The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยในชั้นเรียน - จิราภรณ์ จำเนียรผล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Anu Kimoji, 2023-02-19 00:36:59

วิจัยในชั้นเรียน - จิราภรณ์ จำเนียรผล

วิจัยในชั้นเรียน - จิราภรณ์ จำเนียรผล

ตารางที่ 3.3 แบบเนื้อหาเรื่องย่อยในการจัดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการใช้เทคนิค Jigsaw ล าดับ ที่ สาระการเรียนรู้(หัว เรื่อง) เรื่องย่อย เวลา ชั่วโมง 1 เนื้อเยื่อล าเลียงในพืช 1.1 เนื้อเยื่อล าเลียงน้ าของพืชใบเลี้ยงคู่ 1.2 เนื้อเยื่อล าเลียงน้ าของพืชใบเลี้ยงเดี่ยว 1.3 เนื้อเยื่อล าเลียงอาหารของพืชใบเลี้ยงคู่ 1.4 เนื้อเยื่อล าเลียงอาหารของพืชใบเลี้ยงเดี่ยว 1 2 การสืบพันธุ์แบบอาศัย เพศ และไม่อาศัยเพศ ของพืชดอก 1.1 การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอก 1.2 การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชดอก 1.3 ประโยชน์การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอก 1.4 ประโยชน์การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชดอก 2 3 โครงสร้างของดอก และ การถ่ายเรณู 1.1 ลักษณะ และหน้าที่ของกลีบเลี้ยง (Sepals) 1.2 ลักษณะ และหน้าที่ของกลีบดอก (Petals) 1.3 ลักษณะ และหน้าที่ของเกสรตัวผู้ (Stamen) 1.4 ลักษณะ และหน้าที่ของเกสรตัวเมีย (Pistil) 1 4 การถ่ายเรณูของพืชดอก 1.1 ขั้นตอนการถ่ายเรณูของพืชดอก 1.2 ลักษณะ และหน้าที่ของเกสรเพศเมีย 1.3 ลักษณะ และหน้าที่ของเกสรเพศผู้ 1.4 ปัจจัยที่ช่วยในการถ่ายเรณูของพืชดอก 2 5 ธาตุอาหารที่มีผลต่อการ เจริญเติบโต และการ ด ารงชีวิตของพืช 1.1 ธาตุอาหารที่จ าเป็น 1.2 ธาตุอาหารที่ไม่จ าเป็น 1.3 ผลกระทบหากขาดธาตุอาหารที่จ าเป็น 1.4 ผลกระทบหากขาดธาตุอาหารที่ไม่จ าเป็น 1 6 ธาตุอาหารเหมาะสมกับ พืช 1.1 ประโยชน์ของธาตุอาหารหลัก และอาการของพืช เมื่อขาดธาตุอาหารหลัก 1.2 ประโยชน์ของธาตุอาหารรอง และอาการของพืช เมื่อขาดธาตุอาหารรอง 1.3 ประโยชน์ของธาตุอาหารเสริม และอาการของพืช เมื่อขาดธาตุอาหารเสริม 1.4 การเสริมธาตุอาหารให้พืชเมื่อพืชขาดธาตุอาหาร 2 7 การขยายพันธุ์พืช 1.1 การขยายพันธุ์พืชโดยการเพาะเมล็ด 1.2 การขยายพันธุ์พืชโดยการใช้ราก 1.3 การขยายพันธุ์พืชโดยการใช้ล าต้น 1.4 การขยายพันธุ์พืชโดยการใช้ใบ 1


ล าดับ ที่ สาระการเรียนรู้(หัว เรื่อง) เรื่องย่อย เวลา ชั่วโมง 8 เทคโนโลยีชีวภาพ 1.1 การโคลน 1.2 พันธุวิศวกรรม 1.3 การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 1.4 จีเอ็มโอ 2 9 ประโยชน์ของการ ขยายพันธุ์พืช 1.1 ประโยชน์ของการเพิ่มจ านวนต้นพืชให้มากขึ้น 1.2 ประโยชน์ของการคงลักษณะพันธุ์เดิมไว้ 1.3 ประโยชน์ของการปรับปรุงพันธุ์ให้เกิดพันธุ์ใหม่ เพื่อให้เกิดพันธุ์ดี 1.4 ประโยชน์ของการทนทานต่อโรคและแมลง 1 รวมเวลาเรียน 13 3.3.1.2 ขั้นที่ 2 จัดกลุ่มนักเรียนให้มีสมาชิกที่มีความสามารถคละกัน เป็นกลุ่มพื้นฐาน หรือ Home Groups จ านวนสมาชิกในกลุ่ม 4-6 คน จากนั้นแจกเอกสารหรืออุปกรณ์การสอนให้กลุ่มละ 1 ชุด หรือให้คนละชุดก็ได้ ก าหนดให้สมาชิกแต่ละคนรับผิดชอบอ่านเอกสารเพียง 1 ส่วนที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น หากแต่ละกลุ่มได้รับเอกสารเพียงชุดเดียว ให้นักเรียนแยกเอกสารออกเป็นส่วนๆ ตามหัวข้อย่อย ดังนี้ ในแต่ละ กลุ่ม นักเรียนคนที่ 1 จะอ่านเฉพาะหัวข้อย่อยที่ 1 นักเรียนคนที่ 2 จะอ่านเฉพาะหัวข้อย่อยที่ 2 นักเรียนคนที่ 3 จะอ่านเฉพาะหัวข้อย่อยที่ 3 นักเรียนคนที่ 4 จะอ่านเฉพาะหัวข้อย่อยที่ 4 3.3.1.3 ขั้นที่ 3 เป็นการศึกษาในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (Expert Groups) นักเรียนจะแยก ย้ายจากกลุ่มพื้นฐาน (Home Group) ไปจับกลุ่มใหม่เพื่อท าการศึกษาเอกสารส่วนที่ได้รับมอบหมาย โดยคนที่ ได้รับมอบหมายให้ศึกษาเอกสารหัวข้อย่อยเดียวกัน จะไปนั่งเป็นกลุ่มด้วยกัน แล้วแต่จ านวนสมาชิกของกลุ่มที่ ครูก าหนด ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ สมาชิกจะอ่านเอกสาร สรุปเนื้อหาสาระ จัดล าดับขั้นตอนการน าเสนอ เพื่อ เตรียมทุกคนให้พร้อมที่จะไปสอนหัวข้อนั้น ที่กลุ่มเดิมของตนเอง 3.3.1.4 ขั้นที่ 4 นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลับกลุ่มเดิมของตน แล้ว ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอธิบายให้เพื่อนในกลุ่มฟังทีละหัวข้อ มีการซักถามข้อสงสัย ตอบปัญหา ทบทวนให้ เข้าใจชัดเจน 3.3.1.5 ขั้นที่ 5 นักเรียนแต่ละคนท าแบบทดสอบเกี่ยวกับเนื้อหาทั้งหมดทุกหัวข้อ แล้ว น าคะแนนของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มมารวมกันเป็นคะแนนกลุ่ม 3.3.1.6 ขั้นที่ 6 กลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุด จะได้รับรางวัล หรือการชมเชย 3.3.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจัดการเรียนรู้ในการจัดกิจกรรมการ เรียนแบร่วมมือร่วมกับการใช้เทคนิคจิกซอร์เรื่อง การด ารงชีวิตของพืช ดังนี้


3.3.2.1 ก าหนดจุดมุ่งหมายของการสอบให้แน่ชัดว่าจะสอบเพื่ออะไร สอบกับใคร ใน ระดับชั้นใด 3.3.2.2 ก าหนดลักษณะของสิ่งที่จะวัด ในการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนผู้วัดต้องรู้ว่าสิ่งที่ต้องการจะวัดนั้นคืออะไร เช่น ต้องการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ใน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผู้วัดจะต้องรู้ว่าในสาระของกลุ่มวิชาคณิตศาสตร์นี้มีจุดมุ่งหมายของการเรียนการ สอนอย่างไร ประกอบด้วยเนื้อหาใดบ้างต้องการให้ผู้เรียนบรรลุพฤติกรรมใดบ้างพฤติกรรมเหล่านั้นเป็นอย่างไร ต้องก าหนดให้ชัดเจน ซึ่งอาจศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร ต าราและทฤษฎีต่างๆ ได้ในขั้นตอนนี้เราอาจพิจารณา จากตารางวิเคราะห์หลักสูตรที่ได้ท าไว้แล้ว 3.3.2.3 ก าหนดชนิดของเครื่องมือที่ใช้ในการวัดในการก าหนดชนิดของเครื่องมือที่ใช้ วัดนั้นพิจารณาจากคุณลักษณะของสิ่งที่เราจะวัดว่าคืออะไร ซึ่งดูได้จากตารางวิเคราะห์หลักสูตร และต้องดู ด้วยว่าวัดพฤติกรรมใด จะวัดกับใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไรด้วย เพราะเครื่องมือที่ใช้วัดมีหลายชนิด แต่ละชนิด ก็เหมาะกับคุณลักษณะที่จะวัดต่างกัน ดังนั้นผู้สร้างต้องรู้ลักษณะของเครื่องมือแต่ละชนิดด้วย 3.3.2.4 เขียนข้อสอบเมื่อก าหนดได้แล้วถึงชนิดของเครื่องมือที่ใช้วัดผลสัมฤทธิ์ ก็เริ่มลง มือเขียนข้อสอบ โดยเขียนให้สอดคล้องกับคุณลักษณะหรือพฤติกรรมที่ต้องการจะวัด และให้ถูกต้องตามหลัก วิชาของการเขียนข้อสอบแต่ละชนิดด้วย 3.3.2.5 ให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาตรวจสอบแก้ไขเมื่อเขียนข้อสอบเสร็จแล้ว ควรให้ ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญควรประกอบด้วยบุคคล 2 ฝาย คือ ผู้เชี่ยวชาญ ในเนื้อหาสาระ วิชาและผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ทางด้านวัดผลเป็นผู้พิจารณาค าถามและค าตอบว่าถูกต้องตามหลักวิชาหรือไม่ ข้อสอบวัดได้ตรงตามจุดประสงค์หรือไม่ อีกทั้งภาษาที่ใช้ในการเขียนข้อสอบถูกต้องตามหลักวิชาหรือไม่ 3.3.2.6 การทดลองใช้ข้อสอบหลังจากที่ให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาตรวจสอบแก้ไขแล้ว ก็ น าแบบทดสอบไปทดลองใช้แล้วน าผลจากการทดลองมาวิเคราะห์เพื่อหาคุณภาพ และพัฒนาแบบทดสอบ ต่อไป ในการทดลองใช้อาจต้องท าหลาย ๆ ครั้งจนสามารถพัฒนาแบบทดสอบได้มีคุณภาพเป็นที่พอใจจึง น าไปใช้จริงในการสอบต่อไป 3.3.2.7 สร้างเกณฑ์ในการแปลความหมายคะแนนการสร้างเกณฑ์ในการแปล ความหมายคะแนนก็เพื่อต้องการบอกให้ทราบว่า ถ้าบุคคลใดสอบได้คะแนนเท่าไร เขาจะเป็นผู้ที่มี ความสามารถหรือมีลักษณะพฤติกรรมอย่างไร 3.3.2.8 การเขียนรายงานและคู่มือการใช้การเขียนรายงานและคู่มือการใช้ จะท าให้ ผู้น าไปใช้ได้รู้ถึงขั้นตอนในการสร้างแบบทดสอบนั้น และรายละเอียดเกี่ยวกับการด าเนินกาสอบว่าจะปฏิบัติ อย่างไร คะแนนที่แต่ละคนสอบได้จะแปลความหมายอย่างไร ซึ่งจะเป็นข้อมูลให้ผู้ใช้เลือกใช้แบบทดสอบได้ เหมาะสมกับจุดมุ่งหมายในการสอบด้วย 3.3.3 การสร้างแบบวัดความพึงพอใจ ขั้นที่ 1 การก าหนดเนื้อหาความพึงพอใจ คือ ให้เขียนนิยามซึ่งสามารถกระท าโดย 1. การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง และก าหนดนิยาม 2. สัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย 5 คน ขั้นที่ 2 เลือกประเด็นที่วัดความพอใจ และก าหนดวิธีการวัด 1. ประเด็นที่วัดความพอใจให้เลือกมาจากกรอบเนื้อหาที่ก าหนดไว้ในขั้นที่ 1


2. วิธีวัดความพอใจ โดยทั่วไปนิยมใช้วิธี จัดอันดับคุณภาพ 5 ระดับ และประเด็นวัด ความพอใจเป็นทางบวก คือ พึงพอใจอย่างยิ่ง พึงพอใจมาก พึงพอใจสมควร พึงพอใจน้อย หรือค่อนข้างไม่ พอใจ พอใจน้อยเป็นอย่างยิ่งหรือไม่พอใจค่อนข้างมาก ถ้าความพอใจทางลบคะแนนระดับ ความพอใจ จะเป็น ตรงข้ามกับที่ก าหนดไว้ ขั้นที่ 3 จัดท าความพอใจฉบับร่าง ขั้นที่ 4 ทดลองกลุ่มย่อยประมาณ 3 - 5 คน เพื่อตรวจสอบความมั่นคงเฉพาะหน้า ขั้นที่ 5 ให้ผู้เชี่ยวชาญประมาณ 3 - 5 ท่าน ตรวจสอบความแม่นตรงเฉพาะหน้าและความ แม่นตรงเชิงเนื้อหา ขั้นที่ 6 ทดลองภาคสนาม เพื่อการวิเคราะห์ปรับปรุงคุณภาพแบบวัดความพึงพอใจโดยการ หาค่าอ านาจจ าแนก (rxx) และความเชื่อมั่น (Rtt) ด้วยวิธีการของคอนบราค (Cronbach) ขั้นที่ 7 น าไปใช้จริง การแปลความหมายการวัดความพึงพอใจ กรณีความพึงพอใจด้วยการ จัดอันดับคุณภาพ 5 อันดับ สามารถแปลความหมายได้ดังนี้ ค่าเฉลี่ย ระดับความพึงพอใจ ค่าเฉลี่ย 4.50 – 5.00 หมายถึง ระดับความพึงพอใจมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 3.50 – 4.49 หมายถึง ระดับความพึงพอใจมาก ค่าเฉลี่ย 2.50 – 3.49 หมายถึง ระดับความพึงพอใจปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.50 – 2.49 หมายถึง ระดับความพึงพอใจน้อย ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.49 หมายถึง ระดับความพึงพอใจน้อยที่สุด การปรับปรุงแบบวัดความพอใจ 1. พยายามให้มีข้อค าถามวัดความพอใจให้มากพอสมควร อยู่ระหว่าง 10 - 20 ข้อ 2. ควรตัดข้อค าถามที่มีค่า rxx < 0 ออกไป 3. ปรับปรุงขัอค าถามที่ rxx < 0.20 แต่ไม่เท่ากับศูนย์หรือติดลบ 4. ควรสร้างแบบความพอใจให้มีค าถามเผื่อไว้ เพื่อตัดข้อค าถามที่ไม่ดีออกไป แบบวัด ความพอใจมีคุณภาพถึงระดับที่ต้องการ 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูลในงานวิจัย ผู้วิจัยด าเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการจัดการเรียนรู้ดังนี้ 1. รวบรวมข้อมูลความรู้พื้นฐานเดิมของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นระดับผลการเรียนเฉลี่ย วิชาวิทยาศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 จากนั้นเรียงล าดับผลการเรียน แล้วจัดกลุ่มแบบเจาะจง ให้ ทุกกลุ่มประกอบด้วยนักเรียนที่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปานกลาง และผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนต่ าแล้วจัดเป็นกลุ่มถาวรไปจนสิ้นสุดการทดลอง 2. จัดเตรียมแบบทดสอบและกระดาษค าตอบตามจ านวนนักเรียนที่ใช้ในการทดลอง 3. น าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง เรื่อง การด ารงชีวิตของพืช ก่อนเรียน ไป ทดสอบกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 เพื่อวัดความรู้ก่อนเรียน 4. ขั้นด าเนินการสอน โดยผู้วิจัยเป็นผู้ด าเนินการสอนด้วยตนเองให้ได้รับการเรียนแบบร่วมมือ ด้วยเทคนิคจิกซอร์เรื่อง การด ารงชีวิตของพืช ใช้เวลาในการด าเนินการเรียนทั้งหมด 13 ชั่วโมง 5. หลังเสร็จสั้นการด าเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามก าหนดแล้ว ให้นักเรียนท า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน เรื่อง การด ารงชีวิตของพืช


6. ให้นักเรียนท าแบบประเมินความพึงพอใจในแบบวัดความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือร่วมกับเทคนิคจิกซอร์เรื่อง การด ารงชีวิตของพืช 7. ตรวจให้คะแนนแบบทดสอบตามวิธีการให้น้ าหนักคะแนนของเครื่องมือแต่ละชนิด แล้วน า ผลคะแนนไปวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 4.1 การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาคุณภาพและประสิทธิภาพของเครื่องมือการวิจัย 1. วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของเครื่องมือ โดยดัชนีความสอดคล้อง IOC 2. ระดับผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของผู้เรียน เรื่อง การด ารงชีวิตของพืช วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ค่าเฉลี่ยควบคู่กับ (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) โดยใช้สูตร หาค่าเฉลี่ย = Σ เมื่อ แทน คะแนนเฉลี่ยของกลุ่ม Σ แทน ผลรวมของคะแนนทั้งกลุ่ม แทน จ านวนของกลุ่มตัวอย่าง หาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หรือ S.D. เมื่อ S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน X แทน ค่าเฉลี่ย n แทน จ านวนของนักเรียน Σ แทน ผลรวม 3. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของผู้เรียนเรื่อง การด ารงชีวิตของพืช ระหว่างก่อนและ หลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือร่วมกับเทคนิคจิกซอร์ วิเคราะห์ด้วยสถิติ อ้างอิง Paired t-test หรือ One Sample t- Test ที่ระดับนัยส าคัญทางสถิติ α 0.05 โดยใช้สูตร 1 2 2 N N D D D t ; df = n-1 เมื่อ t แทน ค่าสถิติที่ใช้ในการพิจารณาใน t – distribution


D แทน ความแตกต่างของคะแนนแต่ละคู่ N แทน จ านวนคู่ของคะแนนหรือจ านวนนักเรียน D แทน ผลรวมทั้งหมดของผลต่างของคะแนนก่อนและหลังการทดลอง 2 D แทน ผลรวมของก าลังสองของผลต่างของคะแนนก่อนและหลังการ ทดลอง 3. ระดับความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการทดลองใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจิก ซอร์เรื่อง การด ารงชีวิตของพืช ด้วยช่วงระดับค่าเฉลี่ย ช่วงระดับค่าเฉลี่ย ตามเกณฑ์ของ ระพินทร์ โพธิ์ศรี (2549 : 39 - 43) ดังนี้ ค่าเฉลี่ย ระดับความพึงพอใจ ค่าเฉลี่ย 4.50 – 5.00 หมายถึง ระดับความพึงพอใจมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 3.50 – 4.49 หมายถึง ระดับความพึงพอใจมาก ค่าเฉลี่ย 2.50 – 3.49 หมายถึง ระดับความพึงพอใจปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.50 – 2.49 หมายถึง ระดับความพึงพอใจน้อย ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.49 หมายถึง ระดับความพึงพอใจน้อยที่สุด การวิเคราะห์และน าเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ส าเร็จรูป และน าเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตาราง พร้อมเขียนบรรยายด้วยความเรียงประกอบ


Click to View FlipBook Version