โครงงานวิทยาศาสตรส์ ง่ิ แวดลอ้ ม
การศึกษาค่าความเป็นกรด - ด่างของแหล่งนำ้ ในมหาวิทยาลัยราชภฏั อุตรดติ ถ์
(ท่งุ กะโล)่ ที่สง่ ผลตอ่ จำนวนชนดิ ของสัตว์ไมม่ ีกระดกู สันหลงั ขนาดใหญ่
จดั ทำโดย
นางสาวธนพร คำเติม รหัสนกั ศึกษา 62031050108
นางสาวรุง่ ทิพย์ อาจแกว้ รหสั นักศึกษา 62031050119
นางสาววรรณนิก จนั ทรท์ อง รหัสนกั ศกึ ษา 62031050121
นางสาวศุภลักษณ์ ใบสนธ์ิ รหสั นกั ศกึ ษา 62031050125
นายอนพุ งศ์ พิมแสน รหัสนกั ศกึ ษา 62031050130
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป ชัน้ ปที ี่ 3 Section 01
เสนอตอ่
ผศ.ดร.สุภาพร พงศ์ธรพฤกษ์
โครงงานวิทยาศาสตร์ส่งิ แวดลอ้ มฉบบั นเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของรายวชิ า 4061106
วิทยาศาสตรส์ งิ่ แวดลอ้ ม ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564
สาขาวิทยาศาสตรท์ ว่ั ไป คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอตุ รดติ ถ์
ก
โครงงาน การศึกษาค่าความเป็นกรด - ด่างของแหล่งน้ำ ในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
ผู้จดั ทำโครงงาน
(ทุ่งกะโล)่ ทสี่ ง่ ผลตอ่ จำนวนชนดิ ของสัตวไ์ ม่มกี ระดกู สันหลงั ขนาดใหญ่
อาจารยท์ ่ปี รึกษา
สถานที่ศึกษา 1. นางสาวธนพร คำเติม รหสั นกั ศกึ ษา 62031050108
ปีการศึกษา
2. นางสาวรุ่งทพิ ย์ อาจแกว้ รหสั นกั ศกึ ษา 62031050108
3. นางสาววรรณนกิ า จนั ทร์ทอง รหัสนกั ศกึ ษา 62031050121
4. นางสาวศุภลักษณ์ ใบสนธ์ิ รหัสนกั ศึกษา 62031050125
5. นายอนพุ งศ์ พิมแสน รหัสนกั ศกึ ษา 62031050130
ผศ.ดร.สภุ าพร พงศ์ธรพฤกษ์
มหาวิทยาลัยราชภฏั อุตรดติ ถ์ (ท่งุ กะโล)่
2564
บทคดั ยอ่
โครงงานวิทยาศาสตร์ส่ิงแวดล้อม เร่ือง การศึกษาคา่ ความเป็นกรด - ด่างของแหล่งน้ำ ในมหาวิทยาลัย
ราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) ที่ส่งต่อจำนวนชนิดของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ มีวัตถุประสงค์ คือ
1) เพื่อศึกษาค่าความเป็นกรด – ด่างของแหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) และ
2) เพื่อเปรียบเทียบจำนวนชนดิ ของสัตว์ไมม่ ีกระดูกสนั หลงั ขนาดใหญ่ของแหลง่ นำ้ ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏ
อุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) โดยมีการเก็บตัวอย่างน้ำจากแหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่งภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
(ทุ่งกะโล่) ได้แก่ แหล่งน้ำบริเวณข้าง Nippon café แหล่งน้ำหน้าหอประชุม และแหล่งน้ำหน้าโรงอาหาร
มาตรวจวัดค่า pH โดยใช้เครื่อง pH meter จุดละ 3 ครั้งแล้วหาค่าเฉลี่ยของ pH ในแหล่งน้ำแต่ละแหล่ง
และเก็บตัวอย่างของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่จากแหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่ง แล้วนำมาศึกษาภายใต้เลนส์
ตดิ กล้องโทรศัพท์กำลังขยาย 40X เพอ่ื ศึกษาชนดิ ของสตั ว์ไมม่ กี ระดูกสันหลงั ขนาดใหญ่
ผลการศึกษาพบว่า แหล่งน้ำบริเวณ ข้าง Nippon café มี pH เฉลี่ย 8.78 และพบสัตว์ไม่มีกระดูกสัน
หลังขนาดใหญ่ จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ 1) ด้วงน้ำ (Crawling Water Beetle) 2) ด้วงในวงศ์ Elmidae (Riffle
Beetle) 3) ก้งุ ฝอย (Scud or Amphipod) และ4) หอยขม (Pouch Snail) แหลง่ นำ้ หนา้ หอประชุม มคี า่ pH
เฉลี่ย 7.68 และพบสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ จำนวน 5 ชนิด ได้แก่ 1) มวนกรรเชียง (Water
Boatman) 2) ตัวอ่อนแมลงชีปะขาวในวงศ์ Ephemeridae (Mayfly Larva) 3) ด้วงน้ำ (Crawling Water
Beetle) 4) ตัวอ่อนแมลงชีปะขาวในวงศ์วงศ์ Leptophlebiidae (Mayfly Larva) และ5) กุ้งฝอย (Scud or
Amphipod) แหล่งน้ำหน้าโรงอาหาร มีค่า pH เฉลี่ย 9.59 และพบสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่
จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ 1) ดว้ งนำ้ (Crawling Water Beetle) 2) มวนเขม็ (Water Scorpion ‘Ranatra’) และ
3) กุ้งฝอย (Scud or Amphipod)
ข
กิตติกรรมประกาศ
การจัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมในครั้งนี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เนื่องจากได้รับความร่วมมือ
และความช่วยเหลอื จากหายฝ่ายท่ีเก่ียวข้องเป็นอย่างดี ขอบขอบคุณ ผศ.ดร.สภุ าพร พงศ์ธรพฤกษ์ อาจารย์ที่
ปรึกษาโครงงาน ที่ได้กรุณาให้คำปรึกษา ความรู้ ข้อคิด ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ
จนกระทัง้ การทำโครงงานในครั้งนี้สำเร็จเรียบรอ้ ยด้วยดี ผวู้ ิจัยขอบกราบขอบพระคณุ เปน็ อยา่ งสูงไว้ ณ ทนี่ ้ี
ขอขอบพระคุณ ผศ. ธันยบูรณ์ ถาวรวรรณ์ อาจารย์ ดร.เอมอร วันเอก และอาจารย์พัทธชัย ปิ่นนาค
ทีไ่ ดอ้ บรมให้ความรู้พน้ื ฐานในการใชอ้ ุปกรณ์ตรวจวดั ทางวิทยาศาสตรส์ ิง่ แวดล้อม
ขอขอบคุณ นางสาวพรพรรณ ขจิตรัตน์ เจ้าหน้าที่เทคนิคสิ่งแวดล้อม ที่ให้ความรู้และอำนวยความ
สะดวกในเรื่องของเครื่องมือท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมลู โครงงานในครงั้ น้ี
และขอขอบคุณเพื่อนร่วมจัดทำโครงงานและเพื่อนสมาชิก Section 01 ในรายวิชา วิทยาศาสตร์
สิ่งแวดล้อมทกุ คน ทอ่ี ำนวยความสะดวก ใหค้ วามช่วยเหลือ และให้คำแนะนำในการทำโครงงานครั้งนี้มาด้วยดี
สดุ ทา้ ยนคี้ ณะผจู้ ัดทำโครงงานฉบับนคี้ งเป็นประโยชนส์ ำหรับผทู้ ี่สนใจศึกษาต่อไป
คณะผ้จู ดั ทำโครงงาน
สารบัญ ค
บทคัดยอ่ หน้า
กิตติกรรมประกาศ ก
สารบญั ข
บทที่ 1 บทนำ ค
ทีม่ าและความสำคญั 1
วตั ถุประสงค์ 2
สมมติฐาน 2
ขอบเขตการศึกษา 3
นิยามศพั ทเ์ ชงิ ปฏิบตั กิ าร 3
ประโยชนท์ ีค่ าดวา่ จะไดร้ ับ 3
บทท่ี 2 เอกสารท่ีเกีย่ วข้อง
มาตรฐานคุณภาพนำ้ 4
ระบบนเิ วศนำ้ จืด 10
เอกสารโครงงานและงานวิจัยเก่ยี วข้อง 15
บทท่ี 3 วธิ ีการศกึ ษา
จดุ ทีศ่ กึ ษา 17
เคร่อื งมอื /อปุ กรณ์ 19
วิธีการดำเนนิ งาน 20
การเกบ็ รวบรวมและวเิ คราะห์ข้อมลู 21
บทที่ 4 ผลการศกึ ษา
ผลการศึกษาความเปน็ กรด-ดา่ งของนำ้ 24
ผลการศกึ ษาจำนวนชนดิ ของสตั ว์ไม่มกี ระดกู สนั หลงั ขนาดใหญ่ในแหลง่ น้ำ 24
บทท่ี 5 สรุปและอภิปรายผล
สรปุ ผลการศกึ ษา 26
อภปิ รายผลการศึกษา 27
สารบญั (ต่อ) ง
ขอเสนอแนะ หน้า
เอกสารอ้างอิง 28
ภาคผนวก 29
30
1
บทท่ี 1
บทนำ
ทมี่ าและความสำคญั
ความเปน็ กรด-ดา่ งเป็นการวดั ปรมิ าณความเข้มขน้ ของไฮโดรเจนไอออนทีม่ ีอยู่ในน้ำเพื่อเป็นเคร่ืองแสดง
ให้เราทราบว่า น้ำหรือสารละลายมีคุณสมบัติเป็นกรดเป็นด่างในการทำปฏิกิริยาต่าง ๆ ระดับความเป็นกรด
ด่างมีค่าอยู่ระหว่าง 0-14 โดย 7 เป็นจุดกึ่งกลางหากต่ำกว่า 7 มีค่าเป็นกรด หากสูงกว่าเป็นด่าง ค่า pHใน
แหล่งน้ำธรรมชาติโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อมหลายประการ เช่น ลักษณะพื้นดินและหิน
ตลอดจนการใช้ที่ดินบริเวณแหล่งนั้น และอิทธิพลของสิ่งมีชีวิตในน้ำ เช่น จุลินทรีย์และแพลงก์ตอนพืช pH
ของน้ำมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ในแหล่งน้ำ พืชน้ำสามารถใช้ธาตุอาหารได้ดีหรือไม่
ขึ้นอยกู่ บั ค่า pH ของนำ้ หากระดับpHต่ำกวา่ 4.5 พืชนำ้ เจริญเตบิ โตได้ไมด่ ีขณะเดยี วกันหากคา่ pH ต่ำหรอื สงู
เกนิ ไปก็ไม่เหมาะสมต่อการเพาะเลยี้ งสัตว์น้ำ (สำนกั งานประมงจงั หวัดสระบุรี,2564) คุณภาพของแหล่งนำ้ จึง
เปน็ ปจั จยั ทม่ี ีความสำคญั ต่อการดำรงชวี ิตของส่งิ มชี ีวติ เนื่องจากตอ้ งอาศยั น้ำเป็นส่ือกลางในการดำรงชีวิตของ
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดิน (benthic macroinvertebrates) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า สัตว์หน้าดิน หมายถึง
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีขนาดตั้งแต่ 500 ไมครอนหรือ 0.5 มิลลิเมตร อาศัยอยู่บน
หรือแทรกตัวในพื้นอาศัยที่เป็นตะกอนท้องน้ำของลำธาร แม่น้ำ และพื้นที่ชุ่มน้ำ ตัวอย่างเช่น ตัวอ่อนและ
ดักแด้แมลงน้ำหลายชนดิ ตัวเต็มวัยของด้วงน้ำบางชนิด ตัวเต็มวัยของมวนน้ำบางชนิด กุ้งน้ำจืด ปูน้ำจืด และ
หอยน้ำจืด เป็นต้น สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดินเป็นองค์ประกอบใหญ่ส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตในน้ำ
นอกเหนือจากปลา สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดินบางชนิดกินเศษซากอินทรีย์ที่มาจากระบบนิเวศบก บาง
ชนิดกรองกินอาหารที่มากับกระแสน้ำ บางชนิดขูดกินสาหร่าย ไดอะตอมและฟิลม์ชีวภาพที่ขึ้นบนก้อนหิน
และบางชนิดกินสิ่งมีชีวิตในน้ำ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดินเป็นอาหารของปลา กบ เขียด และสัตว์บกเชน่
นกและค้างคาว ดังนั้นจึงมีบทบาทในการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนแรธ่ าตุ รวมทั้งเชื่อมโยงระหว่าง
ระบบนิเวศบกและระบบนิเวศน้ำ เนื่องจากสตั วไ์ ม่มกี ระดูกสนั หลังหน้าดนิ ใช้ชีวิตสว่ นใหญอ่ ย่ใู นน้ำ เคลื่อนท่ีได้
นอ้ ย มีความหลากหลาย มกี ารกระจายตัวมาก มีความไวต่อการถูกรบกวน มีขนาดใหญ่มองเหน็ ได้ด้วยตาเปล่า
สว่ นใหญม่ ีวงจรชีวติ ยาวประมาณ 1 ปี จงึ สามารถสะท้อนผลการถูกรบกวนท้ังจากสารเคมแี ละการรบกวนทาง
กายภาพได้ จงึ นยิ มนำมาใช้ประเมนิ คุณภาพลำน้ำทั้งในลำธาร แม่นำ้ และพน้ื ที่ช่มุ นำ้ สามารถนำมาเป็นข้อมูล
สนับสนนุ การประเมนิ คุณภาพของแหล่งนำ้ ได้ (นฤมล แสงประดับ, ม.ป.ป)
ปัจจัยท่มี ผี ลตอ่ pH ของนำ้ ผิวดิน น้ำมีความสามารถในการละลายแร่ธาตุ กจิ กรรมทส่ี ่งผลกระทบต่อค่า
PH ของน้ำเช่น การสัมผัสกับแอโรซอลและฝุ่นจากอากาศ การได้รับของเสียจากกิจกรรมของมนุษย์ และจาก
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต เป็นต้น น้ำมีความสามารถในการเป็นบัฟเฟอร์ ซึ่งเป็น
ประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิต การเป็นด่างหรือเบสจะเป็นตัววัดในความสามารถในการเป็นบัฟเฟอร์ของน้ำ หรือ
2
ความสามารถในการทำให้กรดเป็นกลางลักษณะทางธรณีวิทยา หินและดินในลุ่มน้ำต่างๆ เป็นปัจจัยหนึ่งท่ี
กำหนดค่า pH ในแหล่งน้ำ โดยหินปูนทำให้มีค่าความเป็นค่าง ในธรรมชาติฝนที่ตกลงมาจะมีความเป็นกรด
เพียงเล็กน้อยเนื่องจาก soft rock ซึ่งมันสามารถถูกชะได้ดีกว่า hard rock การชะล้างหินปูนจะมีการ
ปลดปล่อยแรธ่ าตุ ซึ่งเปน็ สาเหตขุ องการเพมิ่ ขนึ้ ของค่า pH น้ำที่มีแรธ่ าตทุ ีม่ ากจะเรยี กว่า hard water หรือน้ำ
กระด้าง มีค่า DH ทมี่ ากกว่า 7 (มีความสามารถในการเป็นบัฟเฟอร์ทส่ี ูง) สว่ นน้ำท่มี ปี ริมาณแร่ธาตุที่น้อยและ
มีความสามารถในการเป็นบัฟเฟอร์ที่จำกัด เรียกว่า soft water หรือน้ำอ่อน มีค่า pH ที่น้อยกว่า 7 การ
สังเคราะหแ์ สง (Photosynthesis) เกิดจากการทพ่ี ชื น้ำมกี ารเคล่ือนย้ายคาร์บอนไดออกไซค์จากนำ้ ทำให้มีค่า
pH เพิ่มขึ้น ดังนั้นแหล่งน้ำใดที่มีพืชนำ้ มาก สามารถคาดการณ์ได้ว่าในช่วงบ่ายที่มแี สงส่องโดยเฉพาะอย่างยง่ิ
หากแหลง่ นำ้ นั้นมีการไหลต่ำ พบวา่ ค่า pH ของนำ้ จะเพิ่มมากข้ึน และหากมกี าร bloom ของแพลงก์ตอน ค่า
pH จะอยู่ในช่วง 8-9 กิจกรรมของมนุษย์จะส่งผลต่อ pH ของน้ำ โดยน้ำที่มีการไหลผ่านหางแร่จะมีความเป็น
กรด เพราะแร่เหลา่ นี้มซี ลั ไฟด์เปน็ องคป์ ระกอบ โดยซลั ไฟด์สามารถเปล่ียนเป็นกรดซลั ฟิวริก เกิดจากโรงไฟฟ้า
และจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงซึ่งมีในโตรเจนออกไซด์และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เมื่อทำปฏิกิริยากับความชื้นใน
บรรยากาศจะกลายเป็นกรดไนตริกและกรดซัลฟิวริก หรือที่ เรียกว่า ฝนกรด (acid rain) ฝนกรดจะมี PH ท่ี
น้อยกวา่ 5.6 ขณะท่นี ำ้ ฝนทว่ั ๆ ไปจะมี PH ที่มากกวา่ 5.6 การเกิดอบุ ัตเิ หตุการไหลผา่ นเมืองหรือชุมชน การ
ไหลผ่านพื้นท่ีทางการเกษตร หรือจากของโสโครกต่าง ๆ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของค่า pH ผลกระทบของ
ค่าความเป็นกรด-ด่าง โดยเฉพาะความเป็นพิษจากโลหะหนัก สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อ pH
เปลยี่ นแปลงไป หากเปน็ กรดมาก ความสามารถในการเป็นพษิ ย่งิ สงู ขน้ึ (พงศเ์ ทพ สวุ รรณวารี, ม.ป.ป.)
ดังนั้น น้ำจึงเปรียบเสมือนบ้านของสัตว์น้ำ หากคุณภาพแหล่งน้ำมีค่า pH ที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวติ
ของสิ่งมีชีวิต ก็จะสามารถพบสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กบริเวณแหล่งน้ำนั้นได้หลากหลายชนิด การตรวจวัดค่า pH
ของแหล่งน้ำแต่ละแหล่งจึงเป็นพารามิเตอร์ที่เหมาะสมต่อการศึกษาคุณภาพของแหล่งน้ำที่ส่งผลต่อจำนวน
ชนิดของสตั ว์ไมม่ ีกระดูกสันหลังขนาดใหญร่ อบ ๆ แหลง่ นำ้ ภายในวิทยาลยั ราชภฏั อตุ รดิตถ์ (ทุ่งกะโล่)
วตั ถปุ ระสงค์
1. เพอ่ื ศกึ ษาค่าความเป็นกรด – ดา่ งของแหลง่ นำ้ ภายในมหาวิทยาลัยราชภฏั อตุ รดติ ถ์ (ทุ่งกะโล่)
2. เพื่อเปรียบเทียบจำนวนชนิดของสัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลังขนาดใหญข่ องแหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลยั
ราชภฏั อตุ รดติ ถ์ (ทุ่งกะโล่)
สมมติฐาน
1. แหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) จะมีค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำที่เป็นไป
ตามมาตรฐานคณุ ภาพนำ้ ผวิ ดิน
2. ค่าความเป็นกรด-ด่างของแหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) ที่แตกต่างกันจะ
ส่งผลต่อจำนวนชนิดของสตั ว์ไม่มีกระดกู สันหลังขนาดใหญ่
3
ขอบเขตการศกึ ษา
ด้านระยะเวลา
10 มีนาคม 2565 ถึง 31 มีนาคม 2565
ดา้ นสถานท่ี
แหล่งน้ำบริเวณรอบมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) ได้แก่ แหล่งน้ำบริเวณข้าง Nippon café
แหล่งน้ำหนา้ หอประชุม และแหล่งน้ำหนา้ โรงอาหาร
นิยามศัพท์เชิงปฏบิ ัติการ
ค่า pH ของนำ้ คอื เป็นค่าที่แสดงความเปน็ กรด-เบส ของนำ้ โดยมคี ่าอยูใ่ นชว่ ง 1-14 ถา้ คา่ pH น้อย
กวา่ 7 มคี ่าเป็นกรด และถา้ คา่ pH มากกว่า 7 มคี ่าเปน็ ด่าง
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ คือ สัตว์หน้าดินที่ไม่มีกระดูกสันหลังสามารถมองเห็นได้ด้วยตา
เปล่า มีขนาดตั้งแต่ 500 ไมครอนหรือ 0.5 มิลลิเมตร อาศัยอยู่บนพื้นหรือแทรกตัวในพื้นอาศัยที่เป็นตะกอน
ท้องน้ำของแหลง่ น้ำ พบไดท้ กุ ระยะวฏั จักรชีวติ ของสัตว์ เชน่ ตวั อ่อนแมลงปอ แพลงตอนกุ้ง ตัวแมลงชีปะขาว
เปน็ ตน้
แหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่ง คือ แหล่งน้ำภายในบริเวณรอบมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) ได้แก่
แหล่งน้ำบริเวณข้าง Nippon café หน้าหอประชุม และแหลง่ น้ำหน้าโรงอาหาร
ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะได้รับ
1. ไดท้ ราบผลความเปน็ กรด - ดา่ งของแหล่งนำ้ แหล่งนำ้ ภายในมหาวิทยาลัยราชภฏั อตุ รดิตถ์ (ทุง่ กะโล่)
ท้งั 3 แหล่ง
2. ไดท้ ราบจำนวนชนิดของสัตว์ไมม่ ีกระดูกสนั หลงั ขนาดใหญ่ของแหลง่ นำ้ แหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัย
ราชภัฏอุตรดติ ถ์ (ทุ่งกะโล่) ทัง้ 3 แหล่ง
3. ไดแ้ นวทางในการศกึ ษาคณุ ภาพของแหล่งนำ้
4
บทท่ี 2
เอกสารทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง
คณะผู้จัดทำโครงงานได้ศึกษาเอกสาร ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และได้นําเสนอตามหัวข้อ
ต่อไปนี้
1. มาตรฐานคณุ ภาพนำ้
การแบง่ ประเภทแหล่งนำ้ ผิวดิน
ดชั นีวดั คุณภาพน้ำในแหล่งนำ้ ผวิ ดิน
คา่ pH ในแหลง่ นำ้ ผวิ ดิน
การวดั คุณภาพน้ำ pH ในแหลง่ นำ้ ผิวดิน
อปุ กรณ์วดั ค่า pH meter
วธิ ีการตรวจวัดโดยใช้ pH meter
2. ระบบนิเวศนำ้ จืด
สตั วไ์ ม่มกี ระดูกสันหลงั ขนาดใหญ่
การประเมินคณุ ภาพน้ำแบบเรว็ ด้วยสตั ว์ไมม่ ีกระดกู สันหลังหน้าดิน
การจำแนกสตั ว์ไม่มกี ระดูกสนั หลงั หนา้ ดิน
หลกั เกณฑ์พน้ื ฐานทว่ั ไปที่ใช้ในการจัดจำแนกแมลงน้ำออกเป็นหมวดหมู่
3. เอกสารโครงงานและงานวจิ ยั เกี่ยวข้อง
1. มาตรฐานคณุ ภาพน้ำ
มาตรฐานคุณภาพน้ำ คือ มาตรฐานทั่วไปทีท่ างราชการกำหนดข้ึนเพื่อใช้ตรวจสอบคุณภาพนำ้ ในแหล่ง
น้ำแต่ละแห่งว่ามีความสกปรก หรือพิษภัยมากหรือน้อยเพียงใด ในทางปฏิบัติการพิจารณากำหนดมาตรฐาน
คุณภาพน้ำ จะใช้วิธกี ารแตง่ ต้ังคณะกรรมการหรือคณะทำงานเฉพาะเร่ืองด้านน้ำข้ึนมาทำหน้าที่ โดยใช้ข้อมลู
จากการศึกษา วิจัย และข้อมูลทางวิชาการที่เกีย่ วข้องนอกจากนี้อาจเชิญผู้ประกอบการและองค์กรเอกชนเขา้
รว่ มเปน็ คณะกรรมการ หรือมาชีแ้ จงให้ข้อคิดเห็นด้วย อยา่ งไรกต็ ามปญั หาอุปสรรคในเร่ืองการศึกษาวิจัยและ
การหาขอ้ ยุตทิ างวชิ าการกย็ งั มีอยู่ เพราะมขี อ้ จำกดั ในเรื่องงบประมาณ กำลงั คน และเวลา จงึ พบวา่ มาตรฐาน
คุณภาพน้ำส่วนใหญ่มักจะใช้ข้อมูลที่อ้างอิงมาจากคำามาตรฐานของต่างประเทศ มากกว่าที่จะมาจาก
การศึกษาข้อมูลพื้นฐานภายในประเทศของเราเอง แต่ในการนำมาใช้ก็ได้มีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพ
ทางเศรษฐกจิ และสังคม (กรมควบคุมมลพิษ, 2563)
5
การแบ่งประเภทแหลง่ นำ้ ผิวดิน
1.1 ประเภทที่ 1 น้ำผิวดินที่สะอาดเป็นพิเศษได้แก่ แหล่งน้ำที่คุณภาพน้ำมีสภาพธรรมชาติโดย
ปราศจากนำ้ ทง้ิ จากกจิ กรรมทุกประเภทใหเ้ ปน็ ไปตามธรรมชาตแิ ละสามารถเป็นประโยชนเ์ พื่อดา้ นต่าง ๆ ดงั นี้
- การอปุ โภคและบรโิ ภคโดยตอ้ งผ่านการฆ่าเชอ้ื โรคตามปกติกอ่ น
- การขยายพันธตุ์ ามธรรมชาตขิ องสง่ิ มีชีวติ ระดับพนื้ ฐาน
- การอนุรักษ์ระบบนเิ วศของแหลง่ น้ำ
1.2 ประเภทที่ 2 น้ำผิวดินที่สะอาดมากได้แก่แหล่งน้ำที่ได้รับน้ำทิ้งจากกิจกรรมบาง ประเภทและ
สามารถประโยชน์เพอื่ เพ่ือดา้ นตา่ ง ๆ ดงั นี้
- การอุปโภคและบริโภคโดยต้องผา่ นการฆ่าเชื้อโรคตามปกติและผ่านกระบวนการปรับปรงุ คุณภาพน้ำ
ทวั่ ไปกอ่ น
- การอนุรกั ษ์สัตวน์ ำ้
- การประมง
- การวา่ ยนำ้ และกีฬาทางน้ำ
1.3 ประเภทที่ 3 น้ำผิวดนิ ที่สะอาดปานกลางได้แกแ่ หล่งน้ำท่ีได้รับน้ำท้ิงจากกิจกรรมบางประเภทและ
สามารถเป็นประโยชน์เพอื่ เพ่ือด้านตา่ ง ๆ ดังน้ี
- การอุปโภคและบริโภคโดยต้องผ่านการฆ่าเชื้อโรคตามปกตแิ ละผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพนำ้
เปน็ พิเศษกอ่ น
- การเกษตร
1.4 ประเภทที่ 4 น้ำผิวดนิ ทส่ี ะอาดพอสมควรได้แก่แหล่งน้ำท่ีได้รบั นำ้ ท้ิงจากกิจกรรมบางประเภทและ
สามารถเป็นประโยชน์เพือ่ เพ่อื ดา้ นตา่ ง ๆ ดงั น้ี
- การอุปโภคและบริโภคโดยต้องผา่ นการฆ่าเชื้อโรคตามปกตแิ ละผา่ นกระบวนการปรับปรุงคุณภาพน้ำ
เป็นพเิ ศษกอ่ น
- การอุสาหกรรม
1.5 ประเภทที่ 5 ได้แก่แหล่งน้ำที่ได้รับน้ำทิ้งจากกิจกรรมบางประเภทและสามารถเป็นประโยชน์เพื่อ
การคมนาคม
6
ดชั นีวัดคณุ ภาพนำ้ ในแหล่งนำ้ ผวิ ดิน
กรมควบคุมมลพิษ. (2563) ได้แสดงถึงสถานการณ์ของคุณภาพน้ำในภาพรวม โดยพิจารณาจากค่า
คุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ ได้แก่ออกซิเจนละลาย (Dissolved Oxygen ; D0) ความสกปรกในรูปสารอินทรยี ์
(Biochemical Oxygen Demand ; BOD) แบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด (Total Coliform Bacteria ;
TCB) แบคทีเรียกลุ่มคอลโคลิฟอร์ม (Fecal Coliform Bacteria ; FCB) และแอมโมเนีย-ไนโตรเจน(NHs-N)
โดยดัชนีคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน มีคะแนนอยู่ระหว่าง 0 - 100 โดยจัดเกณฑ์คุณภาพน้ำ ดีมาก (คะแนน
91 - 100) ดี (คะแนน71 - 90) พอใช้ (คะแนน 61 - 70) เสื่อมโทรม (คะแนน 31 - 60) และเสื่อมโทรมมาก
(คะแนน 0 - 30)
คา่ pH ในแหล่งน้ำผวิ ดนิ
pH มาจากคำว่า Positive Potential of the Hydrogen Ions pH ของสารละลาย คือค่าลบของ
logarithm ของความเข้มข้นของ H+ หรือ pH = - log [H+] สิ่งชี้บอกความเป็นกรด คือ ความเข้มข้นของ
ไฮโดรเจนอิออน [H+] สิ่งชี้บอกความเป็นเบส คือ ความเข้มข้นของของไฮดรอกซิลอิออน [OH-] pH ของน้ำ
ธรรมชาตจิ ะอยูใ่ นช่วง 4 - 9 แต่ส่วนใหญแ่ ล้วค่อนข้างเป็นเบสเล็กน้อย เนอ่ื งจากมีคาร์บอนและไบคาร์บอเนต
ความแตกต่างของค่า pH ของแหล่งน้ำธรรมชาติขึ้นอยู่กับลักษณะของภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมหลาย
ประการ เช่น ลักษณะพื้นดินและหินปริมาณน้ำฝน ตลอดจนการใช้ที่ดินในบริเวณแหล่งน้ำนั้นระดับ pH ของ
น้ำผันแปรตามระดับ pH ของดินในบริเวณที่ดินมีสภาพเป็นกรดก็จะทำให้น้ำมีสภาพเป็นกรดตามไปด้วยและ
ยังมีผลจากกิจกรรมของจุลินทรีย์ในดิน ประกอบด้วยนอกจากนี้อิทธิพลของสิ่งมีชีวิตใน น้ำ เช่น จุลินทรีย์
แพลงกต์ อนและพชื กส็ ามารถทำใหค้ า่ pH มีการเปล่ยี นแปลงได้เชน่ เดียวกัน (ชอ่ ทพิ ย์ เพยี้ นภกั ตร์, 2548)
การวัดคุณภาพนำ้ pH ในแหล่งนำ้ ผิวดนิ
ศึกษาค่าความเป็นกรด-เบสของน้ำ (pH) pH แสดงความเป็นกรดหรือเบสของน้ำ ( น้ำดื่มควรมีค่า pH
ระหว่าง 6.8-7.3) โดยทั่วไปน้ำที่ปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมมักจะมีค่า pH ที่ต่ำ (PH < 7) ซึ่งหมายถึงมี
ความเป็นกรดสงู มีฤทธิ์กดั กรอ่ น การวัดค่า pH ทำได้ง่าย โดยการใช้กระดาษลิตมัสในการวัดค่าความเปน็ กรด
– เบส ซึ่งให้สีตามความเข้มขน้ ของ [H+] หรือการวัดโดยใช้ pH meter เมอื่ ตอ้ งการให้มีความละเอียดมากขึ้น
สภาพเบส (alkalinity) คือสภาพที่น้ำมีสภาพความเป็นเบสสูงจะประกอบด้วยไอออนของ OH-, CO3- ,
H2CO3ของธาตุแคลเซียม โซเดียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม หรือแอมโมเนีย ซึ่งสภาพเบสนี้จะช่วยทำหน้าท่ี
คล้ายบัฟเฟอร์ต้านการเปลี่ยนแปลงค่า pH ในน้ำทิ้ง สภาพกรด ( acidity) โดยทั่วไปนำ้ ทิง้ จากแหลง่ ชุมชนจะ
มีบฟั เฟอร์ในสภาพเบสจึงไม่ทำให้นำ้ มีค่า pH ท่ีตำ่ เกนิ ไป แตน่ ้ำทิง้ จากโรงงานอุตสาหกรรมมักจะมีค่า pH ต่ำ
กว่า 4.5 ซ่ึงมาจาก CO2 ที่ละลายน้ำ ชว่ ง pH ทเี่ หมาะสมต่อการเพาะเล้ยี งสตั ว์นำ้ ดังนี้
7
- pH 4.0 หรอื ต่ำกวา่ = เป็นจดุ อันตรายทำใหป้ ลาตายได้
- pH 4.0-6.0 = ปลาบางชนิดอาจไม่ตาย แต่ผลผลิตจะต่ำคือ การเจริญเติบโตช้าการสืบพันธ์ุ
หยุดชะงกั
- pH 6.5-9.0 = ระดบั ท่ีเหมาะสมต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
- pH 9.0-11.0 = ไมเ่ หมาะสมตอ่ การดำรงชีวติ ของสตั วน์ ้ำหากตอ้ งอาศยั อยู่เป็นเวลานาน
- pH 11 หรือมากกวา่ = เป็นพษิ ตอ่ ปลา
ค่าความเป็นด่างกับความกระด้าง (Hardness) มีความสัมพันธ์กัน น้ำที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสัตว์
น้ำควรมีคา่ ความเปน็ กรดเป็นด่างใกลเ้ คียงกนั ค่าความเป็นดา่ งในน้ำไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็ว น้ำ
ทีม่ ีค่าความเปน็ กรด-ดา่ งต่ำและความเปน็ ดา่ งตำ่ จะใหผ้ ลผลิตไมด่ ี เช่น การเจรญิ เตบิ โตจะต่ำ ฯลฯ
แพลงก์ตอนพืชและพืชน้ำจะใช้ คาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสังเคราะห์แสงในตอนกลางวันทำให้ค่า pH
สูงขึ้น คือน้ำจะมีสภาพความเป็นด่างมากขึ้นและค่อยๆลดในตอนกลางคืน เพราะคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ถูก
ปล่อยออกมาจากการหายใจนำ้ ที่มคี ่าความเป็นด่างต่ำจะมีค่า pH อยู่ระหวา่ ง 6-7.5 ในตอนเช้าหากมปี ริมาณ
แพลงก์ตอนหนาแน่นค่า pH ในตอนบ่ายอาจจะสูงถึง 10 หรือมากกว่า ส่วนน้ำที่มีค่าเป็นด่างสูงจะไม่พบการ
เปลี่ยนแปลงของ pH มากนักโดยอาจมีค่าอยู่ระหวา่ ง 7.5-8 ในตอนเช้าและเพิ่มเปน็ 9-10 ในช่วงบ่ายในบ่อท่ี
มีค่าความเป็นด่างสูงมากประกอบกับมีค่ากระด้างต่ำค่า pH อาจสูงมากถึง 11 ในระหว่างที่มีการสังเคราะห์
แสง ดงั นนั้ การวัดคา่ pH จึงควรเช็คในตอนเช้าและชว่ งบ่ายเพื่อได้ทราบค่าความเปล่ียนแปลงต่ำสุดและสูงสุด
ในแตล่ ะวัน
อุปกรณ์วัดค่า pH meter
กรมควบคุมมลพิษ. (2547) ได้อธิบายว่า การวัดค่าความเป็นกรด-ด่างโดยใช้เครื่อง pH meter ความ
เป็นกรด-ด่างมีความสำคัญตอ่ การดำรงชีวิตของสัตว์น้ำหลายชนิดเนื่องจากสิ่งมีชีวิตสามารถปรับสภาพตัวเอง
ใหด้ ำรงชวี ติ อยใู่ นนำ้ ไดใ้ นช่วงท่ีมคี ่าความเป็นกรด-ดา่ งจำกัดเทา่ น้นั การตรวจวัดความเปน็ กรด-ด่างสามารถวัด
ได้ หลากหลายวิธี แต่การใช้เครื่อง DH Meter เป็นวิธีที่นิขมใช้กันมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีความสะดวก
รวดเร็ว วัดคา่ ได้ในช่วงกวา้ งแม้แตใ่ นนำ้ ตัวอยา่ งที่มคี วามข่นุ อกี ท้งั ยงั ไดผ้ ลแนน่ อนดว้ ย แต่อย่างไรกต็ าม ราคา
ของเครื่องจะค่อนข้างสูง และต้องมีการสอบเทียบค่ามาตรฐานเพื่อให้สามารถวัดค่าได้แม่นยำและถูกต้อง
รวมทั้งต้องมีการบำรุงรักษาเครื่องในทำงานให้สภาพที่สมบูรณ์ตลอดเวลา เครื่อง pH Meter (พีเอชมิเตอร์)
เป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ที่นำมาใช้ในการวัดค่าความเป็นกรด-ด่าง ของสารละลาย ท่ีมี
หน่วยวัดคือ pH สำหรับเครื่องวัดค่า pH นั้น จะมีส่วนประกอบอยู่ 2 ส่วน คือ อิเล็กโทรดและเครื่องวัด
ศกั ย์ไฟฟ้า โดยการวดั ค่า pH นั้นจะใช้หลกั การ Electrochemistry ซง่ึ เครือ่ งวดั ความตา่ งศักย์ไฟฟ้า จะเปลีย่ น
ค่าศกั ย์ไฟฟ้าท่ีวัดได้ โดยในสว่ นอเิ ล็กตรอนจะเปล่ียนคา่ ศักย์ไฟฟ้าให้เป็นคา่ pH ในการวดั ค่า pH ระดับค่าวัด
ไฮโดรเจนไอออนในท้ายที่สุดจะแสดงเป็นระดับ pH ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ในช่วง 1 ถึง 14 ซึ่งเป็นสเกลแบบ
8
Logarithm การวัดค่า pH นี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับอัตราส่วนของความเข้มข้นของไฮโดรเจนไอออนและความ
เขม้ ข้นของไฮดรอกซิลไอออน ([H+] และ [OH-] ตามลำดบั ) รายละเอยี ดทั่วไปของระดับ pH คอื
1) สารละลายเปน็ กลาง pH = 7
2) สารละลายที่เปน็ กรด: pH <7
3) สารละลายที่เป็นดา่ ง หรือเบส pH > 7
สารละลายที่เป็นกลางจะแสดง pH เป็น 7 เนื่องจากกิจกรรมของไฮโดรเจนและไฮดรอกไซด์ไอออนเท่ากัน
สารละลายที่เป็นกรดแสดงค่า pH ที่อ่านได้ต่ำกว่า 7 (กิจกรรมของไฮโดรเจนไอออนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับ
กิจกรรมไฮดรอกไซด์ไอออน) และสารละลายพื้นฐาน (หรืออัลคาไลน์) แสดงระดับ pH ที่สูงกว่า 7 (กิจกรรม
ไฮดรอกไซด์ไอออนมากกว่าไฮโดรเจนไอออน)
วิธีการตรวจวดั โดยใช้ pH meter
1. ก่อนการออกไปเก็บตัวอย่างภาคสนามควรมีการสอบเทียบค่าของเครื่อง PH Meter ก่อน รวมทั้ง
หากต้องมีการเก็บตัวอย่างหลายจุด ควรนำสารละลาย มาตรฐานที่ใช้สอบเทียบค่าความเป็นกรด-ด่างไปด้วย
เนื่องจากควรมีการสอบเทียบ ค่าเมื่อใช้งานทุก 25 ตัวอย่าง สำหรับเทคนิคในการสอบเทียบค่าจะต้องอ่านใน
คมู่ ือของเครือ่ งมอื ที่ไดม้ า แตส่ ำหรบั สารละลายมาตรฐานท่ใี ชใ้ นการสอบเทยี บค่าน้นั มขี ้อแนะนำดังนี้
1) สารละลายมาตรฐานทใ่ี ชส้ อบเทียบควรมีอณุ หภมู ิอยทู่ ี่ อุณหภูมหิ ้อง ในขณะสอบเทียบคา่
2) ไม่ควรใชส้ ารละลายมาตรฐานทหี่ มดอายแุ ล้ว
3) ควรปอ้ งกนั การปนเป้อื นของสารละลายมาตรฐานในการ เก็บรักษา โดยปดิ ฝาให้แน่นตลอด
4) เนื่องจากสารละลายมาตรฐานจะมีความเป็นกรด-ด่างเปลี่ยนแปลง ไปตามอุณหภูมิ ดังนั้นเคร่อื ง
pH Meter ควรมีเทอร์โมมเิ ตอร์ตดิ อยู่กบั เคร่อื ง ด้วยเพ่ือสามารถปรับคา่ ไดอ้ ตั โนมตั ิ
5) ไมค่ วรนำสารละลายมาตรฐานทีใ่ ชแ้ ล้วกลับมาใช้ใหม่
2. pH Meter สามารถวดั ในนำ้ ได้โดยตรงไม่จำเป็นต้องเกบ็ ตัวอยา่ ง น้ำข้นึ มาตรวจวดั
3. บันทึกค่าความเป็นกรด-ด่างที่อ่าน ได้ นำหัววัดขึ้นจากน้ำตัวอย่างแล้วล้างด้วยน้ำกลั่นก่อนนำไปใช้
ในนำ้ ตวั อย่างต่อไป
4. เมื่อทำการตรวจวัดความเป็นกรด-ด่างในน้ำครบทุกจุดแล้ว ควรทำความสะอาดหัววัดด้วยน้ำกลั่น
เชด็ ให้แหง้ ด้วยกระดายทิชชูเน้ือนุ่ม ระวงั ไม่ไห้เศษกระดาบติดอยู่กับหวั วัด แลว้ เกบ็ ไว้ในสารละลายสำหรับแช่
หัววัด(ตามคำแนะนำของคู่มือการใช้ของบริษัทผู้ผลิต) นอกจากนี้บริเวณที่เก็บเครื่องมือควรมีสภาพที่แห้ง
สะอาดมอี ากาศถ่ายเทสะดวกไม่รอ้ นหรือเย็นเกินไป และปลอดภยั จากการแตกหกั (กรมควบคุมมลพิษ,2547)
กรณีการตรวจวัดแหลง่ น้ำโดยตรง
ให้หัววัด จุ่มลงในแหล่งน้ำในตำแหน่งที่ต้องการ อ่านค่าที่วัดได้จากหน้าจอแสดงค่าเมื่อตัวเลขท่ี
แสดงมคี า่ คงท่ี (ใช้เวลาอย่างน้อย 60 วินาที)
9
กรณกี ารตรวจวัดในภาชนะบรรจตุ ัวอยา่ งนำ้
เก็บน้ำตัวอย่างที่ระดับความลึกประมาณกึ่งหนึ่งของความลึกของแหล่งน้ำด้วยภาชนะที่สะอาด ให้
หัววัดจุ่มลงในตัวอย่างน้ำในภาชนะ โดยให้น้ำท่วมหัววัดในระดับที่เหมาะสม หรือสามารถวัดค่าได้ (ตาม
คำแนะนำคมู่ ือการใชข้ องบริษทั ผู้ผลติ ) พยายามอย่าใหห้ วั วัดสมั ผสั กับภาชนะ อ่างใชแ้ ท่งแก้วคนนำ้ ตัวอย่างใน
ภาชนะใหเ้ กดิ การผสมกันอย่างดี (ไม่ตอ้ งกวนแรงจนเกิดนำ้ วน) อ่านค่าที่วดั ได้จากหนา้ จอแสดงคา่ เม่ือตัวเลขที่
แสดงมีคา่ คงที่ (ใชเ้ วลาอย่างน้อย 60 วินาที)
การแปรผลของการวัด
ความเป็นกรด-ดา่ งเปน็ พารามเิ ตอร์ท่ีสำคัญตวั หนึ่งซ่ึงได้ถูกระบใุ ห้เป็นพารามเิ ตอร์ในมาตรฐานคุณภาพ
น้ำตา่ ง ๆ ของประเทศไทย โดยกำหนดไวว้ า่ ความเปน็ กรด-ดา่ งในแหลง่ น้ำนั้นควรมีคา่ อยู่ในชา่ ง 5 – 9
คา่ pH แปลผล
< 4.5 กรดแก่จัด
4.5 – 5.0 กรดจัดมาก
5.1 – 5.4 กรดจดั
5.5 – 6.5 กรดปานกลาง
6.6 – 7.3 กลาง
7.4 – 7.8 ด่างอ่อน
7.9 – 8.4 ด่างปลานกลาง
8.5 – 9.0 ด่างจัด
> 9.0 ดา่ งจดั มาก
ขอ้ ควรระวัง
1. ควรตรวจวดั ค่า : pH ทันที หรือพร้อมกบั การเก็บตัวอยา่ งน้ำ
2. แหล่งน้ำที่มีอัตราการไหลสูงมีตะกอนแขวนลอยมากหรือสาหร่ายหนาแน่น อาจส่งผลให้การวัดค่า
pH มคี วามถูกต้องลดลง ควรตรวจวัดในภาชนะบรรจุตวั อย่าง
3. การตรวจวัดในภาชนะไมค่ วรให้หวั วดั สมั ผสั กบั ผนังหรือพน้ื ภาชนะ
4. ขณะตรวจวัดค่า pH ในภาชนะอาจใช้แท่งแก้วกวนตัวอย่างน้ำให้ผสมกันดีแต่ไม่ควรให้เกิดน้ำวน
รุนแรงเพราะจะทำให้เกิดการตรวจวัดผิดพลาดไดไ้ ม่ควรใหห้ วั วัดมีฟองอากาศเกาะติดขณะตรวจวัด ควรเขย่า
เบา ๆ ใหฟ้ องอากาศออกเสยี ก่อน
5.เนื่องจากหัววัดมีสภาพที่เปราะบางง่ายต่อการแตกหัก ฉะนั้นควรมีอุปกรณ์หรือปลอกหุ้มหัววัด
(Cover) ทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้งาน และควรมีฝาหรือปลอกครอบหัววัดเพื่อป้องกันการกระแทกของแข็งใต้น้ำขณะ
จุม่ วัด
10
2. ระบบนเิ วศนำ้ จดื
ระบบนิเวศน้ำจืดแบ่งตามลักษณะของแหล่งน้ำเป็น 2 ประเภท คือ 1. แหล่งน้ำนิ่ง เช่น ทะเลสาบ บึง
ถา้ เปน็ แหลง่ นำ้ ขนาดใหญ่ สามารถแบง่ เขตแหลง่ นำ้ น่งิ ได้ 3 เขต คอื
1.1 เขตชายฝั่ง (Litoral zone) เป็นบริเวณรอบ ๆ แหล่งน้ำแสงส่องได้ถึงก้นน้ำ เป็นเขตที่มีผู้ผลิต
และผบู้ รโิ ภคมากกว่าเขตอ่ืน ๆ ผ้ผู ลิตบริเวณชายฝง่ั ได้แก่ พชื ทม่ี รี ากยึดอย่ใู นพื้นดินใตท้ ้องนำ้ บางสว่ นของลำ
ต้นฝังอยู่ใต้ดิน และบางส่วนโผล่ขึ้นเหนือน้ำเพื่อรับแสง ส่วนใหญ่เป็นพืชที่มีเมล็ด เช่น กก บัว แห้ว
ทรงกระเทียม กระจูด เป็นต้น พืชอีกชนิดใจเขตชายฝั่งเป็นพวกที่มีโครงสร้างอยู่ใต้น้ำทั้งหมด โผล่เฉพาะส่วน
ของดอกขึ้นเหนือน้ำ เช่น สาหร่ายข้าวเหนียว สาหร่ายหางกระรอก ดีปลีน้ำ นอกจากนี้ผู้ผลิตในเขตชายฝัง่ ยัง
ประกอบด้วยแพลงก์ตอนพืชและพืชลอยน้ำ แพลงก์ตอนพืช ได้แก่ สาหร่ายสีเขียว สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน
และไดอะตอม พืชลอยน้ำ ได้แก่ จอก แหนไข่น้ำ จอกหูหนู แหนแดงผบู้ ริโภคในเขตชายฝง่ั มีจำนวนมากเพราะ
มีผ้ผู ลติ อดุ มสมบรู ณส์ ำหรับใช้เปน็ อาหาร แหลง่ อาศัยและท่ีหลบซ่อนศัตรู พวกที่เกาะกบั วัตถใุ นนำ้ ได้แก่ หอย
ขม หอยโข่ง ตัวอ่อนแมลงปอเข็ม ไฮดรา พลานาเรีย โรติเฟอร์ ส่วนพวกที่เกาะพักตัวตามพื้นท้องน้ำ ได้แก่
แมลงปอยักษ์ ชปี ะขาว ก้งุ ก้ามกราม หอยกาบเดียว หอบสองกาบ หนอนตวั กลมชนิดต่างๆ ยงุ ฯลฯ พวกทว่ี า่ ย
นำ้ อสิ ระ ได้แก่ แมลงต่างๆ เต่า ปลา แพลงก์ตอนที่พบ ไดแ้ ก่ ไรน้ำ โคพพี อด พวกทล่ี อยตามผวิ น้ำ ได้แก่ ด้วง
ตะพาบ ดว้ งสข่ี า จงิ โจน้ ำ้
1.2 ผิวน้ำหรือเขตกลางน้ำ (Limnetic zone) นับจากชายฝั่งเข้ามาจนถึงระดับลึกที่แสงส่องถึง มี
ความเข้มของแสงประมาณ 1 เปอรเ์ ซ็นตข์ องแสงจากดวงอาทิตย์ ทีร่ ะดบั น้ีอตั ราการสังเคราะหแ์ สงมีคา่ เท่ากับ
อตั ราการหายใจ ในแหลง่ นำ้ ขนาดเลก็ หรือแหล่งน้ำตืน้ ๆ จะไม่ปรากฏเขตน้ี สงิ่ มีชวี ติ ส่วนใหญเ่ ป็นแพลงกต์ อน
และพวกที่วา่ ยน้ำอิสระ มีจำนวนชนิดและจำนวนสมาชิกน้อยกว่าเขตชายฝั่ง แพลงก์ตอนพืช ได้แก่ สาหร่ายสี
เขียว ไดอะตอม สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับเขตชายฝั่งไดโนแฟลกเจลเลต ยูกลีนา วอลว
อกซ์ แพลงก์ตอนสัตว์ ได้แก่ โคพีพอด โรติเฟอร์ ไรน้ำ สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ต่างชนิดกับเขตชายฝั่ง นอกจากนี้
สัตว์อื่นๆ ในเขตกลางสระ ได้แก่ พวกที่วา่ ยน้ำได้ เชน่ ปลา
1.3 เขตก้นน้ำ (Profundal zone) เป็นส่วนที่อยู่ล่างสุดจนถึงหน้าดินของพื้นท้องน้ำ กล่าวได้ว่า
แหล่งน้ำขนาดเลก็ จะไมม่ ีในเขตที่สามนี้ แสงส่องไม่ถึง จึงไม่มีผู้ผลิต สิ่งมีชีวิตที่พบ ได้แก่ รา แบคทีเรียทีไ่ ม่ใช้
ออกซิเจน หนอนเลือด ตัวอ่อนยุง หอยสองกาบ หนอนตัวกลม เป็นต้น สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะต้องปรับตัวให้เข้า
กับสภาพที่มีออกซิเจนต่ำ เช่น ตัวอ่อนของยุงน้ำชนิดหนึ่ง(Phantom) มีถุงลมสำหรับช่วยในการลอยตัวและ
สำหรบั เก็บออกซเิ จนไวใ้ ช้
2. แหล่งน้ำไหล เช่น แม่น้ำ ลำธาร โครงสร้างของกลุ่มสิ่งมชี วี ิตน้ำไหลขึน้ อยู่กับความเร็วของนำ้ แหล่ง
นำ้ ไหลนีจ้ ึงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
11
2.1 เขตน้ำเชี่ยว เป็นเขตที่มีกระแสน้ำไหลแรง จึงไม่มีตะกอนสะสมใต้น้ำ สิ่งมีชีวิตในบริเวณนี้มัก
เป็นพวกที่สามารถเกาะติดกับวัตถุใตน้ ้ำ หรือคืบคลานไปมาสะดวก พวกที่ว่ายน้ำได้จะต้องเป็นพวกที่ทนทาน
ต่อการตา้ นกระแสนำ้ แพลงกต์ อนแทบจะไมป่ รากฏในบริเวณนี้
2.2 เขตนำ้ ไหลเอ่ือย เป็นช่วงทม่ี ีความลึก ความเรว็ ของกระแสน้ำลดลง อนภุ าคตา่ งๆ จึงตกตะกอน
ทับถมกันหนาแน่นในเขตนี้ มักไม่มีสัตว์เกาะตามท้องน้ำ เขตนี้เหมาะกับพวกที่ขุดรูอยู่ เช่น หอยสองกาบ ตัว
ออ่ นของแมลงปอ ชีปะขาว แพลงกต์ อนและพวกท่วี ่ายน้ำได้การปรับตัวของสัตว์ในแหล่งน้ำไหลโดยเฉพาะเขต
น้ำเชี่ยว สัตว์มีการปรับตัวพิเศษเพื่อการอยู่รอดหลายวิธี เช่น 1) มีโครงสร้างพิเศษสำหรับเกาะหรือดูดพื้นผิว
เพือ่ ให้ติดแนน่ กบั พนื้ ผวิ ส่ิงมีชวี ติ ท่ีมีอวยั วะพิเศษเชน่ นี้ ได้แก่ แมลงหนอนปลอกน้ำ 2) สรา้ งเมือกเหนียว เพื่อ
ใช้ยึดเกาะ เช่น พลานาเรีย หอยกาบเดียว 3) มีรูปร่างเพรียว เพื่อลดความต้านทานต่อกระแสน้ำ เช่น ปลา
4) ปรับตัวให้แบน เพื่อยึดติดกับท้องน้ำได้แนบสนิทหรือเพื่อให้สามารถแทรกตัวอยู่ในซอกแคบ ๆ หลีกเลี่ยง
กระแสนำ้ แรง ๆ
3. ปากน้ำ ปากน้ำเปน็ บรเิ วณที่นำ้ มาบรรจบกันระหว่างน้ำจืดและน้ำเค็ม ทำให้เป็นบริเวณที่มีน้ำกร่อย
เกิดเป็นชุมชนรอยต่อระหว่างชุมชนน้ำจืดและน้ำเค็ม ลักษณะพิเศษที่เกิดขึ้นคือ มีสภาพทางชีววิทยาที่
เอื้ออำนวยที่จะให้ผลผลิตอย่างสูงต่อสังคมมนุษย์ปากน้ำที่เกิดขึ้นมีหลายชนิด มีภูมิประเทศต่างจากที่อื่นๆ
และมีลักษณะทางธรณีที่สำคัญเกิดขึ้น มีการเจริญเติบโตไปจากฝั่งทะเลและจมลงไปจากปากน้ำ เช่น ปากน้ำ
เจ้าพระยา ปากน้ำเดลาแวร์(Delaware Bay) บางแห่งการเจริญเติบโตไปจากฟยอร์ดที่ลึก เช่น แม่โขง ปาก
แมน่ ้ำไนลล์ ักษณะท่ีสำคัญของปากน้ำมดี ังนี้
3.1 ส่วนประกอบของน้ำคงที่ มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกระแสน้ำขึ้นน้ำลงและการไหลของ
แม่น้ำที่มาจากแผ่นดิน ความแตกต่างของปากน้ำนั้นมีความเค็มของเกลือที่ละลายในน้ำอยู่ระหว่าง 1/100 ถึง
34/1000 ppm. (นำ้ ทะเลมี 35 ppm.)
3.2 ระดบั ของแร่ธาตุตา่ งๆ มีสงู เนือ่ งจากความสัมบูรณ์ของสารอนิ ทรีย์และการสะสมของสารเคมีที่
ใช้ในการเกษตรซ่ึงมาจากแผน่ ดนิ ไหลลงมาในน้ำ
3.3 อณุ หภมู แิ ละกระแสน้ำเปล่ียนแปลงไปตามฤดูกาล วัน และช่วั โมง
3.4 ออกซิเจนที่ละลายในน้ำและระดับคาร์บอนไดออกไซด์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนลักษณะ
ต่างๆ เหล่านี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า ปากน้ำรองรับการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวและความไม่แน่นอน อัน
เนื่องมาจากมีความเข้มข้นของสารอาหารต่างๆ และฟองน้ำที่เกิดขึ้น ทำให้มีผลผลิตสูงขึ้น จึงมีชุมชนต่างๆ
เกิดขึ้น ซ่งึ ประกอบไปด้วยส่ิงมชี ีวิต คือ แพลงก์ตอน ปู หอย ปลา เชน่ ปากนำ้ เดลาแวร์ และกลายเป็นปากน้ำ
ใหญ่ ปากนำ้ สว่ นใหญ่จะเปน็ ท่ีเพาะเลี้ยงดตู ัวอ่อนของปลาทะเล
12
ผลผลิตขัน้ ปฐมภมู ิของปากนำ้ จะมาจาก 4 แหลง่ ใหญ่ ๆ คอื
1. แพลงก์ตอนพืช สว่ นมากจะเปน็ สาหร่ายเลก็ ๆ ทล่ี อยอยใู่ นบรเิ วณทม่ี ีแสงสวา่ งสอ่ งไปถงึ
2. พชื ทอี่ ยูใ่ นนำ้ มีรากฝังอยู่กับพน้ื ดิน
3. พชื ที่ข้ึนอยู่ในนำ้ บรเิ วณท่ีน้ำขน้ึ น้ำลง
4. พืชที่ลอยอยู่ผิวน้ำ สาหร่ายเล็กๆ ที่ติดอยู่กับกิ่งไม้หรือติดกับดินทรายที่พัดมาทับถมดิน มีใบ
และลำตน้ ของพชื อย่ใู ตน้ ำ้
ผู้ผลิตขั้นปฐมภูมิท่ีสำคญั ในบริเวณปากน้ำคือแพลงกต์ อน ได้แก่ สาหร่ายเล็ก ๆ ไดอะตอมและพวก
ไดโนแฟลกเจลเลต(dinoflagellate) ซึ่งพวกนี้เป็นอาหารของพวกปลาโดยตรง กุ้ง ปู และแพลงก์ตอนสัตว์พืช
ที่จมอยู่ใตน้ ้ำมบี ทบาทสำคัญในการทำหน้าทีเ่ ปน็ ผู้ผลติ ขน้ั แรก ทำใหป้ ากนำ้ น้นั สมบูรณ์ยิง่ ขน้ึ ปากนำ้ จะมีพวก
ต้นพืชมากมาย พืชเหล่านี้จะมีปริมาณลดลงถ้ามีมลพิษเกิดขึ้น หรือมีการรบกวน โดยเฉพาะถ้ากระแสน้ำแรง
หรือความเค็มลดลงชุมชนสัตว์ในบริเวณปากน้ำเป็นพวกสัตว์ที่หากินอยู่กับพื้นดิน เช่น พวกปู หอยสองกาบ
และหอยนางรม พวกไส้เดือน และพวกปลาที่ครีบรวมทัง้ ปลาหมกึ ปลาดาว แตงกวาทะเล หอยเม่น ส่วนพวก
ปลาทะเลนั้นจะเข้ามาหากินในปากน้ำเป็นบางครั้งสัตว์ที่อยู่ในปากน้ำนี้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวต่อสภาวะ
การที่ไม่คงที่และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างน่าสนใจ กล่าวคือมีการปรับตัวในการควบคุม
ปริมาณนำ้ ไหลเข้าและออกจากร่างกายโดยวิธีออสโมซสิ น่นั คอื ความสามารถในการรักษาระดบั เกลือและน้ำที่
มีการเปลี่ยนแปลง และยังมีการปรับตัวเกี่ยวกับน้ำขึ้นน้ำลงและสภาพของคลื่นลมต่างๆ สัตว์ที่อยู่ในน้ำลึกๆ
จะหลีกเลี่ยงจากคลื่นลมแรงๆ ได้โดยการขุดรูอยู่ในพื้นใต้ทะเล ปลาในบริเวณปากน้ำจะมีเวลาการพัฒนาช้า
ตัวอ่อนของปลาจะยังคงอยู่ในไข่นานจนกระทั่งกล้ามเนื้อเจริญดีพอที่จะว่ายน้ำต้านคลื่นแรงๆได้ ไข่ของพวก
ปลาในบริเวณปากนำ้ จะมไี ขแ่ ดงมากกว่าปลาทะเลอน่ื ๆ เพ่อื ใช้เปน็ อาหารในขณะทีร่ ะยะพฒั นาการยาวนาน
ปากน้ำในปัจจุบันมีความกดดันจากเรื่องมลพิษมาก และยังมีผลผลิตทางการค้าสูง เมืองใหญ่ๆ ท่ี
สำคัญหลายเมืองในโลกที่ตั้งอยู่บริเวณปากน้ำ เช่น นิวยอร์ก ฟิลาเดลเฟีย บัลติมอร์ ซาน ฟรานซิสโก
กรงุ เทพฯ ไซ่ง่อน โตเกียว ซึง่ มีประชากรหนาแน่น และปากแมน่ ำ้ เหลา่ น้ีมีผลผลติ ของปลา หอย ซ่งึ เปน็ อาหาร
ของมนุษย์ ปากน้ำหลายแห่งได้สูญเสียระบบทางชีววิทยาไปมาก เช่น เดลาแวร์เคยเป็นที่ซึ่งมีปลาและหอย
อุดมสมบูรณ์ และสามารถทำเป็นอุตสาหกรรมได้ แต่ในปัจจุบันมีแต่พืชและสตั ว์บางชนิดที่พอเหลืออยู่เท่าน้ัน
ดังนั้นจึงมีปัญหาว่า ในปัจจุบันปากน้ำเป็นที่รองรับและดูดซึมของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และเป็นท่ี
ขยายตัวของประชากร โดยการถมที่ปากนำ้ ให้เป็นท่ีอยู่อาศัยของประชากร เป็นต้น โดยไม่รู้คุณค่าของปากนำ้
วา่ เป็นท่ผี ลิตอาหารเลยี้ งประชากรของโลกทส่ี ำคญั มาก
ระบบนิเวศต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ เป็นระบบที่กว้างใหญ่ ยังมีระบบนิเวศแคบ ๆ เฉพาะเจาะจง ที่มี
องค์ประกอบทางกายภาพและสังคมของสิ่งมีชวี ติ ที่ต่างไป เช่น ระบบนิเวศนาข้าว ระบบนิเวศขอนไม้ผุ ระบบ
นิเวศริมกำแพง ระบบนิเวศบนตน้ ไม้ ฯลฯ สัตว์ไม่มีกระดกู สนั หลงั
13
สัตวไ์ ม่มกี ระดกู สันหลังขนาดใหญ่
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดิน (benthic macroinvertebrates) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า สัตว์หน้าดิน
หมายถึงสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีขนาดตั้งแต่ 500 ไมครอนหรือ 0.5 มิลลิเมตร
อาศัยอยู่บนหรือแทรกตัวในพื้นอาศัยที่เป็นตะกอนท้องน้ำของลำธาร แม่น้ำ และพื้นที่ชุ่มน้ำ ตัวอย่างเช่น
ตัวอ่อนและดกั แด้แมลงนำ้ หลายชนิด ตัวเตม็ วัยของด้วงน้ำบางชนิด ตวั เต็มวัยของมวนนำ้ บางชนดิ กงุ้ น้ำจืด ปู
นำ้ จืด และหอยน้ำจืด เป็นตน้ สตั วไ์ มม่ กี ระดกู สันหลงั หน้าดินเปน็ องค์ประกอบใหญส่ ่วนหน่ึงของสิง่ มีชีวติ ในน้ำ
นอกเหนือจากปลา สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดินบางชนิดกินเศษซากอินทรีย์ที่มาจากระบบนิเวศบก บาง
ชนิดกรองกินอาหารที่มากับกระแสน้ำ บางชนิดขูดกินสาหร่าย ไดอะตอมและฟิลม์ชีวภาพที่ขึ้นบนก้อนหิน
และบางชนิดกินสิ่งมีชีวิตในน้ำ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดินเป็นอาหารของปลา กบ เขียด และสัตว์บกเชน่
นกและค้างคาว ดังนั้นจึงมีบทบาทในการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนแร่ธาตุ รวมทั้งเชื่อมโยงระหว่าง
ระบบนเิ วศบกและระบบนิเวศน้ำ เนือ่ งจากสตั ว์ไม่มกี ระดกู สันหลงั หน้าดินใช้ชีวติ สว่ นใหญอ่ ยู่ในน้ำ เคลอื่ นท่ีได้
น้อย มคี วามหลากหลาย มีการกระจายตัวมาก มคี วามไวต่อการถกู รบกวน มีขนาดใหญม่ องเห็นไดด้ ้วยตาเปล่า
ส่วนใหญ่มวี งจรชวี ิตยาวประมาณ 1 ปี จึงสามารถสะทอ้ นผลการถูกรบกวนทัง้ จากสารเคมีและการรบกวนทาง
กายภาพได้ จึงนยิ มนำมาใชป้ ระเมินคุณภาพลำน้ำทั้งในลำธาร แมน่ ้ำ และพื้นท่ีชุ่มนำ้ การประเมินทางชีวภาพ
มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแทนที่วิธีทางกายภาพและเคมี แต่เป็นข้อมูลสนับสนุนให้สามารถประเมินสุขภาพของ
แหล่งน้ำได้ (นฤมล แสงประดบั และคณะ, ม.ป.ป.)
การประเมนิ คณุ ภาพน้ำแบบเร็วดว้ ยสัตวไ์ ม่มีกระดกู สันหลงั หน้าดนิ
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดิน (Benthic macroinvertebrate) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า “สัตว์หน้าดิน”
ไดร้ บั ความนยิ มในการนำมาเปน็ ข้อมูลร่วมในการประเมินคุณภาพเหล่งน้ำ โดยอาศัยหลักการทว่ี า่ ชุมชนสัตว์ไม่
มีกระดูกสันหลังหน้าดินเปลี่ยนแปลงเมื่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมของแหล่งน้ำเปลี่ยนแปลงไป และด้วยความ
เหมาะสมในด้านต่าง ๆ คือ 1) สัตว์หน้าดินเคลื่อนที่ได้น้อย มีแนวโน้มอาศัยอยู่ในสถานที่เดียว จึงได้รับ
ผลกระทบโดยตรงจากสภาวะมลพิษของแหล่งน้ำบริเวณนั้น ๆ 2) สัตว์หน้าดินมีความหลากหลายและมีการ
แพร่กระจายกว้าง สามารถพบได้ในทุกแหล่งน้ำ 3) มีความไวต่อการถูกรบกวนและฟื้นตัวช้า ทำให้สามารถ
ตรวจสอบผลกระทบท่เี กิดข้นึ ได้แมเ้ วลาจะผ่านไป ซึง่ การตรวจวดั คณุ ภาพน้ำทางกายภาพ และเคมี ไม่สามารถ
ตรวจวดั ความผิดปกติทเ่ี กิดขนึ้ ได้ เพราะการตรวจวเิ คราะห์ทางกายภาพ และเคมี เปน็ การตรวจวัดปรมิ าณสาร
ของตัวแปรหนึ่ง ๆ ณ ช่วงเวลาขณะตรวจวัด 4) สัตว์หนา้ ดินมีขนาดใหญ่ สามารถตรวจพบได้ง่าย 5) สัตว์หน้า
ดนิ มีอายุชยั ยาว สว่ นใหญม่ อี ายุประมาณ 1 ปี ทำให้ตรวจสอบได้ตลอดปหี รือทุกช่วงเวลาของการเก็บตัวอย่าง
และ 6) สตั ว์หน้าดนิ เป็นอาหารของสัตว์น้ำหลายชนดิ จงึ มีความสำคญั ในหว่ งโซ่อาหารมีผลกระทบต่อเนื่องถึง
ความซุกชุมของสัตว์น้ำ และบทบาทการถ่ายทอดสารพิษที่สะสมอยู่ในแหล่งน้ำสู่ผู้บริโภคระดับสูงขึ้น ระบบ
นเิ วศในแหลง่ นำ้ ธรรมชาตมิ ีความซบั ซอ้ นมาก ตัวแปรต่าง ๆ ทางฟสิ กิ ส์ เคมี และแบคทีเ่ รยี มกี ารเปลยี่ นแปลง
14
อยู่ตลอดเวลา สารมลพิษต่าง ๆ ที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำเสียจากแหล่งต่าง ๆ เช่น การเกษตรกรรม แหล่งชุมชน
และอุตสาหกรรม มีทั้งที่สลายตัวได้ง่ายด้วยกระบวนการทางธรรมชาติ (Biodeg radation) และมีความคงตัว
สงู สามารถแพรก่ ระจาย หรอื มกี ารรวมตัวของสารเกดิ เป็นสารประกอบเชิงซ้อนท่ีก่อให้เกดิ ผลกระทบที่รุนแรง
ขึ้น (synergistic effect) ดังนั้น ชนิดและจำนวนของสัตว์หน้าดินในแหล่งน้ำหนึ่ง จึงนำมาใช้บอกผลรวมของ
คณุ ภาพสิง่ แวดลอ้ มของแหลง่ นำ้ นน้ั ได้ดีกวา่ ปัจจยั ทางกายภาพ และเคมี (กรมควบคมุ มลพิษ,2548).
การจำแนกสัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลังหนา้ ดนิ
กรมควบคุมมลพิษ (2548). ได้แบ่งสัตว์หน้าดินออกเป็นหลายกลุ่ม มีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันไป
การตรวจสอบคุณภาพนำ้ โดยใช้สตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดนิ จึงจำเป็นต้องจำแนกวา่ เปน็ สัตวช์ นิดใด เพราะ
สัตว์แต่ละชนิดมคี วามทนทานต่อมลพิษไม่เท่ากันสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังกลุม่ ใหญ่ทีส่ ุดคือเมลงน้ำซึ่งมีอยู่เป็น
จำนวนมาก และไม่มีแมลงน้ำชนิดใดที่มีลักษณะเหมือนกันเลย จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นที่จะต้องจัดแบ่ง
แมลงน้ำออกเป็นหมวดหมู่ การจัดหมวดหมู่แมลงน้ำจะจัดให้แมลงน้ำที่มีความคล้ายคลึงกันมากที่สุดและมี
ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันที่สุดรวมไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน ส่วนแมลงน้ำที่มีลักษณะต่างออกไปก็จัดเป็นกลุ่มอื่น
ต่างหากท้งั นเ้ี พ่ือความสะดวกต่อการนำมาศึกษาและนำมาใช้ประโยชน์ตา่ ง ๆ การจดั หมวดหมู่ การกำหนดช่ือ
รวมทั้งการตรวจสอบหาชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องของเมลงน้ำ รวมเรียกว่า "อนุกรมวิธานแมลงน้ำการ
กำหนดชื่อทางวิทยาศาสตร์ของแมลงน้ำเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นที่นักวิทยาศาสตร์ยอมรับกันทั่วโลก เพราะ
เป็นการป้องกนั ความยุ่งยากและความเข้าใจผิดในเรื่องภาษา โดยกำหนดให้แมลงน้ำแต่ละชนิดมีชือ่ เป็นภาษา
ลาตินประกอบดว้ ย 2 ชอ่ื คือ ชือ่ สกุล และช่อื ชนิด
หลกั เกณฑ์พื้นฐานทัว่ ไปท่ีใช้ในการจัดจำแนกแมลงนำ้ ออกเปน็ หมวดหมู่
- พิจารณาจากลกั ษณะภายนอกและภายในของแมลงนำ้ ว่าเหมือนหรือตา่ งกันอย่างไร
- พจิ ารณาจากรปู แบบการเจริญของแมลงนำ้
- พิจารณาถงึ พฤติกรรมความสมั พันธข์ องแมลงน้ำกับส่ิงแวดล้อมตลอดจนการแพร่กระจายตามถ่ินท่ีอยู่
อาศยั
ตามหลักทางวิทยาศาสตร์โดยทั่วไป หน่วยของการจัดหมวดหมู่ที่เล็กที่สุดเรียกว่า “ชนิด”หน่วยที่ใหญ่
กว่าชนิดเรียกว่า “สกุล” หลายสกุลรวมกันเรียกว่า “วงศ์” หลายวงศ์รวมกันเรียกว่า “อันดับ” หลายอันดับ
รวมกนั เรียกวา่ “ช้ัน” หลายช้นั รวมกันเรยี กว่า “ไฟลัม” และหน่วยทใ่ี หญท่ ส่ี ุดเรียกว่า “อาณาจักร” เขียนเป็น
ลำดับขน้ั ไดด้ งั น้ี
ปัจจุบันจัดให้แมลงน้ำเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอาณาจักรสัตว์ ไฟลัมอาร์โทรโปดา (สัตว์ที่มีโครงร่างแข็ง
ภายนอก) และจัดเปน็ หมวดหม่แู ยกย่อยออกเป็น,อนั ดบั ดังนี้
1. แมลงชปี ะขาว (Epherneroptera)
2. แมลงปอ (Odonata)
15
3. แมลงเกาะทนิ (Plecoptera)
4. มวนนำ้ (Herniptera)
5. แมลงชา้ ง (Neuroptera)
6. แมลงหนอนปลอกนำ้ (richoptera)
7. ผเี ส้ือนำ้ (Lepidoptera)
8. ดว้ งนำ้ (Coleoptera)
9. แมลงสองปีก (Diptera)
นอกจากนี้ยังมีสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังกลุ่มอื่น ๆ ที่ใช้บ่งช้ีคุณภาพน้ำ ได้แก่ กุ้ง ปู หนอนแดงและ
ไส้เดอื นน้ำจดื เปน็ ต้น (กรมควบคมุ มลพิษ, 2548).
3. เอกสารโครงงานและงานวิจัยทเี่ ก่ยี วข้อง
สมศกั ด์ิ ระยนั และคณะ. (2558) ไดท้ ำวิจยั เรอ่ื ง ความสมั พนั ธข์ องคุณภาพนำ้ บางประการและความชุก
ชุมของสัตวไ์ ม่มีกระดูกสนั หลังขนาดใหญ่ บริเวณอ่างเก็บนำ้ เขื่อนน้ำอูน จังหวัดสกลนคร โดยมีจดุ ประสงค์เพื่อ
ศึกษาความสัมพันธ์ของคุณภาพน้ำและความซุกชุมของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่บริเวณอ่างเก็บน้ำ
เขื่อนน้ำอูนระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2556 ถึง เดือนตุลาคม 2557 จำนวน 4 ครั้งในรอบปีตามการ
เปลี่ยนแปลงทางอุทกศาสตร์ของอ่างเก็บน้ำ พบสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ทั้งหมด 3,095 ตัว จำแนก
ได้12 อันดบั 23 วงศ์ ความหลากหลายทางชวี ภาพ และคณุ ภาพนำ้ มคี วามแตกตา่ งอย่างมนี ัยสำคัญทางสถิติใน
แต่ละฤดูกาล (P<0.05) จากการวิเคราะหส์ หสมั พันธ์คาโนนิคอลระหว่างความหลากหลายทางชีวภาพในระดับ
วงศ์ กับคณุ ภาพน้ำ พบว่าคา่ ความเป็นกรดเป็นด่าง มคี วามสัมพนั ธ์กับหอยฝ่าเดียววงศ์ Lymnaeidae และกุ้ง
น้ำจดื ในวงศ์ Palaemonidae ซ่งึ เป็นกลมุ่ ทมี่ ีความชกุ ชุมสูงสดุ ในขณะทค่ี ่าความเป็นด่างจะมคี วามสัมพันธ์กับ
ความซกุ ชุมกล่มุ แมลงชีปะขาว Caenidae และ Polymitarcyidae และหอยฝาเดยี วในวงศ์Hydrobidae ส่วน
ความซุกชุมของมวนน้ำในวงศ์ Belostomatidae และNepidae ตัวอ่อนแมลงปอในวงศ์ Aeshnidae มี
ความสัมพันธก์ บั ความกระด้าง
สมสงวน ปัสสาโก และคณะ. (2561) ได้ทำการวิจยั เรอื่ ง คณุ ภาพนำ้ และความหลากหลายของสัตว์หน้า
ดินในแม่น้ำชี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพน้ำทางกายภาพเคมี ชีวภาพและความหลากหลายของสัตว์
หนา้ ดินในแมน่ ำ้ ชี บริเวณทไ่ี หลผ่านจังหวดั มหาสารคามโดยกำหนดพ้ืนท่ีศึกษาจำนวน 6 สถานี ตามความยาว
ของแมน่ ำ้ ชี ในแต่ละสถานีจะทำการเก็บตัวอยา่ งนำ้ จำนวน 6 ครั้ง (ระหวา่ งเดอื นมกราคม - เดือนพฤศจิกายน
พ.ศ.2558) พารามิเตอร์ที่ทำการตรวจวัดคุณภาพน้ำไดแ้ ก่ อณุ หภูมิ ความโปรง่ ใส ความเป็นกรดเป็นด่าง (pH)
ปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ (DO) ปริมาณออกซิเจนที่จุสินทรีย์ใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ (BOD)
ปริมาณไนเตรตในรูปไนโตรเจน(NO3- -N) ปริมาณออร์โธฟอสเฟต (PO43- ) และปริมาณโคลิฟอร์มแบคที่เรีย
16
สำหรับการศึกษาความหลากหลายของสัตว์หน้าดิน ทำการศึกษาค่าดัชนีความหลากหลาย (H') ดัชนีความ
สม่ำเสมอ (J') และดัชนีความชุกชุม (R) ผลการศึกษาพบว่า คุณภาพน้ำของแม่น้ำชี แต่ละพารามิเตอร์มี
ค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่างช่วงดังต่อไปนี้ อุณหภูมิ 21.20-34.00 OC ความโปร่งใส 15.00-80.00 เซนติเมตร ค่าเป็น
กรดเป็นด่าง (pH) 6.84-10.00 ปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ (DO) 2.00 - 9.80 มิลลิกรัม/ลิตร ปริมาณ
ออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ (BOD) 1.00-6.07 มิลลิกรัม/ลิตร ปริมาณไนเตรตในรูป
ไนโตรเจน (NO3- -N) 0.40-1.13 มิลลิกรัม/ลิตร ปริมาณออร์โธฟอสเฟต (PO43- ) 0.08-0.45มิลลิกรัม/ลิตร
และปริมาณโคลิฟอร์มแบคท่ีเรยี 1.24 - 6.25 x 103MPN/100 มลิ ลิลติ ร สตั ว์หน้าดินทพี่ บในแม่น้ำชีมีจำนวน
3 ไฟลัม ไดแ้ ก่ ไฟลัมอารโ์ ทรโปรดา ไฟลัมมอลัสกา และไฟลมั แอลนลี ิดา สำหรับคา่ ดัชนคี วามหลากหลาย (H')
มีค่าเฉลี่ยเทา่ กับ 2.28 ค่าดัชนีความสม่ำเสมอ (J') มีค่าเฉลี่ยเทา่ กับ 0.56 (56%) และค่าดัชนีความชุกชุมทาง
ชนิด (R) มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.54 จากการศึกษาพบว่า คุณภาพน้ำของแม่น้ำชี เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ
มาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดนิ สามารถจัดคุณภาพน้ำอยู่ในประเภทที่ 3 และพบว่าความหลากหลายของสัตว์หนา้
ดินขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำ สัตว์หน้าดินส่วนใหญ่จะอาศัยซุกชุมอยู่ในบริเวณที่มีคุณภาพน้ ำดี ส่วนบริเวณที่มี
คณุ ภาพน้ำตำ่ จะพบสัตว์หนา้ ดินจำพวกหนอนแดง (Chironomus sp.) ซง่ึ มคี วามทนทานต่อความสกปรกของ
นำ้ ดงั นั้นจงึ สามารถใช้สัตวห์ นา้ ดินเปน็ ตวั ชว้ี ัดคุณภาพนำ้ ได้
17
บทที่ 3
วิธีการศกึ ษา
จุดที่ศกึ ษา
ภาพท่ี 3.1 แหลง่ น้ำข้าง Nippon café
ภาพที่ 3.2 แหลง่ นำ้ บริเวณหน้าหอประชุม
ภาพที่ 3.3 แแหลง่ น้ำบริเวณหนา้ โรงอาหาร
18
ภาพท่ี 3.4 แผนที่ของแหล่งน้ำข้าง Nippon café พิกัด 17.612536/100.140183
ภาพที่ 3.5 แผนที่ของแหลง่ น้ำบรเิ วณหนา้ หอประชุม 17.616480/100.141319
ภาพที่ 3.6 แผนท่ีของแหลง่ น้ำบรเิ วณหนา้ โรงอาหาร พิกดั 17.6203967/100.145292
19
เครอ่ื งมอื /อุปกรณ์
1. ธงจดุ สญั ลกั ษณ์
2. ตลับเมตร
3. กระชอ้ น D – net
4. ถาดเกบ็ ตวั อย่าง
5. ท่จี บั เลนส์กล้องสอ่ งส่งิ มชี วี ิตขนาดเลก็
20
6. pH meter
7. ขวดเกบ็ ตวั อยา่ งของน้ำ (ขวด HDPE)
วธิ ีการดำเนนิ งาน
1. สำรวจแหล่งหาแหล่งน้ำภายในมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุตรดติ ถ์ (ท่งุ กะโล่) และเลือกแหล่งน้ำ จำนวน 3
แหล่ง
2. วาดแผนทจ่ี ุดที่ศกึ ษาตามขน้ั ตอนการวาดแผนที่
3. นำขวดเก็บตัวอย่างของน้ำ (ขวด HDPE) ไปเก็บตัวอย่างของน้ำ จากแหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่ง เพื่อนำมา
วัดความเป็นกรด-ด่าง ด้วยเครอ่ื งมอื pH meter
4. นำเครอ่ื งมอื pH meter มาวัดคา่ ความเปน็ กรด-ดา่ งในนำ้ จากตัวอยา่ งของนำ้ และบันทกึ ข้อมลู
5. นำกระชอน D - net ไปเก็บตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในแหล่งน้ำท้ัง 3 แหล่ง เพื่อนำไปศึกษา
จำนวนชนดิ ของสตั ว์ไม่มีกระดกู สนั หลังขนาดใหญ่
6. ศึกษาชนิดของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ท่ีได้จากการเก็บตัวอย่าในแหล่งน้ำตัวอย่าง และ
บันทึกขอ้ มลู
7. ศึกษาความสัมพันธ์ของค่าความเป็นกรด-ด่าง ของแหล่งน้ำท้ัง 3 แหล่ง ที่ส่งผลต่อจำนวนชนิดของ
สตั วไ์ ม่มีกระดกู สันหลังขนาดใหญ่ และบนั ทึกขอ้ มูล
8. เปรยี บเทียบจำนวนชนิดของสัตวไ์ ม่มีกระดูกสันหลงั ขนาดใหญใ่ นแหล่งน้ำท้ัง 3 แหล่ง
9. สรปุ ผลการศกึ ษา
21
การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมลู
1) เกบ็ ข้อมลู จดุ ทศี่ ึกษา
1.1 วาดแผนทีจ่ ุดที่ศกึ ษาตามขน้ั ตอนการวาดแผนทซ่ี ึง่ มีขน้ั ตอนการวาดแผนท่ีจดุ ท่ศี ึกษา ดงั นี้
1.1.1 กำหนดระยะทางเป็นเส้นตรงประมาณ 50 เมตร ตามแนวรมิ แหลง่ นำ้
1.1.2 ปกั ธงทุก ๆ 3 เมตร ตลอดแนวเส้นทว่ี างไว้
1.1.3 วาดแผนท่ีแหลง่ น้ำทเ่ี ป็นจุดศึกษาโดยวดั ระยะจากแนวเสน้ ท่ีวางไว้และวาดแผนท่ีแนวริมฝง่ั
1.1.4 ใช้ลกู ศรแสดงทศิ ทางการไหลของน้ำ
1.1.5 ใส่สญั ลักษณ์ที่จำเป็น เช่น ต้นไม้ ท่อน้ำออก ท่อน้ำเขา้ เป็นต้น และรายละเอียดของแหล่งน้ำ
เชน่ ชือ่ จดุ ศึกษา ชื่อแหลง่ น้ำ ทิศเหนือ วนั ท่ี มาตรส่วน และสญั ลกั ษณท์ ่ใี ชใ้ นแผนที่
2) เกบ็ ขอ้ มูลค่าความเป็นกรดด่างของนำ้
2.1 นำขวดเก็บตัวอย่างของน้ำ (ขวด HDPE) ไปเก็บตัวอย่างของน้ำจากแหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่ง
เพอื่ นำมาตรวจวดั ความเปน็ กรด - ด่างของน้ำ ดว้ ยเคร่อื ง pH Meter
2.2 นำเครื่อง pH Meter มาวดั ความเปน็ กรด - ด่างของน้ำ จากตัวอย่างของน้ำทัง้ 3 แหล่ง และบันทึก
ขอ้ มูล ซึง่ มีข้นั ตอนการใชเ้ ครื่อง pH Meter ดังนี้
1.2.1 ประกอบเครื่อง pH Meter เข้ากบั ตวั เซนเซอร์
1.2.2 เปิดเครอ่ื ง pH Meter
1.2.3 นำน้ำกลั่นมาล้างบริเวณหัวเซนเซอร์ แล้วซับน้ำด้วยทิชชูให้แห้ง พยายามอย่าให้มือโดน
บริเวณเซนเซอร์
1.2.4 นำตัวเซนเซอร์ของเคร่อื ง pH Meter ไปจุ่มลงในน้ำตัวอย่างที่เก็บมาจากแหลง่ น้ำทั้ง 3 แหล่ง
เพื่อวดั ค่า pH ในน้ำ
1.2.5 หลังจากนำตัวเซนเซอร์ของเคร่ือง pH Meter จุ่มลงในน้ำตัวอย่างแต่ละคร้ัง จากนั้นรอจน
ตวั เลขบนหน้าจอนิ่งแล้วทำการอา่ นคา่ pH ทปี่ รากฏ แล้วบนั ทกึ ผล
1.2.6 หลังจากนำตัวเซนเซอร์ของเครื่อง pH Meter จุ่มน้ำตัวอย่างแต่ละครั้ง จะต้องทำความ
สะอาดตวั เซนเซอรต์ ามขน้ั ตอนที่ 1.2.2 ทุกครั้ง
1.2.7 ทำการตรวจวัดค่า pH ในน้ำตัวอย่างที่เก็บมาจากแหล่งน้ำแต่ละแหล่ง โดยทำการวัดแหล่ง
นำ้ ละ 3 ครงั้ แล้วหาค่าเฉล่ยี โดยค่าเฉลยี่ ท้ัง 3 ครงั้ ต้องมคี า่ แตกต่างกนั ไมเ่ กนิ ± 0.2
3) เก็บตวั อยา่ งสัตวไ์ ม่มีกระดกู สันหลงั ขนาดใหญ่
3.1 นำกระชอน D-net ไปเก็บตัวอย่างของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ในแหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่ง
เพ่ือนำไปศึกษาชนดิ ของสัตวไ์ ม่มกี ระดกู สันหลงั ขนาดใหญ่ ซึ่งมีข้ันตอนการเกบ็ ตัวอย่างสตั ว์ไมม่ ีกระดกู สันหลัง
ขนาดใหญ่ ดังน้ี
22
3.1.1 นำกระชอน D-net จุ่มลงไปในนำ้ แกวง่ กระชอนในบริเวณที่มีพชื หรือขอนไม้ โดยพยายามให้
ตกั ไปจนถงึ ด้านลา่ ง
3.1.2 แกวง่ กระชอน D-net ไป - มา 2 ครงั้ บรเิ วณทมี่ ตี ะกอนสะสมอยู่
3.1.3 ยกกระชอน D-net ข้ึน และเทตัวอย่างลงในถาดเก็บตวั อย่างของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
ขนาดใหญ่
3.1.5 ถ้าน้ำใสให้รินตัวอย่างลงในถาดได้โดยตรง แต่ถ้าน้ำไม่ใสให้ล้างตัวอย่าง และท้ิงเศษท่ีไม่
ต้องการ
3.1.6 นำตัวอย่างของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ มาศึกษาใช้เลนส์ติดกล้องโทรศัพท์
กำลงั ขยาย 40X ถ่ายภาพบันทกึ ข้อมูล
3.1.7 ใช้คู่มือจำแนกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ (Key to Macroinvertebrate Life in
the River)
4) การวเิ คราะหข์ อ้ มลู
3.1 นำขอ้ มูลของคา่ เฉลยี่ pH ทต่ี รวจวดั ไดม้ าแปลผล
การแปรผลของการวัดความเป็นกรค-ด่างเป็นพารามิเตอร์ท่ีในมาตรฐานคุณภาพน้ำต่าง ๆ ของประเทศไทย
โดยกำหนดไวว้ า่ pH ในแหล่งนำ้ นั้นควรมคี า่ อยู่ในชว่ ง 5-9 แปลผลเปน็ กรด-ด่างเปรยี บเทียบดังตาราง
ค่า pH แปลผล
< 4.5 กรดแกจ่ ัด
4.5 – 5.0 กรดจดั มาก
5.1 – 5.4 กรดจัด
5.5 – 6.5 กรดปานกลาง
6.6 – 7.3
7.4 – 7.8 กลาง
7.9 – 8.4 ดา่ งอ่อน
8.5 – 9.0 ดา่ งปลานกลาง
> 9.0 ด่างจัด
ด่างจดั มาก
ตารางท่ี 3.1 แปลผลค่า pH ของน้ำ
ท่ีมา : กรมควบคุมมลพิษ. (2547)
23
3.2 เทยี บคา่ pH ที่ทำการตรวจวดั กบั ค่ามาตรฐานคุณภาพนำ้ ผิวดนิ
3.3 นำข้อมูลตัวอย่างของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่เทียบกับ Key to Macroinvertebrate
Life in the River ดังภาพ
ภาพที่ 3.7 Key to Macroinvertebrate Life in the River
ทม่ี า : GLOBE THAILAND. (2564)
3.4 เปรียบเทียบจำนวนชนิดท่ีพบ และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ค่าความเป็นกรด - ด่าง ของแหล่งน้ำกับ
จำนวนชนิดของสตั ว์ไม่มีกระดกู สันหลังขนาดใหญ่
24
บทที่ 4
ผลการศกึ ษา
1. ผลการศึกษาความเปน็ กรด-ดา่ งของนำ้
จากการศกึ ษาความเป็นกรด-ด่างของนำ้ จากแหล่งน้ำทั้ง 3 แหลง่ อันไดแ้ ก่แหลง่ นำ้ บรเิ วณข้าง Nippon
café หน้าหอประชุม และหน้าโรงอาหาร ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) ซึ่งได้ผลการศึกษา
ดงั น้ี
ตารางที่ 4.1 แสงผลการคา่ ความเป็นกรด - ด่าง ของนำ้ ในแหลง่ น้ำท้ัง 3 แหล่ง
แหล่งน้ำ คา่ ความเป็นกรด - ดา่ ง ในน้ำ (pH)
ข้าง Nippon café ครั้งที่ 1 ครง้ั ที่ 2 ครงั้ 3 คา่ เฉลย่ี
หนา้ หอประชุม
หนา้ โรงอาหาร 8.70 8.90 8.75 8.78
7.71 7.66 7.66 7.68
9.60 9.57 9.60 9.59
จากตารางที่ 4.1 ค่าความเป็นกรด - ด่าง ของน้ำจากแหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่ง จากการเก็บตัวอย่างน้ำ
1) แหล่งน้ำบริเวณข้างร้าน Nippon café มีค่า pH เฉลี่ย 8.78 2) แหล่งน้ำหน้าหอประชุม มีค่า pH
เฉล่ยี 7.68 และ 3) แหลง่ นำ้ หน้าโรงอาหาร มีค่า pH เฉลยี่ 9.59
2. ผลการศกึ ษาจำนวนชนิดของสัตวไ์ ม่มกี ระดกู สนั หลงั ขนาดใหญใ่ นแหล่งนำ้
2.1 จำนวนชนิดของสตั ว์ไม่มกี ระดกู สนั หลงั ขนาดใหญ่
จากการศึกษาจำนวนชนิดของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ในแหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่ง อันได้แก่
แหล่งน้ำบริเวณข้าง Nippon café หน้าหอประชุม และหน้าโรงอาหาร ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
วิทยาเขตลำรางทุ่งกะโล่ ซึง่ ไดผ้ ลการศกึ ษา ดงั น้ี
25
ตารางท่ี 4.2 แสดงผลจำนวนชนิดของสัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่จากแหล่งนำ้ ทั้ง 3 แหล่ง
บริเวณแหลง่ น้ำท่ีศึกษา
ขา้ ง Nippon café หน้าหอประชุม หนา้ โรงอาหาร
1. ด้วงน้ำ (Crawling Water 1. มวนกรรเชียง (Water 1. ด้วงนำ้ (Crawling Water
Beetle) Boatman) Beetle)
ช ินดของ ัสต ์วไม่ ีมกระดูก ัสนห ัลงขนาดให ่ญท่ีพบ 2. ดว้ งในวงศ์ Elmidae (Riffle 2. ตัวออ่ นแมลงชปี ะขาวในวงศ์ 2. มวนเข็ม (Water Scorpion
Beetle) Ephemeridae (Mayfly Larva) ‘Ranatra’)
3. กุ้งฝอย (Scud or Amphipod) 3. ดว้ งน้ำ (Crawling Water 3. กุ้งฝอย (Scud or Amphipod)
Beetle)
4. หอยขม (Pouch Snail) 4. ตัวออ่ นแมลงชีปะขาวในวงศ์
วงศ์ Leptophlebiidae (Mayfly
Larva)
รวมจำนวนชนดิ 5. กุง้ ฝอย (Scud or Amphipod)
4 ชนิด 5 ชนดิ 3 ชนดิ
26
2.2 ผลการศึกษาความสัมพันธ์ของค่าความเป็นกรด – ด่าง ในน้ำที่ส่งผลต่อจำนวนชนิดของสัตว์ไม่มี
กระดูกสันหลงั ขนาดใหญ่
จากการศกึ ษาการค่าความเปน็ กรด – ดา่ ง ในนำ้ และการศกึ ษาจำนวนชนิดของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
ขนาดใหญ่ในแหล่งน้ำท้ัง 3 แหล่งภายในมหาวิทยาลยั ราชภฏั อุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล)่ ดังตารางท่ี 4.1 และ 4.2 พบว่า
1. แหล่งน้ำบริเวณ ข้าง Nippon café มี pH เฉลี่ย 8.78 และพบสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่
จำนวน 4 ชนดิ ได้แก่
1) ดว้ งนำ้ (Crawling Water Beetle)
2) ดว้ งในวงศ์ Elmidae (Riffle Beetle)
3) กงุ้ ฝอย (Scud or Amphipod)
4) หอยขม (Pouch Snail)
2. แหล่งน้ำหน้าหอประชุม มีค่า pH เฉลี่ย 7.68 และพบสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่
จำนวน 5 ชนดิ ไดแ้ ก่
1) มวนกรรเชียง (Water Boatman)
2) ตวั อ่อนแมลงชีปะขาวในวงศ์ Ephemeridae (Mayfly Larva)
3) ด้วงน้ำ (Crawling Water Beetle)
4) ตวั ออ่ นแมลงชีปะขาวในวงศ์วงศ์ Leptophlebiidae (Mayfly Larva)
5) กงุ้ ฝอย (Scud or Amphipod)
3. แหล่งน้ำหน้าโรงอาหาร มีค่า pH เฉลี่ย 9.59 และพบสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่
จำนวน 3 ชนิด ไดแ้ ก่
1) ด้วงนำ้ (Crawling Water Beetle)
2) มวนเขม็ (Water Scorpion ‘Ranatra’)
3) กงุ้ ฝอย (Scud or Amphipod)
26
บทที่ 5
สรปุ และอภปิ รายผล
โครงงาน การศึกษาค่าความเป็นกรด - ด่างของแหล่งน้ำ ในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่)
ทส่ี ง่ ผลตอ่ จำนวนชนดิ ของสตั ว์ไมม่ ีกระดูกสันหลงั ขนาดใหญ่ โดยมีวตั ถุประสงค์และสมมตฐิ าน คือ
วตั ปุ ระสงค์
1. เพื่อศึกษาคา่ ความเปน็ กรด – ด่างของแหลง่ นำ้ ภายในมหาวิทยาลยั ราชภฏั อุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่)
2. เพื่อเปรียบเทียบจำนวนชนิดของสตั ว์ไมม่ ีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ของแหล่งนำ้ ภายในมหาวิทยาลัย
ราชภฏั อตุ รดิตถ์ (ทุ่งกะโล)่
สมมติฐาน
1. แหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) จะมีค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำที่เป็นไป
ตามมาตรฐานคุณภาพนำ้ ผิวดนิ
2. ค่าความเป็นกรด-ด่างของแหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) ที่แตกต่างกันจะ
ส่งผลตอ่ จำนวนชนิดของสัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่
สรุปผลการศึกษา
1. จากการตรวจสอบคุณภาพน้ำของแหล่งน้ำแหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่)
จากแหล่งนำ้ ทง้ั 3 แหล่ง พบว่าค่าความเป็นกรด - ด่างของนำ้ จากแหลง่ นำ้ ท้งั 3 แหล่ง จากการเกบ็ ตวั อย่างน้ำ
1) แหล่งน้ำบริเวณข้าง Nippon café มีค่า pH เฉลี่ย 8.78 2) แหล่งน้ำหน้าหอประชุม มีค่า pH เฉลี่ย 7.68
และ 3) แหล่งนำ้ หนา้ โรงอาหาร มคี า่ pH เฉลย่ี 9.59 ซ่ึงเมอื่ เปรยี บเทยี บกบั เกณฑก์ ารวดั คุณภาพน้ำผิวดนิ แล้ว
พบว่า ค่าความเปน็ กรด - ดา่ ง ของแหล่งน้ำ 1) แหลง่ น้ำบรเิ วณข้างร้าน Nippon café และ 2) แหลง่ น้ำหน้า
หอประชุม อยูใ่ นเกณฑต์ ามมาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดิน สว่ นแหลง่ นำ้ ที่ 3) แหลง่ นำ้ หนา้ โรงอาหาร อยใู่ นเกณฑ์
เกินมาตรฐานคณุ ภาพน้ำผวิ ดิน ตามเกณฑว์ ัดระดบั มาตรฐานคณุ ภาพนำ้ ผิวดิน กรมควบคุมมลพิษ. (2547)
2. จากการเก็บตัวอย่างของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ จากแหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่ง พบว่าจาก
การศึกษาการค่าความเป็นกรด – ด่าง ในน้ำและการศึกษาจำนวนชนิดของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่
ในแหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่งภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) พบว่า แหล่งน้ำบริเวณข้าง Nippon
café พบสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ 1) ด้วงน้ำ (Crawling Water Beetle)
2) ด้วงในวงศ์ Elmidae (Riffle Beetle) 3) กุ้งฝอย (Scud or Amphipod) และ 4) หอยขม (Pouch Snail)
แหล่งน้ำหน้าหอประชุม พบสิ่งสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ จำนวน 5 ชนิด ได้แก่ 1) มวนกรรเชียง
(Water Boatman) 2) ตัวอ่อนแมลงชีปะขาวในวงศ์ Ephemeridae (Mayfly Larva) 3) ด้วงน้ำ (Crawling
27
Water Beetle) 4) ตัวอ่อนแมลงชีปะขาวในวงศ์วงศ์ Leptophlebiidae (Mayfly Larva) และ 5) กุ้งฝอย
(Scud or Amphipod) แหล่งน้ำหน้าโรงอาหาร พบสิ่งสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ จำนวน 3 ชนิด
ได้แก่ 1) ด้วงน้ำ (Crawling Water Beetle) 2) มวนเข็ม (Water Scorpion ‘Ranatra’) และ 3) กุ้งฝอย
(Scud or Amphipod) ดงั ตารางที่ 4.1 และ 4.2
อภิปรายผลการศึกษา
จากการสำรวจแหล่งนำ้ ท้ัง 3 แหลง่ ค่าความเป็นกรด – ดา่ ง ในนำ้ และการศึกษาจำนวนชนิดของสัตว์ไม่
มกี ระดกู สนั หลงั ขนาดใหญ่ในแหลง่ น้ำท้ัง 3 แหล่งภายในมหาวทิ ยาลัยราชภัฏอตุ รดติ ถ์ (ท่งุ กะโล่) พบวา่ แหล่ง
น้ำบริเวณข้าง Nippon café มี pH เฉลี่ย 8.78 และพบสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ จำนวน 4 ชนิด
ได้แก่ ด้วงน้ำ (Crawling Water Beetle) 2) ด้วงในวงศ์ Elmidae (Riffle Beetle) 3) กุ้งฝอย (Scud or
Amphipod) และ 4) หอยขม (Pouch Snail) แหล่งน้ำหน้าหอประชุม มีค่า pH เฉล่ยี 7.68 และพบสิ่งสัตว์ไม่
มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ จำนวน 5 ชนิด ได้แก่ 1) มวนกรรเชียง (Water Boatman) 2) ตัวอ่อนแมลง
ชีปะขาวในวงศ์ Ephemeridae (Mayfly Larva) 3) ด้วงน้ำ (Crawling Water Beetle) 4) ตัวอ่อนแมลง
ชีปะขาวในวงศ์วงศ์ Leptophlebiidae (Mayfly Larva) และ 5) กุ้งฝอย (Scud or Amphipod) และ
แหล่งน้ำหน้าโรงอาหาร มีค่า pH เฉลี่ย 9.59 และพบสิ่งสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ จำนวน 3 ชนิด
ได้แก่ 1) ด้วงน้ำ (Crawling Water Beetle) 2) มวนเข็ม (Water Scorpion ‘Ranatra’) และ 3) กุ้งฝอย
(Scud or Amphipod)
จะเห็นได้ว่าค่าความเป็นกรด - ด่าง ของแหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่งมีค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกับ แต่เมื่อเทียบกับ
เกณฑก์ ารวัดมาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดิน ตามเกณฑข์ อง กรมควบคุมมลพษิ (2548). จะพบวา่ แหลง่ น้ำบริเวณ
ข้าง Nippon café และ แหล่งน้ำหนา้ หอประชุม นั้นจัดอยู่ในระดับตามเกณฑ์มาตรฐานคณุ ภาพน้ำผิวดิน แต่
แหล่งน้ำหน้าโรงอาหาร นั้นอยู่ในระดับเกินมาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดิน หากเปรียบเทียบกับจำนวนชนิดของ
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ที่พบจากแหลง่ น้ำทั้ง 3 แหล่ง จะมีทั้งเหมือนและแตกต่างกันอยู่ จึงสรุปผล
ได้วา่ การศึกษาตามท่ีตั้งสมมติฐานไว้ก่อหน้านี้ คอื
ข้อที่ 1. แหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ทุ่งกะโล่) จะมีค่าความเป็นกรด – ด่างของน้ำ
ทีเ่ ปน็ ไปตามมาตรฐานคณุ ภาพน้ำผวิ ดิน ซง่ึ ไมเ่ ปน็ ไปตามสมมตฐิ านทตี่ ัง้ ไว้ เนื่องจาก มแี หล่งน้ำบรเิ วณหน้าโรง
อาหาร อย่ใู นระดบั เกินมาตรฐานคุณภาพน้ำผวิ ดิน ตามเกณฑ์ของกรมควบคุมมลพิษ (2547).
ข้อที่ 2. ค่าความเป็นกรด-ดา่ งของแหลง่ น้ำภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดติ ถ์ (ทุ่งกะโล่) ท่ีเป็นไปตาม
มาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดิน จะส่งผลต่อจำนวนชนิดของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นไปตาม
สมมตฐิ านท่ีตั้งไว้ โดยแหล่งนำ้ ท้งั 3 แหล่งที่มีการเก็บตวั อย่างสัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลังขนาดใหญ่ ผลที่ศึกษาจะ
สอดคล้องกับ สมศักด์ิ ระยัน และคณะ. (2558) ที่ได้ศึกษาความสัมพันธ์ของคุณภาพน้ำบางประกงและความ
28
ชุกชุมของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ ท่ีพบว่าความเป็นกรด - ด่าง ของน้ำมีความสัมพันธ์กับสัตว์ไม่มี
กระดูกสันหลังขนาดใหญ่ หากคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานจะส่งต่อความชุกชุมของสัตว์ไม่มีกระดูกสัน
หลังขนาดใหญ่ และ ยังสอดคล้องกับ สมสงวน ปัสสาโก และคณะ. (2561) ที่ได้ทำการคุณภาพน้ำและความ
หลากหลายของสัตว์หน้าดินในแม่น้ำชี พบว่า คุณภาพน้ำของแม่น้ำชี เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับมาตรฐาน
คุณภาพน้ำผิวดินสามารถจัดคณุ ภาพน้ำอยู่ในประเภทที่ 3 และพบว่าความหลากหลายของสัตว์หน้าดินขึ้นอยู่
กบั คุณภาพนำ้ สตั ว์หน้าดนิ ส่วนใหญจ่ ะอาศัยซุกชุมอยู่ในบริเวณทม่ี ีคุณภาพน้ำดี สว่ นบริเวณที่มีคุณภาพน้ำต่ำ
จะพบสัตว์หน้าดินจำพวกหนอนแดง (Chironomus sp.) ซงึ่ มีความทนทานต่อความสกปรกของน้ำ
และจากการศึกษาความเป็นกรด - ด่าง ของแหล่งน้ำทั้ง 3 แหล่ง พบว่า ค่า pH มีค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกนั
และมี 2 แหลง่ นำ้ จัดอยู่ในเกณฑ์ระดับตามมาตรฐานคุณภาพนำ้ ผวิ ดิน มี 1 แหล่งน้ำจัดอยู่เกินระดับมาตรฐาน
คุณภาพน้ำผิวดนิ เลก็ นอ้ ย อาจเปน็ เพราะค่าความเปน็ กรด - ดา่ ง ของดินบริเวณแหลง่ น้ำมคี ่า pH สูงกวา่ 9 จึง
ส่งผลให้ ค่า pH ของแหล่งน้ำสูงตามไปด้วย ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวคิดของ ช่อทิพย์ เพี้ยนภักตร์. (2548).
ท่กี ล่าววา่ “ค่า pH ของแหล่งนำ้ ธรรมชาติข้ึนอยู่กับลักษณะของภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมหลายประการ
เชน่ ลกั ษณะพ้นื ดนิ และหนิ ปริมาณน้ำฝน ตลอดจนการใชท้ ่ดี ินในบริเวณแหล่งน้ำนัน้ ระดับ pH ของน้ำผันแปร
ตามระดับ pH ของดินในบริเวณทีด่ ินมสี ภาพเป็นกรดก็จะทำให้น้ำมีสภาพเป็นกรดตามไปด้วยและยงั มีผลจาก
กิจกรรมของจุลินทรีย์ในดิน นอกจากนี้อิทธิพลของสิ่งมีชีวิตในน้ำ เช่น จุลินทรีย์แพลงก์ตอนและพืชกส็ ามารถ
ทำให้ค่า pH มีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นเดียวกัน” นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับจำนวนชนิดของสัตว์ไม่มีกระดูกสัน
หลังขนาดใหญ่แล้ว จะพบว่า แหล่งน้ำที่มีพืชน้ำปลุกคลุมอยู่เยอะจะพบจำนวนชนิดของสัตว์ไม่มีกระดูกสัน
หลังมากกว่าแหล่งน้ำที่ไม่มีพืชน้ำหรือมีพืชน้ำปกคลุมน้อย จะส่งผลต่อจำนวนชนิดได้ด้วยเช่นกัน อาจเป็น
เพราะวา่ สัตวไ์ ม่มีกระดกู สันหลังขนาดใหญล่ ว้ นอาศยั นำ้ และพืชเปน็ แหลง่ ที่อย่อู าศัยและใช้ในการเจริญเติบโต
ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลงั ซง่ึ สองกับแนวคิดของ นฤมล แสงประดบั และคณะ. (ม.ป.ป.) ท่ีกล่าวว่า “สัตว์ไม่
มีกระดูกสันหลังหน้าดินบางชนิดกินเศษซากอินทรีย์ที่มาจากระบบนิเวศบก บางชนิดกรองกินอาหารที่มากับ
กระแสน้ำ บางชนิดขดู กินสาหร่าย ไดอะตอมและฟิลม์ชีวภาพทีข่ ้นึ บนก้อนหนิ และบางชนดิ กนิ ส่ิงมีชวี ิตในนำ้ ”
ขอ้ เสนอแนะในการทำโครงงานครังถดั ไป
1. ควรศึกษาในระยะเวลาที่ยาวนานหรือศึกษาเปรียบเทียบในแต่ละฤดูกาล เพื่อให้ได้ค่าเปรียบเทียบ
ตลอดท้งั ปี
2. ควรศึกษาคณุ ภาพของแหล่งนำ้ โดยใช้พารามเิ ตอรช์ นิดอนื่ ตามเกณฑ์ของกรมควบคุมมลพิษ
3. ควรเพิ่มแหล่งน้ำในการศึกษา และชนิดของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กให้มากขึ้น เพื่อนำผลที่ได้มา
เปรยี บเทียบความเหมอื นและความแตกตา่ งของข้อมูล
29
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคมุ มลพษิ . (2547). คู่มอื การตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมอยา่ งง่าย. [ม.ป.ท.]
กรมควบคุมมลพษิ . (2548). คู่มือการตรวจสอบคุณภาพดว้ ยสตั วไ์ มม่ กี ระดูกสันหลังหน้าดิน [ม.ป.ท.]
กรมควบคุมมลพิษ. (2563). รายงานการดำเนินงานกองจัดการคุณภาพนำ้ พ.ศ.2563. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้
จาก https://www.pcd.go.th/publication/15825/
ช่อทิพย์ เพี้ยนภักตร์. 2548. การสำรวจคุณภาพน้ำในคลองเปรมประชากรเพื่อพัฒนากิจกรรมสิ่งแวดล้อม
ศึกษาสำหรับนักเรียนระดับมัธยมตอนต้น (ช่วงชั้นที่ 3). (วิทยานิพนธ์ปริญญาโทวิทยาศาสตร
มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลยั ราชภัฏพระนคร)
นฤมล แสงประดับ และคณะ. (ม.ป.ป.) ฐานข้อมูลสัตวไ์ ม่มีกระดกู สนั หลงั นำ้ จดื ในประเทศไทย. [เว็บบล็อก].
สบื คน้ เมือ่ 17 มีนาคม 2565 จาก https://invertebrates.in.th/about.php
โรงเรียนดาราวิทยาลัย. (2561). อควาโปนิกส์ในครัวเรือน. [เว็บบล็อก] สืบค้นเมื่อ 17 มีนาคม 2565 จาก
https://sites.google.com/a/web1.dara.ac.th/aquaponics/home
สมศักดิ์ ระยัน, บุญทิวา ชาติชำนิ และอมรรัตน์ รังสิวิวัฒน์. (2558). ความสัมพันธ์ของคุณภาพน้ำบาง
ประการและความชุกชุมของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนน้ำอูน
จังหวัดสกลนคร. แก่นเกษตร์ 43(1), 595-602.
สมสงวน ปัสสาโก, จุไรรัตน์ คุรุโคตร และชมพู่ เหนือศรี(2561) คุณภาพน้ำและความหลากหลายของสัตว์
หนา้ ดินในแมน่ ้ำชี. เกษตรพระวรณุ 15(1), 156-167.
อัจฉราภรณ์ ศุกระศร , นนทวร สอนจันทร์ เเละพัฒน์ธนสรณ์ เพียรสว่าง. (2556). การศึกษาคุณภาพน้ำ
คลองเปรมประชากรเพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการน้ำ. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต,
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคงพระนคร).
30
ภาคผนวก
31
ลงพืน้ ท่ีสำรวจตามจดุ ทีจ่ ะศึกษาเก็บขอ้ มลู
กำหนดระยะทางเปน็ เส้นตรงประมาณ 50 เมตร ตามแนวริมแหลง่ นำ้ ขา้ ง Nippon café
32
ปกั ธงทกุ ๆ 3 เมตร ตลอดแนวเสน้ ท่วี างไว้ตามแนวริมแหลง่ นำ้ ขา้ ง Nippon café
เกบ็ ตัวอยา่ งของสัตว์ไมม่ กี ระดกู สนั หลงั ขนาดใหญ่แหล่งนำ้ ขา้ ง Nippon café
33
วาดแผนท่แี หลง่ น้ำข้าง Nippon café
ปกั ธงทกุ ๆ 3 เมตร ตลอดแนวเสน้ ที่วางไวต้ ามแนวรมิ แหล่งน้ำหนา้ หอประชุม
34
กำหนดระยะทางเป็นเส้นตรงประมาณ 50 เมตร ตามแนวริมแหลง่ น้ำหนา้ หอประชุม
เกบ็ ตัวอยา่ งของสัตว์ไมม่ กี ระดกู สนั หลงั ขนาดใหญ่แหล่งนำ้ หน้าหอประชมุ
35
เก็บตวั อยา่ งของน้ำแหลง่ น้ำหน้าหอประชุม
วาดแผนท่ีแหลง่ น้ำหนา้ หอประชุม
36
กำหนดระยะทางเป็นเสน้ ตรงประมาณ 50 เมตร ตามแนวรมิ แหล่งน้ำหนา้ โรงอาหาร
และปักธงทกุ ๆ 3 เมตร
เกบ็ ตัวอย่างของสัตวไ์ มม่ กี ระดูกสนั หลงั ขนาดใหญ่แหล่งน้ำหน้าโรงอาหาร
37
เกบ็ ตวั อย่างของน้ำและสัตว์ไมม่ กี ระดกู สันหลังขนาดใหญ่แหลง่ น้ำหน้าโรงอาหาร
เกบ็ ตวั อย่างของสัตวไ์ มม่ กี ระดกู สันหลงั ขนาดใหญ่แหลง่ นำ้ หนา้ โรงอาหาร
38
วาดแผนที่แหลง่ น้ำหนา้ โรงอาหาร
ศกึ ษาชนิดของสง่ิ มีชวี ิตโดยใชเ้ ลนส์กลอ้ ง
39
ตรวจวดั ค่า pH
ตรวจวัดค่า pH
40