รายงานการวจิ ยั ในชั้นเรียน
เรอ่ื ง
พฒั นาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์
ด้วยการเรียนรูแ้ บบกระบวนการกลมุ่ ในช้ันเรียน
เรื่อง ลม ฟา้ อากาศ ของนกั เรียนระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1
ผวู้ จิ ยั
นางสาวสวุ ิมล ปานแก้ว
ครูผ้สู อนกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนคเู ต่าวทิ ยา
อำเภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา
ช่ือเรือ่ งวิจัย พฒั นาผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นวชิ าวิทยาศาสตร์ดว้ ยการเรยี นรแู้ บบกระบวนการกลุม่ ในชนั้ เรยี น เรื่อง ลม ฟา้
อากาศ ของนักเรียนระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่2
ชื่อผู้วิจยั นางสาวสุวมิ ล ปานแก้ว
บทคัดย่อ
การวจิ ยั คร้ังนี้มีวัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิใ์ นการเรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์ด้วยการเรียนรูแ้ บบกระบวนการกลุ่ม
ในช้นั เรยี นเรือ่ ง ลม ฟ้า อากาศ ของนักเรยี นระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 จำนวนเปา้ หมาย 32
คน เคร่ืองมือในการวจิ ัย คือ แผนการจัดการเรยี นรู้แบบกระบวนการกล่มุ เร่ือง ลม ฟ้า อากาศ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการ
ทำงานกลุ่ม แบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลังเรียน และชิ้นงานกลุม่ “ชนดิ ของเมฆ” ผลการวิจยั พบว่า นักเรยี นจำนวน 27 คน
หรอื รอ้ ยละ 84.37 มผี ลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นเกินเกณฑ์ ท่ีกำหนดไว้ สว่ น อีก 5 คน หรอื รอ้ ยละ 15.63 มผี ลสัมฤทธทิ์ างการ
เรียนต่ำกวา่ เกณฑแ์ ละพบว่า กลุ่มเปา้ หมายมีการร่วมมือกันในกล่มุ เพื่อชว่ ยกันคิด วเิ คราะห์ แสดงความเห็น และสรา้ งผลงาน
กลุ่มได้เป็นอย่างดี ซึง่ กระบวนการกล่มุ ช่วยให้นักเรียนเกิดการคิดอย่างมีระบบข้ึน
ความสำคญั และความเปน็ มาของปัญหา
ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ ดว้ ยการเรียนร้แู บบกระบวนการกลุ่มในชน้ั เรยี น ของนกั เรียนระดับ
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ยงั อยู่ในระดบั ท่ีไมเ่ ป็นทนี่ ่าพอใจ คือ มีระดับคะแนนตำ่ กวา่ เกณฑ์ (รอ้ ยละ 60) เน่อื งจากปจั จัย
หลายประการท่ีกระทบต่อการจัดการเรียนการสอน ดงั นี้ ความแตกตา่ งทางด้านความสามรถของนักเรยี น การจัดกล่มุ ที่
นักเรียนเรียนดอี ยู่กับนักเรียนเรยี นดี เหลือนกั เรียนเรยี นอ่อนตอ้ งอยดู่ ว้ ยกัน ส่งผลใหน้ ักเรียนกลมุ่ อ่อนมผี ลสัมฤทธิ์ทางการ
เรยี นรตู้ ำ่ กวา่ เกณฑ์ นักเรยี นแบ่งแยกกันเป็นกลุ่มๆ ด้วยเหตุนีเ้ พือ่ เป็นการแกไ้ ขปัญหาดังกล่าวขา้ งตน้ ขา้ พเจ้าจงึ ไดท้ ำการ
วจิ ัยในช้นั เรยี นเพอื่ มงุ่ เนน้ ให้ นักเรียนระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ได้มีการพฒั นาการเรียนรู้ โดยใช้
กระบวนการเรยี นรู้ แบบกระบวนการกลุม่ มสี ว่ นร่วมในชน้ั เรยี น โดยสลับกลุ่ม หมุนเวียนกลมุ่ นักเรียนให้ในแตล่ ะกลุม่ มี
นักเรียนทีม่ ีความสามารถและมผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรียนทีแ่ ตกตา่ งกันอยดู่ ว้ ยกนั ซึ่งจะชว่ ยเพม่ิ ผลสัมฤทธิ์ต่อการเรียนเนน้ ฝึก
ปฏิบตั ิและใช้ ความคิดร่วมกนั ด้วยกระบวนการกลุ่มเพื่อสร้างผลงานกล่มุ รว่ มกนั ทง้ั พฒั นาการทำงานร่วมกันของสรา้ ง
สัมพนั ธภาพที่ดีต่อกันทัง้ ห้อง ไม่แบง่ กันเป็นกลุม่ ๆอย่างท่ีผา่ นมา เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการเรียนรู้ใน
ด้านเนือ้ หา และทักษะการปฏิบัติงาน ผ้วู จิ ัยเห็นถึงปญั หาและประโยชนใ์ นอนาคตทางการศึกษาจงึ ได้ทำวจิ ัยเรื่องน้ีเพื่อ
ประโยชน์สำหรบั การศึกษาต่อไป
วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย
เพ่อื พัฒนาผลสมั ฤทธ์ใิ นการเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ดว้ ยการเรียนร้แู บบกระบวนการกลุ่มในช้นั เรียน
เรอื่ งลม ฟ้า อากาศ ของนักเรียนระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1
สมมุติฐาน
การเรียนรแู้ บบกระบวนการกลุ่มในชนั้ เรียนเร่ืองลม ฟ้า อากาศ ช่วยพัฒนาผลสมั ฤทธใ์ิ นการเรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์
ของนักเรยี นระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1
ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ ับ
1. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ เร่อื ง ลม ฟ้า อากาศ ของนักเรียนระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1
มีคา่ ระดับคะแนนไม่ต่ำ กวา่ ร้อยละ 60
2. นักเรียนในกลุ่มทท่ี ำการวิจัยมีปฏิสมั พันธเ์ พื่อช่วยกันทำงานกลุ่มในช้ันเรียนก่อให้เกินทกั ษะการรว่ มคิด สรุปผล
และสรา้ งผลงานกลุ่มได้
3. นกั เรียนมคี วามสนใจและมีความตง้ั ใจในการเรยี นมากขึ้น
ขอบเขตของการวจิ ัย
กลุม่ เป้าหมายนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 จำนวน 32 คน
ตวั แปรต้น คอื การเรียนรู้แบบกระบวนการกลมุ่ ในชน้ั เรยี น
ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธใิ์ นการเรยี นรู้ เร่อื ง ลม ฟ้า อากาศ
ระยะเวลา จำนวน 9 คาบ ในภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563
เอกสารประกอบการวจิ ัย
1. แผนการจัดการเรยี นรู้ เร่ือง ลม ฟ้า อากาศ
2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม
3. แบบทดสอบหลังเรียน เรอ่ื ง ลม ฟ้า อากาศ
นิยามศพั ท์
1. ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น (Learning Achievement) หมายถงึ ความสามารถในการเรียนรู้ หรอื ผลความสำเร็จท่ี
ไดร้ บั จากกิจกรรมการเรยี นการสอน วดั ไดจ้ ากคะแนนในการทำแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนทีส่ ร้างข้นึ ตามเน้อื หา
และจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ในวชิ าวิทยาศาสตร์ โดยวดั ความสามารถดังตอ่ ไปน้ี
(1) ด้านความรู้ ความจำ หมายถึง ความสามารถในการจดจำ และระลึกเกี่ยวกบั ขอ้ เทจ็ จริง หลกั การและ
ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ออกมาได้ถูกตอ้ งแมน่ ยา
(2) ด้านความเข้าใจ หมายถึง ความสามารถในการอธิบาย บ่งบอกใจความสำคัญ โดยการแปลความ
ตีความได้ สรปุ ใจความสำคญั เกีย่ วกับข้อเท็จจรงิ หลกั การและทฤษฎที างวิทยาศาสตรไ์ ด้
(3) ด้านการนำไปใช้ หมายถงึ ความสามารถในการนำหลักการกฎเกณฑ์และวิธดี ำเนนิ การตา่ งๆ
ทางวทิ ยาศาสตร์ท่ีไดเ้ รียนรู้มา ไปใช้แก้ปญั หาในสถานการณ์ใหมไ่ ด้
(4) ดา้ นการวิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการเรื่องราวส่งิ ตา่ ง ๆ ออกเปน็ สว่ นยอ่ ยที่เป็น
องค์ประกอบสำคัญได้ เข้าใจความหมายแฝงและมองเหน็ ความสมั พันธ์ของส่วนท่ีเกยี่ วข้องกัน
2. เทคนิคการสอนโดยใช้กระบวนการกลุ่มหมายถึง กลวิธที ี่ครใู ชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนไปตามลำดบั
ต่อเนอ่ื งกันให้ไดม้ าซึ่ง การรวมตวั กันเป็นกลุ่มของนกั เรยี นและการดำเนนิ กิจกรรมของกลุ่มนกั เรยี นเพ่ือช่วยใหน้ ักเรียนเกิด
การเรียนรเู้ น้อื หาสาระตามวตั ถปุ ระสงค์ องค์ประกอบของกลุ่มมีดงั น้ี
(1) ผ้นู ำ คอื ผ้ทู ่ีทำหนา้ ที่เป็นผนู้ ำ กลุ่มให้สามารถทำงานจนบรรลุเปา้ หมายของกลุม่ ไดส้ ่วนหน่ึงขึน้ อยู่กบั
ความสามารถขอผู้นำ หากกลุ่มใดมีผู้นำทด่ี ี กลุ่มนนั้ กย็ ่อมจะมีโอกาสประสบความสำเรจ็
(2) สมาชกิ กลมุ่ สมาชกิ กลุ่มท่ีดนี ัน้ จำเปน็ ตอ้ งมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในบทบาทหนา้ ท่ีของตน โดยรู้ว่าตน
ควรทำอะไรทีจ่ ะชว่ ยอำนวยใหก้ ารทำงานเปน็ ทีมบรรลผุ ลสำเร็จ
(3) กระบวนการทำงาน คือ วิธีทีก่ ลมุ่ ใช้ในการทำงาน ผลงานของกลมุ่ จะออกมาดมี ากนอ้ ยเพียงใดขนึ้ อยู่
กับวธิ ีและขั้นตอนท่ีกลุ่มใช้ในการท างานดว้ ย หากกลมุ่ ใช้วิธกี ารท างานท่เี หมาะสมกบั ลักษณะงาน ผลงานก็มกั มีคุณภาพ
ตามไปด้วย
งานวิจยั ทเ่ี ก่ียวข้อง
1. ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรดู้ ้วยกล่มุ ร่วมมือ แบบ STAD กลุ่มสาระการเรียนรูศ้ ลิ ปะ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่2
(สมวาท โพธ์ิกฎ : 2552) โดยสรุป แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรดู้ ้วยกลุ่มรว่ มมอื แบบ STAD กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ
ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2 มีประสทิ ธิภาพเหมาะสม ทำให้นกั เรียนมีผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน มที กั ษะการเรียนรู้ กลุ่มร่วมมอื
และให้ความรว่ มมือในการเรียนดีข้นึ สามารถใชเ้ ป็นแนวทางในการพัฒนาคณุ ภาพการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ทีเ่ น้นผเู้ รียน
เปน็ สำคัญได้จึงควรส่งเสรมิ สนบั สนุนใหค้ รูนำแผนน้ไี ปใช้ในการจดั การ เรยี นการสอนกลมุ่ การเรียนรูอ้ ่นื ต่อไป
2. ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ภาษาไทยด้านการอ่านเชงิ วเิ คราะห์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ดว้ ยกลมุ่ รว่ มมอื แบบ STAD
(จิระนันท์ ไตรแสง : 2551) โดยสรปุ แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทยดว้ ยกลมุ่ รว่ มมอื แบบ STAD สง่ ผลใหน้ ักเรียน
สามารถพฒั นาทักษะดว้ ยการอ่านเชงิ วเิ คราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเหมาะในการทจี่ ะนำไปใช้ในการจดั กจิ กรรม
การเรียนการสอนภาษาไทย
3. ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นวิทยาศาสตร์และความสามารถในการคิดอยา่ งมีเหตุผลของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ท่ีไดร้ ับ
การจดั การเรียนรโู้ ดยใช้ ปญั หาเปน็ พนื้ ฐานและการจดั การเรียนร้แู บบรว่ มมือด้วย เทคนคิ STAD (สุกัญญา พิทกั ษ์ : 2554)
โดยสรุป นกั เรยี นทไี่ ดร้ ับการจดั การเรยี นร้กู ารจัดการเรียนรู้แบบรว่ มมือด้วยเทคนคิ STAD มี ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี น
วิทยาศาสตร์หลังเรยี นสงู กวา่ ก่อนเรียนโดยนักเรียนที่ได้รับการจดั การเรียนรู้โดย ใชป้ ัญหาเป็น ฐานและการจัดการเรียนรู้
แบบรว่ มมือดว้ ยเทคนิคSTAD มผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น วทิ ยาศาสตรแ์ ละความสามารถในการคิดอยา่ งมเี หตผุ ลแตกตา่ ง
วิธีการดำเนินการ
การวจิ ัยในคร้ังน้ี ผวู้ จิ ัยได้ดำเนินการตามลำดบั ขั้น ดงั นี้
1. กลุ่มเปา้ หมาย
กลมุ่ เป้าหมายทใี่ ชใ้ นการวิจัย คอื นกั เรยี นในระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนคูเตา่ วทิ ยา ภาคเรยี นท่ี 2
ปีการศึกษา 2563จำนวน 32 คน
2. เครอื่ งมือวจิ ยั
2.1 แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง ลม ฟ้า อากาศ
2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
2.3 แบบทดสอบหลงั เรียน เร่ือง ลม ฟา้ อากาศ
3. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
ดำเนินการจัดการเรยี นร้แู บบกระบวนการกลมุ่ ในช้ันเรยี น ในวิชาวิทยาศาสตร์ของนกั เรียนระดับชน้ั
มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1
4. การวิเคราะหข์ อมูล
วเิ คราะหค์ ะแนนและรอ้ ยละของคะแนนท่ีไดจ้ ากแบบทดสอบหลังเรียน จำนวน 15 ขอ้ เทยี บกับ
เกณฑ์ ท่ไี ด้กำหนดไว้คือ ร้อยละ 60 และชิ้นงานชนดิ ของเมฆ
ผลการวิจัย
จากการดำเนนิ การจัดการเรยี นรู้ เร่ืองลม ฟ้า อากาศ ดว้ ยการเรยี นรูแ้ บบกระบวนการกลุ่มใน ชัน้ เรียนของนักเรียน
ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 จำนวน 32 คน เสร็จสิน้ แลว้ ให้นักเรยี นกลมุ่ เปา้ หมายนี้ ทำ
แบบทดสอบหลงั เรียน จำนวน 15 ข้อ ซ่ึงสรุปผลการบันทึกคะแนนได้ใน ตารางต่อไปน้ี
ตารางสรปุ คะแนน จากการทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เรื่อง โครงสรา้ งภายในโลก จำนวน 21 คน
ด้วยการเรยี นรู้แบบกระบวนการกลุ่มในชัน้ เรียน
คะแนนทีไ่ ด้ คดิ คะแนนเปน็ ร้อยละ จำนวนนักเรียน ความถ่สี ะสม ร้อยละความถสี่ ะสม
(ขอ้ ) (คน) (คน) (คน)
15 100 4 4 19.04
14 93.33 5 9 28.13
13 86.67 4 13 40.63
12 80.00 6 19 59.38
11 73.33 5 24 75.00
10 66.67 3 27 84.38
9 60.00 3 30 93.75
8 53.33 2 32 100
รวม 21 - -
สรุปผลการวจิ ัยและเสนอแนะ
สรปุ ผลการวิจัย
1. นักเรยี นกล่มุ เปา้ หมาย มผี ลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนเรื่อง ลม ฟา้ อากาศ สงู กวา่ เกณฑ์ร้อยละ 60
เปน็ จำนวน 27 คน คิดเปน็ ร้อยละ 84.37
2. นักเรียนกล่มุ เปา้ หมาย มีการร่วมมอื กันในกลุม่ เพื่อชว่ ยกันคิด วิเคราะห์ แสดงความเห็น และ สรุปผลใน
กิจกรรมตา่ งๆ เป็นอย่างดี ซงึ่ กระบวนการกลมุ่ ช่วยใหน้ ักเรียนเกิดการคิดอย่างมรี ะบบข้ึน
3. จากการวจิ ัยพบว่า การดำเนินการจัดการเรียนร้ดู ว้ ยการเรยี นรแู้ บบกระบวนการกลมุ่ ในช้นั เรียนช่วยพฒั นา
ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรยี นดขี นึ้
ข้อเสนอแนะจากผลการวจิ ยั
1. จากผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรียนจำนวน 5 คน คดิ เป็นร้อยละ 15.63 มผี ลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี นตำ่ กว่าเกณฑ์ ซ่ึงนกั เรยี นกลุม่ น้ีควรได้รบั การพัฒนาด้วยเทคนิคอื่นๆต่อไปเพ่ือใหผ้ ลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นท่ีดขี ้ึน
2. ในระหวา่ งดำเนนิ การเรียนการสอน ครผู ู้สอนควร สอดแทรกคุณธรรมและจริยธรรม ในเรอื่ ง ความรบั ผดิ ชอบ
ความซือ่ สัตย์ตลอดจนสร้างเจตคติท่ดี ีต่อวิชาวทิ ยาศาสตร์ให้กับนกั เรียนด้วย
ภาคผนวก
แบบทดสอบเรยี น
คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนเลอื กคำตอบท่ีถกู ต้องท่ีสุด
1. บรรยากาศ หมายถึงอะไร
ก. อากาศรอบตัวเราประกอบดว้ ยแกส๊ ชนิดตา่ งๆ ผสมเปน็ เนอ้ื เดียวกัน
ข.อากาศที่อยูเ่ หนอื พ้ืนดนิ 2 กิโลเมตร
ค. อากาศทอ่ี ยนู่ อกโลก
ง. อากาศที่อยภู่ ายในพน้ื ดิน
2. บรรยากาศแบง่ เป็นกี่ชั้น อะไรบา้ ง
ก. 3 ชน้ั ได้แก่ ชนั้ บน ,ช้ันกลาง , ชน้ั ล่าง
ข. 4 ช้นั ไดแ้ ก่ ชัน้ โทรโพสเฟยี ร์ , ชัน้ สตราโตสเฟยี ร์ , ชน้ั มีโซสเฟยี ร์ ,ชัน้ เทอร์โมสเฟียร์
ค. 2ชั้น ได้แก่ ชนั้ บน , ช้นั ล่าง
ง. 3 ชัน้ ไดแ้ ก่ ช้ันโทรโพสเฟียร์ , ช้นั สตราโตสเฟียร์ , ชนั้ มโี ซสเฟยี ร์
3. บรรยากาศชัน้ ใดเป็นชั้นที่มีการแปรปรวนของสภาพลมฟา้ อากาศ
ก. ช้นั สตราโตสเฟียร์ ข. ช้ันเทอรโ์ มสเฟยี ร์
ค. ชนั้ โทรโพสเฟยี ร์ ง. ช้ันมีโซสเฟียร์
4. บรรยากาศชัน้ ใดท่อี ณุ หภูมจิ ะเพ่ิมตามความสูงจนถึงประมาณ 170 องศาเซลเซยี ส
ก. ช้นั สตราโตสเฟยี ร์ ข. ชน้ั เทอรโ์ มสเฟยี ร์
ค. ช้ันโทรโพสเฟียร์ ง. ชัน้ มโี ซสเฟยี ร์
5. บรรยากาศชนั้ ใดเม่อื มวี ตั ถเุ ขา้ มาจะเร่มิ เกกิ ารเผาไหม้
ก. ชัน้ สตราโตสเฟียร์ ข. ช้นั เทอร์โมสเฟียร์
ค. ชัน้ โทรโพสเฟยี ร์ ง. ช้นั มโี ซสเฟยี ร์
6. บรรยากาศชั้นใดมีปริมาณโอโซนอยู่มาก โอโซนในบรรยากาศจะดดู กลืนรงั สอี ัลตราไวโอเลตจากดวง อาทติ ย์
ก. ชั้นสตราโตสเฟียร์ ข. ชน้ั เทอร์โมสเฟียร์
ค. ชัน้ โทรโพสเฟียร์ ง. ชั้นมีโซสเฟยี ร์
7. เหตุใดโลกจึงไม่ได้รบั พลังงานรงั สีจากดวงอาทิตยไ์ มค่ รบ 100 เปอรเ์ ซน
ก.รงั สบี างสว่ นจะมกี ารสะท้อนกลับสาอากาศ บางสว่ นจะถูกดูดกลืนโดยแก๊ซต่างๆในบรรยากาศ และสว่ นทเ่ี หลอื จะลงมาถึง
โลก
ข. มกี ารสะท้อนกลบั ประมาณ 25 เปอร์เซน
ค. เพราะโลกหมนุ รอบตัวเอง
ง. เพราะโลกไม่มีแสงสว่างในตัวเอง
8. องคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศมีอะไรบ้าง
ก. ความช้ืน อณุ หภูมิ ความดันอากาศ และฝน
ข.อุณหภมู ิ ความดนั อากาศ ลม ความช้ืนอากาศ เมฆ และฝน
ค. ดิน หนิ แร่
ง. หมอก ควัน
9. เม่อื โมเลกลุ ของอากาศชนกับพืน้ ผวิ ของวตั ถุ จะทำให้เกดิ แรงกระทำบนพืน้ ผิวน้นั เรยี กแรงที่เกดิ ข้นึ วา่ อะไร
ก.แรงดันอากาศ ข.ลม
ค. ฝน ง.ดิน
10. ความชืน้ อากาศหมายถึงอะไร
ก.ปริมาณแรงของไอน้ำในอากาศที่กระทำต่อวัตถุ
ข. ปรมิ าณนำ้ ในอากาศ ความชื้นของอากาศสง่ ผลตอ่ ส่งิ ต่างๆบนโลก
ค. ปรมิ าณแรงของไอน้ำในนำ้
ง. ปรมิ าณแรงของไอน้ำในดนิ
เฉลยแบบทดสอบเรยี น
คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบที่ถกู ต้องท่สี ดุ
1. บรรยากาศ หมายถึงอะไร
ก. อากาศรอบตวั เราประกอบด้วยแก๊สชนิดต่างๆ ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
ข.อากาศท่ีอยู่เหนือพื้นดิน 2 กิโลเมตร
ค. อากาศที่อยู่นอกโลก
ง. อากาศท่อี ยภู่ ายในพน้ื ดิน
2. บรรยากาศแบ่งเป็นกี่ช้ัน อะไรบ้าง
ก. 3 ชน้ั ได้แก่ ช้ันบน ,ชัน้ กลาง , ชัน้ ล่าง
ข. 4 ชน้ั ได้แก่ ชน้ั โทรโพสเฟียร์ , ช้นั สตราโตสเฟียร์ , ชน้ั มีโซสเฟียร์ ,ชนั้ เทอรโ์ มสเฟียร์
ค. 2ช้ัน ไดแ้ ก่ ชนั้ บน , ชัน้ ลา่ ง
ง. 3 ช้นั ได้แก่ ช้ันโทรโพสเฟยี ร์ , ชนั้ สตราโตสเฟยี ร์ , ชัน้ มโี ซสเฟยี ร์
3. บรรยากาศชนั้ ใดเป็นช้ันท่ีมกี ารแปรปรวนของสภาพลมฟา้ อากาศ
ก. ชน้ั สตราโตสเฟยี ร์ ข. ช้ันเทอร์โมสเฟียร์
ค. ชัน้ โทรโพสเฟยี ร์ ง. ช้นั มโี ซสเฟียร์
4. บรรยากาศชัน้ ใดท่อี ณุ หภูมิจะเพิ่มตามความสงู จนถึงประมาณ 170 องศาเซลเซียส
ก. ชั้นสตราโตสเฟยี ร์ ข. ชัน้ เทอร์โมสเฟยี ร์
ค. ชัน้ โทรโพสเฟยี ร์ ง. ชั้นมโี ซสเฟียร์
5. บรรยากาศชั้นใดเม่อื มีวัตถเุ ขา้ มาจะเรม่ิ เกิการเผาไหม้
ก. ช้ันสตราโตสเฟยี ร์ ข. ช้ันเทอร์โมสเฟียร์
ค. ชั้นโทรโพสเฟียร์ ง. ชนั้ มีโซสเฟียร์
6. บรรยากาศชน้ั ใดมีปริมาณโอโซนอยูม่ าก โอโซนในบรรยากาศจะดดู กลนื รงั สีอัลตราไวโอเลตจากดวง อาทติ ย์
ก. ชั้นสตราโตสเฟยี ร์ ข. ช้ันเทอร์โมสเฟยี ร์
ค. ชัน้ โทรโพสเฟยี ร์ ง. ชัน้ มีโซสเฟียร์
7. เหตุใดโลกจึงไม่ได้รบั พลังงานรงั สจี ากดวงอาทิตยไ์ มค่ รบ 100 เปอร์เซน
ก.รงั สบี างสว่ นจะมีการสะท้อนกลับสาอากาศ บางส่วนจะถูกดดู กลืนโดยแก๊ซตา่ งๆในบรรยากาศ และสว่ นท่ีเหลือจะลงมาถึง
โลก
ข. มีการสะท้อนกลับประมาณ 25 เปอรเ์ ซน
ค. เพราะโลกหมนุ รอบตัวเอง
ง. เพราะโลกไมม่ แี สงสว่างในตัวเอง
8. องค์ประกอบของลมฟา้ อากาศมอี ะไรบา้ ง
ก. ความช้ืน อณุ หภูมิ ความดันอากาศ และฝน
ข.อุณหภมู ิ ความดนั อากาศ ลม ความช้ืนอากาศ เมฆ และฝน
ค. ดิน หนิ แร่
ง. หมอก ควัน
9. เม่อื โมเลกลุ ของอากาศชนกับพืน้ ผวิ ของวตั ถุ จะทำใหเ้ กดิ แรงกระทำบนพื้นผิวน้นั เรยี กแรงที่เกดิ ข้นึ วา่ อะไร
ก.แรงดันอากาศ ข.ลม
ค. ฝน ง.ดิน
10. ความชืน้ อากาศหมายถึงอะไร
ก.ปริมาณแรงของไอน้ำในอากาศที่กระทำต่อวัตถุ
ข. ปรมิ าณนำ้ ในอากาศ ความชื้นของอากาศสง่ ผลตอ่ สิง่ ต่างๆบนโลก
ค. ปรมิ าณแรงของไอน้ำในนำ้
ง. ปรมิ าณแรงของไอน้ำในดนิ
ภาพสื่อการจัดการเรียนรู้
ภาพกจิ กรรมการจัดการเรยี นการสอน
ภาพกจิ กรรมการจัดการเรยี นการสอน