The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานวิทยาศาสตร์น้อย เรื่องแป้งมหัศจรรย์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by New Nannapat, 2024-03-23 01:33:37

โครงงานบ้านวิทยาศาสตร์น้อย เรื่องแป้งมหัศจรรย์

โครงงานวิทยาศาสตร์น้อย เรื่องแป้งมหัศจรรย์

คำนำ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กมีพัฒนาการแบบองค์รวมโดยผ่านการลงมือกระทำจาก ประสบการณ์ตรงอย่างหลากหลายในโครงงานวิทยาศาสตร์ วัฏจักรการสืบเสาะเรื่อง “แป้งมหัศจรรย์” นี้ส่งผลให้ เด็กเกิดความรู้ ทักษะ และพัฒนาการที่ดี ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มีความสอดคล้องกับหลักสูตร การศึกษาปฐมวัยซึ่งมุ่งหวังให้มีพัฒนาการครบทุกด้าน ทั้งวินัย ความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และ ประเทศชาติ การเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติโครงงานวิทยาศาสตร์วัฏจักรการสืบเสาะเรื่อง“แป้งมหัศจรรย์” ประกอบด้วยที่มาของโครงงาน และการทำโครงงานด้วยวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 3 รอบ (6ขั้นตอน) ได้แก่ การตั้งคำถาม การรวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน ทดสอบปฏิบัติการสืบเสาะ สังเกตและบรรยาย บันทึก ข้อมูล และอภิปรายผล ตามลำดับ ส่งผลให้เด็กได้พัฒนาทั้งความสามารถพื้นฐานและพัฒนาทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ 8 ทักษะ ขอขอบพระคุณท่านศึกษานิเทศก์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองหว้าประชารัฐ และคณะครูทุกท่านที่ให้ การสนับสนุนส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งพัฒนาการในด้านเทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ ฯลฯ ส่งผลให้โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง “แป้งมหัศจรรย์” สำเร็จลุล่วง อันเป็น แนวทางสำคัญในการพัฒนาเด็กให้มีความสนใจในการเรียนรู้ (สะเต็มศึกษา) อย่างต่อเนื่องในอนาคตข้างหน้า นางสาวนันท์นภัส รังไสย์


สารบัญ เรื่อง แป้งมหัศจรรย์ หน้า ที่มาของโครงงาน 1 คำถามที่ 1 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร 3 ขั้นที่ 1 ตั้งคำถาม 3 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน 3 ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการ 4 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 8 ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 8 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล 9 คำถามที่ 2 แป้งโดว์มีขั้นตอนการทำอย่างไร 10 ขั้นที่ 1 ตั้งคำถาม 10 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน 10 ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการ 11 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 15 ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 16 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล 17 คำถามที่ 3 ทำอย่างไรแป้งโดว์ถึงจะมีสี 18 ขั้นที่ 1 ตั้งคำถาม 18 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน 18 ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการ 19 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 22 ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 23 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล 23


สารบัญ เรื่อง แป้งมหัศจรรย์ หน้า ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 25 1. ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน 25 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 26 ภาคผนวก 27 - รายชื่อนักเรียน 28 - สำเนาเกียรติบัตร 29 - แบบสอบถามแนวทางการดำเนินโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย 30-32 ระดับปฐมวัย สำหรับผู้บริหารโรงเรียน


1 รายงานการทำโครงงานบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยเด็กปฐมวัย ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ปีการศึกษา 2566 ชื่อโครงงาน แป้งมหัศจรรย์ ผู้จัดทำโครงงาน นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2-3 โรงเรียนบ้านหนองหว้าประชารัฐ ครูที่ปรึกษา นางสาวนันท์นภัส รังไสย์ ระยะเวลาในการจัดทำ ระหว่างวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ถึง 14 มีนาคม 2567 ที่มาของโครงงาน วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 โครงงาน “แป้งมหัศจรรย์” เริ่มต้นจากเด็ก ๆ ได้เรียนหน่วย โลกสวยด้วยสีสัน โดยทำกิจกรรมทำขนมบัว ลอย เด็ก ๆ จึงได้ปั้นแป้งทำขนมบัวลอย ขณะที่ปั้นกันอยู่เด็ก ๆ จึงเกิดข้อสงสัยขึ้นว่านอกจากแป้งข้าวเหนียวที่เรา ใช้ปั้นขนมบัวลอยแล้ว เราจะใช้แป้งอะไรปั้นได้อีก บทสนทนาก่อนเริ่มค้นหาคำตอบ น้องเนเน่ : ทำไมแป้งข้าวเหนียวถึงปั้นได้ครับ น้องวันใหม่ : นอกจากดินน้ำมันเราใช้อะไรปั้นได้อีกไหมคะ คุณครู : “เด็ก ๆ คิดว่าอะไรที่สามารถปั้นได้แบบแป้งที่เราทำขนมบัวลอยคะ” น้องนับตังค์ : สไลม์ครับ คุณครู : มีอย่างอื่นอีกไหมคะ น้องอาย : ดินเบาค่ะ


2 น้องหนูนา : แป้งโดว์ค่ะ คุณครู : เด็ก ๆ ว่าเราจะสามารถทำแป้งโดว์มาใช้ปั้นแทนดินน้ำมันได้ไหมคะ น้องพอร์ช : ได้ครับ น้องวันใหม่ : ได้ค่ะ คุณครูนำสไลม์ ดินเบา และแป้งโดว์มาให้เด็กๆ ดูแล้วถามนำว่าสิ่งของเหล่านั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร มี ข้อสังเกตว่าลักษณะต่างๆเหล่านั้นแตกต่างกันอย่างไร เช่น นุ่ม แข็ง เหนียว เป็นต้น น้องมอส : ดินเบามันนุ่มๆครับ น้องหนูนา : สไลม์มันเหนียวๆนุ่มครับ น้องนับตังค์ : แป้งโดว์นุ่มเหมือนดินเบาเลยครับ จากนั้นเด็กและครูร่วมกันสร้างข้อตกลงกันว่าจะศึกษาเรื่องแป้งโดว์ แต่เด็กๆทุกคนจะต้องไม่ทำลายของ และใช้อย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหาย ครูพาเด็กๆหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตและดูวิธีการทำแป้งโดว์ เพื่อให้นักเรียนรู้จะวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้และวิธีการทำเบื้องต้น


3 ขั้นที่ 1 ตั้งคำถาม (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567) จากคำถามที่เด็ก ๆ อยากรู้ว่าแป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร จุดประสงค์ เพื่อศึกษาลักษณะของแป้งโดว์ ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน ( วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ) จากการคำถามข้างต้นที่เด็ก ๆ อยากรู้นำไปสู่การตั้งข้อสันติฐานคำตอบ โดยใช้คำถามกระตุ้น คุณครู : เด็ก ๆ คิดว่าแป้งโดว์มีลักษณะอย่างไรค่ะ น้องมอส : มันนิ่มๆครับ น้องวันใหม่ : มีหลายสีค่ะ น้องพอร์ช : เหมือนดินน้ำมันครับ น้องอาย : มีกลิ่นด้วยค่ะ จากการสนทนารวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐานจากเด็กและครู สรุปลงในแผ่นกระดาษชาร์ทได้ดังนี้ 1. เนื้อนิ่มๆ 2. ปั้นได้เหมือนดินน้ำมัน 3. มีกลิ่น คำถามที่ 1 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร


4 ครูจดบันทึกคำถามของเด็ก ๆ และให้เด็ก ๆ เลือกคำถามที่ต้องการไปสืบเสาะและทดลอง ขั้นที่ 3 ทดสอบและการปฏิบัติการสืบเสาะ (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 ) ครูและเด็ก ๆ ร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับวิธีการหาคำตอบของลักษณะของแป้งโดว์ ครูกระตุ้นเด็กโดยใช้ คำถาม คุณครู : เด็ก ๆ จะรู้ได้อย่างไร ว่าแป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร น้องเนเน่ : ไปซื้อที่ร้านค้ามาดูครับ น้องอาย : คุณครูพาทำแป้งโดว์ค่ะ น้องพอร์ช : เอานิ้วจิ้มดูครับ คุณครู : งั้นเด็ก ๆ ลองไปเอาแป้งโดว์ที่คุณครูทำไว้ในตู้สีชมพูหลังห้องมาสังเกตดูค่ะ น้องโยเกิร์ต : ค่ะ


5 คุณครู : เด็ก ๆ จะรู้ได้อย่างไร ว่าแป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร น้องวันใหม่ : หนูเอานิ้วไปจิ้ม ๆ ดูมันนิ่มค่ะ น้องนับต์ : ผมลองดมดูมันมีกลิ่นด้วยครับ น้องพอร์ช : บีบแล้วมันปั้นได้เหมือนดินน้ำมันเลยครับ จากการสนทนารวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐานจากเด็กและครู สรุปลงในแผ่นกระดาษชาร์ทได้ดังนี้ 1. เนื้อนิ่ม ๆ 2. มีกลิ่น 3. ปั้นได้


6 จากนั้น เด็ก ๆ นำแป้งโดว์มาสังเกตตามวิธีที่บอกไว้ คุณครู : เด็ก ๆ จับแป้งโดว์แล้วรู้สึกอย่างไรคำ น้องหนูนา : มันนิ่มค่ะ น้องเฟิร์ส : กลิ่นมันเหมือนขนมแพนเค้กเลยครับ น้องโยเกิร์ต : หนูเอามาปั้นเป็นดอกไม้ได้ด้วยค่ะ จากนั้นให้เด็ก ๆ สังเกตลักษณะของแป้งโดว์ด้วยตนเอง ค้นหาคำตอบ ข้อสงสัยโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง ห้าของตนเอง โดยครูเป็นผู้คอยอำนวยความสะดวกและใช้คำถามกระตุ้น


7 ภาพการทดสอบข้อสันนิษฐาน


8 ขั้นที่ 4 สังเกตและการบรรยาย (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563) เมื่อเด็ก ๆ ทำการทดสอบข้อสันนิษฐานด้วยวิธีการต่าง ๆ เสร็จแล้ว เด็ก ๆ บอกเล่าให้เพื่อนและครูฟัง จากนั้นเด็กและครูร่วมกันบันทึกข้อมูลลงกระดาษ เด็กๆบอกเล่าผลจากการทดสอบข้อสันนิษฐานร่วมกัน ดังนี้ ข้อสันนิษฐานที่ 1 : เนื้อนิ่ม เด็ก ๆ ทดสอบโดยการใช้มือไปจับแป้งโดว์ ข้อสันนิษฐานที่ 2 : มีกลิ่น เด็ก ๆ ทดสอบโดยการใช้จมูกดมกลิ่น ข้อสันนิษฐานที่ 3 : ปั้นได้ เด็ก ๆ ทดสอบโดยการใช้มือสัมผัสแป้ง และปั้นเป็นรูปตามที่ต้องการ ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563) หลังจากการสังเกตลักษณะของแป้งโดว์ เด็ก ๆ บอกเล่าและครูทำหน้าที่จดบันทึกสิ่งที่เด็ก ๆ บอกลง กระดาษ


9 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563) เด็ก ๆ และครูร่วมกันสนทนาทบทวนถึงคำถามที่เด็กอยากรู้คำถามที่ 1 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร เด็ก ออกมาเล่านำเสนอผลการปฏิบัติการสืบเสาะว่าเป็นไปตามที่ตั้งข้อสันนิษฐานไว้หรือไม่ เด็กและครูร่วมกันบันทึกผล ปรากฏการณ์ว่าแป้งโดว์มีลักษณะอย่างไรจากข้อสันนิษฐานดังนี้ ข้อที่ 1 แป้งโดว์มีเนื้อนิ่ม โดยทราบจากการใช้มือ ไปจับแป้งโดว์ข้อที่ 2 มีกลิ่น โดยทราบจากการใช้จมูกดมกลิ่น ข้อที่ 3 ปั้นได้ โดยทราบจากการใช้มือปั้นแป้งเป็น รูปที่ตนต้องการ จากการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 แป้งโดว์มีลักษณะเนื้อนิ่มมีกลิ่นและปั้นได้ตามข้อสันนิษฐานทั้ง 3 ข้อ


10 ขั้นที่ 1 ตั้งคำถาม ( วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ) จากการที่เด็ก ๆ สนใจเกี่ยวกับเรื่องของแป้งโดว์ในคำถามที่ 1 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร จึงนำมาสู่คำถาม ที่เด็ก ๆ อยากรู้เพิ่มเติม คือ คำถามที่ 2 แป้งโดว์มีขั้นตอนการทำอย่างไร จุดประสงค์ เพื่อศึกษาขั้นตอนการทำแป้งโดว์ ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน ( วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ) จากคำถามที่เด็ก ๆ อยากรู้นำไปสู่การตั้งข้อสันนิษฐานคำตอบที่เด็กอยากรู้ โดยใช้คำถามกระตุ้น คุณครู : เด็ก ๆ แป้งโดว์มีส่วนประกอบอะไรบ้างคะ น้องเฟิร์ส : แป้งครับ น้องหนูนา : น้ำมันค่ะ น้องมอส : เกลือครับ น้องวันใหม่ : น้ำเปล่าค่ะ คุณครู : แล้วแป้งโดว์ทำได้อย่างไรคะ น้องพอร์ช : เอาทุกอย่างมาผสมกัน แล้วก็นวด ๆ ครับ น้องอาย : เราจะใช้แป้งข้าวเหนียวทำได้ไหมคะ คำถามที่ 2 แป้งโดว์มีขั้นตอนการทำอย่างไร


11 คุณครู : เราจะรู้ได้ยังไงว่าแป้งชนิดไหนบ้างที่จะนำมาทำแป้งโดว์ได้ น้องโยเกิร์ต : แป้งสาลีค่ะ น้องเนเน่ : แป้งข้าวเจ้าครับ น้องมอส : แป้งข้าวเหนียวครับ จากการสนทนารวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐานจากเด็กและครู สรุปลงในแผ่นกระดาษชาร์ทได้ดังนี้ 1. ส่วนผสมของแป้งโดว์ประกอบด้วยแป้ง,เกลือ,น้ำมันและน้ำ 2. แป้งสาลีสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ 3. แป้งข้าวเจ้าสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ 4. แป้งข้าวเหนียวสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ ขั้นที่ 3 ทดสอบและการปฏิบัติการสืบเสาะ (วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567) ครูและเกร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับวิธีการหาคำตอบ โดยใช้คำถามกระตุ้น คุณครู : เราจะรู้วิธีการทำแป้งโดว์ได้อย่างไรคะ น้องนับตังค์ : คุณครูเปิดดูในโทรศัพท์ครับ คุณครู : มีอย่างอื่นอีกไหมคะ น้องอาย : ดูในยูทูปค่ะ น้องหนูนา : ดูในอินเทอร์เน็ตค่ะ


12 น้องเฟิร์ส : ทดลองทำเองครับ เด็ก ๆ และครูร่วมกันสนทนาสรุปวิธีการทดสอบ ดังนี้ 1. ศึกษาจากอินเทอร์เน็ต (Google) 2. เปิดดูในยูทูป 3. ทดลองทำเอง วิธีที่ 1 ศึกษาจากอินเทอร์เน็ต (Google) และวิธีที่ 2 เปิดดูในยูทูป จากการค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตและยูทูปเด็กและครูสรุปได้ว่าแป้งโดว์ มีส่วนประกอบดังนี้ 1. แป้งสาลี 2 ถ้วยตวง 2. เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ 3. น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ 4. น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง


13 วิธีการทำ 1. ใส่แป้งสาลี เกลือ น้ำมันพืช ผสมกันในภาชนะที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากัน 2. หลังจากคลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ แล้วก็ใส่น้ำ เวลาเทน้ำก็ค่อย ๆ เท เทน้ำไปพลางคนส่วนผสมไปพลาง ดู ให้ปริมาณน้ำให้ไม่มากหรือน้อยไป 3. จากนั้นให้นวดแป้งไปเรื่อย ๆ จนกว่าแป้งจะเป็นเนื้อเดียวกัน วิธีที่ 3 ทดลองทำเอง วัสดุ/อุปกรณ์ คุณครูแบ่งเด็กออกเป็น 3 กลุ่ม โดยแบ่งตามประเภทของแป้ง เมื่อเริ่มทำการทดลองเด็ก ๆ ช่วยกันบอก และช่วยกันหยิบจับอุปกรณ์และส่วนประกอบของแป้งโดว์ระหว่างการทำแป้งโดว์ครูมีหน้าที่คอยอำนวยความ สะดวกในการทดลองทำแป้งโดว์ให้กับเด็ก ๆ และคอยใช้คำถามกระตุ้นในระหว่างการทำแป้งโดว์ แต่ละกลุ่มท ำกำรตวงแป้งลงภำชนะ 2 ถ้วยตวง ตักเกลือใส่ 2 ช้อนโต๊ะ


14 ใส่น ้ำมันลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ค่อย ๆ เติมน ้ำลงไป คลุกเคล้ำส่วนผสมให้เข้ำกัน นวดแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน ผลงำนที่ได้


15 ขั้นที่ 4 สังเกตและการบรรยาย (วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563) เมื่อเด็ก ๆ ทำการทดสอบข้อสันนิษฐานด้วยวิธีการต่าง ๆ เสร็จแล้ว เด็ก ๆ บอกเล่าให้เพื่อนและครูฟัง จากนั้นเด็กและครูร่วมกันบันทึกข้อมูลลงกระดาษ เด็กๆบอกเล่าผลจากการทดสอบข้อสันนิษฐานร่วมกัน ดังนี้ ข้อสันนิษฐานที่ 1 : ส่วนผสมของแป้งโดว์ประกอบด้วย แป้ง,เกลือ,น้ำมัน,น้ำ เด็ก ๆ ทดสอบโดยการหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตและยูทูป จากการทดลองสูตรในการทำแป้งโดว์คือ แป้ง 2 ถ้วยตวง,เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ ,น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ,น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง ข้อสันนิษฐานที่ 2 : แป้งสาลีสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ เด็ก ๆ ทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งสาลีในอัตราส่วนตามสูตร จากการทดลองทำคนส่วนผสม และนวดแป้ง ผลปรากฏว่าแป้งจับตัวกันได้ มีกลิ่น นิ่มและคลึงเป็นเส้นได้ ข้อสันนิษฐานที่ 3 : แป้งข้าวเจ้าสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ เด็ก ๆ ทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งข้าวเจ้าในอัตราส่วนตามสูตร จากการทดลองทำคน ส่วนผสมและนวดแป้ง ผลปรากฏว่าแป้งจับตัวกันเป็นก้อน เนื้อแป้งค่อนข้างแข็งและไม่มีความยืดหยุ่น ปั้นคลึงเป็น เส้นไม่ได้ ข้อสันนิษฐานที่ 4 : แป้งข้าวเหนียวสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ เด็ก ๆ ทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งข้าวเหนียวในอัตราส่วนตามสูตร จากการทดลองทำคน ส่วนผสมและนวดแป้ง ผลปรากฏว่าแป้งจับตัวกันได้มี นิ่ม ปั้นและคลึงเป็นเส้นได้


16 ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล (วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563) หลังจากการศึกษาขั้นตอนการทำแป้งโดว์ เด็กบอกเล่า เด็ก ๆ บอกเล่าและครูทำหน้าที่จดบันทึกสิ่งที่เด็ก ๆ บอกลงกระดาษ การบันทึกข้อมูลและการนำเสนอผลงาน


17 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล (วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563) เด็กและครูร่วมกันสนทนาทบทวนถึงคำถามที่เด็กอยากรู้ คำถามที่ 2 แป้งโตว์มีขั้นตอนทำอย่างไร เด็กออกมาเล่านำเสนอผลการปฏิบัติการสืบเสาะว่าเป็นไป ตามที่ตั้งข้อสันนิษฐานเอาไว้หรือไม่ เด็กและครูร่วมกันบันทึก ผลปรากฏการณ์ว่า ข้อที่ 1 ส่วนผสมของแป้งโดว์ประกอบด้วย แปัง,เกลือ,น้ำมัน,น้ำ เด็ก ๆ ทดสอบโดยการหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต และยูทูป จากการทดสองสูตรในการทำแป้งโดว์คือแป้ง 2 ถ้วยตวง,เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ ,น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ,น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง ข้อที่ 2 แป้งสาลีสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้เด็ก ๆ ทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งสาลีในอัตราส่วนตาม สูตร จากการทดลองทำคนส่วนผสมและนวดแป้ง ผลปรากฏว่าแป้งจับตัวกันได้ มีกลิ่น นิ่มและคลึงเป็นเส้นได้ ข้อที่ 3 แป้งข้าวเจ้าสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้เด็ก ๆ ทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งข้าวเจ้าใน อัตราส่วนตามสูตร จากการทดลองทำคนส่วนผสมและนวดแป้ง ผลปรากฏว่าแป้งจับตัวกันเป็นก้อน เนื้อแป้ง ค่อนข้างแข็งและไม่มีความยืดหยุ่น ปั้นคลึงเป็นเส้นไม่ได้ ข้อที่ 4 แป้งข้าวเหนียวสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้


18 ขั้นที่1 ตั้งคำถาม (วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567) จากการที่เด็กๆ สนใจเกี่ยวกับแป้งโดว์ในคำถามที่ 3 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร นำไปสู่คำถามที่ เด็กๆอยากรู้เพิ่มเติม และนำไปสู่คำถามที่ 2 ได้แก่ แปังโดว์มีชั้นตอนทำอย่างไร จากนั้นครูและเด็กได้สนทนา ร่วมกันว่าทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี จุดประสงค์เพื่อให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน (วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567) จากคำถามที่เด็ก ๆ อยากรู้นำไปสู่การตั้งข้อสันนิษฐานคำตอบที่เด็กอยากรู้ โดยใช้คำถามกระตุ้น คุณครู : เด็ก ๆ คิดว่าทำยังไงแป้งโดว์เราถึงจะมีสีคะ น้องเฟิร์ส : เติมสีครับ น้องหนูนา : หนูอยากให้เป็นสีชมพูค่ะ น้องมอส : ใส่สีผสมอาหารเหมือนที่เราทำขวดน้ำทอร์นาโดครับ น้องวันใหม่ : หนูขอสีเขียวค่ะ คุณครู : เด็ก ๆ อยากนำแป้งโดว์มาปั้นเป็นรูปอะไรคะ น้องโยเกิร์ต : ดอกไม้ค่ะ คำถามที่ 3 ทำอย่างไรแป้งโดว์ถึงจะมีสี


19 น้องเนเน่ : ดอกไม้ครับ สรุปข้อสันนิษฐาน เติมสีผสมอาหารลงไปในแป้งโดว์ ขั้นที่ 3 ทดสอบและการปฏิบัติการสืบเสาะ (วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567) ครูและเกร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับวิธีการหาคำตอบ โดยใช้คำถามกระตุ้น คุณครู : เราจะรู้วิธีการทำแป้งโดว์ได้อย่างไรคะ น้องโยเกิร์ต : ดูในยูทูปค่ะ น้องอาย : ดูในอินเทอร์เน็ตค่ะ น้องหนูนา : ทดลองทำเองค่ะ เด็ก ๆ และครูร่วมกันสนทนาสรุปวิธีการทดสอบ ดังนี้ 1. ดูในอินเทอร์เน็ต 2. เปิดดูในยูทูป 3. ทดลองทำเอง


20 วิธีที่ 1และ 2 ศึกษาหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตและยูทูป จากการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตและยูทูป เด็กและครูสรุปว่าทำอย่างไรแป้งโดว์ถึงจะมีสีมี ส่วนประกอบดังนี้ 1. สีผสมอาหาร 1-2 ช้อนโต๊ะหรือจนกว่าจะได้สีที่ต้องาร วิธีการทำ 1. ใส่แป้ง เกลือ น้ำมันพืช และสีผสมอาหาร ผสมกันในภาชนะ คลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากัน 2. หลังจากคลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ แล้ว ก็ใส่น้ำตามลงไป เวลาเทน้ำก็ค่อย ๆ เท เทน้ำไปพลางคนส่วนผสม ไปพลาง ดูให้ปริมาณน้ำให้ไม่มากหรือน้อยไป 3. คนให้แป้งเข้ากันแล้วนำออกมาเมื่อนวดแป้งจนได้ที่ และได้สีตามที่ต้องการ หลังจากนวดจนเป็นเนื้อ เดียวกันแล้ว เราก็ปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม ๆ เก็บไว้ในกระปุกหรือถุงซิปลือก แล้วเก็บไว้ในตู้เย็นอีกที วิธีที่ 3 ทดลองทำเอง คุณครูแบ่งเด็กออกเป็น 3 กลุ่ม โดยแบ่งเป็นสีแดง สีเขียว สีเหลือง เมื่อเริ่มทำการทดลองเด็ก ๆ ช่วยกัน บอกและช่วยกันหยิบจับอุปกรณ์ในการผสมสีระหว่างการผสมสีแป้งโดว์ครูมีหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในการ ทดลองผสมสีแป้งโดว์ให้กับเด็ก ๆ และคอยใช้คำถามกระตุ้นในระหว่างการทำ การทำแป้งโดว์ ใช้แป้งสำลี 2 ถ้วยตวง เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ


21 เติมสีผสมอำหำรลงไป 5 หยด น ้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ ค่อย ๆ เติมน ้ำลงไป คลุกเคล้ำส่วนผสมให้เข้ำกัน นวดแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน


22 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย (วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567) เมื่อเด็กๆทำการทดสอบข้อสันนิษฐานด้วยวิธีการต่างๆเสร็จแล้วเด็กๆบอกเล่าให้เพื่อนและครูฟัง จากนั้น เด็กและครูร่วมกันบันทึกข้อมูลลงกระดาษ เด็กๆบอกเล่าผลจากการทดสอบข้อสันนิษฐานร่วมกัน ดังนี้ กลุ่มที่ 1 สีแดง เติมสีผสมอาหารสีแดง 1 ช้อนโต๊ะ ได้สีของแป้งโดว์ที่ต้องการ กลุ่มที่ 2 สีเขียว เติมสีผสมอาหารสีเขียว 1 ช้อนโต๊ะ ได้สีของแป้งโดว์ที่ต้องการ กลุ่มที่ 3 สีเหลือง เติมสีผสมอาหารสีเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ ได้สีของแป้งโดว์ที่ต้องการ นวดแป้งกับสีผสมอำหำรให้เป็นเนื้อเดียวกัน ผลงำนที่ได้


23 ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล (วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567) หลังจากการศึกษาทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี เด็กบอกเล่า โดยเด็กและครูทำหน้าที่บันทึกสิ่งที่เด็กบอก ลงกระดาษ ชั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล (วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567) เด็กและครูร่วมกันสนทนาทบทวนถึงคำถามที่เด็กอยากรู้คำถามที่ 3 ทำอย่างไรแป้งโดว์ถึงจะมีสีเด็ก ออกมาเล่านำเสนอผลการปฏิบัติการสืบเสาะว่าเป็นไปตามที่ตั้งข้อสันนิษฐานเอาไว้หรือไม่ เด็กและครูร่วมกัน บันทึก ผลปรากฏการณ์ว่า แป้งโตว์ทำให้มีสีใด้โดยเดิมสีผสมอาหารลงไป 1.สีแดง 2 ซ้อนโต๊ะ ๒.สีเขียว 1 ช้อนโต๊ะ 3.สีเหลือง 1 ซ้อนโต๊ะ ซึ่งตรงกับข้อสันนิษฐานของวิธีการทำคือเติมสีผสมอาหาร สีแดง สีเขียวและสีเหลือง จะได้ แป้งโดว์สีตามที่เราต้องการ


24 บันทึกผลงานหลังจากค้นหาคำตอบครบทั้ง 3 คำถาม การนำเสนอข้อมูลจากการปั้นแป้งโดว์ตามจินตนาการ


25 ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 1. ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน 1. 1 ด้านการเรียนรู้ * เด็กสามารถตั้งคำถามที่อยากรู้ได้ด้วยตนเอง * เด็กสามารถลงมือปฏิบัติการประดิษฐ์ด้วยตนเอง * เด็กๆสามารถบอกและอธิบายถึงการเรียนรู้ของตนเองที่ได้ลงมือปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอนและ ค้นหาคำตอบจากการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง 1.2. ด้านภาษา * เด็กสามารถบอกลำดับก่อนหลังการปฏิบัติได้ด้วยตนเองอย่างเป็นละดับขั้นตอน * เด็กสามารถเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติได้ด้วยตนเอง * เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นและนำเสนอผลงานของตนเองได้ 1.3. ด้านสังคม * เด็กสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นได้ * เด็กสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ * เด็กสามารถเป็นผู้นำผู้ตามที่ดีได้ 1.4. ด้านการเคลื่อนไหว * เด็กสามารถหยิบ จับ อุปกรณ์ในการปฏิบัติได้อย่างคล่องแคล่ว * เด็กสามารถเคลื่อนไหวร่างกายไอย่างอิสระ


26 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.1 ทักษะการสังเกต * การสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวว่ามีลักษณะ รูปทรง คล้ายลักษณะของสามเหลี่ยมได้ 2.2 ทักษะการวัด * เด็กๆสามารถบอกขนาดสั้น – ยาวของสิ่งที่ทำได้ 2.3 ทักษะการจำแนกประเภท * เด็กๆสามารถแยกประเภทของสิ่งที่ทำได้ 2.4 ทักษะการคำนวณ * เด็กๆสามารถคำนวณความสั้น – ยาว ของสิ่งที่ทำได้ * เด็กๆสามารถนับจำนวนของสิ่งที่ทำได้ 2.5 ทักษะการพยากรณ์หรือการคาดคะเนคำตอบ * เด็กสามารถคาดคะเนคำตอบที่คิด“เมื่อนำสามเหลี่ยมมาต่อกันยาวๆจะได้ธง 1 เส้น” 2.6 ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา * เด็กๆสามารถบอกได้ว่าช่องว่างระหว่างธงต้องมีระยะห่างเท่ากันจะทำให้ได้ธงที่มีความสมดุล 2.7 ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล * เด็กๆสามารถสรุปผลการปฏิบัติจากสิ่งที่สังเกตได้ จากนั้นนำเสนอผลการปฏิบัติหน้าชั้นเรียน เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้อื่นได้ 2.8 ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล * เด็กๆสามารถแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพิ่มเติมได้


27 ภาคผนวก


28 รายชื่อนักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้านหนองหว้าประชารัฐ ปีการศึกษา 2566 1. เด็กหญิงอภิญญา โลขันธ์ 2. เด็กหญิงภิญญดา คำโยค 3. เด็กหญิงสุพัตรา ศรีบุญเรือง 4. เด็กหญิงกนกวรรณ อาจมูลตรี 5. เด็กชายธีรเทพ หารโรงสี 6. เด็กชายธนัช แสงคำ รายชื่อนักเรียนชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนบ้านหนองหว้าประชารัฐ ปีการศึกษา 2566 1. เด็กชายอดิเทพ ตาแหวน 2. เด็กชายก้องภพ ศิลาจันทร์ 3. เด็กชายจักษณา กรมลี


29


30


31


32


33


Click to View FlipBook Version