การละหมาดกบั การสวดมนต์
ดร.อภิรัชศกั ดิ์ รัชนวี งศ์
“อิสลาม”1 มีรากศัพท์จากภาษาอาหรับ ซ่ึงแปลว่า “สันติ” ส่วน อิสลาม หมายถึง การ
สวามิภักดิ์ต่ออัลลอฮ์ หรือ พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ซ่ึงอิสลามคือศาสนาท่ีอัลลอฮ์ทรง
ประทานให้แก่อาดัมผู้เป็นบิดาแห่งมนุษยชาติหรือมนุษย์คนแรก ใช้เป็นวิถีแห่งการดารงชีวิต
ท่ีครอบคลุมพฤติกรรมของมนุษย์ในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่เกิดจนตาย ตั้งแต่ต่ืนจนหลับ รวมถึงเร่ือง
ส่วนตัว ครอบครัว และสังคม โดยผู้ท่ียึดม่ันในศาสนาอิสลาม เรียกว่า มุสลิม (ผู้ใฝ่หาสันติ) ส่วน
สตรีมุสลิม เรยี กว่า มุสลมิ ะฮ์ อัลลอฮ์ทรงประสงค์ใหว้ งศว์ านของอาดัมดารงอยู่บนแนวทางอันเป็น
ธรรมะท่ีเท่ียงตรงและรอดพ้นจากการล่อลวงของมารให้มนุษย์เห็นผิดเป็นชอบและเบียดเบียนกัน
ดังน้ันศาสนาอิสลามท่ีอัลลอฮ์ประทานลงมาเป็นทางแห่งการดาเนินชีวิตจึงมีเป้าหมายคุ้มครอง
มนุษย์ใน 5 ด้าน ได้แก่ (1) ชวี ิต (2) ทรพั ย์ (3) สติ (4) วงศต์ ระกูล (5) ศาสนา
ท่มี า https://www.cicot.or.th/th/article/lists/1/12/
หลักการอิสลาม ( ;أركان الإسلامหรือ " أركان الدينเสาหลักของศาสนา") เป็น
กิจการพื้นฐานในศาสนาอิสลาม ผู้ศรัทธาถือว่าเป็นข้อบังคับ และเป็นการสร้างชีวิตแบบมุสลิม
โดยกล่าวสรุปไว้ในฮะดีษของญิบรีล ท้ังซุนนีและชีอะฮ์ยอมรับในเนื้อหาของการทาพิธีและฝึกฝน
กิจการเหล่านี้ แต่ชีอะฮ์ไม่ได้เรียกช่ือเหมือนกับซุนนี (ดูฟุรูอุดดีนของชีอะฮ์สิบสองอิมามกับ
เสาหลักท้ังเจ็ดของอิสมาอีลียะฮ์) ส่ิงเหล่านี้มีส่วนในชีวิตของมุสลิม การขอพร ห่วงใยผู้ท่ีต้องการ
ชาระลา้ งบาปดว้ ยตนเองและแสวงบญุ ถา้ ทาได้2 เพื่อให้คาสอนอสิ ลามสามารถคมุ้ ครองมนุษย์จาก
มารหรือซัยตอน ได้ผเู้ ป็นมุสลิมนนั้ จะต้องเชอื่ มน่ั และปฏิบัติในหลักการของศาสนาอิสลาม ซ่ึงมีอยู่
3 หลกั การใหญ่ คือ1
๒
1. หลกั การศรทั ธา เรียกว่า “รุก่นอีมาน” คือ หลักการหรือบทบัญญัติที่มุสลิมทุกคนต้อง
ศรทั ธา ยึดมน่ั มอี ยู่ 6 ประการ คือ
1. ต้องศรัทธาต่ออลั ลอฮ์ (อัลลอฮ์ คอื พระเจา้ เพยี งองคเ์ ดียวที่ชาวมุสลิมและมุสลิมะฮ์
สกั การะ)
2. ตอ้ งศรัทธาตอ่ บรรดามะลาอกิ ะฮ์ (เทวทูต) ของอลั ลอฮ์
3. ตอ้ งศรทั ธาต่อบรรดาคัมภรี ข์ องอัลลอฮ์
4. ตอ้ งศรทั ธาต่อบรรดารอซ้ลู (ศาสดา) ของอลั ลอฮ์
5. ตอ้ งศรทั ธาตอ่ วนั อาคเิ ราะฮ์ (วันสดุ ทา้ ยของโลก)
6. ต้องศรัทธาตอ่ การกาหนดของอลั ลอฮท์ ั้งทางดีและทางร้าย
ที่มา https://www.facebook.com/muhammadbintaofeek
2. หลักการจริยธรรม เรียกว่า “อัคลาค” มีหัวใจอยู่ที่คาเทศนาของนบี มุฮัมมัด
ที่วา่ “ท่านท้ังหลายจงทาความดีประหนึ่งท่านมองเห็นอัลลอฮ์อยู่เบื้องหน้า และแม้ท่านไม่อาจแล
เห็นอัลลอฮ์ แต่ท่านทั้งหลายพึงมีสติเถิดว่าอัลลอฮ์ทรงเฝ้ามองดูท่านท้ังหลายอยู่” คือการปฏิบัติ
ตัวที่ดีท้ังทางคาพูด และการกระทาเป็นที่ยอมรับของสังคมอยู่ในหลักศีลธรรม โดยการกระทา
ทั้งหมดน้ีต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม บทบัญญัติในพระคัมภีร์อัลกุรอานของอิสลาม
๓
จะเป็นกฎหมายท่ีมีบทลงโทษผลกรรมที่มนุษย์ประกอบกากับไว้ด้วย เหตุนี้อิสลามจึงเป็นศาสนา
ท่ีสมบูรณ์แบบ จนเป็นระบอบแห่งการดาเนินชีวิต ซึ่งหลักสาคัญประการหน่ึงท่ีอิสลามได้กาหนด
ไว้สาหรับการดาเนินชีวิตของมนุษย์ คือความสงบสุข ความศานติและความมั่นคง ความสัมพันธ์
ของศาสนาอิสลามกับศาสนาอื่นไม่ว่าในระดับปัจเจกบุคคล หรือระดับประเทศ คือความสัมพันธ์
ในรูปของการทาความรู้จัก การเก้ือกูลกัน การเผยแผ่และทาความดี ไม่ใช่ความสัมพันธ์ในรูปของ
การปะทะต่อสู้ ก่อการร้าย หรือบ่อนทาลาย และระบบการเงินการธนาคารอิสลามก็เป็นส่วนหนึ่ง
ของธรรมะของศาสนาอิสลามที่คุ้มครองมนุษย์จากการเบียดเบียนกันและกันในประเด็นของ
ทรัพย์สิน
ท่ีมา https://www.pngegg.com/th/png-mwjds
3. หลักการปฏิบัติ เรียกว่า “รุก่นอิสลาม” คือหลักการหรือบทบัญญัติท่ีมุสลิมทุกคน
ตอ้ งปฏบิ ัตติ าม โดยไม่โตแ้ ย้งมอี ยู่ 5 ประการ คอื
1. ประกาศยืนยันว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ์พระองค์เดียวและมูฮัมหมัด
เป็นศาสนทูตของพระองค์
2. ดารงการละหมาด 5 เวลาตอ่ วัน
3. ถือศลี อดในเดือนรอมฎอน
4. การจ่ายซะกาต (ทรัพย์สินในอตั ราที่ศาสนากาหนดไว้)
5. การเดินทางไปทาฮจั ญท์ ีม่ กั กะฮ์ หากมีความสามารถหรือมคี วามพรอ้ ม
๔
ท่านศาสดามุฮัมหมัด (ซ.ล.) ได้ทรงกล่าวไว้ “การศรัทธาน้ัน คือการที่ท่านต้องเช่ือถือ
ต่ออัลลอฮ์ ต่อบรรดามะลาอิกะฮ์ของพระองค์ ต่อบรรดาคาภีร์ของพระองค์ ต่อบรรดารอซู้ลของ
พระองค์ ต่อวันอาคิเราะฮ์ และต้องเช่ือถือต่อการกาหนดของอัลลอฮ์ทั้งทางดีและทางร้าย”
(บันทึกโดยมุสลิม)
ที่มา https://www.pngegg.com/th/png-zcuoj
การยนื ยนั ความศรัทธาด้วยการปฏิบัติ3 ความศรัทธาท้ัง 6 ประการ เป็นหลักการสาคัญ
พื้นฐานของอิสลามที่มุสลิมจะต้องมีอยู่ประจาใจ แต่ความศรัทธาเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เป็นการ
เพยี งพอเพราะในอสิ ลามความศรทั ธาท่แี ทจ้ ริงจะต้องแสดงผลของมันออกมาให้เห็นเป็นการปฏิบัติ
ในชีวิตประจาวัน เพ่ือให้แน่ใจว่าคนท่ีมีความศรัทธาในหลักการ 6 ประการ ยังคงยืนยันในความ
ศรทั ธานั้นอย่างมั่นคงอัลลอฮ์. กไ็ ดท้ รงวางภารกิจสาคญั ใหเ้ ขาต้องปฏบิ ัติ 5 ประการ หรือ เรียกว่า
หลกั การอิสลาม 5 ประการ คือ3
๑. การกล่าวคาปฏิญาณตนว่า “ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ. มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮ.”
คาปฏิญาณ นี้เป็นถ้อยคาท่ีผู้ยอมรับอิสลามทุกคนจะต้องกล่าวออกมา เป็นการยืนยันด้วยวาจาว่า
ตัวเองมีความศรัทธาดังที่กล่าวมาข้างต้นและพร้อมที่จะปฏิบัติตามบทบัญญัติและเงื่อนไขต่าง ๆ
ท่อี ลั ลอฮ์.ได้ทรงกาหนดไว้ในคัมภรี ก์ ุรอานและคาสอนของท่านศาสดามุฮัมมัด
2. การละหมาด คือการแสดงความเคารพสักการะและการแสดงความขอบคุณ
ต่ออัลลอฮ์.ซ่ึงจะกระทาวันละ 5 เวลา คือ ตอนรุ่งอรุณ ตอนบ่าย ตอนตะวันคล้อย ตอนดวง
อาทิตย์ตกดิน และในยามค่าคืน โดยในการละหมาดทุกครั้งมุสลิมทุกคนจะหันหน้าไปทาง
ก๊ะอ.บะ๊ ฮ. ซง่ึ อยู่ในนครมักก๊ะฮ. และหน้าที่ในการละหมาดนี้เป็นหน้าท่ีของมุสลิมทุกคนตั้งแต่เริ่ม
๕
มีความรู้สึกทางเพศ (สาหรับผู้ชาย) และเริ่มมีประจาเดือน (สาหรับผู้หญิง) ซ่ึงเป็นวัยท่ีอิสลาม
ถือว่าเริ่มเข้าสู่วัยแห่งความเป็นผู้ใหญ่แล้ว การละหมาดเป็นสิ่งยืนยันความศรัทธาที่ปรากฎให้เห็น
ทางภายนอกได้ชัดเจนท่ีสุดเพราะเป็นการปฏิบัติที่มีรูปแบบ และคนที่จะดารงรักษาการละหมาด
ของตวั เองไดค้ รบ 5 เวลาตอ่ วนั น้ัน จะต้องเป็นคนที่มีความผูกพันต่ออัลลอฮ์.และราลึกถึงพระคุณ
ของพระองค์อยู่ตลอดเวลา อันที่จริงแล้ว การปฏิบัติศาสนกิจท่ีอิสลามกาหนดให้มุสลิมปฏิบัติมิได้
เป็นพิธีกรรมอันลึกลับท่ียากต่อการปฏิบัติ หากแต่เป็นภารกิจที่ปฏิบัติอย่างเปิดเผย สะดวกและ
ง่ายต่อผู้ปฏิบัติ การละหมาดนอกจากจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแสดงความเคารพภักดีและ
เปน็ การแสดงความขอบคุณตอ่ อลั ลอฮ.์ แลว้ คัมภีร์กุรอานยังได้กล่าวอย่างไว้ชัดเจนอีกว่า “แท้จริง
การละหมาดจะยับย้ังจากความชั่วช้าและความลามก” เนื่องจากคนท่ีละหมาดนั้นจะเป็นคนที่
ราลึกถึงอัลลอฮ์.และจะเชื่อว่าอัลลอฮ์.จะทรงเห็นการกระทาของเขาทั้งในท่ีลับและในที่เปิดเผย
ดังน้นั ความเกรงกลวั อนั นจี้ ะชว่ ยยับยง้ั เขามใิ ห้ปฏบิ ัติความชั่ว
3. การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน การถือศีลอดในอิสลาม คือการงดเว้นจากการกิน
การด่ืม การเสพส่ิงต่าง ๆ การมีความสัมพันธ์ทางเพศฉันสามีภรรยา ตลอดจนการอดกลั้นอารมณ์
ใฝ่ต่าทั้งหลายและการนินทาว่าร้ายผู้อื่นต้ังแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตก การถือศีลอด
เปน็ หลกั ปฏิบัติอกี ประการหนงึ่ ซ่งึ อิสลามกาหนดให้มสุ ลิมทกุ คนที่ศรัทธาในอัลลอฮ์.และมีสุขภาพ
แข็งแรงสมบูรณ์ทั้งชายหญิงมีหน้าท่ีต้องปฏิบัติเป็นเวลา 29 – 30 วัน ในเดือนรอมฎอนซ่ึงเป็น
เดือนทเี่ ก้าตามปฏทิ นิ อสิ ลาม
4. การจ่ายซะกาต คือ การจ่ายทรัพย์สินในอัตราที่ศาสนากาหนดไว้จานวนหน่ึงจาก
ทรัพย์สินท่ีสะสมไว้เมื่อครบกาหนดเวลา โดยจะต้องจ่ายทรัพย์สินนี้ให้แก่คนท่ีมีสิทธิ์ได้รับ 8
จาพวก ความจริงแล้วคาว่า “ซะกาต” โดยทางภาษาแปลว่า “การซักฟอกการทาให้สะอาด
บริสุทธ์ิ และการเจริญเติบโต” และคาว่า “ซะกาต” นี้ได้ถูกกล่าวควบคู่กับการนมาซในคัมภีร์
กุลอานไม่ต่ากว่า 20 คร้ังด้วยเหตุนี้ มุสลิมที่ปฏิบัตินมาซแต่ไม่ยอมจ่ายซะกาตนั้น ความเป็น
มุสลมิ ของเขาจึงยังไม่สมบูรณ์ คัมภีร์กุรอานได้กาหนดไว้อัน ได้แก่ (๑) คนยากจน (๒) คนท่ีอัตคัด
ขัดสน (๓) คนท่ีมีหัวใจโน้มมาสู่อิสลาม (๔) ผู้บริหารการจัดเก็บและจ่ายซะกาต (๕) ไถ่ทาส
(๖) ผมู้ หี นส้ี ินล้นพ้นตัว (๗) ใช้ในหนทางของอลั ลอฮ.์ (๘) คนท่ตี ดิ ขดั ในระหวา่ งเดนิ ทาง
ซะกาตมี 2 ประเภท คือ (๑) ซะกาตฟติ เราะฮ. คือ ซะกาตท่ีมุสลิมที่สามารถจะเล้ียง
ตวั ไดต้ ้องจ่ายให้แก่คนยากจนหรือคนอนาถาในเดือนรอมฎอนอันเป็นเดือนถือศีลอด โดยจ่ายเป็น
อาหารหลกั ท่ีคนในท้องถน่ิ กนิ กันเปน็ ประจาซ่ึงได้แกข่ า้ วสารประมาณ 3 ลิตร (หรืออาจให้เป็นเงิน
ท่ีมีมูลค่าเท่ากับข้าวสารจานวนดังกล่าว) สาหรับผู้ท่ีเป็นหัวหน้าครอบครัวน้ันจะต้องรับผิดชอบ
การจ่ายซะกาตฟิตเราะฮ.นี้ แทนสมาชิกในครอบครัวด้วย หากยังไม่ได้จ่ายซะกาตฟิตเราะฮ.
อัลลอฮ์.ก็จะยังไม่รับการถือศีลอดของเขา (๒) ซะกาตมาล หรือ ซะกาตทรัพย์สิน เป็นซะกาต
ทจ่ี ่ายจากทรัพยส์ ินท่สี ะสมไว้หลังจากการใช้จ่ายครบรอบปีแล้ว ในอัตราท่ีต่างกันตามประเภทของ
ทรัพยส์ นิ ตัง้ แต่ร้อยละ 2.5 ไปจนถึง 20
๖
5. การทาฮัจย์ คือ การเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจท่ีนครมักกะฮ.ในเดือนซุลฮิจญะฮ.
ตามวนั เวลาและสถานทที่ ี่ถูกกาหนดไว้ หลกั การขอ้ น้ถี อื เปน็ หน้าทสี่ าหรับมุสลิมทั้งชายหญิงทุกคน
ท่ีมีความสามารถในด้านร่างกาย ทรัพย์สิน และเส้นทางการเดินทางมีความปลอดภัยหากใครได้
ศกึ ษาถึงประวัติศาสตร์อิสลามแล้ว จะพบว่าการทาฮัจย์เป็นพิธีกรรมทางศาสนาเก่าแก่ท่ีมีมาก่อน
สมยั ของศาสดามฮุ มั มดั จากหลักฐานในคัมภีร์กุรอาน การทาฮัจย์เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนท่ีอัลลอฮ์ ได้
บญั ชาให้ศาสดาอิบรอฮีมและอิสมาอิลผู้เป็นลูกชายร่วมกันสร้าง “บัยตุลลอฮ.” (บ้านของอัลลอฮ์.
) ข้ึนมาเพื่อใช้เป็นสถานที่สาหรับการเคารพภักดีต่อพระองค์ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว พระองค์ก็ทรง
บัญชาให้ศาสดาอิบรอฮีมเรียกร้องเชิญชวนมนุษยชาติให้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดีต่อ
พระองค์ที่บ้านดังกล่าว ดังนั้น ในเดือนซุลฮิจญะฮ. ซ่ึงเป็นเดือนสุดท้ายของปฏิทินอิสลาม มุสลิม
ทุกชาติทุกเผ่าพันธุ์จากทั่วโลกนับล้านคนจะเดินทางไปร่วมกันแสดงความเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์.
ทีบ่ ้านของพระองค์
ท่มี า https://islamicfinancethai.com/
ในทนี่ ีข้ อกล่าวลงในรายละเอียดการละหมาด
การละหมาด3 คือเสาหลักของศาสนาอิสลาม... เม่ือได้ยินเสียงอาซาน ให้เตรียมตัวไป
ละหมาดและใหท้ ง้ิ ภาระหน้าทตี่ ่างๆ ส่งิ แรกท่ีมนษุ ย์จะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮ์ คือการละหมาด
งานท่ีดีท่ีสุด คือการละหมาด การเอ๊ียะติกาฟเดือนรอมาฏอน การอ่านอัลกุรอาน การซิกรุลุลอฮ์
การรักษาความสะอาด การทานุบารุงมัสญิด ให้ก้าวเท้าขวา เข้าไปในมัสญิด และก้าวเท้าซ้ายออก
จากมัสญิด พร้อมกับอ่านดุอาร์และอย่าได้พูดคุยในส่ิงไร้สาระภายในมัสญิด สมควรละหมาด
ซุนนะฮ์ควบคู่กับละหมาดฟัฏรู อันจะทาให้ได้รับผลบุญเพ่ิมขึ้น การละหมาดญะมาอะฮ์ จะได้รับ
๗
ภาคผลมากกว่าละหมาดคนเดียว 27 เท่า ห้ามมะมูมยืนล้าหน้าอิหม่ามและปฏิบัติล้าหน้าอิหม่าม
ห้ามละหมาดในกุโบร(สุสาน) ในห้องน้า ในสถานท่ีท่ีเป็นนญิส จงให้ผู้อยู่ในครอบครัว ทาการ
ละหมาด ให้ชี้แจงถึงความประเสริฐของการละหมาดและโทษทัณฑ์ของการท้ิงละหมาด
จงมีความสารวมในการละหมาด แต่งกายให้เหมาะสมกับการเข้าเฝ้าอัลลอฮ์ ห้ามประกาศซ้ือขาย
สิ่งของ หาของหาย หรือลงอาญาในมัสยิด ห้ามประดับประดามัสญิดเพ่ือการโอ้อวด หรือ
มีลวดลาย ทาให้จิตใจของผู้ละหมาดขาดความสารวม อนุญาตให้สตรีไปละหมาดที่มัสญิดได้
โดยแต่งกายให้มิดชิดและไม่ใส่น้าหอม จนกล่ินโชยไปยังผู้อื่น ชาระร่างกายให้สะอาด สวมเส้ือผ้า
สะอาด ใส่ของหอม(มุสลิมีน) แล้วรีบไปมัสญิดในวันญุมุอะฮ์ (วันศุกร์) ควรอ่านซูเราะห์ อัลกะฮ์ฟี
ตัสเบียห์ ตะห์มีด ตะห์ลีล ตักบีร ซอละหวาตนะบี อ่านดุอาร์และกล่าวซิกุลุลอฮ์ให้มาก
ในวันญุมุอะฮ์ จงทาละหมาดซุนนะฮ์ เพ่ือเพ่ิมพูนความดีจากการละหมาดฟัฏรู จงใช้ให้ลูกๆ
ละหมาดเมอ่ื อายุ 7 ปี และจงลงโทษ บังคับให้ละหมาดเมื่อเขาอายุ 10 ปี การละหมาดจะลบล้าง
ความผิดด่งั น้าท่ชี าระส่งิ สกปรก บ่าวจะใกล้ชิดกบั พระองค์อลั ลอฮม์ ากท่ีสดุ ขณะที่เขาทาการสญุ ูด
สิ่งลบล้างความผิด คือการละหมาดอย่างสมบูรณ์ ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ การก้าวเดิน
ไปยังมสั ญิด การรอเวลาละหมาดจากเวลาหน่งึ ยังอกี เวลาหนึง่ .
ท่ีมา https://www.pinterest.com/suchadazoheng/
๘
การละหมาดท่ียกมาข้างต้นเป็นเนื้อหาของมุสลิมโดยตรง หากศาสนิกอื่นก็คงยากแก่
ความเข้าใจ จึงนาเสนออีกมุมหนึ่ง ดังน้ี4
ละหมาด หรือ นมาซ หรอื เรียกกนั ในภาษามลายูปัตตานีว่า มาแย คาว่า "ละหมาด" หรือ
"นมาซ" เป็นคายืมมาจากภาษาเปอร์เซียมาจากคาว่า "นมาซ" (เปอร์เซีย: َنمازnamāz) ภาษา
อาหรับเรียกว่า "ศอลาต" (อาหรับ: صلاةṣalāh หรือ gen: ṣalāt; พหูพจน์ صلوات
ṣalawāt) มาจากรากศัพทท์ ีป่ ระกอบด้วย ศอด ( )ص, ลาม ( )ل, และวาว ( )وความหมายของ
รากศัพท์นใ้ี นภาษาอาหรับคลาสสิก คือสวดมนต์ อ้อนวอน บูชา ร้องทุกข์ กล่าวสุนทรพจน์ ขอพร
ตามไปอย่างใกล้ชิด หรือ ติดต่อ ความหมายท่ีเป็นรากฐานของคาน้ีเกี่ยวข้องกับความหมายท่ีใช้
ในอัลกุรอานท้ังหมด ส่วนภาษามลายูว่า "เซิมบะห์ยัง" (มลายู: Sembahyang) ท่ีเป็นคาที่
ประกอบจากคาว่า 'เซิมบะห์' (sembah บูชา) และ 'ฮยัง' (hyang พระเจ้า) ซ่ึงเพ้ียนเป็นภาษา
มลายูปัตตานีว่า "ซือมาแย" หรือ "สมาแย" และสาเนียงสงขลาว่า "มาหยัง" คือการนมัสการ
พระเจ้า อันเป็นศาสนกิจอย่างหน่ึงในศาสนาอิสลาม เพื่อแสดงถึงความเคารพสักการะ
ความขอบคุณและความภักดีต่ออัลลอฮ์ โดยทั่วไปการละหมาด คือการขอพร ส่วนทางศาสนา
หมายถึงการกล่าวและการกระทา การละหมาดจะกระทา 5 เวลา ได้แก่ ยามรุ่งอรุณ (ซุบฮี),
ยามบ่ายช่วงตะวันคล้อย (ดุฮรี), ยามเย็น (อัศรี), ยามอาทิตย์ตกดิน (มัฆริบ) และยามค่าคืน
(อิชาอ)์ ซ่งึ การละหมาดทกุ ครง้ั จะต้องหนั หน้าไปทางทศิ กิบลัตในเมืองมกั กะฮ์
ทมี่ า https://prayertime.muslimthaipost.com/solaat/
เง่อื นไขของการละหมาด (๑) ตอ้ งเปน็ มุสลิม (๒) มีเจตนาแน่วแน่ (นียะหฺ) (๓) หันหน้าไป
ทางทิศกิบลัต (ทิศตะวันตกของประเทศไทย) คือท่ีต้ังของเมกกะ (๔) การประกาศบอกเวลา
ละหมาด (อะซาน) (๕) การประกาศให้ยืนข้ึนเพ่ือละหมาด (อิกอมะหฺ) (๖) ความสะอาดของ
ร่างกาย เสอื้ ผ้า สถานท่ี
๙
ชนดิ ของการละหมาด
1. ละหมาดภาคบังคับ (ฟัรฎ) วันละ 5 เวลา (การละเว้นละหมาดชนิดนี้เป็นบาป)
ประกอบดว้ ย
1. ยา่ รุ่ง (ศุบฮ)ิ ประมาณ ตี 5 - 6 โมงเช้า
2. บา่ ย (ซหุ ฺริ) ประมาณ เทย่ี งครึ่ง - บ่ายโมงกวา่ ๆ
3. เยน็ (อัศร)ิ ประมาณ บา่ ย 3 ถงึ 5 โมงเย็น
4. พลบคา่ (มัฆริบ) ประมาณ 6 โมงครง่ึ ถึง ทุ่มกวา่ ๆ
5. กลางคนื (อชิ าอ์) กอ่ นนอน ประมาณ 1 ทุม่ เปน็ ตน้ ไป
2. ละหมาดวันศุกร์ (ญุมุอะหฺ) เป็นการละหมาดร่วมกันในเวลาบ่าย ก่อนละหมาดจะมี
เทศนา (คุฏบะห)ฺ เปน็ ข้อบงั คับเฉพาะผูช้ าย
3. ละหมาดอ่ืน ๆ ได้แก่ละหมาดในวันอิดุลฟิฏริ และวันอีดุลอัฏฮา ละหมาดในเดือนรอ
มะฎอน (ในนิกายซุนนีเรียกว่า ตะรอวีฮฺ) ละหมาดเม่ือเกิดสุริยคราส (กุซูฟ) และจันทรคราส
(คูซูฟ) ละหมาดขอฝน (อิสติสกออ์) ละหมาดให้ผู้ตาย (ญะนาซะหฺ) และละหมาดขอพรในกรณี
ต่าง ๆ
ความสะอาดกับการละหมาด ก่อนการละหมาดผู้ละหมาดต้องอาบน้าละหมาด (วุฎูอ์)
ได้แก่ การใช้น้าชาระมือ ปาก จมูก ใบหน้า แขน ศีรษะ หู และเท้า พร้อมกับขอพร ถ้าไม่มีน้า
ให้ชาระด้วยผงดิน (ตะยัมมุม) ในกรณีท่ีเพ่ิงหมดประจาเดือน หลังคลอดบุตรหรือแท้งบุตร หรือ
ผู้ท่ีผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หล่ังน้าอสุจิ นอกจากอาบน้าละหมาดแล้วต้องอาบน้าท่ัวร่างกาย
(ญะนาบะหฺ) ด้วย สิ่งที่ทาให้ความสะอาดเสียไป ซ่ึงทาให้การละหมาดไม่มีผล ได้แก่ การผายลม
การขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะ มีเพศสัมพันธ์ หล่ังอสุจิ คลอดบุตร แท้งบุตร หลับ หรือ
เปน็ ลมหมดสติ
ข้ันตอนการละหมาด การละหมาด ประกอบด้วย หน่วยย่อยเรียกร็อกอะหฺ (หรือ
รอ่ กอตั ร็อกอะห์) การละหมาดในโอกาสต่าง ๆ มีจานวนร็อกอะห์ต่างกันไป เช่น ละหมาดวันศุกร์
มี 2 ร็อกอะหฺ ละหมาดเวลากลางคืนมี 4 ร็อกอะหฺ ละหมาดตะรอวีฮฺ ในคืนของเดือนถือศีลอดมี
40 รอ็ กอะหฺ เป็นต้น ละหมาด 1 รอ็ กอะหฺ ประกอบดว้ ย (๑) มเี จตนาแนว่ แน่ (๒) ยกมือระดับบ่า
กล่าวตักบีร อัลลอฮูอักบัรซ่ึงเป็นการสดุดีอัลลอฮ์แล้วยกมือมากอดอก (ตามทัศนะซุนนีย์) หรือ
ปลอ่ ยมือลง (ตามทัศนะชีอะหฺ และซนุ นียส์ านักมาลกิ ยี ์) (๓) ยืนตรง อ่านอัลกุรอาน ซูเราะหฺอัลฟา
ตฮิ ะหฺ และบางบทตามต้องการ (๔) ก้มลง สองมือจับเข่า ศีรษะอยู่ในแนวตรงกับสันหลัง กล่าวว่า
"ซุบฮานะ ร่อบบิยัลอะซีมิ วะบิฮัมดิหฺ" อย่างน้อย 3 คร้ัง (๕) ยืนตรง กล่าว "สะมิอัลลอหุ ลิมัน
ฮะมิดะหฺ" (๖) ก้มกราบให้หน้าผากและจมูกจดพ้ืน มือวางบนพื้น ให้ปลายน้ิวสัมผัสพื้น หัวเข่าจด
พื้น กล่าวว่า "ซุบฮานะ รอบบิยัล อะอฺลา วะบิฮัมดิฮฺ" อย่างน้อย 3 ครั้ง (๗) อ่านบทขอพร
(๘) ก้มกราบครงั้ ที่ 2
๑๐
การละหมาดที่มี 2 ร็อกอะหฺ เม่ือลุกข้ึนจากการกราบคร้ังท่ี 2 จะอ่านตะฮียะหฺ หรือ
เรียกว่า ตะชะหฺหุด ส่วนละหมาดท่ีมีมากกว่า 2 ร็อกอะหฺจะอ่านตะฮียะหฺอีกคร้ังในร็อกอะหฺ
สุดท้าย เมื่อเสร็จส้ินการกล่าวตะฮียะหฺจะเป็นการกล่าวสลาม คือกล่าวว่า "อัสลามุอะลัยกุม
วะเราะฮฺมาตุลลอหฺ" พร้อมกับเหลียวไปทางขวาคร้ังหน่ึง กล่าวอีกพร้อมกับเหลียวไปทางซ้าย
แล้วยกมือลูบหน้า เปน็ อนั เสร็จสิ้นการละหมาด
ละหมาดฮายตั ยะลา
ทีม่ า https://www.sanook.com/news/1190922/
ทีม่ า https://www.publicpostonline.net/4539
๑๑
ขั้นตอนการละหมาดตา่ ง ๆ4
1. วิธีละหมาดฟัรดูประจาวัน การละหมาดฟัรดูท่ีมุสลิมทุกคนจาเป็นต้องกระทาใน
วนั หนึ่ง ๆ มอี ยู่ 5 เวลา ดังจะกล่าวสรุปวิธีละหมาดตามขั้นตอนต่างๆของการละหมาดแต่ละเวลา
คือ
ท่มี า https://www.halalthailand.com/article/339
วิธีละหมาดซบุ ฮิ
ละหมาดซุบฮิ มี 2 ร่อกะอัต ใหป้ ฏบิ ัตติ ามลาดับดงั นี้
*** ร่อกะอัตที่ 1 ***
1. ให้เร่มิ พิธดี ้วยการยนื ตรง เทา้ ห่างกันประมาณ 1 คืบ หันหน้าไปทางทิศกิบลัต สาหรับ
ประเทศไทยหันไปทางทิศตะวันตก ตามองลง ตรงที่ท่ีจะกราบสุญูดข้างหน้า สารวมจิตแน่วแน่มุ่ง
ตรงต่ออัลเลาะฮ์ ซ. บ. และอ่านนาวา่ อ่านว่า "อซู้ ้อลลี ฟรั ดอ็ ด ซบุ ฮิ รอ๊ กอะตัยนี่ อะดาอันล้ิลลาฮ่ี
ตาอา้ ลา" คาเนยี ต "ข้าพเจ้าละหมาดฟัรดซู ุบฮี2 ร่อกะอตั ในเวลาเพ่ืออัลเลาะฮฮต์ ะอาลา"
๑๒
2. ตักบีรร่อตลุ อิฮรอม คือยกมือท้ังสองขา้ งโดยแบฝ่ามือไปข้างหน้า ให้หัวแม่มือจรดหรือ
อยรู่ ะดบั ต่ิงหูทั้งสองขา้ ง แล้วกล่าวคาว่า อ่านว่า "อัลลอฮู่อ๊ักบัร" ในชณะท่ีกล่าวคา อัลลอฮู่อั๊กบัร
ให้ต้ังเจตนา หรือนึกในใจ ( เนียต) ว่าข้าพเจ้าละหมาดฟัรดูซุบฮ์ 2 ร่อกะอัต ในเวลาเพ่ืออัลลอฮ
ตะอาลา แล้วลดมอื ทัง้ สองลงมากอดอกให้มือขวาทับขอ้ มือซ้าย
3. แล้วอ่านดุอา อิฟติตะฮ์ ดังน้ี อ่านว่า " อัลลอฮู่อักบัร กาบีรอ วัลฮัมดูลิลลาฮ่ี ก้าซีรอ
ว่า ซุบฮานัลลอฮี่ บุครอเตา ว่า อ้า ซีลา วัจญะห์ตู้วัจฮี่ยาลิลลาซีย์ ฟ่าตอรอซซ่ามาว่าตี้วัลอัรฎ่อ
ห้านีฟัมมุสลีเมาว์ ว่ามาอานา มีนัลมุชรีกีน อินน่าซอลาตี ว่านูซูกี ว่ามะห์ยาย่า ว่าม่ามาตี ลิลลาฮ่ี
รอ้ บบิลอาลา่ มนี ลาซา่ รกี า้ ล้าอู ว่าบิซาลกี ้า อู้มิรตู้วา่ อานา มีนลั มุสลีมีน "
4. อ่านอะอูซุบิลลาฮ์ บิสมิลลาฮ์และซุเราะอ์ฟาติฮะห์จนจบ คือ "อ้าอูซุบิลลาฮ่ี มีนัสซัย
ตอนริ รอญมี " บิสมลิ ลา ฮริ เราะห์ มา นีรรอฮีม อัล ฮัมดูลิลลาฮีร้อบบิลอาลามีน อัรเราะห์มานิรรอ
ฮีม มาลีกี้เยามิดดีน อี้ยากาน๊ะบูดู ว่า อี้ยากานัซตาอีน อิห์ดีนัซซี่รอตอลมุสตากีม ซีรอตอลลาซี
นาอนั อมั ตาอาลยั เฮม ฆอยริลมัฆดูบีอาลยั เฮม วาล้าดดอลลีน อามีน
5. อ่านซูเราะห์ใดซูเราะห์หน่ึงจากอัลกุรอาน เช่น ซูเราะฮ์ อัลกาฟีรูน คือ อ่านว่า
"บสิ มิลลาฮิรเราะห์มานิรรอฮีม กุ้ลยา อยั ยฮู ัลกาฟีรนู ลาอ๊ะบูดูมาตะบูดูน ว่าลาอันตุม อาบี้ดูน่ามา
อันตุม ว่าลาอาน่าอา่ บดี มุ มาอ้าบดั ตมุ วาลาอนั ตมุ อาบดี้ ูน่ามาอะบดุ ลา่ กมุ ดนี ุกุม วาลยี่ าดีน"
6. เมื่ออ่านซุเราะห์ เสร็จแล้วให้กล่าวว่า อ่านว่า "อัลลอฮู่อ๊ักบัร" พร้อมกับยกมือท้ังสอง
เหมอื นกบั การตั๊กบรี ร่อตลุ้ อิฮรอม ในข้อ 2 แล้ว เอามอื ลง ก้มศรีษะ โดยโนม้ ตัวลงเอาฝ่ามือจบเข่า
ให้ศรีษะและหลังอยู่ในระดับเดียวกัน เรียกว่า ร่อเกาะอ์ หรือรูกัวะอ์ หยุดนิ่งพร้อมกับ
อ่านตัลเบียะฮ์ คอื อา่ นวา่ "ซบุ ฮา่ นาร้อบบยี ัลอ้าซมี ว่าบีฮ้ มั ดิฮ"
7. เมื่ออ่านตัสเบียะฮ์จบเเล้วให้เงยขึ้นมายืนตรง ขณะท่ีกาลังที่เงยให้อ่านว่า "ซ่ามีอัลลอ
ฮู่ ลี่มันห้ามีดะฮ์" พร้อมกับยกมือท้ังสองขึ้นเสมอไหล่เหมือนกับการตักบีร ครั้งแรก แล้วจึงลดมือ
ลงแนบกบั ขา้ งตัวเรียกวา่ เอี๊ยะตดิ ๊าล ขณะท่ยี ืนตรงอยนู่ ้ไี หอ้ า่ น "รอ็ บบ้านา ลา้ กลั ฮัมด"์
8. กล่าว อัลลอฮู่อ๊ักบัร พร้อมกับลดตัวลงคุกเข่ากับพ้ืน เอาฝ่ามือยีนลงท่ีพื้น ให้ปลาย
น้ิวมือข้ีตรงไปข้างหน้า แล้วก้มลงให้หน้าผากแนบลงกับพื้นและจมูกแตะพ้ืนปลายน้ิวเท้าแนบพื้น
เรียกวา่ สุญูด ใหห้ ยุดน่งิ พรอ้ มกับอา่ น "ซุบฮาน่า ร็อบบยี ัล๊ อ๊ะอลาว่าบีฮัมดิฮ์"
9. กล่าว อ่านว่า "อัลลอฮู่อ๊ักบัร" พร้อมกับเงยศรีษะจากการสุญูดข้ึนมานั่ง เรียกว่า
น่ังระหว่างสองสุญูด ในการน่ัง ให้เอาตาตุ่มเท้าซ้ายรองก้น ให้ท้องน้ิวของเท้าขวายันพื้น ฝ่ามือ
ทงั้ สองวางบนเขา่ แลว้ จงึ อา่ น "รอ็ บบฆิ ์ฟริ ลี วัรฮมั นี วรั ซกุ นี วะฮด์ ีนี ว่าอาฟีนี วะฟูอ่ ันนี”
10. เม่ืออ่านจบแล้ว จึงกล่าว “อัลลอฮู่อั๊กบัร” พร้อมกับก้มลงสุญูดอีกคร้ังหน่ึง เรียกว่า
สญุ ดู ครงั้ ท่ี 2 อ่าน "ซบุ ฮาน่า รอ็ บบียั๊ลอ๊ะอลาวา่ บฮี ัมดิฮ์ 3 คร้ัง เหมือนการสญุ ูดคร้ังแรก"
11. เม่ืออ่านจบแล้ว จึงเงยจากสุญูดคร้ังที 2 พร้อมกับการกล่าว “อัลลอฮู่อั๊กบัร”
มายนึ ตรง เอามอื กอดอกดงั เดิมที่ปฏบิ ัติมาตัง้ แต่ขอ้ ท่ี 1-11 น้ี เรยี กวา่ จบรอ่ กะอัตท่ี 1
๑๓
*** รอ่ กะอัตท่ี 2 ปฏบิ ตั ิต่อจากข้อ 11 คือ
12. อ่านบิ้สมิลละฮซ์ เู ราะฮฟ์ าติฮะห์ และอามีน เหมอื นที่กล่าวแลว้ ในขอ้ 4 ทกุ ประการ
13. อ่านซูเราะห์ใดซูเราะฮ์หนึ่งจากอัลกุรอ่าน เช่น ซูเราะ อัลอิคลาส คืออ่านว่า
"กุ๊ลฮูวัลลอฮู่ อา้ ฮัด อัลลอฮุซซอ่ มัด ลมั ยา่ ลดิ วา่ ลมั ยลู ัด ว่าลมั ยา่ กลุ๊ ล่าฮู ก้ฟู ูวนั อ้าฮัด"
14. เม่ืออ่านซูเราะห์จบแล้วให้ตักบีรแล้วร่อเกาะอ์ โดยอ่านและปฏิบัติเหมือนข้อ 6
ทกุ ประการ
15. เอ๊ยี ะตดิ ้าล โดยอ่าน และปฏบิ ัตเิ หมือนขอ้ 7 ทกุ ประการ
16. ขณะที่ยืนตรงเสร็จจากการเอ๊ียะติด้าลเฉพาะการละหมาดซุบฮิมีสุนัตให้ยกมือ
ทั้งสองขึ้นเพ่ืออ่านดุอา (ขอพร) เรียกว่า ดุอากุนูด คืออ่านว่า "อัลลอฮุมมะฮ์ ดินี ฟีมันฮ่าดัยต์
ว่าอาฟ่ีนีฟีมันอาฟัยด์ ว่าต้าวัลล่าน่ี ฟีมันตาวัลลัยต์ ว่าบาร๊ิกล่ีฟ่ีมาอ๊ะตอยด์ ว่ากิ๊นีบ้ิเราะห์ม่าต้ีก้า
ซัรรอ่ มาก้อฏอยต์ ฟ่าอินนา่ ก้าตก๊ั ฎี วา่ ลายกุ ฎออาลัยต์ วา่ อนิ น่าฮูล่าย่าซิลลู่เมาวาลัยต์ ว่าลาย่าอิซ
ซูมันอาดัยต์ ต้าบาร็อกตาร้อบบ้านา ว่าต้าอาลัยต์ฟ่าลากัลฮัมดู้ อาลามากอฎอยต์ อัซเตาฆ์ฟีรู่ก้า
วา่ อ้าตูบ้อู ีลยั ก้า ว่าซ้อลลัลลอฮู่ อ้าลาซัยย่ีดนี้ ามฮู่ ัมม่าดิว วา่ อา้ ลาอาลฮี ี่ ว่าเซาะหบ์ ิฮี วา่ ซลั ล้ัม"
17. เม่ืออ่านดุอากูนุดเสร็จแล้ว จึงกล่าว “อัลลอฮู่อ๊ักบัร” แล้วก้มลงสุญูด โดยอ่านและ
ปฏิบตั ิตามขอ้ 8 เหมอื นเดิม
18. น่งั ระหว่างสองสุญดู โดยอ่านและปฏิบัติเหมือนข้อ 9 เชน่ เดิม
19. สุญูด ครงั้ ที่ 2 โดยปฏบิ ัตเิ หมอื นขอ้ 10
20. เมอ่ื เงยจากสญุ ดู คร้งั ท่ี 2 พรอ้ มกบั กลา่ ว “อัลลอฮู่อั๊กบรั ” ใหน้ ่ังลงเพื่ออา่ นตะฮียาต
การละหมาดซุบฮิ การนั่งครั้งน้ีเรียกว่า “การนั่งตะฮียาต” ครั้งสุดท้าย เพราะเป็น
การนัง่ เพ่อื อ่านตะฮียาตในรอ่ กะอตั สุดทา้ ย (ร่อกะอตั ท่ี 2)
วิธีน่ังตะฮียาตคร้ังสุดท้ายซึ่งเรียกว่า “การนั่งต้าวัรรุก” คือน่ังให้ก้นราบกับพ้ืน
เอาเท้าซ้ายสอดไปใต้แข้งของเท้าขวา ให้ท้องน้ิวขวายันกับพื้น เอามือวางบนขาอ่อนเสมอกับ
หัวเข่า กามือขวาเพียง 4 น้ิว สาหรับน้ิวขี้ไม่ต้องกาปล่อยให้ข้ีออกไปข้างหน้ายังท่ีสุญูด แล้วอ่าน
คาตะฮยี ตั
21. ในการน่ังตะฮียัตคร้ังสุดท้ายน้ี ต้องอ่านท้ังคาตะฮียัตและบทซ่อละหวาด สาหรับ
คาอ่านตะฮียัต คืออ่านว่า "อัตต้าฮี้ยาตุ้ลมู่บาร่อกา ตุซซ่อล่าวา ตุซตอยย่ีบาตู้ลิลาฮ่ี อัซซ่าลามูอ้า
ลัยก้า อัยยู่ฮันน่าบ่ียู่ ว่าเราะห์ม่าตุ้ลลอฮ่ี ว่าบ้ารอกาตู้ฮ์ อัซซ่าลามู่อ้าลัยนา ว่าอ้าลาอ้ีบาด้ิลลาฮิส
ซอลฮี ีน อซั ฮ่าดู้อันลาอีล้ า ฮ่าอิลลัลลอฮู่ ว่าอัซฮ่าดูอ้ นั นา่ มูฮาม่าคั้รร่อซูลุ้ลลอฮ์ อัลลอฮุมม่า ซ้อลลี่
อ้าลา ซัยยดี ้ีนามฮู่ ามัด"
22. เม่ืออ่านตะฮียัตจบให้อ่านบทซ่อละหวาดน้ีต่อไปอีก อ่านว่า "ว่าอ้าลาอาล่ีซัยย่ีดี้นามู่
ฮามัด กา้ มาซ้อลลัยตา้ อ้าลาซัยยดี ีน้ าอบ๊ิ รอฮมี วา่ อา้ ลาอาลี่ซัยยด่ี ้ีนาอบ๊ิ รอฮมี วา่ บาริกอ้าลาซัยย่ีด้ี
นามู่ฮาม่าดิววา่ อ้าลาอาลี่ซัยย่ีดี้นามู่ฮามัด ก้ามาบาร็อกต้าอ้าลาซัยยีดีนาอ๊ิบรอฮีม ว่าอ้าลาอาลี่ซัย
ยีดน้ี าาอิบ๊ รอฮีม ฟล๊ิ อาลา่ มีนา่ อินน่ากา้ ฮา่ มีดมุ มา่ ญดี "
๑๔
23. เมื่ออ่านซ่อล่าหวาดจบแล้วว จึงให้กล่าวสลาม โดยกล่าวว่า "อัซซ่าลามู่อาลัยกุม
ว่าเราะห์ม่าตุ้ลลอฮ์" พร้อมกับผินหน้าไปทางขวาสุด และจึงกล่าวอีกว่า “อัซซ่าลามู่อาลัยกุม
ว่าเราะห์ม่าตุ้ลลอฮ์” พร้อมกับผินหน้าไปทางซ้ายสุด เป็นอันว่าการละหมาดซุบฮิ 2 ร่อกะอัต
ก็เสร็จส้นิ ลงเพยี งนี้
24. เมื่ออ่านซ่อล่าหวาดจบตามข้อ 22 แล้ว ก่อนกล่าวสลาม จะอ่านดุอาก่อนให้สลาม
ดว้ ยกย็ งิ่ ดี แต่จะไมอ่ ่านกไ็ ด้เพราะเป็นสุนตั ***จบละหมาดซุบฮิ***
ทม่ี า https://th.pngtree.com/freepng/muslim-girl- ท่ีมา https://www.islammore.com/view/2091
dua-wear-praying-dress_6148454.html
ดอุ าและซเิ กรหลงั ละหมาด
เม่ือละหมาดฟัรดูเสร็จแล้ว ควรอ่านดุอาและซิเกร หลังละหมาดเพ่ือขอพร (ดุอา) และ
สรรเสรญิ (ซิเกร) ต่อพระผเู ป็นเจ้า โดยการอา่ นดังนี้
1. อ่าน 10 คร้ัง (อย่างน้อย 3 คร้ัง) อ่านว่า "ลาอ้ิลาฮ่าอิลลั้ลลอฮู่วะหด้าฮู ลาช่ารีก้าล่า
ฮู ลาฮุล้ มลุ้ กู้ ว่าล่าฮุล้ ฮัมดยู้ ูหยี วา่ ยูม่ ีตู วา่ ฮูว่ า่ อา้ ลากลุ้ ล่ชี ยั อิงกอ้ ดรี "
2. หลงั จากนน้ั อา่ นตามลาดบั ดังนี้ อ่านว่า " อัซเต้าฆ์ฟี่ร้ลุ ลอฮ์ "
3. แล้วจึงอ่าน "อัซเต้าฆ์ฟี่รุ้ลลอฮ้ัลอ้าซีม อัลล่าซีย์ลาอี้ลาฮ่าอ้ิลลาฮู่วั้ลฮัยยุ้ลกอยยูม
วา่ อา้ ตูบู้อ้ลี ัยฮ"่ี
4. แล้วจึงอ่าน "อัลลอฮฮุมม่าอันตัซซ่าลาม ว่ามิงกัซซ่าลาม ว่าอ้ีลัยก้าย่าอูดดุซซ่าลาม
ฟ่าฮัยย่ีนาร๊อบบ้านาบิซซ่าลาม ว่าอ๊ัดค้ิลญันน่าต้า ดารอซซ่าลาม ต้าบาร๊อกต้าร๊อบบ้านาว่าต้า
อาลยั ต์ ยาซน้ั ยา่ ลาลี วัลอกิ รอม"
๑๕
5. อ่าน "อ้าอูซูบ้ิลลาฮี มนิ ชั ชัยตอนริ้ รอญีม" อา่ นว่า "บิสมิลลาฮิรเราะห์มานร้ิ รอ่ ฮีม"
6. แลว้ อา่ นฟาตีฮะห์ คอื อลั ฮมั ดลู ล้ิ ลาฮีรอบบ้ลิ อาลามนี จนจบ
7. แลว้ จึงอ่าน "วาอีลาฮกู่ มุ อีลาฮูววาฮด่ี นุ วาอีลาฮาอล้ิ ลาฮ่วู รั เราะห์มานุรร่อฮีม อัลลอฮ
ฮู่ลาอีลาฮาอ้ิลลาฮู่ว้ัลฮัยยุ้ลกอยยูม ลาต๊ะคูซูฮูซี่นาตุน วาลาเนามุ้ลล่าฮูมาฟิซซ่ามาวาตี้ วามา
ฟิลอัรฎี มันซ้ัลล่าซียย์ ีชฟ่าอู้อินด้าฮู อ้ลิ ลาบ้อี ิซนีฮ่ ี ยะ๊ อ์ลามูมาบัยน่าอัยดีฮิมว่ามาค้อลฟ่าฮุม วาลา
ยูฮีตูนา บ้ีชัยอิม มินอ้ิลมีฮี อ้ิลลาบีมาชาอา ว่าซี่อ้ากุรซีย ยู้ฮูซซ่ามาวาตีวัลอัรฎอ วาลายาอูดูฮูฮิฟ
ซูฮมู า วาฮูวัลอาลียลุ้ อาซีม"
อ่านว่า "ชาฮีดัลลอฮูอันนาฮู ลาอีลาฮาอีลลาฮูวัลมาลาอีกาตู วาอูลุลอิลมี กออีมังบิล
กิซตี ลาอลี าฮาอลิ ลาฮวู ัลอาซซี ุลฮากีม อนิ นลั ลาซนี าอนิ ดัลลอฮิลอิสลามู กูล้ิลลาฮุมมามาลิกัลมุลกี
ตุติ้ลมุลกา มังตาชาอู วาตังซีอุลมุลกา มิมมังตาชาอู วาตูอิซซูมังตาชาอูวาตูซิลลูมังตาชาอู บียาดี
กัลค้อยรอู นิ กาอาลากลุ ลชี ยั อนิ กอดีร"
อา่ นว่า "ตูลีญุลลัยลา ฟินนาฮารี วาตูลีญุลนาฮารอ ฟิลลัยลี วาตุครีญุลฮักกอ มีนัลมัย
ยีตี วาตคุ รญี ุลมยั ยตี า มีนัลฮักกี วาตัรซกู ูมังตาชาอู บคี อ้ ยรฮี ซี าบ"
8. แล้วจงึ อา่ น "ซูบฮานัลลอฮ (33 ครั้ง) โดยในครั้งท่ี 33 ให้อ่านว่า "ซุบฮานัลลอฮี วาบี
ฮัมดิฮ"
9. แล้วจึงอ่าน " อัลฮัมดูลี้ลลาฮ 33 ครั้ง โดยในครั้งสุดท้าย ให้อ่านว่า "อัลฮัมดูล้ิลลาฮี
รอ๊ บบลิ อาลามนี า อาลากลุ ลีฮาล"
10. แล้วจึงอ่าน 34 คร้งั เพื่อใหค้ รบ 100 ครง้ั อ่านวา่ " อลั ลอฮฮู่อกั บัร "
11. แล้วจึงอ่าน "ลาอีลาฮาอิลลัลลอฮู วะฮด้าฮูลาซารี่ก้าล่าฮู ล่าฮุลมุลกู วาลาฮูลฮัมดู
ยุฮยียูวายูมีตู วาฮูวาอาลากุลลีซัยอ้ิงกอดิร วาลาเฮาลาวาลา กู้ววาตาอิ้ลลา บิ้ลลา ฮิลอาลี้ยีล
อาซมี "
12. แล้วจึงอ่าน "อัลลอฮุมม่าซ้อลลี่อ้าลาซัยย่ีดีนามูฮัมม่าดิน อับดีก้า ว่าร่อซู ลี่กันนาบี
ยีลอุมมยี่ ่ี วาอาลาอาล่ฮี ี่วาซอฮบีฮวี าซลั ลัม กลุ ลามาซ่าการอกัซซ่าก้ีรูนา วาฆ่าฟาลาอัน ซิกรีก้ัลฆ่อ
ฟีลูน วาซัลลีมูวารอดียัลลอฮฮูตาอาลา อันซาดาตีนา อัซฮาบีซัยยิดินารอซูลลิลลาฮฮีอัจมาอีน
วาฮัสบูนัลลอฮฮวู าเน๊ยี ะมัลวาก่ลี ู่ ลาเฮาลาวาลา กู้ววาตาอลิ ลาฮบิลลาฮฮลิ้ อาลี้ยล้ิ อาซีม"
13. แลว้ จงึ อ่าน "อซั เต้าฆพ์ ีร่ ุ้ลลอฮ” 3 คร้งั
14. แล้วจึงอ่าน "ยาล่าตีฟู่ยากาฟีย์ ยาฮ่าฟีย์ซู่ยาชาฟีย์ " 2 ครั้ง และอ่านว่า "ยาล่าตีฟู่
ยาวาฟยี ์ ยาการีมอู่ ันต้ัลลอฮ์" 1 ครัง้
15. แลว้ จึงอา่ น "ลาอี้ลาฮา่ อิ้ลลัลลอฮ" 10 คร้ัง
16. แล้วจึงอ่าน "ลาอี้ลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮู่ มู่ฮัมม่าคุ้รร่อซูลุลลอฮ่ี ก้าลี่มาตุ้ลฮักก์ อ้าลัยฮา
นะหย์ า น่ามูตู้ ว่าอาลัยฮา ว่าบี้ฮานุบอ้าซุ อินชาอัลลอฮต้าอาลา มินั้ลอามี่นีน่า บี้เราะห์ม่าติ้ลลาฮี่
วา่ การอ่ มฮี่ ี"
๑๖
17. ต่อจากน้ัน จงขอพรตามความปรารถนาของท่านหรือจะอ่านดุอานี้อีกก็ได้ อ่านว่า
"บสิ มล้ิ ลาฮิรเราะห์มา นิรร่อฮีม อัลฮัมดู้ลิ้ลลาฮี่ร๊อบบิ้ลอาล่ามีน วัซซ่อลาตู้ วัซซ่าลามู่ อ้าลาอัชร่อ
ฟิ้ลอมั บยี้ าอี้ ว้ัลมุรชา่ ลีน วา่ อ้าลาอาล่ีฮี วา่ เซาะห์บฮี ี อจั มาอีน"
อ่านว่า "อัลลอฮุมม่า ต้าก๊อบบั้ลมินนา ซ่อลาต้านาตามมะฮ์ เว้าฆ์ฟิรล่านา ซู่นูบ้านา
อามมะฮ์ ว่าลาตู้อัซซิบนา เยาม้ัลกิยามะฮ์ อินน่าก้าอ้าลากุ้ลลัชัยอิงก้อดีรอัลลอฮุมม่า ซั้ลลิมน่า
ว่าซั้ลลิมดี่น่านา ว่าซั้ลลิมเตาฮีด้านา ว่าซ้ัลลิมมะอ์ร่ีฟ่าต้านา ว่าซั้ลลิมอัรวาอ่านาว่าซ้ัลลิมอัจญ์
ชาดา้ นา"
อา่ นว่า "อัลลอฮมุ มะฮ์ยนี า บล้ื อีมาน ว่าอ้ามติ นา บิ้ลอีมานวะห์ซรุ นา บ้ิลอมี าน"
อ่านว่า "ร๊อบบ้านา เฟ้าฆ์ฟิรล่านา ซุ่นูบ้านา ว่ากัฟฟิรอันนา ซัยยี่อาต้ีนา ว่าต้าวัฟ
ฟ่านา ม่าอั้ลอับรอร่ี ร๊อบบ้านาด้อลัมนา อัมฟู่ซ่านา ว่าอินลัมตัฆฟิรล่านา ว่าตัรฮัมนา ล่าน่ากูนัน
น่า ม่นี ล้ั คอซีรนี ร๊อบบา้ นาอาตี้นา ฟิรดุนยา ฮ่าซ่านะฮ์ ว่าฟิ้ลอ่าคี่รอต้ี ฮ่าซ่าน่าเดาว์ ว่าก้ีนาอ้าซา
บันนาร์ ว่าซ้อลล้อลลอฮู่ อ้าลาซัยยี่ดี้นา มู่ฮัมมาดิว ว่าอ้าลาอาลี่ฮี่ ว่าอัศฮาบ้ีฮี ว่าซัลลัม ซุบฮาน่า
ร๊อบบ้ีก้า ร๊อบบ้ิลอิซซาต้ี อัมมาย่าซีฟูน ว่าซ่าลามุน อ้าล้ัลมุรซ่าลีน ว้ัลฮัมดู้ลิลลาฮ่ี ร๊อบบิ้ล
อาลา่ มีน"
ทีม่ า https://www.halalthailand.com/article/339
ละหมาดสุนตั
ละหมาดสุนัต คือละหมาดท่ีศาสนาไม่บังคับ ใครจะละหมาดหรือไม่ละหมาดก็ได้ตามใจ
สมคั รแตก่ ารละหมาดสุนัตก็มีความสาคัญมาก เพราะเป็นการทดแทนความบกพร่องของละหมาด
ฟัรดูและเพ่ิมผลบุญของการละหมาดฟัรดูให้ดียิ่งขึ้น ท่านนาบีมุฮัมมัด ซลฺ ได้กล่าวไว้มีความว่า
“ สิ่งแรกของบรรดาการงานของมนุษย์ท่ีจะต้องถูกสอบสวนในวันกิยามะฮ์ คือการทาละหมาด
๑๗
โดยพระผู้เป็นเจ้าของเราจะมีโองการยังมะลาอีกะฮ์ว่า จงไต่สวนการละหมาดของบ่าวของข้าซิว่า
ถูกต้องก็จงบันทึกให้เขาว่าสมบูรณ์ หากละหมาดของเขามีข้อบกพร่อง ก็จงพิจารณาซิว่า
เขาละหมาดสุนัตไว้หรือเปล่า หากเขาละหมาดสุนัตไว้ ก็จงบันทึกว่าละหมาด ฟัรดูของเขา
สมบูรณ์ถูกต้อง เพราะผลของการละหมาดสุนัตของ เขาและให้ถือว่าการงานอื่น ๆ ของเขาก็
สมบรู ณถ์ กู ต้องด้วย
ทม่ี า https://www.halalthailand.com/article/1557
รูปแบบและวธิ กี ารละหมาดสุนตั ฮาญตั 5 (เพ่อื ขอพรให้พระองคป์ ระทานใหต้ ามประสงค์)
ควรละหมาดหลัง 24.00 น. เปน็ ละหมาดเพ่ือขอส่งิ ที่ต้องการ กระทาครั้งละ 2 รอกอตั
จะกระทากี่ครั้งก็ได้ มี 5 รูปแบบ
1. กระทาครัง้ ละ 2 รอกอตั แล้วให้สล่าม จะกระทากค่ี รง้ั ก็ได้
[ “ ] أُ َص ِّل ْي ُسنَّةَ ا ْل َحا َج ِّة َر ْكعَتَ ْي ِّن ِّلل ِّه تَعَا َلىข้าพเจ้าตั้งใจละหมาดสุนัตฮาญัตสองรอกอัต
เพ่ืออลั ลอฮ์ตะอาลา”
หลังจากอา่ นฟาตีฮะห์ในรอกอัตแรกแล้ว อ่านกุลยาฯ 11 ครั้ง และหลังอ่านฟาตีฮะห์
ในรอกอัตท่ีสองแล้ว อ่านกุลฮุวัลลอฮ์ฯ 11 ครั้ง หลังให้สล่ามแล้ว ให้สุหยูดพร้อมซอละหวาต
ต่อไปนี้ในสหุ ยูด 10 ครง้ั
َسلَّ َم ] اَلل ُه َّم َص ِّل َع َلى ُم َح َّم ٍد َو َع َلى آ ِّل ُم َح َّم ٍد َو َص ْح ِّب ِّه
[ َو และตัสเบียะห์ต่อไปน้ี 10 คร้ัง :[ ُلآ ِّإلهَ ِّإلاَّ اللهُ َو الله ُا ْل َح ْمد
] أَ ْك َب ُرเสร็จแล้วอ่านดุอาต่อไปนี้ َو ِّلل ِّه َو ِالل ّه ُس ْب َحا َن
๑๘
[ ْنَاآ ِّمٍبَهْيمََاون،ك ْي َ ِّرَلَنو َِّذبل،ُل َّاَْحصَا ْلََمم ََغةحَافَلْمَِّّْرمردُاتَِّْلنِّهُلح ِّه ِّم،ِّئبا َملا ّإِْلَا َلمعَاَّ َتْغْرِّدَفقَ َِّ ْرع ِّشتَض ِّلْي َاتَكْْليَه َعَاوَذ َِّْيظنااْيبًْلِّامأَِّع ِّْإر،ا َ َرمَج ُةسَْةًحْب َِّممَحِّهِّتاْن َََيكن ُكلََاولَِّللك ِّه ِّإَِّعْثَر ٍَرمزا ًِّض،َْاوْلَ َِّووَكج ِّبَالرال ْاَي َُّسمِّتلَحا،،النلاَّلَأُه ُكَف ْساَِّّْلرئلَلُ َِّْبجح َِّتلٍَك ْريهُ ُمُم،ْ نَِّّام ِّإ.اال ْْللآغََع ِّإنِّالْيَل َهَِّمم ْيةَِّإ]َل
2. กระทาหลัง 24.00 น. จานวน 12 รอกอัต สองรอกอตั ให้สล่ามครั้งหน่ึง
[ “ ] أُ َص ِّل ْي ُسنَّةَ ا ْل َحا َج ِّة َر ْكعَتَ ْي ِّن ِّلل ِّه تَ َعا َلىข้าพเจ้าต้ังใจละหมาดสุนัตฮาญัตสองรอกอัต
เพอ่ื อัลลอฮ์ตะอาลา”
หลังอา่ นฟาตีฮะห์ในรอกอัตแรกแล้ว อ่านอายะฮ์กุรซีย์ 1-10 ครั้ง หลังอ่านฟาตีฮะห์
ในรอกอัตทีส่ องแล้ว อา่ นกุลฮุวลั ลอฮ์ฯ 1-10 ครั้ง ต่อจากนัน้ ในสหุ ยูดครง้ั สดุ ทา้ ยใหอ้ า่ น
[ ] لآ ِّإلهَ ِّإلاَّ أَ ْن َت ُس ْب َحا َن َك ِّإ ّنِ ْي ُك ْن ُت ِّم َن ال َّظا ِّل ِّم ْي َن
เสรจ็ แล้วใหร้ บี ขอพรในใจตามประสงค์ กอ่ นท่ีจะข้นึ มานัง่ อา่ นตะฮยี ัตคร้งั สุดทา้ ย
3. กระทาหลัง 24.00 น. กระทา 4 รอกอัต ดว้ ยการใหส้ ล่ามครง้ั เดียว
[ “ ] أُ َص ِّل ْي ُسنَّةَ ا ْل َحا َج ِّة أَ ْر َب َع َر َك َعا ٍت ِّللهِّ تَ َعا َلىข้าพเจ้าตั้งใจละหมาดสุนัตฮาญัตส่ีรอกอัต
เพื่ออลั ลอฮ์ตะอาลา”
หลังอ่านฟาตีฮะห์ในรอกอัตแรกแล้ว อ่านกุลฮุวัลลอฮ์ฯ 11 ครั้ง หลังอ่านฟาตีฮะห์
ในรอกอัตที่สองแล้ว อ่านกุลฮุวัลลอฮ์ฯ 20 คร้ัง หลังอ่านฟาตีฮะห์ในรอกอัตที่สามแล้ว อ่าน
กุลฮุวัลลอฮ์ฯ 30 ครั้ง หลังอ่านฟาตีฮะห์ในรอกอัตท่ีสี่แล้ว อ่านกุลฮุวัลลอฮ์ฯ 40 คร้ัง เมื่อให้
สลา่ มแล้ว อา่ นกุลฮุวัลลอฮฯ์ 75 คร้งั และอิสตฆิ ฟาร 75 คร้ัง เสรจ็ แลว้ ให้ขอพรตามประสงค์
4. ละหมาดสุนัตฮาญัต (เมื่อประสงค์ส่ิงใด) “ดุอาท่ีอัลลอฮ์ทรงรับคือ ดุอาในละหมาด
ฮาญตั 12 รอกอตั ” กระทาหลงั 24.00 น. หา้ มขอเพือ่ ทาในส่ิงที่ชัว่
[ “ ] أُ َص ِّل ْي ُسنَّةَ ا ْل َحا َج ِّة َر ْك َعتَ ْي ِّن ِّلل ِّه تَعَا َلىข้าพเจ้าต้ังใจละหมาดสุนัตฮาญัตสองรอกอัต
เพ่อื อลั ลอฮ์ตะอาลา”
หลังอ่านฟาตีฮะห์ในรอกอัตแรกแล้ว อ่านอายะห์กุรซีย์ 1 ครั้ง อ่านกุลฮุวัลลอฮ์ 1
คร้ัง หลังอ่านฟาตีฮะห์ในรอกอัตท่ีสองแล้ว อ่านอายะฮ์กุรซีย์ 1 คร้ัง อ่านกุลฮุวัลลอฮ์ฯ 1 ครั้ง
และเมื่อกระทา 12 รอกอัตแลว้ ให้สหุ ยูดพรอ้ มขอดอุ า ตอ่ ไปนี้
1. มหาบริสทุ ธิ์แดอ่ ลั ลอฮผ์ ้ทู รงสูงส่ง
2. มหาบริสทุ ธ์ิแด่อัลลอฮผ์ ู้ทรงยิง่ ใหญ่ ผทู้ รงมีเมตตาธรรม
3. มหาบริสุทธิ์แด่อลั ลอฮผ์ ทู้ รงพจิ ารณาการกระทา
4. มหาบริสทุ ธิ์แดอัลลอฮผ์ ทู้ รงบรสิ ทุ ธิ์
5. มหาบริสทุ ธแิ์ ด่อลั ลอฮ์ผ้ทู รงประทาน
6. มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮผ์ ้ทู รงประทานเนี๊ยะมัตและความปราณี
7. มหาบรสิ ุทธแ์ิ ดอ่ ลั ลอฮ์ผทู้ รงเกรียงไกรและทรงเดชานุภาพ
๑๙
8. ขอพระองค์ได้โปรดประทานด้วยบารมีแห่งอะรัชอันสูงส่ง ด้วยเราะห์มัต
อันไพศาล ด้วยนามอันเกรียงไกร ด้วยวาจาอันสมบรู ณ์ โอ้อลั ลอฮ์ ได้โปรดประทานเราะห์มัตให้แก่
นะบีมูฮัมมัด ศ้อลฯ ตลอดจนวงศาคณาญาติ ด้วยซะฟะอัตของท่านนะบี ศ้อลฯ ได้โปรดประทาน
ให้ความประสงค์ของขา้ พระองค์ นี้...............ด้วยเถิด (นึกส่ิงท่ีต้องการในใจด้วยความหวังเต็มรอ้ ย)
5. ละหมาดสุนัตฮาญัต (เม่ือประสงค์สิ่งใด) ควรทาในเดือนรอญับ โดยกระทา 12
รอกอตั ในวันพฤหัสฯ แรกของเดือนรอญับ หลังจากทาการถือศลี อดในวันดงั กลา่ ว
[ “ ] أُ َص ِّل ْي ُسنَّةَ ا ْل َحا َج ِّة َر ْك َعتَ ْي ِّن ِّلل ِّه تَ َعا َلىข้าพเจ้าตั้งใจละหมาดสุนัตฮาญัตสองรอกอัต
เพ่อื อัลลอฮต์ ะอาลา”
หลังอา่ นฟาตีฮะห์ในรอกอัตแรกแล้วให้อ่าน อินนาอันซัลนาฮุฟีลัยละติลกอดริ 3 ครั้ง
และหลังอ่านฟาตีฮะห์ในรอกอัตท่ีสองอ่านกุลฮุวัลลอฮ์ฯ 12 คร้ัง กระทาเช่นนี้จนครบ 12
รอกอัต หลังใหส้ ลา่ มในรอกอตั ท่ี 12 แลว้ อา่ นซอละหวาตต่อไปนี้ 70 ครงั้
أَ ْج َم ِّع ْي َن النَّبِّيِّ اْلأُ ِّميِّ َو َع َلى آ ِّل ِّه َو َص ْح ِّب ِّه اَلل ُه َّم َص ِّل َع َلى ُم َح َّم ٍد
[ และให้สุหยูดอีกครั้งหน่ึงโดยอ่าน : [ َو َر ُّب ا ْل َملاَ ِّئ َك ِّة َو ] ُقدُّ ْو ٌس
َر ُّب َنا
[0م0ُ ِّزاْيل ُزُّر ْاْولأَحِّ ْك َ]رค َعรْلง้ั اแتลَ ะْنหَأลัَكงจَّنาِّ إก ُمเَلง ْعยَتขاนึ้ َّمจ َعากزสْ ุوหَ اยَجดู َتแوลَ ้วْمอ َحา่ رนْ ] َر ِّب ا ْغ ِّف ْر َوا ُسبُّ ْو ٌح
หลังจากทาทุกขั้นตอนครบสมบูรณ์แล้ว ให้ขอดุอาตามประสงค์ อินชาอัลลอฮ์
อลั ลอฮ์จะประทานให้ตามขอ.
สุนัตต่างๆ ในการละหมาด ทุกๆ การกระทาที่นอกเหนือจากรุก่นและวาญิบต่างๆ
ดังกล่าวมาในการละหมาดน้ัน คือสิ่งสุนัต ผู้กระทาจะได้บุญเพิ่มและผู้ที่ละเลยก็ไม่โทษใดๆ ซ่ึงก็
คือ คากล่าวและการกระทาต่างๆ ท่ีส่งเสริมให้ปฏิบัตินั่นเอง สาหรับคากล่าวต่างๆ น้ัน เช่น การ
ดุอาอ์อิสติฟตาหฺ การกล่าวตะเอาวุซ (ขอความคุ้มครองให้พ้นจากชัยฏอน) การกล่าวบัสมะละฮฺ
(กล่าวพระนามของอัลลอฮฺ) การกล่าวว่าอามีน การอ่านสูเราะฮฺหลังจากอ่านฟาติหะฮฺ เป็นต้น
และสาหรับการกระทาต่างๆ น้ัน เช่น การยกมือในขณะท่ีกล่าวตักบีรฺ ในบางกรณีที่ให้ยกมือ
การวางมือขวาทับบนมือซ้ายในขณะท่ียืน การน่ังแบบอิฟติรอช และการน่ังแบบตะวัรรุก เป็นต้น
ส่งิ ที่ทาให้การละหมาดเสยี การละหมาด จะเสยี ดว้ ยสิ่งตา่ งๆ เหลา่ น้ี
1. เมอ่ื ละเลยรกุ ่นหรอื เง่อื นไขใดเงื่อนไขหนึง่ โดยเจตนาหรอื หลงลมื หรือว่าละเลยวาญิบ
ใดวาญิบหน่ึงโดยเจตนา
2. การเคล่ือนไหวโยกย้ายโดยไมม่ คี วามจาเปน็ ใดๆ
3. การเปิดเผยสว่ นทเ่ี ป็นเอาเราะฮโฺ ดยเจตนา
4. การพดู การหัวเราะ การกิน การด่ืมโดยเจตนา
๒๐
หุก่มการอิสติฆฺฟารฺหลังจากละหมาดฟัรฺฎฺ การอิสติฆฺฟารฺหลังจากละหมาดฟัรฺฎูนั้น
เป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายอิสลาม ทั้งนี้มีหะดีษรายงานว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัย
ฮิวะสัลลัม ได้กระทาในส่ิงดังกล่าว และเนื่องจากมีผู้ละหมาดหลายคนบกพร่องหรือต่อเติมในการ
ละหมาด ไม่ว่าจะเป็นการบกพร่องจากการกระทาท่ีเป็นรูปธรรม เช่น การอ่าน การรุกูอฺ และการ
สุญูด เป็นต้น หรือบกพร่องจากการกระทาที่เป็นนามธรรม เช่นบกพร่องจากการคุชูอฺ ใจไม่อยู่กับ
เน้อื กบั ตัว เป็นต้น จึงจาเปน็ ตอ้ งขออภยั โทษต่ออัลลอฮฺในความบกพร่องดังกล่าว
ลักษณะการซิกริ ฺ
1. อนุญาตให้ซกิ ริ ฺ ทง้ั ในใจและด้วยลิน้ สาหรับผ้ทู ีม่ ีหะดษั มีญนุ ุบ ผู้ทีม่ ปี ระจาเดือน และ
ผู้ทอี่ ยใู่ นหวา่ งการคดั นา้ คาวปลาหลงั การคลอดบุตร อาทิเชน่ การตัสบีหฺ การตะฮล์ ลี ฺ การตะหมฺ ีด
การตักบรี ฺ การดอุ าอ์ และการเศาะละวาตต่อทา่ นนบี ศอ็ ลลัลลอฮอุ ะลัยฮิวะสัลลมั
2. การใช้เสียงค่อยในการซิกิรฺและดุอาอ์นั้นเป็นสิ่งท่ีดีกว่า นอกจากในบางกรณีท่ีมี
รายงานว่าเป็นอื่น เช่นหลงั ละหมาดหา้ เวลา การตัลบิยะฮฺ หรอื เพือ่ เปน็ ประโยชนต์ ่อส่วมรวม เช่น
เพ่ือให้คนท่ียังไม่รู้ได้ฟัง กรณีดังกล่าวเช่นนั้นการใช้เสียงดังดีกว่าหุก่มสาหรับผู้ท่ีลุกข้ึนยืน โดยลืม
นง่ั ตะชะฮฮฺ ดุ เมอ่ื อิมามลกุ ข้นึ ยืนหลังจากสองรอ็ กอะฮแฺ รกโดยไม่ไดน้ ่งั ตะชะฮฺฮดุ หากเขานกึ ขน้ึ ได้
ก่อนที่เขาจะยืนตัวตรงให้เขาย้อนกลับไปน่ังได้ แต่หากยืนตัวตรงแล้วก็ไม่จาเป็นต้องย้อนกลับไป
น่ังอีก แต่เขาต้องสุญูดสะฮฺวีสองครั้งก่อนให้สลาม หุก่มสาหรับผู้ท่ีออกไปละหมาดญะมาอะฮฺ
แต่พบว่าผู้คนต่างละหมาดเสร็จแล้ว สาหรับผู้ที่ออกไปเพ่ือจะละหมาดญะมาอะฮฺ แต่พบว่า
ผู้คนต่างละหมาดเสร็จแล้ว เขาจะได้ผลบุญเหมือนกับบรรดาผู้ที่ทันละหมาดญะมาอะฮฺในคร้ังนั้น
ทุกประการ ท้ังน้ีมีรายงานจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ
ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลัยฮิวะสลั ลัม ไดก้ ลา่ ววา่
َسلا َق َْفد ْنقُ َصلَّ ُصواذَ ِّلْق َكَطا ِّهُم ْن َم ْْجن ِّرتَ َِّهو ْم َِّّضمأثْ َلْح َْسج َِّنر،َ َفو َوَح َجدَ َض ارَ َّجَهاا ،َُفأ ُو ُضو َءه َج َّل َو َع َّز
ُع َّم َرا َح َش ْيئا أ أ َم ْن أ الله
َصلا َها
ความว่า “สาหรับผู้ท่ีอาบน้าละหมาดอย่างพิธีพิถัน แล้วออกไป เพ่ือละหมาด
ญะมาอะฮแฺ ตพ่ บว่าผูค้ นต่างละหมาดเสรจ็ แลว้ อัลลอฮฺจะให้ผลบญุ แก่เขา เหมอื นกับบรรดาผู้ที่ทัน
ละหมาดญะมาอะฮฺในคร้ังนั้นทุกประการ โดยไม่มีการลดหย่อนจานวนผลบุญของเขาจากจานวน
ผลบุญของผู้อื่นที่ทันละหมาดญะมาอะฮฺในคร้ังนั้นแต่อย่างใด” (เป็นหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย
อบู ดาวูด หมายเลข 564 สานวนน้ีเป็นสานวนของท่าน และอัน-นะสาอีย์ 855) หุก่มการกล่าว
คาวา่ “อามีน”ทั้งในละหมาดและนอกละหมาดสุนัตใหก้ ลา่ วกลา่ วคาวา่ “อามีน” ในสองกรณี
1. ในละหมาด หลังจากที่อิมาม มะอ์มูม หรือผู้ท่ีละหมาดคนเดียวอ่านฟาติหะฮฺเสร็จ
โดยให้กล่าวเสียงดังไม่ว่าจะเป็นอิมามหรือมะอ์มูม และให้มะอ์มูมกล่าวพร้อมๆ กับอิมาม ไม่ใช่
กอ่ นหรอื หลังอิมาม และมบี ญั ญัตใิ หก้ ลา่ ว “อามนี ” เชน่ กนั ในดุอาอก์ ุนูตวิติรฺ หรอื กนุ ตู นาซิละฮฺ
๒๑
2. นอกละหมาด หลังจากท่ีฟังหรือได้ยินคนอ่านฟาติหะฮฺเสร็จ และหลังจากได้ยิน
บทดุอาอ์ทั่วไป หรือบทดุอาอ์เฉพาะกาล เช่น ดุอาอ์ของเคาะฏีบญุมอะฮฺ (ผู้เทศนาในวันศุกร์)
ดุอาอ์ขอฝน หรอื ดอุ าอ์สรุ ิยุปราคา
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=hXTWNHx-Cz0
ละหมาดสนุ ตั 25 ประเภท5
ประเภทท่ี 1 ละหมาดสุนัตก่อน-หลัง ละหมาดฟัรดู (รอวาติบ) *หมายเหตุ รอวาติบ =
ทาเปน็ ประจา มกี ารละหมาดวันละ (12 รอกะอตั ), 2 รอกะอัต (ก่อน) ละหมาดซุบฮิ, 4 รอกะอัต
(ก่อน) ละหมาดซุฮฺริ, 2 รอกะอัต (หลัง) ละหมาดซุฮฺริ, 2 รอกะอัต (หลัง) ละหมาดมัฆริบ,
2 รอกะอัต (หลัง) ละหมาดอิชาอฺ (มีฮะดิษรายงานว่า) ผู้ใดละหมาดซุนนะห์ทั้ง 12 รอกะอัต
(รอวาติบ) อลั ลอฮจฺ ะทรงเมตตาสร้างบ้านหลังหน่งึ ให้แก่เขาในสวนสวรรค์
ประเภทท่ี 2 การละหมาดสุนัตก่อน-หลังละหมาดฟัรดู (ไม่ใช่รอวาติบ) (ไม่ได้ทาเป็น
ประจา), 4 รอกะอัต (ก่อน) ละหมาดอัสริ, 2 รอกะอัต (ก่อน) ละหมาดมัฆริบ, 2 รอกะอัต (หลัง)
ละหมาดอัสริ
ประเภทที่ 3 การละหมาดสุนัตวิเตร (ละหมาดในยามค่าคืน) (จานวนรอกะอัตเป็นเลขคี่
เช่น 1, 3, 5 ,7 เป็นการละหมาดปิดท้าย) ส่วนใหญ่ท่านนบีจะทา 3 รอกะอัต แต่สามารถทาได้
มากกว่าน้ัน วิธีละหมาดวิเตร (1) ละหมาดวิเตร 3 รอกะอัต รวดเดียวจบ แล้วนั่งอัตตะฮียา
รอกะอัตสุดท้าย (2) ละหมาดวิเตร 2 รอกะอัต แล้วให้สลาม แล้วลุกข้ึนมาละหมาดอีก 1
รอกะอัต *ท่านนบีกระชับให้ละหมาดทุกคืน แต่หากละหมาดวิเตรแล้วไม่ต้องต่ืนมาละหมาด
ตะฮจั ญุด อีก
๒๒
ทม่ี า https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/23584
ประเภทท่ี 4 ละหมาดสุนัตตะฮัจญุด (ละหมาดในยามค่าคืนภายหลังจากได้นอน
ก่อนเข้าละหมาดซุบฮิ) ท่านนบีจะไม่ละหมาดตะฮัจญุดเกิน 11 รอกะอัต ให้ละหมาดครั้งละ 2
รอกะอตั จนครบ 8 รอกะอตั แลว้ คอ่ ยปดิ ท้ายด้วยละหมาดวเิ ตร อีก 3 รอกะอัต
ประเภทท่ี 5 ละหมาดสุนัตกิยามุลลัยลฺ (การละหมาดซุนนะในยามค่ายืนเหมือนกับ
ละหมาดตะฮัจญุด แต่จะต่างกันตรงที่หากไม่ได้นอนหลับจะละหมาดกิยามุลลัยลฺ (บางทัศนะ
เป็นละหมาดประเภทเดยี วกบั ประเภทท่ี 4)
ประเภทท่ี 6 ละหมาดสุนัตตะรอเวี๊ยะห์ (ในเดือนรอมฎอน) ท่านนบีจะละหมาดสุนัต
ทีละ 2 รอกะอัต เมื่อครบ 8 รอกะอัต ท่านนบีจะละหมาดวิเตรอีก 3 รอกะอัต รวมเป็น 11
รอกะอัต หมายเหตุ: ท่านนบีจะไม่ละหมาดสุนัตจะยามค่าคืนไม่ว่าเดือนรอมฎอนหรือเดือนไหน
จะละหมาดไม่เกิน 11 รอกะอตั
ประเภทท่ี 7 ละหมาดสุนัตดุฮา (ละหมาดในยามสายๆ) (สามารถทาได้ทุกวัน) ละหมาด
คร้ังละ 2 รอกะอตั จะละหมาดกีร่ อกะอตั ก็ได้
ประเภทที่ 8 ละหมาดสุนัต (ภายหลังจากอาบน้า ละหมาดเสร็จเรียบร้อย) ละหมาด 2
รอกะอตั
ประเภทท่ี 9 ละหมาดสุนัตก่อนออก-กลับบ้าน ออกจากบ้านละหมาด 2 รอกะอัต
กลับจากบา้ นละหมาด 2 รอกะอัต
ประเภทท่ี 10 ละหมาดสุนตั ตะฮยี ะตลุ มสั ยิด (การละหมาดซนุ นะเม่ือเข้ามัสยิด) เม่ือเข้า
มัสยดิ กอ่ นจะน่งั ลงให้ละหมาดสนุ ตั 2 รอกะอัต
๒๓
ทีม่ า https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/23584
ประเภทที่ 11 ละหมาดสุนัตระหว่างอาซานกับอิกอมะหฺ เม่ือมีการอาซานเสร็จสิ้นแล้ว
ให้ละหมาดสุนตั 2 รอกะอตั
ประเภทท่ี 12 ละหมาดสุนัตเพ่ือเตาบะหฺ (เพื่อกลับตัว) ละหมาดเม่ืออยากกลับเนื้อ
กลับตัว เสยี ใจท่ีทาผดิ ใหล้ ะหมาด 2 รอกะอัต (พยายามใหเ้ สียใจระหวา่ งละหมาด)
ประเภทท่ี 13 ละหมาดสุนัตวันศุกร์ ละหมาดทีละ 2 รอกะอัต ทาเรื่อยไปจนกว่า
อิหม่ามมสั ยดิ จะขน้ึ มิมบัร แล้วรว่ มกนั ละหมาดวันศุกร์ (ญมุ อะห)์
ประเภทท่ี 14 ละหมาดสุนัตหลังละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) หากละหมาดที่มัสยิด
ให้ละหมาด 4 รอกะอัต หากละหมาดทีบ่ า้ นใหล้ ะหมาด 2 รอกะอัต
ประเภทท่ี 15 ละหมาดสุนัตหลังจากกลับจากการเดินทางไกล ให้ละหมาด 2 รอกะอัต
(ละหมาดทมี่ สั ยดิ จะดที ีส่ ุด)
ประเภทที่ 16 ละหมาดสุนตั อิสตคิ อเราะห์ (ละหมาดเพื่อขอความเมตตา) เช่น ละหมาด
เมือ่ สับสนในชวี ติ ให้ละหมาด 2 รอกะอตั หรอื ถ้ายงั สบั สนใหล้ ะหมาด 2 รอกะอตั อีกๆ เรือ่ ยๆ
ประเภทที่ 17 ละหมาดสุนัตสุริยะคาด (ทาในขณะเกิดขณะเกิดสุริยะคาด (เน้นหนักให้
กระทา) ให้ละหมาด 2 รอกะอัต แต่ละรอกะอัตมี 2 รูก๊ัวและ 2 สุญูด **ให้ตักบีรรอตุลเอี๊ยะรอม
(๑) อ่านฟาติฮะห์ แล้วอ่านซูเราะห์ยาวๆ (๒) รูกั๊ว แล้วข้ึนมากอดอกให้อ่านฟิาติฮะห์อีกคร้ัง
แลว้ รกู ั๊วอกี ครัง้ แลว้ ลงสญุ ดู ทาแบบนท้ี ้งั 2 รอกะอัต
๒๔
ที่มา https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/23584
ประเภทท่ี 18 ละหมาดสุนตั จนั ทรคาด (ทาไมขณะเกิดจันทรคราส) (ทาเหมือนละหมาด
สรุ ยิ ะคราสดั่งขอ้ ที่ 17)
ประเภทที่ 19 ละหมาดสุนัตอีด (อีด้ิลฟิตตริ) (อีด้ิลอัฎฮา) ละหมาด 2 รอกะอัต
ทาเหมือนละหมาดซุนนะห์อื่นๆ แต่เพิ่มตักบีรอีก 7 คร้ัง หลังจากตักบีรรอตุลเอ๊ียะรอม
ในรอกะอตั แรก รอกะอัตที่ 2 เพ่ิมตักบรี อีก 5 คร้ัง
ประเภทที่ 20 ละหมาดสุนัตอิสติสกออฺ (ละหมาดขอฝน) ให้ละหมาดตามอิหม่าม
ให้ละหมาดกลางแจ้ง, ให้ขออภัยโทษ ยกมือขอดุอาอ์สูงๆ นานๆ และให้กลับเส้ือผ้า ให้ละหมาด
สนุ ตั 2 รอกะอตั เหมอื นกับละหมาดอดี
ประเภทท่ี 21 ละหมาดสุนัตหลังตอวาฟ ให้ละหมาดสุนัต 2 รอกะอัต ภายหลังจาก
ตอวาฟเสร็จ รอกะอัตแรก อ่านฟาติฮะห์กับอัลกาฟิรูน รอกะอัตท่ี 2 ให้อ่านฟาติฮะห์กับ
อลั อคิ ลาส
ประเภทที่ 22 ละหมาดสุนัตเม่ือกลับถึงบ้านในวันอีด ให้ละหมาดสุนัต 2 รอกะอัต
(บางทัศนะเป็นสุนตั เหมอื นขอ้ ที่ 9)
ประเภทที่ 23 ละหมาดสุนัตละหมาดตัสเบ๊ียะห์ (อุลามะอฺขัดแย้งกันว่าทาได้หรือไม่)
(เชคมูฮัมหมัด นาศิรุดดีน อัล-อัลบานีย์ บอกว่าทาได้) ละหมาด 4 รอกะอัต รวดเดียว ไม่ต้อง
นั่งอาตะฮียา แต่ละรอกะอัตให้กล่าวสดุดี (ซิกรุ้ลเลาะห์) 75 ครั้งในแต่ละรอกะอัต เช่น
(ซบุ ฮานลั ลอฮวฺ ลั ฮมั ดุลลิ ละห์วาลาอิลาฮะอลิ ลั ลอฮฺวลั ลอฮอุ ักบัร)
๒๕
ทีม่ า https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/23584
ประเภทท่ี 24 ละหมาดสุนัตท่ีมัสยิดกูบา เป็นการละหมาดท่ีมัสยิดกูบา 2 รอกะอัต
(มผี ลบญุ เทียบเทา่ กับการทาอุมเราะหฺ ตริ มซิ )ี
ประเภทที่ 25 ละหมาดสนุ ัตที่ตาบลซิล้ ฮลุ ยั ฟะห์ ให้ละหมาด 2 รอกะอตั
ทมี่ า https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/23584
๒๖
ละหมาดอดี ล้ิ ฟิตรี (ตรุษออกบวช)
1. ละหมาดอีด้ิลฟิตรี (ตรุษออกบวช) มี 2 ร่อกะอั๊ต กาหนดเวลาละหมาด เริ่มต้ังแต่
พระอาทติ ยข์ น้ึ จนพระอาทติ ยค์ ล้อย สนุ ตั ใหอ้ ่านอซุ อ็ ลลี ดงั น้ี
อ่านว่า "อุซ็อลลีซนุ นะตะอ้อี ้ิลฟตั ร ร๊อกอะไตนมิ ะมูมันล้ิลลาฮตี ะอาลา"
นกึ ในใจวา่ " ข้าพเจา้ ละหมาดสนุ ัตอดี ล้ิ ฟติ ร 2 รอ่ กะอตั มะมมู นั ลล้ิ ลาฮีตะอาลา "
2. ละหมาดอีอ้ิลอัฎฮา (ตรุษฮัจยี) มี 2 ร่อกะอั๊ต กาหนดเวลาละหมาด เร่ิมตั้งแต่
พระอาทติ ย์ขน้ึ จนพระอาทติ ยค์ ล้อย สุนตั ให้อา่ นอุซ็อลลดี งั น้ี
อ่านว่า " อซุ ็อลลซี นุ นะตะ อีดล้ิ อดั ฮา รอ๊ กอะไตนมิ ะมมู ันลิล้ ลาฮตี ะอาลา "
นึกในใจว่า " ขา้ พเจ้าละหมาดสุนตั อีดลิ้ อัดฮา มะมูมันลิล้ ลาฮตี ะอาลา "
วิธีละหมาด (ฮารรี ายอ) ทั้งสอง
1. ตักบีร คือ ให้ว่า อัลลอฮุอักบัร ในร่อกะอ๊ัตแรก 0 ครั้ง ในร่อกะอ๊ัตที่สอง 5 ครั้ง
นอกจากตักบีรร่อตลุ้ เอยี๊ ะห์รอมและตกั เบรจะกม้ ลงไปร่อเกาะอ์ในรอ่ กะอั๊ต ทห่ี นึง่ ท่ีสอง
2. ให้อ่านคัสแบะห์ในระหว่างตักเบร คือ (ตักเบร์คร้ังที่หนึ่ง ก็อ่านตัสแบะห์คร้ังหน่ึง)
ในร่อกะอัตท่ีหนึ่งอ่าน 6 ครั้ง ร่อกะอัตท่ีสองอ่าน 4 คร้ัง เฉพาะร่อกะอัตท่ีหน่ึงอ่านภายหลังจาก
อ่านดอุ าออ์ ิฟติตะหแ์ ล้ว คือ ตัสแบะห์ ดงั ต่อไปน้ี อ่านว่า "ซุบฮาน้ันลอฮิ วัลฮัมดูลิ้ลลาฮิ วะลาอิลา
ลาฮะอ้ลิ ลัลลอฮุวลั ลอฮอุ กั บัร วะลาเฮาละวะลากูวะตะ อ้ลิ ลาบิ้ลลฮิ้ลอะลีย้ลิ อาซมี "
ละหมาดตะรอแวะห์
ละหมาดตะรอแวะห์มี 20 ร่อกะอ๊ัต มี 10 สลาม คือทาครั้งละ 2 ร่อกะอั๊ต ให้สลาม
คร้ังท่ีหนึ่ง จนครบ 20 ร่อกะอั๊ต กาหนดเวลาตั้งแต่ละหมาดอิซาอ์เสร็จแล้วจนแสงอรุณข้ึน
ในเดือนรอมะฎอน สนุ ัตให้อา่ นอซุ อ็ ลลี ดงั น้ี อ่านว่า "อุซอ็ ลลซี ุนนะตัดตะรอวีฮิ ร็อกอะไตนิ มะอ์มู
มนั ลิ้ลลาฮิตะอาลา" นึกในใจว่า "ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตตะรอแวะห์ 2 ร่อกะอัต มะมูมันล้ิลลาฮิตะ
อาลา "
ละหมาดวเิ ตร
กาหนดเวลาละหมาดวเิ ตร ภายหลังจากละหมาดอีซาอ์แล้วจนแสงอรุณข้ึน ทาคร้ังแรก 2
ร่อกะอ๊ัต ครั้งสุดท้าย 1 ร่อกะอ๊ัต ละหมาดวิเตรอย่างน้อย 1 ร่อกะอ๊ัต อย่างมาก 11 ร่อกะอ๊ัต
และต้องทาเป็นคีเ่ สมอ (คอื 1, 3, 5, 0, 9, 11) สองรอ่ กะอั๊ต สุนัตให้อ่านว่าอุซ็อลลี ดังน้ี อ่านว่า
"อซุ อ็ ลลีซุนนะตลั วิตริ ร๊อกอะไตนิ มะมมู ันลิล้ ลาฮติ ะอาลา" นกึ ในใจว่า ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตวิเตร
2 ร่อกะอั๊ตมะมูมันลลิ้ ลาฮิตะอาลา
๒๗
หนงึ่ รอ่ กะอั๊ตตอนสุดท้ายอ่านว่าดังนี้ "อุซ็อลลีซุนนะตัลวิตริ ร็อกอะตัน มะอ์มูมันล้ิลลาฮิ
ตะอาลา" นกึ ในใจว่า ข้าพเจ้าละหมาดสนุ ตั วเิ ตร 1 ร่อกะอั๊ต มะมมู ันลิล้ ลาฮติ ะอาลา
การอ่านซูเราะห์หลังจากอ่านฟาติฮะห์แล้ว ให้อ่านดังนี้ ร่อกะอั๊ตที่ 1 ให้อ่าน ซิบบิฮิส
มะรอ็ บบกี ้นั อะลา
ร่อกะอั๊ตท่ี 2 ให้อ่าน กุ้ลยาไอยยู่ฮั้ลกาฟิรูน ดังนี้ "บิสมิ้ลลาฮิรเราะห์มานิรรอฮีม กุ้ลยา
ไอยุฮ้ัลกาฟิรูน ลาอะบุดุมาตะอ์บุดูน วะลาอันตุมอาบิดูนะมาอะบุด วะลาอะนะอาบิคุมมาอะบัต
ตมุ วะลาอนั ตมุ อาบิดูนะมาอะบุด ละกุมดนี กุ มุ วะลิยะดีน"
ร่อกะอั๊ตสุดท้าย ให้อ่าน กุ้ลฮุวัลเลาะห์ ดังนี้ "บิสมิ้ลลาฮิรเราะห์มานิรรอฮีม กุ้ลฮูวัลลอ
ฮุอะฮัด อัลลอฮุดซ่อมัด ลัมยะลิดวะลัมยูลัด วะลัมยากุ้ลละฮูกุฟุวัลอะฮัด กับ กุ้ลอะอูซุบิร็อบบ้ิล
ฟะลัก " และ ก้ลุ อะอซู ุบริ ็อบบิ้ลนาส จนจบทุกต้น
ละหมาดตะฮยี ะตุ้ลมัสยิด
ละหมาดตะฮียะตุ้ลมัสยิด คือการละหมาดสุนัต 2 ร่อ กะอัตสาหรับผู้ท่ีเข้าไปในมัสยิด
ก่อนท่เี ขาจะนั่งควรละหมาดตะฮียะตุล้ มสั ยดิ เสียก่อน ท่านนบี ซ.ล.ได้กล่าวว่า เม่ือบุคคลใดเข้าไป
ในมัสยิดแล้ว ควรให้เขาะหมาด 2 ร่อกะอตั ก่อนท่เี ขาจะน่ัง
วิธีละหมาดตะฮียะตุ้ลมัสยิด ก็เหมือนกับการละหมาด 2 ร่อกะอัตธรรมดา แต่ก่อนเนียต
ควรอ่านนาว่า "อู้ซ้อลลี ซุนน่าตัดต้าอ้ีย่าตัลมัสยิด ร๊อกอะตัยน่ี ลิ้ลลาฮี่ตะอาลา" เนียตว่า ข้าพเจ้า
ละหมาดสนุ ตั ตะฮยี า่ ตุ้ลมสั ยิด 2 ร่อกะอัต เพื่ออลั เลาะหต์ ะอาลา
ละหมาดดุฮา
ละหมาด ดุฮา เป็นละหมาดสุนัตชนิดหนึ่งกาหนดเวลาละหมาดเริ่มต้ังแต่หลังจาก
ดวงอาทติ ยข์ ้นึ แลว้ จนกระทง่ั ควงอาทติ ย์คล้อย แตท่ ีด่ แี ลว้ ไมค่ วรละหมาดใหส้ ายมากนัก ละหมาด
ดุฮาให้ละหมาดไม่น้อยกว่า 2 ร่อกะอัต แต่ไม่เกิน 8 ร่อกะอัต โดยละหมาด 2 ร่อกะอัต
แล้วให้สลามทีหน่ึง วิธีละหมาดก็เหมือนกับการละหมาด 2 ร่อกะอัต ธรรมดาแต่ก่อนเนียต
ควรอ่านนาดังน้ี "อู้ซ้อลลี ซุนน่าต๊ัดดุฮา ร็อกอะไตน่ี ล้ิลลาฮี่ตะอาลา" เนียตว่า ข้าพเจ้าละหมาด
สุนตั ดฮุ า 2 รอ่ กะอัต เพื่ออัลเลาะห์ตะอาลา
ละหมาดอิซตคิ อเราะฮ์
ละหมาดอซิ ติคอเราะฮ์ คือการละหมาดเพื่อขอต่อพระผู้เป็นเจ้าให้เลือกส่ิงที่ดีให้เรา ทั้งน้ี
ท่านน่าบี ซ.ล.ได้ทรงกล่าวว่า “อัลเลาะห์จะไม่ทรงให้ความชั่วกับผู้ที่ขอความดีจากพระองค์เลย”
ท่านอมี ามฆ่อซาลี ไดก้ ลา่ วไวใ้ นหนงั สือเอียะฮ์ยาอุลูมิดดนี ว่า “ ผู้ ใดตงั้ ใจทีจ่ ะประกอบการงานใด
แต่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทาสิ่งนั้นหรือละสิ่งนั้นดี แท้จริงเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านนบี ซ.ล.ได้ใช้ให้ผู้น้ัน
ทาละหมาด 2 รอ่ กะอัต” คือละหมาดอิซติคอเราะฮ์
๒๘
วธิ ลี ะหมาดอิซติคอเราะห์มี 2 รอ่ กะอตั ปฏบิ ัติเหมือนกบั การละหมาดธรรมดา อ่านนาวา่
"อู้ซ้อลลี ซุนน่าตล้ั อิซตี้คอเราะห์ร๊อกอ้าตัยนี่ล้ิลลาฮ่ีตะอาลา" เนียตว่า ข้าพเจ้าละหมาดสุนัต อิซติ
คอเราะฮ์ 2 ร่อกะอตั เพื่ออลั เลาะห์ตะอาลา
ร่อกะอตั ที่ 1 หลงั จากอ่านฟาติฮะห์แลว้ ให้อา่ น กุ้ลยาอยั ยฮู่ ัลกาฟรี ูน
รอ่ กะอตั ท่ี 2 หลังจากอา่ นฟาตฮิ ะห์แล้ว ใหอ้ า่ น กลุ้ ฮูวัล้ ลอฮูอ่ ะฮดั
หลงั จากให้สลามแลว้ ใหอ้ ่านดุอานี้
ละหมาดตะฮจั ญุด
ละหมาดตะฮัจญดุ เป็นละหมาดสุนัตชนิดหนึ่งท่ีสาคัญย่ิง ซ่ึงท่านนบี ซล. ได้ละหมาดเป็น
ประจาแทบทุกค่าคืน กาหนดเวลาละหมาดตะฮัจญุดน้ันเริ่มต้ังแต่หลังเท่ียงคืนจนถึงแสงอรุณขึ้น
แต่เวลาท่ีดเี ยย่ี ม คอื เวลาประมาณ 2.00 ถงึ 3.00 น.
ละหมาดตะฮัจญุดมี 2 ร่อกะอัต วิธีละหมาดเหมือนกับการละหมาดประจาวัน ควรอ่าน
นาว่า "อู้ซ้อลลี ซุนน่าต๊ัดต้าฮัจญู่ด้ี ร๊อกอ้าไตน่ี ล้ิลลาฮ่ีตะอาลา" เนียตว่า ข้าพเจ้าละหมาดสุนัต
ตะฮัจญดุ 2 รอ่ กะอัต เพอื่ อลั เลาะห์ตะอาลา
การน่ังเอยี ะติกาฟ
การน่ังเอียะติกาฟ คือการน่ังพักสงบในมัสยิด โดยการสารวมทั้งกายและจิตใจ ท่านนบี
ซ.ล.ได้ทรงกล่าวไว้มีความว่า “ผู้ใดทาการเอียะติกาฟด้วยความศรัทธา และเพื่อขอผลความดี
อัลเลาะห์จะทรงโปรดอภยั ใหก้ ับเขาในบาปกรรมท่เี ขาได้เคยกระทา”
วิธีเอียะติกาฟนั้นจะต้องมีเนียต คือมีการมุ่งสารวมจิตว่า จะนั่งเอียะติกาฟในมัสยิด
ก่อนเนียตน้ัน จะอ่านนาก่อนก็ได้คือ "น่าวัยตู้อันอ๊ะอ์ต้ากี้ฟ่า ฟีย์ฮาซั้ลมัสยี่ด้ี ซุนน่าตันล้ิลลาฮี่ตะ
อาลา" เนียตว่า ข้าพเจา้ ตงั้ ใจเอยี ะติกาฟในมสั ยิดนี้ ซึ่งเปน็ สนุ ัตเพอื่ อลั เลาะห์ตะอาลา
ท่มี า https://www.halalthailand.com/article/339
๒๙
การละหมาดวันศุกร์
การละหมาดวันศุกร์ เป็นฟัรดูท่ีจาเป็นเฉพาะผู้ชายมุสลิมทุกคนที่เป็นอิสระ ไม่ใช่ทาส
ซึ่งบรรลุนิติภาวะ พร้อมทั้งมัสติสัมปชัญญะรู้สึกรับผิดชอบ ซ่ึงไม่มีกรอุปสรรคจาเป็นใดๆ
มาขัดขวาง เช่น การป่วยไข้ ฯลฯ การละหมาดวันศุกร์ เป็นการละหมาด บัรยะมาอะห์ (ละหมาด
รวม) มี 2 รอ่ กะอ๊ัต โดยถือเอาสองคุตบะห์แทนสองรอ่ กะอต๊ั กาหนดเวลาละหมาดวันศุกร์ นับแต่
เวลาพระอาทิตย์คล้อยจนถึงเงาของสิ่งหน่ึงเท่าตัวของมัน สุนัตให้อ่านอุซ็อลลี ดังน้ี อ่านว่า
"อซุ ็อลลี ฟัรดอ็ ลญมุ อุ ะติ ร๊อกอะไตนิ มะอ์มูมันลิ้ลลาฮิตะอาลา" ต้องนึกในใจว่า ข้าพเจ้าละหมาด
ฟัรดญู ุมอะห์ 2 รอ่ กะอต๊ั เปน็ มะอ์มมู เพือ่ อลั เลาะฮต์ ะอาลา
การละหมาดของคนที่เดินทางไกล
การละหมาดของผู้ที่เดินทางไกลนั้น มีบทบัญญัติให้ได้รับการผ่อนผันโดยลดจานวน
ร่อกะอัต ของการละหมาดฟรั ดูประจาวันชนดิ ท่ีมี 4 รอ่ กะอตั ลดลงเหลือ 2 ร่อกะอัต เราเรียกการ
ละหมาดชนิดนีว้ ่า “ ละหมาดก้อซอ้ ร์” (ละหมาดลดจานวน) สว่ นละหมาดชนิดที่มีเพียง 3 หรือ 2
รอ่ กะอตั จะละหมาดก้อซ้อรไม่ได้ ผู้เดินทางไกลนอกจากได้รับการลดจานวนรอกะอัตในละหมาด
แลว้ ยงั ไดร้ ับการผ่อนผนั ใหร้ วมละหมาดฟัรดู 2 เวลาทีใ่ กล้เคียงกันเอาไว้ในเวลาเดียวกันได้อีกด้วย
เราเรียกวา่ การละหมาดญะมาอะห์ (ละหมาดรวม)
1. การละหมาดก้อซ้อร์ ผู้เดินทางที่จะละหมาดก้อซอร์ได้นั้น จะต้องมีเงื่อนไขหลาย
ประการ ดังนี้ (๑) การเดินทางไกลนี้ จะต้องเป็นการเดินทางท่ีมีวัตถุประสงค์ไม่ผิดศาสนบัญญัติ
เช่น ไม่ใช่เดินทางเพ่ือไปลักทรัพย์ของผู้อ่ืนฯลฯ (๒) ต้องเป็นการเดินทางไกล บางท่านว่าต้องมี
ระยะไม่นอ้ ยกวา่ 80 หรือ 90 กโิ ลเมตร (๓) การลดจานวนรอ่ กะอัต (กอ้ ซอ้ ร)์ จะทาได้เฉพาะการ
ละหมาดท่ีมี 4 ร่อกะอัต เท่าน้ัน (๔) การเนียตละหมาดก้อซอร์ ให้เนียตในขณะกล่าวตักบีร
เริ่มละหมาด (๕) ห้ามละหมาดก้อซ้อร์ โดยเป็นมะมูมของอีมามที่ไม่ได้ละหมาดก้อซ้อร์ การทา
ละหมาดกอ้ ซอ้ ร์ ควรทาพร้อมกนั ไปกับการทาละหมาดญะเมาะอดว้ ย
2. การละหมาดญะเมาะอ (ละหมาดรวม) ซงึ่ คนเดินทางไกลได้รับการผ่อนผันให้รวมเอา
การละหมาดฟัรดู 2 เวลาเข้าด้วยกันนั้น อนุญาตให้รวมได้ 2 ชนิด คือ (๑) รวมในเวลาแรก
เรียกว่า ญะเมาะอ์ ตักดีม (๒) รวมในเวลาหลัง เรียกว่า ญะเมาะอ์ ตะอ์คีร แต่มีเง่ือนไขว่า
ละหมาดท่ีจะรวมกันได้นั้น คือละหมาดดุฮ์รีร่วมกับอัสริ และมักริบรวมกับอิซาเท่าน้ัน จะรวมกัน
โดยวิธีอืน่ ไม่ได้
2.1 ญะเมาะฮ์ตั๊กดีม (การรวมในเวลาแรก) มีเงื่อนไขดังน้ี (๑) ต้องเนียตว่า
เอาละหมาดอัสริมารวมกับดุฮริ หรือเอาอิซามารวมกับมักริบ (๒) ต้องละหมาดดุฮ์ริก่อนอัสริ
ในเวลาดุฮ์ริ หรือละหมาดมักริบก่อนอิซาในเวลามักริบ (๓) การต้องละหมาดท่ีรวมกันระหว่าง
ละหมาดแรกกับละหมาดหลัง อย่าให้ทิ้งห่างกันนานนัก (๔) กาเดินทางไกลต้องยังไม่ถึงจุดหมาย
ก่อนท่จี ะตกั บรี ละหมาดหลัง
๓๐
วธิ ีละหมาดกอซ้อรและญะเมาะอต์ กั๊ ดมี โดยอัสริรวมกบั ดฮุ ์ริ
1. เม่ือถึงเวลาละหมาดดุฮ์ริ ให้ละหมาดดุฮ์ริ 2 ร่อกะอัต โดยเนียตว่า "อุซ้อลลี
ฟัรด๊อลดุฮ์ริ ร๊อกอะไตนี่ ก๊อซรอน มัจญ์ มูอันอิล้ัลอัสร่ี อะดาอัน ลิ้ลลาฮี่ตะอาลา" ข้าพเจ้า
ละหมาดฟรั ดดู ฮุ ์ริ 2 รอ่ กะอตั โดยก้อซอ้ รมารวมกบั อสั ริ ในเวลาเพ่อื อัลเลาะหต์ ะอาลา
เมื่อละหมาดเสร็จและให้สลามแล้วจึงควรลุกข้ึนละหมาดอัสริต่อไป โดย
เนียตว่า "อุซ้อลลี ฟัรด็อลอัสริ ร๊อกอะไตน่ี ก็อซรอน มัจญ์ มูอันอิลัดดุฮ์ริ อะดาอัน ลิ้ลลาฮี่ตะ
อาลา"
ข้าพเจ้าละหมาดฟัรดูอัสริ 2 ร่อกะอัต โดยก้อซ้อรไมรวมกับดุฮ์ริ ในเวลา
เพ่ืออัลเลาะห์ตะอาลา ส่วนการละหมาดอิซารวมกับละหมาดมักริบในเวลามักริบน้ันก็ใช้วิธี
เดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนการเนียตว่า ละหมาดมักริบโดยก้อซ้อร์ รวมกับอิซาแล้วละ หมาด
3 ร่อกะอัต จึงให้สลาม แล้วจึงเนียตละหมาดอิซา โดยก้อซ้อรรวมกับมักริบ แล้วละหมาด 2
ร่อกะอัต จงึ ใหส้ ลาม
2.2 ญะเมาะอ์ตะอคีร (การรวมในเวลาหลัง) มีเงื่อนไขดังนี้ (๑) ต้องเนียตในเวลา
ของละหมาดแรก คือต้องเนียตในเวลาของดุฮ์ริว่าจะเอาละหมาดดุฮ์ริไปทารวมกับละหมาดอัสริ
หรือ ต้องเนียต ในเวลาของมักริบว่าจะเอาละหมาดมักริบไปทารวมกับละหมาดอิซา
(๒) ไมจ่ าเป็นต้องเรียงลาดับการละหมาดและไม่ต้องละหมาดติดต่อกัน (๓) การเดินทางต้องไม่ถึง
จุดหมายกอ่ นเสร็จการละหมาดทงั้ สอง
วิธีละหมาดก้อซ้อรและญะเมาะอ์ตะคีร โดยดุฮ์รีรวมกับอัสริ เมื่อถึงเวลาอัสริ
ให้ละหมาดอัสริ 2 ร่อกะอัต โดยเนียตว่า "อุซ้อลลี ฟัรด็อลอัสริ ร๊อกอะไตนี่ ก็อซรอน มัจญ์ มูอัน
อิลัยฮีซดุฮ์รู่ อะดาอัน ล้ิลลาฮ่ีตะอาลา" ข้าพเจ้าละหมาดฟัรดูอัสริ 2 ร่อกะอัต โดยก้อซ้อรไม่รวม
กบั ดุฮ์ริ ในเวลา เพ่อื อัลเลาะห์ตะอาลา
เมื่อละหมาดเสร็จและให้สลามแล้ว จึงควรลุกข้ึนละหมาดดุฮ์ริต่อไปโดยเนียตว่า"
อซุ อ้ ลลฟี ัรด๊อลดุฮ์ริ ร๊อกอะไตน่ี ก๊อซรอน มัจญ์ มูอันอิลั้ลอัสร่ี อะดาอัน ลิ้ลลาฮี่ตะอาลา" ข้าพเจ้า
ละหมาดฟัรดูดุฮ์ริ 2 ร่อกะอัตโดยก้อซ้อรมารวมกับอัสริ ในเวลาเพื่ออัลเลาะห์ตะอาลา หรือ
จะสลับกนั ก็ได้ โดยเม่ือถึงเวลาละหมาดอสั ริ จะละหมาดดฮุ ร์ ิก่อนแลว้ ละหมาดอัสรทิ ีหลงั ส่วนการ
ละหมาดมักริบมารวมกับอิซาในเวลาอิซานั้นก็ใช้วิธีเดียวกัน เพียงแต่เปล่ียนช่ือละหมาด
และจานวนร่อกะอตั ของละหมาดมกั รบิ เท่าน้นั .
ทม่ี า https://www.islamicthai.com/?p=29477
๓๑
ที่มา https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/19769
คาแปลบทละหมาด6
กล่าวตักบีร
اَللهُ أَ ْك َب ُرอัลลอฮุอักบัร "อัลเลาะฮท์ รงยง่ิ ใหญ่"
ดุอาอ์อฟิ ติตาห์ ااَلللهَُّس أَم َْكو َبا ُر ِّت َك َِّبوْيالرأاًَ ْرَوا ْلِّ َضح ْم َحدُنِِّّ ْليلفهِّا
َأوُ ِّمَصَّج َْلرْها ِّت ُُتت ْي ََووَأَونَُْنجا ِّهُس ِّمِّكَي َن ِّْليلَّا ْلِّذَوُم َْمي ْس ِّْلحفَ ِّيَماْيَط َََينر َكَُمرثِّ ْيْس ِّلِّبراَمااًْل َوَعَوالَُسَمْبِّما ْيَحأَاََنناَن َل ِّاامللَنهِّ َشاِّبُْلر ْْكيُم َ َر ْكشةً ِّ َلر َهوُِّكأَْي َوَِّنِّبصذَْيِّإ ِّلل َّناًَك َِّو َم َما ّتِ ْي ِّلله
ً
"อัลเลาะฮ์ผู้ทรงเกรียงไกรอย่างแท้จริง และมวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลเลาะฮ์
ซึ่งเป็นการสรรเสริญอย่างมากมายและกล่าวสดุดีมหาบริสุทธิ์แด่องค์อัลเลาะฮ์ท้ังยามเช้า และ
ยามเย็น ฉันได้ผินใบหน้าของฉันสู่พระองค์ผู้ทรงสร้างบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดินในสภาพผู้หันเห
ออกจากศาสนาที่เหลวไหลสู่ศาสนาท่ีเท่ียงธรรม ในสภาพผู้ยอมจานน โดยท่ีฉันมิใช่เป็นส่วนหนึ่ง
จากกลุ่มชนผู้ต้ังภาคี แท้จริงการละหมาดของฉัน ศาสนกิจของฉัน การมีชีวิตของฉันและการตาย
๓๒
ของฉันน้ันเป็นกรรมสิทธ์ิของอัลเลาะฮ์ ผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ไม่มีภาคีใด ๆ สาหรับพระองค์
และดว้ ยสงิ่ ดงั กลา่ วน้ี ฉนั ไดถ้ กู บญั ชาใชโ้ ดยท่ีฉนั เป็นส่วนหนง่ึ กล่มุ ชนจากผ้ทู ่ียอมจานน"
อัลฟาติฮะฮ์
أَ ُع ْوذُ ِّبالل ّهِ ِّم َن ال َّش ْي َطا ِّن ال َّر ِّج ْي ِّمข้าพเจ้าของความคุ้มครองด้วยพระองค์ จากชัยฏอนที่ถูก
สาปแชง่
ِّب ْس ِّم اللهِّ ال َّر ْحم ِّن ال َّر ِّحي ِّم1. ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ผู้ทรงยิ่งในความเมตตาทรงยิ่งในความ
กรุณา
ا ْل َح ْمدُ ّللِّ َر ِّب ا ْلعَا َل ِّمي َن2. มวลการสรรเสรญิ เป็นสทิ ธข์ิ องอลั เลาะฮผ์ ทู้ รงอภิบาลโลกท้ังหลาย
ال َّر ْحمـ ِّن ال َّر ِّحيم3. ผู้ทรงยิง่ ในความเมตตา ผทู้ รงย่ิงในความกรุณา
َما ِّل ِّك َي ْو ِّم ال ِّدي ِّن 4. ผ้ทู รงสิทธอิ านาจในวันตอบแทน
ِّإ َّيا َك َن ْعبُدُ و ِّإ َّيا َك َن ْستَ ِّعين5. เฉพาะพระองค์เท่าน้ันที่เราขอนมัสการและเฉพาะพระองค์
เท่าน้ันทเี่ ราขอความชว่ ยเหลือ
اه ِّد َنــــا ال ِّص َرا َط6. โปรดชน้ี าเราสแู่ นวทางอนั เทีย่ วตรงเถดิ
ال ُمستَ ِّقي َم ِّص َرا َط ا َّل ِّذي َن أَن َعم َت َع َلي ِّه ْم َغي ِّر ال َمغ ُضو ِّب َعلَي ِّه ْم َول َا 7. แนวทางของ
ال َّضا ِّلي َن
บรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงโปรดปรานแก่พวกเขามิใช่แนวทางของพวกที่ถูกโกรธกร้ิว และมิใช่
(แนวทางของ) พวกที่หลงผดิ "
أَ ِّم ْينอามนี : พระองคโ์ ปรดทรงตอบรบั เถดิ
اَللهُ أَ ْك َب ُرอัลลอฮอุ กั บรั : อัลเลาะฮท์ รงยิง่ ใหญ่
ُس ْب َحا َن َر ِّب َي ا ْل ِّع ِّظ ْي ِّم َو ِّب َح ْم ِّد ِّهซุบฮานะร๊อบบิยัลอะซีมวะบีฮัมดิฮิ : มหาบริสุทธิ์แด่ผู้อภิบาล
ของฉันผู้ทรงยง่ิ ใหญแ่ ละดว้ ยการสรรเสริญพระองค์นน้ั (ขา้ พเจ้าทาการสดุด)ี
ُ َس ِّم َع اللهُ ِّل َم ْن َح ِّمدَهซะมิอัลลอฮุลิมันฮัมมิดะฮ์ : อัลเลาะฮ์ทรงได้ยิน ผู้ทาการสรรเสริญต่อ
พระองค์
ُ َربَّنَا َولَ َك ا ْل َح ْمدรอ๊ บบะนาวะละกลั ฮมั ดุ : ขา้ แดอ่ งค์อภบิ าลแหง่ เรา และมวลการสรรเสริญเป็น
สิทธขิ์ องพระองค์
اَللهُ أَ ْكبَ ُرอัลลอฮุอกั บัร : อลั เลาะฮท์ รงยง่ิ ใหญ่
ُس ْب َحا َن َر ِّب َي ا ْلأَ ْعل َي َو ِّب َح ْم ِّد ِّهซุบฮานะร๊อบบิยัลอะอฺลาวะบิฮัมดิฮิ : มหาบริสุทธิ์แด่ผู้อภิบาล
ของฉนั ผูท้ รงสูงส่งย่งิ และด้วยการสรรเสรญิ พระองค์นน้ั (ข้าพเจา้ ทาการสดดุ ี)
اَللهُ أَ ْك َب ُرอลั ลอฮุอักบรั : อัลเลาะฮท์ รงย่งิ ใหญ่
น่งั ระหว่างสองซูยุด
َر ِّب إ ْغ ِّف ْر ِّل ْي َوأ ْر َح ْمنِّ ْي َوا ْجبُ ْر ِّن ْي َوأ ْرفَ ْع ِّن ْي َوأ ْر ُز ْق ِّن ْي َوا ْه ِّد ِّن ْي َوأ ْع ُف َع ِّن ْي
๓๓
"ขา้ แดผ่ ู้อภิบาลของฉัน โปรดทรงอภัยแก่ฉนั โปรดทรงเมตตาฉนั โปรดทรงใหเ้ พียงพอแก่ฉัน โปรด
ทรงยกฐานนั ดรแกฉ่ ันโปรดทรงประทานปจั จยั ยงั ชพี แก่ฉัน โปรดทรงช้ีนาฉันและโปรดทรงปกป้อง
ฉนั (จากบะลอของโลกน้ีและโลกหน้า)"
اَللهُ أَ ْكبَ ُرอัลลอฮุอักบัร : อลั เลาะฮ์ทรงย่งิ ใหญ่
อัตตะชะฮดุ : َا َلو َع َّصللَ ََيوا ِّعُبَتا ِّادلال َّطل ِّيِّهبَاال ُت َِّّصلالِّلِّه ِّحَاْيل َن َّس َلَأا ْشُم َهدُ َع ََلأ ْي َّن َك َل َأا ُّي ِّإ َهَلاه ا ْل ُمبَا َر
ُُا ِّإللنَّ َّاِّب اُّيلل ُهَو ََور َأ ْ ْحش ََمهةد َكا ُت َال َّس َلا ُم َالتَّ ِّحيَّا ُت
ِّالله ُم َح ُّمداً َر ُس ْو ُل َعلَ ْي َنا َُو َب َر َكاتُه
َأ َّن
ِّالله "คาคารวะตา่ ง ๆ ทม่ี ีมงคลและละหมาดตา่ ง ๆ ที่ดีนน้ั เปน็ สทิ ธิ์แด่อัลเลาะฮ์ขอความสันติ
ของมีแด่ท่าน โอ้ ท่านผู้เป็นนบีรวมทั้งความเมตตาของอัลเลาะฮ์ และความเพ่ิมพูนของพระองค์
ขอความสันติจงมีแด่เราแด่บ่าวของอัลเลาะฮ์ท่ีมีคุณธรรม ข้าพเจ้าขอปฏิญาณว่าแท้จริงไม่มี
พระเจ้าอ่ืนใดที่ถูกราบไว้โดยเท่ียงแท้เว้นแต่อัลเลาะฮ์และข้าพเจ้าขอปฏิญาณว่าแท้จริงมุฮัมมัด
เปน็ ศาสนทูตของอลั เลาะฮ์"
ซอลาวาต
َأ ِّل ِّإ ْب َرا ِّه ْي َم َأُم ِّلَح َّمُم ٍد َح ََّكم ٍَدما َكَباَماَر ْك َصَلَّت ْي َعَتل َي َعلِّإ ْب َي َر ِّإا ْب ِّه َْيار ْلاَمعَِّهاَ ْيولَ َِّممَعْيلَوَنَي َعِّإلأَنَّ َِّلَيك َاَوللََّباُه ِّ َّمر ْك َص َعِّلل َي َعل ُم َي َح َُّمم ٍد َح ََّمو ٍد َعلَو َي َعلأَ َِّيل
ِّإ ْب َرا ِّه ْي َم ِّفى
ٌَح ِّم ْيدٌ َم ِّج ْيد
ข้าแด่อัลเลาะฮ์ ได้โปรดประทานความเมตตา พร้อมด้วยความยกย่องแก่มุฮามัดแก่
วงศ์วานของมุฮัมมัดเหมือนกับท่ีพระองค์ได้ประทานความเมตตาพร้อมด้วยความยกย่องแก่
อิบรอฮีมและแก่วงศ์วานของอิบรอฮีม และได้โปรดประทานความเพ่ิมพูนแก่มุฮัมมัดและแก่
วงศ์วานข องมุฮัมมัดเหมือนกั บท่ีพระองค์ไ ด้ประ ทานความเพ่ิมพูนแก่ อิบรอฮี มและวงศ์วาน
ของอิบรอฮีมในสากลโลก แนแ่ ทพ้ ระองคน์ นั้ ควรแกก่ ารสรรเสริญและใหเ้ กยี รต"ิ
ِّ اَل َّس َلا ُم َع َل ْي ُك ْم َو َر ْح َمةُ اللهอัสลามุอะลัยกุ้มวะเราะห์มะตุลลอฮ์ :ขอความสันติ จงมีแด่พวก
ท่านและความเมตตาของอัลเลาะฮ์ (ก็จงประสบแดพ่ วกท่าน)
๓๔
พุทธศาสนา หากเทียบกับการละหมาด (ละหมาด คือการนมัสการพระเจ้า อันเป็น
ศาสนกิจอย่างหนึ่งในศาสนาอิสลาม เพ่ือแสดงถึงความเคารพสักการะ ความขอบคุณ และความ
ภักดีต่ออัลลอฮ์ โดยท่ัวไปการละหมาดคือการขอพร ส่วนทางศาสนาหมายถึงการกล่าวและการ
กระทาการละหมาดจะกระทา 5 เวลา) คอื การสวดมนต์ ซึ่งพุทธศาสนา ในกลุ่มพระภิกษุ-สามเณร
เรียกว่า “ทาวัตรเช้า” “ทาวัตรเย็น” หรือการสวดมนต์ น่ันเอง ส่วนฆราวาสไม่มีข้อกาหนดการ
สวดมนต์ แต่มักนาวิธีปฏิบัติของพระมาประยุกต์ใช้ หรือเรียกว่า การสวดมนต์เช้าและการ
สวดมนต์เยน็ หากศาสนาอิสลามมีคากลา่ วในการละหมาดในการสรรเสริญพระเจ้า ในศาสนาพุทธ
ก็มีบทสวดสรรเสรญิ พระรัตนไตรเช่นกนั ดงั นี้
ท่มี า https://dhamma01.blogspot.com/2016/03/blog-post_70.html
บทสวดอติ ปิ โิ ส0
บทสวดอิติปิโส เป็นคาแรกในบทสวดมนต์ ซ่ึงเรียกว่า บทสวดสรรเสริญพระรัตนตรัย
ประกอบด้วยความ 3 ท่อน คือ บทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณและพระสังฆคุณ
บทสวดน้ีเป็นการรวมเอาถ้อยคาสาคัญๆ มา รวมไว้ ซึ่งเช่ือว่าสวดแล้วนอกจากทาให้ใจสงบ
เม่ือมีใจสงบก็ย่อมมีสติ มีปัญหาอะไรก็ย่อมแก้ไขได้ไม่ยาก เป็นเหตุให้มีพุทธคุณ พระธรรมคุณ
สังฆคณุ ประการต่างๆ ซ่ึงบทสวดมนต์อิติปิโส มักจะมีสวดบทอ่ืนๆ ตามหลัง ได้แก่ อิติปิโส พาหุง
หรือ สวดอิติปิโส นพเคราะห์ บ้างก็สวดเท่าอายุ หรือ ใช้บทสวดอิติปิโส ถอยหลัง หรือบทอื่นๆ
ตามอัธยาศัย ภายหลังจากการสวดมนต์ บางคนอาจปฏิบัติธรรม ซ่ึงคนทั่วไปมักเรียกว่า การทา
สมาธิ หรือการน่งั สมาธิ เมอื่ เสร็จสิน้ การทาสมาธิ จะเปน็ บทสวดเกี่ยวกบั การแผ่เมตตา
๓๕
บทสรรเสริญพระพุทธคุณ “อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัม
ปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะ
วาต.ิ ”
บทสรรเสริญพระธรรมคุณ “สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัส
สิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตพั โพ วิญญูฮีติ.”
บทสรรเสริญพระสังฆคุณ “สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะ
วะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ ยะททิ งั จตั ตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหเุ นยโย ทักขเิ ณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนตุ ตะรัง ปุญญกั เขตตงั โลกสั สาติ.”
ทีม่ า https://www.winnews.tv/news/21521
คาแปลบทสรรเสริญพระพทุ ธคณุ พระธรรมคุณและพระสังฆคณุ
บทสรรเสรญิ พระพทุ ธคณุ “อิตปิ ิ โส ภะคะวา (เพราะเหตุอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น)
อะระหัง (เป็นผไู้ กลจากกเิ ลส) สมั มาสัมพทุ โธ (เปน็ ผูต้ รัสร้ชู อบโดยพระองค์เอง) วิชชาจะระณะสัม
ปันโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ) สุคะโต (เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี) โลกะวิทู (เป็นผู้รู้โลก
อยา่ งแจ่มแจง้ ) อะนุตตะโร ปรุ ิสะทมั มะสาระถิ (เป็นผ้สู ามารถฝกึ บรุ ษุ ทส่ี มควรฝึกได้ อย่างไม่มีใคร
ย่ิงกว่า) สัตถา เทวะมนุสสานัง (เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย) พุทโธ (เป็นผู้รู้ ผู้ต่ืน
ผู้เบิกบานด้วยธรรม) ภะคะวาติ. (เป็นผมู้ คี วามจาเริญจาแนกธรรมสัง่ สอนสตั ว์ ดังน้)ี ”
๓๖
บทสรรเสริญพระธรรมคุณ “สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม (พระธรรม เป็นส่ิงที่พระผู้มี
พระภาคเจา้ ตรัสไวด้ แี ลว้ ) สันทฏิ ฐโิ ก (เปน็ สง่ิ ท่ผี ศู้ กึ ษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง) อะกาลิโก
(เปน็ สง่ิ ทป่ี ฏบิ ตั ิได้ และใหผ้ ลไดไ้ มจ่ ากัดกาล) เอหปิ ัสสโิ ก (เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมา
ดูเถิด) โอปะนะยิโก (เป็นส่ิงท่ีควรน้อมเข้ามาใส่ตัว) ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ. (เป็นสิ่งท่ีผู้รู้
พึงรไู้ ด้เฉพาะตน ดงั น้ี ฯ)”
บทสรรเสริญพระสังฆคุณ “สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ (สงฆ์สาวกของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว) อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ (สงฆ์สาวกของ
พระผู้มพี ระภาคเจ้าหมูใ่ ด ปฏิบัติตรงแล้ว) ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ (สงฆ์สาวก
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเคร่ืองออกจากทุกข์แล้ว) สามีจิปะฏิปันโน
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ (สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว) ยะทิทัง
(ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ) จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา (คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้
แปดบุรษุ ) เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ (นัน่ แหละ สงฆส์ าวกของพระผมู้ ีพระภาคเจ้า) อาหุเนย
โย (เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานามาบูชา) ปาหุเนยโย (เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ) ทักขิ
เณยโย (เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน) อัญชะลีกะระณีโย (เป็นผู้ที่บุคคลท่ัวไปควรทาอัญชลี) อะนุต
ตะรัง ปญุ ญกั เขตตัง โลกสั สาต.ิ (เป็นเน้ือนาบญุ ของโลก ไมม่ นี าบุญอนื่ ยงิ่ กวา่ ดังน)ี้ ”
ทมี่ า https://www.youtube.com/watch?v=tCUNP1rweAU
ศาสนกิจอย่างหน่ึงในศาสนาอิสลามมีเวลาละหมาด 5 เวลาต่อวัน เป็นการแสดงออกถึง
ความเคารพต่ออัลลอฮฺ ท้ังทางร่างกายและจิตใจด้วยความสงบและความสารวม อีกทั้งยังนับว่า
เป็นศาสนกิจประจาวันที่สาคัญท่ีสุดในศาสนาอิสลามด้วย ส่วนศาสนกิจในศาสนาพุทธก็คือ
๓๗
การสวดมนต์ แต่ไม่มีข้อกาหนดว่าจะต้องสวดมนต์วันละก่ีเวลา หากจะมีการสวดมนต์ ข้ันตอน
พิธีการก็ไม่ต่างจากศาสนาอิสลาม น่ันคือ การชาระร่างกายก่อนสวดมนต์ การสวดมนต์ใน
พุทธศาสนาก็มีการใช้บทสวดมนต์ในหลายวาระท้ังในงานมงคลและอวมงคลเช่นกัน ประเด็น
ท่ีน่าสนใจในเชิงศาสนากับอาชญาวิทยา คือความสัมพันธ์ของศาสนากับการเกิดก่ออาชญากรรม
ว่าจะเปน็ อย่างไร
ทีม่ า http://sinsae.com/ ทม่ี า https://board.postjung.com/589705
ท่ีมา https://yala-patani-naratiwat.blogspot.com/2019/03/blog-post_12.html
๓๘
อ้างองิ
1 อสิ เรศ (มูฮมั หมดั อัศมี่) มะหะหมดั . ม.ป.พ. อสิ ลามเบ้ืองต้น. เข้าถึงขอ้ มูลไดจ้ าก https://
islamicfinancethai.com/ วนั ทส่ี ืบค้นขอ้ มลู 14 ตุลาคม 2565.
2 วิกิพเี ดยี สารานุกรมเสร.ี 2565. หลกั การอสิ ลาม. เข้าถงึ ข้อมูลไดจ้ าก https://th.wikipedia.
org/wiki/ วนั ทีส่ บื คน้ ข้อมูล 14 ตลุ าคม 2565.
2 มัสยดิ ฮิดายาตดุ ดีนยี ะฮ์ บา้ นเกาะใหญ่ ตาบลทุ่งนุ้ย อาเภอควนกาหลง จงั หวดั สตลู . 2552.
หลักปฏบิ ตั ิ (รกู น่ อสิ ลาม) 5 ประการ. เข้าถงึ ขอ้ มูลไดจ้ าก https://www.masjidhidayah.
com/?p=60 วนั ทสี่ ืบค้นข้อมลู 14 ตลุ าคม 2565.
3 สมาน มาลพี นั ธ.ุ์ ม.ป.พ. การละหมาด. เข้าถึงขอ้ มูลไดจ้ าก https://www.islammore.com/
view/605 วนั ที่สืบคน้ ข้อมลู 14 ตลุ าคม 2565.
4 Halal Thailand. ม.ป.พ. ขน้ั ตอนการละหมาดตา่ ง ๆ คากลา่ วพร้อมกบั คาเนียต. เข้าถงึ ข้อมูล
ไดจ้ าก https://www.halalthailand.com/article/339 วนั ท่สี ืบค้นข้อมลู 14 ตุลาคม
2565.
5 Muslimthaipost. ม.ป.พ. ละหมาดสนุ ตั 25 ประเภท มีอะไรบา้ ง? เขา้ ถึงข้อมูลไดจ้ าก
https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/23584 วันทีส่ ืบค้นข้อมูล 14 ตุลาคม
2565.
6 Muslimthaipost. ม.ป.พ. คาแปลบทละหมาด. เขา้ ถงึ ข้อมูลได้จาก https://islamhouse.
muslimthaipost.com/article/19769 วันที่สืบคน้ ข้อมลู 14 ตลุ าคม 2565.
7 โสฬส. ม.ป.พ. บทสวดอิติปิโส บชู าพระรตั นตรยั – วธิ สี วดพร้อมคาแปล สวดมนต์ไปด้วยกนั กบั
โสฬส (บทสรรเสริญ พระพุทธคณุ พระธรรมคณุ และพระสังฆคณุ ). เขา้ ถงึ ข้อมูลได้จาก
https://so-lot.com/itti-piso/#:~:text= วนั ทส่ี ืบค้นขอ้ มลู 14 ตุลาคม 2565.