พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทย
ก่อนสมัยรัตนโกสินทร์
และสมัยรัตนโกสินทร์
จัดทำโดย
นางสาวณัฐมนน์ บารมีพิทยาธรณ์ ม.4/7 เลขที่39
ส มั ย สุ โ ข ทั ย หน้า 1
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช หรือ ขุนรามราช หรือ พระบาทกมรเตงอัญศรีรามราช
เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 3 ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์กับนางเสืองในราชวงศ์
พระร่วงแห่งราชอาณาจักรสุโขทัย
เสวยราชย์ประมาณ พ.ศ. 1822 ถึงประมาณ พ.ศ. 1842
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของไทยที่ได้รับการยกย่องเป็น "มหาราช"
ด้วยทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันทรงคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน ทรงรวบรวม
อาณาจักรไทยจนเป็นปึกแผ่นกว้างขวาง ทั้งยังได้ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไทยขึ้น
ทำให้ชาติไทยได้สะสมความรู้ทางศิลปะ วัฒนธรรม และวิชาการต่าง ๆ สืบทอดกัน
มากกว่าเจ็ดร้อยปี
ส มั ย สุ โ ข ทั ย หน้า 2
01 พระราชกรณียกิจ
ด้านการเมืองการปครอง
พระองค์ทรงใช้รูปแบบการปกครองแบบพ่อปกครองลูก พระองค์ทรง
ดูแลเอาใจใส่ในทุกข์สุขของราษฎร์เหมือนพระองค์เป็นพ่อ ส่วนราษฎร
หรือไพร่ฟ้าคือลูก เมื่อราษฎรมีเรื่องเดือดร้อนก็ให้มาสั่นกระดิ่งที่หน้า
ประตูวังแล้วพระองค์ก็จะเสด็จออกมารับฟังเรื่องราวเพื่อทรงตัดสิน
ปัญหาด้วยพระองค์เอง นอกจากนี้พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงทำ
สงครามขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวางมากกว่าพระมหากษัตริย์
พระองค์ใดในสมัยสุโขทัย และ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชยังทรงใช้
พุทธศาสนาเป็นเครื่องช่วยในการปกครองโดยได้ทรงสร้าง
"พระแท่นมนังคศิลาบาตร" ขึ้นไว้กลางดงตาลเพื่อให้พระเถรานุเถระ
แสดงพระธรรมเทศนาแก่ประชาชนในวันพระ ส่วนวันธรรมดาพระองค์จะ
เสด็จประทับเป็นประธานให้เจ้านายและข้าราชการปรึกษาราชการร่วมกัน
พระแท่นมนังคศิลาบาตร
ส มั ย สุ โ ข ทั ย หน้า 3
02 พระราชกรณียกิจ
ด้านเศรฐกิจและการค้า
ทรงส่งเสริมการค้าขายอย่างเสรีภายในราชอาณาจักรด้วยการไม่เก็บภาษี
ผ่านด่านหรือ “จกอบ” (จังกอบ) จากบรรดาพ่อค้าที่เข้ามาค้าขายในกรุง
สุโขทัย ดังคำจารึกบนศิลาจารึกว่า "เจ้าเมือง บ่เอาจกอบในไพร่ลู่ทาง"
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่ปรากฏว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงส่ง
เสริมให้ชาวสุโขทัยนิยมการค้าขายนั้น ปรากฏตามศิลาจารึกตอนหนึ่งว่า
"เพื่อนจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจะใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า
ใครจักใคร่ค้าเงือนค้าทองค้า" อันเป็นการแสดงให้เห็นว่า ทรงเปิดเสรีทุก
ประการในการค้าขายทำให้การค้าขายขยายออกไปอย่างกว้างขวางจน
ปรากฏแหล่งการค้าสำคัญในสุโขทัยได้แก่ "ตลาดปสาน" จากศิลาจารึก
กล่าวว่า "เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัย มีตลาดปสาน"
ในด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงเจริญ
สัมพันธไมตรีกับมหาอำนาจอย่าง "จีน" โดยนอกจากการเพิ่มพูน
สัมพันธไมตรีตามปกติแล้ว ยังโปรดให้นำช่างจากชาวจีนมาเพื่อก่อตั้ง
โรงงานตั้งเตาทำถ้วยชามทั้งเพื่อใช้ในประเทศ และสามารถส่งออกไปยัง
ประเทศใกล้เคียงได้ด้วย ถ้วยชามที่ผลิตในยุคนี้เรียกว่า "ชามสังคโลก"
ส มั ย สุ โ ข ทั ย หน้า 4
พระราชกรณียกิจ
03 ด้านศาสนาและวัฒนธรรม
- อาณาจักรล้านนา
อาณาจักรสุโขทัยกับอาณาจักรล้านนา มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ตลอดมา โดยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงเป็นพระสหายสนิทกับ
พญามังรายมหาราชแห่งอาณาจักรล้านนา จะเห็นได้จากพ่อขุน
รามคำแหงมหาราช และ พญางำเมืองแห่งเมืองพะเยา ทรงช่วยพญามัง
รายเลือกชัยภูมิที่เหมาะสมในการสร้างเมืองเชียงใหม่ซึ่งเป็นศูนย์กลาง
การเมืองการปกครองของอาณาจักรล้านนา
- แคว้นนครศรีธรรมราช
ความสัมพันธ์กับแคว้นนครศรีธรรมราช จะเน้นในเรื่อง
พระพุทธศาสนาโดยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงนิมนต์พระสงฆ์จาก
เมืองนครศรีธรรมราชขึ้นไปสั่งสอนลัทธิลังกาวงศ์ที่อาณาจักรสุโขทัย
ทุกๆวันธรรมสวนะ
ส มั ย สุ โ ข ทั ย หน้า 5
พระราชกรณียกิจ
04 ด้านศิลปวัฒนธรรม
ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไทยที่มีชื่อว่า "ลายสือไทย" ขึ้น สันนิษฐานว่า
ดัดแปลง มาจาก อักษรขอมหวัดและมอญโบราณเมื่อประดิษฐ์ตัวอักษร
ไทยขึ้นแล้ว ทรงโปรดเกล้าฯให้จารึกตัวอักษรบนหลักศิลาจารึกหลักที่ ๑
นับเป็นหลักฐานที่สำคัญในการศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์สมัย
สุโขทัย ทรงอาราธนาพระสงฆ์จากเมืองนครศรีธรรมราช ที่กลับจากการ
ไปศึกษาพระพุทธศาสนาจากลังกามาสอนพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์
ที่กรุงสุโขทัย โดยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงสร้าง
พระแท่นมนังคศิลาบาตร ไว้กลางดงตาล อยู่ภายในกำแพงเมืองสุโขทัย
ในวันธรรมสวนะโปรดเกล้าฯให้พระสงฆ์แสดงธรรมแก่ประชาชน
ศิลาจารึกหลักที่ 1
ลายสือไทย
ส มั ย รั ต น โ ก สิ น ท ร์ หน้า 6
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
รัชกาลที่ 2
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ 2
แห่งราชวงศ์จักรี ทรงประสูติเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ตรงกับวันพุธ
มีพระนามเดิมว่า "ฉิม" พระองค์ทรงเป็นพระบรมราชโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ส มั ย รั ต น โ ก สิ น ท ร์ หน้า 7
01 พระราชกรณียกิจ
ด้านการเมืองการปครอง
ทรงตรากฎหมายห้ามสูบซื้อขายฝิ่นใน พ.ศ.2354 และ พ.ศ.2362
โดยกำหนดบทลงโทษแก่ผู้สูบฝิ่นไว้อย่างหนัก
ทรงปรับปรุงกฎหมายพระราชกำหนดสักเลกเมื่อ พ.ศ. 2353 เพื่อ
เรียกเกณฑ์ไพร่พลเข้ารับราชการ โดยลดเวลาให้ไพร่มารับราชการเพียง
3 เดือน ทำให้ไพร่มีเวลาทำมาหากินส่วนตัวมากขึ้น
02 ด้านเศรฐกิจและการค้า
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงประกอบพระราชกรณียกิจ
ด้านเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือการรวบรวมรายได้จาการค้ากับต่างประเทศ
ซึ่งในสมัยนี้ได้มีการเรียกเก็บภาษีอากรแบบใหม่คือการเดินสวนและการ
เดินนา การเดินสวนเป็นการแต่งตั้งเจ้าพนักงานไปสำรวจพื้นที่เพาะปลูก
ของราษฎร เพื่อคิดอัตราเสียภาษีอากรที่ถูกต้องทำให้เกิดความยุติธรรม
แก่เจ้าของสวน ส่วนการเดินนาคล้ายกับการเดินสวน แต่ให้เก็บหางข้าว
แทนแทนการเก็บภาษีอากร
ส มั ย รั ต น โ ก สิ น ท ร์ หน้า 8
03 พระราชกรณียกิจ
ด้านการเมืองการปครอง
ทรงตรากฎหมายห้ามสูบซื้อขายฝิ่นใน พ.ศ. 2354 และ พ.ศ.2362
โดยกำหนดบทลงโทษแก่ผู้สูบฝิ่นไว้อย่างหนัก
ทรงปรับปรุงกฎหมายพระราชกำหนดสักเลกเมื่อ พ.ศ. 2353 เพื่อ
เรียกเกณฑ์ไพร่พลเข้ารับราชการ โดยลดเวลาให้ไพร่มารับราชการเพียง
3 เดือน ทำให้ไพร่มีเวลาทำมาหากินส่วนตัวมากขึ้น
04 ด้านศิลปกรรมและวรรณกรรม
ทรงปรับปรุงท่ารำต่าง ๆ ทั้งโขนและละคร ซึ่งกลายเป็นต้นแบบมาถึง
ปัจจุบัน ทรงประพันธ์เพลง “บุหลันลอยเลื่อน” หรือ “บุหลันลอยฟ้า”
ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมมากมาย เช่น ขุนช้างขุนแผน คาวี
สังข์ทอง อิเหนา
ทรงแกะสลักบานประตูวิหารพระศรีศากยมุนี ที่วัดสุทัศนเทพวราราม
ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร