2 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม คำนำ ตามที่ จังหวัดนครพนม ได้มีคําสั่งแต่งตั้งคณะทํางานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ในการลงพื้นที่เยี่ยมเสริมพลัง พชอ. ในรูปแบบทีมคณะทํางาน พชจ.ขึ้นในระหว่างวันที่ 10, 18, 24, 25 เมษายน และ 10, 11 พฤษภาคม 2566 ทุกอําเภอ จํานวน 12 อําเภอ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้เยี่ยมและผู้ปฏิบัติงานพัฒนางาน พชอ. เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน ทั้งนี้เพื่อค้นหาความสําเร็จ ปัญหาอุปสรรค เรื่องที่พื้นที่ภาคภูมิใจ ในการปฏิบัติงานและมองเห็นคุณค่าของตนเองในการทํางาน พชอ.พร้อมทั้งสร้างขวัญกําลังใจในการปฏิบัติงานของ ผู้ปฏิบัติงาน พชอ.ซึ่งจาการลงพื้นที่เยี่ยมเสริมพลัง โดยคณะทํางานนั้นพบว่า ประเด็นปัญหาในแต่ละ พชอ. เป็น ปัญหาที่สําคัญของพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง และมีกระบวนการในการดําเนินการแก้ไขและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านรูปแบบการทํางานของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ (พชอ.) ที่เกิดจากพลังและความร่วมมือ ของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน จนก่อให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่สําคัญนําไปสู่รูปแบบและ กระบวนการเด่น ผลงานเด่นของพื้นที่ ที่สามารถนํามาเป็นรูปแบบในการจัดการและแก้ไขปัญหาการลงพื้นที่เยี่ยม เสริมพลัง พชอ. ในรูปแบบทีมคณะทํางาน พชจ.ในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณคณะทํางานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ ทุกอําเภอ ที่ได้ให้การต้อนรับและนําเสนอผลการดําเนินงานตลอดจน ปัญหาอุปสรรค ที่ทําให้คณะทํางานพัฒนา คุณภาพชีวิตระดับจังหวัด นํามาวิเคราะห์และหาแนวทางในการสนับสนุนแก้ไขให้กับพื้นที่ในการทํางานในปีต่อไป คณะทํางานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม มิถุนายน 2566
3 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม สารบัญ หัวข้อ หน้า 1. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอนาแก 4 2. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอเรณูนคร 11 3. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอธาตุพนม 16 4. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอปลาปาก 25 5. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอเมืองนครพนม 31 6. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอท่าอุเทน 35 7. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอโพนสวรรค์ 42 8. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอบ้านแพง 49 9. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอศรีสงคราม 52 10. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอนาทม 59 11. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอหว้า 65 12. ผลการดําเนินงานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ อําเภอวังยาง 69 13. สรุปการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอจังหวัด 75 อ้างอิง
4 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ประธาน นายขันชัย ขันทะชา รองประธานคณะทํางานพัฒนาคุณภาพชีวิตในระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้การขับเคลื่อนการดําเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตในระดับอําเภอเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและแก้ไข ประเด็นปัญหาที่สําคัญของพื้นที่จังหวัดนครพนม ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น 2. เพื่อค้นหาความสําเร็จ ปัญหาอุปสรรค และเรื่องที่พื้นที่ภาคภูมิใจ 3. เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมองเห็นคุณค่าของตนเองในการทํางาน พชอ. 4. เพื่อสร้างขวัญกําลังใจในการปฏิบัติงาน ของผู้ปฏิบัติงาน พชอ. ทีมเยี่ยมเสริมพลัง ประกอบด้วย คณะดําเนินงาน พัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ผู้เข้าประชุม ประกอบด้วย คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ (พชอ.) ทุกอําเภอในจังหวัดนครพนม สรุปรายงานดังนี้ บริบท อําเภอนาแกเดิมชื่อ “เมืองกบิล” ซึ่งถูกข้าศึกรุกรานและกวาดต้อนราษฎรจนหมดสิ้น กลายเป็นเมืองร้าง ต่อมาถึงมีชนกลุ่มหนึ่ง อพยพมาจากประเทศลาว มีนายเพีย ตาดูด เป็นหัวหน้า ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณบ้านต้นแหน หมู่ที่ 1 ตําบลนาแก ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกและเป็นเมืองใหญ่ บึงน้ำ เต็มไปด้วยต้นสะแกจึงตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า “นาแก” มีเนื้อที่/พื้นที่ 660 ตร.กม. อาชีพหลัก ได้แก่ ทํานา อาชีพเสริม ได้แก่ ทําสวนยางพาราจํานวนประชากรทั้งสิ้น รวม 76,529 คน แบ่งเป็น จํานวนประชากรชาย รวม 37,835 คน จํานวนประชากรหญิง รวม 38,694 คน จำนวนครัวเรือน 21,564 หลังคาเรือน สรุปการเยี่ยมเสริมพลัง พชอ. ในรูปแบบทีมคณะทํางาน พชจ. ปีงบประมาณ 2566 จังหวัดนครพนม ระหว่างวันที่10, 18, 24, 25 เมษายน และ 10, 11 พฤษภาคม 2566 ส่วนที่1 อําเภอนาแก
5 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ➢ การแก้ไขปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อม ➢ การแก้ไขปัญหาผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงทุกกลุ่มวัย ➢ การป้องกันควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ➢ การแก้ปัญหาลดภาวะการคลอดก่อนกำหนด เป้าหมาย อำเภอนาแกมีการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมน่าอยู่ หน้าบ้านสวย หลังบ้านสวน ในบ้านสะอาด ชุมชน ปราศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ตัวชี้วัด 1. ร้อยละ 60 ของครัวเรือนมีการจัดหน้าบ้านสวย หลังบ้านสวน ในบ้านสะอาด 2. ร้อยละ 100 ของประชาชนปลอดภัยจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) การดำเนินงานการแก้ไขปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อม 1. มีจัดทําถังขยะเปียก ลดโลกร้อน ครบทุกครัวเรือน (100%) 2. ประชาชนมีการคัดแยกขยะในครัวเรือน นำขยะมาใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมและเป็นระบบ และจัดสิ่งแวดล้อมน่าอยู่ มีการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง และสามารถนำขยะเข้ามาใช้ได้อีกใน อนาคต 3 .นักเรียน ผู้นำชุมชน ประชาชนในชุมชนรู้จักและเข้าเข้าใจการจัดการขยะ และจัดสิ่งแวดล้อมหน้าบ้านสวย หลังบ้านสวน ในบ้านสะอาด ส่วนที่ 3 ประเด็นที่ 1 การแก้ไขปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อม ส่วนที่2 ประเด็นปัญหาของอําเภอนาแก
6 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม 4. ดำเนินการ การบริหารจัดการ สร้างกลไก และพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยการบูรณาการ และมีส่วนร่วมของ ทุกภาคส่วน 5. การขับเคลื่อนส่งเสริมพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมน่าอยู่ หน้าบ้านสวย หลังบ้านสวน ในบ้านสะอาด และส่งเสริมให้เป็นแหล่งเรียนรู้ 6. จัดการประกวดหมู่บ้านหน้าบ้านสวย หลังบ้านสวน ในบ้านสะอาด ระดับตำบล ระดับอำเภอ (หนึ่งหมู่บ้านหนึ่งตำบลหน้าบ้านสวย หลังบ้านสวน ในบ้านสะอาด) การดำเนินการป้องกันสุขภาพประชาชนจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) 1. ติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศอยู่เสมอเพื่อดูแลสุขภาพตนเอง 2. งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง เช่น การงดสูบบุหรี่ งดการเผาในที่โล่งแจ้ง ฯลฯ 3. หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านหรืออาคาร 4. สวมใส่หน้ากากอนามัยชนิดป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก (N95) เมื่ออยู่นอกอาคารหรืออยู่ในบริเวณที่มี ปริมาณฝุ่นละอองสูง 5. กลุ่มเสี่ยงควรงดออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง ควรจัดเตรียมยาหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมเสม อ ปิดประตู หน้าต่าง ไม่ให้ฝุ่นละอองเข้ามาภายในอาคาร ทำความสะอาดภายในอาคารด้วยการเช็ด ถู เป้าหมาย อำเภอนาแกมีการดูแลกลุ่มผู้มีภาวะพึ่งพิงจากกลุ่มติดเตียงเป็นติดบ้าน/ติดบ้านเป็นติดสังคมเพิ่มขึ้น ส่วนที่ 4 ประเด็นที่ 2 การแก้ไขปัญหาผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงทุกกลุ่มวัย
7 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ตัวชี้วัด ร้อยละ 100 ของผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแลตาม care plan ข้อมูลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงทุกกลุ่มวัย สถานะสถานะ จำนวน (คน) (คน) -ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงทั้งหมด (LTC) 1001 -ติดบ้าน 710 -ติดเตียง 146 -พิการ 588 การดำเนินงานดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงทุกกลุ่มวัย 1. จัดทำแผนการดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิงรายบุคคล (Care Plan) ร้อยละ 100 2. ประเมินการเปลี่ยนกลุ่มผู้มีภาวะพึ่งพิงจากกลุ่มติดเตียงเป็นติดบ้าน/ติดบ้าน เป็นติดสังคมเพิ่มขึ้น 3. ผู้ดูแลผู้สูงอายุ (CG) ออกดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงรายบุคคลตามแผน
8 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม 4. ประเมินสภาพด้านที่อยู่อาศัย/สิ่งแวดล้อม เป้าหมาย อำเภอนาแกมีการพัฒนารูปแบบหมู่บ้าน/โรงเรียนปลอดพยาธิใบไม้ตับ ตัวชี้วัด 1.ร้อยละของตำบลเสี่ยงในการเฝ้าระวังป้องกันแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี(ตำบลนาคู่) 2.ร้อยละของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจอุจาระคัดกรองพยาธิใบไม้ตับ 3.ร้อยละประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป ตรวจอัลตราซาวด์คัดกรองมะเร็งท่อน้ำดี การดำเนินงานแก้ไขปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ➢ (ตำบลนาคู่) การพัฒนารูปแบบหมู่บ้าน/โรงเรียนปลอดพยาธิใบไม้ตับ 1. ออกและบังคับใช้ ข้อบัญญัติเทศบัญญัติ/หรือมาตรการทางสังคม ในการจัดการสิ่งแวดล้อม สิ่งปฏิกูล จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในโรงเรียน 2. คัดกรองพยาธิใบไม้ตับ โดยการตรวจอุจจาระ ในประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป รักษา และปรับเปลี่ยน พฤติกรรมทุกรายที่ติดโรค 3. คัดกรองมะเร็งท่อน้ำดีด้วยวิธีอัลตราซาวด์ ในประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป หากสงสัยมะเร็งท่อน้ำดีส่งต่อเพื่อ การรักษา ตรวจ CT หรือ MRI ต่อไป 4. การผ่าตัดหรือรักษาแบบประคับประคองผู้ป่วยที่ ได้รับการวินิจฉัยมะเร็งท่อน้ำดีและให้การดูแล Palliative care ในผู้ป่วยระยะสุดท้าย 5. จัดกิจกรรมรณรงค์และ สร้างกระแสสังคมในการลด เลิก การบริโภคอาหารเมนูปลาปรุงดิบ ➢ 11 ตำบล ส่วนที่ 5 ประเด็นที่ 3 การแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี
9 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม 1. ออกและบังคับใช้ ข้อบัญญัติ เทศบัญญัติ/หรือมาตรการทางสังคม ในการจัดการสิ่งแวดล้อม/สิ่งปฏิกูล จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในโรงเรียน 2. จัดกิจกรรมรณรงค์และ สร้างกระแสสังคมในการลด เลิก การบริโภคอาหารเมนูปลาปรุงดิบ 3. อปท.มีการบริหารจัดการสิ่งปฏิกูลในพื้นที่ (บ่อบำบัดสิ่งปฏิกูล) 4. มีการใช้แอปพลิเคชั่น ผ่อดีดี (PODD) เฝ้าระวังสุขภาพ คน สัตว์ สิ่งแวดล้อม ภัยธรรมช่ติและสาธารณภัย เป้าหมาย อำเภอนาแกมีภาวะคลอดก่อนกำหนดลดลง ภายในปี 2566 ตัวชี้วัด ลดอัตราการเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดในหญิงตั้งครรภ์ อย่างน้อย ร้อยละ 50 ภายในปี 2566 ส่วนที่ 5 ประเด็นที่ 3 การแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี
10 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม การดำเนินงานลดภาวะคลอดก่อนกำหนด 1. แต่งตั้งคณะทำงานลดภาวะคลอดก่อนกำหนด 2. อบรมให้ความรู้ในการปฏิบัติตัวของหญิงตั้งครรภ์ 3. อสม.สำรวจ แนะนำคุณแม่ให้ตรวจสุขภาพก่อนที่จะตั้งครรภ์ 4. อสม.แนะนำหญิงตั้งครรภ์ ควรรีบมาฝากครรภ์ เพราะการตรวจอัลตราซาวด์ ภายใน 3 เดือนแรก จะเป็นการยืนยันอายุครรภ์ได้ดีที่สุด และถ้ารู้ตัวว่ามีความเสี่ยง 5. ติดตามหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ประมาณ 18-22 สัปดาห์ ควรทำอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด ปัญหาอุปสรรค 1. พฤติกรรม/การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร/กฎหมาย มาตรการ 2. การทิ้งขยะ/สิ่งปฏิกูล 3. การเผาตอซังข้าว เผาหญ้า/ใบไม้ 4. การบริโภคเมนูปลาดิบ 5. ความเชื่อของการรับประทานอาหาร (ขะลำ) แนวทางการพัฒนาประเด็นปัญหา พชอ. 1. การนำเสนอข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สอดคล้องกับการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมาตามช่วงของเวลา จะทำให้ทุกภาค ส่วนที่เกี่ยวข้องรับรู้เข้าใจ บทบาทหน้าที่ของตัวเอง ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของชุมชน 2. การให้ภาคเอกชน ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ทำให้เกิดการรับรู้สถานการณ์จริงของปัญหา ก่อให้เกิดการสื่อสารและสร้างความเข้าใจที่ดีในสังคม 3. พชอ.เป็นเครื่องมือที่ทำให้การทำงานง่ายขึ้น เกิดความร่วมมือของภาคีเครือข่าย 4. บทบาทของ พชอ.ที่สำคัญคือ”คืนข้อมูล สู่ชุมชน” (ชง แชร์ ชวน)
11 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม บริบท เรณูนคร เป็นอําเภอหนึ่งในจังหวัดนครพนม เดิมเป็นท้องที่ของอําเภอธาตุพนม ประกาศจัดตั้งเป็นกิ่งอําเภอ โดยแยกตําบลเรณู ตําบลโพนทอง และตําบลท่าลาด จากอําเภอธาตุพนม ในวันที่ 5 พฤษภาคมพ.ศ. 2513 และได้ยกฐานะเป็นอําเภอในวันที่ 21 สิงหาคม 2518 เมื่อ พ.ศ. 2369 (ก่อนสงครามเจ้าอนุวงศ์) ตรงกับในสมัยรัชกาล ที่ 3 ที่เมืองวังมีความวุ่นวาย เกิดขัดแย้ง ภายในของกลุ่มผู้ไท ที่มีเมืองวังเป็นเมืองหลัก ได้มีไทครัวผู้ไทกลุ่มหนึ่งอพยพ มาตั้งบ้านเรือนในฝั่งขวาแม่น้ำโขง มีนายไพร่ รวม 2,648 คน ต่อมาได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านบุ่งหวาย ในปี พ.ศ. 2373 พระสุนทรราชวงษา เจ้าเมืองยโสธร ว่าราชการอยู่เมืองนครพนมได้มีใบบอกขอตั้งบ้านดงหวายเป็น เมือง "เรณูนคร" ต่อมา ร.3 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกบ้านบุ่งหวาย ขึ้นเป็นเมืองเรณูนคร และตั้งให้ ท้าวสาย หัวหน้าไทครัวผู้ไทเป็น "พระแก้วโกมล"เจ้าเมืองเรณูนคร คนแรก ขึ้นเมืองนครพนม (ในปี พ.ศ. 2387) ซึ่งคือท้องที่อําเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนมในปัจจุบันนั่นเอง (จากเอกสาร ร.3 จ.ศ.1206 เลขที่ 58 หอสมุดแห่งชาติ) ชาวผู้ไทเรณูนคร จึงเป็นชาวผู้ไทกลุ่มแรกที่อพยพมาอยู่ในเขตฝั่งขวาแม่น้ําโขง (หมายถึงผู้ไทที่เป็นบรรพบุรุษของคนผู้ ไทในอิสานปัจจุบัน) ที่ตั้งและอาณาเขตอําเภอเรณูนครมีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับอําเภอปลาปาก อําเภอเมืองนครพนม และอําเภอธาตุพนม ทิศตะวันออก ติดต่อกับอําเภอธาตุพนม ทิศใต้ ติดต่อกับอําเภอธาตุพนม และอําเภอนาแก ทิศตะวันตก ติดต่อกับอําเภอนาแก และอําเภอปลาปาก การปกครอง 8 ตําบล 8 อบต. 1 เทศบาล 91 หมู่บ้าน ➢ การจัดการถังขยะเปียกเชิงคุณภาพ ลดโลกร้อนอำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ➢ การแก้ไขปัญหาความยากจน เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ➢ การป้องกันโรคมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี ส่วนที่1 อําเภอเรณูนคร ส่วนที่2 ประเด็นปัญหาของอําเภอเรณูนคร
12 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ตัวชี้วัด 1. ร้อยละ 100 ของครัวเรือนที่มีการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน 2. ร้อยละ 100 ของครัวเรือนที่มีการใช้ถังขยะเปียกลดโลกร้อนเป็นประจำและถูกวิธี (เทเศษอาหารพร้อมปิด ฝาและใช้ไม้พายกวนเพิ่มอากาศ) การขับเคลื่อนการดำเนินงาน 1. คณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยอำเภอจัดประชุมกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนให้แก่ผู้บริหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคประชาสังคมในพื้นที่ 2. ทีมปฏิบัติการฯ ระดับอำเภอลงพื้นที่สุ่มตรวจ (การจัดทำ/ใช้อย่างถูกวิธี/ใช้เป็นประจำ) ผลการดำเนินงาน ตัวชี้วัดที่ 1. ครัวเรือนที่มีการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ตัวชี้วัดที่ 2. ครัวเรือนที่มีการใช้ถังขยะเปียกลดโลกร้อนเป็นประจำและถูกวิธี ส่วนที่3 ประเด็นที่ 1 การจัดการถังขยะเปียกเชิงคุณภาพ ลดโลกร้อน
13 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ปัญหาอุปสรรค 1. ชุมชนเมือง ซึ่งหมายถึงครัวเรือนที่ไม่มีพื้นที่ในการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ไม่มีถังขยะเปียกรวมหรือ จุดรวบรวมขยะเปียก เพื่อนำไปกำจัดหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น 2.ในชุมชนเมืองยังมีการทิ้งขยะเปียกรวมกับขยะทั่วไป ทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แนวทางแก้ไข 1. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องจัดให้มีถังขยะเปียกรวมหรือจุดรวบรวมขยะเปียกเพื่อนำไปกำจัดหรือ นำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น ทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ เป็นต้น 2. รณรงค์และส่งเสริมสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนในการคัดแยกขยะก่อนทิ้ง สนับสนุนให้มีการจัดตั้ง ธนาคารขยะหรือตลาดนัดขยะ ทุกหมู่บ้าน/ชุมชน ตัวชี้วัด 1. ร้อยละ 100 ของครัวเรือนที่เป็นเป้าหมาย ได้รับการช่วยเหลือ/ดูแล ตามสภาพปัญหา 2. ร้อยละ 100 ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา การขับเคลื่อนการดำเนินงาน 1. จัดทำคำสั่งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล ในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน 2. ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานให้ คณะกรรมการ พชต.ทุกตำบลทราบ 3. ใช้เป้าหมายในการดำเนินงาน คือ ครัวเรือนเป้าหมายที่ตกเกณฑ์ ในระบบ TPMAP ปี 2565 จำนวน 1,043 ครัวเรือน (แยกรายตำบล) 4. คณะกรรมการ พชต.ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลตามกลุ่มเป้าหมาย 5. แก้ไขปัญหา/ให้การดูแลช่วยเหลือ เยี่ยมบ้าน ตามมิติและข้อที่ตกเกณฑ์ โดยการมีส่วนร่วมของภาคี เครือข่าย ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตามมิติที่ตกเกณฑ์ในแต่ละด้าน ได้แก่ มิติด้านสุขภาพ มิติด้านรายได้มิติด้านความเป็นอยู่ มิติด้านการเข้าถึงบริการภาครัฐ และมิติด้านการศึกษา 6. รายงานผลการดำเนินงานให้ คณะอนุกรรมการทราบ 7. คณะอนุกรรมการรายงานผลการดำเนินงานในระบบ https://www.tpmap.in.th/ ส่วนที่4 ประเด็นที่ 2 การแก้ไขปัญหาความยากจน เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน
14 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ครัวเรือนเป้าหมาย ตามระบบ TPMAP ปี 2565 ผลการดำเนินงาน 1. ร้อยละ 100 ของครัวเรือนที่เป็นเป้าหมาย ได้รับการช่วยเหลือ/ดูแล ตามสภาพ ปัญหา 2. ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
15 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ปัญหาอุปสรรค ปัญหาของคนทุกช่วงวัยมีหลากหลายปัญหา การแก้ปัญหาอาจจะไม่ทั่วถึงทั้งด้วยเหตุผลของตัวผู้มีปัญหาเอง และงบประมาณในการดำเนินการไม่มี แนวทางการพัฒนา ควรบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงาน - อยู่ระหว่างการดำเนินการ ปัญหาอุปสรรค ความเข้าใจกระบวนการดำเนินงานของคณะกรรมการ พชต แนวทางการพัฒนาต่อ 1. ดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ(พชอ.) ในประเด็นที่กำหนดอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะประสบ ความสำเร็จ บรรลุตามวัตถุประสงค์ 2. บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ปัจจัยแห่งความสำเร็จ 1.ความร่วมมือของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ คณะอนุกรรมการดำเนินงานพัฒนา คุณภาพชีวิตระดับอำเภอทั้ง 2 ประเด็น และภาคีเครือข่ายตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง 2.การสนับสนุนของผู้บริหาร และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่5 ประเด็นที่ 2 การแก้ไขปัญหาความยากจน เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน
16 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม . บริบท ธาตุพนมเป็นเมืองโบราณบริเวณลุ่มน้ำโขงที่มีอาณาเขตไปถึงปากเซบั้งไฟและสายภูซ้างแฮ่ ในฝั่งซ้ายแม่น้ำ โขง ทั้งครอบคลุมพื้นที่ตาลเจ็ดยอดในตัวเมืองมุกดาหาร เป็นเมืองที่มีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์โบราณคดี และศาสนาร่วมกับเมืองศรีโคตรบูรและเมืองมรุกขนคร โดยสถาปนาขึ้นก่อนสมัยพระเจ้าฟ้างุ้มมหาราชจะรวบรวม อาณาจักรล้านช้างให้เป็นปึกแผ่นในก่อน พ.ศ. 1896 หรือก่อนพุทธศตวรรษที่ 18-19 และสถาปนาก่อนเมืองนครพนม กับเมืองมุกดาหาร นับเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดในบรรดาหัวเมืองลาวแถบจังหวัดนครพนมและภาคอีสาน มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์บริเวณตําบลกุดฉิม โบราณวัตถุในอารยธรรมหินตั้ง และพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยศรีโคตรบูรหรือก่อนทวารวดีอีสานมากกว่า 10 แห่ง จนถึงหลักฐานสมัยจาม ปา ขอม และล้านช้างทั้งในตัวเมืองและปริมณฑล นักโบราณคดีและนักการศาสนา สันนิษฐานว่าธาตุพนมเป็น ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาเถรวาทที่สําคัญแห่งหนึ่งของสุวรรณภูมิและภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องจากค้นพบจารึก ใบเสมาศรีโคตรบูรที่วัดศิลามงคล ตําบลพระกลางทุ่ง ปรากฏคาถา เย ธมฺมาเช่นเดียวกับนครปฐม อู่ทอง และซับจําปา คัมภีร์อุรังคธาตุนิทานระบุถึงตํานานเมืองว่าถูกสร้างขึ้นโดยพระยา 5 นคร บางฉบับระบุว่า 6 นครหลัง การสร้างอูบมุงภูกําพร้าสําเร็จ พระยาทั้ง 5 ให้คนนําหลักหิน หินรูปอัสสมุขี หินรูปม้าวลาหก และหินรูปม้าอาชาไนมา ปักไว้ตามทิศต่าง ๆ ของอูบมุงเพื่อเป็นหลักหมายเมืองมงคลในชมพูทวีป ยุคแรกเมืองธาตุพนมประด้วยหมู่บ้านข้า โอกาส 7 แห่งและมีประชากรไม่น้อยกว่า 3,000 คน พัฒนาการความเป็นเมืองเริ่มชัดเจนมากขึ้นในสมัย พระยาสุมิตตธัมมวงศา ในสมัยล้านช้างปรากฏหมู่บ้านข้าโอกาสมากกว่า 30 แห่ง หลายแห่งตั้งอยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง แต่มีศูนย์กลางปกครองที่บ้านธาตุพนมในฝั่งขวาแม่น้ำโขง ภายในตัวเมืองมีกําแพง 3 ชั้นล้อมรอบเวียงพระธาตุ โดย มีวัดหัวเวียงรังษีตั้งอยู่ทิศหัวเมือง สันนิษฐานว่าเดิมคือวัดสวนสวัร (วัดสวรสั่งหรือวัดสมสนุก) ที่ถูกสร้าง ในสมัยล้านช้างตอนต้นตามคัมภีร์อุรังคธาตุ สมัยโบราณธาตุพนมถูกรายล้อมด้วยเวียงข้าพระธาตุ 4 แห่งคือเวียงปากเซหรือเมืองกะบอง (ปัจจุบันคือ เมืองเซบั้งไฟของลาว) เวียงปากก่ำกรรมเวรหรือเมืองปากก่ํา (ปัจจุบันคือตําบลน้ำก่ำ อําเภอธาตุพนม) เวียงขอม กระ บินหรือเมืองกบิล (ปัจจุบันคืออําเภอนาแก) และเวียงหล่มหนองหรือเมืองมรุกขนคร (ปัจจุบันคือตําบล พระกลางทุ่ง เนื่องจากเป็นเมืองที่กษัตริย์อาณาจักรศรีโคตรบูรและกษัตริย์อาณาจักรล้านช้างถวายเป็นเขตแดนกัลปนาแด่ พระธาตุพนมสืบต่อมาไม่ขาดสายนัยหนึ่งธาตุพนมมีสถานะเป็นเมืองข้าโอกาสหยาดทานหรือเมืองข้อยโอกาสเจ้านาย ปกครองเมืองจึงมีสถานะพิเศษต่างจากเจ้าเมืองทั่วไป จารึกผูกพัทธสีมาวัดพระธาตุพนมขอเจ้าพระยาจันทสุริยวงสา เจ้าเมืองมุกดาหารเรียกตําแหน่งผู้ปกครองธาตุพนมว่า ขุนโอกาส (ขุนเอากฺลาษฺ) ส่วนคัมภีร์อุรังคธาตุฉบับบ้านเชียงยืน กําแพงนครเวียงจันทน์ เมืองจันทะบูลีอย่างน้อย 2 ฉบับ เรียกว่า เจ้าโอกาส (เจ้าโอกาด) หมายถึงผู้เป็นใหญ่แห่งข้าโอกาสพระธาตุพนม สถานะดังกล่าวคล้ายตําแหน่งขุนสัจจพันธคีรีรัตนไพรวัน เจติยาสันคามวาสี นพคูหาพนมโขลน หรือ ขุนโขลน เจ้าเมืองพระพุทธบาท (เมืองสุนาปรันตประเทศ) หัวเมืองกัลปนาชั้นจัตวาของสยามสถานะเมืองคล้าย ระบบการปกครองกรุงจัมปา เมืองอุกกัฏฐะ เมืองเสตัพยะหมู่บ้านโอปาสาทะ หมู่บ้านขาณุมัต และหมู่บ้านสาลวติกา ที่พระเจ้าพิมพิสารและพระเจ้าปเสนทิโกศลพระราชทานแก่เจ้าหรือพราหมณ์ให้เป็นส่วนแห่งพรหมไทย (พรหฺมเทยฺย) ส่วนที่1 อําเภอธาตุพนม
17 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ในสมัยพุทธกาล สมัยขอมปรากฏตําแหน่งผู้ปกครองในฐานะเจ้าเมืองกัลปนาคล้ายกันคือ โขลญพล (โขฺลญฺ วล กํมฺร เตงฺ อญฺ) เช่น เมืองลวปุระ (ลพบุรี) เมืองสุกโขทัย เป็นต้นสมัยอาณาจักรล้านช้างปรากฏตําแหน่งผู้ปกครองในสถานะ เดียวกัน เช่น กวานนาเรือเมืองนาขาม เมืองหินซนและเมืองซนูแถบถ้ําสุวรรณคูหาในจังหวัดหนองบัวลําภูช่วงรัชกาล พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชมหาราช เป็นต้นบันทึกการเดินทางในลาวของเอเจียน เอมอนิเย ระบุว่าผู้ปกครองธาตุพนมมี อํานาจสิทธิ์ไม่ขึ้นกับเมืองใดและเป็นอนุชาเจ้าเมืองมุกดาหาร ใบลานพื้นเมืองเวียงจันทน์อย่างน้อย 3 ฉบับระบุว่าผู้ถูก ก ษ ั ต ร ิ ย ์ เ ว ี ย ง จ ั น ท น ์ ส ถ า ป น า ใ ห ้ ร ั ก ษ า ธ า ต ุ พ น ม เ ป ็ น ก ุ ม า ร เ ช ื ้ อ ส า ย เ ด ี ย ว กับกษัตริย์เวียงจันทน์ทั้ง 3 พระองค์คือพ่ออีหลิบ สมเด็จพระเจ้านันทเสน และสมเด็จพระเจ้าอินทวงศ์ นักวิชาการบางกลุ่มเชื่อว่าคือบ้านดอนนางหงส์ท่า) ธาตุพนมมีภูมิศาสตร์การวางผังเมืองขนานแม่น้ำโขงหัน หน้าไปทิศตะวันออกตามคติจักรวาลวิทยาในพระพุทธศาสนา ประกอบด้วยกําแพงล้อมรอบ 3 ชั้น แบ่งพื้นที่สําคัญ เป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือหัวเมืองทางทิศเหนือเป็นที่ตั้ง วัดหัวเวียง (วัดหัวเวียงรังษี) และชุมชนข้าโอกาสเดิมคือบ้านหัว บึง บ้านหนองหอย เป็นต้น ส่วนตัวเมืองคือที่ตั้งพระธาตุพนมซึ่งเป็นตัวแทนอํานาจพุทธจักร จารึกวัดพระธาตุพนม ระบุว่าวัดนี้เป็นที่ประทับของพระสังฆราชและสงฆ์ชั้นปกครองเรียกว่าเจ้าด้านทั้ง 4 นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งหอเจ้าเฮือน 3 พระองค์ตัวแทนอํานาจผีบรรพบุรุษซึ่งแต่เดิมตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นที่ตั้งบึงธาตุ ซึ่งเป็นแหล่งน้ําศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ตั้งกําแพงเมืองโบราณทิศตะวันออกริมฝั่งโขงตัวแทนอํานาจการปกครองของ อาณาจักร ส่วนทิศตะวันตกเป็นที่ตั้งชุมชนข้าโอกาสเดิมคือบ้านดอนกลางหรือบ้านดอนจัน ส่วนท้ายเมืองทางทิศใต้ เป็นที่ตั้งแม่น้ําก่ําซึ่งคัมภีร์อุรังคธาตุระบุว่าตอนใต้ลําน้ําเคยเป็นราชสํานักกษัตริย์ที่มาร่วมสร้างพระธาตุพนม ทั้งเป็นที่ตั้งชุมชนข้าโอกาสเดิมคือบ้านน้ําก่ํายาวไปถึงบังทรายและตาลเจ็ดยอดในเขตตัวเมืองพาลุกากรภูมิ และมุกดาหาร ด้านการปกครองคัมภีร์อุรังคธาตุและพื้นธาตุพนมระบุว่าเค้าอุปถากพระธาตุพนมองค์แรกคือ พระยานันทเสน กษัตริย์เมืองศรีโคตรบูร ในราวพุทธศตวรรษที่ 1-3 หรือ 3-6 จากนั้นพระองค์แต่งตั้งเจ้า 3 พี่น้องซึ่งเป็นราชนัดดาให้ปกครองข้าโอกาสพระธาตุพนมโดยแบ่งเป็น 3 กอง คือ พระยาสหัสสรัฏฐา (เจ้าแสนเมือง) ปกครองนอกกําแพงพระมหาธาตุ พระยาทักขิณรัฏฐา (เจ้าเมืองขวา) ปกครองในกําแพงพระมหาธาตุ และ พระยานาคกุฏฐวิตถาร (เจ้าโต่งกว้าง) ปกครองฝั่งซ้ายน้ำโขงตั้งแต่ปากน้ำ เซไหลตกปากน้ําก่ํา เจ้านายทั้ง 3 ถูกยกย่องเป็นมเหสักหลักเมืองธาตุพนมสืบถึงปัจจุบันและนับถือว่าเป็นวิญญาณบรรพบุรุษรุ่น แรกของข้าโอกาสพระธาตุพนมเรียกว่า เจ้าเฮือนทั้ง 3 หรือ เจ้าเฮือน 3 พระองค์ ต่อมาคัมภีร์อุรังคธาตุผูกเดียวระบุว่า ธาตุพนมถูกอุปถากโดย พระยาปะเสน สมัยพระยาสุมิตธรรมวงศาเจ้าเมืองมรุกขนครพระองค์แต่งตั้ง หมื่นลามหลวง (หมื่นหลวงหรือหมื่นฮาม) เป็นเค้าอุปถากโดยมีนายด่านนายกองช่วยปกครอง ทรงพระราชทาน ทรัพย์สินจํานวนมากเป็นเครื่องตอบแทนพร้อมสละข้าโอกาส 3,000 คนเพื่อสร้างเมือง สมัยพระยาสุบินราชพระองค์ โปรดให้ หมื่นมาหารามหลวง และ พวกเฮือนหิน เป็นเค้าอุปถาก รัชกาลสุดท้ายของเมืองมรุกขนคร คือพระยานิรุฏฐราชธาตุพนม ถูกปกครองโดย พระยามหาทาดตุเจ้าพระนมบุรมมเจดีเจ้า หลังอาณาจักรขอมเสื่อม อํานาจในสมัยล้านช้างตอนต้นคือรัชกาลพระเจ้าโพธิสาลราช (พ.ศ. 2063-2090) ธาตุพนมถูกปกครอง โดยเจ้านายข้าหัตบาสใกล้ชิดพระองค์ซึ่งเป็นชาวเมืองส่วยหรือเมืองเสวยและถูกส่งมาจากราชสํานักหลวงพระบางใน ตําแหน่งพันเฮือนหิน (พันเฮือหีน) พระองค์พระราชทานบริวารติดตามให้ 30 คนเรียกว่ากะซารึม 30 ด้ามขวาน ส่วน
18 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ขุนพันกินเมืองทั้งหลายส่งบริวารเพิ่มอีก 300 คน แสดงให้เห็นว่าผู้ปกครองธาตุพนมสมัยนั้นมีอํานาจมาก ขณะเดียวกันยังแต่งตั้ง พันซะเอ็ง (ข้าชะเอ็งหรือข้าราชเอ็ง) พี่ชายพันเฮือนหินให้ร่วมปกครองด้วย ต่อมาพันเฮือนหินกลับคืนไปหลวงพระบางแล้วทําหน้าที่อัญเชิญเครื่องสักการะบูชาของพระองค์ มานมัสการพระธาตุพนมในวันสังขานปีใหม่ สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชมหาราช (พ.ศ. 2091-2114) พระองค์เสด็จ มาบูรณะพระธาตุพนมและโปรดแต่งตั้ง พระยาธาตุพระนม หรือ พระยาพระมหาธาตุเจ้า (พญาธาตุ) ขึ้นรักษานครต่อนดินพระมหาธาตุพนมโดยมี พระยาทั้ง 4 เป็นผู้ช่วย ถัดนั้นรัชกาลพระเจ้าวรวงศาธรรมิกราช (พ.ศ. 2140-2065) เจ้าพระยาหลวงนครพิชิตราชธานีสีโคตรบูร หลวงกษัตริย์เมืองนครได้เสด็จบูรณะพระธาตุพนม พระองค์พระราชทานโอวาทแก่ พระยาทาด (พระยาธาด) พร้อมแต่งตั้งพระยาทั้ง 2 คือ พระยาทด และ พระยาสีวิไซ ให้ร่วมปกครองข้าโอกาส ระบบการปกครองพิเศษ ของล้านช้างในรูปแบบเจ้าเฮือนอาจพัฒนาขึ้นในยุคนี้ จากนั้นพื้นธาตุพระนมฉบับวัดใหม่สุวันนะพูมารามเมืองหลวง พระบางระบุว่ารัชกาลพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราชแห่งนครเวียงจันทน์ (พ.ศ. 2181-2238) พระองค์โปรด พระราชทานเขตดินชั้นนอกถวายพระธาตุพนมพร้อมแต่งตั้ง พระเจ้าเฮือนทั้ง 3 หรือ พระยาเจ้าทั้ง 3 ปกครอง ข้าโอกาสคือ เจ้าตนปู่เลี้ยง (เจ้าตันปู่เริง) เป็นใหญ่แก่ข้าโอกาสภายในพระมหาธาตุ ส่วนทิศใต้และทิศเหนือโปรดให้ พระยาเคาะยดทะราดธาดพระนม (หมื่นเคาะ) และ พระยาเคายดทะ ราดธาดพระนม (หมื่นเคา) ปกครอง ปลายรัชกาลของพระองค์เจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็กสังฆราชเวียงจันทน์อพยพ ผู้คนจากนครหลวงเวียงจันทน์บางส่วนมาถวายเป็นข้าพระธาตุจํานวนมาก พร้อมทั้งต่อเติมเสริมยอด พระธาตุพนมให้สูงขึ้น ตํานานบ้านดงนาคําหมู่บ้านข้าโอกาสฝั่งซ้ายแม่น้ําโขงระบุว่าเจ้าราชครูแต่งตั้งให้สงฆ์ฝ่าย ปกครอง 4 รูปดูแลวัดวาอาราม 4 ทิศในเขตกัลปนาของเมือง และขออนุญาตผู้ปกครองกองข้าโอกาสทั้ง 3 กอง ให้นําพาชาวเวียงจันทน์แยกย้ายไปตั้งหมู่บ้านใหม่เพื่อให้ข้าโอกาสมีจํานวนเพิ่มขึ้นคือ แสนกลางน้อยศรีมุงคุลหัวหน้า ข้าโอกาสนําพาไพร่พลตั้งบ้านหมากนาว แสนพนม นําพาไพร่พลตั้งบ้านดงใน แสนนามฮาช (แสนนาม) นําพาไพร่พล ตั้งบ้านดงนอก นับถือกันว่าทั้ง 3 ท่าน เป็นบรรพบุรุษข้าโอกาสพระธาตุพนมทั้ง 2 ฝั่งโขงสืบ ถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2256 หลังสมเด็จพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูรสถาปนาอาณาจักรจําปาสัก ธาตุพนมกลาย เป็นหัวเมืองขอบด่านต่อแดนระหว่างอาณาจักรเวียงจันทน์และอาณาจักรจําปาสัก โดยมีเมืองละคร (นครพนม) ซึ่งขึ้นกับเวียงจันทน์และเมืองบังมุก (มุกดาหาร) ซึ่งขึ้นกับจําปาสักทั้งสองเมืองร่วมกันปกครองธาตุพนม โดยแบ่งเขตเมืองที่หน้าลานพระธาตุพนม ลักษณะการแบ่งเขตแดนดังกล่าวคล้ายพื้นที่พระธาตุศรีสองรักเมืองด่านซ้าย ซึ่งเป็นเมืองขอบด่านระหว่างอาณาจักรล้านช้างกับอยุธยา อย่างไรก็ตามนครพนมมักมีอํานาจแต่งตั้งเจ้านายชั้นสูงมาปกครองธาตุพนมเนื่องจากมุกดาหารเป็นเมืองใหม่ และมีอํานาจน้อยกว่า จารึกลานเงินบรรจุในพระธาตุพนมช่วงปลายรัชกาลพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช หรือพระยาจันทสีหราช (พระยาเมืองแสน) ระบุว่าเจ้านครวรกษัตริย์ขัติยราชวงศา (พ.ศ. 2238) ได้สิทธิ พระพรนามกรถึง แสนจันทรานิทธสิทธิมงคลสุนทรอมร สันนิษฐานว่าแสนจันทรานิทธคือผู้ปกครองธาตุพนมในสมัย นั้น ราวปลายอยุธยาเมืองธาตุพนมที่มีประชากรเบาบางถูกฟื้นฟูอีกครั้งโดยกลุ่มตระกูลเจ้านายราชวงศ์เวียงจันทน์คือ เจ้าพระยาหลวงบุตรโคตรวงศากวานเวียงพระนม (คําอยู่ รามางกูร) หรือพระยาเมืองฮามนามฮุ่งศรี โอรสสมเด็จพระเจ้าสิริบุญสารแห่งเวียงจันทน์ (พ.ศ. 2294-2322) ได้อพยพไพร่พลมาตั้งรกรากที่ธาตุพนม
19 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม หลังสงครามเวียงจันทน์-ธนบุรีสมเด็จพระเจ้าอินทวงศ์และสมเด็จพระเจ้านันทเสนเสด็จมาตั้งเมืองธาตุพนมแล้วยก เจ้าพระรามราชรามางกูรขุนโอกาส (ราม รามางกูร) บุตรคนโตของเจ้าพระยาหลวงบุตรโคตรเป็นผู้ปกครองธาตุพนม ซึ่งพื้นเมืองพนมระบุพระนามเต็มว่า พระอาชญาหลวงเจ้าพระรามราชปราฑีสีโสธัมมราชาสหัสสคามเสลามหาพุทธ ปริสัทธปัวรปัตติโพธิสัตขัตติยวรราชวงสาพระหน่อรามาพุทธังกูร เจ้าโอกาสศาสนานครพระมหาธาตุ เจ้าพระนมพีพักบุรมมหาเจติยวิสุทธิรัตตนบุรมมสถาน คนทั่วไปเรียกว่า เจ้าพ่อขุนรามหรือ เจ้าพ่อขุนโอกาส (พ.ศ.2291-2371) รัชกาลสมเด็จพระเจ้าอนุวงศ์ (พ.ศ. 2348-2371) พระองค์เสด็จมาบูรณะพระธาตุพนม ร่วมกับเจ้า เมืองนครพนมและเจ้าเมืองมุกดาหารแล้วแต่งตั้งบุตรเจ้าพระรามราชคือ เจ้าพระรามราชปราณีศรีมหาพุทธปริษัท(ศรี รามางกูร) หรืออาดยาหลวงกลางน้อยศรีวรมุงคุลขึ้นปกครองธาตุพนมต่อจากพระบิดา คัมภีร์อุรังคธาตุนิยมออกนาม ว่าแสนกางน้อยศรีมุงคุรร์หรือแสนคานน้อยสีมุงคุร คัมภีร์อุรังคธาตุบางฉบับระบุว่าถูกแต่งตั้งโดยเจ้าอุปราชนองแห่งเวียงจันทน์ (พ.ศ. 2273-2322) ซึ่งเกิดจากความคลาดเคลื่อนของจุลศักราช เจ้านายกลุ่มนี้และทายาทมีอํานาจสืบมาจนสมัยหลังเปลี่ยนแปลง การปกครองเป็นระบบมณฑลเทศาภิบาลและกลายเป็นตระกูลเก่าแก่หลายตระกูลของอําเภอธาตุพนมในปัจจุบัน เช่น บุคคละ ประคํามินทร์ จันทศ (จันทร์ทศ) จันทนะ ธีระภา ชุณหปราณ มันทะ (มันตะ) สารสิทธิ์ ลือชา (ฤๅชา) ทามนตรี พุทธศิริ รัตโนธร ครธน สุมนารถ มนารถ อุทา สายบุญ วงษ์ขันธ์ (วงศ์ขันธ์) ทศศะ เป็นต้น กลุ่มตระกูลเหล่านี้มี บทบาทสูงในการทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาในเมืองธาตุพนมและวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร นายกองและกรมการธาตุพนมยุคต่อมาล้วนมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับตระกูลขุนโอกาสเดิมทั้งสิ้น อย่างไร ก็ตามพื้นเมืองพนมระบุลําดับพงศาวดารผู้ปกครองธาตุพนมก่อนการมีอํานาจของราชวงศ์เวียงจัน ทน์โดยละเอียด ว่ามีจํานวนไม่น้อยกว่า 40 องค์จากเชื้อสายเมืองศรีโคตรบูรซึ่งบางกลุ่มสืบทางเจ้าเฮือน 3 พระองค์ ในรัชกาลเจ้า อนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ (พ.ศ. 2348-2371) เกิดปัญหาการรุกรานแย่งชิงข้าเลกพระธาตุพนมตลอดมา เนื่องจากสยามมอบอํานาจเจ้าเมืองนครราชสีมาและกาฬสินธุ์มาสักเลกข้าพระธาตุจนเบาบาง ความเดือดร้อนวุ่นวาย กลายเป็นชนวนเหตุหนึ่งในการก่อสงครามกอบกู้เอกราชของเจ้าอนุวงศ์และอานามสยามยุทธ์ รัชกาลที่ 5 ถึงการ เปลี่ยนแปลงการปกครองปัญหาการแย่งชิงข้าเลกพระธาตุยืดเยื้อถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2432หลังสงครามเวียงจันทน์เจ้าเมืองนครพนม มุกดาหาร และสกลนครต่างแย่งชิงข้าเลกพระธาตุไปเป็นของตน หนักขึ้น ขณะนั้นธาตุพนมขึ้นกับหัวเมืองลาวฝ่ายเหนือมีพระยาสุริยเดชวิเศษฤทธิ์ (กาจ สิงหเสนี) เป็นข้าหลวงใหญ่ตั้ง ที่หนองคาย ต่อมา พ.ศ. 2434 จึงขึ้นกับหัวเมืองชั้นนอกแขวงลาวพวนมีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปา คม เป็นข้าหลว งต่า ง พร ะ อง ค์สํ าเร็ จราช ก ารตั ้ง อย ู่ห น อง คาย เอกสารบันทึก การ เด ิ น ท า ง ในลาวสมัยอาณานิคมฝรั่งเศสระบุว่าก่อน พ.ศ. 2424 ธาตุพนมเป็นเมืองอิสระจากอํานาจรัฐ ความขัดแย้งของเจ้านาย ท้องถิ่นเป็นเหตุให้ธาตุพนมขอความคุ้มครองจากนครพนมและมุกดาหาร ข้าเลกพระธาตุจํานวนมากถูกแย่งไปขึ้นกับ 2 เมืองนี้ธาตุพนมไม่สามารถตั้งเจ้าเมืองและยกขึ้นเป็นเมืองได้ชั่วระยะหนึ่ง ชาวธาตุพนมต่าง ไม่พอใจต่อสถานการณ์ดังกล่าว ข้าเลกพระธาตุที่มีจํานวนมหาศาลเหลือราว 2,000 คน ภายหลังสยามพยายาม แทรกแซงและจัดการปัญหาดังกล่าว เอกสารพื้นเมืองพนมระบุว่าชนวนวิวาทเจ้านายธาตุพนมเกิดจากการแย่งชิงกัน ขึ้นปกครองข้าโอกาสของพระอัคร์บุตร (บุญมี บุคคละ) พระอุปราชา (เฮือง รามางกูร) และพระปราณีศรีมหาพุทธ บริษัท(เมฆ รามางกูร) ทั้ง 3 เป็นบุตรหลานขุนโอกาสเดิม
20 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม คัมภีร์อุรังคธาตุฉบับม้วนอานิสงส์และพื้นธาตุหัวอกระบุถึงปัญหาดังกล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยพระยานิรุฏฐราช ก่อนเมืองมรุกขนครล่มสลาย การชิงข้าเลกพระธาตุพนมไปใช้สอยในราชการของพระองค์เป็นสาเหตุสําคัญ ในการล่มสลายของมรุกขนคร หลังสงครามเวียงจันทน์ธาตุพนมในฐานะหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่รายรอบด้วยหมู่บ้าน ขนาดเล็กมีผู้คนอาศัยเบาบางจนพระธาตุไม่ได้รับการดูแล ศูนย์กลางการปกครองคงตั้งอยู่บ้านธาตุพนม ขณะนั้นคนท้องถิ่นเห็นว่าธาตุพนมมีฐานะเป็นเมืองดังหลักฐานในเอกสารแผนที่อินโดจีนของฝรั่งเศสมากกว่า 3 ฉบับยังคงเรียกว่าเมืองพนมหรือเมืองธาตุพนม รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสยามจัดการ ปกครองธาตุพนมไม่เต็มที่เนื่องจากเหตุการณ์ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) ซึ่งไม่สามารถตั้งค่ายหรือกองทหาร ในเขต 25 กิโลเมตรจากน้ําโขงมาทางฝั่งขวา เจ้านายท้องถิ่นปกครองกันเองตามธรรมเนียมเดิมและบางส่วนฝักใฝ่ อํานาจฝรั่งเศสเช่นเดียวกับเจ้าเมืองนครพนม พาลุกากรภูมิ และเรณูนคร เจ้าเมืองธาตุพนมในเอกสารต่างชาติถูกระบุ ครั้งสุดท้ายในบันทึก ดร.เปแนซ์ หมอชาวฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2425 จารึกบูรณะพระธาตุพนมระบุถึงผู้ปกครองธาตุพนม ก่อนถูกยุบเป็นกองบ้านธาตุพนม นัยว่าถูกลดอํานาจตั้งแต่หลังสงครามเจ้าอนุวงศ์และมีอายุยืน มาถึงรัชกาลที่ 5 คือ พระปราณีศรีมหาพุทธบริษัท (เมฆ รามางกูร) หรืออาดยาหลวงปาฑี (ก่อน พ.ศ. 2444) หลังยุคเสื่อมอํานาจของกลุ่มขุนโอกาสเดิมตํานานบ้านชะโนดซึ่งเป็นหมู่บ้านข้าโอกาสพระธาตุพนมเก่าและ พื้นเมืองพนมระบุว่า ธาตุพนมถูกปกครองจากนายกองข้าพระธาตุที่สําเร็จวิชาการปกครองจากกรุงเทพฯ อย่างน้อย 3 ท่านซึ่งเป็นเจ้านายท้องถิ่นและเป็นญาติกลุ่มขุนโอกาสเดิมคือ พระอามาตย์ราชวงสา (อํานาจ รามางกูร) หรือกวานอามาถย์ ท้าวสุริยะราชวัตร (อ้วน รามางกูร) หรือท้าวสุริยะ และท้าวสุริยะราชวัตร (คูณ รามางกูร) หรือท้าวราชวัตริ์ ซึ่งตั้งรกรากอยู่บ้านชะโนดเมืองมุกดาหาร จากนั้นกลุ่มนายกองถูกเปลี่ยนสายมายังบ้านธาตุพนมอีกครั้งคือ ท้าวอุปละ (มุง รามางกูร) ใน พ.ศ. 2417 ปัญหาแย่งชิงข้าเลกพระธาตุพนมดําเนินตลอดมาจนถึงก่อนปฏิรูปการปกครองเป็นระบบมณฑลเทศาภิบาล (พ.ศ. 2444) หลังสยามเข้ามาจัดการหัวเมืองลาว[105] เอกสารฝ่ายสยามเรียกธาตุพนมว่า บ้านทาษพนม หมายถึง หมู่บ้านแห่งข้าพระธาตุพนม พ.ศ. 2422 สยามยกฐานะบ้านธาตุพนมขึ้นเป็น กองข้าพระธาตุพนม หรือ กองบ้านทาษ พนม โดยแต่งตั้งนายกองเชื้อสายท้าวอุปละ (มุง) ทายาทขุนโอกาสเดิมเป็นผู้ปกครอง พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบําราบปรปักษ์ ผู้สําเร็จราชการกรมมหาดไทย สมุหนายกอัครมหาเสนาบดีว่าราชการหัวเมืองลาวซึ่งมีเชื้อสายกษัตริย์เวียงจันทน์ทาง พระมารดาให้มีอํานาจแต่งตั้งนายกองธาตุพนมโดยพระราชทานบรรดาศักดิ์ว่า พระพิทักษ์เจดีย์นายกองขึ้นเมือง นครพนม และ หลวงโพธิ์สาราชปลัดกอง ขึ้นเมืองมุกดาหาร[106][107] ตําแหน่งพระพิทักษ์เจดีย์พระธาตุพนมถูก แต่งตั้งคู่กับพระพิทักษ์เจดีย์พระธาตุเชิงชุมของเมืองสกลนคร[108] และสืบทอดมาถึง 4 ท่าน (พ.ศ. 2422) สยามพระราชทานตราประจําตําแหน่งรูปเทวดานั่งแท่นหัตถ์ทรงพระขรรค์และพวงมาลัย ได้แก่ พระพิทักษ์เจดีย์ (ถง รามางกูร) บรรดาศักดิ์เดิมที่ท้าวอุปละ พระพิทักษ์เจดีย์ (แก่น รามางกูร) บรรดาศักดิ์เดิม ที่ท้าวพระละคร พระพิทักษ์เจดีย์ (ศรี รามางกูร) บรรดาศักดิ์เดิมที่พระศรีชองฟ้า และพระพิทักษ์เจดีย์ (เทพจิตต์บุคค ละ) 3 ท่านแรกถึงแก่กรรมที่กรุงเทพฯ ด้วยสาเหตุเดินทางไปฟ้องร้องเจ้าเมืองรายรอบที่เข้ามาชิงข้าเลกพระธาตุพนม พระพิทักษ์เจดีย์ท่านสุดท้ายพยายามยกกองบ้านธาตุพนมเป็น เมืองทาษพนม ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ แต่ไม่สําเร็จ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเห็นว่าเป็นปัญหาขัดแย้งผลประโยชน์กันเอง ของเจ้านายท้องถิ่น ส่วนปลัดกองคนสุดท้ายคือ อาชญาโพธิสาร (พ.ศ. 2439) จากนั้นหัวเมืองลาวเกิดปัญหากบฏผี
21 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม บุญประชาชนท้องถิ่นพยายามตั้งเมืองธาตุพนมเป็นศูนย์กลางการปกครองอีกครั้งโดยแผนการขององค์พระบาท และองค์ขุดซึ่งมีองค์มั่นเป็นหัวหน้า สยามปราบปรามด้วยอาวุธอย่างรุนแรงแผนการตั้งเมืองธาตุพนมจึงไม่สําเร็จ เอกสารพื้นพระบาทใช้ชาติระบุว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากพระอัคร์บุตร (บุญมี) ไม่พอใจสยามที่ตั้งพระพิทักษ์เจดีย์เป็น นายกองจึงขอความช่วยเหลือจากขบวนการผีบุญเข้ายึดธาตุพนมเพื่อให้ตนได้ปกครองธาตุพนมเหมือนบิดาและปู่ เมื่อไม่สําเร็จพระอัคร์บุตร (บุญมี) จึงข้ามไปอยู่ในอารักขาฝรั่งเศสที่เซบั้งไฟและถูกแต่งตั้งเป็น พระมหา สมเด็จราชาธาตุพระนมบุรมราชาเจดีย์มหาคุณ ปกครองกองข้าพระธาตุพนมฝั่งซ้ายแม่น้ําโขงเพียงไม่กี่หมู่บ้านกองข้า พระธาตุพนมจึงแยกเป็น 2 ฝ่าย ต่อมาได้สละตําแหน่งให้บุตรชายคือหลวงโพธิ์สาราชปกครองตามคําชักชวนของเจ้า เมืองสุวรรณเขต ภายหลังฝรั่งเศสตั้งกองข้าพระธาตุพนมฝั่งซ้ายแม่น้ําโขงเป็นเมืองปากเซจึงตั้งหลวงโพธิ์สาราชเป็น พระยาโพธิ์สาราชเจ้าเมืองและตั้งท้าวกัตติยะหลานพระอัครบุตร์ (บุญมี) เป็นอุปฮาด ขณะนั้น พระครูวิโรจน์รัตโนบล (บุญรอด นนฺตโร) เดินทางจากอุบลราชธานีเพื่อบูรณะพระธาตุพนมครั้งใหญ่ตามคําเชิญของ พระครูวิเวกพุทธกิจ (เสาร์ กนฺตสีโล) และพระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต) ธาตุพนมจึงถูกฟื้นฟูจากความเสื่อมอีกครั้ง หลังปฏิรูปการปกครองโดยยกเลิกระบบอาญาเมืองเป็นระบบมณฑลเทศาภิบาล พ.ศ. 2443 กองบ้านธาตุ พนมถูกยกขึ้นเป็นบริเวณธาตุพนม สังกัดมณฑลอุดร (มณฑลลาวพวน) ตั้งศูนย์กลางราชการที่เมืองนครพนม โดยปกครองเมืองนครพนม ไชยบุรี ท่าอุเทน มุกดาหาร เรณูนคร อาษามารถ กุสุมาลย์มณฑล อากาศอํานวยโพธิ ไพศาล รามราช หนองสูง และพาลุกากรภูมิ มีพระยาสุนทรเทพกิจจารักษ์ (เลื่อง ภูมิรัตน์) หรือพระยาสุนทรนุรักษ์ เป็นข้าหลวงประจําบริเวณ ขณะเดียวกันธาตุพนมก็ถูกยก ขึ้นเป็นเมืองมีพระยาพนมนัครานุรักษ์(กา พิมพานนท์ ณ นครพนม) เป็นผู้ว่าราชการเมืองธาตุพนมและเมืองนครพนม พระพิทักษ์พนมนคร (โก๊ะ มังคลคีรี) เป็นปลัดเมือง ธาตุพนม คู่กับพระพิทักษ์นครพนม (โต๊ะ มังคลคีรี) ปลัดเมืองนครพนม ต่อมาบริเวณธาตุพนมถูกลดฐานะเป็นตําบลธาตุพนมขึ้นกับอําเภอเรณูนคร โดยพระบํารุงพนมเจดีย์ศรีมหา บริษัท (เทพจิตต์ บุคคละ) อดีตพระพิทักษ์เจดีย์นายกอง บุตร์คนโตของพระอัครบุตร์ (บุญมี) เป็นผู้รักษาราชการคน สุดท้ายเมื่อ พ.ศ. 2446 และมีหมื่นศีลาสมาทานวัตร (ศีลา บุคคละ) หรือหมื่นสํามาทาน น้องชาย พระบํารุงพนมเจดีย์ (เทพจิตต์) เป็นกํานันตําบลธาตุพนมคนแรก (พ.ศ. 2446-2457) กํานันยุคต่อมาต่าง มีบรรดาศักดิ์คือพระอนุรักษ์เจดีย์ (สา บุปผาชาติ) ญาติพระครูศิลาภิรัต (หมี บุปผาชาติ) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม หลังธาตุพนมแยกเป็น 2 ตําบลหมื่นศีลาสมาทานวัตร (ศีลา) จึงดํารงตําแหน่งกํานันตําบลธาตุพนมใต้ ส่วนพระอนุรักษ์เจดีย์ (สา) เป็นกํานันตําบลธาตุพนมเหนือ กํานันลําดับถัดมาคือขุนเปรมปูชนีย์ (บุญ สุภารัตน์) หรือ ขุนเปรมประชากร สมัยรัชกาลที่ 8 เมื่อประกาศยกเลิกระบบบรรดาศักดิ์ขุนนาง พระรักษ์ (พัน พรหมอารักษ์) บุตร์ หมื่นพรหมอารักษ์ (ทอก) อดีตกรมการบ้านหนองหอยจึงดํารงตําแหน่งกํานันบรรดาศักดิ์คนสุดท้ายของตําบล (พ.ศ. 2480-2488) จากนั้นนายสุนีย์ รามางกูร (บุคคละ) บุตรพระอัครบุตร์ (บุญมี) ดํารงตําแหน่งกํานันตําบลหลังยกเลิก บรรดาศักดิ์คนแรก (พ.ศ. 2488-2505) ภายหลังธาตุพนมได้รับการยกฐานะเป็นอําเภอธาตุพนมทางราชการแต่งตั้ง รองอํามาตย์เอก หลวงพิทักษ์พนมเขต (ศรีกระทุม จันทรสาขา) บุตรอํามาตย์เอก พระยาศศิวงศ์ประวัติ (เมฆ จันทรสาขา) อดีตเจ้าเมืองมุกดาหาร มาดํารงตําแหน่งนายอําเภอธาตุพนมคนแรกเมื่อ พ.ศ. 2461-248 และได้รับพระราชทานนามสกุลจากราชทินนามเดิมว่า พิทักษ์พนม เมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2485
22 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม การเปลี่ยนแปลงเขตการปกครอง วันที่ 10 มิถุนายน 2490 ตั้งตําบลพระกลางทุ่ง แยกออกจากตําบลธาตุพนม ตั้งตําบลแสนพัน แยกออกจาก ตําบลดอนนางหงส์ วันที่ 18 กรกฎาคม 2490 ตั้งตําบลท่าลาด แยกออกจากตําบลเรณู วันที่ 30 พฤษภาคม 2499 จัดตั้งสุขาภิบาลธาตุพนม ในท้องที่บางส่วนของตําบลธาตุพนม วันที่ 21 เมษายน 2507 จัดตั้งสุขาภิบาลเรณูนคร ในท้องที่บางส่วนของตําบลเรณู และตําบลโพนทอง วันที่ 5 พฤษภาคม 2513 แยกพื้นที่ตําบลเรณู ตําบลโพนทอง และตําบลท่าลาด อําเภอธาตุพนมมาตั้งเป็นกิ่ง อําเภอเรณูนคร ขึ้นกับอําเภอธาตุพนม วันที่ 29 กันยายน 2513 ตั้งตําบลโพนแพง แยกออกจากตําบลนาถ่อน ตั้งตําบลนางาม แยกออกจากตําบล โพนทอง และตั้งตําบลโคกหินแฮ่ แยกออกจากตําบลเรณู วันที่ 21 สิงหาคม 2518 ยกฐานะจากกิ่งอําเภอเรณูนคร อําเภอธาตุพนม เป็น อําเภอเรณูนคร วันที่ 31 ตุลาคม 2521 ตั้งตําบลอุ่มเหม้า แยกออกจากตําบลน้ําก่ํา วันที่ 29 กรกฎาคม 2534 ตั้งตําบลนาหนาด แยกออกจากตําบลฝั่งแดง วันที่ 8 พฤศจิกายน 2536 ตั้งตําบลกุดฉิม แยกออกจากตําบลแสนพัน วันที่ 9 พฤศจิกายน 2538 ตั้งตําบลธาตุพนมเหนือ แยกออกจากตําบลธาตุพนม วันที่ 25พฤษภาคม 2542ยกฐานะจากสุขาภิบาลธาตุพนม เป็นเทศบาลตําบลธาตุพนมที่ตั้งและอาณาเขต อําเภอธาตุพนมมีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับอําเภอเมืองนครพนม ทิศตะวันออก ติดต่อกับแขวงคําม่วน (ประเทศลาว) ทิศใต้ติดต่อกับอําเภอหว้านใหญ่ อําเภอเมืองมุกดาหาร และอําเภอดงหลวง (จังหวัดมุกดาหาร) ทิศตะวันตก ติดต่อกับอําเภอนาแกและอําเภอเรณูนคร ➢ การจัดการมูลฝอยชุมชน ➢ การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยยาเสพติดและจิตเวช ➢ พยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ข้อมูลการดําเนินงาน พชอ.ธาตุพนม ✓ ทบทวนคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ พชอ. ✓ ทบทวนประเด็น พชอ. ✓ มีคําสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ พชอ. ตามประเด็น/คําสั่งแต่งตั้งคณะทํางานตําบลหรือ พชต. ✓ จัดประชุมคณะกรรมการ/อนุกรรมการ ส่วนที่2 ประเด็นปัญหาของอำเภอธาตุพนม ส่วนที่3 ประเด็นที่1 การจัดการมูลฝอยชุมชน
23 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ✓ ดําเนินงานพัฒนาและแก้ไขตามประเด็น ยึดหลักบูรณาการ การนําร่วมและการมีส่วนร่วม ✓ ติดตามการดําเนินงาน/ทบทวนตนเอง/วิเคราะห์และพัฒนา ✓ สรุปและถอดบทเรียน การขับเคลื่อนการดำเนินงาน ประเด็นการจัดการมูลฝอยชุมชน ส่วนที่4 ประเด็นที่ 2 การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยยาเสพติดและจิตเวช
24 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ปัจจัยความสําเร็จ 1. ภาวะผู้นํา(Leadership) 2. ทักษะการประสานงานของทีมเลขานุการ 3. การมีส่วนร่วมของชุมชน 4. การบูรณาการร่วมกัน ปัญหาอุปสรรค 1.ความพร้อมในการบูรณาการ คน เงิน สิ่งของ 2. ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ยังไม่ชัดเจน 3.การสับเปลี่ยน/โยกย้ายตําแหน่งประธาน พชอ.หรือบุคลากรในหน่วยงาน/องค์กรที่เป็นหลักหรือเป็นทีม คณะกรรมการ พชอ. แนวทางการพัฒนาต่อ 1. เสริมทักษะของทีม พชอ. 2. การประเมิน พชอ. ตามหลัก CL UCCARE ผ่านเวปไซด์ส่วนกลาง 3. เยี่ยมเสริมพลังโดยทีมจังหวัด ส่วนที่5 ประเด็นที่ 3 พยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี
25 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม บริบท สถานที่ตั้งรกรากของชาวปลาปาก นับว่าเป็นชนเผ่าที่น่าสนใจมิใช่น้อยเลยทีเดียว ความเป็นมาของบรรพบุรุษ ของชาวปลาปากเดิมมีถิ่นที่อยู่ในเขตประเทศลาวที่เมืองมหาชัย แขวงคําม่วน พระทองสัมฤทธิ์ที่กล่าวถึง ในตํานานนี้มีอยู่จริง และประดิษฐานอยู่ที่วัดคณิศรธรรมิการามคําว่า “เว้า” นี้เป็นภาษาท้องถิ่นซึ่งความหมาย ก็คือพูด ตํานานเกี่ยวกับ ปลาเว้า มีประวัติความเป็นมาว่าบริเวณนี้ในฤดูฝนมีน้ําหลาก จึงทําให้มีปลาชนิดหนึ่งลักษณะ คล้ายปลาตะเพียนทองมารวมอยู่เป็นจํานวนมาก และส่งเสียงร้องอึงคะนึงคล้ายเสียงคนพูดกัน ชาวบ้าน จึงพากันเรียกขานบริเวณแห่งนี้ว่า ปลาเว้า(ปลาพูด) คําว่า “ปาก” นี้ในภาษาถิ่นอีสานเป็นคํากริยา หมายถึง พูด ดังนั้น ปลาปากก็คือ ปลาพูดหรือ ปลาเว้านั่นเอง ชาวบ้านจึงได้ตั้งชื่อว่า ปลาปากตั้งแต่นั้นมา อําเภอปลาปาก มีอาณาเขตติดต่อกับอําเภอข้างเคียง ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับอําเภอเมืองนครพนม ทิศตะวันออก ติดต่อกับอําเภอเมืองนครพนมและอําเภอเรณูนคร ทิศใต้ ติดต่อกับอําเภอเรณูนคร อําเภอนาแก และอําเภอวังยาง ทิศตะวันตก ติดต่อกับอําเภอโพนนาแก้วและอําเภอกุสุมาลย์ (จังหวัดสกลนคร) พื้นที่ประมาณ 547 ตร.กม. หมู่บ้าน 85 หมู่บ้าน หลังคาเรือน 13,155 หลังคาเรือน ประชากร รวม 55,298 คน ข้อมูลการปกครอง การปกครองส่วนภูมิภาค มีทั้งหมด 8 ตำบล 85 หมู่บ้าน การปกครองส่วนท้องถิ่น มี เทศบาลตำบล 1 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล 8 แห่ง โรงเรียน มี รร.มัธยม 6 แห่ง รร.ประถม 42 แห่ง สถานพยาบาล มี รพ.1 แห่ง รพ.สต. 9 แห่ง คลินิกแพทย์ 5 แห่ง คลินิกพยาบาล 4 ร้านขายยา 6 แห่ง ➢ การส่งเสริมคุณภาพผู้สูงอายุ ➢ การป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อ ➢ การแก้ไขปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ส่วนที่1 อําเภอปลาปาก ส่วนที่2 ประเด็นปัญหาอําเภอปลาปาก
26 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ➢ การแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และฝุ่น PM 2.5 ➢ การแก้ไขปัญหายาเสพติด ➢ การส่งเสริมด้านการศึกษา การขับเคลื่อนการดำเนินงาน ด้านเศรษฐกิจ กิจกรรม ส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ของชมรมผู้สูงอายุ ด้านสังคม มีการจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ ทั้ง 8 ตำบล การขับเคลื่อนการดำเนินงาน ด้านสาธารณสุข ตัวชี้วัด/กิจกรรมการดำเนินงาน 1. การคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางไตในผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง (2,933ราย) 2. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วยโรคไต ระยะที่ 3 – 4 (445ราย) 3. การขับเคลื่อนการลดการบริโภคเกลือและโซเดียมในร้านค้า ร้านอาหาร และโรงเรียน ส่วนที่3 ประเด็นที่1 การส่งเสริมคุณภาพผู้สูงอายุ ส่วนที่4 ประเด็นที่2 การป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อ
27 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ผลการดำเนินงาน ด้านการศึกษา 1. ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 2. ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมสุขภาพชุมชน การขับเคลื่อนการดำเนินงาน ตัวชี้วัด/กิจกรรมการดำเนินงาน 1. คัดกรองพยาธิใบไม้ตับด้วยอุจจาระในประชาชน 15ปีขึ้นไป ในตำบลเป้าหมาย (100ราย) ตรวจพบไม่เกินร้อยละ 5 2. คัดกรองมะเร็งท่อน้ำดีด้วยการอัลตร้าซาวด์ในช่องท้อง ในประชาชน40ปีขึ้นไป ที่มีความเสี่ยง(100ราย) 3. มีการสื่อสารสาธารณะและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการควบคุมป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี รณรงค์อาหารปลอดภัยปลาปลอดพยาธิในพื้นที่ดำเนินงาน ผลการดำเนินงาน ส่วนที่5 ประเด็นที่3 การแก้ไขปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี
28 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม การขับเคลื่อนการดำเนินงาน ตัวชี้วัด/กิจกรรมการดำเนินงาน 1. อบรมให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร (85 หมู่บ้าน) ร้อยละ 50 2. สาธิตทดแทนการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร 3. ส่งเสริมการรวมกลุ่ม และสร้างเครือข่ายเกษตรกรปลอดการเผา 4. สร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ผลการดำเนินงาน 1. อบรมให้ความรู้เกษตรกร 170 รายและคัดเลือกปราชญ์เกษตรต้นแบบ 8 ราย 2. มีศูนย์เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ แหล่งเรียนรู้ในโครงการราชดำริฯ 3. -สาธิตรณรงค์การไถกลบตอซังข้าว หว่านปอเทือง 4. สาธิตทำปุ๋ยหมัก 5. การสาธิตเพาะเห็ดฟาง การขับเคลื่อนการดำเนินงาน ด้านเศรษฐกิจ - ศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก - ส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัย ตัวชี้วัด/กิจกรรมการดำเนินงาน 1. ร้อยละ 90 ของศูนย์เรียนรู้ต้นแบบฯโคกหนองนาอำเภอปลาปาก เป็นระดับ A ( 8 ตำบล) 2. มีตลาดค้าส่งผลผลิตทางการเกษตรที่มีศักยภาพทางการแข่งขัน 1 แห่ง 3. ร้อยละ 80 ของเครือข่ายเกษตรกรผ่านการรับรองมาตรฐาน (PGS/อินทรีย์/GPA) อย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนที่6 ประเด็นที่4 การแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และฝุ่น PM 2.5 ส่วนที่7 ประเด็นที่5 การแก้ไขปัญหาความยากจน
29 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ผลการดำเนินงาน การขับเคลื่อนการดำเนินงาน การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชนหมู่บ้านแบบครบวงจรของ สถานีตำรวจภูธรปลาปาก จัดตั้งหมู่บ้านต้นแบบ(ต.โคกสูง /กุตาไก้/หนองฮี) ผลการดำเนินงาน การขับเคลื่อนการดำเนินงาน - ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการบริหารจัดการในสถานศึกษา (โรงเรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวะ กศน.8ตำบล) - ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีความหลากหลายเพื่อเอื้อต่อการศึกษาและการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ - ส่งเสริมและสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เป็นปราชญ์แห่งการเรียนรู้ ส่วนที่8 ประเด็นที่6 การแก้ไขปัญหายาเสพติด ส่วนที่9 ประเด็นที่7 การส่งเสริมด้านการศึกษา
30 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ผลการดำเนินงาน ปัจจัยความสำเร็จ (Key Success) 1. ความร่วมมือและดำเนินการขับเคลื่อนงาน 2. พื้นที่ตำบล สามารถนำไปบูรณาการร่วมกับการดำเนินงานโครงการอื่นๆ ได้ 3. พื้นที่ตำบล เห็นความสำคัญของการดำเนินงานส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ของวัยทำงาน และผู้สูงอายุ 4. มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอำเภอปลาปาก จัดกิจกรรมวิ่งเพื่อการกุศล และตรวจสุขภาพเบื้องต้น ประชาชนชาวอำเภอปลาปาก ปัญหาอุปสรรค 1. การขับเคลื่อนงานผ่าน พชอ. ยังทำได้เพียงบางพื้นที่เนื่องจาก พชอ.จะเลือกประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญ ของพื้นที่ก่อน เช่น ด้านสิ่งแวดล้อม ผู้สูงอายุ เป็นต้น 2. พชต. ยังขาดความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ 3. ขาดระบบการติดตามเยี่ยมเสริมพลังทีม พชต.
31 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม บริบท อำเภอเมืองนครพนม มีเนื้อที่ประมาณ 853.20 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 143,396 คน ชาย 72,384 คน หญิง 71,012 คน ความหนาแน่นของประชากร 168.06 คนต่อตารางกิโลเมตร อบต. 12 แห่ง, เทศบาล. 2 แห่ง แบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 14 ตำบล 165 หมู่บ้าน ➢ การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ➢ การจัดการขยะและแก้ไขปัญหาฝุ่น (P.M 2.5) ในชุมชน ➢ การแก้ไขปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี การขับเคลื่อนการดำเนินงาน 1. มีการขับเคลื่อนงานการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนโดยศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ เมืองนครพนม(ศปถ.อ.) และมีคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 2. ประชุมจัดทำแผนขับเคลื่อนงานด้านป้องกันและลดอุบัติเหตุวันที่ 5 มกราคม2566 3. การจัดตั้งทีม RTI-Team ระดับท้องถิ่น/ตำบล/หมู่บ้าน(ศปถ.อปท.) อำเภอเมืองนครพนม มี RTI-Team = 14 ทีม 4. บันทึกข้อตกลงระหว่างหน่วยงานราชการ/เอกชน/องค์การบริหารส่วนตำบล 5. ประชุมนำเสนอผลการดำเนินงานแลกแปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างตำบลของอำเภอเมืองนครพนม 6. แลกเปลี่ยนนวัตกรรมแก้ไขปัญหาในพื้นที่ระหว่างตำบล ส่วนที่1 อำเภอเมืองนครพนม ส่วนที่2 ประเด็นปัญหาอำเภอเมืองนครพนม ส่วนที่3 ประเด็นที่1การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน
32 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ปัญหาอุปสรรค 1. ทีมสอบสวนการเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต บางครั้งสอบสวนไม่ครบ 2. ค่านิยม และความเชื่อของประชาชน 3. ขาดการเชื่อมประสานเพื่อขับเคลื่อนงานอุบัติเหตุทางถนนไม่ต่อเนื่อง การขับเคลื่อนการดำเนินงาน 1. ประชุมคณะทำงานวางแผนการดำเนินงานวันที่ 23 ธันวาคม 2565 2. มอบหมายบทบาทหน้าที่ให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาคม มุ่งสู่การแก้ไขปัญหาขยะอย่างยั่งยืน 3. เน้นการลดขยะต้นทางทุกหลังคาเรือนคัดแยกขยะ โดยการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ทุกหมู่บ้านจัดตั้งธนาคารขยะ 4. ประชุมนำเสนอผลการดำเนินงานแลกแปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง ตำบลของอำเภอเมืองนครพนม 5. แลกเปลี่ยนนวัตกรรมแก้ไขปัญหาในพื้นที่ระหว่างตำบล/ ศึกษาดูงาน 6. หมู่บ้าน/ทุกภาคส่วนร่วมแก้ไขปัญห การขับเคลื่อนการดำเนินงาน เป้าหมาย อำเภอเมืองนครพนมมีการพัฒนารูปแบบหมู่บ้าน/โรงเรียนปลอดพยาธิใบไม้ตับ ตัวชี้วัด ส่วนที่4 ประเด็นที่2การจัดการขยะและแก้ไขปัญหาฝุ่น (P.M 2.5) ในชุมชน ส่วนที่5 ประเด็นที่3การแก้ไขปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี อำเภอเมืองนครพนม
33 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม 1. ร้อยละของตำบลเสี่ยงในการเฝ้าระวังป้องกันแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี (เป้าหมาย 1 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าค้อ) 2. คัดกรองพยาธิใบไม้ตับในประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยการตรวจอุจาระจำนวน 100 ราย 3. คัดกรองมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป ด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ จำนวน 100 ราย แผนปฏิบัติการ 1. มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับอำเภอ/ตำบล 2. มีการประชุมคณะทำงานวางแผนการดำเนินงาน 3. วางแผนแนวทางในการขับเคลื่อนส่งเสริมพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการจัดการพัฒนารูปแบบหมู่บ้าน/โรงเรียน ปลอดพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี 4. การคัดกรองมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไปด้วยวิธีอัลตราซาวด์ หากสงสัยมะเร็งท่อน้ำดี ดําเนินการส่งต่อเพื่อการรักษา ตรวจ CT หรือ MRI ต่อไป ผลการดำเนินงาน 1.แต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการควบโรคอำเภอ ตำบล (ศปก.อ./ศปก.ต.) 2.มีการประชุมคณะกรรมการในทุกเดือน จำนวน 4 ครั้ง 3.มีการคัดกรองพยาธิใบไม้ตับ ใน ประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยการตรวจอุจจาระ 4.มีการสื่อสารสาธารณะ โดยการดําเนินงานจัดกิจกรรมรณรงค์และ สร้างกระแสสังคมในการลด เลิก การ บริโภคอาหารเมนูปลาปรุงดิบ
34 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม อุปสรรค 1. ความเชื่อ และค่านิยม ในการรับประทานปลาดิบ 2. พฤติกรรม การบริโภคปลา แบบสุกๆ ดิบๆ 3. รายที่ตรวจพบพยาธิใบไม้ตับ และทานยาพราซิควอนเทลยังมีพฤติกรรมกลับไปบริโภคปลา แบบสุกๆ ดิบๆ เช่นเดิม
35 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม บริบท ชาวเมืองท่าอุเทน เดิมมีถิ่นฐานอยู่ที่เมืองหงสาวดี แขวงไชยบุรี ประเทศลาว ในปัจจุบัน พ.ศ. 2351หัวหน้า ชาวไทญ้อ ชื่อ ท้าวหม้อและภรรยาชื่อ นางสุนันทา ได้รวบรวมผู้คนมาสร้างเมืองใหม่บริเวณปากแม่น้ำสงคราม ชื่อ เมือง "ไชยสุทธิ์อุตมบุรี" (ปัจจุบันคือตําบลไชยบุรี อําเภอท่าอุเทน) เจ้าผู้ครองนครเวียงจันทร์ได้ตั้งให้ท้าวหม้อเป็นพระยา หงษาสาวดี และท้าวเล็กน้องชายท้าวหม้อเป็นอุปฮาดวังหน้า ท้าวหม้อมีบุตรชายคนโตชื่อท้าวโสม พ.ศ. 2357 ได้สร้างวัดศรีสุนันทามหาอาราม ต่อมาเรียกว่า วัดไตรภูมิ ชึ่งได้พบแผ่นศิลาจารึกในวัดนี้แปล ออกมาได้ความว่า "พระศาสนาพุทธเจ้าล่วงลับไปแล้ว 2357 พรรษา พระเจ้าหงสาวดี ทั้งสองพี่น้องได้มาตั้ง เมื่อใหม่ที่นี่ให้ชื่อว่า ไชยสุทธิ์ อุตมบุรี ในปีจอ ฉศก ตรงกับ ปีกาบเล็ด ในเดือน 4 แรม 1 ค่ำ วันอังคาร ภายนอก มีอาญาเจ้าวังหน้าเสนาอํามาตย์สิบร้อยน้อยใหญ่ ภายในมีเจ้าครูพุทธาและเจ้าชาดาวแก้ว เจ้าซาบา เจ้าซาสา เจ้าสีธัมมา เจ้าสมเด็จพพุทธา และพระสงฆ์สามเณรทุกพระองค์พร้อมกันมักใคร่ ตั้งใจไว้ยังพุทธศาสนา จึงให้นามวัดนี้ ว่า " วัดศรีสุนันทามหาอาราม" ตามพุทธบัญญัติสมเด็จพระพุทธองค์เจ้า ซึ่งมีติคตั้งไว้ในพระพุทธศาสนา สําเร็จ ในปีกดสี เดือน 5 เพ็ญวันจันทร์ มื้อฮวงมด ขอให้ตามคํามักคําปรารถนาแห่งฝูงเข้าทั้งหลายเทอญ" พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์เป็นขบถต่อกรุงเทพฯ ได้กวาดต้อนผู้คนไปอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ตั้งเมืองขึ้นใหม่ชื่อ เมืองหลวงปุงลิง ทิ้งเมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี เป็นเมืองร้าง ต่อมาได้สวามิภักดิ์ต่อเจ้าแผ่นดินญวนคือ เจ้าฟ้าสามกวนหลวง จึงแต่งตั้งให้ท้าวพระปทุมเป็นเจ้าเมืองปุงลิงแทน และให้ท้าวจารย์ญาเป็นอุปฮาด ท้าวจันทร์ศรีสุราช(โสม) เป็นราช วงค์ และท้าวปุเป็นราชบุตร พ.ศ. 2373 พระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) แม่ทัพไทยยกทัพมาปราบขบถเจ้าอนุวงศ์ ให้พระยาวิชิต สงครามตั้งทัพอยู่ที่เมืองนครพนม ให้ราชวงศ์ (เสน) จากเมืองเขมราช ท้าวขัตติยะ กรมการเมืองอุบลราชธานี และท้าวสีลา คุมไพร่พลไปตั้งอยู่ที่เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี ซึ่งเป็นเมืองร้าง เมื่อปราบขบถจนราบคาบแล้ว เจ้าพระยา บดินทร์เดชา จึงได้ขอปูนบําเหน็จให้ราชวงศ์ (เสน) เป็นพระไชยราชวงษา ครองเมือง ไชยบุรี ซึ่งเป็นเมืองของชาว ไทญ้อเดิม ต่อมาเป็นต้นตระกูลเสนจันทร์ฒิชัย พ.ศ. 2376 พระยามหาอํามาตย์ (ป้อม อมาตยกุล) เป็นแม่ทัพอยู่ ณ เมืองนครพนม ได้กวาดต้อนผู้คนทางฝั่ง ซ้ายแม่น้ำโขง อันมีกลุ่มชาติพันธ์ต่าง ๆ เช่น ผู้ไท,ข่า,โซ่ ,กะเลิง,แสก,ญ้อ,และโย้ย ให้มาตั้งถิ่นฐานทางฝั่งขวาแม่น้ำโขง เพื่อมิให้เป็นกําลังแก่เจ้าอนุวงศ์และญวน และได้เกลี้ยกล่อมชาวเมืองหลวงปุงลิง ซึ่งเป็นไทญ้อให้กลับมาด้วย โดยมา ตั้งถิ่นฐานที่เมืองร้างริมฝั่งขวาแม่น้ำโขงเป็นที่ตั้งเมืองใหม่ ในตอนที่ข้ามฝั่งแม่น้ำโขงมาเมื่อขึ้นเหยียบแผ่นดินใหม่เป็น เวลาย่ำรุ่งพอดี จึงได้ตั้งชื่อเมืองให้คล้องกับนิมิตรหมายที่ดีนี้ว่า เมืองท่าอุเทน แปลว่า เมืองท่าแห่งดวงอาทิตย์ยามรุ่ง อรุณ ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง ให้ท้าวพระปทุม เจ้าเมืองหลวงปุงลิงเป็นพระศรีวรราช เจ้าเมืองท่าอุเทนคนแรก ต้นตระกูลวดีศิริศักดิ์ พ.ศ. 2409 พระศรีวรราช (ท้าวพระปทุม) ได้ถึงถึงแก่กรรมลง เมืองท่าอุเทนขาดเจ้าเมืองอยู่ 2 ปี จนเมื่อ พ.ศ. 2411 จึงได้ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พระจําเริญพลรบ (เจ้าดวงจันทร์) เป็นพระศรีวรราชคน ต่อมา แต่อยู่ได้เพียง 1 ปี จึง กราบถวายบังคับทูลลาออกจากราชการ เนื่องจากมีความผิดหลายเรื่อง ส่วนที่1 อำเภอท่าอุเทน
36 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม พ.ศ. 2413ในสมัยรัชกาลที่ 5ได้โปรดเกล้าแต่งตั้งให้ราชบุตร (พรหมมา) ต้นตระกูลบุพศิริ เป็นพระศรีวรราช เจ้าเมืองท่าอุเทนคนที่ 3 อยู่ได้ 4 ปีก็ถึงแก่กรรม จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งท้าวบุญมาก (บุตรชายท้าวประทุม) เป็น พระศรีวรราช เจ้าเมืองท่าอุเทนและเป็นเจ้าเมืองคนสุดท้าย ต้นตระกูลกิติศรีวรพันธุ์ พ.ศ. 2442 กระทรวงมหาดไทย ประกาศใช้ข้อบังคับลักษณะการปกครองหัวเมือง ให้ยุบเลิกตําแหน่ง เจ้าเมือง อุปฮาด ราชวงศ์ ราชบุตร และกรมการเมืองแบบเก่า ให้เป็นผู้ว่าราชการเมือง ปลัดเมืองแทน ต่อมา พ.ศ. 2450 ได้ยุบเมืองท่าอุเทน เป็นอําเภอท่าอุเทน ขึ้นกับเมืองนครพนมและแต่งตั้งให้ขุนศุภกิจจํานงค์ (จันทิมา พลเตชา) ข้าหลวงประจําเมืองนครพนม เป็นนายอําเภอคนแรก ➢ การจัดการขยะในชุมชน ➢ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ➢ การป้องกันพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี การขับเคลื่อนการดำเนินงาน 1.มีการทบทวนคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ พชอ.ตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการ พัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ 2.จัดทำแผนงาน/โครงการในการดำเนินการ ที่ระบุกิจกรรมและระยะเวลาในการแบบมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน 3.กำหนดรูปแบบการบริหารงาน และวางแผนปฏิบัติการเชิงบูรณาการร่วมกัน 4.การสร้างความรู้ความเข้าใจมีอาการการดำเนินงานในพื้นที่ร่วมกัน 5.บูรณาการและประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานราชการ และภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 6.จัดเวทีประชาคมการจัดการขยะในชุมชน 7.สร้างกระบวนการเรียนรู้แก่ครัวเรือนให้เข้าใจถึงการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ส่วนที่2 ประเด็นอำเภอท่าอุเทน ส่วนที่3 ประเด็นที่ 1 การจัดการขยะในชุมชน
37 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม การวางแผน การสร้างการรับรู้ 1.สร้างความรู้ความเข้าใจ 2 . บ ู ร ณ า ก า รแ ละ ป ระ ส าน ก าร ด ำเ นิ นง า นก ั บห น่ ว ยง า นร าช ก า ร แ ล ะ ภ า ค ี ก า รพัฒนา 3.จัดเวทีประชาคมสร้างกระบวนการเรียนรู้แก่ครัวเรือน 4. การดำเนินงานแก้ไขปัญหา โครงการ/กิจกรรม(ขยะเปียก) 5. การดำเนินงานแก้ไขปัญหา โครงการ/กิจกรรม(ขยะทั่วไป) 6. การดำเนินงานแก้ไขปัญหา โครงการ/กิจกรรม (ขยะอันตราย) 7. การดำเนินงานแก้ไขปัญหา โครงการ/กิจกรรม (ขยะติดเชื้อ) 8.การติดตามประเมินผล รายงานในที่ประชุมและปรับปรุงแก้ไข
38 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ปัญหาอุปสรรค 1. ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจในการคัดแยกขยะมูลฝอยต้นทาง และหน่วยงานของรัฐไม่ได้ 2 . ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง 3. ประชาชนยังขาดจิตสานึกและไม่มีวินัยในการทิ้งขยะ มีการทิ้งขยะลงในที่หรือทาง สาธารณะ จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ทำให้การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ แนวทางในการพัฒนา 1. ทุกภาคส่วนช่วยกันทำให้คนในชุมชน มีความรู้ในการจัดการขยะอย่างถูกวิธี 2. ปลูกจิตสำนึกในการจัดการขยะในชุมชนตั้งแต่ระดับหลังคาเรือน 3. มีการจัดการขยะในชุมชน (ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง) อย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรมมากขึ้น การขับเคลื่อนการดำเนินงาน เป้าหมาย มีการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยทุกภาคีมีส่วนร่วม ตัวชี้วัด 1) อปท.มีการสนับสนุนการดำเนินงาน ตามประเด็น พชอ. ร้อยละ 100 2) ชุมชนมีกิจกรรมการป้องกันยาเสพติด ร้อยละ 100 3) โรงเรียนมัธยมและขยายโอกาสมีกิจกรรมการป้องกันยาเสพติด ร้อยละ 100 ส่วนที่4 ประเด็นที่ 2 การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน
39 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 1. มีการทบทวนคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ พชอ. ตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการ พัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ 2.จัดทำแผนงาน/โครงการในการดำเนินการ ที่ระบุกิจกรรมและระยะเวลาในการแบบมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน 3.กำหนดรูปแบบการบริหารงาน และวางแผนปฏิบัติการเชิงบูรณาการร่วมกัน 4.การสร้างความรู้ความเข้าใจมีอาการการดำเนินงานในพื้นที่ร่วมกัน 5. การบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติดในฐานะศูนย์ ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอท่าอุเทน 6.ส่งเสริมให้เยาวชนมีความรู้และตระหนักถึงปัญหายาเสพติด 7.สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ผลการดำเนินงานด้านการบำบัดรักษา
40 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ปัญหาอุปสรรค 1. ข้อจำกัดในการจัดกิจกรรมโครงการในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การดำเนินงานไม่ต่อเนื่อง 2. การเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมมีข้อจำกัดเนื่องจากมีการระบาดของโรคโควิด-19 ผู้เข้าร่วมกิจกรรมบาง ท่านต้องเข้ารับการกักตัว 3. ชุมชนมีความต้องการแก้ไขปัญหา ภาคีเครือข่ายเข้มแข็ง และสายสัมพันธ์ในชุมชนมีส่วนสำคัญใน การแก้ไขปัญหายาเสพติด 4. ทุกภาคส่วนต้องบูรณาการในการแก้ไขปัญหายาเสพติด 5. ผู้ป่วยในระบบบังคับบำบัดลดลงเนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนยกเลิกประมวลกฎหมายยาเสพติด 7 ฉบับ ซึ่ง จะเป็นในระบบสมัครใจ “ผู้เสพคือผู้ป่วย”ในการบำบัดฟื้นฟูในโรงพยาบาลท่าอุเทน แนวทางในการพัฒนา 1. รัฐบาลต้องมีนโยบายหรือกฎหมายที่สามารถบังคับใช้ให้เหมาะสม 2. ทุกภาคส่วนต้องบูรณาการในการแก้ไขปัญหายาเสพติด การขับเคลื่อนการดำเนินงาน เป้าหมาย ลดอัตราการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ตัวชี้วัด 1. ลดลงร้อยละ 15 ของปี 2565 2. ร้อยละ 50 อปท.มีการดำเนินงานการป้องกันพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี การป้องกันพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ส่วนที่5 ประเด็นที่ 3 การป้องกันพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี
41 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม ปัญหาอุปสรรค 1. พฤติกรรมการการกิน ความเคยชินกับวัฒนธรรมการกิน 2. กลุ่มเป้าหมายที่ตระหนักถึงอันตรายของโรค 3. การดำเนินงาน/งบประมาณไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ แนวทางในการพัฒนา 1. สร้างความรู้ สร้างความตระหนัก ความเข้าใจรายบุคคลโดยทุกภาคส่วนลงพื้นที่ในชุมชน/บ้าน 2. การจัดงบประมาณเรื่องการค้นหา คัดกรอง
42 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม บริบท อําเภอโพนสวรรค์มีอาณาเขตติดต่อกับอําเภอข้างเคียง ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับอําเภอศรีสงครามและอําเภอท่าอุเทน ทิศตะวันออก ติดต่อกับอําเภอท่าอุเทน ทิศใต้ ติดต่อกับอําเภอเมืองนครพนม และอําเภอกุสุมาลย์ (จังหวัดสกลนคร) ทิศตะวันตก ติดต่อกับอําเภอนาหว้า ➢ การแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต ➢ การแก้ไขปัญหายาเสพติด ➢ การป้องกันอุบัติเหตุ (การเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉิน) ➢ การจัดการขยะในชุมชน ➢ การป้องกันควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี การขับเคลื่อนการดำเนินงาน 1. ติดตามเยี่ยมบ้าน กลุ่มเสี่ยงที่ส่งออก Dashboard ภายใน 7-14 วัน - พยายามฆ่าตัวตาย (รหัส X) เยี่ยมติดตามภายใน 7 วัน - โรคทางจิตเวช (รหัส F) เยี่ยมติดตามภายใน 14 วัน 2. กลุ่มจิตเวชเรื้อรังที่เสี่ยงก่อความรุนแรง (SMIV) ออกติดตามเยี่ยม เดือนละ1 ครั้ง ส่วนที่1 อำเภอโพนสวรรค์ ส่วนที่2 ประเด็นปัญหาอำเภอโพนสวรรค์ สวนที่3 ประเด็นที่ 1 การแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต
43 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม 3. กลุ่มเสี่ยง /ที่มีอาการ มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง /พยายามฆ่าตัวตาย มีอาวุธ มีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เช่น เอะอะ อาละวาด ส่งเสียงดัง ประสาทหลอน หวาดระแวง ทำร้ายตนเอง ทำร้าย ผู้อื่น ทำลายทรัพย์สิน ประสานผู้นำชุมชน /รพสต. แจ้ง 191 ทีมนาคาพิทักษ์ นำส่งแผนกฉุกเฉิน 4. ทีมตำรวจนำส่งที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลโพนสวรรค์ แพทย์ประเมิน - กรณีที่ 1 แพทย์ประเมินอาการสงบ อาจ Admit และ/หรือ จำหน่ายกลับ - กรณีที่ 2 ประสานส่งต่อ ถ้าเตียงไม่ว่าง ขอเตียงนอนรอที่โรงพยาบาลโพนสวรรค์ 5. ทุก รพ.สต.ต้องมีทีมลงเยี่ยม นำโดย เจ้าหน้าที่ รพ. เจ้าหน้าที่ รพ.สต.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และทีมนาคาพิทักษ์ 6. ผู้ป่วย Admit ที่จำหน่าย ( D/C ) จะแจ้งรายชื่อลงในกลุ่มไลน์ “ดูแลผู้ป่วยจิตเวชแบบบูรณาการ” จะลงติดตามเยี่ยมทุกเดือน ปัญหาที่พบในการดำเนินงาน 1. ผู้ป่วยจิตเวชยังมีปัญหาขาดการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่องเช่น ผู้ป่วยไม่ร่วมมือในการรับประทานยา ไม่ยอมรับการเจ็บป่วย ไม่มารักษาตามนัด หรือบางรายขาดจากระบบการรักษา 2. ปัญหาการใช้สุราสารเสพติด:ผู้ป่วยจิตเวชที่ใช้สุราสารเสพติดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำ ให้มีอาการกำเริบหรือ 3. เกิดพฤติกรรมรุนแรงทั้งต่อตนเองหรือผู้อื่น 4. ครอบครัว ท้อแท้เบื่อหน่าย ทอดทิ้งให้อยู่ลำพัง 5. ชุมชน เบื่อหน่าย ทอดทิ้ง การขับเคลื่อนการดำเนินงาน วัตถุประสงค์ของโครงการ 1. ดำเนินการเชิงรุกในทุกพื้นที่ของอำเภอ ในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง 2. ส่งเสริมบทบาทของฝ่ายปกครองในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายใน 3. กระชับความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบเรียบร้อย 4. พัฒนาสมรรถนะของกำลังพลในพื้นที่ให้สามารถรองรับภารกิจ ที่ได้รับมอบหมายจาก 5. ผู้บังคับบัญชา สามารถสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน สวนที่4 ประเด็นที่ 2 การขับเคลื่อนการแก้ปัญหายาเสพติด
44 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม เป้าหมายการดำเนินงาน 1. ตั้งชุดปฏิบัติการฯ ออกตรวจและตั้งด่านตรวจฯ ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ โดยมีชุดปฏิบัติการ พิเศษอำเภอโพนสวรรค์ 1 ชุด และชุดปฏิบัติการตำบลทุกตำบล อย่างน้อยตำบลละ 2 ชุด 2. ติดตั้งตู้โพนสวรรค์ร่มเย็นในทุกหมู่บ้าน จำนวน 92 ตู้ และชุมชนในเขตเทศบาล จำนวน 9 ชุมชน รวมทั้งสิ้น 101 ตู้ เป็นตู้สายตรวจ และตู้รับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ของประชาชน 3. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านฯลฯ อย่างน้อยร้อยละ 70 มีความเข้าใจในกระบวนงานการปฏิบัติการเชิงรุก 4. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งได้มีส่วนร่วมในการบูรณาการการปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ผลการดำเนินงาน จับผู้ค้า 47 ราย ของกลาง ได้แก่ ยาบ้า รวมจำนวน 3,813 เม็ด ยาไอซ์รวมจำนวน 32 กรัม ผู้เสพส่งบำบัดรักษา จำนวน 42 คน และจิตเวชจำนวน 11 ราย โครงการช่วยเหลือผู้เสพ/ผู้ติดสารเสพติด ของศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม จังหวัดนครพนม สาขาอำเภอโพนสวรรค์
45 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม รุ่นที่ 1 วันที่ 9 - 23 มี.ค.2566 จำนวน 50 คน รุ่นที่ 2 วันที่ 25 มี.ค. - 8 เม.ย. 2566 จำนวน 52 คน ประเด็นที่จะต้องทำแผนพัฒนา 1. การเข้าถึงบริการบำบัดรักษาน้อย 2. การค้นหาคัดกรองผู้เสพยาและสารเสพติดในชุมชน 3. ขาดการส่งต่อข้อมูลและส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการบำบัด 4. บำบัดฟื้นฟูโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน 5. การติดตามผู้บำบัดที่ขาดนัด การบำบัดรักษา 1. กลุ่มผู้ใช้ (สีเขียว) บำบัดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (CBTx) ที่ศูนย์คัดกรองยาเสพติดในพื้นที่ 2. กลุ่มผู้เสพ (สีเหลือง) บำบัดที่ศูนย์คัดกรองยาเสพติดในพื้นที่ หรือรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ที่โรงพยาบาลชุมชน 3. กลุ่มผู้ติด (สีแดง) กลุ่มผู้ติดและมีอาการทางจิต OAS=2 คะแนนขึ้นไป (สีแดง) ให้การรักษาแบบระบบ ผู้ป่วยใน ถ้าอาการไม่รุนแรง หรือ ถ้ารุนแรง เกินศักยภาพ ส่งต่อจิตเวช แล้วต่อกรณี ถ้า ส่งต่อเตียงไม่ว่าง ใช้ระบบจองเตียง และนอน Admit ที่ รพ.โพนสวรรค์ เพื่อรอส่งต่อ การดำเนินการต่อไป 1. ศูนย์คัดกรองกลุ่มเสี่ยง รพสต.ทุกแห่ง 2. การคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่ 3. เครือข่ายอสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน
46 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม การขับเคลื่อนการดำเนินงาน แนวทางการจัดการปัญหา เชิงรุก 1. ออกให้ความรู้ในกลุ่มเยาวชน 2. ส่งเสริมวินัยจราจรในโรงเรียน 3. สร้างวัฒนธรรม : ด่านชุมชนตามเทศกาลต่างๆ 4. กิจกรรมรณรงค์ต่างๆ เชิงรับ 1. หน่วยกู้ชีพแต่ละพื้นที่และโรงพยาบาลมีความพร้อมในการบริการ 2. จัดตั้งหน่วย 3. ซ้อมแผนอุบัติเหตุระดับอำเภอ กิจกรรมป้องกันอุบัติเหตุจราจร อำเภอโพนสวรรค์ 1. การซ้อมแผนตั้งโต๊ะ/ภาคสนาม เทศกาลสงกรานต์วันที่ 7 เมษายน 2566 2. การเดินรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุ วันที่ 11 เมษายน 2566 3. การจัดตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ผลงาน อำเภอโพนสวรรค์ มีนโยบายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการจัดการขยะมูล ฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ประจําปี พ.ศ. 2566 จัดทําถังขยะเปียก ลดโลกร้อน ครบทุกครัวเรือน (100%) กำลังดำเนินงาน แผนการสุ่มตรวจสอบ เชิงคุณภาพถังขยะเปียก สวนที่5 ประเด็นที่ 3 การป้องกันอุบัติเหตุ (การเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สวนที่6 ประเด็นที่ 4 การจัดการขยะในชุมชน
47 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม สถานการณ์ คัดกรองโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี อ.โพนสวรรค์ ในปี 65 โดยนำร่องที่ต.นาใน กลุ่มเป้าหมาย 194 ราย 1. พบผลปกติ จำนวน 110 ราย ร้อยละ 56.70 2. พบผลผิดปกติจำนวน 84 ราย ร้อยละ 43.3 โดยแบ่งเป็น ความผิดปกติ - แบบ Fatty liver จำนวน 43 ราย ร้อยละ 22.2 - แบบ PDF จำนวน 42 ราย ร้อยละ 21.6 - ความผิดปกติแบบ Parenchymal change จำนวน 1 ราย ร้อยละ 0.5 ปี 2566 กลุ่มเป้าหมายคือ ต.โพนจาน จำนวน 105 ราย แนวทางการดำเนินงาน 1. การประชุมคณะกรรมการระดับ คปสอ. โพนสวรรค์ 2. การสำรวจกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ รพ.สต. 3. การคัดกรองกลุ่มเสี่ยงโดย Verbral Screening 4. การตรวจอุจจาระในกลุ่มเป้าหมาย 5. การตรวจ Ultra sound ในรายที่ผิดปกติ 6. การบำบัดรักษาในกลุ่มที่พบ พยาธิภาพของโรคพยาธิใบไม้ในตับ ผลการดำเนินงาน - กำลังดำเนินการอยู่ ปัญหาอุปสรรค 1. การกำหนดประเด็นใหม่ 2. คณะกรรมการปรับเปลี่ยนย้าย และการเปลี่ยนผู้ประสานงาน สวนที่7 ประเด็นที่ 5 การป้องกันควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี
48 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม บริบท อําเภอบ้านแพงมีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับอําเภอบึงโขงหลง (จังหวัดบึงกาฬ) ทิศตะวันออก ติดต่อกับแขวงคําม่วน (ประเทศลาว) และอําเภอท่าอุเทน ทิศใต้ ติดต่อกับอําเภอศรีสงคราม ทิศตะวันตก ติดต่อกับอําเภอนาทม และอําเภอบึงโขงหลง (จังหวัดบึงกาฬ) ประชากร ทั้งหมด 35,234 คน ชาย 17,707 คน หญิง 17,527 คน ➢ การแก้ไขปัญหาพยาธิใบไม้ในตับและมะเร็งท่อน้ำดี ➢ การจัดการขยะชุมชน ➢ การดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง วัตถุประสงค์การแก้ปัญหา 1. เพื่อบูรณาการการจัดการปัญหาพยาธิใบไม้ในตับและมะเร็งท่อน้ำดีในเขตอำเภอบ้านแพง 2.เพื่อลดอัตราการเกิดโรคพยาธิใบไม้ในตับและมะเร็งท่อน้ำดี เป้าหมาย มีระบบเฝ้าระวัง ควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ และสร้างภูมิคุ้มกันให้ครอบคลุม ตัวชี้วัด 1) เพื่อให้ประชาชนมีความให้ความรู้ทัศนคติเกี่ยวกับโรคมะเร็งตับท่อน้ำดีและพยาธิใบไม้ในตับ ร้อยละ 80 2) ลดอัตราป่วยพยาธิใบไม้ตับ ลดอัตราการตายด้วยโรคมะเร็งท่อน้ำดี ร้อยละ 10 ส่วนที่1 อําเภอบ้านแพง ส่วนที่2 ประเด็นปัญหาอําเภอบ้านแพง ส่วนที่3 ประเด็นที่ 1 การแก้ไขปัญหาพยาธิใบไม้ในตับและมะเร็งท่อน้ำดี
49 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม แผนปฏิบัติการควบคุมการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ อำเภอบ้านแพง เป้าหมาย มีระบบเฝ้าระวัง ควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ และสร้างภูมิคุ้มกันให้ครอบคลุม ตัวชี้วัด 1) ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้น ร้อยละ 100 2) กลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแลทางด้านคุณภาพชีวิต (PPS score ADL) ร้อยละ 100 การดำเนินงาน 1. กองทุนช่วยเหลือผู้มีภาวะพึ่งพิง ทุกตำบล 2. ประเมินสุขภาพ และช่วยเหลือ ผู้มีภาวะพึ่งพิง ส่วนที่4 ประเด็นที่ 2 การดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง
50 คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับจังหวัด จังหวัดนครพนม 3. ชมรมฟุตบอลอาวุโส อำเภอบ้านแพง เป้าหมาย ส่งเสริมให้ชุมชนคัดแยกขยะ มีถังขยะอินทรีย์ ลดโลกร้อน ตัวชี้วัด 1) ทุกครัวเรือนในชุมชนมีถังขยะอินทรีย์ ร้อยละ 100 การดำเนินงาน การดำเนินงาน โครงการ ถังขยะอินทรีย์ ทุกครัวเรือน (7905 ครัวเรือน) มีถังขยะอินทรีย์ อย่างน้อย 1 ถัง คิดเป็น ร้อยละ 100 ปัญหาและอุปสรรค 1. การเปลี่ยนแปลงผู้รับผิดชอบงานความต่อเนื่องการดำเนินงาน 2. การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับอำเภอ การสื่อสาร , ความต่อเนื่อง แนวทางการพัฒนา วางแผนเพื่อพัฒนาประเด็นอื่นๆ การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจร ส่วนที่5 ประเด็นที่ 3 การจัดการขยะชุมชน