The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นาฏศิลป์สร้างสรรค์ ชุด ระบำข้าวเม่าทอด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chumchon3.bannoenkum, 2022-10-06 18:05:29

นาฏศิลป์สร้างสรรค์ ชุด ระบำข้าวเม่าทอด

นาฏศิลป์สร้างสรรค์ ชุด ระบำข้าวเม่าทอด

ระบำข้าวเมา่ ทอด
โดย...นางภัทธิรา คล้ายพร้อม

คำนำ
หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเอกสารประกอบการสอนการแสดงนาฏศิลป์สร้างสรรค์ ชุด ระบำ
ขา้ วเมา่ ทอด ซ่งึ ผจู้ ดั ทำได้คิดค้นข้ึนเพ่ือนำมาใช้จดั การเรียนการสอนให้กับนักเรียนโรงเรียนชุมชน 3 บ้านเนิน
กุ่ม (ประชานุกูล) ในรายวิชาเพิ่มเติม ศ 22204 เนินกุ่มบ้านเรา 4 รวมถึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์
วัฒนธรรมไทยและสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นให้อยู่คู่กับชุมชนเนินกุ่มตลอดไป และเพื่อนำไปใช้เผยแพร่ให้กับ
ผู้ที่สนใจไดร้ จู้ กั และนำไปประยุกตใ์ ชใ้ นการคดิ ท่ารำหรือการแสดงอน่ื ๆ รวมถงึ นำไปใชป้ ระโยชนด์ ้านอนื่ ๆ
ผูจ้ ดั ทำหวงั เป็นอย่างยิ่งวา่ หนังสอื เลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชนใ์ ห้กับผู้ทีส่ นใจในศลิ ปวัฒนธรรมไทยได้ไม่มาก
ก็น้อย

ภัทธริ า คลา้ ยพรอ้ ม

ระบำขา้ วเม่าทอด
โดย...นางภทั ธิรา คล้ายพร้อม

สารบัญ หน้า
1
ที่มาของการคิดค้นการแสดงนาฏศิลปส์ รา้ งสรรค์ ชดุ ระบำข้าวเมา่ ทอด 2
นาฏยศัพท์ 2
ประเภทของนาฏยศัพท์ 2
ประเภทของนาฏยศัพท์ (ตามลกั ษณะการใช้รา่ งกาย) 6
นาฏยศัพท์ท่าการใชม้ ือ 11
นาฏยศัพทท์ ่าการใชเ้ ท้า 14
ภาษาท่ารำ่ ที่แสดงกิริยาอาการ 22
การแสดงนาฏศิลป์สร้างสรรค์ ชดุ ระบำขา้ วเมา่ ทอด

ระบำขา้ วเม่าทอด
โดย...นางภัทธิรา คล้ายพรอ้ ม

1

ระบำขา้ วเมา่ ทอด

ทม่ี าการคิดคน้ นาฏศลิ ปส์ รา้ งสรรค์ ชดุ ของระบำข้าวเม่าทอด
โรงเรียนชมุ ชน 3 บ้านเนนิ กมุ่ (ประชานุกูล) เปน็ โรงเรยี นทอ่ี ยู่ในชุมชนบ้านเนินก่มุ ซึง่ มวี ดั เนินกุ่มเป็น

ศูนย์รวมจิตใจ ทุกๆ ปี วัดเนินกุ่มจะมีการจัดงานประเพณีบุญเดือนสิบซึ่งถือเป็นประเพณีที่สำคัญของตำบล
เนนิ กุ่ม ในงานประเพณีบุญเดือนสิบจะมีการปิดทองหลวงพ่อป้ัน แข่งขนั เรอื บก ลม้ิ รสข้าวเมา่ ทอด “หลวงพ่อ
ปั้น” เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดเนินกุ่มที่สร้างวัดเนินกุ่มขึ้นมา แล้วมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ที่ทำให้
ชาวบ้านต่างศรัทธา เลื่อมใส เช่น มีวาจาสิทธิ์ สามารถดลจิตดลใจคนให้เมตตาตนได้ เป็นต้น งานประเพณี
เดอื นสิบถือได้วา่ เป็นอตั ลกั ษณ์ของชาวบ้านเนนิ กุ่ม กจิ กรรมที่สำคญั อยา่ งหนึ่งของงานแระเพณบ๊ ุญเดือนสิบคือ
“การทำข้าวเม่าทอด” ในการทำข้าวเม่าทอดขายของวัดเนินกุ่ม ชาวบ้านและร้านค้าในชุมชนจะเป็นผู้นำวสั ดุ
ต่างๆ ในการนำข้าวเม่าทอดมาบริจาคให้กับทางวัด (ถวายให้หลวงพ่อปั้น) ไม่ว่าจะเป็นมะพร้าว น้ำตาล
ข้าวเม่า น้ำมัน รวมทั้งยังช่วยกันลงมอื ทำข้าวเม่าทอดขายให้กับทางวดั เพื่อนำเงินรายได้ท้ังหมดทำบุญบริจาค
ให้วัด ไม่ว่าขูดมะพร้าว กวนข้าวเม่า พอกกล้วย ทอดข้าวเม่า ชาวบ้านทุกคนร่วมใจกันทำโดยไม่เห็นแก่เหนด็
เหนือ่ ย

ข้าวเม่าทอดของวัดเนินกุ่มเป็นที่เลื่องลือ เพราะรสชาติอร่อย ราคาย่อมเยา และที่สำคัญชาวบ้าน
ต้องการซื้อเพื่อทำบุญกับวัด และเชื่อกันว่าเป็นข้าวเม่าของหลวงพ่อปั้น ถ้าได้รับประทานจะเกิดสิริมงคล ไม่
เจบ็ ไข้ ได้ป่วย ร่างกายแขง็ แรง ทกุ คนตา่ งตอ้ งการรับประทาน จงึ ทำให้สรา้ งรายได้ให้กับทางวัดเปน็ อย่างมาก
รายได้จากการขายขา้ วเม่าของวดั เนนิ ก่มุ ทุกปเี ม่ือหกั ต้นทนุ แล้วจะมรี ายไดห้ ลกั แสนบาท

จากการที่โรงเรียนได้ร่วมแสดงในพิธีเปิดงานประเพณีบุญเดือนสิบทุกปี จึงทำให้เล็งเห็นความสำคัญ
ของงานประเพณีบุญเดือนสิบและอยากเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นและภูมิปัญญา
ท้องถิ่นให้อยู่คู่กับชุมชนตลอดไป จึงมีความคิดที่จะสร้างงานนาฏศิลป์ออกมาเพื่อถ่ายทอดขั้นตอน/วิธีการทำ
ข้าวเมา่ ทอด

นาฏศิลป์สร้างสรรค์ ชุด ระบำข้าวเม่าทอด เป็นการแสดงพื้นบ้านที่คิดค้นขึ้นมาให้สอดคล้องกับ
ขั้นตอนการทำข้าวเม่าทอด ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้านเนินกุ่มที่มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ ยา ตา ยาย และ
เพื่อนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้นักเรยี นในโรงเรียนได้เรยี นรู้และร่วมกันอนุรกั ษ์ สืบสานภูมปิ ัญญา
ท้องถิ่นของชุมชนเนินกุ่ม ให้อยู่คู่กับชุมชนเนินกุ่ม นอกจากนี้ยังคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้นักเรียนเกิดความ
สนุกสนานและจดจำขั้นตอนในการทำข้าวเม่าทอดได้ง่ายขึ้น โดยมีการคิดท่าทางประกอบการแสดงระบำ
ข้าวเม่าทอดแล้วนำมาใช้สอนนักเรียน รวมถึงเผยแพร่ให้กับชุมชนเนินกุ่ม ท้องถิ่นอำเภอบางกระทุ่ม และ
จังหวัดพิษณุโลก รวมไปถึงเผยแพร่ให้กับบุคคลทั่วไปได้รู้จักระบำข้าวเม่าทอด ใช้เป็นแนวทางในการนำไป
ประยุกต์ใช้ประกอบการรำอื่นๆ หรือนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ รวมถึงมีการออกแบบเครื่องแต่ง
กายสำหรับการแสดงระบำข้าวเม่าทอด เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับโรงเรียนโดยคำนึงถึงการอนุรักษ์
ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและสืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นให้อยู่คู่กับชุมชนเนินกุ่ม โดยในการแสดงระบำ
ขา้ วเมา่ ทอดนนั้ เลือกใช้ดนตรีประเภทเซิ้งมาประกอบการรำเพ่ือความสนุกสนาน

ระบำขา้ วเมา่ ทอด
โดย...นางภัทธริ า คล้ายพร้อม

2

นาฏยศพั ท์
"นาฏย“ (นาด-ตะ-ยะ) หมายถงึ การรา่ ยรำ การฟอ้ นรำ การแสดงละคร
"ศพั ท์" หมายถงึ เสียง คำ คำยากทต่ี ้องแปล
นาฏยศัพท์ (นาด-ตะ-ยะ-สับ) หมายถึง ศัพท์ หรือคำที่ใช้ เกี่ยวกับลักษณะท่ารำ และท่าใช้ในการ

ฝึกหัดเพือ่ แสดงโขน ละคร เป็นคำทีใ่ ช้ กัน และเข้าใจในวงการนาฏศิลปไ์ ทย สามารถสื่อความหมายกันได้ ทุก
ฝ่ายในการแสดงต่างๆ

ประภทของนาฏยศพั ท์
นาฏยศัพท์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1. นามศพั ท์
นามศัพท์ หมายถงึ ศพั ทท์ ่เี รยี กชอ่ื ทา่ รำ หรือชือ่ ทา่ ที่บอกอาการ

กระทำของผู้นั้น เช่น วง จีบ สลัดมือ คลายมือ กรายมือ ฉายมือ ปาดมือ กระทบ กระดก ยกเท้า ก้าวเท้า
ประเทา้ ตบเท้า กระทงุ้ กะเทาะ จรดเท้า แตะเทา้ ซอยเท้า ขย่ันเท้า ฉายเท้า สะดดุ เท้า รวมเทา้ โย้ตัว ยักตัว
ตไี หล่ กล่อมไหล่

2. กริ ยิ าศัพท์
กริ ยิ าศัพท์ หมายถึง ศัพทท์ ใี่ ช้เรียกในการปฏบิ ตั บิ อกอาการกริ ิยา

ซึ่งแบง่ ออกเป็น
ศัพท์เสริม หมายถงึ ศพั ทท์ ่ใี ช้เรียกเพ่อื ปรับปรงุ ท่าทีให้

ถูกต้องสวยงาม เช่น กันวง ลดวง ส่งมือ ดึงมือ หักข้อ หลบศอก เปิดคาง กดคาง ทรงตัว เผ่นตัว ดึงไหล่ กด
ไหล่ ดงึ เอว กดเกลียวข้าง ทับตวั หลบเขา่ ถีบเขา่ แข็งเข่า กันเขา่ เปดิ ส้น ชักสน้

ศพั ทเ์ ส่ือม หมายถงึ ศัพทท์ ี่ใช้เรยี กชื่อทา่ รำหรือทว่ งทขี อง
ผรู้ ำที่ไม่ถูกตอ้ งตามมาตรฐาน เพือ่ ใหผ้ ้รู ำรู้ตัว และแก้ไขทา่ ทขี องตนให้ดขี น้ึ เช่น วงล้า วงคว่ำ วงเหยยี ด วงหัก
วงล้น วงแอ้ คอดื่ม คางไก่ ฟาดคอ คอหัก เกร็งคอ หอบไหล่ ทรุดตัว ขย่มตัว เหลี่ยมล้า รำแอ้ รำลน รำเลื้อย
รำล้ำจังหวะ รำหน่วงจงั หวะ

3. นาฏยศพั ท์เบ็ดเตล็ด
นาฏยศพั ทเ์ บด็ เตลด็ หมายถงึ ศัพท์ต่างๆทใี่ ช้เรยี กในภาษานาฏศลิ ป์

นอกเหนือไปจากนามศัพท์ และกริ ยิ าศพั ท์ เชน่ จีบยาว จบี สัน้ ลักคอ เดนิ มอื
เอียงทางวง คืนตวั อ่อนเหล่ยี ม เหลี่ยมล่าง แมท่ า ทา่ -ที ขึน้ ทา่ ยนื เขา่ ทลายทา่ นายโรง พระใหญ่ - พระน้อย
นางกษัตรยิ ์ นางตลาด ผู้เมีย ยนื เคร่ือง ศัพท์

ประเภทของนาฏยศัพท์ (ตามลักษณะการใช้ร่างกาย)
1. การใชศ้ รี ษะ
เอียงศีรษะ หรือ อ่อนศีรษะ คือ กิริยาที่จะต้องใช้ร่างกายตั้งแต่ช่วงเอว ไหล่ ขึ้นมา กล่าวคือ เมื่อจะ

เอียงศีรษะก็จะต้องเริ่มกดเอว กดไหล่ ข้างเดียวกันกับศีรษะที่เอียง เพื่อเน้นให้เห็นเส้นสรีระของร่างกายเป็น
เส้นโคง้ หากเอยี งแตศ่ รี ษะเพยี งอย่างเดยี ว ท่ารำจะดูแขง็ และเหมือนคนรำคอฟาด (คือ รำคอพบั ไปมาเหมือน
เด็กอนุบาลรำ) การเอียงนั้นจะต้องไดส้ ัดส่วนที่พองาม ตวั นางจะกดลำตวั และการเอียงมากกวา่ ตวั พระ ตัวพระ
นั้นการเอียงนี้จะใช้เพียงแง่ศีรษะ (คือ ให้ความรู้สึกว่าเอียงเพียงเล็กน้อย) เท่านั้น อนึ่ง นอกจากการเอียง
ตามปกติ (กดไหล่ไหน เอียงไหล่นั้น) แล้ว ยังมีการเอียงศีรษะอีกแบบหนึ่งที่ขืนธรรมชาติ แต่ในการำชั้นสูง

ระบำข้าวเมา่ ทอด
โดย...นางภทั ธิรา คลา้ ยพร้อม

3

จะตอ้ งปฏิบัติให้ไดด้ ีและมีความสัมพันธส์ อดคล้องกับท่ามือและเท้าด้วย การเอียงแบบขืนธรรมชาตินี้ก็คือการ
“ลักคอ” เมื่อเรากดไหล่ใบหน้าและแง่ศีรษะจะเอียงไปในทิศทางตรงข้ามกับไหล่ที่กด (ฝึกฝนให้ชำนาญด้วย
การถองสะเอว) การลักคอให้ได้ดีเป็นเสน่ห์ของการรำ บางคนทำมากก็ดูลุกลน บางคนทำน้อยมากจนเกือบ
แยกแยะไม่ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของละครที่เล่นด้วยว่าเป็นละครนอกหรือละครใน พลังในการใช้ท่ารำ
เหล่านีจ้ ะแตกตา่ งกนั

กล่อมหน้า คือ กิริยาที่ปฏิบัติควบคู่ไปกับการกล่อมไหล่ โดยการเบือนหน้าไปทางซ้ายและขวาให้
สัมพันธก์ ับไหล่ท่กี ลอ่ มไปด้วย ลักษณะนี้จะคลา้ ยกบั การใช้คางวาดเป็นรูปเลข 8 แนวนอนในอากาศ

2. การใชไ้ หล่
ไหล่ผึ่งไหล่ หรือ ตึงไหล่ คือ การดันไหล่ให้ผายออกได้แนวประมาณ 180 องศา และจะต้องดัน

หน้าอกให้แอ่นข้ึน เพื่อใหด้ สู งา่ มากย่งิ ข้ึน (โดยเฉพาะตวั พระ ในอดตี เม่อื รดั เครื่องจะไม่ใสน่ วมอกอย่างปัจจุบัน
การดันหน้าอกและรูปร่างจึงมีความสำคัญ และเห็นได้ชัดเจนมาก) จึงมีคำใช้ประกอบเมื่อสอนรำว่า “อกผาย
ไหล่ผ่งึ อกตงึ ไหล่ต้งั ” นอกจากนี้การผึง่ ไหล่หรอื ตงึ ไหล่ ยงั เป็นสว่ นประกอบหลักในองค์ 5 เมอ่ื หัดรำละคร อัน
ประกอบดว้ ย ตึงตัว ตึงเอว ตึงมอื ตึงไหล่ และเงยหน้า (ศลิ ปะละครรำหรือคูม่ อื นาฏศิลป์ไทย, 2498)

กดไหล่ คือ การเอียงข้างใดข้างหนึ่ง โดยจะต้องกดมาตั้งแต่ลำตวั (ฝึกหัดด้วยการถองสะเอว) เมื่อกด
เอวแล้ว ไหล่ก็จะลดลงตาม การกดไหล่นี้ต้องในระดับระนาบ คือ เมื่อกดลงแล้วไม่ล้ำไปด้านหน้าหรือเบี่ยงไป
ด้านหลัง (เทียบความรู้สึกกับตาชัง่ ที่เมื่อข้างหน่ึงลดลง อีกข้างหนึง่ จะสูงขึ้น) ข้อพึงระวังอีกอยา่ งหนึ่งทีม่ ักจะ
เป็นปัญหาใหก้ ับผูร้ ำในปจั จบุ นั คือ เมื่อกดไหลล่ งข้างหนึ่งแล้วจะยกไหล่อีกข้างโดยเจตนา ดคู ล้ายหุ่นกระบอก
พม่าที่ยกไหล่กระโดดไปมา พึงกดไหล่โดยผ่อนตามธรรมชาติจะดีกว่ากล่อมไหล่ คือ กิริยาต่อเนือ่ งจากการกด
ไหล่ เมื่อกดไหล่ลงแล้วหมุนไหล่ไปขา้ งหน้าแตน่ ้อยแล้วกลบั มากดอีกข้างหนึ่ง ทำให้ต่อเนื่อง (เป็นที) อย่างช้า
ใชใ้ นการรำทั่วไป เพื่อเช่ือมท่าหนง่ึ ไปอีกท่าหนงึ่ ใหต้ ่อเนื่องกลมกลืนกัน

ตไี หล่ คือ กิริยาต่อเนื่องจากการกดไหล่ (คลา้ ยกลอ่ มไหล่ แต่ปฏิบตั ชิ ัดเจนกว่า) เมอื่ กดไหล่ลงแล้วดัน
ไหลน่ ้นั ไปด้านหลัง (ลกั ษณะคลา้ ยการวาดด้วยไหลท่ ้ังสอง) ปฏบิ ตั ติ ่อเน่อื ง ใช้ในการรำของตวั ละครท่ีเป็นมอญ
ลาว พม่า ในละครพนั ทางโดยมาก (เชน่ ในรำพลายชุมพล ระบำลพบรุ ี เป็นตน้ )

3. การใชล้ ำตัว
ทรงตัว คือ การตั้งลำตัวให้ตรง ไม่โอนเอนไปด้านหน้า (รำหน้าคว่ำ) หรือไปด้านหลัง (รำหน้าหงาย)

การทรงตัวนี้ต้องดันหลงั ให้ตึง ยกอกขึ้นเล็กหน้า แต่ต้องไม่ให้หน้าทอ้ งยืนล้ำออกมามาก ต้องเกร็งหน้าท้องไว้
ด้วยเสมอฉอ้อนตัวโดยมากใช้กบั ตัวนาง เป็นการถ่ายน้ำหนักตัวลงบนเท้าหนา้ พร้อมกับโน้มลำตัวไปด้านหนา้
เลก็ นอ้ ย แลว้ จงึ ถา่ ยน้ำหนักตัวคนื ทำให้ทา่ รำดูน่วมและมที ่วงที

ยักตัว หรือ ยกั เอว คือ การกดกล้ามเนือ้ เอวสลบั กันซ้าย-ขวาอยา่ งต่อเนื่อง ปรากฏในท่ารำเพลงเร็วท่ี
ท่องจังหวะการนับว่า “ตุ๊บ-ทิง-ทิง” กระทบจังหวะมี 2 แบบ คือ นั่งกระทบ กระทำเมื่อนั่งคุกเข่าหรือนั่งพับ
เพียบ โดยยกก้นขึ้นเล็กน้อย แล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเท้าแต่เบา ใช้มากเมื่อต้องรำตีบทที่นั่งรำ หรือรำบทน่ัง
เมืองในเพลงชา้ ป่เี ป็นตน้ การกระทบกน้ ใหไ้ ด้จงั หวะท่ีคม ต้องเกร็งหน้าขาด้วยยนื กระทบ แบ่งเป็น กระทบเข่า
และกระทบส้น กระทบเข่า กระทำเมอื่ ยกเท้าหรือกระดกโดยการห่มเข่าลงในจังหวะสั้นๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะก้าว
ขาลงเหลยี่ ม (หรือกา้ วหน้า กา้ วข้าง) สว่ นกระทบส้น นน้ั ปรากฏในแม่ทา่ ยักษ์และลงิ ปฏิบัติโดยยกขาข้างหน่ึง
ไว้ ใช้ขาข้างที่ยืนรับน้ำหนัก เผยอส้นเท้าขึ้นเล็กน้อย แล้วตบเท้าลงเต็มเท้าก่อนที่จะก้าวขาที่ยกลงเหลี่ยม
ตัวพระมใี ช้การกระทบสน้ น้ีบา้ ง ปรากฏในเพลงหนา้ พาทย์คกุ พาทย์ หรอื รวั สามลา เป็นตน้

ระบำข้าวเม่าทอด
โดย...นางภทั ธริ า คลา้ ยพร้อม

4

สะดุ้งตัวลักษณะตรงข้ามกับกระทบจังหวะ คือ การยืนตัวขึ้นเหมือนกิริยาสะดุ้ง ตามจังหวะเพลง
บางครั้งก็ใช้สลับกับการกระทบจังหวะ เรียกว่า “ยืด-ยุบ” บางครั้งใช้ร่วมกับการลักคอและเล่นมือ เรียก
“เย้ืองตัว” ปรากฏในท่ารำเพลงเรว็ ทิ้งน้ำหนัก หรือ ท้งิ ตัว คอื การถ่ายน้ำหนักตวั ไปในทศิ ทางของท่าหรือตาม
เท้าที่ก้าว บางครั้งอาจให้น้ำหนักตัวอยู่ที่ศูนย์กลางพอดี การถ่ายน้ำหนักในการรำไทยนั้นจะสังเกตเห็นได้ว่า
จะต้องมีการถ่ายเทน้ำหนักตัวตลอดเวลา เพื่อรักษาสมดุลของท่า หากยืนก็จะไม่ถ่ายน้ำหนักลงบนเท้าทั้งสอง
อย่างเท่ากัน (มีบางท่า เช่น การยืนผสมเท้าเต็มเท่านั้น) มักจะทิ้งน้ำหนักลงที่เท้าหน้าที่ก้าวไปด้านหน้า หรือ
เทา้ ท่ไี ขว้อยู่ด้านหนา้ เปน็ ส่วนมาก เมอื่ ถ่ายนำ้ หนักไปทีเ่ ท้าหน้าแลว้ เทา้ ทว่ี างดา้ นหลังจะไม่มนี ำ้ หนกั คงวางไว้
ตามตำแหน่งที่ถูกต้อง หรือเปิดส้นเทา้ ข้ึนเท่านัน้ ในบางท่าจะมกี ารถ่านน้ำหนกั ตวั ไปด้านหลังสลบั กนั ด้วย เช่น
เมื่อนั่งรำจะมีการถ่ายน้ำหนักตัวหน้า-หลังนี้มาก การทิ้งน้ำหนักจึงเป็นทีอย่างหนึ่งต้องปฏิบัติให้พอดีและ
ต่อเนื่องอย่างกลมกลืนจึงจะดูคล่องแคล่วกล่อมตัวพบมากในท่ารำตัวนาง คือ เมื่อสะดุ้งตัวตามจังหวะเพลง
จะต้องกล่อมไหล่และกล่อมตัว ลักษณะคล้ายการตีไหล่เป็นเลขแปดนอนไปด้วย พบในท่ารำเพลงเร็วของตัว
นาง

4. การใชม้ อื และแขน
ในละครรำของไทยมีการเคลื่อนไหวมือและท่อนแขนเป็นหลัก ท่าต่างๆ นั้น สันนิษฐานว่าน่าจะได้รับ

อทิ ธิพลจากทา่ รำในนาฏยศิลป์อนิ เดยี ท่เี รยี กวา่ “มุทรา” ท่กี ำหนดชือ่ เรียกไวโ้ ดยเฉพาะ ท่ามอื แบบตา่ งๆ เม่ือ
นำมาจัดวางตามตำแหน่งจึงเกิดเป็นแม่ท่าต่างๆ ที่มีชื่อเรียกเฉพาะอีกเช่นกัน ท่ามือในนาฏศิลป์ไทย จะใช้คำ
วา่ “จบี ” และ “วง” เป็นหลกั ดังจะไดอ้ ธบิ ายวธิ ปี ฏิบตั ิดังน้ี

วง หรอื ตัง้ วง คือ ช่วงท่อนแขนและมือท่กี างออก ขอ้ มอื หักหงายให้อ่อนโคง้ เข้าหาลำแขน การจะตั้ง
วงให้ได้สดั สว่ นทงี่ ามนัน้ มิได้ขนึ้ อยู่กบั การมนี ้ิวมือทเี่ รยี วโค้งไปด้านหลังได้มากๆ แตอ่ ยา่ งเดียว ขึ้นอยู่กับองศา
ระหว่างท่อนแขนบนล่าง และท่อนแขนล่างกับข้อมือประกอบด้วย เพราะความหมายของ “วง” นั้น คือเป็น
สว่ นของเส้นโค้ง การตง้ั วงจึงต้องทอดแขนแลให้เห็นเป็นเสน้ โค้งท่ีมสี ดั สว่ นสวยงามตามแบบฉบบั ของแต่ละบท
เช่น พระ นาง ยักษ์ ลิง เป็นต้น ดังนั้น ระดับแขนระหว่างตัวละครต่างๆ จึงแตกต่างกัน กล่าวโดยรวมคือ
ตัวยักษ์จะมีวงกว้างที่สุด รองมาคือ ลิง พระ และนาง ในเรื่องของระดับวงนี้ ควรได้รับการแนะนำจาก
ผู้เชยี่ วชาญเพ่อื จับทา่ ให้ได้ตามมาตรฐาน ซ่งึ สามารถแบ่งย่อยเป็นระดับต่างๆ ดังนี้

วงสงู หรือวงบน ตัวพระ กนั วงออกข้างลำตวั เฉยี งมาทางด้านหน้าเล็กนอ้ ย (แนวเดียวกนั กบั หน้าขาท่ี
เปิดออก) ยกขึ้นให้ปลายมืออยู่ในระดับแง่ศีรษะ ตัวนาง จะกันวงเฉียงมาด้านหน้ามากกว่าตัวพระเล็กน้อย
และลดระดบั วงให้อยทู่ รี่ ะดบั หางควิ้

วงกลางท้งั ตวั พระและตัวนาง ลดระดับวงลงใหส้ งู เพยี งระดบั หัวไหล่
วงต่ำหรือวงล่างมือที่ตั้งวงอยู่บริเวณหัวเข็มขัดหรือชายพก ตัวพระจะกันกว้างออกไปอีกเล็กน้อยวง
หน้าทอดลำแขนให้โค้งไปด้านหน้า ปลายมือชี้เข้าระดับปาก เช่นเดียวกันทั้งตัวพระและนางวงหงาย หรือ วง
บัวบานเปน็ วงพิเศษทีม่ ีลกั ษณะไม่เป็นเสน้ โค้ง กลา่ วคอื ทอ่ นแขนบนและลา่ งและข้อมือหักเป็นมมุ ฝ่ามอื ที่ตั้งวง
จะหงายข้ึน ปลายน้ิวจะชี้ออกด้านขา้ ง (เชน่ ทา่ พรหมส่ีหนา้ ) หรอื ตกลงดา้ นลา่ ง (เช่น ทา่ นางนอน)
จีบ คอื การจรดปลายนิ้วหัวแมม่ ือทขี่ ้อแรกของปลายน้วิ ชี้ นว้ิ ท่เี หลอื ท้งั สามกรดี ออกไปด้านหลังมือให้
มากทส่ี ุด ท่ีสำคญั คือ จะต้องหกั ขอ้ มอื เข้าหาลำแขนให้ได้มากที่สุด ทา่ จีบแบ่งเป็น จบี หงาย คอื การจบี ที่หงาย
ฝ่ามือขึ้น ปลายนิ้วที่จีบชีข้ ึ้น จีบคว่ำ คือ การจีบที่คว่ำมือลง ปลายนิ้วที่จีบชี้ลงเบื้องล่างจีบปรกหน้าหรือจีบ
ตลบหน้า คอื การจบี ทีอ่ ยรู่ ะดับใบหน้า หันปลายนิ้วท่ีจบี ชท้ี ่ีบริเวณดวงตาจีบปรกขา้ งลักษณะคล้ายวงบัวบาน
ระดับสูง แต่หักข้อมือที่จีบเข้าหาแง่ศีรษะ จีบหลังหรือจีบสง่ หลัง คือ การทอดแขนไปด้านหลังให้ตงึ มือที่จีบ

ระบำข้าวเม่าทอด
โดย...นางภทั ธริ า คล้ายพร้อม

5

พลิกหงายขึ้นด้านบน การจีบส่งหลังจะต้องเหยียดออกไปด้านหลังให้สุดและปลายนิ้วที่จีบจะไม่ชี้เข้ามาที่ก้น
โดยเด็ดขาดล่อแก้วเป็นลักษณะมือพิเศษ โดยใช้ปลายนิ้วกลางขัดที่ข้อแรกของนิ้วหัวแม่มือเป็นรูปวงกลม นิ้ว
เหลอื เหยยี ดออกไปด้านหลัง พร้อมหกั ขอ้ มอื เขา้ ลำแขนนอกจากนย้ี ังมีทา่ มือรูปแบบต่างๆ ท่ีใช้เฉพาะการรำแต่
ละชุดหรือกับบางท่า เช่น ท่ามือของยักษ์และลิงที่มีลักษณะเฉพาะ มือของสัตว์ต่างๆ เช่น กวาง ม้า ปลา มือ
ของระบำโบราณคดีท่ปี ฏบิ ัตใิ ห้เหมือนกบั เทวรปู ท่ภี าพจำหลัก ซง่ึ จะไมข่ อนำมากลา่ วรวมไว้ ณ ที่น้ี

5. การใช้ขาและเทา้
เทา้ ประ คอื อาการของเท้าข้างใดข้างหนงึ่ ใชจ้ มกู เท้าตบพ้ืนเบาๆ แลว้ ยกข้ึน โดยให้อีกเทา้ หน่งึ ยืนย่อ

เข่ารับน้ำหนักตัว การประเท้าของตัวพระและตัวนางจะแตกต่างกันตรงที่ตัวพระต้องแยกหรือแบะเข่าออกให้
ได้เหลี่ยม แล้วจึงประ เท้าที่ประแล้วยกขึ้นสูงระดับกลางน่องของขาที่ยืนรับน้ำหนัก ปลายเท้าชี้ออกด้านข้าง
ส่วนตัวนางไม่แบะเข่า ยืนให้เท้าที่จะเตรียมประเหลื่อมจากเท้าที่รับน้ำหนักไปข้างหน้าประมาณครึ่งเท้า เม่ือ
ประแลว้ ยกเทา้ ขน้ึ สงู ระดบั คร่ึงนอ่ ง ปลายเทา้ ช้อี อกด้านหนา้ ถ้าจะให้ดงู ามยิง่ ข้ึนจะต้องกระดกปลายนวิ้ เท้าให้
งอนขนึ้ เลก็ น้อยทง้ั ตัวพระและตวั นาง

ก้าวเท้า คือ การวางเท้าที่ยกลงสู่พื้น โดยวางส้นเท้าลงก่อน แล้วจึงตามด้วยปลายเท้า ทิ้งน้ำหนักตัว
ลงไปยังเท้าทก่ี ้าวใหห้ มด การก้าวเทา้ มี 2 วธิ ี คือ

ก้าวหน้า หมายถึง การก้าวเทา้ ไปข้างหนา้ ตัวพระจะต้องแบะเข้าออกให้ไดเ้ หลี่ยมปลายเท้าที่ก้าวจะ
เฉียงไปทางด้านข้างเลก็ น้อย กะให้ส้นเทา้ หนา้ อยู่ในแนวกนั กับหัวแมเ่ ทา้ หลัง หา่ งกนั ประมาณหน่งึ คืบ เทา้ หลัง
เปิดส้นเทา้ สำหรับตัวนางไม่แบะเขา่ และก้าวเท้าใหป้ ลายเท้าช้ีค่อนไปทางดา้ นหน้า ห่างจากส้นเท้าหลังท่ีเปิด
ส้นเทา้ ข้นึ ประมาณหน่งึ คบื

กา้ วข้าง หมายถงึ การก้าวเท้าเฉยี งไปทางด้านข้างของเท้าทยี่ ก จะเปน็ เท้าข้างใดก็ได้ ในขณะท่ีลำตัว
อยู่ด้านหน้า ตัวพระจะก้าวเฉียงออกจากด้านข้างให้มากกว่าก้าวหน้า สำหรับตัวนางก้าวข้างจะต้องกะปลาย
เท้ากบั สน้ เท้าหลงั ให้อยูใ่ นแนวเฉยี งห่างกันประมาณหน่ึงคบื

กระทุง้ คือ อาการทใ่ี ช้จมกู เท้าที่วางเปิดสน้ เท้าอยู่ด้านหลงั (ปฏิบัติต่อเนื่องจากการก้าวหน้าหรือก้าว
ขา้ ง) กระทุง้ ลงกับพนื้ เบาๆ

กระดก คือ อาการปฏิบัติต่อเน่ืองจากการกระทุ้ง โดยยืนขาเดียวยอ่ เข่าโดยใช้เท้าหน้าที่ยนื ย่อเข่าอยู่
รับน้ำหนักตัว ถีบเข่าหรือส่งเข่าข้างที่ยกนั้นไปทางด้านหลัง แล้วหนีบน่องให้ชิดต้นขามากที่สุด (เ ท้าที่ยก
จะต้องอยู่ใกล้ก้นให้ได้มากที่สุด) หักข้อเท้าลงให้ปลายเท้าตกลงเบื้องล่าง การกระดกอาจสืบเนื่องอาจทำ
ต่อเนื่องจากกระทุง้ เทา้ ก็ได้หรือกระดกโดยไม่กระทุ้งกไ็ ด้ ตัวพระเม่อื กระดกเท้าจะตอ้ งกนั เข่าหรือเปิดเข่าให้ขา
กางออกจากขาที่ยืนรับน้ำหนักตัวอยู่ การกระดกน้ีแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ กระดกหลัง คือ อาการของเท้าท่ี
กระดกไปข้างหลัง เมื่อมองจากด้านหน้าจะไม่เห็นเท้าหลังที่กระดกเลย กระดกเสี้ยว คือ อากรของเท้าที่
กระดกอยดู่ า้ นข้างของลำตวั โดยให้เท้าที่ยนื รับนำ้ หนกั หนั ปลายเท้าไปด้านข้าง

ถัดเท้า คือ การใช้จมูกเท้าข้างใดข้างหนึ่ง ถัดหรือกับพ้ืนเบาๆ ให้เท้าลอยแล้วจงึ วางลง โดยให้เท้าอีก
ข้างหนึ่งย่ำอยู่กับที่ หรือก้าวเดิน เช่น การเดินโดยถัดเท้าขวา ในจังหวะหน้าทับเพลงเร็ว "ตุ๊บ ทิง ทิง" จะต้อง
เริ่มก้าวเท้าซ้ายก่อน ในจังหวะตุ๊บ แล้วถัดเทา้ ขวาในจังหวะ ทิง (แรก) แล้ววางเทา้ ขวาลงในจังหวะ ทิง (ที่ 2)
เป็นตน้ การถดั เทา้ สามารถถดั ได้ท้ังเทา้ ซ้ายและเทา้ ขวา ท้ังนขี้ นึ้ อย่กู ับความเหมาสมของแตล่ ะกระบวนท่ารำ

ซอยเทา้ คอื การย่ำเทา้ ถีๆ่ ของเทา้ ท่อี ย่เู สมอกัน ใหต้ ัวเคลือ่ นไปในทิศทางตา่ งๆหรอื อยกู่ บั ที่
ขย่ันเทา้ คือ การย่ำเทา้ ถี่ๆ ของเทา้ ทีอ่ ยเู่ สมอกนั หรอื ไว้กนั ให้เคล่อื นตวั ไปในขา้ งหน้าหรอื ดา้ นข้าง

ระบำขา้ วเมา่ ทอด
โดย...นางภัทธริ า คลา้ ยพร้อม

6
ฉายเทา้ คือ การใชเ้ ท้าขา้ งใดข้างหนึ่งยนื เปน็ หลัก ส่วนเทา้ อกี ขา้ งหนึ่งใชจ้ มกู เท้าจรดพื้นปดิ ส้นเท้าขึ้น
แล้วฉายหรือลากจมกู เทา้ ไปดา้ นข้าง ในลกั ษณะครง่ึ วงกลม
สะดุดเท้า คือ การใช้เท้าข้างหนึ่งยืนเป็นหลัก ส่วนเท้าอีกข้างหนึ่งนั้นไสเท้าออกไปด้านหน้าหรือ
ด้านข้างอยา่ งแรง พร้อมทงิ้ น้ำหนักตัวไปด้วย
จรดเท้า คือ กริ ยิ าทจี่ มกู เท้าแตะลงบนพืน้ โดยสน้ เทา้ จะลอยข้ึนจากพื้นเล็กน้อย สามารถปฏิบัติได้ท้ัง
ในขณะทข่ี าทยี่ นื น้ำหนักเหยยี ดตรงหรือยอ่ ลง
สูดเท้า คือ การใช้จมูกเท้าไสไปด้านหน้าเบาๆ แล้วชักกลับ ทำสลับกันระหว่างเทา้ ท้ังสองขา้ งหรอื สดู
ด้วยเทา้ ขา้ งเดียวถี่ๆ กไ็ ด้
เดาะเท้า คือ กิริยาที่ยกเท้าข้างใดข้างหนึ่งให้ลอยพ้นจากพื้นเล็กน้อย แล้วใช้จมูกเท้าตบลงบนพ้ืน
เบาๆ แล้วยกขึ้นทันที ปฏิบัติตามจังหวะเพลง (เช่น ในกระบวนท่ารำเพลงเร็ว) หรือจะเดาะถี่ๆ ก็ได้ (ตามแต่
ละกระบวนทา่ รำ)
นาฏยศพั ทท์ ่าการใชม้ ือ
จีบ คอื การใช้น้วิ มอื จรดเขา้ หากัน โดยงอนวิ้ หวั แม่มือเล็กน้อย แล้วใช้ปลายนว้ิ หัวแม่มือจรดกับข้อท่ี
หนึ่งของนิ้วชี้ ส่วนนิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย กรีดออกไปให้ตึงคล้ายพัด การจีบต้องหักข้อมือเข้าหาท้องแขน
เสมอ

จีบหงาย คอื การจบี โดยหงายมือจบี ข้ึน ใหน้ ิว้ ชี้ขึ้นข้างบน หักข้อมือเขา้ หา ทอ้ งแขน

ระบำขา้ วเมา่ ทอด
โดย...นางภทั ธริ า คลา้ ยพร้อม

7

จบี ควำ่ คอื การจีบโดยคว่ำมอื จีบขน้ึ ให้นว้ิ ช้ลี งดา้ นลา่ ง หักข้อมือเขา้ หา ท้องแขน

จีบปรกหนา้ เป็นลกั ษณะการจีบหงายอย่ดู า้ นหน้าระดบั อก แลว้ ยกลำแขนท่อนล่างข้ึน ใหป้ ลายน้ิวชี้
ช้เี ขาหาใบหน้า ในระดบั สายตา

จบี ปรกข้าง เปน็ ลกั ษณะการจบี หงายอยดู่ า้ นขา้ งระดับไหล่ แลว้ ยกทอ่ นแขนลา่ งต้งั ฉากกับศรี ษะ ให้
ปลายนิ้วชี้ชเ้ี ขา้ หาศรี ษะในระดับศรี ษะ

ระบำข้าวเม่าทอด
โดย...นางภัทธิรา คลา้ ยพร้อม

8
จีบลา่ ง หรือจบี ชายพก เปน็ ลักษณะการจบี ตะแคงมืออยู่ดา้ นหน้า ระดบั สะดือหรือหัวเข็มขดั

จีบสง่ หลงั เปน็ ลกั ษณะการจีบคว่ำแลว้ ส่งลำแขนไปด้านหลงั ใหต้ ึง

จีบลอ่ แกว้ เปน็ การจีบโดยใช้นิ้วหวั แมม่ ือกดลงบนน้วิ กลาง (ตรงเล็บ) เกร็งน้ิวให้เปน็ วงกลม (สมมติ
เหมอื นมลี ูกแก้วอยู่ ในมือ) นิ้วทเ่ี หลอื กรดี ตึง

ระบำข้าวเม่าทอด
โดย...นางภทั ธิรา คลา้ ยพรอ้ ม

9
การตง้ั วง คือ การตั้งปลายนว้ิ ทง้ั 4 น้วิ ไดแ้ ก่ น้วิ ช้ี น้ิวกลาง น้ิวนาง และนวิ้ ก้อย เรียงชดิ ตดิ กัน สว่ น
น้วิ หัวแมม่ อื หักเขา้ ฝ่ามือ
ตง้ั วงบน เป็นการต้ังวงให้ปลายนิ้วอย่ใู นระดับศีรษะ (ถา้ เป็นตัวนางอยู่ระดับคิ้ว โดยให้ลำแขนค่อน
มาทางดา้ นหนา้ เล็กนอ้ ย ผ้หู ญงิ เรียกวา่ ตัวนาง ส่วนผชู้ ายเรยี กวา่ ตวั พระ ต้องคอยย้ำเตือนเด็กให้ลำแขนได้
รูปโคง้ เพราะเดก็ จะหกั ลำแขนเข้าหาตัวมากเกนิ ไป)

ต้ังวงกลาง เปน็ การตงั้ วงใหป้ ลายน้วิ อยู่ระดับไหลท่ งั้ ตวั พระและตัวนาง แต่ตัวนางใหล้ ำแขนมา
ดา้ นหน้าเลก็ น้อยเช่นเดยี วกบั ตงั้ วงบน

ระบำข้าวเมา่ ทอด
โดย...นางภทั ธิรา คล้ายพรอ้ ม

10
ตงั้ วงล่าง เปน็ การตั้งวงให้ปลายนว้ิ อย่รู ะดบั สะดอื หรือหัวเขม็ ขัด โดยใหม้ ือออกห่างจากลำตวั เลก็ นอ้ ย

ตั้งวงหน้า เป็นการต้ังวงให้ปลายนิว้ อยู่ระดับปาก (ต้องระวังท่านีเ้ ดก็ ชอบหักแขนมากเกินไปหรอื ไมก่ ็
แขนตึงเกนิ ไป)

วงบัวบาน เป็นการต้ังวงโดยยกแขนระดับแง่ศรี ษะ ให้ ข้อศอกสูงเสมอไหล่ พร้อมท้งั หักขอ้ แขนท่อน
ล่าง พับเข้าหาล าตวั ในลกั ษณะตง้ั ฉาก หงาย ท้องแขนขึน้ แบหงายฝ่ามือออก ปลายน้ิวช้ไี ปด้านหนา

ระบำข้าวเม่าทอด
โดย...นางภัทธิรา คลา้ ยพรอ้ ม

11
นาฏยศัพท์ทา่ การใชเ้ ทา้

ยืนเหลื่อมเท้า คือ การยืนโดยให้เท้าข้างใดข้าง หนึ่งเหลื่อมขึ้นมาด้านหน้า เท้าอีกข้างเล็กน้อย เชิด
นว้ิ เท้าข้างท่ีเหลื่อมขึ้น ตึงเขา่ ทง้ั สองข้าง (ตวั พระ แยกเท้าทีเ่ หลอ่ื มออกไปด้านขา้ งเล็กนอ้ ย)

ประเท้า ปฏบิ ตั ติ ่อเนื่องจากยืนเหล่อื มเทา้ โดยยอ่ เข่าทง้ั สองข้างแลว้ ใชจ้ มกู เท้าขา้ งทเ่ี หลอ่ื มตบกับพื้น
เบาๆ (เปดิ แคจ่ มูกเทา้ ส้นเท้าตดิ กับพนื้ )

ระบำข้าวเม่าทอด
โดย...นางภทั ธริ า คลา้ ยพร้อม

12
ยกเท้า ปฏิบตั ิต่อเน่ืองจากประเทา้ โดยยกเทา้ ข้างที่ประข้ึนมา ย่อเข่าเลก็ น้อย หลงั ตรง กดหนา้ ทับ
(ตัวนาง ยกเทา้ ขึ้นมาด้านหน้าส้นเท้าระดับคร่ึงหนา้ แขง้ เชิดนว้ิ เท้าข้นึ ตัวพระ ยกเท้าขึ้นแยกขาไปดา้ นข้าง
เชิดน้ิวเทา้ ขึ้น)

กา้ วเทา้ เป็นการก้าวเท้าข้างใดขา้ งหนงึ่ ไปข้างหนา้ ย่อเขา่ ลงเลก็ นอ้ ย โดยให้น้ำหนักตัวอยูท่ เี่ ทา้ หน้า
เปดิ สน้ เท้าหลัง (ตัวพระกนั เข่าออกเล็กน้อยพองาม)

ระบำขา้ วเมา่ ทอด
โดย...นางภัทธริ า คลา้ ยพรอ้ ม

13
กระทงุ้ ทา้ ว เปน็ การใช้จมูกเท้าทอี่ ยู่ด้านหลัง ยกขนึ้ แลว้ กระทบลงกบั พน้ื เบาๆ โดยจะปฏิบัติตอ่ ดว้ ย
การกระดกเทา้

กระดกเทา้ เป็นการยกเท้าท่ีอยู่ด้านหลงั ขนึ้ ส่งเข่าไปด้านหลงั หนีบน่องติดกบั โคนขา หักข้อเทา้ ลง
ย่อเขา่ ข้างทย่ี ืนเล็กน้อย

ระบำข้าวเมา่ ทอด
โดย...นางภัทธิรา คลา้ ยพรอ้ ม

14

ภาษาทา่ ร่ำทแ่ี สดงกิรยิ าอาการ
ท่าอาย (ใชม้ ือขา้ งใดข้างหนงึ่ วางแตะแกม้ มืออีกข้างหน่งึ ตัวนางจบี หลัง ตวั พระเท้าสะเอว)

ท่าปอ้ งปาก หมายถึง พูดกระซบิ พดู คนเดียวไมใ่ ห้ผู้อนื่ ได้ยิน (ใช้ฝ่ามือข้างใดข้างหนง่ึ ป้องปากอีก มือ
หนึง่ ตัวนางจบี หงายชายพก ตัวพระเท้าสะเอว)

ระบำข้าวเมา่ ทอด
โดย...นางภทั ธิรา คล้ายพรอ้ ม

15

ทา่ ดมหรือหอม (ใช้มือใดมือหน่งึ จีบมาท่ีจมูก อีกมือหนึ่งตัวนางจบี หลงั ตวั พระเทา้ สะเอว)

ทา่ ตายหรือมลายสญู หมายถึง ตาย ฉบิ หาย หมดสูญ ไม่มี เปลา่ ประโยชน์ (มือทัง้ สองจีบควำ่ คลาย
จบี ออกหงายฝา่ มือ แขนตึง ศีรษะเอียงขวา)

ระบำขา้ วเมา่ ทอด
โดย...นางภัทธิรา คลา้ ยพรอ้ ม

16

ทา่ ยิ้ม (มอื ซ้ายต้ังวงปาดมือมาจบี ทปี่ าก มือขวาตัวนางจีบหลัง ศรี ษะเอยี งขวา ตัวพระเทา้
สะเอว ศีรษะเอยี งซา้ ย)

ทา่ โศกา รอ้ งไห้ (ตวั นาง ใชม้ ือใดมือหน่ึงจบี ปรกขา้ ง ถ้าใช้มือขวาจบี ปรกข้างมอื ซ้ายจีบหลังศีรษะ
เอียงขวาหรือเอียงทางมือจบี ตวั พระ ใชม้ ือใดมอื หน่ึงจีบปรกขา้ งถา้ ใช้มือขวาจบี ปรกข้างมือซ้ายเทา้ สะเอว
ศีรษะเอียงขวาหรอื เอยี งทางมือจีบ)

ระบำข้าวเม่าทอด
โดย...นางภัทธริ า คลา้ ยพร้อม

17
ทา่ เสยี ดสี (มือใดมือหนึง่ จบี ตะแคงระดบั ตำ่ อกี มอื หนึ่งของตวั นางจีบหลงั ตวั พระเท้าสะเอว ศีรษะ
เอยี งขวา มือจีบตะแคง)

ทา่ ร้อยดอกไม้ (มือใดมอื หน่ึงจีบตะแคงระดับตำ่ อีกมอื หน่ึงของตัวนางจบี หลัง ตวั พระเทา้
สะเอว ศีรษะเอยี งขวา มือจบี ตะแคง)

ระบำขา้ วเมา่ ทอด
โดย...นางภัทธิรา คลา้ ยพรอ้ ม

18
ท่าช้ีบุคคล (มือใดมือหนึ่งชี้ ใชก้ ับผแู้ สดงเสมอกนั หรอื ตำ่ กว่าอกี มือหนึ่ง ตัวนางจีบหลัง ตวั พระเท้า
สะเอว ศีรษะเอียงทางมือชี้)

ท่าทโี่ น่น (มอื ใดมอื หน่งึ ชี้สูงระดบั ไหล่ อีกมือหนงึ่ ตัวนางจีบหลัง ตัวพระเท้าสะเอว)

ระบำขา้ วเมา่ ทอด
โดย...นางภัทธิรา คลา้ ยพรอ้ ม

19

ทา่ ท่นี ี่ (มอื ใดมือหน่ึงชล้ี งต่ำ อกี มือหนึ่งตัวนางจบี หลงั ตัวพระเท้าสะเอว)

ท่าวนเวยี น เดนิ ไปไกล หมายถึง เดิน ไปไกล วนเวยี น หนทางไกล (มือใดมือหน่งึ ช้ีม้วนมือลงต่ำแลว้
ชอ้ นขนึ้ ไปข้างหน้า อีกมือหน่ึงตัวนางจบี หลงั ตัวพระเท้าสะเอว ศรี ษะเอียงดา้ นตรงข้ามมือช)ี้

ระบำข้าวเมา่ ทอด
โดย...นางภทั ธริ า คล้ายพรอ้ ม

20
ท่าได้ยิน รู้ ฟัง หมายถึง ไดย้ ิน รู้ ฟงั ไพเราะ (มือใดมือหน่ึงชีท้ ีห่ ู อีกมือหนึง่ ตัวนางจบี หลงั ตัวพระ
เทา้ สะเอว)

ท่าเห็น ประจักษ์ (มอื ใดมือหนึง่ ช้ีท่ตี า อีกมอื หนง่ึ ตัวนางจีบหลัง ตัวพระเท้าสะเอว ศีรษะเอยี งตรง
ข้ามกบั มอื ช้)ี

ระบำข้าวเมา่ ทอด
โดย...นางภทั ธริ า คล้ายพรอ้ ม

21

ทา่ พูด กนิ (มือใดมอื หนง่ึ ชี้ที่ปาก อีกมอื หน่ึงตวั นางจีบหลัง ตัวพระเท้าสะเอว)

ท่าล้อมวง หมายถึง ล้อมวง เขตขัณฑ์ (มือทงั้ สองชร้ี ะดบั สะโพก หมนุ ขอ้ มือใหป้ ลายน้ิวมอื วนไปขา้ งๆ
แต่ละขา้ งอ้อมเป็นวงไปขา้ งหนา้ ปลายนว้ิ ชร้ี ะดบั แงศ่ ีรษะ)

ระบำขา้ วเมา่ ทอด
โดย...นางภทั ธริ า คลา้ ยพรอ้ ม

22
การแสดงนาฏศิลป์สรา้ งสรรค์ ชดุ ระบำขา้ วเมา่ ทอด

แสดงนาฏศลิ ปส์ ร้างสรรค์ ชดุ ระบำขา้ วเม่าทอด เป็นการแสดงพื้นบ้านท่ีคดิ ค้นขึน้ มาเพ่ือร่วมอนุรักษ์
ศิลปวัฒนธรรมไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนเนินกุ่มให้นักเรียนโรงเรียนชุมชน 3 บ้านเนินกุ่ม
(ประชานุกูล) ได้เรียนร้ถู ึงขั้นตอนการทำขา้ วเม่าทอดเพ่ือสบื สานใหอ้ ยู่คู่กบั ชุมชนเนนิ กุ่ม โดยนำดนตรีประเภท
เซ้ิงเข้ามาประกอบท่าทาง มีท่าทางในการรำดังน้ี
ท่าท่ี 1 เชญิ ชวนให้ทุกคนมาร่วมทำข้าวเม่าทอด

มอื ซา้ ยทา้ วเอว มือขวาแบมือใหน้ ้วิ ทั้ง 4 ชดิ ตดิ กนั หักข้อมือขน้ึ ลง (ทำมือคล้ายการกวักมือ) ยำ่ เทา้
ขวาสลบั เท้าซ้าย
ทา่ ที่ 2 ขดู มะพร้าว

แบมอื ทั้ง 2 ข้าง ใหน้ ว้ิ ทัง้ 4 ชดิ ตดิ กัน งมุ้ ปลา้ ยนวิ้ มือเล็กน้อย นำมอื ทั้งสองข้างมาอยู่ใกลๆ้ กัน
(คล้ายกบั การจับกะลามะพร้าว) หักขอ้ มอื ขน้ึ ลง ย่ำเทา้ ขวาสลับเทา้ ซ้าย

ระบำขา้ วเม่าทอด
โดย...นางภทั ธริ า คล้ายพรอ้ ม

23

ทา่ ที่ 3 ผสมส่วนผสมในการทำข้าวเม่าทอดเข้าดว้ ยกัน

มือท้ัง 2 ข้าง จีบควำ่ ไว้ข้างเอวโดยให้มอื ทง้ั 2 ข้างหา่ งกันเลก็ นอ้ ย ค่อยๆ เปลย่ี นมือเปน็ จบี หงายแล้ว
ย้ายข้างไปจีบควำ่ ขา้ งเอวอีกด้าน (ทำจบี คว่ำจีบหงายข้างเอวสลบั ไปมา) ยำ่ เทา้ ขวาสลับเทา้ ซ้าย

ระบำข้าวเม่าทอด
โดย...นางภัทธิรา คล้ายพรอ้ ม

24

ทา่ ท่ี 4 กวนหนา้ กระฉีกข้าวเมา่

กำมือทง้ั 2 ขา้ ง ให้มือซ้ายอยู่ระดบั อก ห่างจากอกเลก็ น้อย มอื ขวาอยรู่ ะดับเอว วนมือท้ังสองข้างเป็น
วง (คลา้ ยการจบั ไม้พายกวนขนม) ย่ำเทา้ ขวาสลบั เทา้ ซ้ายแปลแถวให้เปน็ วงกลม
ทา่ ท่ี 5 ท่าปลอกกล้วย

มอื ซา้ ยกำระดบั สะดือ มือขวาจบี คว่ำบนมอื ซ้าย คอ่ ยๆ จีบหงายแล้วแบมือออก ค่อยๆ จีบควำ่ บนมอื
ขวาที่กำ จากนนั้ ค่อยๆ จีบหงายแล้วแบมอื ออก (ทำสลับไปมา) ย่ำเท้าขวาสลบั เท้าซ้าย

ระบำข้าวเม่าทอด
โดย...นางภทั ธิรา คลา้ ยพรอ้ ม

25

ทา่ ท่ี 6 ทา่ ป้ันข้าวเม่า

แบมอื ทั้ง 2 ข้าง ให้นิ้วทัง้ 4 ชดิ ตดิ กนั หงายมือซา้ ย และคว่ำมือขวา โดยให้มือท้ัง 2 ข้างหา่ งกนั
เล็กน้อย วนมอื ขวาใหเ้ ปน็ วง (คล้ายการปน้ั ) ย่ำเทา้ ขวาสลับเทา้ ซา้ ย
ทา่ ท่ี 7 ทอดข้าวเมา่

มือซ้ายจับกระด้งที่ใส่ข้าวเมา่ นำกระด้งหนบี ไว้ท่เี อว มอื ขวาจบี คว่ำบนกระด้ง ค่อยๆ จบี หงายออก
จากกระด้งมาทางด้านขวาให้ความสูงของมืออยู่ระดับเอว (คลา้ ยการหยิบของใส่กระทะ) ยำ่ เทา้ ขวาสลับเทา้
ซา้ ย

ระบำข้าวเม่าทอด
โดย...นางภัทธริ า คลา้ ยพรอ้ ม

26

ทา่ ที่ 8 ทอดฝอยข้าวเมา่

มอื ซา้ ยจับกระด้งหนบี ไว้ท่ีเอว มอื ขวาจีบคว่ำระดับหางตา หักข้อมอื เขา้ หาใบหน้า (คล้ายจีบปรกหนา้ )
สลดั ขอ้ มือไปมา ยำ่ เทา้ ซ้ายสลับเทา้ ขวา แปลแถวกลบั ไปอยทู่ เี่ ดิม

ท่าท่ี 9 ตกั ฝอยวางบนข้าวเม่า

มอื ซา้ ยจับกระด้งหนีบไวข้ า้ งเอวซ้าย หงายมือขวาให้อยูด่ า้ นขา้ งระดบั เอว ค่อยๆ จบี คว่ำ แลว้ คอ่ ยๆ
คลายเป็นจบี หงาย จากนั้นวาดมอื กลับมาจีบคว่ำบนกระด้ง ยำ่ เทา้ ขวาสลับเท้าซ้าย

ระบำข้าวเม่าทอด
โดย...นางภทั ธิรา คล้ายพร้อม

27

ท่าท่ี 10 เชญิ ชวนรับประทานข้าวเม่าทอด

มือซ้ายจับกระด้งที่ใส่ข้าวเม่า นำกระด้งหนีบไว้ที่เอว มือขวาแบมือให้นิ้วทั้ง 4 ชิดติดกัน
หักข้อมือขึ้นลง (ทำมือคล้ายการกวักมือ) ค่อยๆ กำมือให้เหลือนิ้วชี้ชี้ออก จากนั้นค่อยๆ วาดนิ้วชี้มาชี้ที่ปาก
ย่ำเท้าขวาสลับเทา้ ซ้าย

อปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการแสดงระบำขา้ วเม่าทอด คือ กระด้งที่นำข้าวเมา่ ทอดซ่ึงเป็นภูมปิ ญั ญาของท้องถ่นิ
มาใสไ่ วใ้ นกระดง้

ระบำขา้ วเม่าทอด
โดย...นางภัทธิรา คลา้ ยพร้อม

28
ในการแสดงระบำข้าวเม่าทอดได้นำเพลงพวงมาลัยขา้ วเมา่ ทอดมาเปน็ สว่ นหนง่ึ ของการแสดงโดย
นำมาร้องเพ่ือเรียกใหน้ างรำออกมารำ

เพลงพวงมาลัยข้าวเมา่ ทอด
(เนอื้ เพลงโดย นางภทั ธริ า คล้ายพร้อม)

*เออ้ ระเหยลอยมา พวกเราน้นั หนา รีบมาเร็วไว (ซำ้ *)
พวกเรานักเรยี นเนนิ กุ่ม ชาวบางกระทุม่ นา่ รกั สดใส
วันนด้ี ีใจหนักหนา พวกเราไดม้ า อนรุ กั ษภ์ มู ปิ ัญญาไทย
ภูมิปญั ญาเนนิ กมุ่ บา้ นฉนั เลอ่ื งชอ่ื ลือล่นั ผคู้ นขานไข
ขนมขา้ วเมา่ ทอด อรอ่ ยสดุ ยอดเลยอย่าบอกใคร
เชิญมาชิมขา้ วเมา่ บา้ นฉัน ความอร่อยน้นั ไมแ่ พผ้ ู้ใด
พวกเราร่วมกนั อนุรกั ษ์ ให้ประจกั ษ์กบั บคุ คลท่ัวไป
สืบสานภมู ปิ ัญญาบ้านฉนั ใหค้ นอื่นน้นั รับรเู้ อาไว้
ตอนน้ีถงึ เวลาแล้ว ขอเชิญทกุ ท่านรบั ชมเร็วไว
ระบำขา้ วเมา่ ทอด ท่ารำคดิ ให้สอดคล้องศลิ ปะไทย
พวงเจ้าเอย๋ มาลยั นางรำขวัญใจออกมาเรว็ เอย

ระบำข้าวเมา่ ทอด
โดย...นางภัทธิรา คล้ายพร้อม

29
การแต่งกายของการแสดงระบำข้าวเมา่ ทอด แต่งกายด้วยเส้อื แขนกระบอก นุง่ ผา้ ซิ่นส้นั มผี ้าสไบพาด
บ่า (คล้ายการแต่งกายในการเซง้ิ )

ระบำขา้ วเม่าทอด
โดย...นางภัทธิรา คลา้ ยพรอ้ ม

30
นำการแสดงนาฏศิลปส์ รา้ งสรรค์ ชุด ระบำข้าวเมา่ ทอด เผยแพรใ่ นชมุ ชน
นำนักเรียนร่วมแสดงระบำข้าวเม่าทอด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและ
สืบสานภมู ิปัญญาท้องถน่ิ ในพิธีเปดิ งานประเพณบี ุญเดือนสิบ ปี 2565

ระบำขา้ วเม่าทอด
โดย...นางภัทธิรา คลา้ ยพรอ้ ม

แหลง่ ที่มาของข้อมูล
สมั ภาษณ์ พระครูพทิ กั ษ์ ประสาทกจิ , เจา้ อาวาสวัดเนินกุ่ม, 5 พฤษภาคม 2565.
สัมภาษณ์ นายฉลอม เมน่ ชาวนา, ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่นเนนิ กุ่ม, 5 พฤษภาคม 2565.
สัมภาษณ์ นางถวลิ ทองร่งุ , ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ินเนนิ กมุ่ , 5 พฤษภาคม 2565.
สุกัญญา ผวิ ขำ. มปป. นาฏยศพั ท์. (ออนไลน)์ . แหลง่ ทมี่ า : http://www.satreephuket.ac.th/teacher_

media/kru_sukanya_pewkhum/04_nattayasup.pdf. สืบคน้ 10 พฤษภาคม 2565.
สุจริ า ขวญั เมือง. มปป. นาฏยศัพท์. (ออนไลน์). แหลง่ ที่มา : https://www.gotoknow.org/posts/

118858. สบื คน้ 10 พฤษภาคม 2565.
อัษฎา จรัลชล. มปป. ภาษาท่ารำที่แสดงกิรยิ าอาการ. (ออนไลน)์ . แหล่งที่มา : http://sites.google.com/site

/natsilp9999/bht-thi-2-tha-ra/phasa-tha-ra-tha-saedny-kiriya-xakar. สืบค้น
9 พฤษภาคม 2565.

ระบำข้าวเมา่ ทอด
โดย...นางภทั ธิรา คลา้ ยพรอ้ ม

ระบำข้าวเมา่ ทอด
โดย...นางภัทธิรา คล้ายพร้อม


Click to View FlipBook Version