The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ใบความรู้วิชา การเขียนลวดลายไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mam3990, 2023-03-25 07:22:55

ใบความรู้วิชา การเขียนลวดลายไทย

ใบความรู้วิชา การเขียนลวดลายไทย

185 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายรักร้อย หน้า 2 เรื่องการเรียนรู้ที่ 10 การเขียนลายรักร้อย (สัปดาห์ที่ 10 ) ลายรักร้อย ความหมายของลายรักร้อย ลายรักร้อย หมายถึง ลายที่มีลักษณะเหมือนร้อยดอกไม้ชนิดต่างๆ เป็นพวงมาลัย โดยเริ่มต้นจากการแบ่ง ส่วน เขียนเค้าโครงของดอกไม้ที่จะออกแบบ แล้วต่อเติมส่วนละเอียดรวมทั้งก้านหรือใบด้วยก็ได้ แล้วแต่ความ ต้องการแต่ละส่วนๆ ให้ต่อเรียงกันไป เช่น ลายรักร้อยดอกไม้ ลายรักร้อยใบเทศ ลายรักร้อยเปลว และลายรักร้อย กาบปลี เป็นต้น (บุญมา แฉ่งฉายา. 2533 : 125) ลายรักร้อย หมายถึง ลายชนิดหนึ่งที่ช่วยประกอบลายอื่นๆ รูปทรงลายจะติดต่อกันเป็นหน้ากระดาน ใช้ แนวตั้งเป็นส่วนใหญ่ หากประดับฐานจะเป็นส่วนลูกแก้วอกไก่ อกเสาประตู และรัดอก รัดเอว มีต่างๆ กัน (เศรษฐ มันตร์ กาญจนกุล. 2543 : 68) จากความหมายของลายรักร้อยข้างต้น ผู้เขียนได้ก าหนดความหมายไว้ดังนี้ ลายรักร้อยเป็นลายติดต่อกัน เป็นหน้ากระดาน คล้ายดอกรักเรียงร้อยเป็นมาลัยเป็นแถวยาว ที่มาของลายรักร้อย เป็นลายที่มีลักษณะต่อเนื่องกันตัวลายซ ้าๆ กัน คล้ายกับลายหน้ากระดาน เข้าใจว่าลายรักร้อยน่าจะได้ชื่อ มาจากการประดิษฐ์ลายคล้ายการร้อยพวงมาลัย ส่วนใหญ่จะใช้งานลายรักร้อยแนวตั้งเสียส่วนใหญ่ (เศรษฐมันตร์ กาญจนกุล. 2547 : 125) รูปทรงและส่วนประกอบของลายรักร้อย เป็นลายติดต่อกันเป็นหน้ากระดานตัวลายส่วนปลายทับส่วนล่างซึ่งกันและกัน ลายรักร้อยประกอบด้วย ลายประจ ายาม และลายกระจังตาอ้อย ลายรักร้อยใช้ลายประจ ายามเป็นตัวออกลาย เอากระจังใบเทศหรือกระจัง ตาอ้อยเรียงต่อกันไปทางซ้ายและขวาจนถึงที่ๆ ต้องการ (ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. 2541 : 204) การน าลายรักร้อยไปใช้ ดังนี้ 1. ใช้เป็นลายกรอบ ขอบในรูปทรงต่างๆ 2. ใช้เป็นลายประดับฐานพระจะอยู่ในส่วนลูกแก้ว 3. ใช้เป็นลายประดับสถาปัตยกรรม เช่น ลายที่อกเลาประตู รัดอก รัดเอว 4. ลายรักร้อยเป็นลายช่วยประกอบกับลายอื่นๆ โดยมากไม่มีใช้เฉพาะของตัวมันเอง ขั้นตอนการเขียนลายรักร้อย เป็นลายที่เขียนในแนวตั้งส่วนใหญ่ ลวดลายที่ประดิษฐ์มาจากดอกไม้ ใบไม้ วิธีการเขียนลายจะ คล้ายลายหน้ากระดาน เพียงแต่ตัวลายด้านล่างเอาปลายทับซ้อนซึ่งกันและกัน


186 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลายแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายรักร้อย หน้า 2 ลายรักร้อย ภาพที่ 10-1 ประเภทลายรักรอยสมัยต่างๆ ที่มา : สันติ เล็กสุขุม. (2545). กนกในดินแดนไทย. : 91. ดังภาพประกอบที่ 15-1 ถึง 15-7


187 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายรักร้อย หน้า 3 ภาพที่ 10-2 ลายรักรอยแบบต่างๆ ที่มา : สันติ เล็กสุขุม. (2545). กนกในดินแดนไทย. : 92.


188 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายรักร้อย หน้า 4 ภาพที่ 10-3 ลักษณะลายรักรอย ที่มา : สันติ เล็กสุขุม. (2545). กนกในดินแดนไทย. : 93.


189 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายรักร้อย หน้า 3 ภาพที่ 10-4 รูปแบบลายรักร้อย ที่มา : สันติ เล็กสุขุม. (2545). กนกในดินแดนไทย. : 94.


190 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายรักร้อย หน้า 4 1. รักร้อยเปลว 2. รักร้อยกาบปลี 3 รักร้อยดอกไม้ ภาพที่ 10-5 ลวดลายรักร้อย ภาพที่ 10-6 ลวดลายรักร้อยแบบต่างๆ ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทยภาพไทย : 206, 208.


191 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายรักร้อย หน้า 4 ภาพที่ 10-7 ลวดลายรักร้อยแบบอื่นๆ ที่มา : มานะ ทองสอดแสง. (2545). หนังสือต ารา ศึกษาศิลปะลายไทย. : 50-51.


192 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายรักร้อย หน้า 5 ชื่อและหน้าที่วัสดุอุปกรณ์ในงานเขียนลายรักร้อย ดินสอกดหรือดินสอด า ชนิด HB - ใช้ส าหรับร่างลายเขียนเส้นที่ต้องการ ยางลบ - ใช้ส าหรับลบเส้นดินสอที่ไม่ต้องการ ไม้บรรทัด - ใช้ส าหรับวัดขนาดรูปร่าง -รูปทรงเหลี่ยม กระดาษขนาด A4หรือกระดาษอาร์ต ชนิดเนื้อละเอียด เป็นมัน ขนาด 80-100 แกรม - ใช้ส าหรับเขียนลายไทยด้วยดินสอ ที่เหลาดินสอ - ใช้ส าหรับเหลาดินสอให้ไส้ดินสอมีความแหลม กระดาษช าระ - ใช้ส าหรับเช็ดผงดินสอที่ติดตามอุปกรณ์


201 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 3 หลักสูตร ประกาศนียบตัรวิชาชีพ พทุธศกัราช 2562 สอนครั้งที่ 11 รหสัวิชา 20315-2107 วิชา การเขียนลวดลายไทย หน่วยกิต 1-4-3 หน่วยการเรียนรู้ การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่องการเรียนรู้ การเขียนลายเถา ทฤษฎี 1 ชม. ปฏิบัติ 4 ช.ม. 1. สาระส าคัญ ความรู้ ความเข้าใจ หลักการเขียนลายก้านต่อดอก และปฏิบัติงานเขียนลายก้านต่อดอก การน าความรู้ ไปปรับประยุกต์ใช้ ในการออกแบบลวดลาย การเขียนลายก้านต่อดอก มีขั้นตอนวิธีการเขียนลายที่แตกต่าง จากลายประเภทลายกนก การเขียนกลุ่มแม่ลายก้านต่อดอกมีการแบ่งพื้นที่ ขนาดที่ชัดเจน การเขียนตัวลาย มีการแบ่งขนาด พื้นที่เท่ากัน การน าตัวลายก้านต่อดอก สามารถน าไปใช้กับงานช่างทองหลวง การออกแบบ กลุ่มงานประเภทลายพื้นที่ที่มีขนาดแนวตั้งเช่นขอบ หรือกรอบรูป ที่มีพื้นที่สี่เหลี่ยม ล้วนแล้วแต่ต้องน า ความรู้ประเภทลายก้านต่อดอก ไปท าการออกแบบชิ้นงานทั้งสิ้น การเข้าใจในหลักการ วิธีการเขียน การ แบ่งตัวลาย จึงเป็นขั้นตอนพื้นฐานของการเขียนการออกแบบลวดลาย และการน าองค์ความรู้ไปปรับ ประยุกต์ใช้ 2. สมรถนะประจ าหน่วย 2.1 สมรรถนะประจ าหน่วย 2.1.1 สามารถแสดงความรู้เกี่ยวกับการเขียนลายเถา 2.1.2 สามารถปฏิบัติงานเขียนลายเถา 2.1.3 ความละเอียดรอบคอบในการดูแลรักษา เครื่องมืออุปกรณ์ในการเขียนลาย 2.2เกณฑก์ารปฏิบตัิงานประจา หน่วย 2.2.1 สามารถอธิบายความรู้เกี่ยวกับการเขียนลายเถาได้อย่างถูกต้อง 2.2.2 สามารถปฏิบัติขั้นตอนการเขียนลายเถาได้อย่างถูกต้อง 2.2.3 ความละเอียดรอบคอบในการดูแลรักษา เครื่องมืออุปกรณ์ในการเขียนลาย 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 จุดประสงค์ทั ่วไป 3.1.1 เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเขียนลายเถา 3.1.2 เพื่อให้มีทักษะในการปฏิบัติงานเขียนลายเถา 3.1.3 มีความละเอียดรอบคอบในการดูแลรักษา เครื่องมืออุปกรณ์ในการเขียนลาย


202 3.2 จดุประสงคเ์ชิงพฤติกรรม 3.2.1 ระบุความหมายความเป็นมาเกี่ยวกับลักษณะลายเถาได้อย่างถูกต้อง 3.2.2 บอกประเภทความหมายลายเถาได้อย่างถูกต้อง 3.2.3 แสดงขั้นตอนการเขียนลายเถาได้อย่างถูกต้อง 3.2.4 ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีในการเข้าเรียน ตรงต่อเวลา ซักถามข้อสงสัยตามความเหมาะสม และท าความสะอาดห้องเรียนตามข้อตกลง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความหมายลายเถา 4.2 ลักษณะลายเถา 4.3 หลักการเขียนลายเถา 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 การน าเข้าสู่บทเรียน 5.1.1 ครูผู้สอนแจ้งวัตถุประสงค์การเรียน กิจกรรมการเรียนการสอนและวิธีการประเมินผล 5.1.2 ครูผู้สอนน าเข้าสู่บทเรียนซักถามความรู้เดิมหรือปูพื้นฐานความรู้ลายเถา 5.1.3 ครูเปิด Power Point อธิบายความหมายของลายเถาและความสัมพันธ์ ความเกี่ยวเนื่องการน า ลายเถาไปออกแบบลวดลายไทยในรูปแบบลวดลายชนิดอื่น และสอดแทรกคุณธรรมการมีพฤติกรรมที่ดีใน การเข้าเรียน ตรงต่อเวลา ซักถามข้อสงสัยตามความเหมาะสม 5.2 การเรียนรู้ 5.2.1 ครูเปิด Power Point เรื่องความหมายความเป็นมาของลายเถาครูผู้สอนบรรยายด าเนินการ สอนหรือประกอบกิจกรรมการเรียนโดยที่น าเสนอรูปภาพฉายประกอบ 5.2.2 ครูน ารูปภาพลายเถาและลายที่เกี่ยวเนื่องกับลายเถามาประกอบการอธิบาย 1) ครูถาม-ตอบกับนักเรียน โดยครูยกตัวอย่างรูปภาพลายเถาแล้วถาม-ตอบเกี่ยวกับความ หมายความเป็นมาของลายเถากับการน าไปใช้ 2) การออกแบบลวดลายไทยลายเถามีส่วนส าคัญต่อการเขียนลายไทยด้านใดบ้าง 3) ข้อสังเกตการเขียนลายเถามีหลักการสังเกตอะไรบ้าง 5.2.3 ครูนักเรียนช่วยกันสรุปความหมายความเป็นมาของลายเถา 5.2.4 ครูให้นักศึกษาท าใบงานที่ 1 เรื่องความส าคัญความเป็นมาลายเถามีด้านใดบ้าง โดยให้ นักเรียนเขียนลงในสมุดบันทึกความรู้ของตนเอง 5.2.5 ครูให้นักเรียนฝึกทักษะการเขียนลายเถาตามใบงาน 5.2.6 ครูเรียกตรวจการเขียนลายเถาเป็นรายบุคคลพร้อมชี้จุดแก้ไขเป็นรายบุคคล 5.2.7 ครูให้นักเรียนฝึกเขียนลายเถาต่อจนครบจ านวนการฝึกเขียนลายรักร้อย


203 5.3 การสรุป 5.3.1 ครูสุ่มนักเรียนเล่าความรู้เกี่ยวกับลายเถาความส าคัญด้านใดบ้าง 5.3.2 ครูสรุปเรื่องความหมายและเป็นมาของลายเถา 5.3.3 ครูสรุปหลักการสังเกตการณ์เขียนลายเถาตามหลักการความงามด้านลวดลายศิลปะไทย 5.4 การวดัและประเมินผล 5.4.1 เครื่องมือประเมิน 5.4.2 แบบประเมินผลพฤติกรรม 5.4.3 แบบทดสอบความรู้ 5.4.4 แบบประเมินผลงาน 6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 6.1 สื่อโสตทัศน์ 6.1.1 คลิปวิดีโอ การเขียนลายเถา 6.2 โสตทัศน์อุปกรณ์ 6.2.1 คอมพิวเตอร์ 6.2.2 โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน 6.2.3 แท็บเล็ต 6.3 สื่อสิ่งพิมพ์ 6.3.1 หนังสือ ลายไทย ภาพไทย. ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2539). 6.3.2 หนังสือ ลายไทย. ภิญโญ สุวรรณคีรี. (2546). 6.4 สื่อบทเรียนอิเลก ็ ทรอนิกส์ 6.4.1 ใบความรู้ลายเถา 6.4.2 ใบล าดับขั้นตอนการปฏิบัติงาน 6.4.3 Power Point 7. หลักฐานการเรียนรู้ 7.1 หลักฐานความรู้ 7.1.1 แผนการจัดการเรียนรู้ 7.1.2 ใบความรู้ 7.1.3 ใบล าดับขั้นตอนการปฏิบัติงาน 7.1.4 บันทึกหลังการสอน 7.2 หลกัฐานการปฏิบตัิงาน 7.2.1 ใบงาน 7.2.2 เกณฑ์การประเมินผลงาน


204 8. การวดัและประเมินผลการเรียนรู้ 8.1เครื่องมือการประเมิน 8.1.1 ก่อนเรียนรู้ วิธีการวัดผล การสัมภาษณ์ การอภิปราย เครื่องมือวัด ค าตอบจากการสัมภาษณ์ แนวคิดจากการอภิปราย 8.1.2 ระหว่างเรียนรู้ วิธีการวัดผล ขั้นตอนในการปฏิบัติ เครื่องมือวัด การสังเกตุการปฏิบัติงานของนักเรียน 8.1.3 หลังเรียน วิธีการวัดผล ผลงานการเขียนลายเถา เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมินผลงานการเขียนลายเถา 8.2เกณฑก์ารประเมิน 8.2.1 เกณฑ์ประเมินพฤติกรรมผู้เรียนผ่านเกณฑ์ประเมินตามขั้นตอนปฏิบัติงานการเขียนลาย เถา 8.2.2 แบบทดสอบความรู้ผลการประเมินผ่านด้านรู้ความเข้าใจต่อหลักการเขียนลายเถา 8.2.3 เกณฑ์การประเมินการเขียนลายเถาไม่ต ่ากว่าร้อยละ 60


205 9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 9.1 ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ ด้านผู้สอน การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ online off line สอนได้ครบตามหัวข้อที่ก าหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ สอนได้ไม่ครบตามหัวข้อที่ก าหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ยังขาดหัวข้อ ดังนี้ แนวทางการแก้ปัญหาการสอนไม่ครบหัวข้อตามแผน ด้านความพร้อมและผลการเรียนรู้ของผู้เรียน จ านวนนักเรียนทั้งหมด คน จ านวนนักเรียนที่เข้าเรียน คน จ านวนนักเรียนที่ขาดเรียน คน เกณฑ์ที่แนะน า คิดเป็นร้อยละ ดีมาก(80-100) ดี (70-79) พอใช้ (60-69) ต้องปรับปรุง (ต ่ากว่า 60) 1 การตรงต่อเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 2 การแต่งกาย, การปฏิบัติตามระเบียบ ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 3 ความพร้อม, ความตั้งใจในการเรียน ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 4 มีความรับผิดชอบงานที่มอบหมาย ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 5 มีความรู้ ความสามารถ ตรงวัตถุประสงค์ ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง อื่นๆ 9.2 ปัญหา อุปสรรค 9.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา หมายเหตุปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ปัญหา ผู้สอนน าไปพัฒนา ในรูปแบบของวิจัยชั้นเรียน หรือพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในครั้งต่อไป ลงชื่อ ผู้สอน ( นายพีระยศ แก้วปัญญา ) ลงชื่อ หัวหน้าสาขาวิชา ( นายพีระยศ แก้วปัญญา) ลงชื่อ (นายพรอนันต์ ภักดีบุญ) ผู้อ านวยการกาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง


206 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายเถา หน้า 2 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1.1.1 เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจความหมายลายเถา 1.1.2 เพื่อให้มีทักษะการเขียนลายเถา 1.1.3 เพื่อให้กิจนิสัยมีความรอบคอบและยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น 1.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1.2.1 ระบุความหมายความเป็นมาเกี่ยวกับลักษณะลายเถาอย่างถูกต้อง 1.2.2 บอกประเภทความหมายลายเถาได้อย่างถูกต้อง 1.2.3 แสดงขั้นตอนการเขียนลายเถาได้อย่างถูกต้อง 1.2.4 ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีในการเข้าเรียน ตรงต่อเวลา ซักถามข้อสงสัยตามความเหมาะสม และท า ความสะอาดห้องเรียนตามข้อตกลง 2. สมรรถนะ 2.1 มีความรู้ความเข้าใจความหมายลายเถา 2.2 มีทักษะการเขียนลายเถา 2.3 แก้ปัญหาจากการเขียนลายเถาได้ 3. เนื้อหาสาระ (ใบความรู้)


207 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายเถา หน้า 2 เรื่องการเรียนรู้ที่ 11 การเขียนลายเครือเถา (สัปดาห์ที่ 11 ) ลายเครือเถา วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ลายเครือเถา เป็นลายพื้นฐานอีกแบบหนึ่งที่ส าคัญของลายไทย นอกเหนือจาก ลายกระจัง ลายกระหนก ลายประจ ายาม ลายประเภทนี้จะเขียนในลักษณะคดโค้งหลายแนว แตะหรือสอด สลับกัน คล้ายการเกี่ยวพันของเถาวัลย์ โดยมีกระหนกออกจากกาบหุ้มเถาไว้ดังภาพประกอบที่ 14-1 ประเภทของลายเครือเถา ลายเครือเถาแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 3 ประเภทคือ • ลายเครือเถาหางโต • ลายเครือเถาใบเทศ • ลายเครือเถาเปลว ตัวอย่างที่พบเห็นลายเครือเถา • บริเวณหน้าบัน • บานประตู หน้าต่าง หรือตู้ลายรดน ้า หรือประดับมุก • ลายดอกผ้า ลายปักไหม ดังภาพประกอบที่ 11-1ถึง11-2


208 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายเถา หน้า 2 ดังภาพประกอบที่ 11-1 ภาพที่ 11-1 ประเภทลายเครือเถา ที่มา: พระเทวาภินิมมิ . (2546). สมุดต าราลายไท : 32.


209 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายเถา หน้า 2 ภาพที่ 11-2 ลายเครือเถา ที่มา: พระเทวาภินิมมิ . (2546). สมุดต าราลายไท : 32.


210 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายเถา หน้า 5 ชื่อและหน้าที่วัสดุอุปกรณ์ในงานเขียนลายเถา ดินสอกดหรือดินสอด า ชนิด HB - ใช้ส าหรับร่างลายเขียนเส้นที่ต้องการ ยางลบ - ใช้ส าหรับลบเส้นดินสอที่ไม่ต้องการ ไม้บรรทัด - ใช้ส าหรับวัดขนาดรูปร่าง -รูปทรงเหลี่ยม กระดาษขนาด A4หรือกระดาษอาร์ต ชนิดเนื้อละเอียด เป็นมัน ขนาด 80-100 แกรม - ใช้ส าหรับเขียนลายไทยด้วยดินสอ ที่เหลาดินสอ - ใช้ส าหรับเหลาดินสอให้ไส้ดินสอมีความแหลม กระดาษช าระ - ใช้ส าหรับเช็ดผงดินสอที่ติดตามอุปกรณ์


219 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 4 หลักสูตร ประกาศนียบตัรวิชาชีพ พทุธศกัราช 2562 สอนครั้งที่ 12 รหสัวิชา 20315-2107 วิชา การเขียนลวดลายไทย หน่วยกิต 1-4-2 หน่วยการเรียนรู้ การศึกษาดงูานศิปกรรมไทย เรื่องการเรียนรู้ การศึกษาดูงานศิลปกรรมไทยในพิพิธภณัฑสถานศึกษาแห่งชาติ ทฤษฎี 5 ชม. 1. สาระส าคัญ ความรู้ ความเข้าใจ หลักการเขียนลวดลายไทยต้องเริ่มต้นจาการศึกษาจากชิ้นงานศิลปกรรมที่บรรพ บุรุษได้สร้างไว้ การสร้างสรรค์งานศิลปกรรมในแต่ละชิ้นงานต้องอาศัยองค์ความรู้ด้านงานศิลปกรรมที่สืบ ทอดต่อๆกันมาแบ่งเป็นยุคสมัย การสร้างสรรค์งานศิลปกรรมจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันในแต่ละชิ้นมีความ แตกต่างกันตามเงื่อนใขของวัฒนธรรม สภาพความเป็นอยู่ ความคิดความเชื่ออันจะเป็นการสร้างสรรค์ รูปแบบให้เกิดขึ้นมา มีวัสดุและประโยชน์ใช้สอยในงานสร้างสรรค์งาน การปรับประยุกต์วัสดุให้เข้ากับรูปแบบ คติความงามจึงเกิดเป็นผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปกรรมไทย การศึกษาในงานศิลปกรรมไทยจึงมีความ จ าเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจ ผลงานศิลปกรรมที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานศึกษาแห่งชาติล้วนแล้วแต่เป็น ผลงานชิ้นเอก ที่พบในประเทศไทย แบ่งห้องการจัดแสดงตามยุคสมัยทางด้านประวัติศาสตร์ชาติไทย การศึกษางานลวดลายไทยจึงมีความจ าเป็นต่อการเพิ่มพูนความรู้ เพิ่มพูนประสบการณ์การเรียนรู้อันจะเป็น การน าองค์ความรู้ไปปรับประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานช่างทองหลวง ชิ้นงานศิลปกรรมไทยอีกด้าน หนึ่ง เพื่อเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ 2. สมรถนะประจ าหน่วย 2.1 สมรรถนะประจ าหน่วย 2.1.1 สามารถแสดงความรู้เกี่ยวกับลักษณะงานศิลปกรรมไทย 2.1.2 สามารถแสดงความรู้ศิลปกรรมไทยกับความสัมพันธ์งานช่างทองหลวง 2.2เกณฑก์ารปฏิบตัิงานประจา หน่วย 2.2.1 สามารถอธิบายความรู้เกี่ยวกับลักษณะงานศิลปกรรมไทยได้อย่างถูกต้อง 2.2.2 สามารถอธิบายความรู้เกี่ยวกับความรู้ศิลปกรรมไทยกับความสัมพันธ์งานช่างทองหลวงได้ อย่างถูกต้อง 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 จุดประสงค์ทั ่วไป 3.1.1 เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานศิลปกรรมไทยกับงานช่างทองหลวง 3.1.2 เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานลวดลายไทยกับการน าไปใช้ในงานช่างทองหลวง


220 3.2 จดุประสงคเ์ชิงพฤติกรรม 3.2.1 อธิบายงานลักษณะงานศิลปกรรมไทยกับงานช่างทองหลวงได้อย่างถูกต้อง 3.2.2 บอกประเภทรูปแบบงานลวดลายไทยสักับการน าไปใช้ในงานช่างทองหลวงได้อย่างถูกต้อง 3.2.3 ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีในศึกษาดูงานที่พิพิธภัณฑสถานศึกษาแห่งชาติ ซักถามข้อสงสัย ตามความเหมาะสม 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 งานศิลปกรรมไทยยุคก่อนประวัติศาสตร์ชาติไทย 4.2 งานศิลปกรรมไทยยุคสมัยสุโขทัย 4.3 งานศิลปกรรมไทยยุคสมัยอยุธยา 4.3 งานศิลปกรรมไทยยุคสมัยรัตนโกสินทร์ 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 การน าเข้าสู่บทเรียน 5.1.1 ครูผู้สอนแจ้งวัตถุประสงค์การเรียนการน านักเรียนไปศึกษาดูงานที่พิพิธภัณฑสถานศึกษา แห่งชาติ 5.1.2 ครูผู้สอนน านักเรียนศึกษาอธิบายการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานศึกษาแห่งชาติ 5.2 การเรียนรู้ 5.2.1 ครูอธิบายการจัดแสดงผลงานศิลปกรรมไทยในพิพิธภัณฑสถานศึกษาแห่งชาติ น านัเรียน ศึกษาดูงานจิตรกรรมไทยและงานลวดลายไทยในพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ 5.2.2 ครูน านักเรียนเข้าศึกษาดูงานห้องจัดแสดงผลงานศิลปกรรมไทยยุคก่อนประวัติศาสตร์ชาติ ไทย งานศิลปกรรมไทยยุคสมัยสุโขทัย งานศิลปกรรมไทยยุคสมัยอยุธยาและงานศิลปกรรมไทยยุคสมัย รัตนโกสินทร์ อธิบายความแตกต่างการน าลวดลายไทยมาใช้ในการสร้างสรรค์งานศิลปกรรมไทยในลักษณะ ต่างๆ อิทธิพลการรับเอาวัฒนธรรมต่างชาติมาสร้างสรรค์รูปแบบงานศิลปกรรมไทยที่เป็นเอกลักษณ์ใน ศิลปกรรมในแต่ละยุคสมัย การสร้างสรรค์งานศิลปกรรมไทยกับการน าลวดลายไทยมาใช้กับการสร้างงาน ศิลปกรรมไทย รูปแบบงานศิลปกรรมไทยตามลักษณะการน าไปใช้ เอกลักษณ์ส าคัญทางรูปแบบใน ศิลปกรรมในแต่ละยุคสมัย 1) ครูถาม-ตอบกับนักเรียน โดยครูยกตัวอย่างรูปภาพลายไทยในแต่ละยุคสมัยแล้วถาม-ตอบ เกี่ยวกับความหมายเอกลักษณ์ส าคัญทางรูปแบบในศิลปกรรมกับการน าไปใช้กับการสร้างสรรค์ผลงาน 2) การออกแบบลวดลายไทยมีส่วนส าคัญต่อการสร้างสรรค์งานศิลปกรรมไทยด้านใดบ้าง 3) ข้อสังเกตการน าลวดลายไทยไปใช้ เอกลักษณ์ส าคัญทางรูปแบบในศิลปกรรมในแต่ละยุค สมัยมีอะไรบ้าง 5.2.3 ครูนักเรียนช่วยกันสรุปความหมายความเป็นมาของการน าลวดลายไทยมาใช้กับการสร้างงาน ศิลปกรรมไทย 5.2.4 ครูให้นักเรียนท าแบบทดสอบแบบประเมินความรู้ลวดลายไทยในงานช่างทองหลวง


221 5.2.5 ครูตรวจแบบทดสอบแบบประเมินความรู้ลวดลายไทยในงานช่างทองหลวง 5.3 การสรุป 5.3.1 ครูสรุปการน าลวดลายไทยมาใช้ในการสร้างสรรค์งานศิลปกรรมไทยในรูปแบบงาน ศิลปกรรมไทย 5.3.2 ครูสรุปงานศิลปกรรมไทยตามลักษณะการน าไปใช้ เอกลักษณ์ส าคัญทางรูปแบบใน ศิลปกรรมในแต่ละยุคสมัย 5.4 การวดัและประเมินผล 5.4.1 แบบประเมินผลพฤติกรรม 5.4.2 แบบทดสอบความรู้ 6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 6.1 แหล่งเรียนรู้ 6.1.1 พิพิธภัณฑสถานศึกษาแห่งชาติ 6.2 สื่อการเรียนรู้ 6.2.1 งานศิลปกรรมไทยยุคก่อนประวัติศาสตร์ชาติไทย 6.2.2 งานศิลปะกรรมไทยยุคสมัยสุโขทัย 6.2.3 งานศิลปกรรมไทยยุคสมัยอยุธยา 6.2.4 งานศิลปกรรมไทยยุคสมัยรัตนโกสินทร์ 7. หลักฐานการเรียนรู้ 7.1 หลักฐานความรู้ 7.1.1 บันทึกข้อความขออนุญาตการศึกษาที่พิพิธภัณฑสถานศึกษาแห่งชาติ 7.1.2 ใบความรู้ 7.1.3 ใบแบบประเมินความรู้ลวดลายไทยในงานช่างทองหลวง 7.1.4 บันทึกหลังการสอน 8. การวดัและประเมินผลการเรียนรู้ 8.1เครื่องมือการประเมิน 8.1.1 ก่อนเรียนรู้ วิธีการวัดผล การสัมภาษณ์ การอภิปราย เครื่องมือวัด ค าตอบจากการสัมภาษณ์ แนวคิดจากการอภิปราย 8.1.2 ระหว่างเรียนรู้ วิธีการวัดผล ค าตอบจาการสัมภาษณ์ความรู้ความรู้ลวดลายไทยในงานช่างทองหลวง


222 เครื่องมือวัด การสังเกตุจาการตอบค าถามของนักเรียน 8.1.3 หลังเรียน วิธีการวัดผลความรู้ความรู้ลวดลายไทยในงานช่างทองหลวง เครื่องมือวัด แบบทดสอบวัดความรู้ความรู้ลวดลายไทยในงานช่างทองหลวง 8.2เกณฑก์ารประเมิน 8.2.1 เกณฑ์การประเมินความรู้การน าลวดลายไทยในงานช่างทองหลวง มีผลการประเมินไม่ต ่า กว่าร้อยละ 60


223 9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 9.1 ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ ด้านผู้สอน การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ online off line สอนได้ครบตามหัวข้อที่ก าหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ สอนได้ไม่ครบตามหัวข้อที่ก าหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ยังขาดหัวข้อ ดังนี้ แนวทางการแก้ปัญหาการสอนไม่ครบหัวข้อตามแผน ด้านความพร้อมและผลการเรียนรู้ของผู้เรียน จ านวนนักเรียนทั้งหมด คน จ านวนนักเรียนที่เข้าเรียน คน จ านวนนักเรียนที่ขาดเรียน คน เกณฑ์ที่แนะน า คิดเป็นร้อยละ ดีมาก(80-100) ดี (70-79) พอใช้ (60-69) ต้องปรับปรุง (ต ่ากว่า 60) 1 การตรงต่อเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 2 การแต่งกาย, การปฏิบัติตามระเบียบ ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 3 ความพร้อม, ความตั้งใจในการเรียน ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 4 มีความรับผิดชอบงานที่มอบหมาย ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 5 มีความรู้ ความสามารถ ตรงวัตถุประสงค์ ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง อื่นๆ 9.2 ปัญหา อุปสรรค 9.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา ลงชื่อ ผู้สอน ( นายพีระยศ แก้วปัญญา ) ลงชื่อ หัวหน้าสาขาวิชา ( นายพีระยศ แก้วปัญญา) ลงชื่อ (นายพรอนันต์ ภักดีบุญ) ผู้อ านวยการกาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง หมายเหตุปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ปัญหา ผู้สอนน าไปพัฒนา ในรูปแบบของวิจัยชั้นเรียน หรือพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในครั้งต่อไป


224 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การศึกษาดูงานศิปกรรมไทย เรื่อง : การศึกษาดูงานศิลปกรรมไทยในพิพิธภัณฑสถานศึกษาแห่งชาติ หน้า 2 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1.1.1 เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานศิลปกรรมไทยกับงานช่างทองหลวง 1.1.2 เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานลวดลายไทยกับการน าไปใช้ในงานช่างทองหลวง 1.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1.2.1 อธิบายงานลักษณะงานศิลปกรรมไทยกับงานช่างทองหลวงได้อย่างถูกต้อง 1.2.2 บอกประเภทรูปแบบงานลวดลายไทยสักับการน าไปใช้ในงานช่างทองหลวงได้อย่างถูกต้อง 1.2.3 ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีในศึกษาดูงานที่พิพิธภัณฑสถานศึกษาแห่งชาติ ซักถามข้อสงสัยตาม ความเหมาะสม 2. สมรรถนะ 2.1 สามารถแสดงความรู้เกี่ยวกับลักษณะงานศิลปกรรมไทย 2.1 สามารถแสดงความรู้ศิลปกรรมไทยกับความสัมพันธ์งานช่างทองหลวง 3. เนื้อหาสาระ (ใบความรู้) เรื่องการเรียนรู้ที่ 12 การศึ กษาดงูานศิลปกรรมไทยในพิพิธ ภณัฑสถานศึ กษาแห่งชาติ(สัปดาห์ที่ 12) ข้อมูลพิพิธภณัฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร (อังกฤษ: Bangkok National Museum) เป็ นพิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร บริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ ส่วนหนึ่งของที่ประทับวังหน้า ซึ่งก็คือพื้นที่พระราชวังของสมเด็จพระบวรราชเจ้าตั้งแต่รัชกาลที่ 1 เป็นต้นมา มี อาณาเขตตั้งแต่บริเวณมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มณฑลพิธีท้องสนามหลวงตอน ตะวันตก อนุสาวรีย์ทหารอาสา และโรงละครแห่งชาติในปัจจุบัน


225 ภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยหมู่พระที่นั่งต่าง ๆ ได้แก่ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธ สวรรย์พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย หมู่พระวิมาน พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ และ อาคาร มหาสุรสิงหนาท เดิมพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ที่หอคองคอเดีย (ศาลาสหทัยสมาคม ในปัจจุบัน) เรียกว่า "มิว เซียม" หรือ "พิพิธภัณฑสถานหอคองคอเดีย" โดยมีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2417 จนต่อมาเมื่อกรม พระราชวังบวรวิไชยชาญ เสด็จทิวงคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงให้ยกเลิกต าแหน่งกรม พระราชวังบวรสถานมงคลลง เป็นเหตุให้พระราชวังบวรสถานมงคลว่าง พระองค์จึงโปรดฯ ให้ย้ายพิพิธภัฑสถาน มาจัดแสดงโดยใช้พื้นที่ของพระราชวังบวรฯ บางส่วน จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนพระ ราชมณเฑียรของพระราชวังบวรฯ ทั้งหมดได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑสถานส าหรับพระนครและหอสมุดพระวชิรญาณ เพื่อจัดตั้งเป็น พิพิธภณัฑสถานสา หรบัพระนคร เมื่อ พ.ศ. 2469 ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีใน ประเทศไทย งานประณีตศิลป์ และชาติพันธุ์วิทยา รวมไปถึงนิทรรศการชั่วคราวต่าง ๆ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีสถิติจ านวนผู้เข้าชมมากที่สุดในประเทศไทย จากข้อมูลปี พ.ศ. 2555 การจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยนั้นเริ่มขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดย พระองค์ทรงจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์ขึ้นที่พระที่นั่งราชฤดีซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านข้างของพระที่นั่งอมรินทรวินิจ ฉัย ต่อมา เมื่อพระองค์ทรงสร้างพระอภิเนาว์นิเวศน์ขึ้นภายในพระบรมมหาราชวัง จึงโปรดฯ ให้ย้ายโบราณวัตถุ และของแปลก ๆ มาไว้ยังพระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์ในหมู่พระอภิเนาว์นิเวศน์ ซึ่งนับเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์ หรือ “รอยัล มิวเซียม” (Royal Museum) มิได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง พิพิธภัณฑสถานส าหรับพระนครขึ้นที่หอคองคอเดีย (ศาลาสหทัยสมาคม ในปัจจุบัน) เรียกว่า "มิวเซียม" หรือ "พิพิธภัณฑสถานหอคองคอเดีย" โดยมีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2417 ซึ่งนับเป็นวันก าเนิดของ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย พิพิธภัณฑสถานตั้งอยู่ภายในพระบรมมหาราชวังเป็นเวลา 13 ปี จนกระทั่ง กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญเสด็จทิวงคต พร้อมกันนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้ยกเลิกต าแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล เป็นเหตุให้พระราชวังบวรสถานมงคล หรือ วังหน้า ว่าง ลง พระองค์จึงโปรดฯ ให้ย้ายพิพิธภัฑสถานมาจัดแสดงโดยใช้พื้นที่ของพระราชวังบวรฯ บางส่วน ได้แก่ พระที่ นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์และพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2430 นอกจากนี้ พระองค์ยัง โปรดฯ ให้มีการปรับปรุงพื้นที่เขตวังหน้าและให้ตัดพื้นที่บางส่วนไปใช้ในราชการทหารด้วย ครั้งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้านายฝ่ายกรมพระราชวังบวรฯ เหลือน้อยพระองค์ พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายฝ่ายพระราชวังบวรฯ เข้าไปประทับในพระบรมมหาราชวัง และ พระราชทานพระมหามณเฑียร ณ ขณะนั้นให้เป็นโรงทหาร จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดฯ ให้ย้ายโรงทหารไปอยู่ที่วังจันทรเกษม (บริเวณกระทรวงศึกษาธิการ ในปัจจุบัน) ส่วน พระราชมณเฑียรของพระราชวังบวรฯ ทั้งหมดจัดเป็นพิพิธภัณฑสถานส าหรับพระนครและหอสมุดพระวชิรญาณ เพื่อจัดตั้งเป็น พิพิธภณัฑสถานส าหรบัพระนคร เมื่อ พ.ศ. 2469 ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น พิพิธภณัฑสถาน แห่งชาติพระนคร เมื่อ พ.ศ. 2477


226 ในปี พ.ศ. 2510 ได้สร้างอาคารเพิ่มขึ้นอีก 2 หลัง คือ "อาคารมหาสุรสิงหนาท" ปัจจุบัน จัดแสดงความ เป็นมา ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ และในยุคประวัติศาสตร์ตั้งแต่อาณาจักรทวารวดีศรี วิชัย ลพบุรีตลอดจนอิทธิพลอารยธรรมอินเดียสมัยก่อนพุทธศักราช 1800 และ "อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์" ปัจจุบัน จัดแสดงศิลปวัตถุจากอาณาจักรล้านนา สุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ตลอดจนจัดแสดงงานประณีต ศิลป์ ของกรุงรัตนโกสินทร์ แนวทางการจัดแสดง ปัจจุบัน พิพิธภัณสถานแห่งชาติ พระนคร แบ่งการจัดแสดง ออกเป็น 3 หัวเรื่องใหญ่ ๆ คือ 1. ประวัติศาสตร์ชาติไทย จัดแสดงในพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน 2. ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีในประเทศไทย จัดแสดงตามยุคสมัย คือ 3. สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จัดแสดงในอาคารส่วนหลัง ของ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน 4. สมัยประวัติศาสตร์ จัดแสดงในอาคารใหม่ 2 หลัง ที่สร้างขนาบสองข้างของหมู่วิมานเมื่อ พ.ศ. 2510 โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สมัยก่อนพุทธศักราช 1800 ได้แก่ สมัยทวารวดีสมัยศรีวิชัย และ สมัยลพบุรีจัด แสดงในอาคารมหาสุรสิงหนาท และส่วนที่ 2 คือ สมัยหลังพุทธศักราช 1800 เป็นต้นมา จนถึง สมัยรัตนโกสินทร์จัด แสดงในอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ 5. ประณีตศิลป์ และ ชาติพันธุ์วิทยา จัดแสดงในหมู่พระวิมาน คือ พระที่นั่งวสันตพิมาน พระที่นั่งวายุ สถานอมเรศ และ พระที่นั่งพรหมเมศธาดา ศิลปโบราณวัตถุที่จัดแสดง ได้แก่ เครื่องทอง เครื่องถม เครื่อง มุก เครื่องดนตรีเครื่องไม้จ าหลัก ผ้าโบราณ เครื่องถ้วย เครื่องสูง ราชยานคานหาม อาวุธโบราณ เครื่องใช้ในพิธี พระพุทธศาสนา และ อัฐบริขารของสงฆ์ และ เครื่องการละเล่นต่าง ๆ เช่น หัวโขน หุ่นกระบอก หุ่นเล็ก และหนัง ใหญ่ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมี ราชรถที่ใช้ในกระบวนแห่พระบรมศพ คือพระมหาพิชัยราชรถ เวชยันตรราชรถ ราช รถน้อย และ เครื่องประกอบการพระราชพิธีต่าง ๆ ที่ใช้ใน พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จัดแสดงใน อาคารโรงราชรถ นอกจากศิลปะโบราณวัตถุแล้ว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ยังมีโบราณสถานคือ พระที่นั่ง และ พระ ต าหนักบางองค์ ที่เป็นตัวอย่างของ งานสถาปัตยกรรมไทยที่งดงาม เช่น พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ภายในพระที่นั่ง ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ และมีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามยิ่ง พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ ที่ประทับ ของ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระต าหนักแดง ที่ประทับ ของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีใน รัชกาลที่ 2 รวมไปถึง พระที่นั่งขนาดย่อม และศาลาทรงไทยในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ศาลาสรง ศาลาส าราญมุขมาตย์ พระที่นั่งมังคลาภิเษก และ พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศนัย ด้วยเหตุนี้จึงท าให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ยังคง มีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมไทย ที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน


227 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 หลักสูตร ประกาศนียบตัรวิชาชีพ พทุธศกัราช 2562 สอนครั้งที่ 13 รหสัวิชา 20315-2107 วิชา การเขียนลวดลายไทย หน่วยกิต 1-4-2 หน่วยการเรียนรู้ การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่องการเรียนรู้ การเขียนลายก้านต่อดอก ทฤษฎี 1 ชม. ปฏิบัติ 4 ช.ม. 1. สาระส าคัญ ความรู้ ความเข้าใจ หลักการเขียนลายก้านต่อดอก และปฏิบัติงานเขียนลายก้านต่อดอก การน าความรู้ ไปปรับประยุกต์ใช้ ในการออกแบบลวดลาย การเขียนลายก้านต่อดอก มีขั้นตอนวิธีการเขียนลายที่แตกต่าง จากลายประเภทลายกนก การเขียนกลุ่มแม่ลายก้านต่อดอกมีการแบ่งพื้นที่ ขนาดที่ชัดเจน การเขียนตัวลาย มีการแบ่งขนาด พื้นที่เท่ากัน การน าตัวลายก้านต่อดอก สามารถน าไปใช้กับงานช่างทองหลวง การออกแบบ กลุ่มงานประเภทลายพื้นที่ที่มีขนาดแนวตั้งเช่นขอบ หรือกรอบรูป ที่มีพื้นที่สี่เหลี่ยม ล้วนแล้วแต่ต้องน า ความรู้ประเภทลายก้านต่อดอก ไปท าการออกแบบชิ้นงานทั้งสิ้น การเข้าใจในหลักการ วิธีการเขียน การ แบ่งตัวลาย จึงเป็นขั้นตอนพื้นฐานของการเขียนการออกแบบลวดลาย และการน าองค์ความรู้ไปปรับ ประยุกต์ใช้ 2. สมรถนะประจ าหน่วย 2.1 สมรรถนะประจ าหน่วย 2.1.1 สามารถแสดงความรู้เกี่ยวกับการเขียนลายก้านต่อดอก 2.1.2 สามารถปฏิบัติงานเขียนลายก้านต่อดอก 2.1.3 ความละเอียดรอบคอบในการดูแลรักษา เครื่องมืออุปกรณ์ในการเขียนลาย 2.2เกณฑก์ารปฏิบตัิงานประจา หน่วย 2.2.1 สามารถอธิบายความรู้เกี่ยวกับการเขียนลายก้านต่อดอกได้อย่างถูกต้อง 2.2.2 สามารถปฏิบัติขั้นตอนการเขียนลายก้านต่อดอกได้อย่างถูกต้อง 2.2.3 ความละเอียดรอบคอบในการดูแลรักษา เครื่องมืออุปกรณ์ในการเขียนลาย 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 จุดประสงค์ทั ่วไป 3.1.1 เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเขียนลายก้านต่อดอก 3.1.2 เพื่อให้มีทักษะในการปฏิบัติงานเขียนลายก้านต่อดอก 3.1.3 มีความละเอียดรอบคอบในการดูแลรักษา เครื่องมืออุปกรณ์ในการเขียนลาย


228 3.2 จดุประสงคเ์ชิงพฤติกรรม 3.2.1 ระบุความหมายความเป็นมาเกี่ยวกับลักษณะลายก้านต่อดอกได้อย่างถูกต้อง 3.2.2 บอกประเภทความหมายลายก้านต่อดอกได้อย่างถูกต้อง 3.2.3 แสดงขั้นตอนการเขียนลายก้านต่อดอกได้อย่างถูกต้อง 3.2.4 ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีในการเข้าเรียน ตรงต่อเวลา ซักถามข้อสงสัยตามความเหมาะสม และท าความสะอาดห้องเรียนตามข้อตกลง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความหมายลายก้านต่อดอก 4.2 ลักษณะลายก้านต่อดอก 4.3 หลักการเขียนลายก้านต่อดอก 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 การน าเข้าสู่บทเรียน 5.1.1 ครูผู้สอนแจ้งวัตถุประสงค์การเรียน กิจกรรมการเรียนการสอนและวิธีการประเมินผล 5.1.2 ครูผู้สอนน าเข้าสู่บทเรียนซักถามความรู้เดิมหรือปูพื้นฐานความรู้ลายก้านต่อดอก 5.1.3 ครูเปิด Power Point อธิบายความหมายของลายก้านต่อดอกและความสัมพันธ์ ความ เกี่ยวเนื่องการน าลายก้านต่อดอกไปออกแบบลวดลายไทยในรูปแบบลวดลายชนิดอื่น และสอดแทรก คุณธรรมการมีพฤติกรรมที่ดีในการเข้าเรียน ตรงต่อเวลา ซักถามข้อสงสัยตามความเหมาะสม 5.2 การเรียนรู้ 5.2.1 ครูเปิด Power Point เรื่องความหมายความเป็นมาของลายก้านต่อดอกครูผู้สอนบรรยาย ด าเนินการสอนหรือประกอบกิจกรรมการเรียนโดยที่น าเสนอรูปภาพฉายประกอบ 5.2.2 ครูน ารูปภาพลายก้านต่อดอกและลายที่เกี่ยวเนื่องกับลายก้านต่อดอกมาประกอบการอธิบาย 1) ครูถาม-ตอบกับนักเรียน โดยครูยกตัวอย่างรูปภาพลายก้านต่อดอกแล้วถาม-ตอบเกี่ยวกับ ความหมายความเป็นมาของลายก้านต่อดอกกับการน าไปใช้ 2) การออกแบบลวดลายไทยลายก้านต่อดอกมีส่วนส าคัญต่อการเขียนลายไทยด้านใดบ้าง 3) ข้อสังเกตการเขียนลายก้านต่อดอกมีหลักการสังเกตอะไรบ้าง 5.2.3 ครูนักเรียนช่วยกันสรุปความหมายความเป็นมาของลายก้านต่อดอก 5.2.4 ครูให้นักศึกษาท าใบงานที่ 1เรื่องความส าคัญความเป็นมาลายก้านต่อดอกมีด้านใดบ้าง โดยให้ นักเรียนเขียนลงในสมุดบันทึกความรู้ของตนเอง 5.2.5 ครูให้นักเรียนฝึกทักษะการเขียนลายก้านต่อดอกตามใบงาน 5.2.6 ครูเรียกตรวจการเขียนลายก้านต่อดอกเป็นรายบุคคลพร้อมชี้จุดแก้ไขเป็นรายบุคคล 5.2.7 ครูให้นักเรียนฝึกเขียนลายก้านต่อดอกต่อจนครบจ านวนการฝึกเขียนลายก้านต่อดอก


229 5.3 การสรุป 5.3.1 ครูสุ่มนักเรียนเล่าความรู้เกี่ยวกับลายก้านต่อดอกความส าคัญด้านใดบ้าง 5.3.2 ครูสรุปเรื่องความหมายและเป็นมาของลายก้านต่อดอก 5.3.3 ครูสรุปหลักการสังเกตการณ์เขียนลายก้านต่อดอกตามหลักการความงามด้านลวดลาย ศิลปะไทย 5.4 การวดัและประเมินผล 5.4.1 เครื่องมือประเมิน 5.4.2 แบบประเมินผลพฤติกรรม 5.4.3 แบบทดสอบความรู้ 5.4.4 แบบประเมินผลงาน 6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 6.1 สื่อโสตทัศน์ 6.1.1 คลิปวิดีโอ การเขียนลายก้านต่อดอก 6.2 โสตทัศน์อุปกรณ์ 6.2.1 คอมพิวเตอร์ 6.2.2 โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน 6.2.3 แท็บเล็ต 6.3 สื่อสิ่งพิมพ์ 6.3.1 หนังสือ ลายไทย ภาพไทย. ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2539). 6.3.2 หนังสือ ลายไทย. ภิญโญ สุวรรณคีรี. (2546). 6.4 สื่อบทเรียนอิเลก ็ ทรอนิกส์ 6.4.1 ใบความรู้ลายก้านต่อดอก 6.4.2 ใบล าดับขั้นตอนการปฏิบัติงาน 6.4.3 Power Point 7. หลักฐานการเรียนรู้ 7.1 หลักฐานความรู้ 7.1.1 แผนการจัดการเรียนรู้ 7.1.2 ใบความรู้ 7.1.3 ใบล าดับขั้นตอนการปฏิบัติงาน 7.1.4 บันทึกหลังการสอน


230 7.2 หลกัฐานการปฏิบตัิงาน 7.2.1 ใบงาน 7.2.2 เกณฑ์การประเมินผลงาน 8. การวดัและประเมินผลการเรียนรู้ 8.1เครื่องมือการประเมิน 8.1.1 ก่อนเรียนรู้ วิธีการวัดผล การสัมภาษณ์ การอภิปราย เครื่องมือวัด ค าตอบจากการสัมภาษณ์ แนวคิดจากการอภิปราย 8.1.2 ระหว่างเรียนรู้ วิธีการวัดผล ขั้นตอนในการปฏิบัติ เครื่องมือวัด การสังเกตุการปฏิบัติงานของนักเรียน 8.1.3 หลังเรียน วิธีการวัดผล ผลงานการเขียนลายก้านต่อดอก เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมินผลงานการเขียนลายก้านต่อดอก 8.2เกณฑก์ารประเมิน 8.2.1 เกณฑ์ประเมินพฤติกรรมผู้เรียนผ่านเกณฑ์ประเมินตามขั้นตอนปฏิบัติงานการเขียนลาย ก้านต่อดอก 8.2.2 แบบทดสอบความรู้ผลการประเมินผ่านด้านรู้ความเข้าใจต่อหลักการเขียนลายก้านต่อดอก 8.2.3 เกณฑ์การประเมินการเขียนลายก้านต่อดอกไม่ต ่ากว่าร้อยละ 60


231 9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 9.1 ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ ด้านผู้สอน การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ online off line สอนได้ครบตามหัวข้อที่ก าหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ สอนได้ไม่ครบตามหัวข้อที่ก าหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ยังขาดหัวข้อ ดังนี้ แนวทางการแก้ปัญหาการสอนไม่ครบหัวข้อตามแผน ด้านความพร้อมและผลการเรียนรู้ของผู้เรียน จ านวนนักเรียนทั้งหมด คน จ านวนนักเรียนที่เข้าเรียน คน จ านวนนักเรียนที่ขาดเรียน คน เกณฑ์ที่แนะน า คิดเป็นร้อยละ ดีมาก(80-100) ดี (70-79) พอใช้ (60-69) ต้องปรับปรุง (ต ่ากว่า 60) 1 การตรงต่อเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 2 การแต่งกาย, การปฏิบัติตามระเบียบ ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 3 ความพร้อม, ความตั้งใจในการเรียน ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 4 มีความรับผิดชอบงานที่มอบหมาย ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 5 มีความรู้ ความสามารถ ตรงวัตถุประสงค์ ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง อื่นๆ 9.2 ปัญหา อุปสรรค 9.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา หมายเหตุปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ปัญหา ผู้สอนน าไปพัฒนา ในรูปแบบของวิจัยชั้นเรียน หรือพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในครั้งต่อไป ลงชื่อ ผู้สอน ( นายพีระยศ แก้วปัญญา ) ลงชื่อ หัวหน้าสาขาวิชา ( นายพีระยศ แก้วปัญญา) ลงชื่อ (นายพรอนันต์ ภักดีบุญ) ผู้อ านวยการกาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง


232 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 2 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1.1.1 เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจลายแม่ลายก้านต่อดอก 1.1.2 เพื่อให้มีทักษะการเขียนลายแม่ลายก้านต่อดอก 1.1.3 เพื่อให้กิจนิสัยมีความรอบคอบและยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น 1.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1.2.1 ระบุความหมายความเป็นมาเกี่ยวกับลักษณะลายแม่ลายก้านต่อดอกอย่างถูกต้อง 1.2.2 บอกประเภทความหมายลายแม่ลายก้านต่อดอกได้อย่างถูกต้อง 1.2.3 แสดงขั้นตอนการเขียนลายแม่ลายก้านต่อดอกได้อย่างถูกต้อง 1.2.4 ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีในการเข้าเรียน ตรงต่อเวลา ซักถามข้อสงสัยตามความเหมาะสม และท า ความสะอาดห้องเรียนตามข้อตกลง 2. สมรรถนะ 2.1 มีความรู้ความเข้าใจความหมายลายแม่ลายก้านต่อดอก 2.2 มีทักษะการเขียนลายแม่ลายก้านต่อดอก 2.3 แก้ปัญหาจากการเขียนลายแม่ลายก้านต่อดอกได้ 3. เนื้อหาสาระ (ใบความรู้)


233 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 1 เรื่องการเรียนรู้ที่ 13 การเขียนลายก ้ านต่อดอก (สัปดาห์ที่ 13 ) ต้นก ำเนิดของลำยไทยก ำเนิดจำกรูปทรงธรรมชำติได้แก่ดอกบัว ดอกชัยพฤกษ์ ดอกมะลิ ดอกรัก ดอก พุดตำน ใบเทศ เปลวไฟ นอกจำกลำยที่เกิดจำกดอกบัวแล้ว ยังมีลำยที่เกิดขึ้นจำกใบไม้ต่ำง ๆ ใบฝ้ำย ใบเทศ ดอก ใบเทศ ก้ำนขดใบเทศ 1.ก้ำน เศรษฐมันตร์ กำญจนกุล (2535 : 4) ก้ำนเป็นค ำเรียกเถำสั้น ๆ ใช้เชื่อมต่อดอกหรือใบในกำรผูกลำยไทย เช่น ลำยก้ำนต่อดอก ลำยเกลียวและลำยก้ำนแย่ง ในกำรผูกลวดลำยชนิดที่เป็นเถำแบบหนึ่ง เรียกว่ำ กนกก้ำน ขด หรือลำยก้ำนขด ลวดลำยแบบนี้อำศัยเถำเป็นหลักในกำรผูกลำย กำรผูกวำงเถำมีลักษณะเฉพำะที่ต้องขมวด เป็นก้นหอย แม้ว่ำจะขยำยลำยออกไปเท่ำใดก็ต้องผูกประกอบเข้ำด้วยกัน ลักษณะคล้ำยช่อของเถำไม้ตำม ธรรมชำติ บำงครั้งในส่วนปลำยเถำในใจกลำงวง มักจะท ำเป็นช่อกนกหำงโตบ้ำง หรือสัตว์หิมพำนต์โผล่มำแต่ง เฉพำะส่วนหัวหรือท ำเป็นรูปเทวดำ อมนุษย์ก็มี จึงมีชื่อเรียกตำมแบบลำยที่ผูกขึ้น เช่น กนกก้ำนขด หน้ำสิงห์ กนกก้ำนขดใบเทศ ฯลฯ กนกก้ำนขดนี้ ในกำรแกะสลักไม้นิยมบนบำนประตูบำนหน้ำต่ำงโบสถ์ วิหำร 1.1ลำยก้ำนแย่ง ลำยไทยแบบหนึ่ง มีลักษณะกำรผูกเป็นแถวโค้งบรรจบกัน ตรงที่เถำบรรจบ กันนั้นผูกลำยเป็นดอกหรือเป็นพุ่มแบบต่ำง ๆ กัน ลงทุก ๆ ร่วมเถำ ท ำให้ดูคล้ำยกับว่ำเถำหรือก้ำนแย่งดอกกัน พบในกำรตกแต่งบนพื้นผนังหรือพื้นที่ที่มีควำมกว้ำงและพบเป็นลำยรดน ้ำในกลุ่มเรือรูปสัตว์ในกระบวนเรือพระ ยุหยำตรำ 1.2 ก้ำนต่อดอก ลำยไทยแบบหนึ่งเป็นลวดลำยผูกติดต่อ ซึ่งต่อเนื่องไปในพื้นที่หน้ำกระดำน ทำงตั้งลักษณะของลำยแบบนี้ ประกอบ ตัวแม่ลำยผูกเป็นช่อเล็ก ดอกจะต่อเรียงกันเป็นช่อขึ้นไป ถ้ำใช้กนก เปลวมำต่อเป็นดอกจะมีชื่อว่ำ ก้ำนต่อดอกกนกเปลว ถ้ำแม่ลำยประจ ำยำมมำผูก จะเรียกว่ำก้ำนต่อดอกประจ ำ ยำม 1.3 ก้ำนขด หมำยถึงลำยที่มีก้ำนม้วนขดเดินเป็นเถำรูปวงก้นหอยเรียงต่อเนื่องซ ้ำ ๆ กัน ก้ำนขดจัดเป็นลำยไทยชนิดหนึ่งที่มีวิวัฒนำกำรมำหลำยยุคหลำยสมัย หำกนับจำกหลักฐำนเก่ำแก่ น่าจะเริ่มมาจากศิลปะขอม มีการขดเป็นวงใหญ่ ๆ แทรกลวดลายภายในขดอย่างวิจิตรพิสดาร ลายก้านขดใน ประเทศไทยมีการค้นพบมาตั้งแต่สมัยทวารวดีและสมัยอยุธยาตอนปลาย ซึ่งมักนิยมท าปลายก้านขดด้านในให้ สวยงาม การตกแต่งบางทีน ารูปสัตว์หิมพานต์ เทพ ยักษ์ มาประกับจึงมีชื่อตามที่ประดิษฐ์ลายก้านขดจะน ามาใช้ กับพื้นผิวที่เรียบเป็นหน้ากระดานที่มีความกว้าง การตกแต่งนี้พบบนการตกแต่งของเรือพระที่นั่ง ดังภาพประกอบที่ 11-1 ถึง 13-5


234 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 2 ภาพที่ 13-1 ลายก้านต่อดอก ที่มา : มานะ ทองสอดแสง. (2545). หนังสือต ารา ศึกษาศิลปะลายไทย : 53.


235 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 3 ลำยก้ำนต่อดอกพุ่มข้ำวบิณฑ์ ลำยก้ำนต่อดอกพุดตำน วัดรำชบุรณะ วัดรำชบุรณะ ภำพที่ 13-2 ลำยก้ำนต่อดอก วัดรำชบุรณะ


236 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 4 ลายก้านต่อดอกพุดตาน บริเวณโดยรอบพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ภาพที่ 13-3 ลายก้านต่อดอก วัดบวรนิเวศวิหาร


237 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 5 ลายก้านต่อกระหนกพุ่มข้าวบิณฑ์บานประตูพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ภาพที่ 13-4 ลายก้านต่อดอก วัดบวรนิเวศวิหาร


238 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 5 ชื่อและหน้าที่วัสดุอุปกรณ์ในงานเขียนลายก้านต่อดอก ดินสอกดหรือดินสอด า ชนิด HB - ใช้ส าหรับร่างลายเขียนเส้นที่ต้องการ ยางลบ - ใช้ส าหรับลบเส้นดินสอที่ไม่ต้องการ ไม้บรรทัด - ใช้ส าหรับวัดขนาดรูปร่าง -รูปทรงเหลี่ยม กระดาษขนาด A4หรือกระดาษอาร์ต ชนิดเนื้อละเอียด เป็นมัน ขนาด 80-100 แกรม - ใช้ส าหรับเขียนลายไทยด้วยดินสอ ที่เหลาดินสอ - ใช้ส าหรับเหลาดินสอให้ไส้ดินสอมีความแหลม กระดาษช าระ - ใช้ส าหรับเช็ดผงดินสอที่ติดตามอุปกรณ์


247 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 หลักสูตร ประกาศนียบตัรวิชาชีพ พทุธศกัราช 2562 สอนครั้งที่ 14 รหสัวิชา 20315-2107 วิชา การเขียนลวดลายไทย หน่วยกิต 1-4-2 หน่วยการเรียนรู้: การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่องการเรียนรู้ : การลงแสงเงาลายไทยกับงานสลักดุน ทฤษฎี 1 ชม. ปฏิบัติ 4 ช.ม. 1. สาระส าคัญ ความรู้ ความเข้าใจ หลักการเขียนลงแสงเงาในตัวลวดลายไทย เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้สร้าง ความเข้าใจต่อการเรียนรู้มิติตัวลาย ระนาบพื้นผิวตัวลาย เพื่อสร้างความเข้าใจในการน าไปปรับประยุกต์ใช้ ท างานสลักดุน การวาดเขียนก าหนดแสงเงาในตัวลายจึงจ าเป็นต่อการสร้างความเข้าใจต่อการก าหนดแสง เงา เนื่องจากงานสลักดุนในงานช่างทองหลวงเป็นพื้นฐานเป็นเทคนิคการสร้างสรรค์งานเบื้องต้น ที่จะพัฒนา ความรู้เทคนิคการท างานช่างทองหลวงในชิ้นงานอื่นๆ เป็นพื้นฐานของการท างานถมเงินถมทอง การสลักดุน ส าหรับการลงยาสี และแขนงงานช่างทองหลวงอื่นๆ ดังนั้นการเข้าใจในหลัการลงแสงเงาในลวดลายไทยจึงมี ความส าคัญต่อการน าองค์ความรู้ไปปรับประยุกต์ใช้ 2. สมรถนะประจ าหน่วย 2.1 สมรรถนะประจ าหน่วย 2.1.1 สามารถแสดงความรู้เกี่ยวกับการลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุน 2.1.2 สามารถปฏิบัติงานลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุน 2.1.3 ความละเอียดรอบคอบในการดูแลรักษา เครื่องมืออุปกรณ์ในการเขียนลาย 2.2เกณฑก์ารปฏิบตัิงานประจา หน่วย 2.2.1 สามารถอธิบายความรู้เกี่ยวกับการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนได้อย่างถูกต้อง 2.2.2 สามารถปฏิบัติขั้นตอนการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนอย่างถูกต้อง 2.2.3 ความละเอียดรอบคอบในการดูแลรักษา เครื่องมืออุปกรณ์ในการลงแสงเงาลายไทยในงานสลัก ดุน 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 จุดประสงค์ทั ่วไป 3.1.1 เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุน 3.1.2 เพื่อให้มีทักษะในการปฏิบัติงานลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุน 3.1.3 มีความละเอียดรอบคอบในการดูแลรักษา เครื่องมืออุปกรณ์ในการเขียนลาย


248 3.2 จดุประสงคเ์ชิงพฤติกรรม 3.2.1 ระบุความหมายความเป็นมาเกี่ยวกับลักษณะลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนได้อย่างถูกต้อง 3.2.2 บอกประเภทความหมายลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนได้อย่างถูกต้อง 3.2.3 แสดงขั้นตอนการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนได้อย่างถูกต้อง 3.2.4 ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีในการเข้าเรียน ตรงต่อเวลา ซักถามข้อสงสัยตามความเหมาะสม และท าความสะอาดห้องเรียนตามข้อตกลง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 งานลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุน 4.2 ลักษณะลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุน 4.3 หลักการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 การน าเข้าสู่บทเรียน 5.1.1 ครูผู้สอนแจ้งวัตถุประสงค์การเรียน กิจกรรมการเรียนการสอนและวิธีการประเมินผล 5.1.2 ครูผู้สอนน าเข้าสู่บทเรียนซักถามความรู้เดิมหรือปูพื้นฐานลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุน 5.1.3 ครูเปิ ด Power Point อธิบายความหมายของลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนและ ความสัมพันธ์ ความเกี่ยวเนื่องการน าลายก้านต่อดอกไปออกแบบลวดลายไทยในรูปแบบลวดลายชนิดอื่น และสอดแทรกคุณธรรมการมีพฤติกรรมที่ดีในการเข้าเรียน ตรงต่อเวลา ซักถามข้อสงสัยตามความเหมาะสม 5.2 การเรียนรู้ 5.2.1 ครูเปิด Power Point เรื่องความหมายความเป็นมาของลายก้านต่อดอกครูผู้สอนบรรยาย ด าเนินการสอนหรือประกอบกิจกรรมการเรียนโดยที่น าเสนอรูปภาพฉายประกอบ 5.2.2 ครูน ารูปภาพลายก้านต่อดอก กับการลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนมาประกอบการอธิบาย 1) ครูถาม-ตอบกับนักเรียน โดยครูยกตัวอย่างรูปภาพลายก้านต่อดอกแล้วถาม-ตอบเกี่ยวกับ ความหมายความเป็นมาของลายก้านต่อดอกกับการน าไปใช้ 2) การออกแบบลวดลายไทยลายก้านต่อดอกมีส่วนส าคัญต่อการเขียนลายไทยด้านใดบ้าง 3) ข้อสังเกตการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนมีหลักการสังเกตอะไรบ้าง 5.2.3 ครูนักเรียนช่วยกันสรุปความส าคัญต่อการลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุน 5.2.4 ครูให้นักศึกษาท าใบงานที่ 1 เรื่องความส าคัญลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนมีด้านใดบ้าง โดยให้นักเรียนเขียนลงในสมุดบันทึกความรู้ของตนเอง 5.2.5 ครูให้นักเรียนฝึกทักษะการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนตามใบงาน 5.2.6 ครูเรียกตรวจการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอกเป็นรายบุคคลพร้อมชี้ จุดแก้ไขเป็นรายบุคคล 5.2.7 ครูให้นักเรียนฝึกเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอกต่อจนครบจ านวนการ ฝึกเขียนลายก้านต่อดอก


249 5.3 การสรุป 5.3.1 ครูสุ่มนักเรียนเล่าความรู้เกี่ยวกับลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอก ความส าคัญด้านใดบ้าง 5.3.2 ครูสรุปเรื่องความส าคัญการลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนของลายก้านต่อดอก 5.3.3 ครูสรุปหลักการสังเกตการณ์เขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอกตาม หลักการความงามด้านลวดลายศิลปะไทย 5.4 การวดัและประเมินผล 5.4.1 เครื่องมือประเมิน 5.4.2 แบบประเมินผลพฤติกรรม 5.4.3 แบบทดสอบความรู้ 5.4.4 แบบประเมินผลงาน 6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 6.1 สื่อโสตทัศน์ 6.1.1 คลิปวิดีโอ การเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอก 6.2 โสตทัศน์อุปกรณ์ 6.2.1 คอมพิวเตอร์ 6.2.2 โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน 6.2.3 แท็บเล็ต 6.3 สื่อสิ่งพิมพ์ 6.3.1 หนังสือ ลายไทย ภาพไทย. ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2539). 6.3.2 หนังสือ ลายไทย. ภิญโญ สุวรรณคีรี. (2546). 6.4 สื่อบทเรียนอิเลก ็ ทรอนิกส์ 6.4.1 ใบความรู้ลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุน ลายก้านต่อดอก 6.4.2 ใบล าดับขั้นตอนการปฏิบัติงาน 6.4.3 Power Point 7. หลักฐานการเรียนรู้ 7.1 หลักฐานความรู้ 7.1.1 แผนการจัดการเรียนรู้ 7.1.2 ใบความรู้ 7.1.3 ใบล าดับขั้นตอนการปฏิบัติงาน 7.1.4 บันทึกหลังการสอน 7.2 หลกัฐานการปฏิบตัิงาน 7.2.1 ใบงาน 7.2.2 เกณฑ์การประเมินผลงาน


250 8. การวดัและประเมินผลการเรียนรู้ 8.1เครื่องมือการประเมิน 8.1.1 ก่อนเรียนรู้ วิธีการวัดผล การสัมภาษณ์ การอภิปราย เครื่องมือวัด ค าตอบจากการสัมภาษณ์ แนวคิดจากการอภิปราย 8.1.2 ระหว่างเรียนรู้ วิธีการวัดผล ขั้นตอนในการปฏิบัติ เครื่องมือวัด การสังเกตุการปฏิบัติงานของนักเรียน 8.1.3 หลังเรียน วิธีการวัดผล ผลงานการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอก เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมินผลงานการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้าน ต่อดอก 8.2เกณฑก์ารประเมิน 8.2.1 เกณฑ์ประเมินพฤติกรรมผู้เรียนผ่านเกณฑ์ประเมินตามขั้นตอนปฏิบัติงานการเขียนลงแสง เงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอก 8.2.2 แบบทดสอบความรู้ผลการประเมินผ่านด้านรู้ความเข้าใจต่อหลักการเขียนลงแสงเงาลาย ไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอก 8.2.3 เกณฑ์การประเมินการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอกไม่ต ่ากว่า ร้อยละ 60


251 9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 9.1 ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ ด้านผู้สอน การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ online off line สอนได้ครบตามหัวข้อที่ก าหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ สอนได้ไม่ครบตามหัวข้อที่ก าหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ยังขาดหัวข้อ ดังนี้ แนวทางการแก้ปัญหาการสอนไม่ครบหัวข้อตามแผน ด้านความพร้อมและผลการเรียนรู้ของผู้เรียน จ านวนนักเรียนทั้งหมด คน จ านวนนักเรียนที่เข้าเรียน คน จ านวนนักเรียนที่ขาดเรียน คน เกณฑ์ที่แนะน า คิดเป็นร้อยละ ดีมาก(80-100) ดี (70-79) พอใช้ (60-69) ต้องปรับปรุง (ต ่ากว่า 60) 1 การตรงต่อเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 2 การแต่งกาย, การปฏิบัติตามระเบียบ ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 3 ความพร้อม, ความตั้งใจในการเรียน ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 4 มีความรับผิดชอบงานที่มอบหมาย ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง 5 มีความรู้ ความสามารถ ตรงวัตถุประสงค์ ดีมาก ดี พอใช้ ต้องปรับปรุง อื่นๆ 9.2 ปัญหา อุปสรรค 9.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา หมายเหตุปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ปัญหา ผู้สอนน าไปพัฒนา ในรูปแบบของวิจัยชั้นเรียน หรือพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในครั้งต่อไป ลงชื่อ ผู้สอน ( นายพีระยศ แก้วปัญญา ) ลงชื่อ หัวหน้าสาขาวิชา ( นายพีระยศ แก้วปัญญา) ลงชื่อ (นายพรอนันต์ ภักดีบุญ) ผู้อ านวยการกาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง


252 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การลงแสงเงาลายไทยกับงานสลักดุน หน้า 2 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1.1.1 เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายแม่ลายก้านต่อดอก 1.1.2 เพื่อให้มีทักษะการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายแม่ลายก้านต่อดอก 1.1.3 เพื่อให้กิจนิสัยมีความรอบคอบและยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น 1.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1.2.1 ระบุความหมายความเป็นมาเกี่ยวกับลักษณะลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอก อย่างถูกต้อง 1.2.2 บอกประเภทความหมายลายลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอกได้อย่างถูกต้อง 1.2.3 แสดงขั้นตอนการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายก้านต่อดอกได้อย่างถูกต้อง 1.2.4 ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีในการเข้าเรียน ตรงต่อเวลา ซักถามข้อสงสัยตามความเหมาะสม และ ท าความสะอาดห้องเรียนตามข้อตกลง 2. สมรรถนะ 2.1 มีความรู้ความเข้าใจความหมายลายแม่ลายก้านต่อดอก 2.2 มีทักษะการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายแม่ลายก้านต่อดอก 2.3 แก้ปัญหาจากการเขียนลงแสงเงาลายไทยในงานสลักดุนลายแม่ลายก้านต่อดอกได้ 3. เนื้อหาสาระ (ใบความรู้)


253 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การลงแสงเงาลายไทยกับงานสลักดุน หน้า 1 เรื่องการเรียนรู้ที่ 14 การเขียนการลงแสงเงาลายไทยกับงานสลักดุนลายก้านต่อดอก (สัปดาห์ที่ 14 ) 1. การลงแสงเงา เป็นส่วนหนึ่งของงานวาดเขียนที่แสดงรูปภาพออกมาเป็นรูปแบบงานสามมิติ เพื่อแสดงระนาบมิติของพื้น ผิวชิ้นงานที่มีความสูงต ่า การลงแสงเงาจะมีค่าน ้าหนักแสงเงาเป็นภาพแสดงให้เกิดมิติ ส่วนใหญ่ในงานศิลปกรรม ไทยในงานจิตรกรรมไทยจะไม่มีการเขียนค่าน ้าหนักแสงเงานเป็นรูปแบบ 3 มิติ งานจิตรกรรมไทยมักนิยมเขียน ภาพเป็น รูปแบบ 2 มิติ เป็นภาพแสดงสัดส่วนเพียงความสูงและความกว้าง ไม่นิยมเขียนภาพแสดงความลึก การลงแสงเงาใน งานลวดลายไทยจึงเป็นการประยุกต์การเขียนรูปแบบลวดลายรูปแบบใหม่ ที่จะเป็นงานรูปแบบ การแสดงผลงานให้เห็นมิติตัวลาย ที่จะสามารถน าไปใช้ในการท างานสลักดุน ซึ่งเป็นเทคนิคเชิงช่างในงาน ช่างทองหลวง 2. ค่าน ้าหนักแสงเงา ดังภาพประกอบที่ 14-1 ภาพที่ 14-1 ค่าน ้าหนักแสงเงา


254 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การลงแสงเงาลายไทยกับงานสลักดุน หน้า 2 ความส าคัญของค่าน ้าหนักและการแรเงา ความส าคัญของค่าน ้าหนัก 1. ให้ความแตกต่างระหว่างรูปและพื้น หรือรูปทรงกับที่ว่าง 2. ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว 3. ให้ความรู้สึกเป็น 2 มิติ แก่รูปร่าง และความเป็น 3 มิติแก่รูปทรง 4. ท าให้เกิดระยะความตื้น - ลึก และระยะใกล้ - ไกลของภาพ 5. ท าให้เกิดความกลมกลืนประสานกันของภาพ เราสามารถสร้างค่าน ้าหนักให้ภาพโดยการแรเงา การแรเงาน ้าหนักเป็นการสร้างเงาในภาพ ให้ดูมีความลึกมีระยะใกล้ไกลและดูมีปริมาตร เปลี่ยนค่าของ รูปร่างที่มีเพียง 2 มิติให้เป็น 3 มิติ ท าให้รูปร่างที่มีเพียงความกว้าง-ยาวเปลี่ยนค่าเป็นรูปทรงมีความตื้นลึกหนา บางเกิดขึ้น ความตื้นลึกหนาบางนี่เป็นความรู้สึกเท่านั้น และการท าให้เกิดภาพเช่นนี้ก็คือ เทคนิคในการสร้าง ภาพลวงตา (ILLUSION) เป็นวิธีการสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างหนึ่ง ดังภาพประกอบที่ 14-2 ภาพที่ 14-2 การลงแสงเงารูปทรงเรขาคณิต


255 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การลงแสงเงาลายไทยกับงานสลักดุน หน้า 3 แนวคิดในการแรเงา เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ เพราะอาศัยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ หรือต้นแสงจากแหล่งก าเนิดอื่น เมื่อมี แสงสว่างก็ต้องมีเงาควบอยู่ด้วย และแสงเงาท าให้เรามองเห็นวัตถุที่ผิวสีเดียวกันมีน ้าหนักแตกต่างกัน เช่น วัตถุสีขาวส่วนที่ถูกแสงจะเป็นสีขาวสว่างจ้า แต่ส่วนที่ไม่ถูกแสงจะขาวหม่น ทั้งที่วัตถุนั้นก็เป็นสีขาวเท่ากัน ตลอดพื้นผิว เมื่อธรรมชาติของแสงเงาให้ผลที่มองเห็นเช่นนี้ ผู้เขียนจ าต้องเข้าใจการจัดน ้าหนักอ่อนแก่ให้ได้ ใกล้เคียงกับน ้าหนักของแสงที่ตกกระทบผิววัตถุ เพราะความแตกต่างของน ้าหนักท าให้เกิดความรู้สึกที่ต่างกัน ไปได้ เช่น น ้าหนักสีที่อ่อนให้ความรู้สึกเบา น ้าหนักสีที่แก่ท าให้ดูแล้วรู้สึกหนัก นอกจากนี้ยังท าให้เกิดระยะ ต่างๆ ในการมองเห็น ตลอดจนความรู้สึกด้านความงามในทางศิลปะ เทคนิคการการทา งานสลกัดนุ งานสลักดุน ราชอาณาจักรไทย ภาคเหนือ Northern Thailand งานช่างสลักดุนภาคเหนือ ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในจังหวัดแถบภาคเหนือของไทย จะเป็นที่รู้จักในนามของ “ช่างเชียงใหม่” เนื่องจากเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนา มีกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายเชื้อชาติ อาทิ ยวน ลื้อ ลาว เขิน และชาวเขาอาศัยอยู่ รูปแบบของงานสลักดุน จะสะท้อนออกมาในศิลปะของเชิงช่างตามสาย สกุล สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ งานสลักดุนของสกุลช่างเชียงใหม่ จะมีลักษณะโดดเด่นกว่า งานสลักดุนของกลุ่มสกุลช่างอื่น ทั้งในส่วนของรูปทรงและลวดลาย โดยการแกะลายของช่างจะใช้กรรมวิธีการ แกะลายสองด้านและจะตอกลายจากด้านในหรือด้านหลังของชิ้นงานให้เป็นรอยนูนสูงตามโครงร่างภายนอก ของลายก่อน ซึ่งบางครั้งก็เรียกว่า การโกลนลาย หรือการขึ้นลาย จากนั้นจึงตีกลับจากด้านนอกเพียงด้านเดียว เพื่อเป็นการท ารายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งในกรณีของสกุลช่างอื่นๆ มักนิยมการแกะลายหรือตอกลายจากด้านนอก เป็นหลัก งานสลักดุนของสกุลช่างเชียงใหม่ จึงแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลผสมผสานของงานสลักดุนจากกลุ่ม วัฒนธรรมที่อยู่ใกล้เคียงรายรอบ เช่น อิทธิพลงานสลักดุนของกลุ่มวัฒนธรรมพม่า จีน ลาว เนื่องจากเชียงใหม่มี อาณาเขตติดต่อกับพม่า จีน และลาว ลักษณะงานสลักดุนภาคเหนือ มีแบบเฉพาะของตนเอง ซึ่งสามารถแบ่งแยกออกตามสายสกุลช่างต่างๆ เช่น สกุลช่างวัวลาย สกุลช่างสันป่าตอง สกุลช่างล าปางหลวง สกุลช่างแพร่ สกุลช่างน่าน และงานสลักดุน ชาวเขา ซึ่งงานชาวเขาที่ขึ้นชื่อมากที่สุดคือ งานสลักดุนของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ ที่พบที่จังหวัดน่าน พะเยา และ เชียงราย แต่เชียงใหม่ก็ยังเป็นแหล่งผลิตงานสลักดุนที่หลากหลาย ที่มีการผลิตงานสลักดุนขึ้นใช้กันจนแทบจะ เป็นวิถีชีวิตของคนล้านนาไปแล้ว สิ่งที่นิยมใช้ในชีวิตประจ าวัน เช่น ขันหรือสลุง ตลับหมากหรือเชี่ยนหมาก พานทรงแบนขาสูง หรือขันดอก พานทรงสูงขาต ่า และเครื่องรูปพรรณต่างๆ เช่น ปิ่น หวีสับ ลานหูหรือต่างหู กรองคอ หัวเข็มขัด เป็นต้น เอกลักษณ์ ลวดลายที่ปรากฏบนงานสลักดุนภาคเหนือ จะนิยมลวดลาย เช่น ลายสับสองนักษัตร ลายชาดก ลายดอกกระถิน ลายดอกทานตะวัน ลายสับปะรด ลายนกยูง ลายดอกหมาก ดังภาพประกอบที่ 14-3


256 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การลงแสงเงาลายไทยกับงานสลักดุน หน้า 4 ภาพที่ 14-3 งานสลักดุนราขอาณาจักรไทย (ภาคเหนือ) ที่มา : สุขใจ ดอท คอม (2559). “สลักดุน” ภูมิปัญญาเชิงช่าง จากอดีต สู่ปัจจุบัน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ: ออนไลน์.


257 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การลงแสงเงาลายไทยกับงานสลักดุน หน้า 5 ภาคใต้Southern Thailand งานช่างสลักดุนของสกุลช่างภาคใต้ มีปรากฏพบส่วนใหญ่ที่นครศรีธรรมราช บางครั้งจึงมีผู้นิยมเรียก งานช่างสลักดุนนี้ว่า งานช่างสลักดุนสกุลช่างนครศรีธรรมราช สืบเนื่องจากท าเลที่ตั้งของเมืองนครศรีธรรมราช นั้นอยู่ในบริเวณคาบสมุทรภาคใต้ หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Southern Peninsula หรือ Malay Peninsula เป็น ดินแดนที่ตั้งอยู่บนเส้นทางผ่านของการเดินเรือ หรือการค้าทางทะเลมานับพันๆ ปี ดังนั้นศิลปะวิทยาการแขนง ต่างๆ จากหลากหลายประเทศทั้งในซีกโลกตะวันตก เช่น ประเทศสเปน ประเทศโปรตุเกส เอเชียกลาง เช่น ประเทศอิหร่าน เอเชียตะวันตก เช่น ประเทศอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศมาเลเซีย ประเทศ อินโดนีเซีย และเอเชียตะวันออก เช่น ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี ท าให้รูปแบบของงานสลักดุนที่ ค้นพบในสกุลช่างภาคใต้นี้มีรูปทรงและลวดลายที่มีลักษณะผิดแปลกไปอย่างมาก ชิ้นงานสลักดุนในสกุลช่าง ภาคใต้ที่ค้นพบส่วนใหญ่จะมีอายุเก่าแก่ร่วมสมัยกับกรุงศรีอยุธยา แต่ก็ปรากฏว่ามีหลงเหลืออยู่เป็นจ านวนน้อย ชิ้นมาก ที่ยังปรากฏพบเหลืออยู่ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่มีอายุร่วมสมัยกับกรุงรัตนโกสินทร์ โดยมีรูปทรง และ ลวดลายที่แสดงจากสกุลช่างมาเลค่อนข้างชัดเจน และที่ส าคัญที่สุดคือ งานช่างสลักดุนสกุลช่างภาคใต้ หรือสกุล ช่างนครศรีธรรมราชในปัจจุบันมีปรากฏพบเป็นจ านวนน้อยและมีชื่อเสียงไม่เทียบเท่ากับเครื่องถมตามที่ท ากัน ในปัจจุบัน ดังภาพประกอบที่ 14-4 ถึง 14-6 ภาพที่ 14-4 สายเข็มขัด งานช่างสลักดุน สกุลช่างภาคใต้ ที่มา : สุขใจ ดอท คอม (2559). “สลักดุน” ภูมิปัญญาเชิงช่าง จากอดีต สู่ปัจจุบัน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ: ออนไลน์.


258 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลวดลายไทยกับงานช่างทองหลวง เรื่อง : การลงแสงเงาลายไทยกับงานสลักดุน หน้า 6 ภาพที่ 14-5 สายเข็มขัด งานช่างสลักดุน สกุลช่างภาคใต้ ที่มา : สุขใจ ดอท คอม (2559). “สลักดุน” ภูมิปัญญาเชิงช่าง จากอดีต สู่ปัจจุบัน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ: ออนไลน์. ภาพที่ 14-6 กลัก งานช่างสลักดุน สกุลช่างภาคใต้ ที่มา : สุขใจ ดอท คอม (2559). “สลักดุน” ภูมิปัญญาเชิงช่าง จากอดีต สู่ปัจจุบัน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ: ออนไลน์.


Click to View FlipBook Version