รายวชิ า การพัฒนาสขุ ภาวะและความปลอดภยั สำหรับเดก็
เสนอ
อาจารย์ ผชู้ ่วยศาสตร์ตราจารย์ สนุ ิศา ธรรมบัญชา
จดั ทำโดย
นางสาวอลิ า มะซง รหสั นกั ศึกษา 406510020
นางสาวซตี นี ูฮาลีซา อาแว รหัสนกั ศกึ ษา 406510027
นางสาวยัสมี กะดะแซ รหสั นักศกึ ษา 406510030
นางสาวยไู รดา เซง็ ดเี ยาะ รหัสนกั ศึกษา 406510031
นางสาวต่วนฟาตฮี ะฮ์ ปาแซ รหสั นกั ศกึ ษา 406510032
นางสาวนูรฮี ัน กอตอ รหัสนักศึกษา 406510033
นางสาวซไุ ฮลา หามะ รหสั นักศึกษา 406510035
ชนั้ ปีที่ ๑
สาขาวชิ า การศึกษาปฐมวัย
ภาคการศกึ ษาที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕
คณะครุศาสตร์มหาวทิ ยาลัยราชภัฏยะลา
ก
คำนำ
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา การพัฒนาสุขภาวะและความปลอดภัยสำหรบั
เด็กปฐมวัย เพื่อให้ได้ศึกษาหาและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย โดยได้ศึกษาหาข้อมูลผ่านทาง
เว็บไซตต์ ่างๆ โดยในรายงานฉบับนี้มีเนือ้ หาในเรอ่ื งของ ความสำคญั ของความปลอดภยั โภชนาการและอนามยั
ที่มีผลต่อพัฒนาการเด็ก อาหารและการออกกำลังกาย การส่งเสรมิ และจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาสขุ อนามยั
ความปลอดภยั อบุ ตั เิ หตุในเด็ก การปฐมพยาบาลเบ้อื งต้น บทบาทของครู และผู้ปกครองในการปอ้ งกันโรค
ผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำรายงานฉบับนี้จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน และผู้ท่ี
สนใจไม่มากก็น้อย หากรายงานฉบับนี้มีความผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่น้ี
ดว้ ย ดว้ ยความเคารพเป็นอย่างย่ิง
คณะผู้จัดทำ
28 มถิ นุ ายน 2565
ข
สารบญั
เร่อื ง หนา้
บทที่ 1 ความสำคัญของความปลอดภัยโภชนาการและอนามยั ทม่ี ีผลตอ่ พัฒนาการหลัก 1
- ความหมายและความสำคัญของสุขภาวะ สวสั ดิภาพ 1-2
- ความสำคญั ของความปลอดภัยทีม่ ีต่อพฒั นาการเด็ก 3-6
- ความหมายและความสำคัญของโภชนาการท่ีมตี อ่ การพัฒนาเดก็ ปฐมวยั 6-7
- ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งโภชนาการกบั สขุ ภาพ 7-9
- ความสำคัญของอาหารและโภชนาการตอ่ สขุ ภาพ 9-11
- ความหมาย ความสำคัญของสุขอนามัยท่ีมผี ลต่อพัฒนาการ 11-12
บทที่ 2 อาหารและการออกกำลังกาย 12
- อาหารและสารอาหารสำหรบั เด็กปฐมวยั 12-14
- อาหารหลกั 5 หมู่ 14-17
- ปญั หาโภชนาการเดก็ 17
- โรคท่เี กยี่ วข้องกับโภชนาการในเด็ก 18
- หลักการจัดอาหารและหมู่อาหารทเี่ หมาะสมกบั เด็ก 18-19
- การออกกำลงั กาย และความสำคญั หลกั การในการออกกำลังกาย 19-22
- กิจกรรมและประเภทของการออกกำลังกายท่เี หมาะสมกบั วยั เด็ก 22-23
บทท่ี 3 การสง่ เสริมและจดั ประสบการณ์เพ่ือพัฒนาสุขอนามัย 23
- การส่งเสริมการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ 23-24
- หลกั การจดั กิจกรรมและประสบการณ์ในการพัฒนาสุขภาพอนามัย 24-25
- การวัดและประเมนิ พัฒนาการ 25
บทท4ี่ ความปลอดภยั อุบตั เิ หตใุ นเดก็ การปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น 26
- ความหมายของอุบัติเหตุ 26
- ปัจจยั และสาเหตทุ ่กี ่อให้เกิดอบุ ตั ิเหตุ 26
- การปอ้ งกันอุบตั เิ หตุในเดก็ 26
- มารตการดแู ลความปลอดภัย 27
- การปฐมพยาบาล 27-29
บทที่ 5 บทบาทของครูและผู้ปกครองในการป้องกนั โรค 29
- ความรูพ้ น้ื ฐานเบอื้ งตน้ เก่ียวกับโรคและดูแลเดก็ ปฐมวัย 29-30
- บทบาทของครูในการดูแลเด็กในการป้องกันโรค 30-32
- การสร้างสขุ นิสยั ทีด่ ีในเด็กปฐมวยั 32-33
- บทบาทผูป้ กครองในการป้องกันโรคท่เี กิดกับเด็ก ค
อ้างอิง
33-38
39
1
บทท่ี๑ ความสำคัญของความปลอดภยั โภชนาการและอนามยั ที่มีผลตอ่ พัฒนาการเด็ก
ความหมายและความสำคัญของสขุ ภาวะและสวสั ดภิ าพ
สุขภาวะ หมายถึง การดำรงชีพของบุคคลอย่างมีสุข ทั้งกายและจิต อาจกล่าวได้ว่า ไม่ใช่เพียงไม่มี
โรคภยั ไขเ้ จ็บ แตร่ วมถงึ การมีชวี ิตทมี่ ีร่างกายแข็งแรง จติ ใจแขง็ แรง มคี วามสขุ อยู่ในสังคมโลกปัจจุบันซึ่งมีการ
เปลย่ี นแปลงตา่ งๆ เกิดขน้ึ อยา่ งรวดเรว็
การทบ่ี ุคคลจะมีสุขภาพดีได้นั้น มไิ ดข้ ึ้นอยู่กับองคป์ ระกอบใด หรือปัจจัยใดปัจจัยหน่ึงเพยี งอย่างเดียว แต่เป็น
ผลรวมจากปจั จยั หลาย ๆ ด้านเหล่านร้ี ว่ มกัน
๑. สุขภาวะทางร่างกาย หมายถึง คุณลักษณะของร่างกายที่เก่ียวขอ้ งกับขนาด รูปร่าง ของร่างกาย หน้าที่ใน
การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายที่ทำงานสัมพันธ์กัน การที่บุคคลมีสุขภาวะทางร่างกายดี คือ การท่ี
ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายสามารถทำงานสัมพันธ์กนั ไดเ้ ป็นอยา่ งดี มพี ัฒนาการทเ่ี หมาะสม ตามเพศ
วยั มสี มรรถภาพทางกายทดี่ ี สามารถประกอบกจิ กรรมต่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั ได้อยา่ งปกติ
๒. สุขภาวะทางจิตใจ หมายถึง ความสามารถในการเรียนรู้ และพัฒนาการจากประสบการณ์และ
ความสามารถทางปัญญาที่มีอยู่ในตัวตนของแต่ละบุคคล ซึ่งมีผลต่อการตอบสนองทางความคิดของบุคคลน้ัน
การตอบสนองทางความคิด ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อ (Beliefs) ทัศนคติ (Attitudes) และค่านิยม
(Values) ตอ่ สงิ่ ต่าง ๆ เช่น วถิ กี ารดำเนนิ ชวี ติ ครอบครัว ความสมั พนั ธ์ของสังคม เปน็ ตน้ บุคคลใดที่มีสุขภาพ
ทางจิตใจที่ดีจะเป็นผู้ที่มักจะคิดต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งในทางที่ดีหรือในทางบวกกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองเสมอ ซึ่ง
ภาษาอังกฤษตรงกับคำวา่ Positive thinking หมายถึง การคิดทางบวก หรือการคดิ ในทางท่ดี ี
๓. สุขภาวะทางอารมณ์ จะมุ่งเน้นถึงความรู้สึก (Feeling) ของบุคคลที่มีต่อสิ่งใด สิ่งหนึ่งทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับ
ประสบการณ์ของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ และตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ด้วย เช่น การมีอารมณ์หรือความรู้สึก
เกี่ยวกับ ความรัก (Loving) ความชอบ (Caring) ความเกลียดชังหรือรังเกลียด (Hating) ความรู้สึกเจ็บปวด
(hurt) ความรู้สึกหมดหวังหรือความผิดหวัง (Despairs) ความรู้สึกที่ปลดปล่อย (Release) สนุก (Joy) ความ
วิตกกังวล (Anxiety) ความรู้สึกกลัว (Fear) ความขัดข้องใจ (Frustration) ความโกรธอย่างรุนแรง (Intense
anger)
นกั จิตวทิ ยาเชอ่ื วา่ การมคี วามรสู้ ึก หรืออารมณ์ จะมีพ้ืนฐาน ๔ ประการดงั น้ี
๑. อารมณเ์ ป็นผลอนั เน่ืองมาจากการมีอนั ตราย (Harm) ความสูญเสีย (Loss) หรอื ถูกคกุ คาม (Threats)
๒. อารมณ์เปน็ อนั ผลเนอ่ื งมาจาก การได้รับประโยชน์หรอื ส่ิงที่ดี (Benefits)
๓. อารมณ์แบบก้ำก่ึง เชน่ ความหวงั (Hope) ความเห็นอกเหน็ ใจหรือความสงสาร (Compassion)
2
๔. อารมณ์ที่เกิดอย่างสมบูรณ์ เช่น ความโศกเศร้าหรือความสลดใจ (Grief) ความท้อแท้หรือความเสียใจ
(Disappointment ) ความลำบากใจ (Bewilderment) และความอยากรู้อยากเห็น (Curiosity)
๔. สุขภาวะทางสังคม หมายถึง ความสามารถของแต่ละบุคคลที่มคี วามเกี่ยวข้องปฏสิ ัมพันธ์กบั สิ่งต่าง ๆ และ
สามารถปรับตัวกับสถานการณ์ทางสังคมและพฤติกรรมประจำวันที่เกิดขึ้นได้ การที่บุคคลจะมีสุขภาวะทาง
สงั คมทด่ี ีนั้นจะมีความเก่ียวข้องกบั การได้รับการสนับสนุนทางสงั คม (Social supports) ในท่ีน้ีโดยเฉพาะการ
ได้รับสนับสนุนจากครอบครัวเป็นพื้นฐานที่สำคัญ นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับข้อผูกมัดทางสังคม ( Social
bonds) ซึ่งจะมาจากองค์ประกอบหลัก ๖ ประการ คือ ความคุ้นเคยหรือความสนิทสนม (Intimacy) การ
ปรับตัวกับสภาพแวดล้อม (Integration) มีการให้หรือการรับอย่างเหมาะสม (Giving or receiving
nurturance) มกี ารใหค้ วามชว่ ยเหลือและแนะนำ (Assistance and Guidance) มีการให้คำปรกึ ษา (Advice)
มีความม่ันใจท่ีดกี บั สิ่งทม่ี ีคุณค่าส่ิงใดสิง่ หนึ่ง (Reassurance of one’s worth)
๕. สุขภาวะทางจิตวิญญาณ หมายถงึ สภาวะของบุคคลที่สามารถรู้จักตัวตนของตนเอง ไม่มีความเห็นแก่ตัว มี
ความรู้สึก ความเข้าใจ ในการดำรงอยูห่ รือมคี วามเข้าใจความรูส้ ึกเป้าหมายในชีวิตทีแ่ ทจ้ ริงมากกว่าความรู้สกึ
ความเขา้ ใจสว่ นบุคคล เช่น การให้ของหรือช่วยเหลือผู้อนื่ การเสยี สละ แลว้ เกิดความสุข การรู้จักบาปบุญคุณ
โทษ สิง่ เหลา่ นีเ้ ป็นมิติทางนามธรรมท่ีเรียกว่าจิตวิญญาณ ซึ่งถือว่าเป็นจุดมงุ่ หมายสูงสดุ ของการพฒั นามนษุ ย์
สุขภาพเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการดำรงชีวิต ทุกคนจะต้องดูแลสุขภาพของตนเองเป็นอย่างดี
เพอื่ ใหต้ นเองเป็นผู้ที่มสี ขุ ภาพดใี นทุกๆดา้ นจะทำให้สามารถดำรงชีวิตอยูใ่ นสงั คมได้อย่างปกติสุขตามศักยภาพ
ที่ตนมีอยู่สุขภาพเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สังคม และสิ่งแวดล้อมหากปัจจัยดังกล่าวขาดความ
สมดุลก่อให้เกดิ เปน็ ปญั หาสุขภาพได้
สวัสดิภาพ หมายถึง ความปลอดภยั โดยเฉพาะความปลอดภัยในการดำรงชีวิตซึ่งในแต่ละวัน เราอาจ
ประสบภัยหรอื ปัญหาตา่ งๆทีผ่ า่ นเข้ามาอันจะทำให้ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตได้ เช่น อาจเจ็บป่วยและจำเป็นต้องใช้
ยาในการรกั ษา แต่ถา้ หากใช้ยาไม่ถูกตอ้ งอาจก่อให้เกดิ อนั ตรายจนถงึ ชีวติ ได้ นอกจากนย้ี ังมภี ัยจากสารเสพติด
และความรุนแรงในเด็กซึ่งเป็นปัญหาสังคมที่สำคัญในปัจจุบัน ดังจะพบเห็นตามสื่อต่างๆเสมอถึงการให้
ประชาชนในวยั ต่างๆเสพสารเสพติด รวมทัง้ เดก็ ทถ่ี ูกทารุณกรรม ถูกล่วงละเมิดทางเพศหรอื ถูกทอดทิ้ง
การดำรงชวี ิตอยู่อย่างปลอดภัยเป็นสงิ่ ท่ีมนุษย์ทุกคนปรารถนา และเป็นสงิ่ สำคัญประการหน่ึงท่ีจะทำ
ให้เกิดสุขภาพและคุณภาพชีวิตทดี่ ี นกั เรยี นจึงควรรูจ้ ักหลกี เลีย่ งและป้องกนั ไมใ่ ห้เกดิ ภัยอันตราย
3
ความสำคัญของความปลอดภัยท่ีมีตอ่ พฒั นาการเด็ก
วัยเด็กเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตและเรียนรูส้ ่ิงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว เด็กมีความอยากรู้ อยากเห็นและ
สนใจสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตวั เปน็ ช่วงทีเ่ ดก็ มีพฒั นาการ ด้านการเคลื่อนไหวค่อนข้างมากเด็กจึงอยู่ไม่น่ิง ซุกซน
อยากเรียนรู้ ชอบค้นคว้า ทดลองสิ่งต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาวัยเด็กเปน็ วัยแห่งพลังงานเด็กมีพลังมากมายที่จะทำ
สิ่งต่างๆตามความต้องการ วัยเด็กจึงเป็นวัยที่มีความเสี่ยงจากการได้รับอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นเด็กแรกเกิดหรือ
เด็กช่วงวัยทารก อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็กวัยนี้ไม่น้อยไปกว่าวัยเด็กเล็กหรือวัยก่อนเรียน อุบัติเหตุส่วนใหญ่
เกิดจากการขาดความระมัดระวังของผู้เลี้ยงดูเด็กจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้นเพื่อให้การดูแลสุขภาพเด็ก
เป็นไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ควรมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการดูแลเด็ก ศึกษาถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ
การป้องกัน การลดความเสี่ยงภัยจากอุบัติเหตุต่างๆช่วยให้เด็กได้รับการคุ้มครองไม่ให้เด็กได้รับ บาดเจ็บหรือ
เกิดความพิการ เพ่ือใหเ้ ดก็ เจรญิ เติบโตอยา่ งสมบูรณ์ ปลอดภัย ปราศจากอันตราย และมีสขุ ภาพดี
สาเหตุของการเกิดอบุ ัตเิ หตุ
๑. สาเหตจุ ากตวั เด็ก
๑.๑ วัยของเด็ก ธรรมชาติตามวัยเด็ก ทำให้เด็กเสี่ยงต่ออันตรายต่างๆจากการเล่นได้มากกว่าเด็กวัย
อ่นื ๆเนอ่ื งจากการเจรญิ เตบิ โตทางร่างกายของเดก็ ยังไม่พร้อมสมบรู ณ์
๑.๒ สัญชาติญาณของเด็ก เด็กวัยก่อนเรียน มีสัญชาตญาณของความอยากรู้ อยากเห็น มักสนใจและ
ชอบสัมผัสสิ่งแปลกๆใหม่ๆที่ยังไม่คุ้นเคยชอบการสำรวจ ค้นคว้า ทดลอง โดยเฉพาะเรื่องที่สงสัยอยากรู้ด้วย
ความรเู้ ทา่ ไมถ่ ึงการณเ์ มอื่ เดก็ สัมผัสหยิบจับสิ่งนนั้ ๑๘๕ อาจกอ่ ใหเ้ กิดอนั ตรายขึ้นทำใหเ้ กดิ อบุ ัติเหตุได้
๑.๓ สภาพจิตใจและอารมณ์ของเด็ก โดยธรรมชาติ เด็กวัยนี้มักมีสภาพจิตใจและ อารมณ์ไม่คงท่ี
เปลี่ยนแปลงได้ง่าย อ่อนไหวง่าย บางครั้งมีอารมณ์แจ่มใสร่าเริงแต่ไม่นานอาจ มีอารมณ์หงุดหงิด โกรธ เศร้า
หมองอาจเนื่องมาจากการถกู ขัดใจเดก็ ไม่ทันคิดหรือตัดสนิ ใจไม่ถูกทำใหข้ าดความระมดั ระวังจนเป็นเหตุให้เกิด
อุบัตเิ หตุ
๑.๔ เพศของเด็ก อุบัติเหตุมักเกิดขึ้นในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงเพราะโดยลักษณะอุปนิสัย
เด็กชายย่อมมีความซุกซน กล้าแสดงออก ชอบเสี่ยง ชอบโลดโผน ชอบผจญภัย ต้องการแสดงออกมากกว่า
เด็กหญิงเด็กชายมักจะชนกว่าเด็กหญิง ชอบทดลอง ไม่กลัวเจ็บล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กชายได้รับอุบัติเหตุ
มากกว่า
๑.๕ สภาพทางร่างกาย เด็กที่อยู่ในสภาพไม่ปกติ เช่น ความเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย สายตาสั้น หูตึง
แขนขาพิการ เด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์ เด็กที่มีความผิดปกติทางร่างกาย หรือเด็กที่อยู่ในสภาวะเจ็บป่วย
ส่งผลใหเ้ ดก็ ไมส่ ามารถดแู ลตนเองไดเ้ ต็มที่ทำใหเ้ กดิ อุบัตเิ หตุไดง้ า่ ยกวา่ ปกติ
4
๒. สาเหตจุ ากพอ่ แม่พ่ีนอ้ งของเดก็
๒.๑ จากการขาดความเอาใจใส่เด็ก เดก็ ทอี่ ยใู่ นครอบครวั ที่พ่อแมญ่ าติพ่ีน้องขาด การดูแลและละเลย
ในการเอาใจใส่เด็กเนื่องจากมีภารกิจ ขาดความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงดูเด็กอย่างถูกวิธีเด็กจึงมักประสบ
อุบตั เิ หตไุ ด้ง่ายและเกดิ ขน้ึ บ่อย ๆ
๒.๒ จากความประมาท เลินเลอ่ ของพ่อแม่ญาติพีน่ ้อง การขาดความระมัดระวังของผู้ใหญ่ท่ีมีเด็กอยู่
ในบ้านเปน็ สาเหตสุ ำคัญอกี ประการหนึ่งที่ส่งผลต่อความปลอดภยั ในชวี ิตของเด็กความประมาทขาดความพินิจ
พจิ ารณาขาดความรอบคอบอาจก่อใหเ้ กิดอบุ ัติเหตุแก่เด็กได้
๒.๓ จากสภาพทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ ของพ่อแม่ญาติพี่น้อง พ่อแม่ พี่น้องของเด็กที่มีสภาพ
ร่างกายและจิตใจไม่ปกติ เช่น เกิดเจ็บป่วย มีร่างกายพิการ มีอารมณ์ เครียด เศร้าโศกเสียใจ หรือมีอารมณ์
โกรธ ทำให้ขาดความสนใจ ขาดความระมัดระวัง ในการดูแลเอาใจใส่เด็กทำให้เด็กได้รับอุบัติเหตุเด็กต้องการ
ผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะสามารถดูแลเอาใจใส่เด็กให้ปราศจากอันตรายใดๆที่จะทำอันตรายแก่เด็กควรยอมรับและ
เข้าใจธรรมชาติตามวัยๆและสิทธิที่เด็กควรจะได้รับการดูแลให้ปลอดภัยจะช่วยให้เด็กสามารถดำรงชีวิตอยู่
อย่างปลอดภัยมีความสุขและปราศจากอบุ ตั เิ หตุ
๓. สาเหตุจากสิ่งแวดลอ้ ม
๓.๑ สิง่ แวดลอ้ มทางธรรมชาติ เป็นสาเหตสุ ำคญั อกี ประการหน่ึงทท่ี ำใหเ้ กิดอุบตั ิเหตสุ ่งผลให้เด็กได้รับ
บาดเจบ็ จากอันตรายเล็กๆนอ้ ยๆพิการหรือแม้กระท่ังเสียชีวิตได้
๓.๒ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ สิ่งแวดล้อมทั้งภายในบ้านและรอบๆบริเวณบ้านอาจเป็นสาเหตุให้เกิด
อุบัติเหตุได้ เช่น ถนน แม่น้ำ ลำคลอง บ่อน้ำ สระน้ำ บ่อเลี้ยงปลา อ่างเลี้ยงปลาสวยงาม บริเวณบ้านที่มี
อปุ กรณเ์ คร่ืองใช้ที่เกา่ ชำรุดวางทิ้งไว้ไมเ่ ปน็ ระเบียบและสนามเด็กเลน่ บรเิ วณหมู่บ้านที่มีอุปกรณ์ชำรุดขาดการ
ดแู ลและบำรงุ รกั ษา เป็นต้น
๓.๓ สิ่งแวดล้อมทางสังคม ได้แก่ บุคคลที่อยู่ใกล้ชิดครอบครัวเด็กอาจเป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงหรือ
เพื่อนเล่น เมื่อเด็กไปเล่นดว้ ยกันอาจก่อให้เกิดอบุ ัติเหตุได้ เช่น วิ่งชนกัน การพลัดตกหกล้ม หรือขี่จักรยานล้ม
เป็นต้น ปัจจุบันสังคมมีความเสื่อมถอยทางจริยธรรมจึงทำให้คนทำมาหากินโดยอาศัยเด็กเป็นเครื่องมือ เช่น
ลักพาเด็กแล้วบังคับให้ขอทาน การทำร้ายทารุณกรรมเด็ก บังคับให้เด็กทำงาน และการบังคับข่มขืนเด็กเกิด
จากสงิ่ แวดล้อมทางสงั คมทีท่ ำให้ผคู้ นขาดสติขาดความรับผดิ ชอบชัว่ ดขี าดคุณธรรมและจริยธรรม เป็นตน้
พ่อแม่และผู้ทเ่ี กยี่ วข้องกบั การดูแลเด็กโดยเฉพาะช่วงวยั ทารกและวัยก่อนเรียนระหว่างอายุแรกเกิดถึง
๖ ปี ควรตระหนักถงึ ความจำเป็นและความสำคัญในการระมัดระวงั อันตรายทจี่ ะเกิดกับเด็กท่ีส่งผลต่อสุขภาพ
กายและสุขภาพจิตของเด็กให้ล่าช้า และมีพัฒนาการไม่เป็นไปตามวัยอุบัติเหตุที่ได้รับบางครั้งอาจรุนแรงจน
5
เป็นสาเหตุให้เด็กเสียชีวิตจากความประมาทของผู้ใหญ่และจากความซุกซนเพราะธรรมชาติของเด็กจึงควร
ร่วมมือกันระหว่างพ่อแม่ และผู้มีหน้าที่ดูแลเด็กให้ ความสำคัญต่อชีวิตเด็ก เพราะเด็กก็คื อมนุษย์คนหนึ่งที่
ต้องได้รับการดูแลและเอาใจใส่ ให้มีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อเป็นพื้นฐานให้เด็กเจริญเติบโตและ
ปราศจากอนั ตรายทั้งปวง
ผลกระทบของการเกิดอบุ ตั เิ หตุ
เมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเด็กย่อมส่งผลกระทบกับเด็กไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมตลอดทั้งมี
ผลกระทบตอ่ ครอบครวั ของเดก็ มีดงั นี้
๑. ผลกระทบตอ่ ร่างกายเด็ก
ผลกระทบต่อผิวหนัง ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ มีบาดแผลถลอก ฟกช้ำดำเขียว ห้อเลือด ฉีกขาดเจาะเป็นรูลกึ
ทำให้เดก็ เจบ็ ปวดทกุ ขท์ รมานจากบาดแผล และเปน็ ชอ่ งทาง ให้เชือ้ โรคเข้าสรู่ ่างกายเด็ก
๑.๒ ผลกระทบต่อเส้นเลือด อาจมีการฉีกขาดของเส้นเลือดฝอยหรือเส้นเลือดใหญ่ ทำให้มีเลือดออก
มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเส้นเลือดอะไรฉีกขาด ถ้าเด็กเสียเลือดมากอาจเกิด อาการช็อคและเป็นอันตรายต่อ
ชวี ิตได้
๑.๓ ผลกระทบต่อกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อของร่างกาย ทำให้มีการฟกช้ำหรือฉีกขาด เมื่อเนื้อเยื่อหรือ
กล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บ จะเกิดการหลั่งสารฮีสตามีน ทำให้มีเลือดมาคั่งบริเวณ ที่บาดเจ็บ ทำให้เกิดปวดบวม
แดงรอ้ นหรอื เกดิ การอักเสบได้
๑.๔ ผลกระทบต่อกระดูก ถ้าเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรงอาจทำให้มีกระดูกแตกร้าว หรือหักได้ ทำให้
โครงสร้างของอวัยวะต่าง ๆ ที่ห่อหุ้มกระดูกหรือเป็นแกนกลางเสียไป เกิดอันตราย กับเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ
กระดกู
๑.๕ ผลกระทบต่อสมอง จากการถกู กระแทกบริเวณศีรษะ การหกล้มศีรษะฟาดพื้น หรอื อบุ ตั ิเหตุจาก
ยานพาหนะ อาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อสมองของเด็ก จึงควรรบี ให้การรักษา เพ่อื มใิ หเ้ กดิ อันตรายร้ายแรง
กับเดก็
๒. ผลกระทบด้านจติ ใจ
อุบัติเหตุที่เกิดกับเด็กทำให้สภาพร่างกายเด็กได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน จากบาดแผลประเภท
ต่าง ๆ ยอ่ มสง่ ผลกระทบถงึ จิตใจเด็ก เด็กเกิดความวิตกกังวลใจ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน เกดิ ความกลัวฝังใจ ทำ
ใหเ้ ด็กไมก่ ล้าแสดงออก อาจมพี ฤตกิ รรมถดถอย มพี ฒั นาการล่าชา้ พ่อแม่ผดู้ ูแลเดก็ จึงควรใหก้ ารดูแลเอาใจใส่
ไม่ให้เด็กอยู่ในภาวะเช่นนี้ ยาวนานเกินไป ควรรักษาและดูแลให้เด็กรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็น
6
กำลังใจให้เดก็ มี สขุ ภาพจิต ทดี่ ี สง่ ผลให้เด็กอบอุ่นใจ สบายใจสามารถฟนื้ ตัวไดเ้ ร็วข้ึน การเกิดอุบัติเหตุในเด็ก
มผี ลกระทบต่อเด็กไมว่ า่ จะเป็นอุบตั ิเหตปุ ระเภทใดก็ตาม
เน่ืองจากเด็กกำลังเติบโตและมีพัฒนาการเปน็ ไปอย่างรวดเร็วทุกด้าน เม่ือเด็กได้รับอุบตั ิเหตุ ย่อมเป็น
สาเหตุหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้การเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กหยุดชะงักและล่าช้า โดยเฉพาะสมอง หาก
สมองกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ จะไม่มีการสร้างเซลล์ประสาทขึ้นมาใหม่ เมื่อเด็กได้รับบาดเจ็บทำให้
ร่างกายมีบาดแผล ฟกช้ำ ผิวหนังเป็นแผลถลอกหรืออาจมีการฉกี ขาดของผิวหนัง เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
เกิดอาการ อักเสบ เจ็บปวดและทุกข์ทรมาน ทำให้สภาพจิตใจของเด็กเปลี่ยนแปลง มีความวิตกกังวล ตกใจ
และกลัว ผู้เลี้ยงดูเด็กจำเป็นต้องให้การดูแลและเอาใจใส่เด็กอย่างใกล้ชิด เด็กที่ได้รับอุบัติเหตุ อาจมีผลให้เด็ก
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เชน่ ขาดความเช่ือม่ันในตนเอง ไม่กลา้ แสดงออก อาจกลายเป็นเด็ก ด้ือร้ันและเอาแต่
ใจตนเองตามมา เพราะขณะที่เด็กเจ็บป่วย พ่อ แม่ ผู้เลี้ยงดูเด็ก จะให้ความสนใจกับเด็กเป็นพิเศษ คอยดูแล
ระมัดระวังเดก็ จึงส่งผลให้เดก็ แสดงพฤติกรรมในทาง ลบได้
สภาพรอบตวั เด็กจะมสี ง่ิ ทเี่ ปน็ อนั ตราย ถา้ ไม่รู้จกั ระมัดระวังจะได้รบั อันตราย จงึ มีความจำเป็นท่ีจะให้
เด็กได้แนวคิดเกี่ยวกับการที่จะรักษาตนเองให้มีชีวิตรอดปลอดภัยได้ในสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ต่างๆ
และรู้วิธีการปฏิบัติที่เหมาะสมในกรณีที่มีเหตุร้ายกับตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ การเจ็บป่วยและบาดเจ็บ
ความปลอดภัยครอบคลุมถึงการอยู่อย่างปลอดภัย การดูแลและระวังรักษาร่างกายเมื่อเกิดบาดแผลหรือ
เจ็บปว่ ย
ความหมายและความสำคัญของโภชนาการทมี่ ีผลตอ่ การพัฒนาเด็กปฐมวัย
โภชนาการ หมายถึง อาหารที่เรารับประทานเข้าไปแล้วร่างกายนำเอาไปใช้เพื่อการทำหน้าที่อย่าง
สมำ่ เสมอของอวัยวะทส่ี ำคัญ เชน่ หวั ใจ ปอด เป็นตน้
นอกจากนี้ยังนำไปใช้เพื่อสร้างความเจริญเติบโตของร่างกาย การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
เราสามารถแบ่งอาหารออกเป็นประเภท โดยอาศัยหลักทางโภชนาการ ได้เป็น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน
วติ ามนิ เกลอื แรแ่ ละนำ้ ซึ่งมคี วามสำคัญตอ่ การทำงานของร่างกายไมย่ ิง่ หยอ่ นไปกว่ากนั
โภชนาการกบั เด็กปฐมวยั
การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเพยี งพอต่อความต้องการจะช่วยใหร้ ่างกายเด็กเจริญเติบโตได้เต็ม
ศักยภาพ คุณพ่อคณุ แม่จึงควรให้ความสำคญั กบั การเลือกโภชนาการทเ่ี หมาะสมให้กบั ลูกในวยั ระหว่าง ๑-๖ ปี
หรือวัยกอ่ นเรยี น เด็กควรได้รับอาหารม้ือหลัก ๓ มือ้ ทีม่ ีคณุ ค่าครบ ๕ หมูแ่ ละหลากหลาย อาหารว่างไมเ่ กินวัน
ละ ๒ มือ้ และอย่าลมื ให้เดก็ ด่มื นมวนั ละ ๒-๓ แกว้ ด้วย
7
การเติบโตของเด็กมีปัจจัยหลายด้าน ทั้งด้านพันธุกรรม ฮอร์โมน ภาวะโภชนาการ โรคทางกาย และ
สภาพแวดล้อมการเลี้ยงดู คุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจสอบการเจริญเติบโคของเด็กได้โดยวัดความยาวหรือ
ส่วนสูง นำ้ หนัก และวดั เสน้ รอบศรี ษะ รว่ มกบั การดูขนาดของกระหมอ่ ม ขนาดเส้นรอบอกและการขึ้นของฟนั
อาหารหลักและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของเด็กวัย 0-๖ ปี มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการ
พัฒนาการทางสมองและร่างกายทุกๆ ส่วน และผลิตภณั ฑ์เสริมอาหารที่ถกู หลกั โภชนาการมกั ชว่ ยป้องกันโรค
ในเด็ก ไม่ให้เจ็บป่วยบ่อย ซึ่งจะมีผลทำให้การเรียนรู้และพัฒนาการที่สมวัยของเด็ก นอกจากกรรมพันธุ์และ
การเลย้ี งดแู ลว้
อาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยพัฒนาให้เด็กมีร่างกายแข็งแรง สมองแจ่มใส และอารมณ์ที่เบิก
บาน อาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กอยา่ งมาก จากการวิจัยพบว่าเด็กปฐมวัยมีแนวโน้มนำ้ หนักและส่วนสูง
เพิ่มมากขน้ึ แต่ยังไม่ได้มาตรฐาน มากกวา่ ๑ ใน ๑0 ของเดก็ ในวยั น้ียังมสี ่วนสูงต่ำกวา่ เกณฑ์
ความสัมพันธร์ ะหวา่ งโภชนาการกบั สขุ ภาพ
อาหารและโภชนาการ เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ถ้าเรามีภาวะโภชนาการที่ดี ก็จะ
ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ตรงกันข้ามหากเราได้รับสารอาหารที่มากหรือน้อยเกินไปย่อมก่อให้เกิด
ภาวะโภชนาการเกนิ หรอื ภาวะทพุ โภชนาการขน้ึ ได้ การได้เรยี นรู้ถึงหลกั การบรโิ ภคอาหารและโภชนาการตาม
หลักโภชนบญั ญตั ิ จะทำให้มนุษย์เราสามารถเลอื กบริโภคอาหารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยเฉพาะในวัยรุ่น
ซึ่งเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การเลือกบริโภคอาหารอย่างเหมาะสมกับวัย จะมีส่วนสำคัญอย่าง
มากตอ่ การสร้างเสริมสขุ ภาพให้สมบรู ณ์แขง็ แรงสมวยั ความรู้ท่ัวไปเกย่ี วกับโภชนาการ
การรับประทานอาหารนับเป็นปัจจัยอันดับแรกๆ เราจึงจำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านโภชนาการและ
อาหาร เพือ่ จะได้เลือกรับประทานอาหารที่มปี ระโยชน์ ได้สดั สว่ นท่เี หมาะสมกับความต้องการของร่างกาย อัน
เป็นการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บความหมายของโภชนาการ ก่อนที่เราจะรู้จักกับ
ความหมายของโภชนาการ เราควรต้องรู้จักกับคำว่าอาหารเสียก่อน ซึ่งอาหารก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่
เกย่ี วข้องและส่งผลตอ่ โภชนาการ
อาหาร หมายถึง ส่งิ ทร่ี บั ประทานแล้วมีประโยชน์ ตอ่ รา่ งกาย อาจอยูใ่ นรูปของของเหลวหรือของแข็ง
ก็ได้ดังนั้น หากสิ่งที่ใดท่ีได้รบั ประทานเข้าไปแลว้ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และอาจก่อให้เกิดโทษแก่ร่างกายได้
น้ัน เราจะไม่จดั วา่ เป็นอาหาร เช่น เครอ่ื งดื่มแอลกอฮอล์ สารปรงุ แต่งอาหาร หรือ ผงชรู ส เป็นตน้
โภชนาการ หมายถึง เนื้อหาวิชาการที่เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ซึ่งเรียกว่า
วิทยาศาสตร์กับอาหาร โดยเป็นความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการ
8
เจริญเติบโต เช่น การจัดแบ่งประเภท และประโยชน์ของสารอาหาร การเปลี่ยนแปลงของอาหารท่ี
รบั ประทานเขา้ ไป เปน็ ต้น
ภาวะโภชนาการ หมายถึง สภาพหรือสะภาวะของร่างกาย อันเนื่องมาจากการบริโภคอาหาร ซ่ึง
ร่างกายนำอาหารที่ได้รับไปใช้เพื่อความเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ตลอดจนช่วยให้
อวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานได้ตามปกติ โดยมีปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อภาวะโภชนาการ เช่น ปัจจัยด้าน
เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สิ่งแวดล้อม ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม รูปแบบการบริโภคอาหาร ตลอดจน
สภาพรา่ งกายและจิตใจ เป็นต้น
ประเภทของภาวะโภชนาการ
ภาวะโภชนาการ แบ่งออกเป็น ภาวะโภชนาการที่ดีเมื่อได้รับสารอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอต่อ
ความต้องการของร่างกาย และภาวะทุพโภชนาการ ซึ่งมีทั้งภาวะโภชนาการต่ำ และภาวะโภชนาการเกิน
เนื่องจากได้รับอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอาจทำให้มีสุขภาพที่ไม่ดีได้ โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
ภาวะโภชนาการที่ดี คือ การที่ร่างกายได้บริโภคอาหารในปริมาณที่เพียงพอถูกสัดส่วน หลากหลาย
เหมาะสมและครบถ้วนตามความต้องการของรา่ งกาย ทำใหส้ ามารถนำสารอาหารทไี่ ด้รับไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์
กับรา่ งกายและจติ ใจ สง่ ผลให้มสี มรรถภาพรา่ งกายที่ดี
ภาวะโภชนาการที่ไม่ดี หรือภาวะทุพโภชนาการ หมายถึง การที่ร่างกายบริโภคอาหารในลักษณะที่
ไม่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย ทั้งในด้านปริมาณและสัดส่วน ทำให้ร่างกายเกิดภาวะโภชนาการท่ี
ไม่ดีขึ้น ซึ่งแบ่งออกเป็นภาวะโภชนาการต่ำ หรือภาวะขาดสารอาหาร หมายถึง ภาวะที่เกิดจากการบริโภค
อาหารไม่เพียงพอ หรือได้รับสารอาหารไม่ครบตามความต้องการของร่างกายซึ่งมีผลทำให้สุขภาพไม่แข็งแรง
อาจก่อให้เกิดโรค หรอื มคี วามตา้ นทานต่อโรคตา่ งๆไดน้ อ้ ย เจบ็ ปว่ ยไดง้ ่าย
ภาวะโภชนาการเกิน หมายถึง ภาวะที่เกิดจากการบริโภคอาหารหรือสารอาหารที่เกินต่อความ
ต้องการของร่างกายเช่นบริโภคอาหารที่ให้พลังงานเกินกว่าที่ร่างกายจะใช้ ร่างกายจึงเกิดการสะสมพลังงาน
เหล่านั้นไว้ในรูปของไขมัน ทำให้เกิดโรคอ้วน หรือหมายรวมถึงการได้รับวิตามินบางชนิดมากเกินไป ก็อาจ
สะสมจนก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกัน เชน่ วิตามินเอ วิตามนิ ดี วิตามินอี วิตามินเค
ปัญหาการเกิดโรคจากภาวะทุพโภชนาการ อาหารและโภชนาการเป็นสิง่ ที่สำคัญอย่างมาก การเลือก
บริโภคอาหารที่ดีมีประโยชน์และถูกต้อง ย่อมมีผลดีต่อร่างกายแต่ถ้าเลือกบริโภคอาหารไม่ถูกต้อง ย่อม
ก่อให้เกิดโรคต่างๆ และมีโทษร่างกายได้ ซึ่งโรคที่เกิดจากภาวะทุพโภชนาการ สามารถแบ่งออกได้เป็นโรค
ภาวะโภชนาการเกิน และโรคภาวะโภชนาการต่ำ ดงั นี้ โรคอ้วน
9
เป็นโรคหนึ่งซึ่งเกิดจากภาวะโภชนาการเกินส่งผลให้เกิดโรคต่างๆตามมาเช่นโรคความดันโลหิตสูง
โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไขข้ออกั เสบ โรคเก่ียวกับทางเดินหายใจ เปน็ ต้น
สาเหตุ
๑. รับประทานอาหารมากเกนิ กว่าที่ร่างกายต้องการ รวมไปถงึ การเลือกรับประทานอาหารที่ไมเ่ หมาะสม เช่น
การรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด รับประทานอาหารที่มีไขมันมากเกินความต้องการของร่างกาย หรือการ
รบั ประทานอาหารหวานจัด เชน่ นำ้ อัดลม ขนมเคก้ ขนมหวานตา่ งๆ
๒. ขาดการออกกำลังกาย เมื่อร่างกายไม่ได้มีการใช้พลังงาน สารอาหารต่างๆที่เรารับประทานเข้าไปจึงแปร
เปลยี่ นเป็นไขมันไปสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย
๓. พันธุกรรม มีงานวิจัยพบว่า หากบิดามารดา คนใดคนหนึ่งหรือทั้ง ๒ คนเป็นโรคอ้วน มีโอกาสที่จะทำให้
บตุ รมีโอกาสเป็นโรคอ้วนสูงกว่าเดก็ ปกติ
๔. ความผิดปกติของร่างกาย บางครั้งโรคอ้วนอาจจะเกิดจากความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ที่อยู่ในร่างกาย
โดยต่อมไทรอยด์นี้จะผลิตฮอร์โมน “ไทรอกซิน” ซึ่งถ้าต่อมไทรอยด์ผิดปกติ ฮอร์โมนนี้จะถูกผลิตออกมาน้อย
จะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลงั งานได้ไม่ดี เกิดการสะสมไขมนั ไวม้ าก เกิดโรคอ้วนได้
ความสำคญั ของอาหารและโภชนาการตอ่ สุขภาพ
อาหารเป็นปัจจัยสี่ของการดำรงชีวิต ในการรับประทานอาหารจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงหลักโภชนาการ
ซ่งึ อาหารแต่ละประเภทให้ประโยชนต์ ่อรา่ งกายแตกตา่ งกันออกไป
๑. ประโยชนข์ องอาหารท่ีมตี อ่ ร่างกาย
๑.๑ ใหพ้ ลังงานและความอบอุ่นแกร่ า่ งกาย
๑.๒ เสริมสรา้ งอวัยวะต่างๆ ของรา่ งกายใหเ้ จริญเตบิ โต
๑.๓ ซอ่ มแซ่มอวยั วะของร่างกายที่สึกหรอ ทรุดโทรมให้กลบั มาคงสภาพดี
๑.๔ ช่วยควบคมุ การกระตุ้นอวยั วะต่างๆ ของรา่ งกายให้ทำหนา้ ท่ปี กติ
๑.๕ ชว่ ยปอ้ งกนั และตา้ นทานโรค
๒. หลกั การเลอื กบริโภคอาหาร
อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ถ้าหากรับประทานอาหารอยา่ งถูกหลกั โภชนาการ จะทำให้มีสุขภาพดีท้ังกาย
และใจ ในปจั จุบันอาหารมใี ห้เลือกรบั ประทานมากมาย มีทงั้ ท่ีใหป้ ระโยชนต์ อ่ รา่ งกายและไมใ่ ห้ประโยชน์
10
ดังนั้นในการบริโภคอาหารจึงคำนึงถึงหลักโภชนาการและการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดภาวะ
โภชนาการทดี่ ี อาหารน้ันต้องสดใหม่ไม่เนา่ เสยี และท่ีสำคัญต้องรับประทานอาหารใหค้ รบทัง้ หา้ หมู่ ได้แก่
หมู่ท่ี ตัวอยา่ งอาหาร ประโยชน์
หมู่ที่ ๑ เนื้อสัตว์ต่างๆ
เครื่องในสัตว์ นม ไข่ ถั่ว ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ช่วยสร้างเซลล์
เหลือง และเนื้อเยื่อต่างๆ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึก
หรอของร่างกาย ช่วยต้านทานโรคและ
หมู่ที่ ๒ ข้าว เผือก มัน แป้ง ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ของ
น้ำตาล รา่ งกาย เชน่ การพดู การหายใจ
หมู่ที่ ๓ ผักใบเขียวและผัก ให้พลังงานแก่ร่างกายเพ่ือใหร้ ่างกายสามารถ
อื่นๆ ทั้งประเภทใบ ดอก เคลื่อนไหวหรือประกอบกิจกรรมต่างๆ ได้
และผล เชน่ เดิน วง่ิ และการเคล่อื นไหวอ่นื ๆ
หมู่ที่ ๔ ผลไม้ต่างๆ เช่น ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและควบคุม
มะละกอ ส้ม ฝรง่ั การทำงานของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย
และช่วยป้องกันโรค เช่น วิตามินเอ ช่วย
บำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ สร้างภูมิ
ต้านทานโรคได้ดี วิตามินบีช่วยทำให้ระบบ
ประสาททำงานได้ปกติ ช่วยให้กล้ามเน้ือ
ต่างๆแข็งแรงและช่วยในการย่อยและระบบ
ขับถ่ายให้เป็นปกติ ส่วนวิตามินซีช่วยให้
ร่างกาย ไม่อ่อนเพลียง่าย ช่วยให้หลอดเลือด
แข็งแรง สรา้ งภมู ิต้านทานให้ร่างกาย ป้องกัน
โรคโลหิตจางและโรคลกั ปดิ ลกั เปดิ เป็นตน้
ช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายเจริญเติบโตและ
ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆใน
ร่างกายและช่วยป้องกันและต้านทานโรค
ช่วยใหร้ ะบบขับถ่ายเปน็ ปกติ
หมทู่ ี่ ๕ ไขมนั นำ้ มันจากพืช 11
และสัตว์
ให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยในการดูดซึมของ
วิตามินซี ช่วยป้องกันการกระทบกระเทือน
ของอวัยวะในร่างกายและให้ความอบอุ่นแก่
ร่างกาย
ในการรบั ประทานอาหารในแต่ละวันจะต้องรบั ประทานให้ครบท้ังห้าหมู่ สำหรบั ผทู้ ่ีถอื ศลี กินเจ ทารก
ผู้ที่ร่างกายแพ้สารอาหารบางอย่างหรือผู้ที่ไม่สามารถซื้อหาอาหารมารับประทานได้ครบถ้วนทั้งห้าหมู่ ก็ควร
รบั ประทานอาหารทดแทนและอาหารเสริมให้แกร่ ่างกายได้รับสารอาหารครบท้ังห้าหมู่ เช่น รับประทานเต้าหู้
ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองแทนเนื้อสัตว์ รับประทานผักที่มีราคาถูกทดแทนผักที่มีราคาแพง เป็นการ
ประหยัดค่าใช้จ่ายและได้โภชนาการใกล้เคียงกัน รับประทานอาหารที่มีในฤดูกาล เลือกซื้อผลไม้ที่มีราคาไม่
แพงแตม่ คี ณุ ค่าทางโภชนาการสูง เชน่ เลือกซอ้ื ฝร่ังมารับประทานแทนสาลี่ซึ่งมีราคาแพงกวา่ เป็นต้น
ความหมาย ความสำคัญของสุขอนามัยทม่ี ผี ลต่อพัฒนาการ
ความหมายของสุขอนามัย สุขภาพ หมายถึง ความสมบูรณ์ของร่างกายและจติ ใจ รวมทั้งการด ารง
ชวี ิตอยใู่ นสงั คม ดว้ ยดี ส่วนคำว่า อนามัย หมายถึง ความไมม่ โี รค
สุขภาวะ หมายถึง ภาวะแห่งความสุขอันสมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย ทางใจ ทางสังคม และ ทางจิต
วญิ ญาณ ซง่ึ สขุ ภาพทางกาย หมายถึง ร่างกายสมบูรณแ์ ขง็ แรง คลอ่ งแคล่ว มีกำลงั ไม่เป็นโรค ไม่พิการ อวัยวะ
ต่างๆ อยู่ในสภาพที่ดี มีความแข็งแรงสมบูรณ์ ทำงานได้ตามปกติ มีประสิทธิภาพ สุขภาพทางใจ หมายถึง
จติ ใจท่ีมคี วามสุข ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ทำจติ ใจให้เบิกบาน มี สติ มสี มาธิ มปี ัญญา
สขุ ภาพทางสังคม หมายถึง ความสามารถของบุคคลทีส่ ามารถปรับตัวให้อยู่ใน สังคมแห่งตนได้อย่าง
ดี และมคี วามสุข การอย่รู ว่ มกนั ด้วยดี มคี รอบครวั ทอ่ี บอุ่น ชมุ ชนเขม้ แขง็ สังคม มคี วามยตุ ธิ รรม มคี วามเสมอ
ภาค มคี วามภราดรภาพ มีสนั ตภิ าพ
สุขอนามัยที่ดีสำหรับเด็กเด็กคือวัยที่ช่างเรียนรู้ ช่างสำรวจและชอบเลียนแบบเด็กจะเจริญเติบโตได้
สมบูรณ์และแข็งแรงต้องมีพื้นฐานของสุขภาพที่ดีพ่อแม่จึงควรเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็น ให้เด็กมีระเบียบวินัย
ทางด้านสุขอนามัย คือรากฐานสำคัญของการดูแลสุขภาพด้วยตนเองเพื่อการมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่
ดี แข็งแรงระเบยี บวินยั ที่คุณพ่อคณุ แมค่ วรปลูกฝงั วธิ ีปฏิบตั ใิ นชีวิตประจำวนั โดยควรฝึกใหเ้ ด็กยอมทำทุกอย่าง
มีความสุขเพ่ือให้เป็นนิสัยติดตวั ไปตลอด เชน่ การลา้ งมอื การแปรงฟัน
12
บทท2ี่ .อาหารและการออกกำลงั กาย
อาหารและสารอาหารสำหรับเด็กเด็กปฐมวัย
อาหารและสารอาหารสำหรบั เด็กปฐมวัย อาจกล่าวได้ว่าครูเป็นผู้ใกล้ชิดเด็กปฐมวัยท่ีสดุ รองจากพ่อ
แม่ เมื่อพ่อแม่นำลูกมาอยู่กับครูในโรงเรียนอนุบาล นอกเหนือจากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และการฝึก
ทักษะแก่เด็กแล้วหน้าทีส่ ำคัญ ของครูปฐมวัยคือ การดูแลเด็กด้านสุขภาพอนามัย โภชนาการและอาหาร เพ่ือ
พัฒนาการของเด็กจะได้พัฒนาไปพรอ้ มกันท้ังทางดา้ น รา่ งกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เนือ่ งจากเป็นวัย
ท่พี ฒั นาอย่างต่อเนอ่ื ง
ซึ่งอาหารเป็นปัจจัยหลักที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อพัฒนาการ การเจริญเติบโตและสมอง เด็กปฐมวัยจึง
สมควร ได้รับอาหารและสารอาหารที่ถูกต้องครบถ้วนตามปริมาณที่ร่างกาย ควรได้รับการจัดอาหารท่ีมี
คุณภาพนน้ั จึงจำเป็นต้องศกึ ษาความรู้พน้ื ฐานเบื้องต้นเกย่ี วกับอาหารและความต้องการของร่างกาย
สารอาหารเป็นส่วนประกอบของร่างกาย การเจริญเติบโต และพัฒนาการของเด็ก และพื้นฐานท่ี
สำคญั ทีส่ ุด คอื โภชนาการ เดก็ ท่ไี ดร้ ับอาหารเพยี งพอต่อรา่ งกาย ก็จะมพี ฒั นาการและการเจรญิ เตบิ โตเป็นไป
อย่างดี และถึงศักยภาพที่ควรจะเป็นโดยที่อาหารถูกจัดเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของชีวิต การดำเนินชีวิตจะเป็นไป
ดว้ ยดี หากรา่ งกายไดร้ ับอาหารทม่ี สี ารอาหารครบถ้วนเหมาะสม
ความตอ้ งการสารอาหารสำหรับเด็กปฐมวัย
สารอาหาร ปรมิ าณ/หนว่ ย
โปรตนี ๒0-๒๕ กรัม
วิตามนิ เอ ๔00 อารอ์ ี
วิตามินดี ๑0 ไมโครกรัม
วติ ามินซี ๔๕ มลิ ลกิ รมั
วิตามินบี1 0.๘ มิลลิกรัม
วิตามนิ บ2ี ๑ มิลลิกรัม
๑ ไมโครกรัม
วิตามินบี12
13
แคลเซยี ม ๕00-8๘0 มลิ ลกิ รัม
ฟอสฟอรสั ๘00มิลลกิ รมั
๑0-๑๘ มลิ ลิกรมั
เหลก็ ๑0 มิลลิกรัม
สงั กะสี ๙0 ไมโครกรมั
ไอโอดนี
อาหารสำหรบั เดก็ ปฐมวยั (แรกเกดิ - ๖ ป)ี
ควรมคี รบทง้ั ๕ หมู่ และมปี ริมาณเพียงพอเหมาะสมกบั ความต้องการของรา่ งกาย
แรกเกิด – ๖ เดือน : นมแม่ เป็นอาหารทดี่ ีทีส่ ดุ สำหรับทารกทกุ คน เนือ่ งจากมีท้ังสารอาหารและภูมิตา้ นทาน
โรค
๙ เดอื น - ๑ ปี : นำ้ นมแม่เริ่มลดลง จึงควรเริ่มอาหารเสรมิ กึ่งเหลวบดละเอยี ด ๒-๓ ช้อนโตะ๊ ให้เริ่ม ๑ ม้อื
ในชว่ งแรก สงั เกตอาการแพ้อาหาร เม่ือเด็กคุ้นเคยดีแลว้ จึงเรมิ่ อาหารชนดิ ใหม่ ขน้ ขน้ึ และหยาบขึ้นตามลำดบั
๘-๙ เดือน ใหอ้ าหารเสริม ๒ มือ้ ๑0-๑๒ เดือน ให้อาหารเสรมิ ๓ มอ้ื ควรให้โอกาสทารกไดห้ ยบิ จับอาหารกนิ
เองบา้ งเมื่อใช้มอื ได้
๑-๕ ปี : ควรได้พลังงานวนั ละ ๑๓00 กิโลแคลอรี หรือ ประมาณ ๑00 กโิ ลแคลอรีตอ่ กโิ ลกรัมตอ่ น้ำหนักตัว
เดก็ ตอ้ งการอาหารที่มปี ระโยชน์ มสี ารอาหารครบถว้ นเพือ่ การเจริญเติบโตเต็มทข่ี องรา่ งกาย บำรงุ เซลล์
ประสาท เสรมิ สร้างกลา้ มเนือ้ อาหารเหลา่ น้ีไดแ้ ก่
- ตบั ไข่แดง เลือด ชว่ ยเสริมความจำ และสมาธิ
- ปลา ช่วยเพ่มิ ความจำ การเรยี นรู้ง่ายและรวดเรว็
- ผกั ผลไม้ มีวิตามนิ ซี ช่วยเสริมสรา้ งเยือ่ บุต่างๆ
- นม เนอ้ื สตั ว์ มีแรธ่ าตุ มผี ลต่อการทำงานของสมอง
- อาหารทะเล มไี อโอดนี มผี ลต่อ IQ
14
พ่อแมม่ สี ว่ นชว่ ยให้เด็กรับประทานอาหารได้ง่ายขึ้นโดยใหเ้ ดก็ ไดร้ ับประทานอาหารครบทั้ง ๓ มื้อ จัด
อาหารให้น่ารับประทาน สสี นั ดงึ ดูด ชมเชยเมอ่ื เดก็ รบั ประทานอาหารหมด พอ่ แม่ควรเปน็ แบบอย่างท่ีดีในการ
รับประทานอาหาร ไม่เลือกอาหาร และสนุกกับการรบั ประทานอาหาร สร้างบรรยากาศที่ดีในการรบั ประทาน
อาหารร่วมกนั
อาหารหลัก ๕ หมู่
อาหารหลกั หมูท่ ี่ ๑ โปรตนี
โดยแหลง่ อาหารที่ใหโ้ ปรตีน เชน่ เน้ือหมู เน้ือไก่ เนอ้ื ปลา นม ไข่ ถ่วั เมลด็ แห้ง ถั่วเหลือง ถ่ัวเขียว ถั่ว
แระ ถั่วดำ ถั่วลิสง ผลิตผลที่ได้จากถั่ว เช่น เต้าหู้ นมถั่วเหลือง ซึ่งโปรตีนมีความจำเป็นต่อการทำงานของ
รา่ งกาย เพ่อื ให้รา่ งกายมีความเจริญเติบโต รวมไปถึงช่วยสรา้ งกล้ามเน้ือ ฟนื้ ฟกู ลา้ มเนื้อ และซอ่ มแซมเน้ือเย่ือ
สว่ นทสี่ กึ หรอได้
โปรตีนทเี่ หมาะสมต่อวนั สำหรบั คนทวั่ ไปควรได้รับโปรตนี ๑ กรัม ตอ่ น้ำหนักตัว ๑ กิโลกรัม และคน
ออกกำลังกาย ควรไดร้ บั โปรตนี ๒-๓ กรัม ต่อน้ำหนักตวั ๑ กโิ ลกรมั
อาหารหลักหมทู่ ่ี ๒ คารโ์ บไฮเดรต
15
โดยแหล่งอาหารท่ีให้คาร์โบไฮเดรต ได้แก่ อาหารประเภทแป้ง และธญั พืชทั้งหลาย เช่น ข้าว ขนมปัง
เส้นก๋วยเตี๋ยว มัน เผือก เป็นกลุ่มอาหารหลักที่ให้พลังงาน รวมทั้งอาจมีแคลเซียม และวิตามินบี หากเป็น
ธัญพืชที่ผา่ นการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ก็จะยิ่งอุดมด้วยสารอาหาร และเส้นใยอาหาร
ที่ช่วยส่งเสริมระบบการย่อยอาหารให้มีสุขภาพดี ซึ่งคาร์โบไฮเดรตจะให้พลังงาน และความร้อน ช่วยให้
รา่ งกายนำไปใช้ประโยชนม์ ากทสี่ ดุ สว่ นที่เหลอื ใชจ้ ะเปล่ียนเปน็ ไขมันสะสมในร่างกายได้
คาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมต่อวัน สำหรับคนทั่วไป ควรได้รับคาร์โบไฮเดรต ๓ กรัม ต่อน้ำหนักตัว ๑
กิโลกรัม และคนออกกำลงั กาย ควรไดร้ บั โปรตนี ๒-๓ กรมั ต่อนำ้ หนกั ตัว ๑ กิโลกรมั
อาหารหลกั หมทู่ ่ี ๓ เกลอื แร่ และแรธ่ าตุตา่ ง ๆ
โดยแหล่งอาหารที่ให้เกลือแร่ และแร่ธาตุต่าง ๆ มากจาก ฟักทอง มันเทศสีเหลือง ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง
ตำลึง แครอท คะนา้ แตงกวา บวบ ฟกั เขยี ว ผักกาดขาว ซ่งึ เกลือแร่ และแรธ่ าตตุ ่าง ๆ จากพืชผักเหล่าน้ี เป็น
สารอาหารที่ร่างกายต้องการ และขาดไม่ได้ เพราะเป็นส่วนประกอบของอวัยวะ และกล้ามเนื้อ เช่น กระดูก
ฟัน เลือด ทั้งนี้ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย ป้องกันการบาดเจ็บของ
ร่างกาย ช่วยปกป้องกระดกู แตกหัก และช่วยปอ้ งกันฟนั ผุได้
เกลอื แร่ และแรธ่ าตุตา่ ง ๆ ทีเ่ หมาะสมต่อวัน สำหรบั ผู้ใหญ่ท่ีแนะนำต่อวัน คอื ระหว่าง ๙๒0–๒๓00
มิลลกิ รัม
16
อาหารหลกั หมทู่ ่ี ๔ วิตามิน
โดยแหล่งอาหารที่ให้วิตามินมาจากผลไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น กล้วย ส้ม มะละกอ แอปเปิล ลำไย มังคุด
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และอื่น ๆ ทั้งนี้วิตามินสามารถแบ่งเป็น ๒ จำพวก ได้แก่ วิตามินที่ละลายในน้ำ และ
วิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งประโยชน์ของวิตามินบำรุงสุขภาพเหงือก และฟัน สุขภาพปาก ผิวหนังให้สดช่ืน
ชว่ ยให้ระบบการยอ่ ย และการขบั ถา่ ยเป็นปกติ
วิตามินที่เหมาะสมต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่ที่แนะนำต่อวัน คือ ระหว่าง ๖0 มิลลิกรัม และสำหรับหญิง
ต้งั ครรภใ์ หน้ มบุตรต้องการวิตามนิ ประมาณ ๗0–๙๖ มลิ ลิกรมั
อาหารหลกั หม่ทู ่ี ๕ ไขมนั
โดยแหล่งอาหารทีใ่ หไ้ ขมัน จะแบ่งเป็นไขมันอิ่มตัวที่ส่วนใหญ่จะได้จากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู น้ำมันไก่
น้ำมนั จากวัว ครมี เนย ชสี และไขมนั ไม่อ่มิ ตัวจากพชื บางชนิด เช่น น้ำมนั ปาลม์ น้ำมันมะพรา้ ว น้ำมนั มะกอก
น้ำมันงา น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย น้ำมันถั่วลิสง ซ่ึง
ประโยชน์ของไขมนั ช่วยในการดดู ซมึ ของวิตามนิ ที่ละลายในไขมัน ให้ความอบอนุ่ แก่รา่ งกาย นอกจากน้ียังช่วย
ในการป้องกนั การกระทบ กระเทือนของอวัยวะภายใน
ไขมันที่เหมาะสมต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่ที่แนะนำต่อวันประมาณ ๗0 กรัม ซึ่งการทานไขมัน ไม่ควร
รับประทานมากหรอื บอ่ ยจนเกินไป เพราะไขมนั เป็นสาเหตสุ ำคัญของโรคอว้ น โรคหวั ใจ และหลอดเลือดได้
17
การทานอาหารหลกั ให้ครบ ๕ หมเู่ ปน็ ประจำทุกวัน ทีอ่ ุดมไปด้วยโปรตนี คารโ์ บไฮเดรต เกลือแร่ และ
แร่ธาตุต่าง ๆ วิตามิน และไขมัน เพื่อให้ร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และได้สารอาหารที่ครบถ้วน แต่นอกจาก
การทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่แล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ ก็
เปน็ ส่งิ ที่จะชว่ ยให้คณุ มีสขุ ภาพ และรา่ งกายทแ่ี ข็งแรงอกี ดว้ ย
ปญั หาโภชนาการเดก็
โภชนาการมีผลต่อการดำรงชีวติ โดยมีประเด็นที่เป็นปัญหา ๓ เรื่อง คือ ภาวะโภชนาการเกนิ ส่งผล
ให้เกิดโรคอ้วนตั้งแต่วัยเด็ก ภาวะโภชนาการไม่พอแบบเรื้อรัง ส่งผลให้การเจริญเติบโตชะงักและทำให้เด็ก
เตยี้ และภาวะโภชนาการไม่สมดุลซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาสติปัญญาของเด็ก แก้ไขด้วยโภชนาการตั้งแต่
เรมิ่ ต้งั ครรภ์ไปจนถงึ ๓ ขวบ
ภาวะโภชนาการเกนิ เด็กอ้วนมจี ำนวนมากขนึ้ โดยเฉพาะเดก็ ในเมอื งใหญ่ ครอบครวั คดิ ว่าเลยี้ งลูกให้
อ้วนจะทำให้เติบโตดี แต่ในข้อเท็จจรงิ เด็กที่อ้วนตั้งแต่เล็ก มีแนวโน้มโตไปแล้วเป็นโรคอ้วนมากกวา่ หลักใหญ่
ๆ ต้องลดหวาน ลดเค็ม ลดมัน อาหารที่ลูกกินต้องลดสามรสชาตินี้ให้ได้ แล้วสอนให้เลือกกินอาหารที่มี
ประโยชน์ และสรา้ งนสิ ยั การกนิ ทดี่ ใี ห้ลูก
ภาวะเต้ยี เปน็ ดัชนชี ้ใี ห้เห็นภาวะโภชนาการไม่เพียงพอแบบเร้ือรังโดยมสี าเหตุมาจากการกินอาหารไม่
พอ หรอื มกี ารเจ็บปว่ ยเรื้อรัง แม้ความสงู ของเด็กเมื่อเติบโตจะข้ึนอยู่กับพันธุกรรมจากแม่และพ่อ แต่การเลี้ยง
ดูเดก็ ให้มีโภชนาการท่ีดีและสมดลุ ต่อเน่ืองตั้งแตช่ ่วงแรกของชวี ิตก็เป็นปจั จัยเสรมิ ใหเ้ ดก็ ไม่ประสบปัญหาภาวะ
เตี้ย ทั้งนี้มีการเสนอยุทธศาสตรเ์ พอ่ื ความสูงเต็มศักยภาพของเด็กไทย ประกอบดว้ ย การลดอัตราการเกิดทารก
น้ำหนักตัวน้อย ป้องกันภาวะเตี้ยจากภาวะโภชนาการไม่เพียงพอแบบเรื้อรัง, ส่งเสริมโภชนาการที่เหมาะสม
ตลอดชว่ งวยั เดก็ และสง่ เสรมิ สุขนิสยั ที่ดอี ่ืน ๆ
ในประเด็นเรื่องโภชนาการมีผลต่อระดับสติปัญญา สารอาหารที่มีการศึกษาถึงผลที่มีต่อสติปัญญา
ของเดก็ มี ๖ กลมุ่ จากอาหาร ๕ หมแู่ ละนม โอเมกา้ ๓ วติ ามนิ บี โฟลกิ โคลนี ชว่ ยสร้างสมอง พัฒนาการด้าน
ภาษา ชว่ ยเรอ่ื งความจำและความสามารถในการเรียนรู้ สงั กะสี ชว่ ยเรื่องความมสี มาธิจดจ่อ เหล็ก ไอโอดีน ๒
กลุ่มนี้เป็นตัวเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองและวิตามินรวมและเกลือแร่ เป็นตัวแสดงออกด้าน
สติปัญญาทไี่ มต่ ้องใชค้ ำพูด
18
โรคที่เก่ยี วขอ้ งกับโภชนาการในเด็ก
โรคท่สี ง่ ผลต่อการเจรญิ เตบิ โตของเด็กวยั เรยี น
โรคอ้วน
สาเหตุของโรคอ้วนในเดก็
วธิ กี ารเล้ียงดูที่ สง่ เสริมให้เดก็ มี พฤติกรรมการกินที่ ไม่มขี อบเขต
การไม่ไดก้ นิ นม แม่ กินนมผงแต่ แรกเกิด
ภาวะโภชนาการ เกินของพ่อแม่
โรคผอม ขาดสารอาหาร
ภาวะทพุ โภชนาการ ขาดสารอาหาร
ปจั จัยที่มีผลตอ่ ภาวะทพุ โภชนาการของเดก็ ไทย
ปัจจัยจากมารดา : การดแู ลขณะตง้ั ครรภ์ และหลงั คลอด การศกึ ษา
ปจั จยั จากตัวเด็ก : น้ำหนักแรกเกิด การเจบ็ ป่วย
ปัจจยั ทางเศรษฐกิจ สังคม และสง่ิ แวดล้อม
โรคโลหิตจางจาก การขาดธาตเุ หลก็
ธาตเุ หลก็ เปน็ สว่ นประกอบสำคัญของการสรา้ งเม็ดเลอื ดแดง
ธาตุเหลก็ เปน็ สว่ นประกอบสำคัญของสารสื่อ ประสาทในสมอง และเย่ือหุม้ เซลล์ประสาทสมอง
ภาวะโภชนาการท่ีไมด่ ี ส่งผลส่งสุขภาพและคณุ ภาพชีวิต ทั้งปจั จบุ ันและอนาคต
หลักการจัดอาหารและเมนอู าหารที่เหมาะสมกับเด็ก
วยั ทารก
แรกเกิด – ๖ เดือน นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับวัยนี้ เพราะนมแม่มีสารอาหารที่ทารกต้องการอย่าง
ครบถ้วน แต่ถ้าอายุครบ ๖ เดือน เข้าสู้ช่วงหย่านม อาจเริ่มให้อาหารบดทีละชนิดเพื่อให้รู้จักการบดเคี้ยว
ตดิ ตามดูอาการแพ้ของอาหารชนดิ ตา่ งๆ ไมค่ วรเตมิ เกลือ นำ้ ตาลและสารปรงุ รสเพื่อไมใ่ ห้เด็กติดหวานและเค็ม
สามารถใหน้ มแม่หรือนมผงสำหรับเด็กทารกไปพร้อมกบั การให้อาหารอน่ื ๆได้
19
วัยเดก็
เด็กวัยก่อนเรียน อายุ ๑-๕ ปี ยังไม่สามารถรับประทานอาหารได้เยอะมากนัก ควรป้อนอาหารเป็นมื้อเล็กๆ
และของว่างท่ีมปี ระโยชน์ ฝึกให้เดก็ กินผักโดยอาจจะห่ันเป็นชนิ้ เล็กสอดแทรกลงไปในอาหารให้มีสีสันสวยงาม
น่ารบั ประทาน ฝกึ ใหเ้ ด็กหยิบจับอาหารดว้ ยตวั เอง
ควรใหเ้ ด็กได้บริโภคนมและผลติ ภณั ฑจ์ ากนมเพื่อให้ไดร้ ับโปรตีนและแคลเซียม นำไปใชใ้ นการเจรญิ เติบโตของ
ร่างกาย เสริมสร้างกระดูกและฟัน ซึ่งนมที่เหมาะสมสำหรับเด็ก คือ นมครบส่วน หรือนมไขมันเต็มเพราะให้
พลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการของรา่ งกาย แตค่ วรเป็นนมรสจืดทไี่ ม่ปรงุ รส
เมนูอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็ก
วัน อาหารเชา้ อาหารกลางวนั อาหารว่าง
จันทร์ เวลารบั ประทาน 08.20 น. เวลารับประทาน 11.30 น. เวลารบั ประทาน
อังคาร ข้าวต้มปลาทูน่า ฟักทอง ตำลงึ แครอท
ผักมักกะโรนี / สปาเก็ตตี้ ข้าวมันไก่ นำ้ ซปุ ผัก 14.30 น.
พุธ ขา้ วสวย ไข่พะโล้ ผดั แตงกวา โดนทั จ๋วิ
ผดั หม่ีขาว ลกู ชิ้น ไก่บด
พฤหัสบดี ไก่บด ขนมไข่
ศกุ ร์ แซนวชิ แกงจืดไก่บดหัวไชเท้า ไข่เจียว
ขา้ วต้มไก่ ตำลึง ข้าวโพด แครอท ขนมไทยกล้วย /
แครอท หอมใหญ่ ฟักทองนึง่
ขา้ วสวย ไกต่ ้มขม้นิ เตา้ หู้ปลา
เฉากว๊ ย/ลอดชอ่ งแก้ว
น่งึ
ขา้ วมันปลาทอด นำ้ ซุปผัก ขนมเคก้ กล้วยหอม
การออกกำลงั กาย และความสำคญั หลักการในการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเพื่อสขุ ภาพ
สุขภาพดีเราต้องดูแลตนเอง นอกจากอาหาร อากาศบริสุทธิ์ และจิตใจสบายไม่เครียดแล้ว การออก
กำลังให้สขุ ภาพดนี ับเปน็ สิ่งจำเป็นอยา่ งยิง่ แต่มกั จะมีข้อแกต้ ัวบอ่ ยๆว่า ไมม่ เี วลา ไมม่ ีสถานที่ ความจริงแลว้ ไม่
ต้องใช้เวลามากมายเพียงแค่วันละ ๓0 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๓ ครั้ง ก็พอ จะเกิดผลดีต่อหัวใจและปอด
และก็ไมต่ ้องใชพ้ ้ืนท่ีมากมายหรือเคร่ืองมอื ราคาแพงอะไร มีเพยี งพน้ื ท่ใี นการเดนิ กพ็ อแล้ว วธิ ดี ที ่ีสุดคอื การเดิน
เร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ในกรณีที่สิ่งแวดล้อมของหมู่บ้านไม่สะดวกหรือเสี่ยงกับอุบัติเหตุ อาจใช้วิธีถีบจักรยานอยู่
กบั ทห่ี รือเดินบนสายพานในขณะที่ฟังข่าวหรือดลู ะคร โทรทศั น์ ต้องถือว่าการออกกำลงั กายเปน็ หน่ึงในกิจวัตร
ประจำวนั
20
การออกกำลงั กายทดี่ ี
Aerobic exercise คือ การออกกำลังกายที่ไม่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง นานพอคือประมาณ ๓0 นาที
และ หนักพอ เช่น เดิน ว่ิง ว่ายน้ำ ถีบจกั รยาน กระโดดเชือก เตน้ แอโรบิค ฯลฯ ตอ้ งใชก้ ลา้ มเนื้อมัดใหญ่ เช่น
ขา หรือแขน ร่างกายตอ้ งใช้ออกซเิ จนและดงึ เอาไขมันทเ่ี ก็บสะสมอยมู่ าใช้เปน็ พลังงาน การออกกำลงั กายแบบ
แอโรบิคจะทำใหห้ วั ใจ ปอด และระบบหมนุ เวียนโลหติ แข็งแรง ซึง่ กค็ อื วธิ ีการออกกำลังกายเพ่ือสุขภาพ
การออกกำลังกายจนเป็นนิสัยที่จริงต้องเริ่มตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก คือ ต้องมีพ่อแม่ผู้ปกครอง เป็น
ตัวอย่างตัวนำพาเด็กไปออกกำลังกาย ไม่ว่าเด็กหญิงหรือชายถ้าไม่เคยออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬามาตั้งแต่
เด็กๆ จะทำให้มีปัญหาทางจิตวิทยา จะไปออกกำลังกายนอกบ้านสักทีก็เขิน กลัวคนเห็นกลัวคนจ้อง กลัวคน
นินทาว่าวิ่งไม่เป็น ไม่สวย ต่างๆ นานา ทำให้เป็นอุปสรรคใหญ่ในการออกกำลังกาย วิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราออก
กำลังได้คือ หาวิธอี อกกำลังกายที่เราชอบ เข้ากับนสิ ัยของเรา หรอื การเลน่ กับเดก็ กเ็ ปน็ เรื่องทด่ี ี บางคร้ังถ้าเรา
เบอ่ื การวิง่ ระยะทาง เรากอ็ าจจะลองไปเดินตามโรงเรยี น ทีม่ เี ด็กๆ เล่นกีฬาแลว้ เขา้ ไปเลน่ ทำตัวเปน็ เดก็ ๆ เช่น
เลน่ บาสเก็ตบอล ฟตุ บอล การเลน่ แบบน้ี ทำให้เพลิดเพลินและเลน่ ไดน้ าน
ผลดขี องการออกกำลังกาย
การออกกำลังจะทำให้รูปร่างดูดี กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดไขมันที่สะสมตามส่วนต่างๆของร่างกาย ช่วย
ลดนำ้ หนกั
• ปอ้ งกนั โรคหัวใจ หวั ใจแข็งแรงขึน้ ลดโอกาสเกดิ โรคเสน้ เลือดหวั ใจตบี และกลา้ มเน้อื หวั ใจตาย
• ความดันโลหิตลดลง ลดโอกาสเกดิ ความดนั โลหติ สงู และเสน้ เลอื ดในสมองแตกหรือตบี ตนั
• ปอ้ งกันโรคอ้วน
• ป้องกนั โรคกระดกู พรนุ เสรมิ สรา้ งกระดูกให้แขง็ แรงขึ้น
• ปอ้ งกนั และรกั ษาโรคเบาหวาน
• ป้องกนั โรคภูมแิ พ้
• เพิม่ ภมู ิต้านทานโรค
• ลดไขมัน ในเลือด ทำใหโ้ คเลสเตอรอล ไตรกลเี ซอไรด์ LDL ลดลง
• เพ่ิมไขมันดี ในเลือด คอื HDL ทชี่ ่วยป้องกนั โรคหวั ใจ
• ทำให้ร่างกายสดชื่น ลดความเครียด จากการที่สมองผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งชื่อ เอนดอร์ฟิน ออกมา
ในขณะออกกำลังกาย ฮอร์โมนนีม้ ีลักษณะคลา้ ยมอรฟ์ ีน จึงทำให้รูส้ ึกเป็นสขุ
• ชว่ ยใหน้ อนหลบั สบายและหลับสนทิ
21
• ระบบยอ่ ยอาหารดขี ้ึน ระบบขบั ถา่ ยดขี ึ้น ชว่ ยใหท้ ้องไมผ่ ูก เพราะลำไส้มีการขยับตวั ดขี ึ้น
หลกั การออกกำลงั กายเพ่อื สุขภาพ
• ไมเ่ ครง่ เครยี ด สนกุ สนานเพลิดเพลนิ
• ต้องใช้วธิ ีคอ่ ยทำคอ่ ยไป
• ต้องให้ทกุ สว่ นของร่างกายไดอ้ อกกำลงั กาย
• การออกกำลงั กายควรทำโดยสม่ำเสมอ อย่างนอ้ ยสปั ดาห์ละ ๓ วนั ๆ ละ ๒0 - ๓0 นาที
• การออกกำลงั กายแบง่ เป็น ๓ ระยะ คอื
• ช่วงยดื เหยียดและอบอุ่นร่างกาย ๕ – ๑0 นาที
• ช่วงแอโรบคิ ๒0 – ๓0 นาที
• ช่วงผ่อนคลาย ๕ – ๑0 นาที
• ข้อดขี องการอบอุ่นรา่ งกายทุกครงั้ ทอี่ อกกำลังกาย
• หัวใจ หลอดเลือด และระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งควบคุมระบบต่าง ๆ ในร่างกาย มีการปรับตัวท้ัง
ดา้ นอณุ หภูมิ และการทำงาน
• ปอ้ งกันอนั ตรายต่อหัวใจ ซงึ่ อาจจะขาดเลอื ดทนั ทีถา้ เร่ิมออกกำลังกายหนักตั้งแต่เรม่ิ แรก
• ปอ้ งกนั อาการหน้ามืด เปน็ ลม ลม้ ลงโดยไม่ร้สู กึ ตัวเนื่องจากเลือดไปเล้ียงสมองไม่พอ ถา้ เริ่มออกกำลัง
กายหนักตงั้ แต่เรมิ่ ตน้
• ลดโอกาสบาดเจ็บของข้อต่อ เอ็นและกล้ามเนื้อเนื่องจากมีการปรับตัวในการใช้งานอย่างตอ่ เนือ่ งจาก
เบาไปหนกั
ข้อดขี องการผอ่ นคลายทุกครั้งท่ีออกกำลังกาย
• ทำให้หัวใจ หลอดเลือด กลา้ มเน้ือ และระบบประสาทอัตโนมตั ิ กลบั คนื สูส่ ภาพปกติ
• ลดโอกาสเกิดอันตรายต่อหัวใจ ซงึ่ อาจทำใหเ้ สียชีวิตอย่างเฉยี บพลัน
• ลดโอกาสเกดิ อาการหน้ามดื เป็นลม หมดสติ จากภาวะเลือด ไปเล้ียงสมองไม่พอ
• ชว่ ยให้หายเหนื่อยเรว็
• ช่วยกำจดั กรดแลคติคได้ดี ทำให้ไม่ปวดเม่ือยกล้ามเนือ้ หลังจากออกกำลงั กาย
22
ขอ้ ควรปฏบิ ตั ใิ นการ ออกกำลังกาย
• ออกกำลงั กาย เปน็ ประจำอย่างนอ้ ยสปั ดาห์ละ ๓ วันครง้ั ละ ๓0 นาที
• ออกกำลงั กายแบบคอ่ ยเป็นคอ่ ยไปอย่าหักโหม
• ควรอบอ่นุ ร่างกายกอ่ นออกกำลงั กายและผ่อนคลายก่อนเลกิ ออกกำลังกาย
• ออกกำลงั กายใหเ้ หมาะสมกบั วัย
• ออกกำลงั กายท่ใี ห้ความสนุกสนาน
• การแตง่ กายใหเ้ หมาะสมกบั ชนิดของการออกกำลังกาย
• ออกกำลังกายในสถานท่ีปลอดภยั
• ผสู้ งู อายุ หญงิ มคี รรภ์ ผมู้ โี รคประจำตัว ต้องตรวจสขุ ภาพกอ่ นออกกำลังกาย
ควรงด การออกกำลงั กายช่วั คราวในภาวะตอ่ ไปน้ี
• ไม่สบาย โดยเฉพาะอย่างย่งิ เปน็ ไข้หรอื มีอาการอักเสบส่วนใดส่วนหนง่ึ ของรา่ งกาย
• หลงั จากฟ้ืนไขใ้ หม่ๆ
• หลงั จากรับประทานอาหารอิ่มมากมาใหม่ๆ
การออกกำลังกายตามวยั แต่ละวัย ควรทำอยา่ งเหมาะสมทง้ั วยั เดก็ และวยั สงู อายุ เพื่อชะลอการเส่ือม
ของรา่ งกาย และสง่ เสริมให้ระบบต่างๆ ของร่างกาย
วยั เด็กเป็นวยั ทีอ่ ย่ใู นช่วงของการพฒั นาทางด้านร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญา การ
ออกกำลังกายจะช่วยส่งเสริมให้ระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ระบบกระดูก ระบบกล้ามเนื้อ ระบบข้อต่อ
ต่างๆ รวมทั้งสง่ เสรมิ สุขภาพจิตของเดก็ ไดอ้ กี ด้วย
กจิ กรรมและประเภทของการออกกำลังกายทเี่ หมาะสมกับวัยเด็ก
หลกั ของการออกกำลังกายในวยั เดก็
๑. กิจกรรมการออกกำลังกาย ได้แก่ วิ่ง เล่นกีฬาต่างๆ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล เทนนิส แบดมินตัน
วา่ ยน้ำ เป็นตน้
๒. ความหนักของการออกกำลังกาย โดยให้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ระหว่าง ๖0-๘0 % ของอัตราการเต้น
ของหัวใจสงู สุด
๓. ความนานของการออกกำลังกาย ใช้เวลา ๒0-๖0 นาที
23
๔. ความบอ่ ยของการออกกำลังกาย ๓-๕ วันตอ่ สปั ดาห์
ข้อแนะนำในการออกกำลังกาย
๑. กิจกรรมการออกกำลังกาย ควรเนน้ ความสนุกสนาน รปู แบบทง่ี า่ ยๆ
๒. ควรคำนึงถงึ ความปลอดภยั ไมห่ นกั เกินไป
๓. ควรจดั กิจกรรมในลักษณะค่อยๆ เพม่ิ ระดบั ความหนกั ของการออกกำลังกายจนถงึ ระดบั หนักปานกลาง
๔. ควรอบอนุ่ ร่างกายก่อนออกกำลงั กาย และผอ่ นรา่ งกายหลงั การออกกำลังกายทุกคร้ัง
๕. การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ควรใช้กิจกรรมลุกนั่ง ดันพื้น โหนบาร์ ยกลูก
น้ำหนักทไี่ มห่ นักมาก
ข้อควรระวงั ในการออกกำลังกาย
๑. เม่ือเดก็ ไม่สบายมไี ข้ ตวั ร้อน ไมค่ วรออกกำลงั กาย
๒. หลีกเลยี่ งกจิ กรรมทม่ี กี ารปะทะกระทบกระเทือนหรอื ใช้ความอดทนมากเกิดไป
๓. สภาพอากาศรอ้ น มแี สดงแดดมาก ควรหลกี เลีย่ งหรือตอ้ งให้เด็กดมื่ นำ้ เปน็ ระยะๆ
บทที่๓.การส่งเสรมิ และจดั ประสบการณ์เพื่อพฒั นาสขุ อนามยั
การส่งเสรมิ การบรโิ ภคอาหารทีม่ ปี ระโยชน์
โภชนาการมีบทบาทสำคัญตอ่ การเจริญเตบิ โตและพัฒนาการของเดก็ อย่างไรก็ตามเดก็ วยั กอ่ นเรยี น
มักจะมปี ัญหาเรื่องการรับประทานอาหารอันเน่ืองมาจากสาเหตุการสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตวั มากกว่าและยังไม่
รู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดังนั้นโภชนาการที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากร่างกาย
ต้องการเสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาการ อายุระหว่าง ๑-๖ ปี ซึ่งเป็นช่วงปีแห่งการปลูกจิตสำนึก
(Formative Years) การเจริญเติบโตทางด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เช่นเดียวกับทักษะทางกาย มีการ
พัฒนาอย่าง
ค่อนข้างรวดเร็ว การให้อาหารเด็กอย่างไม่เหมาะสมหรือไม่ครบทั้ง ๕ หมู่ จะทำให้การเจริญเติบโตหยุดชะงัก
มรี ะดับสตปิ ญั ญาไม่ดเี ท่าท่ีควร และเจ็บป่วยบ่อย
24
ดว้ ยเหตนุ ้ี เดก็ วัยก่อนเรียนจึงควรไดก้ ินอาหารหลักครบทัง้ ๕ หมู่ ในแต่ละชนดิ ควรกินให้หลากหลาย
ชนิด วันละ ๓ มื้อ และดื่มนมเป็นอาหารเสริมให้เพียงพอทั้งปรมิ าณและคุณภาพตามที่ร่างกายเด็กต้องการใน
แตล่ ะมื้อ แต่ละวัน เพอื่ ให้เดก็ ไดร้ บั อาหารที่ครบถ้วนและปลอดภัย จงึ จะสามารถป้องกัน แก้ไขและฟื้นฟูภาวะ
ทุพโภชนาการของเด็กได้
โดยมีแนวทางในการปฏบิ ตั ิดังนี้
๑. จดั อาหารทมี่ คี ุณคา่ ทางโภชนาการครบ ทัง้ ๕ หมู่ และจัดให้ มีอาหารมือ้ วา่ ง เชน่ นมสดหรือนำ้ ผลไม้
๒. ไม่ใหอ้ าหารวา่ งก่อนม้ืออาหารหลัก หรือให้อาหารบอ่ ยจนเดก็ ไมเ่ กดิ ความหิว โดยจดั อาหารว่างท่ีมีคุณภาพ
เช่น ผลไม้ แทน นำ้ หวาน เบเกอรี ขนมกรุบกรอบ
๓. ฝกึ ให้เดก็ รบั ประทานอาหารทม่ี ีประโยชน์ทุกชนดิ รวมถงึ ให้ลองอาหารชนดิ ใหม่ เชน่ มะเขอื เทศ ผกั ใบเขียว
โดยเริ่มให้ครั้งละน้อย ๆ แล้วค่อยเพิ่มปริมาณโดยไม่ควรบังคับ เพราะจะทำใหเด็กไม่ชอบอาหารชนิดนั้นและ
ไมย่ อมรบั ประทาน
๔. การดัดแปลงสูตร/วิธีทำ/รสชาติอาหาร ควรเน้นอาหารรสชาติอ่อน และมีการจัดอาหารให้มีลักษณะ
แตกตา่ งกัน เช่น น่มุ กรอบ สสี นั กลนิ่ หอมนา่ รบั ประทาน
๕. อาหารท่จี ดั ใหเ้ ดก็ ควรเปน็ อาหารทย่ี ่อยง่าย
หลกั การจดั กิจกรรมและประสบการณ์ในการพัฒนาสุขอนามัย
การจัดกิจกรรมเป็นการสนับสนุนให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเนื้อเล็กการ
ประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อและระบบประสาทในการทำกิจวัตรประจำวันหรือทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่ง
สามารถเเบง่ เปน็
กจิ กรรมการเลน่ คอื กิจกรรมท่ีสอดคลอ้ งกบั ธรรมชาตขิ องเด็ก ทสี่ ามารถเรียนรู้ได้ดว้ ยตนเอง
กิจกรรมการออกกำลังกาย คอื กจิ กรรมนันทนาการต่าง ๆ ท่เี ล่นไดท้ ้งั กลางแจ้งและในรม่ รวมถึงกจิ กรรม การ
เล่นกีฬา
กิจกรรมศิลปะและการสร้างสรรค์ คือกิจกรรมที่ส่งเสริมการแสดงออกทางความคิด ที่เด็กได้สำรวจและจัดทำ
กบั วัตถโุ ดยตรง เด็กสามารถออกแบบ ตกแตง่ กับชิ้นงานได้อย่างอสิ ระ
ประสบการณ์สําคัญที่ควรส่งเสริม ประกอบด้วย การเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายตามจังหวะดนตรี
การเล่นออกกำลงั กลางแจง้ อย่างอิสระ การเคล่ือนไหวและการทรงตัว
25
การประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อและระบบประสาทการเล่นเครื่องเล่นสัมผัสการวาด การเขียนขีดเขียน
การปัน การฉีก การตัดปะ การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย ของใช้ส่วนตัว และการรักษาความ
ปลอดภัยเป็นต้น
การวดั และประเมินพฒั นาการ
เป็นกระบวนการที่ผู้สอนต้องการวัดผลดูว่า เด็กมีพัฒนาการเพียงใด หลังจากครูจัดกิจกรรมและ
ประสบการณ์ตา่ ง ๆ ให้ การประเมนิ ผลท่ีดตี ้องตดิ ตามดูกระบวนการเรียนรู้มากกว่าการตดั สินว่าเดก็ ทำได้หรือ
ไม่ได้ ต้องเน้นกระบวนการและการพัฒนาก้าวหน้าของตวั เด็ก มากกว่าจะตัดสินออกมาว่าเดก็ มีคะแนนเท่าไร
จากการสอบหรอื การประเมนิ ในครง้ั นั้น
การประเมินพัฒนาการ เดก็ อายุ ๓-๖ ปีเป็นกำรประเมินพัฒนาการทางด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ
สงั คม และสตปิ ัญญาของเดก็ โดยถือเป็นกระบวนการต่อเนอื่ ง และเป็นส่วนหนง่ึ ของกจิ กรรมปกติทจ่ี ัด
ให้เด็กในแต่ละวนั ผลทไี่ ด้จากการสังเกตพัฒนาการเด็ก ต้องนำมาจดั ทำสารนิทัศน์หรอื จดั ทำข้อมลู หลกั ฐาน
หรอื เอกสารอย่างเป็นระบบ ด้วยการรวบรวมผลงานสำหรับเด็กเปน็ รายบคุ คลทส่ี ามารถบอกเร่ืองราวหรอื
ประสบการณ์ทเ่ี ด็กได้รบั ว่าเด็กเกดิ การเรยี นรแู้ ละมคี วามก้าวหนา้ เพียงใด ทั้งน้ีใหน้ ำข้อมลู ผลการประเมิน
พฒั นาการเด็กมาพิจารณาปรับปรุงวางแผนการจัดกิจกรรม และส่งเสรมิ ใหเ้ ด็กแตล่ ะคนได้รบั การพฒั นา
ตามจุดหมายของหลกั สตู รอย่างต่อเนอื่ ง การประเมินพัฒนาการควรยึดหลัก ดังน้ี
๑. วางแผนการประเมินพฒั นาการอย่างเปน็ ระบบ
๒.ประเมนิ พฒั นาการเด็กครบทุกด้าน
๓. ประเมนิ พฒั นาการเด็กเปน็ รายบคุ คลอย่างสม่ำเสมอ ต่อเน่ืองตลอดปี
๔.ประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจำวัน ด้วยเครื่องมือและวิธีการที่หลากหลายไม่ควรใช้
แบบทดสอบ
๕.สรปุ ผลการประเมนิ จัดทำข้อมลู และนำผลการประเมนิ ไปใช้พัฒนาเด็ก
สำหรบั วิธีการประเมินทเ่ี หมาะสมและควรใช้กบั เด็กอายุ ๓ -๖ ปี
ได้แก่ การสงั เกต การบันทกึ พฤติกรรม การสนทนากับเด็ก การสมั ภาษณ์ การวิเคราะหข์ ้อมูลจากผลงานเด็กท่ี
เกบ็ อย่างมรี ะบบ
26
บทท๔ี่ .ความปลอดภยั อุบตั ิเหตใุ นเดก็ การปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้
ความหมายของอุบตั ิเหตุ
อุบัติเหตุ คือ เหตกุ ารณ์ทไ่ี มม่ ผี ู้ใดต้งั ใจให้เกดิ เมื่อเกิดขึน้ แลว้ มผี ลทำใหเ้ กิดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
หรือทรัพย์สินเสยี หาย
ปจั จยั และสาเหตุทกี่ อ่ ให้เกดิ อบุ ัตเิ หตุ
๑. ตัวเด็กเอง โดยธรรมชาติเด็กจะมีความอยากรู้ อยากเห็น ตามพัฒนาการของเด็กที่ต้องมีการเรียนรู้
พัฒนาการของเด็กจะพัฒนาทางกาย จิตใจ อารมณ์ และ สตปิ ัญญา ซง่ึ แต่ละช่วงวยั จะมพี ฤติกรรมแตกต่างกัน
อันเป็นสาเหตุให้เกดิ อุบัติเหตไุ ด้งา่ ย
๒. ความประมาท เลินเล่อ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ของบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ท่ีดูแลเด็ก หากผู้ดูแลเด็กมี
ความประมาท ขาดความรอบคอบ อาจก่อให้เกิดอบุ ตั เิ หตุแก่เดก็ ได้
๓. ส่งิ แวดลอ้ ม ทั้งส่ิงแวดล้อมด้านกายภาพและ ส่งิ แวดล้อมดา้ นสงั คม
การป้องกันอุบตั เิ หตุในเดก็
๑. การพลัดตกจากที่สูง หกล้ม ในทารกที่เริ่มพลิกคว่ำได้ อาจตกจากโซฟา เตียง เปล ป้องกันโดยการดูแล
ระมัดระวงั เด็ก ไม่ทงิ้ เด็กไวใ้ นท่ีท่ีอาจจะตกจากท่สี งู เดก็ ๑-๒ ขวบ อาจตกบนั ได ควรดูแลเด็กเวลาขนึ้ ลงบนั ได
ควรทำราวกั้นบริเวณ ในเด็กหัดเดินไม่ควรใช้ baby walker เพราะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ตกบันได
มากขน้ึ
๒. แผลไฟไหม้ นำ้ รอ้ นลวก เดก็ เลก็ ทเี่ ริ่มคืบคลานได้ ควรให้อยู่ในหอ้ งที่ไมม่ ีอุปกรณท์ ่ีอาจก่อให้เกิดไฟไหม้ น้ำ
ร้อนลวก หรือถ้ามตี ้องจัดวางใหถ้ ูกต้อง
๓. ไฟฟ้าช็อต เด็กเล็กเริ่มสอนเดินชอบที่จะแหย่นิ้วเข้าไปในช่องต่างๆ และชอบเลียนแบบการกระทำของ
ผใู้ หญ่ อาจถูกไฟฟา้ ช็อตได้หากแหยน่ ว้ิ หรือไขควงเข้าไปในเตา้ เสยี บปล๊ักไฟ ควรซ้อื อปุ กรณป์ ิดเตา้ เสียบท่ีไม่ได้
ใช้งานหรือย้ายเต้าเสียบให้สูงพ้นมือเด็ก สายไฟต่างๆ ควรเดินอย่างถูกต้องไม่ควรโยงระเกะระกะเพราะเด็ก
อาจคว้าดึงสายไฟทำใหอ้ ุปกรณไ์ ฟฟ้าตกหล่นใส่เด็กได้ บางคนถูกไฟช็อตจากไฟฟ้า ที่รั่วจากสายไฟของดวงไฟ
กระพรบิ ทีป่ ระดับประดาศาลเจ้า ห้งิ พระ จนเสียชวี ติ กม็ ีมาแล้ว
๔. การถูกของมีคมบาด ของมีคมทั้งหลาย เช่น กรรไกร มีด แก้ว เข็มหมุด เข็มกลัด เป็นต้น ควรเก็บไว้ในที่ท่ี
มิดชิดที่เด็กเล็กๆ หยิบไม่ได้ เด็กเมื่อโตขึ้นจะสนใจหัดใช้ของมีคมบ้าง จึงค่อยสอนให้ใช้กรรไกร มีด เข็มกลัด
ตามความเหมาะสมแกว่ ัย เดก็ เล็กๆ ไมค่ วรใช้ภาชนะหรือของเลน่ ท่ีทำจากแกว้ กระเบอ้ื ง เพราะแตกง่าย อาจ
แตกและบาดมือ เท้าเดก็ ได้
27
มาตรการดูแลความปลอดภยั
๑. จดั สภาพแวดลอ้ มรอบตัวเดก็ ใหป้ ลอดภัย ท้งั ในบา้ น นอกบา้ น และการเดนิ ทาง
๒.เฝ้าดูแลปกปอ้ งค้มุ ครองเด็กโดยผ้ดู ูแล
๓. สอนเด็กใหห้ ลีกเลยี่ งจุดอนั ตราย ปฏบิ ตั ติ ามกฎแห่งความปลอดภยั และมีทักษะชวี ิตเพื่อความ ปลอดภยั
การปฐมพยาบาลเบ้อื งต้น
๑. การปฐมพยาบาลเดก็ แผลถลอก
วิธีการคือกรณีที่มีเศษหินติดอยู่ให้ชะล้างบาดแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้ง ทายารักษา
แผลสด
๒. แผลถูกของมีคมบาด
หากถูกมีดบาดของเลน่ บาด โดยมากจะมีเลือดไหลต้องห้ามเลือดก่อน หากเปน็ แผลเลก็ ๆ และของที่บาดนั้นไม่
สกปรก เพียงแต่ทำความสะอาดแผล และใส่ยาเหมือนแผลถลอก ถ้าหากเป็นแผลใหญ่เมื่อห้ามเลือดแล้วควร
รีบนำเด็กส่งโรงพยาบาล
๓. ส่งิ แปลกปลอมเขา้ จมูก
อยา่ งแรกท่เี มื่อคณุ พบว่าลกู ของคุณมสี งิ่ แปลกปลอมเข้าจมูก คณุ จะต้องบอกใหเ้ ด็กอา้ ปากหายใจทางปากแทน
หยอดนำ้ มันพืชเขา้ ไปทางจมูกท่ีมสี ่งิ แปลกปลอม ถ้าเปน็ เมลด็ พชื จะชว่ ยไม่ใหเ้ มลด็ พชื นน้ั บวมปิดรจู มูกแน่นขึ้น
ถ้าเปน็ แมลงเขา้ จมกู จะช่วยลดอาการปวดแสบปวดรอ้ นในรูจมูกและทำให้แมลงหยุดเคลื่อนไหว หลังจากน้ันให้
เด็กสั่งน้ำมูกให้สั่งเบา ๆ วิธีนี้จะทำให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา หากเป็นพวกเศษผ้าหรือเศษกระดาษ ให้ใช้
คีมปลายมนคอ่ ย ๆ คบี ออกมา
๔. หัวโน ห้อเลือด ฟกช้ำ
ในระยะแรกภายใน 24 ช่ัวโมง ให้ประคบด้วยความเย็น โดยใช้ถุงพลาสติกใสน่ ้ำแข็งหรือใช้ cold - hot pack
เป็นถุงที่ใช้ได้ทั้งร้อนและเย็น เพื่อประคบเส้นเลือดให้หดตัวทำให้เลือดหยุดไหล ห้ามนวดคลึงเพราะจะทำให้
เลือดที่ออกใต้ผิวหนังยิ่งออกมากขึ้น ไม่ควรใช้ยาหม่อง หรือของร้อนอื่น ๆ ทาบริเวณที่โน เพราะยาหม่องจะ
ทำให้ปวดแสบปวดร้อนและเลือดมาคั่งอยู่บริเวณแผลมากขึ้น หลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้ว จึงเริ่มประคบร้อน
เพอ่ื ให้เลือดทอ่ี อกถกู ดูดซึมกลับเขา้ ไปในเสน้ เลือดเร็วข้นึ
๕. ปฐมพยาบาลเดก็ แมลงเขา้ หู
28
เม่อื พบวา่ มแี มลงเข้าหขู องลูกน้อยของคุณ อย่างแรกคือตอ้ งทำใหแ้ มลงตายโดยใช้น้ำมันพืช เชน่ น้ำมันมะกอก
หรือน้ำมันพืชที่ใช้ทำอาหาร หยอดเข้าไปในหู ทิ้งไว้สักครู่แมลงจะตายและลอยขึ้นมาให้ตะแคงหูเพื่อให้แมลง
และน้ำมนั ไหลออกมาใหห้ มด แล้วใชส้ ำลีเช็ดทำความสะอาดอกี ครงั้
๖. สนุ ขั หรือแมวกัด
ควรรีบเข้าไปหาลูกน้อยของคุณในที และไล่ให้สัตว์เลี้ยงของคุณนั้นออกให้ห่างกับพวกเขาให้ไกลที่สุด หรือให้
คนนำไปขงั แยกไว้ เพือ่ ทจี่ ะไดไ้ ม่เกิดการเข้ามาซ้ำขณะท่ีคุณกำลงั ปฐมพยาบาลเบื้องต้นอยู่ และควรพาลูกน้อย
ของคุณไปทกี่ ๊อกน้ำทนั ที เพือ่ รบี ลา้ งแผลใหส้ ะอาดด้วยน้ำเปล่าและสบู่ ซบั แผลให้แห้ง ปิดแผลด้วยผ้ากอซหรือ
ผา้ สะอาด นำเด็กสง่ โรงพยาบาล
๗. ส่งิ แปลกปลอมติดคอ
จบั เด็กน่งั โดยใช้มือพยงุ หน้าอกของเด็กไว้ โนม้ ศรี ษะของเด็กให้ต่ำกว่าหน้าอกหรืออยู่ในระดับเดียวกับหน้าอก
ใชม้ อื อีกข้างกระแทกเรว็ ๆ ๔ ครั้ง ตดิ ตอ่ กนั ค่อนข้างแรงตรงบริเวณระหวา่ งสะบักท้ัง ๒ ขา้ ง เพอื่ ใหส้ ่งิ ที่ติดอยู่
หลุดออกมา ถา้ ยงั ไมห่ ลดุ ควรกระแทกซำ้ หากยังไมอ่ อกอกี ต้องรีบนำสง่ โรงพยาบาล
๘. กลนื และดมสารพษิ
หากเด็กกลืนสารพิษพวกน้ำหอม ยาทาเล็บ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ดีดีที ยาเบื่อหนู ยากำจัดแมลงสาบ
หรอื อ่ืน ๆ ทีไ่ ม่ใชส่ ารเคมีพวกกรดด่างหรือสารประกอบปโิ ตรเลียมให้เด็กดื่มนม ๑-๒ แก้ว เพอื่ เจือจางสารพิษ
นั้น ๆ จากน้ันให้เดก็ อาเจยี นโดยการใชน้ ้ิวสะอาดล้วงคอใหล้ ึก ๆ เพื่อกระต้นุ ให้เด็กอาเจยี น และถ้าหากเด็กดม
สารพิษเข้าไปและรู้สึกหายใจติดขัด ไอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือชักกระตุก รีบนำเด็กออกมาใน ที่ที่มี
อากาศถ่ายเทสะดวก ถ้าเด็กหมดสติเนื่องจากอากาศไม่เพียงพอ หลังจากที่นำเด็กออกมาบริเวณที่มีอากาศ
ถา่ ยเทแลว้ ปลดเสอ้ื ผ้าออกให้หลวม หากเดก็ มีอาการหนาวส่ันให้นำผ้าห่มมาคลุม ให้เดก็ อยู่ในท่านอนตะแคง
สงั เกตดกู ารหายใจ หากเดก็ หยดุ หายใจตอ้ งรบี ชว่ ยให้หายใจด้วยการเป่าปาก
๙. สารเคมเี ข้าตา
คุณจะต้องรีบเก็บสารเคมีที่เป็นอันตรายให้พ้นกับมือเด็กก่อน และต้องรีบเบิกเปลือกตาบนและล่างให้เห็น
นัยน์ตากว้างที่สุด แล้วรินน้ำสะอาดผ่านนัยน์ตาทันทีโดยรินผ่านนาน ๆ ประมาณ ๑0 นาที เพื่อล้างสารเคมี
ออกใหห้ มด ขณะที่รนิ น้ำต้องระวังอย่าให้น้ำที่ไหลออกกระเดน็ เขา้ ตาอีกขา้ งหน่งึ ท่โี ดนสารเคมี ควรใหเ้ ดก็ นอน
เอียงตาขา้ งทโ่ี ดนสารเคมอี อกจากตวั เวลารนิ นำ้ ควรรนิ จากหวั ตาไปหางตา จากนน้ั ใช้ผ้ากอซหรือผ้าสะอาดปิด
ตาไวแ้ ล้วนำเด็กส่งโรงพยาบาล
๑0. เลอื ดกำเดาไหล
29
อยา่ ใหเ้ ดก็ ๆ เงยหนา้ ข้นึ เปน็ อนั ขาด เพราะเป็นวิธีท่ีผดิ ! ให้เด็กก้มหนา้ ลงแทน ทา่ ก้มหนา้ น้ันจะเป็นนงั่ หรือยืน
กไ็ ดแ้ ตห่ ้ามนอน ใช้นิ้วกดจมูกดา้ นท่ีเลือดกำเดาไหล ใช้ความเย็นประคบดั้งจมูก ๑-๒ นาที หากเลอื ดยังไมห่ ยุด
ให้ใช้ผ้ากอซหรอื ผา้ นุ่ม ๆ สอดเข้าไปในรจู มูกข้างท่ีเลอื ดออกทิ้งไว้สักครู่ใหญ่ สังเกตดูวา่ เลือดหยดุ ไหลหรือยงั
กรณเี ลอื ดไหลไมห่ ยุดเกนิ ครงึ่ ชัว่ โมงขึ้นตอ้ งรบี นำส่งโรงพยาบาล
บทท๕่ี .บทบาทของครแู ละผ้ปู กครองในการป้องกนั โรค
ความรพู้ น้ื ฐานเบือ้ งตน้ เก่ยี วกับโรคและดูแลเด็ก
โรคภยั ไขเ้ จบ็ ทีเ่ กิดข้ึนกับเด็กในปจั จุบนั ส่ิงที่คุณพ่อคณุ แมส่ ่วนใหญ่ปรารถนา คอื อยากให้ลูกเป็นเด็ก
ทฉี่ ลาด เรยี นหนังสอื เก่ง ดังนน้ั พ่อแม่ยุคใหม่สว่ นใหญ่จึงมักให้ความสำคัญเรื่องพัฒนาการด้านสติปัญญาและ
ความฉลาด จนบางคร้ังอาจทำให้ละเลยการดูแลสุขภาพของลูกน้อยได้ในวัยเด็กมักเจ็บป่วยด้วยโรคนานาชนิด
เน่ืองจากระบบภูมิคุม้ กันในร่างกายยังทำงานไมส่ มบูรณ์เหมือนในผู้ใหญ่ การไปโรงเรยี นหรือสถานรับเล้ียงเด็ก
ตั้งแต่อายุยังน้อยยิ่งทำให้เด็กเหล่านี้เจ็บป่วยได้ง่ายและบางครั้งเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อต่างๆ เช่น
โรคมอื เทา้ ปาก ยงิ่ สรา้ งความกงั วลใจใหแ้ ก่พอ่ แม่ที่มีลูกอยูใ่ นชว่ งวยั ท่ีเส่ยี งต่อการติดเชื้อ เพราะโรงเรียนก็ถือ
เป็นแหล่งรวมโรคภัยไข้เจ็บด้วย แม้บางครั้งจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็ส่งผลต่อสุขภาพและการเติบโตของเด็ก
ด้วยปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บในเด็กยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติพบการเสียชีวิตของเด็กเล็กท่ี มี
อายุต่ำกว่า ๕ ขวบทั่วโลก กว่าครึ่งของจำนวนเด็กทั้งหมดมีสาเหตุการตายมาจากโรคติดเชื้อ อาทิ โรคปอด
บวม โรคทอ้ งร่วง ฯลฯ ซึง่ ถือวา่ เป็นภยั รา้ ยท่ีคุกคามเด็กเล็กทว่ั โลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กประเทศที่กำลังพัฒนา
ในภมู ภิ าคเอเชยี แปซิฟกิ และแอฟริกาหากพ่อแม่ไมด่ ูแลเอาใจใส่ อาจส่งผลอันตรายถึงชวี ติ ได้
ดังนั้นหลักการดูแลเด็กน้อยดังต่อไปนี้ จะช่วยให้ลูกน้อยแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยบ่อยๆ ช่วยให้เด็กๆ ไป
โรงเรยี นได้อย่างสนุกสนาน และปลอดภยั จากโรคภยั ไขเ้ จบ็ ต่างๆ ได้
๑.การสง่ เสรมิ สุขภาพ การสร้างเสริมภมู ิคุม้ กนั โรค โดยเด็กต้องได้รบั วัคซนี ปอ้ งกันโรคครบตามเกณฑ์
ทก่ี ระทรวงสาธารณสุขกำหนด
๒.ได้รบั ประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ ๕ หมู่ ท้งั ๓ มื้อ มีนำ้ ด่มื และนำ้ ใช้
ทส่ี ะอาดเพยี งพอ
๓.ได้รบั การดแู ลเร่ืองสุขอนามยั ส่วนบคุ คล เนน้ ความสะอาดของที่อย่อู าศยั เครือ่ งใช้
สว่ นตวั
30
๔.สงิ่ แวดล้อมท่ถี กู สุขลักษณะ สะอาด ไมแ่ ออัด อากาศถ่ายเทสะดวกและมแี สงแดดสอ่ งถงึ
องคป์ ระกอบตา่ งๆ เหลา่ นจี้ ะชว่ ยเสรมิ สร้างร่างกายใหแ้ ขง็ แรง มีพฒั นาการทางร่างกายและจิตใจ
เหมาะสมตามวัย เมอ่ื เกดิ โรคขึน้ ต้องป้องกันไม่ใหม้ ีการแพร่กระจายของโรค นอกจากน้ียงั สามารถลด
ความรนุ แรงของการเกิดภาวะแทรกซอ้ นและการเสยี ชีวิตได้ โดยการตรวจคัดกรอง แยกเดก็ ปว่ ย
วนิ จิ ฉัยและรกั ษาอย่างรวดเรว็
บทบาทของครูในการดแู ลเด็กในการปอ้ งกันโรค
การเกิดโรคระบาดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากและส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบต่าง ๆ ของสังคม
การรับมือ
กับโรคระบาดในสว่ นของระบบการศึกษา โดยเฉพาะในระดบั การศึกษาปฐมวัยนั้นเป็นสิ่งท่ีควรให้ความสำคัญ
เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเด็กมีภูมิคุ้มกันต่ำ รวมถึงมีประสบการณ์น้อย ไม่มีความตระหนักถึงการดูแลป้องกัน
ตนเอง และความเข้าใจถึงอันตรายของโรคในรูปแบบนามธรรมยังมีน้อย บทบาทของครูอนุบาลในด้านการ
จดั การเรียนการสอนและด้านการบรหิ ารจดั การในสถานศึกษาเพ่ือป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของเช้ือ
โรคในเด็กปฐมวัย ทำได้โดยการปรับเปลี่ยนกิจกรรมการจัดการเรียนการสอน ปรับตารางกิจวัตรประจำวัน
และการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ต่าง ๆ นอกจากนี้ครูยังต้องให้ความรู้นกั เรยี นเกี่ยวกับ แนวทางการปฏิบัตติ นท่ี
ถูกต้องและส่งเสริมให้นักเรียนปฏิบัติตนในการดูแลและป้องกันตนเองรักษาความสะอาดของร่างกายตนเอง
และอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนอย่างเหมาะสมตามบริบทของสถานศึกษา รวมท้ัง
สอดคล้องกับแนวทางการป้องกันตนเองตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนด และสัมพันธ์กับความต้องการจำเป็น
ของเด็ก อีกทั้งครูควรสร้างความตระหนักให้แก่เด็กในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำรงชีวิตเพื่อป้องกัน
ตนเอง ให้ห่างไกลจากโรคระบาด แนวคิดที่สำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันและส่งเสริมทักษะชีวิตให้กับเด็กก็คือ
การปลูกฝังผ่านทางกระบวนการเรียนรู้ครูอนุบาลจำเป็นต้องอาศัยการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อช่วยให้
นักเรียนเล็กไดเ้ รียนรู้อย่างสนุกสนานรวมท้ังได้รับการปลูกฝังองคค์ วามรู้ทักษะ และเจตคติท่ีดีในการดูแลและ
ป้องกันตนเองเพอ่ื เตรียมรับมือกับโรคระบาดต่าง ๆ
๑. บทบาทของครผู ้ดู แู ลเด็กและผ้ทู เ่ี กย่ี วขอ้ ง ดา้ นการบริหารจัดการภายในสถานศกึ ษา
๑.๑ ศกึ ษาเก่ยี วกบั มาตรการ หรือการปอ้ งกนั ตนเองสำหรบั เด็กเปน็ อยา่ งดี โดยศกึ ษาใหเ้ ข้าใจ
อย่างแท้จริง
๑.๒ หม่ันทำความสะอาดหอ้ งต่าง ๆ ของสถานศึกษาไมว่ ่าจะเป็น ห้องพยาบาล หอ้ งพักครู หอ้ ง
31
ธุรการห้องน้ำหอ้ งครัว และหอ้ งเรียนรวมไปถึงสิ่งของเครือ่ งใชส้ ่วนรวมท่ใี ช้ร่วมกนั ในทกุ ๆ วนั และมกี ารใช้
น้ำยาฆ่าเชือ้ โรคเดือนละ ๑ คร้งั
๑.๓ คดั กรองบคุ คลท่ีจะเข้ามาภายในสถานศึกษาโดยก่อนเข้าสถานศึกษามกี ารตรวจวัดไขโ้ ดยใช้
เทอรโ์ มมิเตอร์ดิจิทัลวัดอณุ หภูมิร่างกาย ถ้ามีอณุ หภูมิร่างกายเกิน ๓๗.๒ องศาเซลเซยี ส รวมไปถงึ มีอาการป่วย
อื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ไอ มนี ้ำมูก ใหแ้ จง้ ผปู้ กครองเพอ่ื พาบุตรหลานของตนไปพบแพทย์ หรอื พาไปโรงพยาบาล
และพิจารณาการหยดุ เรยี น เพ่อื ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ในกรณที ่ีเปน็ บคุ คลภายนอก หากวัด
อณุ หภมู ริ ่างกายแล้วเกนิ กว่าทีก่ าหนดไว้ ไม่อนญุ าตให้เขา้ มาบริเวณสถานศึกษา
๑.๔ จดั เตรียมเจลแอลกอฮอลใ์ ห้กบั เดก็ ทัง้ ภายในหอ้ งเรยี นและภายนอกห้องเรียน เพื่อใหเ้ ด็กได้
ใช้หลงั การทำกจิ กรรมต่าง ๆ และหลงั การสัมผัสสงิ่ ของตา่ ง ๆ
๑.๕ แยกของใชข้ องเด็กแตล่ ะคน เพอื่ ลดการแพรก่ ระจายของเชื้อโรค
๑.๖ หากพบวา่ เด็กในหอ้ งเรียนป่วยมากกวา่ ๒ คน ใหพ้ ิจารณาถงึ การปิดสถานศึกษาชั่วคราว
เพือ่ ทำความสะอาดและลดการแพรก่ ระจายของโรค
๒. บทบาทของครู ด้านการจัดการเรียนการสอน
๒.๑ ใหค้ วามรกู้ ับเด็กเรือ่ งโรคระบาดและการปอ้ งกันตนเองจากโรคระบาด ไดแ้ ก่ ลักษณะอาการ
ของโรคลกั ษณะการแพรก่ ระจายของเช้ือโรค การรกั ษาระยะหา่ งระหว่างบุคคล การรักษาสขุ อนามัยการ
รกั ษาความสะอาด การล้างมอื เป็นประจ า การรับประทานอาหารที่ปรุงสกุ ใหม่ การส่งเสริมให้เดก็ สวมใส่
หน้ากากอนามยั อย่างถูกวธิ ี
๒.๒ จดั กิจกรรมการเรียนการสอนโดยครสู อดแทรกทกั ษะและเจตคติเก่ียวกบั การดูแลและ
ปอ้ งกนั ตนเองจากโรคระบาดอยา่ งสม่ำเสมอในบรรยากาศทด่ี ี เปน็ ธรรมชาติ โดยเดก็ สามารถบอกไดว้ ่าอาการ
ท่ีพบเปน็ ลักษณะของโรคระบาดชนิดใด เด็กสามารถหลีกเล่ียงพฤตกิ รรมท่กี อ่ ให้เกิดการแพร่กระจายของเช้ือ
โรคไดเ้ ด็กสามารถเวน้ ระยะห่างระหวา่ งตนเองเมื่อตอ้ งอยู่ร่วมกับผู้อน่ื ไดเ้ ด็กสามารถรกั ษาสขุ อนามัยของ
ตนเองได้ เพ่อื ให้เด็กมที ักษะและเจตคตทิ ีด่ ีในการรักษาสขุ อนามยั และการดแู ลตนเอง
๒.๓ จัดการเรียนการสอนในบรเิ วณโล่งกว้างท่ีอากาศสามารถถา่ ยเทได้สะดวกมสี ่ิงแวดลอ้ ม
32
ท่ีปลอดภยั รวมไปถึงหา้ มนำสัตวท์ ุกชนิดเข้ามาในโรงเรยี น ซง่ึ อาจจะเป็นพาหะของเชือ้ โรคได้
การปฏบิ ตั ิตามแนวทางทกี่ ล่าวไปข้างต้นไม่วา่ จะเปน็ ด้านการบรหิ ารจดั การภายในสถานศกึ ษาและดา้ น
การจัดการเรยี นการสอน ทง้ั ที่เป็นการวางแผนปรับปรงุ สภาพแวดลอ้ ม พร้อมทงั้ เฝ้าระวังการเจบ็ ป่วยของเด็ก
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกดิ โรคระบาดในโรงเรยี น จะมีส่วนชว่ ยในการป้องกนั และควบคุมการระบาดที่อาจจะ
เกดิ ขนึ้ กบั เด็กได้ การทำใหเ้ ด็กเรยี นรู้แนวทางในการปอ้ งกันโรคระบาดมีแนวทางปฏิบตั หิ ลากหลายรปู แบบ ครู
ผดู้ แู ลเดก็ และผู้เกย่ี วขอ้ ง ควรสรา้ งความตืน่ ตัวใหแ้ กเ่ ด็กถึงการป้องกนั ตนเองจากโรคระบาดและมกี ารปรึกษา
กับผปู้ กครองรวมไปถงึ การปฏิบตั ิตามแนวทางของหนว่ ยงานภาครัฐ ในการปรับเปลีย่ นการเรียนการสอนให้
เปน็ ไปในรูปแบบท่ยี งั สามารถจดั การเรียนการสอนไดอ้ ย่างเปน็ ปรกติ โดยเทา่ ทันสถานการณข์ องโรคระบาด
เนื่องจากในฐานวิถชี ีวิตใหมเ่ ด็กตอ้ งมีความร้เู รอ่ื งโรคระบาด มที ักษะในการปอ้ งกันตนเองจากโรค และมเี จตคติ
ทดี่ ีต่อการปฏบิ ัติตามมาตรฐานใหม่ หรอื สิง่ ใหมท่ ่ีเข้ามา พร้อมรบั การเปลยี่ นแปลง โดยสามารถบูรณาการผ่าน
กจิ วัตรประจำวันและการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ตา่ ง ๆ
การสรา้ งสุขนิสยั ทด่ี ีในเดก็ ปฐมวยั
สุขนิสัยพื้นฐานที่สำคัญสำหรับเด็กปฐมวัย หรือช่วงอายุ 3-5 ปีแรกของชีวิต ซึ่งเป็นช่วงวัยแห่งการ
เจรญิ เติบโต ทง้ั ทางด้านร่างกาย อารมณ์ สติปญั ญา และพัฒนาการทางสังคม ได้แก่
๑. การเลือกรับประทานอาหารท่ีหลากหลาย เพ่มิ ผักผลไม้
๒. การเลอื กดืม่ น้ำเปลา่ แทนน้ำหวาน
๓. การขยนั ขยับเคลอ่ื นไหวร่างกายใหม้ ากข้นึ
พ่อแม่ คนในครอบครัว รวมถึงคุณครู สามารถปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีให้กับเด็กได้ตั้งแต่ยังเล็กๆ ทั้งใน
เรื่องของการควบคุมตนเอง การรู้จักยับยั้งชั่งใจ ตลอดจนพฤติกรรมเชิงบวกต่างๆ เพื่อเป็นรากฐานไปสู่
พฤติกรรมทเ่ี หมาะสมเมอื่ โตขน้ึ
แต่ก่อนที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมใดๆ ของเด็ก สัมพันธภาพพื้นฐานทีม่ ีตอ่ กันระหวา่ งพ่อแมแ่ ละเด็กจะตอ้ งดีก่อน
ซึ่งสัมพันธภาพที่ดีตอ่ กันนี้ มาจากความเอาใจใส่ ผูกพันใกล้ชิด และการได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันจนทำให้
เดก็ เกดิ ความรู้สึกมนั่ คงและปลอดภัยทางใจ และยงั ตอ้ งมาพร้อมกับระเบียบวินัย ในทางกลับกัน หากเด็กขาด
สัมพันธภาพพื้นฐานที่ดี และมีแต่กฎระเบียบควบคุม มักจะทำให้เกิดการต่อต้าน ดังนั้น การปรับให้เด็กวัยนี้
เปน็ คนวา่ นอนสอนง่าย พอ่ แมผ่ ูป้ กครองควรจะตอ้ งหาจุดสมดลุ ระหว่างสมั พันธภาพทด่ี ีและระเบียบวินยั
33
เทคนคิ การสื่อสารเชงิ บวกเพ่ือสร้างกำลังใจใหล้ กู เปล่ียนมาแสดงพฤติกรรมท่ีเหมาะสมว่า “การบังคับ
จะยิ่งทำให้เด็กต่อต้าน พ่อแม่และผู้ดูแลเดก็ จะต้องสรา้ งสัมพนั ธภาพที่ดีกับเด็ก ด้วยการปฏิบัตกิ ับพวกเขาบน
พนื้ ฐานของความมสี ติและเหน็ อกเหน็ ใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา เม่อื เด็กแสดงพฤติกรรมท่ดี ี จะตอ้ งชมทนั ที โดย
ชมอย่างจริงใจด้วยวาจาและภาษากาย และเน้นชมที่พฤติกรรมที่เราเห็นว่าดีและอยากให้เขาทำมากขึ้น
มากกว่าการชมทผ่ี ลลพั ธจ์ ากการกระทำนัน้
บทบาทผู้ปกครองในการป้องกนั โรคที่เกดิ กับเดก็
เด็กวยั ก่อนเรียน มีโอกาสเกดิ ปัญหาสขุ ภาพขึ้นเน่ืองจากเด็กวัยน้ีมีการเจริญ เตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ ชอบ
ความเป็นอสิ ระและต้องการทำอะไรดว้ ยตนเอง ในขณะท่ยี ังไมส่ ามารถช่วยเหลือตวั เองไดเ้ ต็มที่จึงมีโอกาสเกิด
ทัง้ ปญั หาสุขภาพไดโ้ ดยปัญหาสุขภาพท่ีพบคือปัญหาด้านโภชนาการปัญหาฟนั ผปุ ัญหาการเจ็บป่วยและการติด
เชื้อ ปัญหาอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ และปัญหาพัฒนาการล่าช้า ผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญในการป้องกัน
ปัญหาสุขภาพเดก็ วัยก่อนเรียน เพือ่ สง่ เสริมการเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการทีส่ มบูรณ์ท้งั ด้านร่างกายจิตใจสังคม
และจิตวิญญาณ โดยมขี อ้ เสนอแนะให้พยาบาลท่ีปฏบิ ัตงิ านในคลินิกสุขภาพเด็กดคี วรมีการประเมินความเส่ียง
ตอ่ ปัญหาสุขภาพและใหค้ ำแนะนำแก่ผู้ปกครอง
ในการลดปัจจัยเสี่ยงเพื่อสามารถป้อ งกันปัญหาสุขภาพเด็กวัยก่อนเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหา
สุขภาพที่สำคัญของเด็กวัยก่อนเรยี น ปญั หาสขุ ภาพและพฤตกิ รรมเสี่ยงท่สี ำคัญในเดก็ วัยก่อนเรียน ไดแ้ ก่
• ปญั หาดา้ นโภชนาการปญั หาฟนั ผุ
• ปัญหาการเจบ็ ป่วยและการติดเช้อื
• ปัญหาอุบัตเิ หตแุ ละการบาดเจ็บ
ปญั หาพฒั นาการลา่ ช้าที่อาจเกดิ ขึ้นตามมา ดังน้ี
๑.ปญั หาด้านโภชนาการ
ปัญหาด้านโภชนาการของเด็กวัยก่อนเรียน พบได้ทั้งโรคอ้วนและโรคขาดสารอาหาร ซึ่งเกิดจากการบริโภค
อาหารไม่ถูกต้องรวมทั้งขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสมหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจส่งผล
กระทบตอ่ สุขภาพของเด็กในอนาคตไดป้ ัญหาด้านโภชนาการ พบดังน้ี
๑.๑ ภาวะอว้ น
การดแู ลดา้ นโภชนาการทส่ี ำคัญเป็นลำดบั แรก คอื การควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ผ้ปู กครองควรให้เด็ก
รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกายสม่ำเสมอ ซ่ึง
ผปู้ กครองควรใหก้ ารดแู ล ดังนี้
34
๑.ควบคุมปริมาณอาหารของเดก็ รบั ประทานผักผลไม้ที่มีกากใยเพิม่ ขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงของ
ทอด ไม่ซื้ออาหารที่ไขมันสูงและน้ำตาลสูงเข้าบ้าน เช่น ขนมหวาน ขนมขบเคี้ยวที่ไม่มีประโยชน์เช่น มันฝรั่ง
ทอดเครื่องดม่ื ทมี่ ีน้ำตาลน้ำอดั ลม และนำ้ ผลไมเ้ ปน็ ตน้
๒.สมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องร่วมมือกันไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งตามใจเด็ก และควรมีคู่หูใน
ครอบครัวเช่นพ่อหรือแม่ที่วางแผนและกินอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายร่วมกัน โดยออกกำลัง กาย
อย่างนอ้ ยวนั ละ ๑ช่ัวโมง
๓.จำกัดเวลาที่เด็กใช้กับหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เช่น คอมพิวเตอร์ไอแพด โทรศัพท์ มือถือ
เพราะจะทำใหเ้ ด็กนัง่ อยกู่ บั ท่ีไม่ไดเ้ คลอื่ นไหวเดก็ เล็ก2-5ขวบไมค่ วรอยู่กับหน้าจอเกนิ ๑ ชว่ั โมงต่อวัน
๔.ดูแลใหเ้ ด็กไดน้ อนหลับอย่างเพียงพอโดยฝึกให้นอนเปน็ เวลาเพราะการนอนดึกเป็นสาเหตุหนึ่งของ
ความอว้ นได้
๕.ผ้ปู กครองต้องคอยให้กำลงั ใจเด็กเพราะการควบคุมนำ้ หนักต้องใช้พลงั ใจ ความมงุ่ มั่นในการต่อสู้กับ
ตวั เองและการปฏิเสธอาหารทกี่ อ่ ใหเ้ กิดโรคอว้ น
๑.๒ภาวะทุพโภชนาการ
เนื่องจากเด็กวัยก่อนเรียนเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว เป็นวัยที่มีกิจกรรมมาก และ
เด็กมักมีความสนใจสิ่งแวดล้อมมาก ทำให้ความสนใจในการรับประทานอาหารลดลงประกอบกับเป็นช่วงที่
พัฒนาความเปน็ อิสระตวามเป็นตวั ของตวั เองเด็กจึงปฏเิ สธอาหารความอยากอาหารของเด็กไม่แน่นอนบางวัน
รับประทานมากบางวันรับประทานน้อยหรือบางวันไม่รับประทานเลย ทำให้มีภาวะทุพโภชนาการในเด็กวัยน้ี
สงู โดยในการจดั อาหารให้เด็กวยั กอ่ นเรียน ควรคำนงึ ถงึ สงิ่ ตอ่ ไปน้ี
๑.เด็กอยู่ในวัยที่ต้องการเป็นอิสระมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ดังนั้นจึงควรให้เด็กเลือกอาหารเอง
และฝึกให้รบั ประทานอาหารด้วยตนเอง
๒.เด็กมคี วามสนใจช่วงสน้ั ๆ ถกู เบี่ยงเบนความสนใจไดง้ ่ายจากสิ่งแวดล้อม ดังนั้นในชว่ งเวลาอาหารจงึ
ควรเป็นช่วงที่เงียบสงบ ไม่มสี ิง่ ดงึ ดูดความสนใจของเด็ก เช่น โทรทศั นเ์ กมคอมพวิ เตอรห์ รือการ์ตูน เปน็ ตน้
๓.เด็กเรียนรู้ด้วยการเลียนแบบดังนั้นบิดามารดาจึงควรเป็นแบบอย่างในการรับประทานอาหาร
หลากหลายชนดิ โดยเฉพาะการรบั ประทานผัก และควรจัดให้เดก็ มโี อกาสรบั ประทานอาหารรว่ มโตะ๊ กับผ้ใู หญ่
๔.คุณภาพของอาหารสำคัญกว่าปริมาณอาหารดังนั้นอาหารที่จัดให้เด็กในแต่ละมื้อจึงไม่ควรมาก
เกินไป ควรจัดปริมาณให้พอเหมาะกับอายุเด็กการจัดอาหารที่มีปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เด็กรับประทาน
35
อาหารเกินความต้องการของรา่ งกายและเป็นโรคอ้วนได้หรืออาจทำให้เดก็ ปฏิเสธอาหารทั้งหมดเม่ือมีปริมาณ
อาหารมากเกนิ ไป
๕.เดก็ วยั กอ่ นเรยี นชอบรับประทานอาหารทลี ะชนิด จึงไม่ควรจัดอาหารหลากหลายชนิดปนอยู่ในจาน
เดยี วกัน
๖.ฝึกใหเ้ ด็กดมื่ นมเป็นประจำ วันละ ๒-๓ แกว้
๒.การป้องกันฟันผุและดแู ลชองปาก
เดก็ วัยกอ่ นเรยี น เปน็ วัยท่ีมฟี นั นำ้ นมขนึ้ ครบแลว้ การดแู ลสุขภาพฟันทด่ี ขี องเด็กวัยน้จี ึงเป็นส่งิ สำคัญ เนือ่ งจาก
ฟันน้ำนมที่ดีจะนำไปสู่ฟันแท้ที่ดีด้วยนอกจากมีผลต่อฟันแท้แล้วยังมีผลต่อการเจริญเติบโตขร่างกายและ
พัฒนาการด้านการพูดด้วยเด็กวัยน้ีจึงควรไดร้ ับการสอนการแปรงฟันท่ีถูกต้องด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์และ
การใช้ไหมขัดฟันที่ถูกต้อง แต่ในเด็กเล็กที่พัฒนาการกล้ามเนื้อมือยังไม่ดีพอ ผู้ปกครองควรช่วยแปรงฟั นให้
หรอื ดแู ลในขณะที่เด็กแปรงฟนั อย่างน้อยวันละ ๒ คร้งั หรอื ทุกครั้งหลังอาหาร ถา้ ไมส่ ามารถทำได้ควรให้บ้วน
ปากหลังอาหารทุกครั้ง นอกจากนี้ยังต้องควบคุมความถี่ของการให้เด็กบริโภคของหวานขนมขบเคี้ยวและดื่ม
น้ำอดั ลม ทีส่ ำคัญควรกระตุ้นให้เดก็ รับประทานผักทุกชนิด และควรพาเดก็ ไปให้ทนั ตแพทย์ตรวจฟนั ทกุ ๖-๑๒
เดือน เพือ่ ประเมนิ สขุ ภาพชอ่ งปาก หากพบสภาพฟนั ท่เี ส่ยี งต่อการเกิดโรคจำเป็นต้องไดร้ ับบริการป้องกันฟันผุ
ด้วยการเคลือบหลุมร่องฟัน(sealant) หรือเคลือบฟลูออไรด์ที่ผิวฟัน ซึ่งเป็นการป้องกันฟันผุแต่เนิ่นๆและ
ผู้ปกครองจะไดร้ ับความรูเ้ รือ่ งการดูแลสขุ ภาพชอ่ งปากและฟันของเดก็ จากทันตแพทย์ด้วย
๓. การป้องกันการเจบ็ ปว่ ยและการตดิ
เนื่องจากเด็กวัยก่อนเรียนยังมีภูมิต้านทานต่ำมีโอกาสเจ็บป่วยและติดเช้ือได้ง่าย จึงควรได้รับการดูแลในเรื่อง
สุขวิทยาสว่ นบคุ คลจากผูป้ กครองเพอื่ ปอ้ งกันการเจบ็ ป่วยและโรคติดเชื้อ เชน่ การสอนลา้ งมอื ก่อนรับประทาน
อาหารและหลงั การขับถ่ายจัดใหเ้ ดก็ รับประทานอาหารท่ีสุกสะอาด การด่ืมนมและนำ้ สะอาดการสอนแปรงฟัน
อย่างถูกวิธีเป็นต้นหากเด็กที่ยังปฏิบัติด้วยตัวเองได้ไม่ดีผู้ปกครองควรให้การช่วยเหลือไม่ปล่อยให้เด็กทำเอง
ตามลำพงั และหากเด็กมีอาการเจ็บป่วยไม่ควรใหเ้ ด็กไปโรงเรียน หรือศูนยเ์ ด็ก เพราะจะเป็นการแพร่กระจาย
เชอื้ นอกจากนี้เด็กควรได้รบั การดแู ลใหไ้ ด้รับการฉีดวัคซนี เข็มกระตุ้นตามเกณฑ์ท่ีกำหนด
๔. การป้องกันการบาดเจ็บ
ผู้ปกครองควรมีความรู้เกี่ยวกับการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นตามลักษณะพัฒนาการของเด็กวัยก่อนเรียนกลุ่มน้ี
ตลอดจนวิธีการป้องกัน โดยสิ่งสำคัญที่ผู้ปกครองจะช่วยลดอุบัติเหตุจากสาเหตุของการบาดเจ็บได้ดีที่สุ ด คือ
การจัดสภาพแวดล้อมภายในและนอกบ้านให้ปลอดภัยและสอนให้เด็กรู้จักระวังตนเองจากอุบัติเหตุที่อาจ
เกิดขน้ึ ไดเ้ ช่นอุบตั ิเหตจุ ราจร การพลัดตกหกล้ม การข้ามถนน และการจมนำ้ ดงั นี้
36
๔.๑อุบัตเิ หตจุ ราจร
๑. การโดยสารรถยนต์ควรมีที่รดั ระหว่างที่นั่งเด็กกับตัวเด็ก ไม่ควรให้เด็กนั่งที่นั่งข้างคนขับเพราะถุง
ลมทก่ี างออกขณะเกดิ อบุ ตั ิเหตนุ น้ั จะทำใหเ้ ด็กได้รับบาดเจ็บได้
๒. ไม่ทงิ้ เดก็ ไวใ้ นรถคนเดยี วเพราะความร้อนภายในรถจะทำให้เกิดอนั ตรายต่อเดก็ ไดเ้ พราะในเวลา ๕
นาทีอุณหภูมิในรถจะเพิ่มสูงขึ้นจนไม่สามารถทนอยู่ในรถได้หากอยู่ในเวลา ๑0นาทีร่างกายจะย่ำแย่
และ ภายในเวลา ๓0 นาทีจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ดังนั้นหากผู้ปกครองมีความจำเป็นต้องทำธุระนอกรถ
ต้องนำเด็กลงไปดว้ ยทกุ ครัง้
๓. ก่อนถอยรถออกจากบ้าน หรือในเขตชุมชน ให้สำรวจหลังรถก่อนว่า มีเด็กเล็กซึ่งไม่สามารถ
มองเหน็ ได้จากกระจกสอ่ งหลังอยหู่ รือไม่
๔. ควรหลีกเล่ยี งการใหเ้ ดก็ ซ้อนรถจกั รยานยนตแ์ ละหากมีความจำเปน็ ต้องใส่หมวก
นิรภัยทีม่ ีขนาดเหมาะสมกับอายทุ กุ คร้ัง
๕. เด็กที่โดยสารรถจักรยาน ควรมีที่นั่งพิเศษสำหรับเดก็ โดยที่น่ังนี้ยึดติดกับรถจักรยานอยา่ งแขง็ แรง
มเี ข็มขดั ยึดเดก็ ติดกบั ที่นง่ั มที วี่ างเทา้ เพ่อื ปอ้ งกนั เทา้ เขา้ ซลี่ ้อและเด็กควรสวมใส่หมวกนิรภัย
๖. เมื่อใหเ้ ด็กถบี รถจักรยาน 3 ลอ้ หรือวิ่งเล่นบนทางเทา้ ผู้ปกครองควรดูแลอย่างใกลช้ ิด
๔.๒ การพลดั ตกหกลม้
๑. ราวบันไดและระเบยี งไม่ควรมีช่องห่างเกนิ ๙ เซนติเมตรเพ่ือปอ้ งกันเดก็ ลอดได้
๒. หน้าต่างหรือระเบียงควรสงู ไม่น้อยกว่า ๙0 เซนติเมตร ป้องกันเด็กปีนป่ายเองได้โดยอาคารตั้งแต่
สามชน้ั ขึ้นไป (ซึง่ พบวา่ มีการบาดเจ็บรนุ แรงจากการตก) ตอ้ งมีความสูงของราวหรือแผ่นกันตก ไม่ต่ำ
กว่า ๑๒0 เซนติเมตรจากพื้น
๓. อาคารต้องไม่มีจุดที่สามารถปีนป่ายได้หมายถึงต้องไม่มีโครงสร้างลักษณะที่เป็นแท่งในแนวนอน
และมชี ่องรใู หว้ างเท้าที่เอื้อต่อการปีนป่าย
รวมไปถึงตำแหน่งการวางของที่ใกล้ราวกันตกที่ทำให้สามารถปีนป่ายได้เช่นตู้แอร์(คอมเพรสเซอร์)ที่วางไว้
บรเิ วณระเบยี ง เปน็ ต้น
๔. เฟอร์นเิ จอร์เช่น โตะ๊ ตู้ต้องไม่มมี มุ แหลมคม หากมีควรใส่อปุ กรณ์กันกระแทกทุกมุม
37
๕. ตู้วางของตา่ งๆ ต้องวางบนพื้นราบ ม่นั คง ไมล่ ม้ ง่ายเมื่อเด็กโหน หรอื ปนี ป่าย หากไม่แน่ใจว่าตู้อยู่
ในสภาพท่มี ั่นคงให้ยดึ ติดตูด้ ้วยสายยึดกบั กำแพง
๖. หมั่นตรวจสอบประตูรั้วบ้านโดยเฉพาะประตูอัลลอยด์ซึ่งมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก ว่ามีความ
ม่ันคงหรอื ไม่ ประตูอาจหลดุ จากรางและล้มทับเดก็ ไดง้ ่ายหากเดก็ ปนี ป่ายประตู
๗. พืน้ สนามเด็กเล่น ท่ีสามารถลด
ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่สมอง คือ พื้นยางสังเคราะห์หรือพื้นทรายที่ลึก ๒0 เซนติเมตรขึ้นไปหากเด็กตก
จากทสี่ งู ไดร้ ับบาดเจบ็ ทศ่ี รี ษะควรปรกึ ษาแพทย์
๔.๓ การข้ามถนน
๑. ไม่ควรให้เด็กข้ามถนนตามลำพงั ควรมผี ปู้ กครองพาข้าม
๒. ขณะเดนิ บนฟุตบาทควรให้เดก็ เดนิ เลนขวาหันหนา้ เข้าหารถเพื่อให้เห็นรถท่วี ง่ิ สวนทาง
๓.ขณะข้ามถนนให้มองซ้ายและมองขวาและก็มองซ้ายอีกทีก่อนข้ามถ้าเป็นไปได้ควรให้เด็กข้าม
บริเวณทีม่ สี ะพานลอยหรือทางมา้ ลาย
๔.๔ การจมนำ้
๑. เด็กมีโอกาสเส่ียงต่อการจมน้ำจากการเล่นนำ้ ในอ่างอาบน้ำ สระว่ายน้ำ หรือการวิง่ เล่น ใกล้แหล่ง
น้ำ เช่น สระน้ำ คลองโดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า ๕ ปีเนื่องจากการทรงตัวยังไม่ดีจึงมักล้มในท่าท่ี
ศีรษะทิ่มลงได้ง่าย ควรดูแลอย่างใกล้ชิด และควรกำจัดแหล่งน้ำที่ไม่จำเป็นในบ้านและละแวกบ้าน
ดูแลไม่ให้เด็กอยู่ใกล้แหล่งน้ำ อาจทำรั้วให้สูงและระหว่างช่องรั้ว ควรมีช่องว่างที่เด็กไม่สามารถลอด
ตวั ผา่ นเข้าไปได้
๒. สิ่งแวดล้อมที่มีแหล่งน้ำที่เด็กสามารถเข้าถึงได้บิดามารดาหรือผู้ปกครองต้องเฝ้าดูตลอดเวลา
เพราะเด็กอาจจะจมน้ำในเสย้ี วเวลาทบี่ ิดามารดา/ผู้ปกครองเผลอชวั่ ขณะทเ่ี ดินไปทำงานอืน่ ๆ
๓. สอนให้เด็กว่ายน้ำ หรือสอนการเลย้ี งตวั เองเม่อื ตกน้ำ เพือ่ สามารถโผล่พ้นนำ้ ชวั่ ขณะได้
๕. การสง่ เสริมพัฒนาการ
บดิ ามารดาหรอื ผปู้ กครองควรมีความรูเ้ กี่ยวกับกระบวนการพฒั นาการเด็ก การอบรมเลย้ี งดูเดก็
และแนวทางกระต้นุ พัฒนาการเด็ก จะชว่ ยใหบ้ ิดามารดา/ผูป้ กครองเขา้ ใจพฤตกิ รรมเด็กระหว่างปฏสิ มั พันธ์
38
กับเด็ก ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เหมาะสมกับเด็กได้เด็กควรได้รับการกระตุ้นหรือส่งเสริม
พฒั นาการอย่างต่อเนื่อง ดังน้ี
๕.๑ ในเด็กที่มีโอกาสเสี่ยงต่อพัฒนาการล่าช้า การกระตุ้นอาจเป็นการเร้าด้วยการพูดจากผู้ปกครอง
ทุกวัน การเล่นกับลูก การพูดคุย การเล่านิทานให้ฟัง มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีและแสดงความรักต่อลกู อย่างสมำ่ เสมอ
โดยการกอด อุ้ม สัมผัส พูดคุยชื่นชม และเล่นกับลูก ในบรรยากาศครอบครัวที่อบอุ่น ปราศจากความรุนแรง
จะชว่ ยสง่ เสริมให้เกดิ ความรกั ความผกู พนั ท่มี ั่นคง หากได้รับการส่งเสริมพัฒนาการหรือ กระต้นุ พัฒนาการตาม
ศักยภาพของเดก็ จากผปู้ กครองอยา่ งสม่ำเสมอและต่อเนื่องอย่างมแี บบแผน เดก็ จะมพี ฒั นาการท่ีดขี นึ้
๕.๒ การส่งเสริมการเล่น มีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก ผู้ปกครองควรส่งเสริมการเล่นตามวัย
และสนับสนุนให้เด็กรู้จักแบ่งปันของเล่นให้กับผู้อื่น และควรจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกบ้านที่
ส่งเสริมพฒั นาการเดก็ ควรมพี ืน้ ที่ให้เดก็ สามารถ เดนิ วง่ิ หรือของเลน่ ท่ีส่งเสรมิ พฒั นาการเดก็ ในด้านตา่ งๆ
๕.๓ บดิ ามารดาหรือผ้ปู กครองควรฝึกให้
เดก็ มที กั ษะสมองเพ่อื ชีวิตที่สำเรจ็ (ExecutiveFunctions หรอื EF) ซึง่ เป็นการทำงานของสมองส่วน
หนา้ ทที่ ำให้คิดเปน็ ทำงานเป็น เรียนรเู้ ป็น แก้ปญั หาเป็น อยรู่ ่วมกบั ผ้อู ื่นเปน็ และหาความสุขเป็น บิดามารดา
ควรให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยการลงมือทำ จะช่วยให้เด็กมีโอกาสฝึกคิดด้วยตนเอง ฝึกสังเกต คิดวางแผน แก้ไข
ปัญหาจากการได้ลงมือปฏิบัติเรียนรู้จากประสบการณ์ที่หลากหลาย การฝึกให้เด็กยับยั้งชั่งใจ การควบคุม
อารมณ์การคิดวิเคราะหก์ ารคดิ สร้างสรรคก์ ารมีทกั ษะสังคมร่วมมือกับคนอ่ืน
39
อา้ งอิง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4707?show=full
https://www.goodhealthdata.com/01/07/2019/meaning-of-good-
http://library.tru.ac.th/aritc-tru/images/academic/book/b64502/10chap8.pdf
https://www.miwfood.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0
%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81-5-
%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0
%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B9%89/
http://164.115.41.60/excellencecenter/?p=166
https://www.thaihealth.or.th/Content/45453-
%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0
%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8
%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%20%E0%B9%
81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%94%E0%B9%89%E0
%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8
%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.html