจากชาวบา้นใน หมู่บา้นน้นัพร้อมกบัไดร้ีบนา น้า ใส่บ้งัทิง เพื่อที่จะนา ไปใหห้ลานดื่ม ส่วนหลานน้นัเมื่อตื่นข้ึนมาแลว้กไ็ม่ พบปู่กร็้องไหด้ว้ยความเสียใจและดว้ยความกลวัตามประสาของเดก็และจึงไดอ้อกวิ่ง ท้งัเดินเพื่อตามหาปู่ ของตนวา่อยไู่หน ท้งัยงัพร่ าบ่นวา่ ปู่น้นั ไดท้ิ้งตนเองไปแลว้ดว้ยความนอ้ยเน้ือต่า ใจวา่ ปู่น้นั ไม่รักตนเอง ปล่อยทิ้งใหห้ลานน้นัอยเู่พียงลา พงัคนเดียวดว้ยความไม่ไยดีซ่ึงมีปรากฏเป็นบทกลอนของการลา อยู่ในที่สุด น้นัหลานกไ็ดห้มดแรงและลม้ลง ปู่น้นัเมื่อไดน้้า มาแลว้กไ็ดร้ีบนา กลบัมาใหห้ลานดว้ยความเป็นห่วงแต่ เมื่อมาถึงพมุ่ ไมท้ี่ไดว้างหลานเอาไว้กก็ลบัไม่พบหลานเลย ปู่จึงไดร้ีบออกคน้หาหลานไปทวั่บริเวณน้นั จนกระทงั่ปู่กไ็ดม้าพบหลานนอนตายอยกู่ลางแดดจา้ของทอ้งทุ่งอนัแสนกนัดารแห่งน้ีมีท้งัมด แมลงไต่ ชอนไชอยตู่ามรูจมูกใบหูและปากไปทวั่คร้ันเมื่อปู่เห็นสภาพหลานดงัน้นัแลว้กแ็ทบใจขาด น้า ตาร่วงหล่น ดว้ยความสงสารในชะตากรรมของหลานที่ตอ้งมาตายอยา่งทุกขท์รมาน ท้งัยงัโทษตวัเองวา่ทา ไมจึงไดท้ ิ้ง หลานไวใ้หอ้ยคู่นเดียว ปู่ไดค้่อย ๆ อุม้ศพของหลานข้ึนแลว้เดินพาหลานกลบัไปยงัตีนบา้นแห่งน้นัดว้ย ความเศร้าโศกเสียใจ ดงักบัวา่หวัใจของปู่น้นัจะแตกสลายเสียใหไ้ด้ต่อมาเมื่อมีความเจริญข้ึนตรงบริเวณน้นั บริเวณบา้นแห่งน้นักถ็ูกเรียกวา่เป็นบา้น ปะหลาน ซ่ึงหมายถึงบริเวณบา้นที่ปู่น้นั ไดพ้บกบัศพของหลาน นนั่เอง
นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน : เรื่องก าพร้าผีน้อย ที่เมืองแห่งหน่ึงมีเดก็นอ้ยคนหน่ึงกา พร้าพอ่และแม่ไดเ้ที่ยว ขอทานเขากินจนโตเป็นหนุ่มแลว้จึงออกจากเมืองมาทา นาทา ไร่ณ ที่แห่งหน่ึง เมื่อขา้วพืชงอกงามข้ึน ไดม้ี สตัวต์ ่าง ๆ มากิน แมจ้ะไล่อยา่งไรกไ็ม่ไหวเอาอะไรมาทา เครื่องดกักย็งัขาดหมด จึงไปขอเอาสายไหม จาก ยา่จา สวน (คนสวนของพระราชา) มาทา จึงจบัไดช้า้ง ชา้งเมื่อถูกจบัไดก้ลวัตายจึงร้องขอชีวิตและบอกวา่จะ ให้ของวิเศษถอดงาข้างหนึ่งให้ทา้วกา พร้าผนีอ้ยจึงปล่อยไปแลว้เอางาชา้งมาไวท้ี่บา้น ต่อมาทา้วกา พร้าดกั ไดเ้สือเสือกย็อมเป็นลูกนอ้งโดยบอกวา่ถา้มีเรื่องเดือดร้อนจะมาช่วย ต่อมาจบัไดอ้ีเห็น อีเห็นกย็อมเป็น ลูกนอ้ง เช่นเดียวกนักบัเสือ ต่อมาจบัพญาฮุง้ (นกอินทรีย)์พญาฮุง้กย็อมเป็นลูกนอ้งและตวัสุดทา้ยจบัไดค้ือ ผนีอ้ยที่มาขโมยกินปลาที่ไซ นอ้ยกย็อมเป็นลูกนอ้งขณะที่ทา้วกา พร้าไดเ้อางาชา้งมาไวท้ี่บา้น ในงาชา้งน้นั ไดม้ีหญิงสาวคนหน่ึงชื่อสีดอาศยัอยู่นางไดอ้อกมาทา อาหารไวร้อทา้วกา พร้า ต่อมาทา้วกา พร้าจบันางไดจ้ึง ทุบงาชา้งน้นัเพื่อจะไม่ใหน้างหลบเขา้ไปอยอู่ ีก นางจึงอยกู่ ินเป็นสามีภรรยากนัต้งัแต่น้นัมาความสวยงาม ของสีดา ได้ยินไปถึงพระราชา เมื่อพระราชาเห็นแลว้กร็ักใคร่จึงจะยดึเอาแต่กก็ลวัคนจะติเตียน จึงทา้ทา้ว กา พร้า พนนัขนัแข่งต่าง ๆ โดยถา้ทา้วกา พร้าแพจ้ะยดึนางสีดามาถา้พระองคแ์พจ้ะยอมยกเมืองใหค้ร่ึงหน่ึง การแข่งขนัน้นัคือ ชนววั , ชนไก่ , แข่งเรือแต่ปรากฏวา่ทา้วกา พร้าชนะทุกคร้ัง เพราะในการชนววัน้นัเสือ แปลงเป็นววัมาช่วยทา้วกา พร้า ชนไก่น้นัอีเห็นแปลงเป็นไก่มาช่วยกดัไก่ของพระราชาตายในการแข่งขนั เรือน้นัพญาฮุง้มาเป็นเรือและไดท้า ใหเ้รือพระราชาล่มแลว้กินคนหมดท้งัเมือง เมื่อพระราชาตายแล้วได้รวม หวักบับ่างลวั่ตวัหน่ึงโดยใหบ้ ่างลวั่ร้องเรียกวิญญาณของนางสีดามาโดยร้องคร้ังแรกนางกไ็ม่สบายคร้ังที่ สองสลบไป คร้ังที่สามจึงตามวิญญาณของนางจึงมาอยกู่บัพวกผพีระราชา ส่วนทา้วกา พร้าปรึกษากบัผนีอ้ย ผนีอ้ยบอกวา่อยา่เพิ่งเผาจะตามไปดูวิญญาณของนางอยทู่ ี่ใด เมื่อผนีอ้ยตามจึงรู้เรื่องท้งัหมด ได้วางแผนจับ บ่างลวั่ตวัน้นัเขา้ไปตีสนิทกบับ่างลวั่แลว้ สานขอ้ง (ที่ใส่ปลา)คร้ังแรกสานดว้ยไมไ้ผ่แลว้ใหบ้ ่างลวั่เขา้ไป ขา้งใน แลว้ใหย้นัดูปรากฏวา่ขอ้งแตกจึงสานดว้ยลวด แลว้บอกใหบ้ ่างลวั่เขา้ไปดูแลว้บอกใหย้นัดูปรากฏ วา่ขอ้งไม่แตกจึงรีบหาฝามาปิด แลว้รีบเอามาใหท้า้วกา พร้า บงัคบัใหบ้ ่างลวั่ร้องเรียกเอาวิญญาณนางสีดา กลบัคืนมาไม่เช่นน้นัจะฆ่าเสีย บ่างลวั่จึงร้องเรียกเอาวิญญาณนางกลบัมาโดยร้องคร้ังแรกกเ็คลื่อนไหวคร้ัง ที่สองฟ้ืนข้ึน คร้ังที่สามหายเป็นปกติทุกอยา่ง พอทุกอยา่งปกติแลว้ทา้วกา พร้าจึงหลอกวา่ขอดูไอท้ี่ร้องเอา วิญญาณคนไดไ้หม บ่างลวั่จึงแลบลิ้นออกมาใหดู้ทา้วกา พร้าจึงตดัลิ้นบ่างลวั่น้นัเสียเพราะกลัวมันจะร้อง เอาวิญญาณไปอีก บ่างลวั่จึงร้องไม่ชดัต้งัแต่น้นัมา ส่วนทา้วกา พร้ากบันางสีดาไดป้กครองเมืองแทน พระราชาที่ตายน้นันิทานพ้นืบา้นภาคอีสาน : เรื่องปู่ตวั๋หลาน คร้ังหน่ึงนานมาแลว้ขณะที่กดุจี่สองตวัผวัเมีย
กา ลงัช่วยกนักลิ้งเบา้ (ลูกดินกลม ๆ ที่ห่อหุม้ไข่กดุจี่)ไปตามทางผา่นหนา้หมาตวัหน่ึง หมาสงสยักถ็ามวา่จะ พากนัไปไหน กดุจี่ตอบวา่จะไปเมืองลงักา (กรุงลงกา ในเรื่องรามเกียรต์ิ) หมากย็งิ่สงสยัวา่ ไปทา อะไรหรือ กดุจี่ตอบวา่ ไดข้่าววา่เมืองลงกาถูกหนุมานเผาเมืองไหมว้อดวายหมด รวมท้งัครกที่ตา อาหารกไ็หม้จะเอา เบ้าไปท าครกถวายพระเจ้าเมืองลังกา หมายงิ่งงและถามไปอีกอยา่งดูถูกดูแคลน วา่จะไปถึงเหรอ? แล้วเบ้า แค่น้ีจะทา ครกไดอ้ยา่งไรกนักดุจี่ตอบทนัควนัวา่นี่กะวา่จะไปใหท้นักินขา้วเชา้แลว้กอ้นดินน้ีจะปาดออก ให้เป็ นครก 3 ใบ กไ็ด้หมาไดฟ้ ังก็แปลกใจอยา่งสุด ๆ ต้งัแต่น้นัมาหมาไม่กินกดุจี่เลยโดยถือวา่กดุจี่มี ความสามารถมากกวา่ตวัเอง ซ่ึงในความเป็นจริงแลว้หมาทุกตวัจะเมินไม่ยอมกินกดุจี่ไม่วา่จะตวัสด หรือ ควั่ทอดจนสุกแลว้กต็าม ยงัเป็นที่ถกเถียงกนัอยวู่า่จริง ๆ แลว้จะเป็นเพราะหมาไม่ถูกกบักลิ่นข้ีควายหรือ เปล่ากไ็ม่ทราบได้
ภาคเหนือ นิทานล้านนา เรื่อง ใครโง่กว่าใคร หลายปีมาแลว้มีชายผหู้น่ึงชื่อ“คง”…ทิดคนน้ีเคยบวชเป็นพระภิกษหุลาย พรรษา…ต่อมาไดส้ึกและแต่งงานอยกู่ ินกบัภรรยาจนมีบุตรคนหน่ึง…ทิดคงและครอบครัวมีอาชีพในทาง ทา นาแกมีนาส่วนตวัอยแู่ ปลงหน่ึงแกทา นาดว้ยตนเองทุกๆปีนาน้ีอยหู่ ่างจากบา้นของแกราว ๆ 4–5 กิโลเมตร…เวลาเชา้ทิดคงจะออกไปไถนาพร้อมกบัควายคร้ันตอนสายและกลางวนัลูกสาวจะเป็นผนู้า อาหารไปส่งใหเ้สมอวนัหน่ึงตอนบ่าย…ภรรยาไปตลาดซ้ือปลามาตวัหน่ึงเอาไปแกงส้มอร่อยมาก…นาง คิดถึงสามีจึงขอร้องใหลู้กสาวช่วยนา อาหารม้ือน้ีไปส่งใหด้ว้ย…ลูกสาวรับของออกเดินจากบา้นไป ขณะที่ เดินทางฝ่าแดดที่กา ลงัร้อนจดั ประกอบกบัวนัน้นับุตรสาวตอ้งทา งานที่บา้นแต่เชา้จนบ่ายเมื่อฝ่าแดดมารู้สึก เหน็ดเหนื่อยยงิ่นกันางจึงหยดุพกัวางหมอ้ขา้วหมอ้แกงลง นงั่พกัผอ่นใตร้่มไมค้ิดวา่พอหายเหนื่อยแลว้ตน จึงค่อยเดินทางต่อไป พอดีมีลมโชยมานางเลื่อนตวัเอนกายพิงกบัตน้ไมม้่อยหลบัไป…ขณะที่หลบันางฝันวา่ มีบุตรเศรษฐีมาชอบพอและสู่ขอนางกบัพอ่แม่ไดอ้ยกู่ ินกนัอยา่งเป็นสุขจนกระทงั่มีครรภ์ต่อจากน้นั ไม่ นานนกันางกค็ลอดบุตรออกมาเป็นชายอว้นทว้นน่ารักต่อมาเดก็คนน้นั ไดล้ม้ ป่วยลงโดยกะทนัหนัถึงแก่ ความตาย นางร้องไหด้ว้ยความเสียใจขณะที่ละเมอไขวค่วา้อยนู่้นัมือไปปัดเอาหมอ้แกงหกเรื่ยราดหมด เลย ไม่มีอาหารไปใหพ้อ่… … เมื่อนางตื่นข้ึนจึงร้องไหก้ลบับา้น เล่าเรื่องราวต่าง ๆที่เกิดข้ึนใหแ้ม่ฟังแม่ไดย้นิ ดงัน้นัพลอยร้องไหเ้สียใจดว้ยพร้อมกบัร าพนัวา่“โธ่เอ๋ยหลานรักเกิดมาไม่ทนัไรมาด่วนตายเสียได้ยายไม่ ทนัไดก้อดไดอุ้ม้ฮือๆๆ“… พอดีขณะน้นัสามีหิวขา้วรีบเดินกลบับา้น เมื่อมาถึงพบคนท้งัสองกา ลงัร้องไห้ ดว้ยความเสียใจจึงไต่ถามเรื่องราวเมีย พอเห็นสามีมารีบวิ่งเขา้ไปหาพร้อมกบับอกวา่“ตาเอ๋ยตา หลานเกิด มาไม่ทนัไรกต็ายเสียก่อน โธ่ไม่น่าเลยช่างบุญนอ้ยจริงๆ น่าจะคอยใหต้ายายอุม้บา้งกไ็ม่ได”้ทิดคงสงสยั… ไต่ถามลูกสาวกท็ราบเรื่องราวท้งัหมด จึงพดูออกมาวา่“มนัฝันนี่หวา่มนัจริงเมื่อไรเอง็ทา ไมจึงโง่เขลา เช่นน้ี” เมื่อทิดคงเห็นวา่ภรรยาและลูกสาวของตนโง่เขลายงิ่นกั…แกจึงตดัสินใจขายควายรวบรวมเงินทอง ติดตวัออกเดินทางลงเรือไปยงัเมืองอื่นๆ ขณะที่พายเรือไปตามแม่น้า น้นัเขาพบชายคนหน่ึงนงั่ร้องไหอ้ยจู่ ึง แวะเขา้ไปถามวา่“ท่านร้องไหท้า ไม” ชายผนู้้นับอกวา่“ขา้พเจา้เอามือออกจากไหเกลือไม่ได”้ทิดคง มองเห็นชายน้นัลว้งมือลงไปในไหเกลือและกา เกลือจนเตม็กา มือปากไหน้นัแคบ เขาจึงเอามือออกไม่ได้ทิด คงหวัเราะ บอกใหเ้ขาปล่อยเกลือเสีย มือกจ็ะออกได…้ชายผนู้้นัทา ตาม จึงเอามือออกไดแ้ละกล่าวคา ขอบใจ พร้อมกบัมอบเป็ดใหเ้ป็นรางวลัตอบแทนหน่ึงตวั… ทิดคงพายเรือต่อไป…เขาพบคนหมู่หน่ึงกา ลงัเอาเชือก ผกูหวัเสาอยู่ต่างฉุดดึงกนัไปคนละทาง…ทิดคงรู้สึกสงสยัแวะเรือเขา้ไปร้องถามวา่“พวกท่านทา อะไร นนั่”…“เสามนัส้นั ไป เราพยายามจะดึงมนั ใหย้าวอีกสกัหน่อย” ทิดคงบอกวา่
“ท่านเอ๋ยเสาดึงมนัไม่ยดืออกไดห้รอก ท่านตอ้งการจะใหเ้สายาวข้ึน กห็าเสามาต่อเขา้ซิ“ พวกน้นั ปฏิบตัิ ตามและดีใจมากที่เสายาวออกมาตามที่ตอ้งการแต่ละคนไดช้มเชยต่างๆ นานาวา่“ท่านช่างมีปัญญาแทๆ้” แลว้ต่างกห็าไก่มามอบใหเ้ป็นรางวลั… ทิดคงพายเรือต่อไปจนกระทงั่พบคนอีกกลุม่หน่ึง…เขาสร้างตึกก่อ อิฐถือปูน เนื่องจากไม่มีหนา้ต่างดงัน้นัภายในหอ้งจึงมืด พวกน้นัต่างช่วยกนัเอาตะกร้ากระบุง หีบ และถงั ต่างๆ ออกวางกลางแดด…พอสกัครู่กย็กเขา้ไปเทในหอ้งเพื่อใหห้อ้งสวา่งข้ึน…แมว้า่เขาจะขนสกัเท่าไร ห้องน้นักไ็ม่สวา่งข้ึน…ทิดคงรู้สึกแปลกใจจึงร้องถามออกไปวา่“ท่านทา อะไรขนกนัไม่รู้จกัหมดจกัสิ้น“ พวกน้นับอกวา่“พวกเราขนแดดไปเทในหอ้งเพื่อใหม้นัสวา่งข้ึน“ ทิดคงหวัเราะ พร้อมกบับอกวา่“สหายเอ๋ย ท่านอยากใหห้อ้งสวา่งกเ็จาะกา แพงหนา้ต่างซิ“…พอพดูจบทิดคงกข็้ึนจากเรือไปช่วยทา หนา้ต่างให…้ตึก ที่มืดกลบัสวา่งข้ึนทนัทีพวกน้นัพากนัไชโยโห่ร้องดว้ยความยนิดีและกล่าวคา ชมเชยวา่“ท่านช่างมีปัญญา จริงๆ“…ทุกๆคนต่างรวบรวมรางวลัมอบใหเ้ป็นที่ระลึก… ทิดคงเริ่มรู้สึกวา่ที่ตนคิดวา่ภรรยาและบุตรของ ตนโง่น้นั…พวกที่ตนมาพบน้ียงิ่โง่กวา่เสียอีก…ทางที่ดีควรกลบัไปคืนดีกบัลูกเมียเสียดีกวา่…หากลูกเมีย ผดิพลาดไปตนยงัพอจะแนะนา สงั่สอนใหเ้ป็นคนดีได…้ทิดคงจึงกลบับา้นอยกู่นักบัภรรยาและบุตรอยา่ง เป็นสุขต่อไป นิทานเรื่องน้ีสอนใหรู้้วา่ 1. อนัคนโง่น้นัมีอยทู่วั่ ไป…อยา่คิดวา่มีแต่คนในครอบครัวเรา เท่าน้นั…ทางแกป้ ัญญามิใช่จะหนีปัญหา…พึงใชป้ ัญญาแกไ้ข…เช่น อบรม สงั่สอน ช้ีแนะแนวทางให้2. คติ “เหนือฟ้ายังมีฟ้า“
นิทานล้านนา เรื่องย่าผันคอเหนียงกาลก่อน ณ หมู่บา้นต้งัอยใู่นชนบท ไกลออกไปจากเมืองหลวง ชาวบา้น มีอาชีพทา ไร่ทา นาหาของป่ามาขาย หมู่บา้นแห่งน้ีมีหญิงสาวรูปร่างอาภพัผหู้น่ึง นางไม่มีชายหนุ่มผใู้ดไป เที่ยวหาเลยเนื่องจากนางคอพอกโตใหญน่ ่าเกลียด ชาวบา้นเรียกนางวา่“อีตาคอเหนียง“ ทุกๆคืนแมว้า่นางจะ นงั่ปั่นฝ้ายอยกู่ลางลานบา้นรอหนุ่มๆมาเที่ยวหากป็รากฏวา่ ไม่มีใครมาหานางเลยแมว้า่จะไดย้นิเสียงร้อง เพลงและเล่นดนตรีของพวกหนุ่มๆที่ผา่นมา นางคิดวา่เขาคงจะแวะมาเที่ยวหาตน แต่ปรากฏวา่หนุ่มเหล่าน้นั กลับเลยไปบ้านอื่นเสียทุกๆคราวเมื่อเป็นเช่นน้ีนางสาวตารู้สึกนอ้ยใจอยากจะตายเสียใหพ้น้ความชอกช้า ใจวนัหน่ึงขณะที่นางเห็นปลอดคน จึงจดัการตระเตรียมเครื่องใชต้้งัใจวา่จะเขา้ไปตายในป่าเสียใหรู้้แลว้รู้ รอดไป บางทีความตายอาจช่วยใหต้นพน้ทุกขไ์ปได…้นางมุ่งหนา้ออกเดินทางเขา้ป่าข้ึนเขาไป โดยต้งใจ ั เดด็ขาดวา่เป็นตายร้ายดีจะไม่ยอมกลบับา้น วนัที่14 นางบรรลุถึงกลางดงลึก ซ่ึงนางเลือกวา่ที่นี่คงจะไม่มี ใครตามมารบกวน นางคงจะตายอยา่งเป็นสุข … เนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยลา้นางลม้ ฟุบเป็นลมอยู่ กลางดงน้นัเองขณะที่นางนอนสลบไสลอยทู่ ี่น้นัคืนวนัน้นัเป็นคืนที่เหล่าผปี่าท้งัหลายตระเตรียมยมืขา้ว ของเครื่องใชต้่างๆ เพื่อนา ไปใชใ้นการจดังานเล้ียงดูกนัตามประเพณีของตน ผีตนหนึ่งเดินมาเห็นคอพอก ของนางสาวตา มนัคิดในใจวา่เราอุตส่าห์ยมืหมอ้แกงที่ไหนๆกห็าไม่ได้เพิ่งมาพบที่นี่ผจีึงตรงควา้เอาคอ พอกของนางไป พร้อมกบัพดูวา่“แม่นางขา้ขอยมืหมอ้แกงหน่อยนะเสร็จธุระแลว้จะเอามาส่งให“้… นางสาวตารู้สึกตวัตื่นข้ึน เอามือคลา ตน้คอของตนรู้สึกวา่คอพอกของตนที่เป็นอยนู่้นัขณะน้ีหายไปสิ้น นาง รู้สึกดีใจยงิ่นกัรีบวิ่งบา้งเดินบา้งจนถึงบา้นโดยไม่เหน็ดเหนื่อย พอถึงบา้นกเ็ล่าเรื่องราวท้งัหลายใหเ้พื่อนๆ ฟัง เพื่อนๆที่ทราบเรื่องคอพอกของสาวตาหาย ต่างพากนัมาซกัถามจนรู้ถึงเรื่องราว ณ ที่น้นัมีหญิงสาววยั กลางคนผหู้น่ึงชื่อ“ผนั”แกกค็อพอกเหมือนกนัแต่ไม่ไดโ้ตใหญ่เท่าของสาวตา นางเองตอ้งการอยากใหค้อ พอกของตนหาย นางเฝ้าซกัไซไ้ล่เลียงจนทราบความจริง…นางผนัจึงออกเดินเขา้ป่าไป เป็นเวลาร่วมๆสิบ วนัจนถึงป่าที่นางสาวตาไปนอนสลบไสล ดว้ยความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลียนางจึงแวะพกันอนกลางวนั กลางทางนนั่เอง … เมื่อผมีาดูนางสาวตาไม่พบ มนัเห็นหญิงวยักลางคนนอนแทนที่จึงส่งหมอ้น้นัคืน พอรุ่ง เชา้นางผนัตื่นข้ึน เมื่อเอามือลูบคลา คอของตน แทนที่คอพอกของตนจะหายกลบัโตกวา่เดิมข้ึนอีกมากมาย นางร้องไหเ้สียใจที่ตนเสียแรงอุตส่าห์ด้นัดน้เขา้ป่ามาท้งัทีอยากจะใหค้อพอกหาย…กลบักลายเป็นโตยงิ่ กวา่เดิมเสียอีกเมื่อเป็นเช่นน้ีนางผนัไม่รู้จะทา อยา่งไร…เมื่อหมดหนทางแก้ประกอบกบันางคิดไวว้า่วยั ของตนกล็่วงเขา้กลางคนแลว้แมว้า่คอจะพอกกไ็ม่เห็นเป็นอะไร สู้ตนพยายามทา ความดีแลว้ความดีน้นัคง จะสนองให้นางเป็ นสุขใจได้บ้างกระมัง… …นบัแต่น้นัมา นางพยายามประกอบกรรมดีช่วยเหลือกิจกรรม งานของชาวบา้นโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ชาวบา้นทุกคนถึงกบัออกปากสรรเสริญคุณงามความดีที่นางได้
ปฏิบตัิไป ถึงแมว้า่นางจะตายไปหลายปีแลว้กต็าม ชาวบา้นยงักล่าวขวญัถึงนางเสมอวา่“ใจบุญเหมือนยา่ผนั คอเหนียง” นิทานเรื่องน้ีสอนใหรู้้วา่ 1. ดงั่คติที่วา่“แข่งเรือแข่งพายแขง่ ได้แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได”้ 2. โชควาสนาของแต่ละคนน้นัไม่เหมือนกนั…แต่ทุกคนสามารถสร้างโชควาสนาใหด้ีใหม้ีมากข้ึนไดด้ว้ยตวั เราเอง…หากมีความต้งัใจจริง
นิทานล้านนา เศรษฐีกับยาจกกาลคร้ังหน่ึงนานมาแลว้มีชายสองคนเป็นเพื่อนกนัชายคนแรกมีชีวติอยเู่พยีง ลา พงัไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่นอ้งแต่เขามีทรัพยส์มบตัิมีฐานะร่ ารวย…แต่ชายคนที่สองมีครอบครัวแต่ ฐานะยากจน อยมู่าวนัหน่ึงชายคนแรกบอกกบัชายคนที่สองวา่“ถึงเจา้จะมีภรรยามีลูกแลว้แต่ขา้กไ็ม่เคยนึก อิจฉาเจา้เลยเพราะวา่เจา้ยากจน ขา้แมจ้ะอยเู่พียงลา พงัแต่ฐานะร่ ารวยกวา่เจา้” ชายคนที่สองกลบับอกวา่“แม้ เจา้จะมีฐานะร่ ารวย มีทรัพยส์ินเงินทองมากแต่ขา้กไ็ม่นึกอิจฉาเจา้เหมือนกนัเพราะขา้มีภรรยา มีลูกขา้มี ขา้วกิน มีลูกหลานคอยปรนนิบตัิดูแลขา้อยา่งใกลช้ิด…แต่เจา้ตอ้งอยโู่ดดเดี่ยวและทา งานเองทุกอยา่งไม่มี คนช่วย” ชายคนแรกกบ็อกอีกวา่“แต่บา้นขา้มีทุกอยา่งที่บา้นเจา้ไม่มี” ดงัน้นัเมื่อต่างคนต่างกเ็ห็นวา่ตวัเองมี ชีวิตที่สุขสบายกวา่ชายคนที่สองจึงออกความเห็นวา่ ใหเ้ปลี่ยนกนัไปกินขา้วบา้นละเม้ือโดยไปกินขา้วที่ บา้นของคนแรกก่อน พอไปถึงบา้นของชายคนแรกพบวา่ภายในบา้นมีทรัพยส์มบตัิทุกอยา่งครบถว้น แต่เขา ไม่มีคนช่วยงานบา้นเลย ตอ้งทา งานทา อาหารเองทุกอยา่ง เขาจึงตอ้งเหนื่อยเพยีงคนเดียว ต่อมาวนัรุ่งข้ึนก็ เปลี่ยนไปกิน ขา้วที่บา้นของชายคนที่สองต่อ ชายคนแรกจึงพบวา่ชายคนที่สองแทบจะไม่ไดท้า อะไรเลยเขา เพียงแต่นงั่อยเู่ฉยๆพดูเคยกบัเขาบา้ง พดูกบัลูกหลานบา้งอยา่งมีความสุขลูกๆของเขาเป็นคนจดัการทุกอยา่ง กวาดบา้น เล้ียงสตัว์ทา อาหาร พอถึงเวลากินขา้วลูกๆกเ็ขา้มาอุม้ชายคนที่สองและภรรยาไปกินขา้ว พอกิน ไดส้กัช่วงชายคนที่สองกบ็ ่นวา่หนาวอยากไปกินขา้วขา้งนอกลูกๆจึงยกสา รับกบัขา้วไปไวห้นา้บา้น และ อุม้พอ่แม่ไปดว้ยต่างคนต่างช่วยกนั โดยไม่เกี่ยงกนัแต่พอกินไดส้กัพกักบ็ ่นวา่ร้อนอีกลูกๆกช็่วยกนั เคลื่อนย้าย เข้าไปในบ้านอีก… หลงัจากกินขา้วเสร็จชายคนที่สองจึงถามชายคนแรกวา่“เจา้รู้หรือยงัวา่ ใคร สุขสบายที่สุด เพราะขา้ไม่ตอ้งทา อะไรเลย…มีคนช่วยเหลือขา้ทุกอยา่งไม่วา่ขา้จะเคลื่อนไหวไปทางใดขา้ เปรียบเสมือน…กษตัริยท์ ี่มีบริวารใหร้ับใชม้ากมาย…ในขณะที่เจา้มีเงินทองแต่ไม่มีความสุขเลยเพราะเจ้า ตอ้งเหนื่อยไม่มีบริวารใหร้ับใชเ้หมือนขา้ขา้จึงไม่อิจฉาเจา้เลย” นิทานเรื่องน้ีสอนใหรู้้วา่การอยเู่พยีงลา พงั ไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่นอ้ง…ทา ใหล้า บากเหนื่อยตอ้งทา เองถา้ไม่ทา กไ็ม่มีกิน แต่ถา้มีครอบครัวดี…ก็ เหมือนกษตัริย์มีลูกหลานคอนดูแลอยา่งใกลช้ิดแทบไม่ตอ้งทา อะไรเลย
ภาคใต้ นิทานพื้นบ้านภาคใต้ เรื่อง นายดั้น (จ.นครศรีธรรมราช) นิทานเรื่อง นายด้นัเขียนบนัทึกลงในสมุดข่อย ตน้ฉบบัเป็นของวดัท่าเสริม อา เภอหวัไทรจงัหวดันครศรีธรรมราช ระยะเวลาที่แต่งนิทาน คงอยใู่นระยะ รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 3 แต่งดว้ยกาพย์3 ชนิดคือ กาพย์ยานี 11, กาพย์ฉบัง 16 และกาพย์สุรางคนางค์ 28 โดยมีวตัถุประสงคเ์พื่อความบนัเทิง สวดอา่นนิทานในยามวา่งโดยนิทานเรื่องนายด้นัมีเน้ือเรื่องดงัน้ีนาย ด้นัเป็นคนตาบอดใส อยากไดน้างริ้งไรเป็นภรรยาจึงส่งคนไปสู่ขอและนดัวนัแต่งโดยฝ่ายนางริ้งไรไม่รู้วา่ ตาบอด เมื่อถึงวนัแต่งงานนายด้นัพยายามกลบเกลื่อนความพิการของตนโดยใชส้ติปัญญาและไหวพริบต่าง ๆ แกป้ ัญหา เมื่อขบวนขนัหมากมาถึงบา้นเจา้สาวเจา้ภาพข้ึนบนบา้น นายด้นักลบันงั่ตรงนอกชาน เมื่อคน ทกันายด้นัจึงแกต้วัวา่"ขอน้า สกันอ้ยลา้งตีนเรียบร้อยจึงค่อยคลาไคล ทา ดมทา เช็ด เสร็จแลว้ดว้ยไวแลว้จึง ข้ึนไป ยอไหวซ้า้ยขวา"ขณะอยกู่ ินกบันางริ้งไรวนัหน่ึงนางริ้งไรจดัสา รับไวใ้หแ้ลว้ลงไปทอผา้ใตถุ้นบา้น นายด้นัเขา้ครัวหาขา้วกินเองทา ขา้วหกเรี่ยราดลงใตถุ้นครัว นางริ้งไรร้องทกัวา่เทขา้วทา ไม นายด้นัจึงแกต้วั วา่"เป็ดไก่เลก็นอ้ยบา้งง่อยบา้งเพลีย ตวัผตู้วัเมียผอมไปสิ้นที่อกเหมือนคมพร้าแต่เพียงเรามา มีข้ึนดิบดี หวา่นลงทุกวนัชิงกนัอ่ึงมี่กลบัวา่เราน้ีข้ึงโกรธโกรธา"วนัหน่ึงนางริ้งไรใหน้ายด้นัไปไถนา นายด้นับงัคบั ววัไม่ได้ววัหกัแอกหกัไถหนีเตลิดไป นายด้นัจึงเที่ยวตามววั ไดย้นิเสียงลมพดัใบไมแ้หง้ชายป่า เขา้ใจวา่ เป็นววัจึงวิดน้า เขา้ใส่เพื่อใหว้วัเชื่อง นางริ้งไรมาเห็นเขา้จึงถามวา่ทา อะไร นายด้นัไดแ้กต้วัวา่"พี่เดินไปตาม ววั ปะรังแตนแล่นไม่ทนัจะเอาไฟหาไม่ไฟ วิดน้า ใส่ตายเหมือนกนัคร้ันแม่บินออกพลนัเอารังมนัจมน้า เสีย"อยมู่าวนัหน่ึงนายด้นัจะกินหมากแต่ในเชี่ยนหมากไม่มีปูน จึงร้องถามนางริ้งไร นางบอกที่วางปูนให้ แต่นายด้นัหาไม่พบ ไดร้้องถามอีกหลายคร้ังแต่กย็งัหาไม่พบ นายด้นัจึงร้องทา้ใหน้างริ้งไรข้ึนบา้นมาดูหาก ปูนมีตามที่บอกจะยอมใหน้างริ้งไรเอาปูนมาทาขย้ตีา นางริ้งไรจึงเอาปูนมาทาขย้ตีานายด้นันายด้นัถือ โอกาสจึงร้องบอกวา่ตาบอดเพราะปูนทา นางริ้งไรจึงตอ้งหายามารักษาจนตาหายบอดไดบ้วชเรียน นิทาน เรื่องนายด้นั
ใหแ้นวคิดดงัน้ี1. สะทอ้นภาพของสงัคมชนบทนครศรีธรรมราช ที่ชาวบา้นยดึถือความมีน้า ใจต่อกนัคอย ช่วยเหลือกนัโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย2.ลกัษณะความเป็นอยขู่องชาวบา้นในชนบทที่เนน้ความเรียบ ง่ายไม่มีพิธีรีตองใหย้งุ่ยากถือเอาความสะดวกง่ายเป็นหลกัมีการเล่นหวัหยอกลอ้กนัโดยไม่ถือสา 3. ผู้มี ปัญหาและปฏิภาณไหวพริบดีจะเป็นผทู้ี่สามารถแกไ้ขปัญหาต่าง ๆไดส้า เร็จแมจ้ะประกอบกิจการงานใดก็ จะส าเร็จด้วยดี
นิทานพื้นบ้านภาคใต้ เรื่อง ตากใบ (จ.นราธิวาส) เมื่อประมาณ 400 ปี มาแล้ว ในราวสมัยกรุงศรีอยุธยา ตอนตน้มีพอ่คา้จีนคนหน่ึงล่องเรือสา เภามาจากประเทศจีน เพื่อไปขายสินคา้ยงัแหลมมลายูในเรือสา เภาน้นั ไดบ้รรทุกสินคา้เครื่องป้ันดินเผามาเตม็ลา เรือเช่น เครื่องลายคราม ชามเบญจรงค์โอ่งไห ลายมงักรเป็น ตน้ สินคา้เหลา่น้ีมีลวดลายสีสนงดงามมากัวนัหน่ึงขณะที่เรือสา เภาแลน่อยกู่ลางทะเลใกลป้ากอ่าวทางตอน ใตข้องไทยไดบ้งัเกิดลมพายุคลื่นลมแรงจดัมากจนในที่สุดเรือกา ลงัจะจม พอ่คา้จีนจึงไดส้งั่ใหป้ลดใบเรือ ลงจากน้นัเรือค่อย ๆ จมลงในทอ้งทะเล พอ่คา้จีน ไตก้๋ง พร้อมลูกเรือทุกคนไดพ้ยายามช่วยเหลือตวัเองจน สามารถข้ึนเกาะที่อุดมสมบูรณ์แห่งหน่ึงไดทุ้กคน เมื่อคลื่นลมสงบทุกคนจึงพากนัไปกเู้รือและนา สินคา้ข้ึน ฝั่งไดส้า เร็จจากน้นัจึงเอาใบเรือเส้ือผา้ข้ึนไปตากตามตน้ ไมแ้ละกิ่งไม้มีแขกมลายูคนหนึ่งมีอาชีพตัดไม้ไป ขายไดม้าตดัไมใ้กลบ้ริเวณที่พอ่คา้จีนตากใบเรือและเส้ือผา้เมื่อเห็นสิ่งเหล่าน้นัแขกมลายจูึงคิดที่จะขโมย จึงไปตดัตน้ไมท้ี่มีเส้ือผา้ตากอยู่แต่พอ่คา้จีนและลูกเรือกลบัมาเห็นเสียก่อนจึงร้องตะโกนข้ึนวา่เจะ๊.เฮ้ ๆ ๆ ๆ เอาเส้ือผา้อ้วัคืนมาแขกมลายตูกใจมากจึงกล่าวขอโทษและรักปากวา่จะไม่ทา อยา่งน้ีอีก พอ่คา้จีนและ ลูกเรือท้งัหมดจึงยกโทษให้และไดอ้าศยัทา มาหากินบนเกาะน้ีอยา่งมีความสุข ต่อมาไดม้ีพอ่คา้สา เภาจีนลา อื่นล่องเรือมาคา้ขายบนเกาะน้ีมากข้ึน สินคา้ส่วนใหญ่ที่นา มาขายมีชามเบญจรงคฺ์โอ่งไหลายมงักรเครื่อง ลายคราม จนทา ใหช้าวเกาะแห่งน้ีมีเครื่องใชเ้หล่าน้ีทุกครัวเรือน นบัเป็นการนา ศิลปะ ประติมากรรมมา เผยแพร่ในประเทศไทยจนถึงทุกวนัน้ีซ่ึงสามารถไปชมได้ที่วัดชลธาราสิงเห อ าเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
นิทานพืน้บ้านภาคใต้เรื่อง เขาทะนาน (จ.สตูล) เขาทะนานต้งัอยชู่ายฝั่งอนัดามนัที่บา้นมะหงงัตา บลทุ่งบุ หลงัอา เภอทุ่งหวา้เนินเขาสูงช้นัมีธรรมชาติสวยงดงาม มีสา นกัสงฆแ์ละสุเหร่า สา หรับปฏิบตัิธรรมของ ชาวไทยและชาวไทยมุสลิมภูเขาแห่งน้ีมีตา นานเล่ากนัมา มีตายาย2 คน นบัถือศาสนาพทุธ ต้งับา้นเรือนอยู่ บา้นพระม่วงอา เภอกนัตงัจงัหวดัตรัง มีลูกชายหน่ึงคนเป็นบุคคลที่ลกัษณะดีอยมู่าวนัหน่ึงมีเรือสา เภาของ พอ่ค่าต่างชาติไดน้า สินคา้มาขายท่าเรือกนัตงัท้งั 3 คนไปชมสินคา้ขณะชมอยนู่้นันายสา เภาไดเ้ห็นลูก ชายตายายน่ารักและสงสารขอเป็นบุตรบุญธรรม สองตายายจึงยกใหเ้พราะเห็นลูกชายจะไดอ้ยสูุ่ขสบาย นายสา เภาขายสินคา้หมดจึงออกเรือพร้อมบุตรบุญธรรม จา หน่ายสินคา้ไปยงัที่ต่าง ๆ จนร่ ารวยเป็นเศรษฐี เดก็ชายที่นา มาเล้ียงมีความสุขในกองเงินกองทองจนลืมคิดถึง 2 ตายายไม่ไดก้ลบับา้นมานาน เล่าเรียน หนงัสือใหส้มไดด้ีคร้ันโตข้ึนกแ็ต่งงานกบัลูกสาวนายสา เภาอยกู่ ินอยา่งมีความสุขฝ่ายภรรยาคิดถึงพอ่สามี รบเร้าใหไ้ปหา สามีพยายามบ่ายเบี่ยงหลายคร้ังแต่ทนรบเร้าของภรรยาไม่ไหวจึงส่งข่าวใหส้องตายายทราบ ล่วงหนา้ฝ่ายสองตายายทราบข่าวดีใจมาก บอกเพื่อนบา้น ญาติมิตรใหท้ราบจดัที่รับรอง พอใกลถ้ึงเวลากลบั สองตายายฆ่าหมู1 ตวัเพื่อเล้ียงรับรองคร้ันถึงเวลาที่ลูกชายกลบัสองสามีภรรยานา เรือมาจอดท่าเรือกนัตงั ส่งลูกเรือไปสืบดูวา่สองตายายมาหรือไม่จึงชวนภรรยาข้ึนไปหาลูกชายเห็นสองตายายยากจนกไ็ม่ยอมรับ วา่เป็นบิดามารดาจึงหนัหลงักลบั ฝ่ายยายพยายามดึงแขนลูกไว้ลูกชายดิ้นรนหนีไม่ได้แม่เกิดความเสียใจ มากถึงกบัสาปแช่งวา่หากเป็นลูกชายของตนแลว้ขออยา่ ใหอ้อกจากฝั่งไปได้ขอใหม้ีอนัเป็นไปต่าง ๆ นานาแต่ไม่ลืมหมูยา่งไปวางไวท้ี่เรือสา เภาขณะที่ชุมชนวนุ่วายอยนู่้นัเกิดพายใุหญ่พดัมา ทา ใหเ้รือสา เภา แตก สิ่งของกระจดักระจายลอยไปในทะเลในที่สุดมีผเู้ฒ่าเล่าวา่เรือสา เภากลายเป็นเกาะเภตรา สายสมอ เป็นหินสายสมอ ตะบนั (ผา้โพกหวัมุสลิม) เป็นภูเขาบนัหมูยา่งเป็นเกาะสุกรเครื่องตวงสินคา้ในเรือเป็น ภูเขาป้อย ภูเขาแล่ง ภูเขาทะนาน เมื่อ70 ปีที่ผา่นมาภิกษรุ ูปหน่ึงมาจากพทัลุงมาปักกลดและสร้างสา นกัสงฆ์ ข้ึนและสร้างรูปป้ันไวรู้ปหน่ึง นิทานเรื่องเขาทะนาน ใหแ้นวคิดดงัน้ีเป็นคติเตือนใจชนรุ่นหลงัเรื่องความ กตญัญูและความกตเวทีการไดด้ิบไดด้ีแลว้ลืมบา้นเกิดเมืองนอนการเป็นลูกเนรคุณไม่รู้จกัค่าน้า นม การที่ ผใู้หญ่สาปแช่งถือเป็นเรื่องจริง