ตวั อยา่ งคาศัพท์ทข่ี ึ้นต้นด้วยตวั เสียง ข/ค (30 คา)
คำใจ คะนำ้ คิดมำก ขีเกยี จ ครมี อำบนำ
คณุ ธรรม ค่เู คียง เค้นคอ เข็ดหลำบ เข้มขน้
แขกมอญ แข็งแรง ขมขื่น โขดหนิ โค่นล้ม
ขอบฟำ้ คอ่ นขอด เขำเขยี ว ข้ำวแช่ ขำวโพลน
เข่อื นแตก เคลอื บแคลง ขวนขวำย ขวยเขิน ขำขนั
คำ่ คนื ขับเคล่ือน ไขข้อ ใคร่ครวญ
ไขไ่ ก่
51
3. Stuttering Modification Therapy (Van Riper, 1973)
(เปา้ หมาย: เปลีย่ นพฤตกิ รรมกำรพดู ไมค่ ล่องให้อยู่ในระดบั ที่ยอมรบั ได้ ลดควำมกลวั ทศั นคติดำ้ นลบ และอำกำรรอง)
3.4 Modification เปน็ กำรฝกึ เพอ่ื แกไ้ ขกำรพดู ติดอ่ำง ซึ่งมุ่งเน้นใหป้ รับเปล่ียนพฤติกรรมต่ำง ๆ ที่ผู้พูดติดอ่ำง
ทำขณะพดู ติดใหส้ ำมำรถพดู ได้คล่องมำกขึน Fraser (1978) อธบิ ำยวิธีกำรโดยละเอียดดงั ตอ่ ไปนี
3.4.1 Cancellation/Post-Block Correction ให้ผู้พดู ติดอ่ำงแก้ไขคำท่ีพูดติดไปแล้วทันทีก่อนจะเร่ิมพูดคำ
ตอ่ ไป โดยมขี นั ตอนดังต่อไปนี
• พดู คำทีต่ ดิ นนั ออกมำ อย่ำหลีกเลีย่ งหรอื หำคำอ่ืนมำพูดแทน
• ให้หยดุ สักพกั หลังออกเสยี งคำนันไปแลว้ เพือ่ หำปัญหำท่เี กดิ ขึนและหำวิธีแกไ้ ข
• ให้ผูพ้ ดู ตดิ อ่ำงผอ่ นคลำยกล้ำมเนือทใ่ี ชใ้ นกำรพูด เชน่ ผ่อนคลำยกล้ำมเนือบรเิ วณคอ ริมฝีปำกสัมผัสปิดกัน
หลวม ๆ ฯลฯ
• ฝึกซ้อมกำรออกเสยี งทถี่ ูกตอ้ งในใจ หรอื ลองขยบั ปำกโดยไมอ่ อกเสียงว่ำควรจะใหก้ ล้ำมเนือที่ใช้ในกำรออก
เสยี งมคี วำมรสู้ ึกอย่ำงไร จึงจะสำมำรถออกเสียงได้อยำ่ งถกู ต้อง
• พดู คำดงั กลำ่ วให้ถูกตอ้ ง แต่ตอ้ งขยบั อวัยวะท่ใี ช้ในกำรออกเสยี งให้สบำย ๆ และยืดกว่ำปกติ
52
ข้นั ตอนของ Cancellation หรอื Post-Block Correction อยา่ งงา่ ย
พดู คำทตี่ ิดนันออกมำ
หยดุ สกั พกั หำปัญหำและวธิ แี ก้ไข
ผ่อนคลำยกล้ำมเนือท่ีใชใ้ นกำรพดู
ฝึกซอ้ มออกเสียงในใจ/กระซิบ
พดู ให้สบำย ๆ และยืดกว่ำปกติ
53
Stuttering Modification Therapy (Van Riper, 1973)
(เป้าหมาย: เปลี่ยนพฤติกรรมกำรพูดไมค่ ล่องให้อยใู่ นระดับท่ียอมรับได้ ลดควำมกลัว ทศั นคตดิ ำ้ นลบ และอำกำรรอง)
3.4.2 Pull-out ให้ดงึ คำทีพ่ ูดติดออกมำขณะกำลงั พูด และพดู ตดิ อ่ำงออกมำอยำ่ งชำ้ ๆ เพอื่ ใหร้ ู้สึกถงึ กำร
เคลอื่ นไหวของกลำ้ มเนอื ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง โดยไมค่ วรหลกี เลีย่ ง หยดุ พดู หรอื พยำยำมเร่มิ ตน้ พดู ใหม่
3.4.3 Preparatory sets/Pre-Block Correction วิธีกำรนีจะให้ผู้พูดติดอ่ำงเรียนรู้ที่จะแก้ไขกำรออกเสียงให้
ถูกต้องก่อนจะออกเสียงจริง โดยมีขันตอนคล้ำยคลึงกับ Cancellation เมื่อผู้พูดรู้ว่ำตนกำลังจะพูดติดอ่ำง ให้
กระทำดังต่อไปนี
• หยุดพักเลก็ น้อย และวำงแผนซ้อมกำรออกเสียงคำนนั
• พยำยำมผ่อนคลำยอำกำรเกรง็ ของกลำ้ มเนือท่ีใช้ในกำรออกเสียง
• นกึ ถงึ สง่ิ ที่ตนเองมกั กระทำจนส่งผลใหเ้ กดิ กำรพดู ตดิ อ่ำง และคน้ หำวิธีกำรออกเสียงท่ีถูกต้อง โดยพยำยำมลด
ระยะเวลำกำรหยุดคิดให้นอ้ ยลงจนกว่ำจะสำมำรถพูดคำเหล่ำนันไดโ้ ดยอตั โนมัติ
• ฝึกซ้อมกำรออกเสียงในใจ หรือลองขยับปำกโดยไม่ออกเสียงว่ำควรจะให้กล้ำมเนือที่ใช้ในกำรออกเสียงมี
ควำมรสู้ ึกอยำ่ งไร จึงจะสำมำรถออกเสียงได้อยำ่ งถกู ต้อง
• พดู คำดังกลำ่ วให้ถกู ต้องตำมที่ซอ้ มไว้ แต่ตอ้ งออกเสียงให้ชำ้ และเนน้ แต่ละเสียงใหถ้ ูกตอ้ ง
54
ข้นั ตอนของ Preparatory Sets หรือ Pre-Block Correction อยา่ งง่าย
หยุดสักพกั หำปัญหำและวธิ แี กไ้ ข
ผอ่ นคลำยกลำ้ มเนือทใ่ี ชใ้ นกำรพดู
นกึ ถงึ สิ่งที่มกั ทำให้พูดตดิ อำ่ ง
ฝกึ ซ้อมออกเสียงในใจ/กระซิบ
พดู ใหส้ บำย ๆ และยดื กวำ่ ปกติ
55
Delayed Auditory Feedback (Roth & Worthington, 2001)
ในปัจจุบันมีเครื่องมือที่ใช้เพ่ือลดอำกำรพูดติด
อ่ำง โดยเคร่ืองจะปรับเสียงที่ย้อนกลับสู่หูของผู้
พู ด ใ ห้ ช้ ำ ล ง เ รี ย ก ว่ ำ Delayed auditory
feedback (DAF) ซ่ึงช่วยให้ผู้พูดติดอ่ำงลด
อัตรำเร็วในกำรพูดและช่วยลดกำรพูดติดอ่ำงลง
โดยท่ัวไปจะเร่ิมต้นตังเสียงให้ย้อนกลับมำช้ำลง
ประมำณ 250 มิลลิวินำที (ms.) จำกนันค่อย ๆ
ลดลงทีละ 50 มิลลิวินำที (เช่น 200, 150, 100
มิลลิวินำที) จนกว่ำผู้พูดติดอ่ำงจะสำมำรถคง
อั ต ร ำ เ ร็ ว ใ น ก ำ ร พู ด แ ล ะ ล ด ก ำ ร พู ด ติ ด ล ง ไ ด้
น อ ก จ ำ ก เ ค รื่ อ ง แ บ บ พ ก พ ำ ต ำ ม ภ ำ พ แ ล้ ว
Delayed Auditory Feedback ยั ง พ บ ใ น
ซอฟต์แวร์ของ Visipitch และ CSL อกี ด้วย
56
References
• Dell, JR., C. W. (1996) Treating the School Age Stutterer: A Guide for Clinicians. 1st ed. Memphis:
Stuttering Foundation of America.
• Fraser, M. (2010). Self-therapy for the Stutterer. 11th ed. Memphis: Stuttering Foundation of America
• Guitar, B. (2014). Stuttering: An Integrated Approach to Its Nature and Treatment. 4th ed.
• Peters, T. J., & Guitar, B. (1991). Stuttering: An Integrated Approach to Its Nature and Treatment. 1st
ed. Baltimore, Maryland: Lippincott Williams & Wilkins.
• Roth, F. P., & Worthington, C. K. (2001). Treatment Resource Manual for Speech-Language
Pathology. 1st ed. Albany: Singular Thomson Learning.
• Van Riper, C. (1973). The treatment of stuttering. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall.
57