โครงสร้างหลกั สตู รโรงเรยี นสตรวี ดั ระฆงั ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3
ภาคเรยี นที่ 1 (หน่วยกติ / ภาคเรยี นที่ 2 (หน่วยกติ /
ชม.) รายวชิ าพน้ื ฐาน ชม.)
รายวิชาพ้นื ฐาน
ท23101 ภาษาไทย 5 11 (440) 11 (440)
ค23101 คณติ ศาสตร๑ 5 1.5 (60)
ว23101 วิทยาศาสตร๑ 5 1.5 (60) ท23102 ภาษาไทย 6 1.5 (60)
ว23103 เทคโนโลยี 5 (การออกแบบเทคโนโลยี) 1.5 (60)
ส23101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 5 1.5 (60) ค23102 คณิตศาสตร๑ 6 0.5 (20)
ส23102 พระพุทธศาสนา 5 1.0 (40)
ส23103 ประวตั ศิ าสตร5๑ 1.5 (60) ว23102 วทิ ยาศาสตร๑ 6 0.5 (20)
พ23101 สุขศึกษา 5 0.5 (20)
พ23102 พลศกึ ษา 5 0.5 (20) ว23104 เทคโนโลยี 6 (วิทยาการคานวณ) 0.5 (20
ศ23101 ศลิ ปะ5 0.5 (20
ง23101 การงานอาชพี และเทคโนโลยี 5 1.0 (40) ส23104 สงั คมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม 6 1.0 (40)
อ23101 ภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน 5 0.5 (20)
0.5 (20) ส23105 พระพทุ ธศาสนา 6 1.5 (60)
รายวชิ าเพมิ่ เติม 2.5 (100)
ส23201 อาเซียนศึกษา 0.5 (20) ส23106 ประวตั ิศาสตร๑ 6 0.5 (20)
0.5 (20)
ส23202 หน๎าที่พลเมอื ง 5 0.5 (20) พ23103 สขุ ศกึ ษา 6 0.5 (20)
1.0 (40)
จ23201 ภาษาจนี เพ่อื การสอ่ื สาร 5 0.5 (20 พ23104 พลศกึ ษา 6
60
สาระเพม่ิ เติม (เลือก 1 วชิ าตามความถนดั ) 1.0 (40) ศ23102 ศลิ ปะ6
ค23205 คณิตศาสตรเ๑ สรมิ ทักษะ 5 20
ว23298 การซอํ มบารุงคอมพวิ เตอร๑ 5 0.5 (20) ง23102 การงานอาชีพและเทคโนโลยี 6
ส23205 กฎหมายนํารู๎ 20
ศ23201 ศิลปะไทย 1 1.5 (60) อ23102 ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 6 15
ศ23202 ปพี่ าทย๑และเครื่องสาย 1 5
ศ23203 ดนตรสี ากลปฏบิ ตั ิ 1 2.5 (100) รายวชิ าเพมิ่ เตมิ 600
ศ23204 นาฏศิลป์พน้ื เมือง 1
ง23201 อาหารเพอื่ อาชีพ 0.5 (20) ส23203 ทอ๎ งถ่นิ ของเรา
อ23203 ภาษาอังกฤษในยุคดิจทิ ัล
0.5 (20) ส23204 หนา๎ ทพี่ ลเมอื ง 6
กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น
0.5 (20) จ23202 ภาษาจนี เพื่อการส่ือสาร 6
กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้
1.0 (40) สาระเพ่ิมเติม (เลอื ก 1 วชิ าตามความถนัด)
กิจกรรมแนะแนว 60 ค23206 คณิตศาสตร๑เสริมทกั ษะ 6
ว23299 การซอํ มบารุงคอมพวิ เตอร๑ 6
กจิ กรรมนกั เรยี น ส23206 ภูมศิ าสตรก๑ ารทอํ งเท่ียว
ศ23205 ศิลปะไทย 2
เนตรนารี/ยุวกาชาด ศ23206 ปพ่ี าทย๑และเคร่อื งสาย 2
ศ23207 ดนตรสี ากลปฏบิ ตั ิ 2
ชมุ นุม ศ23208 นาฏศิลปพ์ นื้ เมอื ง 2
ง23202 งานประดิษฐข๑ องชารํวย
กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน๑ อ23206 ภาษาองั กฤษเพ่อื การทางาน
รวมเวลาเรยี นท้งั ส้นิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน
กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้
20 กจิ กรรมแนะแนว
กจิ กรรมนกั เรยี น
20 เนตรนาร/ี ยวุ กาชาด
15 ชมุ นมุ
5 กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน๑
600 รวมเวลาเรียนทัง้ ส้ิน
โครงสร้างหลกั สูตรช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
กลมุ่ การเรียนวิทยาศาสตร์ – คณติ ศาสตร์
ภาคเรยี นที่ 1 (หน่วยกติ / ภาคเรียนที่ 2 (หนว่ ยกิต/
ชม.)
ชม.)
7.0
รายวชิ าพน้ื ฐาน 7.0 รายวิชาพ้นื ฐาน (280)
(280) 1.0 (40)
ท31101 ภาษาไทย 1 1.0 (40) ท31102 ภาษาไทย 2 1.0 (40)
ค31101 คณติ ศาสตร๑ 1 1.0 (40) ค31102 คณติ ศาสตร๑ 2 1.0 (40)
ว31101 วิทยาศาสตร๑ชวี ภาพ 1 1.0 (40) ว31102 วิทยาศาสตร๑ชวี ภาพ 2 0.5 (20)
ว31103 เทคโนโลยี 1 (การออกแบบ 0.5 (20) ว31104 เทคโนโลยี 2 (วิทยาการคานวณ)
เทคโนโลยี) 1.0 (40)
ส31101 สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 1 1.0 (40) ส31103 สงั คมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม 2 0.5 (20)
ส31102 ประวัติศาสตร๑ 1 0.5 (20) ส31104 ประวตั ศิ าสตร๑ 2 0.5 (20)
พ31101 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 1 0.5 (20) พ31102 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 2 0.5 (20)
ศ31101 ศลิ ปะ 1 0.5 (20) ศ31102 ศลิ ปะ 2 1.0 (40)
อ31101 ภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน 1 1.0 (40) อ31102 ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน 2
9.0
รายวชิ าเพ่มิ เติม 8.0 รายวิชาเพ่มิ เติม (380)
(340) 2.0 (80)
ค31201 คณติ ศาสตรเ๑ พิ่มเติม 1 2.0 (80) ค31203 คณติ ศาสตร๑เพ่มิ เติม 2 2.0 (80)
ว31201 ฟสิ กิ ส๑ 1 2.0 (80) ว31202 ฟิสกิ ส๑ 2 1.5 (60)
ว31221 เคมี 1 1.5 (60) ว31222 เคมี 2 1.5 (60)
ว31241 ชวี วทิ ยา 1 1.5 (60) ว31242 ชีววทิ ยา 2 0.5 (20)
ส31201 วถิ ีชาวพุทธ 1 0.5 (20) ส31204 วิถีชาวพทุ ธ 2 1.0 (40)
อ31202 ภาษาองั กฤษอําน-เขียน 1 1.0 (40) อ31204 ภาษาอังกฤษอําน-เขียน 2 1.0 (40)
I32201 การศกึ ษาคน๎ ควา๎ และสรา๎ งองคค๑ วามร๎ู 60
กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 60
กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้ กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน 20
กจิ กรรมแนะแนว 20 กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้
กิจกรรมนักเรียน กิจกรรมแนะแนว 15
ชมุ นมุ 15 กจิ กรรมนักเรยี น 20
จริยธรรม 20 ชุมนุม 5
กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน๑ 5 จรยิ ธรรม 720
รวมเวลาเรยี นท้ังส้นิ 680 กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน๑
รวมเวลาเรยี นทัง้ ส้นิ
โครงสร้างหลกั สตู รชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5
กลุ่มการเรยี นวทิ ยาศาสตร์ – คณติ ศาสตร์
ภาคเรยี นท่ี 1 (หน่วยกิต/ ภาคเรียนท่ี 2 (หนว่ ยกติ /
ชม.)
ชม.)
รายวชิ าพ้นื ฐาน 7.5 (300) รายวชิ าพน้ื ฐาน 7 (280)
ท32101 ภาษาไทย 3 1.0 (40) ท32102 ภาษาไทย 4 1.0 (40)
ค32101 คณิตศาสตร๑ 3 1.0 (40) ค32102 คณิตศาสตร4๑ 1.0 (40)
ว32101 วิทศาสตรก๑ ายภาพ 1 1.0 (40) ว32102 วทิ ศาสตรก๑ ายภาพ 2 1.0 (40)
ว32103 เทคโนโลยี 1 (การออกแบบเทคโนโลยี 0.5 (20) ส32103 สงั คมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม 4 1.0 (40)
และวทิ ยาการคานวณ)
ส32101 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 3 1.0 (40) ส32104 ประวัติศาสตร๑ 4 0.5 (20)
ส32102 ประวัตศิ าสตร3๑ 0.5 (20) พ32102 สุขศึกษาและพลศึกษา 4 0.5 (20)
พ32101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 3 0.5 (20) ศ32102 ศลิ ปะ4 0.5 (20)
ศ32101 ศลิ ปะ 3 0.5 (20) ง32102 การงานอาชพี และเทคโนโลยี 4 0.5 (20)
ง32101 การงานอาชีพและเทคโนโลยี 3 0.5 (20) อ32102 ภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน 4 1.0 (40)
อ32101 ภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน 3 1.0 (40)
9 (360) รายวชิ าเพ่ิมเตมิ 8.5 (340)
รายวชิ าเพิ่มเติม 2.0 (80) ค32203 คณิตศาสตรเ๑ พิ่มเติม 4 2.0 (80)
ค32201 คณิตศาสตรเ๑ พม่ิ เตมิ 3 1.5 (60) ว32204 ฟสิ กิ ส๑ 4 1.5 (60)
ว32203 ฟิสกิ ส๑ 3 1.5 (60) ว32224 เคมี 4 1.5 (60)
ว32223 เคมี 3 1.5 (60) ว32244 ชวี วิทยา 4 1.5 (60)
ว32243 ชีววิทยา 3 0.5 (20) ว32299 คอมพวิ เตอร๑ 0.5 (20)
ส32203 หน๎าท่พี ลเมอื ง 1 1.0 (40) ส32207 หนา๎ ทีพ่ ลเมอื ง 2 0.5 (20)
อ32202 ภาษาองั กฤษอาํ น-เขยี น 3 1.0 (40) อ32204 ภาษาอังกฤษอาํ น-เขียน 4 1.0 (40)
I32202 การสือ่ สารและการนาเสนอ
60 กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน 60
กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้
กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ 20 กิจกรรมแนะแนว 20
กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรยี น
กจิ กรรมนกั เรยี น 15 ชุมนุม 15
ชมุ นุม 20 จรยิ ธรรม 20
จรยิ ธรรม 5 กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน๑ IS3 5
กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน๑ 720 รวมเวลาเรียนท้ังสนิ้ 680
รวมเวลาเรยี นทงั้ ส้นิ
โครงสรา้ งหลกั สูตรชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6
กลุ่มการเรียนวทิ ยาศาสตร์ – คณติ ศาสตร์
ภาคเรียนท่ี 1 (หนว่ ยกติ / ภาคเรียนที่ 2 (หนว่ ยกิต/
ชม.)
ชม.)
6.5 (260)
รายวิชาพื้นฐาน 6.0 (240) รายวชิ าพืน้ ฐาน 1.0 (40)
ท33101 ภาษาไทย 5 1.0 (40) ท33102 ภาษาไทย 6 1.0 (40)
ค33101 คณิตศาสตร๑ 5 1.0 (40) ค33102 คณิตศาสตร๑ 6 1.0 (40)
ว33101 วิทยาศาสตรโ๑ ลกและอวกาศ 1 1.0 (40) ว33102 วิทยาศาสตรโ๑ ลกและอวกาศ 1 0.5 (20)
ส33101 สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 5 1.0 (40) ว33104 เทคโนโลยี 2 (วทิ ยาการคานวณ) 1.0 (40)
พ33101 สุขศึกษาและพลศกึ ษา 5 0.5 (20) ส33102 สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 6 0.5 (20)
ศ33101 ศลิ ปะ 5 0.5 (20) พ33102 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 6 0.5 (20)
อ33101 ภาษาองั กฤษพื้นฐาน5 1.0 (40) ศ33102 ศิลปะ 6 1.0 (40)
อ33102 ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน6 8.0 (320)
รายวิชาเพ่มิ เติม 8.5 (340) 1.5 (60)
ค33201 คณติ ศาสตรเ๑ พม่ิ เติม 5 1.5 (60) รายวชิ าเพ่มิ เตมิ 1.5 (60)
ว33205 ฟิสกิ ส๑ 5 1.5 (60) ค33203 คณิตศาสตร๑เพ่มิ เติม 6 1.5 (60)
ว33225 เคมี 5 1.5 (60) ว33206 ฟิสิกส๑ 6 1.5 (60)
ว33245 ชวี วิทยา 5 1.5 (60) ว33226 เคมี 6 0.5 (20)
ส33202 หน๎าที่พลเมอื ง 3 0.5 (20) ว33246 ชวี วิทยา 6 0.5 (20)
ว33298 คอมพิวเตอร๑ 1 1.0 (40) ส33205 หน๎าท่ีพลเมือง 4 1.0 (40)
อ33203 ภาษาองั กฤษอาํ น-เขยี น 5 1.0 (40) ว33299 คอมพิวเตอร๑ 2
อ33204 ภาษาองั กฤษอําน-เขียน 6
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น 60 กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น 60
กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้ กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้
กจิ กรรมแนะแนว 20
กิจกรรมนกั เรียน 20 กจิ กรรมแนะแนว
ชมุ นุม กิจกรรมนักเรียน 15
จริยธรรม 20
กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน๑ 15 ชุมนมุ 5
รวมเวลาเรียนทง้ั สน้ิ 20 จริยธรรม 640
5 กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน๑
640 รวมเวลาเรียนทั้งสิ้น
โครงสร้างหลกั สูตรชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
กลมุ่ การเรียนภาษาองั กฤษ-คณติ ศาสตร์
ภาคเรยี นที่ 1 (หน่วยกติ / ภาคเรียนที่ 2 (หนว่ ยกิต/
ชม.)
ชม.)
7.0 (280)
รายวิชาพื้นฐาน 7.0 (280) รายวิชาพื้นฐาน 1.0 (40)
ท31101 ภาษาไทย 1 1.0 (40) ท31102 ภาษาไทย 2 1.0 (40)
ค31101 คณิตศาสตร๑ 1 1.0 (40) ค31102 คณิตศาสตร๑ 2 1.0 (40)
ว31101 วิทยาศาสตรช๑ ีวภาพ 1 1.0 (40) ว31102 วทิ ยาศาสตร๑ชวี ภาพ 2 0.5 (20)
ว31103 เทคโนโลยี 1 (การออกแบบ 0.5 (20) ว31104 เทคโนโลยี 2 (วิทยาการคานวณ)
เทคโนโลย)ี 1.0 (40)
ส31101 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 1.0 (40) ส31103 สงั คมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม 2
1 0.5 (20)
ส31102 ประวตั ิศาสตร๑ 1 0.5 (20) ส31104 ประวัตศิ าสตร๑ 2 0.5 (20)
พ31101 สุขศึกษาและพลศกึ ษา 1 0.5 (20) พ31102 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 2 0.5 (20)
ศ31101 ศิลปะ 1 0.5 (20) ศ31102 ศลิ ปะ 2 1.0 (40)
อ31101 ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน 1 1.0 (40) อ31102 ภาษาองั กฤษพื้นฐาน 2 8 (360)
7 (280) 1.0 (40)
รายวชิ าเพมิ่ เตมิ 1.0 (40) รายวิชาเพ่มิ เตมิ 2.0 (80)
ท31201 การพูด 2.0 (80) ท31203 การอาํ น 0.5 (20)
0.5 (20) ค31203 คณติ ศาสตร๑เพ่ิมเติม 2 0.5 (20)
ค31201 คณติ ศาสตรเ๑ พิม่ เตมิ 1 0.5 (20) ส31204 วถิ ีชาวพุทธ 2 1.0 (40)
1.0 (40) ส31205 นักกฎหมายรนุํ เยาว๑ 2 1.0 (40)
ส31201 วถิ ชี าวพทุ ธ 1 1.0 (40) อ31203 ภาษาอังกฤษฟ๓ง-พูด 2 1.0 (40)
1.0 (40) อ31204 ภาษาองั กฤษอาํ น-เขียน 2 1.0 (40)
ส31202 นกั กฎหมายรํนุ เยาว๑ 1 จ31204 ภาษาจนี เพื่อการสอ่ื สาร 2
อ31201 ภาษาองั กฤษฟง๓ -พูด 1
อ31202 ภาษาองั กฤษอาํ น-เขียน 1
จ31203 ภาษาจนี เพ่ือการสอ่ื สาร 1
I32201 การศึกษาค๎นควา๎ และสรา๎ งองคค๑ วามร๎ู
กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน 60 กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น 60
กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้ กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้
กิจกรรมแนะแนว 20
กิจกรรมนกั เรียน 20 กิจกรรมแนะแนว
ชุมนุม กจิ กรรมนักเรียน 15
จริยธรรม 20
กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน๑ 15 ชมุ นุม 5
รวมเวลาเรยี นท้ังสน้ิ 20 จริยธรรม 660
5 กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน๑
620 รวมเวลาเรยี นทัง้ สน้ิ
โครงสร้างหลกั สตู รช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5
กลมุ่ การเรยี นภาษาอังกฤษ-คณติ ศาสตร์
ภาคเรียนที่ 1 (หน่วยกิต/ ภาคเรยี นที่ 2 (หน่วยกติ /
ชม.)
ชม.)
7 (280)
รายวิชาพืน้ ฐาน 7.5 (300) รายวชิ าพนื้ ฐาน 1.0 (40)
ท32101 ภาษาไทย 3 1.0 (40) ท32102 ภาษาไทย 4 1.0 (40)
ค32101 คณติ ศาสตร๑ 3 1.0 (40) ค32102 คณิตศาสตร4๑ 1.0 (40)
ว32101 วทิ ศาสตร๑กายภาพ 1 1.0 (40) ว32102 วิทศาสตรก๑ ายภาพ 2 1.0 (40)
ว32103 เทคโนโลยี 1 (การออกแบบเทคโนโลยี 0.5 (20) ส32103 สงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม 4
และวทิ ยาการคานวณ) 0.5 (20)
ส32101 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 3 1.0 (40) ส32104 ประวตั ศิ าสตร๑ 4 0.5 (20)
ส32102 ประวตั ิศาสตร3๑ 0.5 (20) พ32102 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 4 0.5 (20)
พ32101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 3 0.5 (20) ศ32102 ศลิ ปะ4 0.5 (20)
ศ32101 ศิลปะ 3 0.5 (20) ง32102 การงานอาชีพและเทคโนโลยี 4 1.0 (40)
ง32101 การงานอาชพี และเทคโนโลยี 3 0.5 (20) อ32102 ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน 4
อ32101 ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน 3 1.0 (40) 8.5 (340)
9.0 (360) รายวิชาเพ่มิ เตมิ 1.0 (40)
รายวชิ าเพิม่ เติม 1.0 (40) ท32204 การฟง๓ และดู 2.0 (80)
ท32201 หลกั การใช๎ภาษาไทย 2.0 (80) ค32203 คณิตศาสตร๑เพิ่มเติม 4 0.5 (20)
ค32201 คณิตศาสตรเ๑ พ่ิมเตมิ 3 0.5 (20) ว32299 คอมพวิ เตอร๑ 0.5 (2 0)
ส32201 วิถีชาวพุทธ 3 0.5 (20) ส32205 วถิ ีชาวพทุ ธ 4 0.5 (20)
ส32202 ถน่ิ ฐานยํานฝ๓่งธน 0.5 (20) ส32206 ภูมิป๓ญญาทอ๎ งถ่ินธนบรุ ี 0.5 (20)
ส32203 หน๎าทพ่ี ลเมอื ง 1 0.5 (20) ส32207 หน๎าที่พลเมอื ง 2 0.5 (20)
ง32201 งานใบตองและดอกไมส๎ ด 1.0 (40) ง32203 เครือ่ งแขวน 1.0 (40)
อ32201 ภาษาอังกฤษฟง๓ พดู 3 1.0 (40) อ32203 ภาษาองั กฤษฟง๓ พูด 4 1.0 (40)
1.0 (40) อ32204 ภาษาอังกฤษอํานเขยี น 4 1.0 (40)
อ32202 ภาษาองั กฤษอาํ นเขียน 3 1.0 (40) จ32204 ภาษาจีนเพอื่ การส่อื สาร 4
จ32203 ภาษาจนี เพือ่ การส่อื สาร 3 60
60 กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
I32202 การส่ือสารและการนาเสนอ กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ 20
กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น 20 กิจกรรมแนะแนว
กจิ กรรมนกั เรยี น 20
กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ 20 ชุมนมุ 15
15 จรยิ ธรรม 5
กจิ กรรมแนะแนว 5 กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน๑ IS 3 680
720
กิจกรรมนักเรียน รวมเวลาเรยี นทง้ั สิ้น
ชมุ นุม
จรยิ ธรรม
กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน๑
รวมเวลาเรยี นทง้ั สิ้น
โครงสร้างหลกั สตู รชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6
กล่มุ การเรยี นภาษาองั กฤษ-คณิตศาสตร์
ภาคเรียนที่ 1 (หน่วยกิต/ ภาคเรียนท่ี 2 (หนว่ ยกิต/
ชม.)
รายวิชาพ้นื ฐาน ชม.)
ท33101 ภาษาไทย 5 6.5 (260)
ค33101 คณติ ศาสตร๑ 5 6.0 (240) รายวชิ าพนื้ ฐาน 1.0 (40)
ว33101 วทิ ยาศาสตรโ๑ ลกและอวกาศ 1.0 (40)
1 1.0 (40) ท33102 ภาษาไทย 6 1.0 (40)
ส33101 สงั คมศึกษา ศาสนาและ
วฒั นธรรม 5 1.0 (40) ค33102 คณติ ศาสตร๑ 6 0.5 (20)
พ33101 สุขศึกษาและพลศึกษา 5
1.0 (40) ว33102 วทิ ยาศาสตรโ๑ ลกและอวกาศ 1 1.0 (40)
ศ33101 ศิลปะ 5
อ33101 ภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน5 1.0 (40) ว33104 เทคโนโลยี 2 (วทิ ยาการคานวณ) 0.5 (20)
0.5 (20)
รายวิชาเพ่ิมเติม 0.5 (20) ส33102 สงั คมศึกษา ศาสนาและ 1.0 (40)
ท33201 การเขียน 7.5 (300)
ค33201 คณิตศาสตรเ๑ พม่ิ เติม 5 วฒั นธรรม 6 1.0 (40)
ส33201 อาเซยี นศึกษา 1.5 (60)
ส33202 หน๎าทพี่ ลเมือง 3 0.5 (20) พ33102 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 6 1.0 (40)
ว33298 คอมพวิ เตอร๑ 1 0.5 (20)
อ33201 ภาษาองั กฤษฟ๓ง-พดู 5 1.0 (40) ศ33102 ศลิ ปะ 6 0.5 (20)
อ33202 ภาษาอังกฤษอาํ น-เขยี น 5 1.0 (40)
จ33203 ภาษาจนี เพ่อื การส่ือสาร 5 อ33102 ภาษาอังกฤษพื้นฐาน6 1.0 (40)
1.0 (40)
8.0 (320) รายวชิ าเพม่ิ เติม
1.0 (40) ท33203 วิเคราะหว๑ รรณกรรมป๓จจุบัน
1.5 (60) ค33203 คณติ ศาสตรเ๑ พิม่ เติม 6
1.0 (40) ส33204 ศาสนาสากล
0.5 (20) ส33205 หน๎าทพี่ ลเมือง 4
1.0 (40) ว33299 คอมพิวเตอร๑ 2
1.0 (40) อ33203 ภาษาองั กฤษฟง๓ -พูด 6
1.0 (40) อ33204 ภาษาองั กฤษอาํ น-เขยี น 6
1.0 (40) จ33204 ภาษาจนี เพื่อการส่ือสาร 6
กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 60 กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น 60
กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้ กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
20
กิจกรรมแนะแนว 20 กจิ กรรมแนะแนว
20
กิจกรรมนักเรยี น กจิ กรรมนักเรยี น 15
5
ชุมนุม 20 ชุมนุม
620
จรยิ ธรรม 15 จรยิ ธรรม
กิจกรรมเพื่อสังคมและ 5 กิจกรรมเพอ่ื สังคมและ
สาธารณประโยชน๑ สาธารณประโยชน๑
รวมเวลาเรยี นทงั้ ส้นิ
620 รวมเวลาเรยี นทั้งส้นิ
ภาคเรยี นที่ 1 โครงสร้างหลกั สูตรช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 (หน่วย
กลมุ่ การเรยี นภาษาอังกฤษ-ภาษาจนี กติ /ชม.)
(หน่วย ภาคเรียนท่ี 2 7.0
(280)
กิต/ชม.) 1.0 (40)
1.0 (40)
รายวชิ าพ้ืนฐาน 7.0 รายวิชาพืน้ ฐาน 1.0 (40)
0.5 (20)
(280)
1.0 (40)
ท31101 ภาษาไทย 1 1.0 (40) ท31102 ภาษาไทย 2
0.5 (20)
ค31101 คณิตศาสตร๑ 1 1.0 (40) ค31102 คณิตศาสตร๑ 2 0.5 (20)
0.5 (20)
ว31101 วทิ ยาศาสตร๑ชีวภาพ 1 1.0 (40) ว31102 วิทยาศาสตรช๑ ีวภาพ 2 1.0 (40)
ว31103 เทคโนโลยี 1 (การออกแบบ 0.5 (20) ว31104 เทคโนโลยี 2 (วิทยาการคานวณ) 7.5
(300)
เทคโนโลยี) 1.0 (40)
0.5 (20)
ส31101 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 1.0 (40) ส31103 สงั คมศึกษาศาสนาและ 0.5 (20)
1 วัฒนธรรม 2 1.0 (40)
1.0 (40)
ส31102 ประวัตศิ าสตร๑ 1 0.5 (20) ส31104 ประวตั ิศาสตร๑ 2 1.5 (60)
1.0 (40)
พ31101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 1 0.5 (20) พ31102 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 2 1.0 (40)
ศ31101 ศลิ ปะ 1 0.5 (20) ศ31102 ศลิ ปะ 2
อ31101 ภาษาองั กฤษพื้นฐาน 1 1.0 (40) อ31102 ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน 2
รายวชิ าเพม่ิ เติม 6.5 รายวชิ าเพม่ิ เติม
(260)
ท31201 การพดู 1.0 (40) ท31203 การอําน
ส31201 วิถีชาวพุทธ 1 0.5 (20) ส31204 วิถชี าวพุทธ 2
ส31202 นกั กฎหมายรํุนเยาว๑ 1 0.5 (20) ส31205 นักกฎหมายรนุํ เยาว๑ 2
อ31201 ภาษาอังกฤษฟง๓ -พดู 1 1.0 (40) อ31203 ภาษาอังกฤษฟง๓ -พูด 2
อ31202 ภาษาอังกฤษอาํ น-เขยี น 1 1.0 (40) อ31204 ภาษาองั กฤษอําน-เขียน 2
จ31201 ภาษาจีน1 1.5 (60) จ31202 ภาษาจีน 2
จ31203 ภาษาจนี ฟง๓ – พูด 1 1.0 (40) จ31204 ภาษาจนี ฟง๓ – พดู 2
I32201 การศกึ ษาคน๎ ควา๎ และสรา๎ งองค๑
ความร๎ู
กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน 60 กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น 60
กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้
กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้ 20
กิจกรรมนักเรียน
20 กจิ กรรมแนะแนว 15
ชุมนมุ กิจกรรมนักเรยี น 20
จริยธรรม 5
กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน๑ 15 ชมุ นมุ
680
รวมเวลาเรียนทงั้ ส้ิน 20 จรยิ ธรรม
5 กิจกรรมเพ่ือสังคมและ
สาธารณประโยชน๑
640 รวมเวลาเรยี นท้ังสน้ิ
โครงสร้างหลกั สูตรชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5
กลุม่ การเรียนภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน
ภาคเรียนที่ 1 (หน่วยกิต/ ภาคเรยี นที่ 2 (หน่วย
กติ /ชม.)
ชม.)
7 (280)
รายวชิ าพนื้ ฐาน 7.5 (300) รายวิชาพื้นฐาน 1.0 (40)
ท32101 ภาษาไทย 3 1.0 (40) ท32102 ภาษาไทย 4 1.0 (40)
1.0 (40) ค32102 คณิตศาสตร4๑ 1.0 (40)
ค32101 คณติ ศาสตร๑ 3 1.0 (40) ว32102 วิทศาสตรก๑ ายภาพ 2 1.0 (40)
ว32101 วิทศาสตรก๑ ายภาพ 1 0.5 (20) ส32103 สังคมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม 4
0.5 (20)
ว32103 เทคโนโลยี 1 (การออกแบบเทคโนโลยี 1.0 (40) ส32104 ประวัตศิ าสตร๑ 4 0.5 (20)
และวิทยาการคานวณ) 0.5 (20) พ32102 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 4 0.5 (20)
ส32101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 3 0.5 (20) ศ32102 ศลิ ปะ4 0.5 (20)
ส32102 ประวตั ศิ าสตร3๑ 0.5 (20) ง32102 การงานอาชีพและเทคโนโลยี 4 1.0 (40)
0.5 (20) อ32102 ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 4
พ32101 สุขศึกษาและพลศึกษา 3 1.0 (40)
ศ32101 ศลิ ปะ 3
ง32101 การงานอาชีพและเทคโนโลยี 3
อ32101 ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน 3
รายวชิ าเพ่มิ เตมิ 8.5 (340) รายวิชาเพ่มิ เตมิ 8.0
(320)
ท32201 หลักการใชภ๎ าษาไทย 1.0 (40) ท32202 การฟง๓ และดู 1.0 (40)
ส32201 วถิ ีชาวพุทธ 3 0.5 (20) ว32299 คอมพิวเตอร๑ 0.5 (20)
ส32202 ถน่ิ ฐานยาํ นฝ่๓งธน 0.5 (20) ส32205 วิถีชาวพทุ ธ 4 0.5 (20)
ส32203 หน๎าทีพ่ ลเมอื ง 1 0.5 (20) ส32206 ภมู ปิ ญ๓ ญาท๎องถน่ิ ธนบรุ ี 0.5 (20)
ง32201 งานใบตองและดอกไมส๎ ด 0.5 (20) ส32207 หน๎าท่พี ลเมือง 2 0.5 (20)
อ32201 ภาษาองั กฤษฟ๓ง-พดู 3 1.0 (40) ง32203 เครือ่ งแขวน 0.5 (20)
อ32202 ภาษาองั กฤษอาํ น-เขยี น 3 1.0 (40) อ32203 ภาษาองั กฤษฟง๓ -พดู 4 1.0 (40)
จ32201 ภาษาจนี 3 1.5 (60) อ32204 ภาษาองั กฤษอําน-เขยี น 4 1.0 (40)
จ32203 ภาษาจีนฟ๓ง – พดู 3 1.0 (40) จ32202 ภาษาจนี 4 1.5 (60)
I32202 การสือ่ สารและการนาเสนอ 1.0 (40) จ32204 ภาษาจนี ฟ๓ง – พูด 4 1.0 (40)
60
กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น 60 กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น
กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้ 20
กจิ กรรมแนะแนว 20 กิจกรรมแนะแนว
กิจกรรมนกั เรยี น กิจกรรมนกั เรียน 15
ชมุ นุม 15 ชุมนุม 20
จริยธรรม 20 จรยิ ธรรม 5
กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน๑ 5 กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน๑ IS3 660
รวมเวลาเรยี นท้ังส้ิน 700 รวมเวลาเรยี นทงั้ สิ้น
โครงสรา้ งหลกั สตู รชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6
กลุ่มการเรียนภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน
ภาคเรียนที่ 1 (หน่วยกติ / ภาคเรยี นท่ี 2 (หนว่ ยกติ /
ชม.)
ชม.)
6.5 (260)
รายวชิ าพ้ืนฐาน 6.0 (240) รายวิชาพืน้ ฐาน 1.0 (40)
1.0 (40)
ท33101 ภาษาไทย 5 1.0 (40) ท33102 ภาษาไทย 6 1.0 (40)
0.5 (20)
ค33101 คณติ ศาสตร๑ 5 1.0 (40) ค33102 คณิตศาสตร๑ 6 1.0 (40)
0.5 (20)
ว33101 วิทยาศาสตรโ๑ ลกและอวกาศ 1 1.0 (40) ว33102 วทิ ยาศาสตรโ๑ ลกและอวกาศ 1 0.5 (20)
ส33101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 5 1.0 (40) ว33104 เทคโนโลยี 2 (วทิ ยาการคานวณ) 1.0 (40)
7.5 (300)
พ33101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 5 0.5 (20) ส33102 สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 6 1.0 (40)
ศ33101 ศลิ ปะ 5 0.5 (20) พ33102 สุขศึกษาและพลศกึ ษา 6 1.0 (40)
อ33101 ภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน5 1.0 (40) ศ33102 ศลิ ปะ 6 0.5 (20)
อ33102 ภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน6 0.5 (20)
รายวิชาเพิม่ เตมิ 8.0 (320) รายวชิ าเพม่ิ เติม 1.0 (40)
1.0 (40)
ท33201 การเขยี น 1.0 (40) ท33203 วเิ คราะห๑วรรณกรรมปจ๓ จบุ ัน 1.5 (60)
1.0 (40)
ส33201 อาเซียนศึกษา 1.0 (40) ส33204 ศาสนาสากล
ส33202 หนา๎ ท่พี ลเมือง 5 0.5 (20) ส33205 หน๎าทพ่ี ลเมอื ง 6
ว33298 คอมพิวเตอร๑ 1 1.0 (40) ว33299 คอมพวิ เตอร๑ 2
อ33201 ภาษาอังกฤษฟ๓ง-พูด 5 1.0 (40) อ33203 ภาษาองั กฤษฟ๓ง-พูด 6
อ33202 ภาษาองั กฤษอาํ น-เขียน 5 1.0 (40) อ33204 ภาษาองั กฤษอาํ น-เขยี น 6
จ33201 ภาษาจีน5 1.5 (60) จ33203 ภาษาจีน 6
จ33202 ภาษาจีนฟ๓ง – พดู 5 1.0 (40) จ33204 ภาษาจนี ฟง๓ – พดู 6
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน 60 กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น 60
กิจกรรมลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้ กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้
กิจกรรมแนะแนว 20
กจิ กรรมนักเรยี น 20 กิจกรรมแนะแนว
ชุมนมุ กิจกรรมนักเรียน 15
จรยิ ธรรม 20
กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน๑ 15 ชุมนุม 5
รวมเวลาเรียนทง้ั สนิ้ 20 จริยธรรม 620
5 กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน๑
620 รวมเวลาเรยี นท้ังสิ้น
โครงสรา้ งหลกั สูตรชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
กลุม่ การเรยี นภาษาองั กฤษ-ภาษาฝรั่งเศส
ภาคเรยี นที่ 1 (หนว่ ยกิต/ ภาคเรยี นที่ 2 (หน่วยกิต/
ชม.)
ชม.)
7.0 (280)
รายวชิ าพนื้ ฐาน 7.0 (280) รายวชิ าพ้นื ฐาน 1.0 (40)
ท31101 ภาษาไทย 1 1.0 (40) ท31102 ภาษาไทย 2 1.0 (40)
ค31101 คณิตศาสตร๑ 1 1.0 (40) ค31102 คณติ ศาสตร๑ 2 1.0 (40)
ว31101 วิทยาศาสตร๑ชวี ภาพ 1 1.0 (40) ว31102 วทิ ยาศาสตรช๑ วี ภาพ 2 0.5 (20)
ว31103 เทคโนโลยี 1 (การออกแบบ 0.5 (20) ว31104 เทคโนโลยี 2 (วิทยาการคานวณ)
เทคโนโลยี) 1.0 (40)
ส31101 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 1 1.0 (40) ส31103 สงั คมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม 2 0.5 (20)
ส31102 ประวัตศิ าสตร๑ 1 0.5 (20)
พ31101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 1 0.5 (20) ส31104 ประวัติศาสตร๑ 2 0.5 (20)
ศ31101 ศลิ ปะ 1 1.0 (40)
อ31101 ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน 1 0.5 (20) พ31102 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 2 7.5 (300)
1.0 (40)
รายวิชาเพิม่ เติม 0.5 (20) ศ31102 ศลิ ปะ 2 0.5 (20)
ท31201 การพดู 0.5 (20)
1.0 (40) อ31102 ภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน 2 1.0 (40)
ส31201 วถิ ีชาวพุทธ 1 1.0 (40)
6.5 (260) รายวชิ าเพ่มิ เตมิ 2.5 (100)
ส31202 นกั กฎหมายรนุํ เยาว๑ 1 1.0 (40)
1.0 (40) ท31203 การอําน
อ31201 ภาษาอังกฤษฟง๓ -พูด 1
อ31202 ภาษาอังกฤษอาํ น-เขียน 1 0.5 (20) ส31204 วถิ ชี าวพทุ ธ 2
ฝ31201 ภาษาฝรั่งเศส1
0.5 (20) ส31205 นักกฎหมายรุํนเยาว๑ 2
1.0 (40) อ31203 ภาษาอังกฤษฟ๓ง-พดู 2
1.0 (40) อ31204 ภาษาองั กฤษอําน-เขียน 2
2.5 (100) ฝ31202 ภาษาฝรง่ั เศส 2
I32201 การศกึ ษาคน๎ คว๎าและสรา๎ งองค๑ความร๎ู
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน 60 กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น 60
กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้
กจิ กรรมแนะแนว 20
กจิ กรรมนักเรียน 20 กจิ กรรมแนะแนว
ชุมนุม กจิ กรรมนักเรยี น 15
จริยธรรม 20
กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน๑ 15 ชุมนุม 5
รวมเวลาเรียนทงั้ ส้นิ 20 จริยธรรม 680
5 กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน๑
640 รวมเวลาเรียนทงั้ ส้ิน
โครงสรา้ งหลกั สูตรชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5
กลุม่ การเรยี นภาษาอังกฤษ-ภาษาฝรัง่ เศส
ภาคเรียนที่ 1 (หน่วยกติ / ภาคเรยี นท่ี 2 (หนว่ ยกติ /
ชม.)
ชม.)
รายวชิ าพื้นฐาน 7.5 (300) รายวิชาพื้นฐาน 7 (280)
1.0 (40) ท32102 ภาษาไทย 4 1.0 (40)
ท32101 ภาษาไทย 3 1.0 (40) ค32102 คณิตศาสตร4๑ 1.0 (40)
ค32101 คณิตศาสตร๑ 3 1.0 (40) ว32102 วทิ ศาสตร๑กายภาพ 2 1.0 (40)
0.5 (20) ส32103 สงั คมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม 4 1.0 (40)
ว32101 วิทศาสตรก๑ ายภาพ 1
ว32103 เทคโนโลยี 1 (การออกแบบ
เทคโนโลยี และวทิ ยาการคานวณ)
ส32101 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 3 1.0 (40) ส32104 ประวัติศาสตร๑ 4 0.5 (20)
ส32102 ประวตั ศิ าสตร3๑ 0.5 (20) พ32102 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 4 0.5 (20)
พ32101 สุขศึกษาและพลศกึ ษา 3 0.5 (20) ศ32102 ศิลปะ4 0.5 (20)
ศ32101 ศลิ ปะ 3 0.5 (20) ง32102 การงานอาชพี และเทคโนโลยี 4 0.5 (20)
ง32101 การงานอาชีพและเทคโนโลยี 3 0.5 (20) อ32102 ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 4 1.0 (40)
อ32101 ภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน 3 1.0 (40)
8.5 (340) รายวชิ าเพม่ิ เตมิ 8.0 (320)
รายวิชาเพิ่มเตมิ 1.0 (40) ท32202 การฟง๓ และดู 1.0 (40)
ท32201 หลกั การใช๎ภาษาไทย 0.5 (20) ว32299 คอมพิวเตอร๑ 0.5 (20)
ส32201 วิถีชาวพุทธ 3 0.5 (20) ส32205 วถิ ชี าวพทุ ธ 4 0.5 (20)
ส32202 ถิ่นฐานยํานฝ่๓งธน 0.5 (20) ส32206 ภูมิปญ๓ ญาทอ๎ งถิ่นธนบรุ ี 0.5 (20)
ส32203 หน๎าที่พลเมือง 1 0.5 (20) ส32207 หนา๎ ทีพ่ ลเมอื ง 2 0.5 (20)
ง32201 งานใบตองและดอกไมส๎ ด 1.0 (40) ง32203 เครือ่ งแขวน 0.5 (20)
อ32201 ภาษาองั กฤษฟง๓ -พดู 3 1.0 (40) อ32203 ภาษาอังกฤษฟง๓ -พดู 4 1.0 (40)
อ32202 ภาษาองั กฤษอําน-เขยี น 3 2.5 (100) อ32204 ภาษาองั กฤษอาํ น-เขยี น 4 1.0 (40)
ฝ32201 ภาษาฝรง่ั เศส 3 1.0 (40) ฝ32202 ภาษาฝรง่ั เศส 4 2.5 (100)
I32202 การส่อื สารและการนาเสนอ
60 กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น 60
กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้ 20 กจิ กรรมแนะแนว 20
กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรยี น
กิจกรรมนักเรยี น 15 ชุมนุม 15
ชุมนุม 20 จริยธรรม 20
จริยธรรม 5 กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน๑ IS3 5
กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน๑ 700 รวมเวลาเรยี นทั้งสิน้ 660
รวมเวลาเรยี นท้ังส้ิน
โครงสร้างหลกั สตู รช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6
กลมุ่ การเรยี นภาษาอังกฤษ-ภาษาฝรง่ั เศส
ภาคเรียนที่ 1 (หนว่ ยกติ / ภาคเรยี นที่ 2 (หน่วยกิต/
ชม.)
ชม.)
6.5 (260)
รายวิชาพ้ืนฐาน 6.0 (240) รายวชิ าพื้นฐาน 1.0 (40)
ท33101 ภาษาไทย 5 1.0 (40) ท33102 ภาษาไทย 6 1.0 (40)
ค33101 คณติ ศาสตร๑ 5 1.0 (40) ค33102 คณิตศาสตร๑ 6 1.0 (40)
ว33101 วิทยาศาสตร๑โลกและอวกาศ 1 1.0 (40) ว33102 วทิ ยาศาสตรโ๑ ลกและอวกาศ 1 0.5 (20)
ส33101 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 5 1.0 (40) ว33104 เทคโนโลยี 2 (วทิ ยาการคานวณ) 1.0 (40)
พ33101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 5 0.5 (20) ส33102 สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 6 0.5 (20)
ศ33101 ศลิ ปะ 5 0.5 (20) พ33102 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 6 0.5 (20)
อ33101 ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน5 1.0 (40) ศ33102 ศิลปะ 6 1.0 (40)
อ33102 ภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน6 8.5 (340)
รายวิชาเพ่ิมเติม 9.0 (360) 1.0 (40)
ท33201 การเขียน 1.0 (40) รายวชิ าเพ่มิ เติม 1.0 (40)
ส33201 อาเซยี นศกึ ษา 1.0 (40) ท 33203 วเิ คราะหว๑ รรณกรรมป๓จจบุ นั 0.5 (20)
ส33202 หนา๎ ท่ีพลเมอื ง 5 0.5 (20) 0.5 (20)
ว33298 คอมพวิ เตอร๑ 1 1.0 (40) ส33204 ศาสนาสากล 1.0 (40)
อ33201 ภาษาองั กฤษฟ๓ง-พดู 5 1.0 (40) ส33205 หน๎าท่พี ลเมือง 6 1.0 (40)
อ33202 ภาษาองั กฤษอําน-เขียน 5 1.0 (40) 2.0 (80)
ฝ33201 ภาษาฝรง่ั เศส 5 2.0 (80) ว33299 คอมพิวเตอร๑ 2 1.5 (60)
ฝ33202 ภาษาฝร่ังเศสเพอื่ การทํองเทยี่ ว 1 1.5 (60)
อ33203 ภาษาองั กฤษฟง๓ -พดู 6
อ33204 ภาษาองั กฤษอําน-เขยี น 6
ฝ33203 ภาษาฝร่งั เศส 6
ฝ32204 ภาษาฝรั่งเศสเพ่อื การทํองเทย่ี ว 2
กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน 60 กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น 60
กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้
กิจกรรมแนะแนว 20
กิจกรรมนักเรยี น 20 กจิ กรรมแนะแนว
ชมุ นุม กิจกรรมนักเรยี น 15
จริยธรรม 20
กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน๑ 15 ชมุ นุม 5
รวมเวลาเรียนทัง้ ส้ิน 20 จรยิ ธรรม 660
5 กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน๑
660 รวมเวลาเรยี นท้ังสนิ้
โครงสร้างหลกั สูตรชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ปีการศกึ ษา 2564
กลุ่มการเรยี นภาษาอังกฤษ – สงั คมศึกษา – ธรุ กจิ
ภาคเรยี นที่ 1 (หน่วยกิต/ ภาคเรียนที่ 2 (หนว่ ยกิต/
ชม.)
ชม.)
7.0 (280)
รายวชิ าพ้ืนฐาน 7.0 (280) รายวชิ าพ้นื ฐาน 1.0 (40)
ท31101 ภาษาไทย 1 1.0 (40) ท31102 ภาษาไทย 2 1.0 (40)
1.0 (40) ค31102 คณิตศาสตร๑ 2 1.0 (40)
ค31101 คณิตศาสตร๑ 1 1.0 (40) ว31102 วทิ ยาศาสตร๑ชีวภาพ 2 0.5 (20)
ว31101 วทิ ยาศาสตร๑ชีวภาพ 1 0.5 (20) ว31104 เทคโนโลยี 2 (วิทยาการคานวณ)
1.0 (40)
ว31103 เทคโนโลยี 1 (การออกแบบ 1.0 (40) ส31103 สังคมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม 2 0.5 (20)
เทคโนโลยี) 0.5 (20)
ส31101 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 1 0.5 (20) ส31104 ประวัตศิ าสตร๑ 2 0.5 (20)
ส31102 ประวัตศิ าสตร๑ 1 1.0 (40)
0.5 (20) พ31102 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 2
พ31101 สขุ ศึกษาและพลศึกษา 1 7.0
ศ31101 ศลิ ปะ 1 0.5 (20) ศ31102 ศลิ ปะ 2 (280)
1.0 (40)
อ31101 ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน 1 1.0 (40) อ31102 ภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน 2 0.5 (20)
รายวิชาเพ่มิ เตมิ 0.5 (20)
6.0 (240) รายวชิ าเพิ่มเติม 1.0 (40)
1.0 (40)
ท31201 การพดู 1.0 (40) ท31203 การอําน 1.0 (40)
ส31201 วถิ ีชาวพุทธ 1 0.5 (20) ส31204 วถิ ชี าวพุทธ 2 1.0 (40)
ส31202 นกั กฎหมายรนํุ เยาว๑ 1 0.5 (20) ส31205 นกั กฎหมายรุนํ เยาว๑ 2 1.0 (40)
ส31203 ภูมิทศั นไ๑ ทย 1.0 (40) ส31206 เศรษฐศาสตร๑เบื้องตน๎ 60
ง31201 การแปรรปู อาหาร 1.0 (40) ง31202 งานมาลัยและดอกไม๎สด
ง31202 ธุรกิจท่วั ไป 1.0 (40) ง31204 การตลาด 20
อ31204 ภาษาองั กฤษธรุ กจิ 1 1.0 (40) อ31208 ภาษาอังกฤษธุรกจิ 2
I32201 การสือ่ สารคน๎ ควา๎ และสร๎างองค๑ความร๎ู 15
กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 60 20
กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน 10
กิจกรรมแนะแนว 20 กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้ 640
กจิ กรรมนกั เรียน กจิ กรรมแนะแนว
ชุมนมุ 15 กจิ กรรมนักเรียน
จรยิ ธรรม 20 ชุมนมุ
กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน๑ 10 จริยธรรม
รวมเวลาเรยี นทง้ั สิ้น 580 กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน๑
รวมเวลาเรียนทง้ั ส้ิน
ครงสรา้ งหลกั สูตรชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ปกี ารศกึ ษา 2564
กลุม่ การเรียนภาษาอังกฤษ – สังคมศึกษา – ธรุ กจิ
ภาคเรยี นท่ี 1 (หน่วยกติ /ชม.) ภาคเรียนท่ี 2 (หนว่ ยกติ /ชม.)
7 (280)
รายวิชาพนื้ ฐาน 7.5 (300) รายวิชาพนื้ ฐาน 1.0 (40)
1.0 (40)
ท32101 ภาษาไทย 3 1.0 (40) ท32102 ภาษาไทย 4 1.0 (40)
1.0 (40)
ค32101 คณิตศาสตร๑ 3 1.0 (40) ค32102 คณิตศาสตร๑4
0.5 (20)
ว32101 วทิ ศาสตรก๑ ายภาพ 1 1.0 (40) ว32102 วิทศาสตรก๑ ายภาพ 2
0.5 (20)
ว32103 เทคโนโลยี 1 (การออกแบบ 0.5 (20) ส32103 สงั คมศึกษาศาสนาและ 0.5 (20)
0.5 (20)
เทคโนโลยี และวิทยาการคานวณ) วฒั นธรรม 4
1.0 (40)
ส32101 สงั คมศึกษา ศาสนาและ 1.0 (40) ส32104 ประวตั ิศาสตร๑ 4
6.5 (260)
วัฒนธรรม 3 1.0 (40)
0.5 (20)
ส32102 ประวัติศาสตร๑3 0.5 (20) พ32102 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 4 0.5 (20)
0.5 (20)
พ32101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 3 0.5 (20) ศ32102 ศลิ ปะ4 0.5 (20)
1.0 (40)
ศ32101 ศลิ ปะ 3 0.5 (20) ง32102 การงานอาชีพและเทคโนโลยี
0.5 (20)
4 1.0 (40)
1.0 (40)
ง32101 การงานอาชีพและเทคโนโลยี 3 0.5 (20) อ32102 ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน 4
60
อ32101 ภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน 3 1.0 (40)
20
รายวชิ าเพม่ิ เติม 7.0 (280) รายวชิ าเพม่ิ เติม
15
ท32201 หลักการใชภ๎ าษาไทย 1.0 (40) ท32203 การฟ๓งและดู 20
5
ส32201 วถิ ชี าวพุทธ 3 0.5 (20) ว32299 คอมพวิ เตอร๑
620
ส32202 ถ่นิ ฐานยํานฝง๓่ ธน 0.5 (20) ส32205 วิถีชาวพุทธ 4
ส32203 หนา๎ ทีพ่ ลเมือง 1 0.5 (20) ส32206 ภมู ิป๓ญญาท๎องถ่นิ ธนบรุ ี
ส32204 เศรษฐกิจพอเพียง 1.0 (40) ส32207 หน๎าทพ่ี ลเมือง 2
ง32201 งานใบตองและดอกไมส๎ ด 0.5 (20) ส32208 สงั คมและวัฒนธรรมเพ่ือน
บ๎าน
ง32202 ธุรกิจ 1.0 (40) ง32203 เคร่อื งแขวน
อ322204 ภาษาอังกฤษธรุ กิจ 3 1.0 (40) ง32204 บุคลิกภาพ
I32202 การสอื่ สารและการนาเสนอ 1.0 (40) อ32208 ภาษาองั กฤษธุรกิจ 4
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 60 กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น
กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้ กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้
กจิ กรรมแนะแนว 20 กิจกรรมแนะแนว
กิจกรรมนักเรยี น กจิ กรรมนักเรียน
ชมุ นุม 15 ชุมนุม
จริยธรรม 20 จริยธรรม
กิจกรรมเพอื่ สังคมและ 5 กิจกรรมเพ่ือสังคมและ
สาธารณประโยชน๑ IS3 สาธารณประโยชน๑
รวมเวลาเรียนท้งั สิ้น 640 รวมเวลาเรยี นท้งั ส้ิน
โครงสรา้ งหลกั สตู รช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2564
กลมุ่ การเรียนภาษาอังกฤษ – สงั คมศกึ ษา – ธุรกจิ
ภาคเรียนท่ี 1 (หน่วยกติ / ภาคเรียนที่ 2 (หน่วยกิต/
ชม.)
ชม.)
รายวิชาพ้ืนฐาน 6.0 (240) รายวชิ าพ้นื ฐาน 6.5 (260)
ท33101 ภาษาไทย 5 1.0 (40) ท33102 ภาษาไทย 6 1.0 (40)
ค33101 คณติ ศาสตร๑ 5 1.0 (40) ค33102 คณติ ศาสตร๑ 6 1.0 (40)
ว33101 วทิ ยาศาสตร๑โลกและอวกาศ 1 1.0 (40) ว33102 วทิ ยาศาสตรโ๑ ลกและอวกาศ 1 1.0 (40)
ส33101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 5 1.0 (40) ว33104 เทคโนโลยี 2 (วิทยาการคานวณ) 0.5 (20)
พ33101 สขุ ศึกษาและพลศึกษา 5 0.5 (20) ส33102 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 6 1.0 (40)
ศ33101 ศิลปะ 5 0.5 (20) พ33102 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 6 0.5 (20)
อ33101 ภาษาองั กฤษพื้นฐาน5 1.0 (40) ศ33102 ศลิ ปะ 6 0.5 (20)
อ33102 ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน6 1.0 (40)
รายวิชาเพ่ิมเติม 7.5 (300) 7.0 (280)
ท33201 การเขยี น 1.0 (40) รายวิชาเพิ่มเติม 1.0 (40)
ว33298 คอมพิวเตอร๑ 1 1.0 (40) ท33203 วเิ คราะหว๑ รรณกรรมปจ๓ จบุ นั 0.5 (20)
ส33201 อาเซยี นศึกษา 1.0 (40) ว33299 คอมพวิ เตอร๑ 2 1.0 (40)
ส33202 หน๎าที่พลเมอื ง 3 0.5 (20) ส33204 ศาสนาสากล 0.5 (20)
ส33203 ร๎ทู นั โลก 1.0 (40) ส33205 หนา๎ ทีพ่ ลเมือง 4 1.0 (40)
ง33201 บัญชีเบื้องต๎น 1 1.0 (40) ส33206 เอเชียตะวันออกในโลกป๓จจุบัน 1.0 (40)
ง33202 การโฆษณาและการสํงเสริมการขาย 1.0 (40) ง33203 บญั ชีเบื้องตน๎ 2 1.0 (40)
อ33204 ภาษาองั กฤษธรุ กิจ 5 1.0 (40) ง33204 การออกแบบผลิตภณั ฑ๑ 1.0 (40)
อ33208 ภาษาอังกฤษธรุ กิจ 6
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 60 60
กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน
กจิ กรรมแนะแนว 20 กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ 20
กิจกรรมนกั เรียน กิจกรรมแนะแนว
ชมุ นมุ 15 กจิ กรรมนักเรยี น 15
ชมุ นมุ
จริยธรรม 20 จริยธรรม 20
กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน๑ 10 กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน๑ 10
รวมเวลาเรยี นทงั้ สนิ้ 600 รวมเวลาเรียนทั้งสิ้น 600
การออกแบบกจิ กรรมลดเวลาเรียนเพิม่ เวลารู้
โรงเรยี นสตรีวดั ระฆงั แบํงรูปแบบการจดั กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารูอ๎ อกเป็น 4 หมวด ดงั นี้
หมวดที่ 1 กิจกรรมพฒั นาผเ๎ู รยี น ได๎แกํ กิจกรรมเนตรนารี-ยวุ กาชาด, กจิ กรรมชมุ นุม, กิจกรรมเพ่ือสงั คม
และสาธารณะประโยชน๑และกจิ กรรมแนะแนว จานวน 4 คาบ
หมวดที่ 2 กิจกรรมสร๎างเสรมิ สมรรถนะและการเรียนรู๎ ไดแ๎ กํ กิจกรรมภาษาองั กฤษเพ่ือการสื่อสาร,
กจิ กรรมสอนเสรมิ , กจิ กรรมห๎องสมุด
หมวดท่ี 3 กจิ กรรมสร๎างเสรมิ คุณลกั ษณะและคาํ นิยม ได๎แกํ กิจกรรมคุณธรรมจรยิ ธรรม,
กิจกรรมธรรมศึกษา
หมวดท่ี 4 กจิ กรรมสรา๎ งเสริมทักษะการทางาน การดารงชีพและ ทักษะชีวติ ไดแ๎ กํ กจิ กรรม
ตามความถนดั และความสนใจ ซงึ่ จะจดั กิจกรรมใน 3 กลํุมสาระการเรยี นรู๎เปน็ หลกั คือ กลมุํ สาระการเรยี นรศ๎ู ลิ ปะ
ดนตรีและนาฏศลิ ป์, กลมํุ สาระการเรียนรู๎การงานอาชพี และเทคโนโลยแี ละกลุํมสาระการเรยี นรู๎สขุ ศึกษาและพล
ศกึ ษา โดยแตลํ ะระดับช้ันจะมีการจดั กจิ กรรมในหมวดที่ 2-4 รวม 5 คาบ/สัปดาห๑ ซึ่งแบํงได๎ดงั น้ี
ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1
ภาคเรยี นท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2
1. ภาษาองั กฤษเพ่ือการสือ่ สาร 1 คาบ (หมวดท่ี 2) 1. ภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร 1 คาบ (หมวดที่ 2)
2. กิจกรรมคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1 คาบ (หมวดท่ี 3) 2. กิจกรรมคุณธรรมจริยธรรม 1 คาบ (หมวดที่ 3)
3. กจิ กรรมธรรมศกึ ษา 1 คาบ (หมวดที่ 3) 3. กจิ กรรมตามความสนใจ 2 คาบ (หมวดที่ 4)
4. กิจกรรมตามความสนใจ 2 คาบ (หมวดท่ี 4)
รวม 5 คาบ/สปั ดาห๑ รวม 4 คาบ/สัปดาห๑
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2
ภาคเรยี นท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2
1. ภาษาองั กฤษเพื่อการสอ่ื สาร 1 คาบ (หมวดที่ 2) 1. ภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร 1 คาบ (หมวดที่ 2)
2. กิจกรรมคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1 คาบ (หมวดท่ี 3) 2. กจิ กรรมคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1 คาบ (หมวดท่ี 3)
3. กิจกรรมตามความสนใจ 3 คาบ (หมวดท่ี 4) 3. กจิ กรรมตามความสนใจ 3 คาบ (หมวดที่ 4)
รวม 5 คาบ/สปั ดาห๑ รวม 5 คาบ/สปั ดาห๑
ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3
ภาคเรยี นท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2
1. ภาษาองั กฤษเพ่ือการสอื่ สาร 1 คาบ (หมวดที่ 2) 1. ภาษาองั กฤษเพอ่ื การส่ือสาร 1 คาบ (หมวดท่ี 2)
2. กิจกรรมสอนเสรมิ 2 คาบ (หมวดท่ี 2) 2. กิจกรรมสอนเสริม 2 คาบ (หมวดท่ี 2)
3. กิจกรรมคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1 คาบ (หมวดที่ 3) 3. กจิ กรรมคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1 คาบ (หมวดที่ 3)
4. กิจกรรมตามความสนใจ 1 คาบ (หมวดท่ี 4) 4. กิจกรรมตามความสนใจ 1 คาบ (หมวดที่ 4)
รวม 5 คาบ/สัปดาห๑ รวม 5 คาบ/สปั ดาห๑
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ภาคเรยี นที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2
1. ภาษาองั กฤษเพอ่ื การสื่อสาร 1 คาบ (หมวดท่ี 2) 1. ภาษาองั กฤษเพ่อื การส่อื สาร 1 คาบ (หมวดที่ 2)
2. กิจกรรมคณุ ธรรมจริยธรรม 1 คาบ (หมวดท่ี 3) 2. กจิ กรรมคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1 คาบ (หมวดท่ี 3)
3. กจิ กรรมเพื่อสาธารณะประโยชน๑ 1 คาบ(หมวดท่ี 4) 3. กิจกรรมเพอ่ื สาธารณะประโยชน๑ 1 คาบ(หมวดท่ี 4)
รวม 3 คาบ/สัปดาห๑ รวม 3 คาบ/สัปดาห๑
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5
ภาคเรยี นที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2
1. ภาษาองั กฤษเพื่อการสอ่ื สาร 1 คาบ (หมวดที่ 2) 1. ภาษาอังกฤษเพอื่ การสื่อสาร 1 คาบ (หมวดท่ี 2)
2. กจิ กรรมคณุ ธรรมจริยธรรม 1 คาบ (หมวดที่ 3) 2. กิจกรรมคณุ ธรรมจริยธรรม 1 คาบ (หมวดที่ 3)
3. กจิ กรรมเพอ่ื สาธารณะประโยชน๑ 1 คาบ(หมวดที่ 4) 3. กจิ กรรมเพอ่ื สาธารณะประโยชน๑ 1 คาบ(หมวดที่ 4)
รวม 3 คาบ/สัปดาห๑ รวม 3 คาบ/สปั ดาห๑
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6
ภาคเรยี นท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2
1. ภาษาอังกฤษเพอ่ื การสื่อสาร 1 คาบ (หมวดท่ี 2) 1. ภาษาองั กฤษเพ่อื การสอื่ สาร 1 คาบ (หมวดท่ี 2)
2. กิจกรรมคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1 คาบ (หมวดที่ 3) 2. กิจกรรมคณุ ธรรมจริยธรรม 1 คาบ (หมวดที่ 3)
3. กิจกรรมเพ่อื สาธารณะประโยชน๑ 1 คาบ(หมวดท่ี 4) 3. กิจกรรมเพ่ือสาธารณะประโยชน๑ 1 คาบ(หมวดท่ี 4)
4. กิจกรรมสอนเสรมิ 2 คาบ (หมวดท่ี 2) 4. กจิ กรรมสอนเสรมิ 2 คาบ (หมวดที่ 2)
รวม 5 คาบ/สัปดาห๑ รวม 5 คาบ/สปั ดาห๑
โดยการออกแบบกิจกรรมใหค๎ รอบคลุม 4H ดังนี้
ด๎าน กิจกรรม
Head กิจกรรมภาษาองั กฤษเพ่อื การสื่อสาร, กจิ กรรมสอนเสรมิ , กิจกรรมหอ๎ งสมดุ
Heart กิจกรรมคณุ ธรรมจริยธรรม, กิจกรรมธรรมศึกษา
Hand กิจกรรมตามความถนดั และความสนใจ (กจิ กรรมในกลํมุ สาระการเรยี นรศ๎ู ลิ ปะ ดนตรแี ละนาฏศลิ ป์ และ
กลํมุ สาระการเรยี นรกู๎ ารงานอาชีพและเทคโนโลย)ี
Health
กิจกรรมตามความถนัดและความสนใจ (กิจกรรมในกลุํมสาระการเรยี นร๎ูสุขศกึ ษาและพลศกึ ษา)
การวดั ผลประเมินผล
การวดั และประเมินผลการจัดการเรยี นการสอนของโรงเรยี นมาตรฐานสาก โรงเรยี นตอ๎ ง
สนับสนุนการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนร๎ูของผู๎เรียนรํวมกับหนํวยงานต๎นสังกัดหรือหนํวยงานอื่นๆ เพ่ือ
สรา๎ งภาคีเครอื ขํายสาหรบั การวดั และประเมินผลเพอ่ื เทยี บเคียงมาตรฐานในแตํละสาระการเรียนรู๎ ซึ่งจะวัดและ
ประเมินผลทั้งความร๎ู 8 กลํุมสาระการเรียนร๎ู กิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียน การอํานคิดวิเคราะห๑และเขียน สื่อความ
และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค๑
1.การวดั และประเมินผลความรู้
1.1 การวดั และประเมินผลกลุมํ สาระพน้ื ฐาน
การวัดและประเมินผลเป็นรายภาคเรียน แบํงเป็น 8 ระดับ คือ 0 1.0 1.5 2.0
2.5 3.0 3.5 และ 4 โดยวัดและประเมินผลการทางาน ผลงานของผ๎ูเรียนตามเกณฑ๑ ไมํเน๎นให๎ผ๎ูเรียนมุํงทา
คะแนนสูง แตํผ๎ูเรียนจะตอ๎ งแสดงผลสัมฤทธิท์ างการเรียนทั้งดา๎ นความรู๎และทักษะตํางๆ ท่ีมีการพัฒนาจากภาค
เรียนหนง่ึ ตอํ ไปอกี ภาคเรยี นหน่ึงให๎เปน็ ท่ีประจักษ๑ วิธวี ดั ผลและประเมนิ ผล ดาเนินการ ดังน้ี
1) การสอบข๎อเขียนและปากเปลํา (Written and Oral Examinations)
2) การประเมนิ ผลรูปแบบอ่ืน (Other Forms of Assessment)
3) การประเมนิ ภายใน (Internal Assessment)
1.2 การวัดและการประเมนิ ผลกลุํมสาระหลักเพิม่ เติม
การวดั และประเมนิ ผลกลุํมสาระหลกั เพมิ่ เตมิ เนน๎ การรายงานผลโดยการเขยี นบทความ
ความเรียง งานวิจัย โครงงาน โดยนาประสบการณ๑ทง้ั ในและนอกหอ๎ งเรียนมานาเสนอ
2. การวัดและประเมินผลกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
การวัดและประเมินผลกจิ กรรมพฒั นาผ๎ูเรยี น เป็นการประเมินความสามารถและ
พฒั นาการของผเ๎ู รยี นในการเขา๎ รวํ มกจิ กรรมพฒั นาผู๎เรยี นในแตํละภาคเรยี น/ปี ตามเกณฑข๑ องแตลํ ะกจิ กรรม
และตัดสินผลการประเมินเป็น 2 ระดับ คือ
ผ หมายถึง ผาํ นเกณฑ๑การประเมินทส่ี ถานศึกษากาหนด
มผ หมายถึง ไมํผํานเกณฑ๑การประเมนิ ทีส่ ถานศึกษากาหนด
3. การวดั และประเมินผลการอา่ นคดิ วิเคราะหแ์ ละเขียนสอ่ื ความ
การวดั และประเมินผลการอาํ นคดิ วิเคราะหแ๑ ละเขียนส่อื ความเปน็ การประเมินทกั ษะการ
อํานและการเขยี นตามเกณฑ๑ของสถานศกึ ษา และตัดสินผลการประเมินเป็น 3 ระดับ คือ
ดเี ย่ยี ม หมายถงึ มีทกั ษะท่ีดเี ยีย่ มสงู กวาํ เกณฑ๑ทีส่ ถานศึกษากาหนด
ดี หมายถงึ มีทักษะทีส่ ูงกวําเกณฑ๑ทส่ี ถานศึกษากาหนด
ผํานเกณฑ๑ หมายถึง มที ักษะตามเกณฑ๑ที่สถานศึกษากาหนด
4. การวดั และประเมนิ ผลคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
การวัดและประเมินผลคณุ ลักษณะอันพึงประสงค๑ เปน็ การประเมินพฤติกรรมตามเกณฑ๑ของ
สถานศึกษา และตดั สินผลการประเมินเปน็ 3 ระดบั คอื
ดเี ยยี่ ม หมายถงึ มพี ฤติกรรมท่ีดีเยย่ี มสงู กวําเกณฑท๑ ี่สถานศึกษากาหนด
ดี หมายถึง มีพฤติกรรมสงู กวําเกณฑ๑ทสี่ ถานศกึ ษากาหนด
ผํานเกณฑ๑ หมายถึง มพี ฤติกรรมตามเกณฑ๑ท่ีสถานศึกษากาหนด
เกณฑ์การจบการศึกษาของโรงเรยี นสตรวี ัดระฆัง
เกณฑ๑การจบการศกึ ษาของผเู๎ รยี นโรงเรยี นสตรีวัดระฆงั ตามหลกั สตู รโรงเรยี น มาตรฐานสากล
พทุ ธศกั ราช 2557 แบํงตามระดับช้นั 2 ระดบั คอื ช้ันมัธยมศึกษาตอนต๎นและช้นั มัธยมศึกษาตอนปลาย ดังนี้
ชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน้
1. เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานและเพิ่มเตมิ ไมเํ กนิ 81 หนํวยกิต โดยแบงํ เปน็ รายวิชาพืน้ ฐาน
66 หนํวยกิต และรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ตามท่ีโรงเรียนกาหนด
2. ตอ๎ งมผี ลการเรยี นผาํ นตลอดหลกั สตู รไมํน๎อยกวํา 77 หนวํ ยกิต โดยประกอบดว๎ ย
รายวชิ าพ้นื ฐาน 66 หนํวยกิต และรายวชิ าเพม่ิ เติมไมนํ ๎อยกวาํ 11 หนวํ ยกติ
3. มีผลการประเมินความสามารถการอาํ น คิดวเิ คราะห๑ และเขยี นในระดบั 1-3
4. มีผลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค๑ในระดบั 1-3
5. เขา๎ รวํ มกิจกรรมพัฒนาผู๎เรียนและมผี ลการประเมินเป็น “ผาํ น” (ผ)
ชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลาย
1. เรียนรายวชิ าพ้นื ฐานและเพิ่มเตมิ ไมนํ ๎อยกวาํ 81 หนวํ ยกติ โดยแบงํ เปน็ รายวชิ าพืน้ ฐาน
41 หนวํ ยกิตและรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ตามที่โรงเรยี นกาหนด
2. ตอ๎ งมีผลการเรยี นผาํ นตลอดหลกั สูตรไมํน๎อยกวํา 77 หนวํ ยกติ โดยประกอบดว๎ ย
รายวิชาพ้ืนฐาน 41 หนวํ ยกติ และรายวิชาเพิ่มเติมไมนํ ๎อยกวาํ 36 หนํวยกิต
3. มีผลการประเมินความสามารถการอําน คิดวิเคราะห๑ และเขยี นในระดบั 1-3
4. มผี ลการประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค๑ในระดับ 1-3
5. เข๎ารวํ มกจิ กรรมพัฒนาผเู๎ รียนและมผี ลการประเมินเปน็ “ผําน” (ผาํ น)
และผ๎ูเรียนท้งั 2 ระดบั ช้ัน ต๎องไมํมี 0 ร มส และ มผ
กิจกรรมแนะแนว
กิจกรรมแนะแนว เปน็ กจิ กรรมท่สี ํงเสริมและพัฒนาผู๎เรียนให๎รจ๎ู กั ตนเอง รู๎รักษ๑ส่งิ แวดลอ๎ ม สามารถคิด
ตัดสินใจ คดิ แก๎ป๓ญหา กาหนดเปูาหมาย วางแผนชวี ิตท้งั ในด๎านการเรยี นและอาชีพ สามารถปรับตนเองได๎อยาํ ง
เหมาะสม เน๎นผูเ๎ รียนเปน็ สาคัญ โดยผ๎เู รียนมีอิสระในการคิดและตัดสินใจด๎วยตัวเอง เรยี นรู๎ด๎วยตัวเอง ดว๎ ยการ
ปฏบิ ัติจนกระทง่ั เกิดทักษะชีวิต
การจัดกจิ กรรมแนะแนว มีองค๑ประกอบ ๓ ดา๎ น ดังน้ี
๑. ดา้ นการศึกษา ใหผ๎ เ๎ู รียนได๎พัฒนาตนเองในด๎านการเรียนอยาํ งเต็มตามศักยภาพ รจ๎ู ักแสวงหาและใช๎
ขอ๎ มูลประกอบการวางแผนการเรยี นหรือการศึกษาตอํ ได๎อยํางมปี ระสิทธภิ าพ มนี สิ ัยใฝรุ ๎ใู ฝุเรยี น มีวิธกี ารเรยี นร๎ู
และสามารถวางแผนการเรียนหรอื การศึกษาตํอไดอ๎ ยํางเหมาะสม
๒. ด้านอาชพี ใหผ๎ เ๎ู รียนได๎รู๎จกั ตนเองในทุกดา๎ น ร๎ูและเขา๎ ใจโลกของงานอาชพี อยาํ งหลากหลาย มีเจต
คตทิ ่ดี ีตํออาชีพสุจรติ มกี ารเตรยี มตัวสอูํ าชพี สามารถวางแผนเพ่ือประกอบอาชพี ตามที่ตนเองมีความถนดั และ
สนใจ
๓. ดา้ นส่วนตวั และสงั คม ให๎ผเู๎ รียนรจ๎ู กั และเขา๎ ใจตนเอง รักและเหน็ คณุ คําของตนเองและผู๎อื่น รักษ๑
สิ่งแวดล๎อม มีวุฒภิ าวะทางอารมณ๑ มีเจตคติทดี่ ีตํอการมชี ีวิตทดี่ ีมีคุณภาพ มีทักษะชีวติ และสามารถปรับตัว
ดารงชวี ิตอยใํู นสังคมได๎อยาํ งมีความสุข
คมู่ ือการใชห้ อ้ งสมดุ สมเด็จพระพฒุ าจารย์ (โต พรหฺมรังส)ี
โรงเรียนสตรีวัดระฆงั
**************
ท่ีตง้ั อาคาร ๑ ช้ัน ๒ ห๎อง ๑๒๑๗ ขนาด ๓.๕ หอ๎ งเรียน
รางวัลสาคญั ท่ีได้รับ
- ปกี ารศึกษา ๒๕๔๖ – ๒๕๕๓ ไดร๎ ับรางวลั เกยี รตบิ ัตรโรงเรียนสตรวี ดั ระฆัง โรงเรียนส่งเสริมการอ่าน
ในโครงการ NANMEE BOOKS READING CLUB ปที ี่ ๑ – ๙ จดั โดย บรษิ ัท นานมบี ุ๏คส๑ จากัด สนบั สนนุ โดย
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน (สพฐ.) ๓๐ มกราคม ๒๕๕๔
- ปีการศึกษา ๒๕๕๑ ได๎รบั การประเมนิ โรงเรียนต้นแบบห้องสมุดมีชวี ติ จากสานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา
กรุงเทพมหานคร เขต ๓
- ปีการศกึ ษา ๒๕๕๑ ได๎รบั รางวัล ผบู้ รหิ ารรักการอ่านดีเดน่ ผอ. สมุ นมาศ วุฒสิ งําธรรม จากสานักงาน
เขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา กรงุ เทพมหานคร เขต ๓
- ปีการศกึ ษา ๒๕๕๑ ไดร๎ ับรางวลั ยอดเยี่ยม นกั เรยี นรักการอา่ น นางสาวสุชาวดี บญุ ยะวนชิ ม. ๖/๑
จากสานักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร เขต ๓
- ปีการศึกษา ๒๕๕๔ ไดร๎ บั รางวลั โลพ่ ระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี
นางสาวกษมาภรณ๑ กล่ินศรีสุข ม. ๔/๑ “สุดยอดการอ่านยอดเย่ียมระดบั ประเทศ” ในโครงการ NANMEE
BOOKS READING CLUB ปีท่ี ๑๐ จัดโดย บรษิ ทั นานมบี ๏ุคส๑ จากดั สนับสนุนโดย สานกั งานคณะกรรมการ
การศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน (สพฐ.) ณ ศาลาดุสดิ าลัย สวนจิตรลดา ๒๓ ม.ค ๒๕๕๕
- ปีการศกึ ษา ๒๕๕๔ ไดร๎ บั รางวลั โลํโรงเรียนสตรวี ัดระฆงั โรงเรยี นสง่ เสริมการอา่ นยอดเย่ยี ม
ระดบั ประเทศ ในโครงการ NANMEE BOOKS READING CLUB ปีท่ี ๑๑ จดั โดย บริษทั นานมีบคุ๏ ส๑ จากัด
สนบั สนนุ โดย สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน (สพฐ.) ณ ศูนยป๑ ระชุมแหํงชาติสริ กิ ิต์ิ ๓ เม.ย.
๒๕๕๕
- ปีการศึกษา ๒๕๕๕ ไดร๎ ับรางวลั โลํโรงเรยี นสตรีวดั ระฆัง โรงเรียนส่งเสริมการอ่านยอดเยี่ยม
ระดับประเทศ ในโครงการ NANMEE BOOKS READING CLUB ปีท่ี ๑๒ จดั โดย บริษทั นานมบี ๏คุ ส๑ จากัด
สนับสนนุ โดย สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน (สพฐ.) ณ ศูนยป๑ ระชุมแหํงชาตสิ ริ กิ ิต์ิ ๒ เม.ย.
๒๕๕๖
- ปีการศึกษา ๒๕๖๐ ได๎รับรางวัลเกียรตบิ ัตร รองชนะเลศิ อนั ดบั ๒ โครงการประกวดการจัดกจิ กรรม
เพอื่ พฒั นาห้องสมดุ โรงเรยี นใหเ้ ปน็ ห้องสมดุ มชี ีวติ จากศูนย๑พัฒนาวิชาการหอ๎ งสมดุ สานักงานเขตพ้นื ที่
การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต ๑ โรงเรียนสายปญ๓ ญา ในพระบรมราชินปู ถัมป์ ๒๒ กนั ยายน ๒๕๖๐
- ปีการศกึ ษา ๒๕๕๖ – ๒๕๖๒ ได๎รบั รางวัลเกยี รตบิ ัตรโรงเรียนสตรวี ดั ระฆัง(Satri Wat Rakhang
School) โรงเรียนสง่ เสรมิ การอา่ น ในโครงการ NANMEE BOOKS READING CLUB ปีท่ี ๑๓ – ๑๙ จัดโดย บรษิ ัท
นานมีบค๏ุ ส๑ จากัด สนับสนุนโดย สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน (สพฐ.) ๓๐ มกราคม ๒๕๖๓
- ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ได๎รับรางวัลเกียรติบัตร โรงเรียนสตรีวัดระฆัง (Satri Wat Rakhang School)
โรงเรียนส่งเสริมการอ่าน ในโครงการ NANMEE BOOKS READING CLUB ปีที่ ๑๓ – ๒๐ "Read & Share
อํานและบอกตํอการสร๎างวัฒนธรรมการอํานและกิจกรรมสํงเสริมการอํานในโรงเรียน" จัดโดย บริษัท นาน
มีบุ๏คส๑ จากดั เม่อื วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔
วตั ถปุ ระสงคข์ องห้องสมดุ
๑. เปน็ ศนู ยก๑ ลางการศกึ ษาหาความร๎ดู ว๎ ยตนเอง
๒. เปน็ ศนู ยก๑ ลางการสงํ เสรมิ การศึกษาของโรงเรียนในด๎านการพฒั นาการเรียน การสอนของครู
และนักเรยี น
๓. สํงเสริมใหน๎ กั เรยี นมีความคิดสร๎างสรรค๑
๔. สงํ เสริมใหน๎ ักเรยี นใช๎เวลาวาํ งให๎เป็นประโยชน๑
๕. ปลกู ฝ๓งใหน๎ กั เรยี นมนี สิ ัยรกั การอําน
เวลาทาการของห้องสมดุ
เปิดบรกิ าร วนั จนั ทร๑-วนั ศุกร๑ เวลา ๐๗.๐๐ – ๑๖.๓๐ น.
ปิดทาการ วันเสาร-๑ วนั อาทติ ย๑ วนั หยดุ นกั ขัตฤกษ๑
ผมู้ สี ทิ ธิใ์ นการใชบ้ ริการห้องสมดุ
- ครู เจ๎าหน๎าท่ี และนักเรยี นโรงเรียนสตรีวัดระฆัง
- ชมุ ชนและผูป๎ กครอง หรือผู๎ทสี่ นใจ
ห้องสมุดมบี ริการดังนี้
๑. บริการยมื -คืนหนงั สือ และสอ่ื ตาํ งๆ ด๎วยระบบ Scan ใบหนา๎ และยงิ Bar Code
๒. บริการสืบค๎นขอ๎ มลู ด๎วย Computer ระบบห๎องสมุดดจิ ิทลั
๓. บริการวารสาร นติ ยสาร และหนงั สอื พมิ พ๑
๔. บรกิ ารหนังสืออ๎างอิง บริการตอบคาถามชํวยการค๎นคว๎า
๕. บรกิ าร Internet บรกิ ารหอ๎ งสมดุ เสยี ง Audio Visual บริการหอ๎ งสมุดเคลื่อนท่ี
๖. บรกิ ารแนะนาการใชห๎ ๎องสมุด และแนะแนวการอาํ น
ขอ้ ปฏิบตั ใิ นการใช้ห้องสมดุ
๑. นกั เรียนต๎องแตํงกายให๎สุภาพและถูกต๎องตามระเบยี บของโรงเรียน
๒. ห๎ามนากระเปา๋ แฟมู ถุงยําม เข๎าไปในห๎องสมุด ให๎วางไว๎ทช่ี นั้ ซงึ่ หอ๎ งสมดุ ไดจ๎ ดั ไว๎บรกิ าร
๓. หา๎ มนาอาหาร ขนม และเครื่องดื่มเขา๎ มาในห๎องสมุด
๔. หนงั สอื ที่ใช๎เสรจ็ แล๎ว กรุณานาเก็บเขา๎ ท่ีเดิม ขึน้ ชั้นตรงตามเลขหมูํท่ีกาหนดทสี่ ันหนังสอื
๕. ไมเํ ลํน ไมพํ ดู คยุ ไมํใชโ๎ ทรศพั ท๑ และไมสํ งํ เสยี งดังในห๎องสมดุ เพราะเปน็ การรบกวนสมาธิผ๎ูอื่น
๖. ไมํตัด ฉกี ทาลาย สิง่ พิมพ๑ในห๎องสมุด หรอื ทาลายวสั ดุ และครุภัณฑใ๑ นห๎องสมดุ ถอื วาํ เป็นการ
ทาลาย ทรพั ย๑สินสมบัติสํวนรวม ผู๎กระทาผดิ ต๎องชดใชค๎ ําเสียหายและต๎องได๎รับโทษตามระเบยี บ
ของโรงเรยี น
๗. ให๎ครูตรวจหนงั สือและส่ิงของทน่ี าออกทุกคร้ัง กํอนออกจากห๎องสมุด
ข้อปฏิบัติในการยืม - คืน หนังสอื และสื่อตา่ งๆ
๑. นักเรียนใหมํทกุ คนต๎องทาการบนั ทกึ ใบหนา๎ ใหเ๎ สร็จเรียบร๎อย ภายในภาคเรียนท่ี ๑
๒. นักเรยี นต๎องสแกนใบหน๎ากํอนทุกครั้งในการยืม คืน
๓. นักเรียนยมื หนงั สือได๎ ๓ เลํม ตอํ ๑ คน ยืมไดน๎ าน ๗ วนั CD, VCD, และ CD-ROM ยืมได๎ ๒ แผํน/๒
วนั
๔. ส่อื ทกุ ชนิดเม่อื ยืมไปแล๎ว หากสํงคืนเกินกาหนดสํง ต๎องเสยี คําปรบั โดยให๎ชํวยงาน / งดยืม/๑ วัน /
เลํม
๕. สอ่ื ทใี่ ช๎ภายในห๎องสมุดมี หนงั สอื อ๎างองิ วารสารและหนงั สอื พิมพ๑ และจลุ สารและ เอกสาร
ทางวชิ าการ (ยืมถาํ ยเอกสารได๎)
๖. หากผใ๎ู ชท๎ าวัสดุสารนเิ ทศของหอ๎ งสมดุ สูญหาย ตอ๎ งชดใชแ๎ กํห๎องสมดุ ดว๎ ยการซื้อวัสดุนัน้ มาทดแทน
๗. หอ๎ งสมดุ จะตัดสทิ ธ์ิในการใชห๎ ๎องสมดุ กรณผี ู๎ใชบ๎ รกิ ารขาดความรบั ผดิ ชอบ
การจัดหนังสือในห้องสมดุ
การจดั หมู่หนงั สือ”ระบบทศนิยมของดวิ อ้ี”
(Dewey Decimal Classification)
เมลวิล ดวิ อี้ (Melvil Dewey) ชาวอเมรกิ นั เป็นผค๎ู ิดขึน้ ระบบน้ีใชต๎ วั เลขเปน็ สัญลักษณ๑แทนเน้อื หา
ของหนงั สือ การแบํงหมหํู นังสือแบํงออกเป็น ๑๐ หมวดใหญํ ดังน้ี
๐๐๐ ความรู๎ทั่วไป General work
๑๐๐ ปรัชญา Philosophy จติ วทิ ยา Psychology
๒๐๐ ศาสนา Religion
๓๐๐ สังคมศาสตร๑ Social Sciences
๔๐๐ ภาษา Language
๕๐๐ วิทยาศาสตร๑ธรรมชาติ Natural Sciences
๖๐๐ เทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร๑ประยุกต)๑ Technology
๗๐๐ ศิลปะ และนนั ทนาการ Art & Recreation
๘๐๐ วรรณคดี Literature
๙๐๐ ภูมิศาสตร๑ Geography ประวัติศาสตร๑ History
*************
การจัดหนงั สอื แยกตามประเภท โดยใชอ๎ กั ษรแทน โดยใชอ๎ ักษรแทนสัญลกั ษณ๑ ดังนี้
หนังสอื เรื่องสั้น ใช๎อักษร “รส” หรือ J
วรรณกรรมเยาวชน ใชอ๎ ักษร “ย” หรือ J
หนงั สือนวนยิ าย ใชอ๎ กั ษร “น” หรอื F
หนังสืออา๎ งอิง ใชอ๎ กั ษร “อ” หรอื R
หนงั สอื คมํู ือ ใชอ๎ ักษร “ค”
วารสารและหนังสอื พิมพ๑ จะจัดแยกไว๎อีกมุมหนง่ึ ของห๎องสมุด โดยจะใหบ๎ ริการเฉพาะวารสาร-
หนงั สือพมิ พ๑ใหมํ และวารสารลวํ งเวลาแล๎วเทํานั้น
การส่งเสรมิ นสิ ยั รักการอ่าน โรงเรยี นสตรวี ดั ระฆงั
กลุม่ บรหิ ารงบประมาณ
*********************
กลุมํ บรหิ ารงานงบประมาณมขี อบขํายภาระงานตามโครงสรา๎ งท่เี กีย่ วข๎องกับงบประมาณ
ทจ่ี ะใชด๎ าเนนิ งานภายในโรงเรยี น ซ่ึงจะต๎องบรหิ ารจดั การให๎เปน็ ไปตามวตั ถุประสงค๑เกิดผลค๎มุ คํา
และเนน๎ เกดิ ประโยชนส๑ ูงสุดตอํ ผ๎เู รียน มหี ลกั ธรรมาภิบาล ขอบขํายงานดงั กลาํ วประกอบด๎วย
- งานวเิ คราะห๑และจดั ทาแผนสถานศึกษา
- งานตรวจสอบ ติดตาม ประเมนิ ผล รายงานผลการดาเนนิ งาน และการใชง๎ บประมาณ
- งานจดั ทาข๎อตกลงการปฏิบัตริ าชการ
- งานคานวณตน๎ ทุนผลผลิต
- งานบรหิ ารการเงนิ
- งานบรหิ ารบัญชี
- งานบริหารพสั ดแุ ละสินทรัพย๑
- งานระดมทรัพยากร และการลงทนุ เพื่อการศกึ ษา
- งานตรวจสอบภายในหนวํ ยงาน
- งานจดั ทาระบบควบคุมภายใน
- งานอน่ื ๆ ท่ีไดร๎ บั มอบหมาย
- โดยในการบริหารจัดการศึกษาในป๓จจุบันตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ ฉบับและ
พระราชบัญญัติการศึกษาแหํงชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และท่แี กไ๎ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบับท่ี ๔ )
พ.ศ. ๒๕๖๒ อีกท้งั แนวทางการปฏริ ปู การศึกษามุํงเนน๎ การบรหิ ารจดั การโดยหลกั ธรรมภบิ าลดว๎ ยหลักนธิ รรม หลกั
คุณธรรม หลักความรบั ผิดชอบ หลักการมสี วํ นรํวม หลกั ความโปรํงใสและหลักความค๎ุมคํา สอดคลอ๎ งกับหลกั ปรญั ชา
เศรษฐกจิ พอเพียงดงั นั้นการบรหิ ารงบประมาณโรงเรยี นสตรีวดั ระฆัง จงึ ดาเนินงานสนองนโยบายตาํ งๆ ทง้ั ของ
รฐั บาล สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน และสานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานครเขต๑ โดยฉพาะ
อยํางยิง่ ในสภาพทมี่ ีการกระจายอานาจการบรหิ ารจัดการและโรงเรียนเปน็ นติ บิ ุคคล การมสี วํ นรวํ มของชุมชนหรือผ๎มู ีสวํ นเกีย่ วข๎องกับ
โรงเรยี นจงึ เป็นส่ิงสาคัญ แสดงใหเ๎ หน็ ถึงความเป็นเจ๎าของท่ีทุกฝาุ ยจะต๎องรวํ มกนั รับผิดชอบ และมสี วํ นรวํ มในการดาเนนิ งานของโรงเรียน
ซึง่ มีคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พื้นฐานทเี่ ปน็ ผู๎แทนของชุมชนพิจารณาใหค๎ วามเหน็ ชอบ
ดังเชํน การวเิ คราะห๑และจดั ทาแผนพัฒนาของสถานศกึ ษา โรงเรียนจะต๎องประสานความรวํ มมือจากฝุายบริหารสถานศึกษาครู
นักเรยี น คณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้นื ฐานในการจัดทาแผนของสถานศกึ ษา การจัดตงั้ คาเสนอและขอการจัดสรรงบประมาณ การระดม
ทรพั ยากรเพื่อการศึกษาเม่ือโรงเรียนพิจารณาถึงความจาเป็น และคาํ ใชจ๎ ํายจริง จะต๎องไดร๎ บั ความเหน็ ชอบคณะกรรมการการศึกษาข้นั
พน้ื ฐานและอนุมัติโดยสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา โรงเรียน จงึ จะบริหารจัดการการเงนิ ได๎ตามแผนที่กาหนด
ไว๎ นอกจากนัน้ จะตอ๎ งมีการตรวจสอบ ติดตามประเมนิ ผลและรายงานผลการใช๎จาํ ยเงิน และผลการดาเนนิ งานวาํ เปน็
ตามแผนหรือเกดิ ประโยชน๑ตํอองคก๑ รหรือนกั เรียนมาน๎อยเพียงใด มีการจัดระบบควบคุมภายในหนวํ ยงาน และการ
จัดทาข๎อมูลสารสนเทศอยํางมีระบบ เพ่ือความสะดวกในการปฏบิ ัติงานและเป็นข๎อมลู ในการพัฒนาปรับปรุงโรงเรยี น
ใหด๎ ียง่ิ ข้ึนไป ยงั ประโยชน๑ตอํ ผูเ๎ รียนเป็นสาคัญ
กลุ่มบรหิ ารงานบคุ คล
รายชือ่ ครูทปี่ รึกษา ปี 2564
หวั หน้าระดับ นางสาวศศณิ า เถาวท๑ อง
รองหัวหน้าระดบั ฝ่ายระเบียบวนิ ัย นางสาวคทั ลยี า แก๎วแจ๎ง
รองหัวหนา้ ระดับ ฝ่ายวิชาการ นางสาวประทิน ผลสุข
ระดับชนั้ ครูท่ปี รึกษา หอ้ ง
1407
ม.1/1 นางเพ็ญพิมล เปรีย่ มพิมาย นางสาวสาวิตรี วฒั นะประเสริฐ
1408
ม.1/2 นางสาวจนั ทรเ๑ พญ็ โอษาติมากุล นางสาวคทั ลยี า แกว๎ แจง๎ 1301
1302
ม.1/3 นางสาวดวงพรรณ วระวบิ ุล นางสาวสุทธิดา พาสุข 1303
1304
ม.1/4 นายสิทธิชยั ตันเจริญ นางสาวศศิณา เถาวท๑ อง 1305
1306
ม.1/5 นางสาวนภสั รพี เขมาชีวะ นางสาวนฤมล ประสทิ ธศิ กั ด์ิ
ม.1/6 นางสาวลลี าวดี ทองอรําม นางสาวพชั รยิ า พราหมณี
ม.1/7 นางชนื่ ฤดี สงั ขะวร นางสาวประภสั สร บูรณะกิติ
ม.1/8 นางสาวประทิน ผลสขุ นางธญั จิตรา หงษพ๑ ญา
หัวหนา้ ระดับ นางสาวจารณุ ี เอนกนวล
รองหัวหน้าระดบั ฝ่ายระเบียบวนิ ยั นางสาวสริ วิ มิ ล ตนั ตถิ นอมวงศ๑
รองหัวหน้าระดบั ฝา่ ยวิชาการ นางสาวนรศิ รา มาสนั เทียะ
ระดับชน้ั ครทู ป่ี รกึ ษา หอ๎ ง
ม.2/1 นางสาวจารุณี เอนกนวล ครพู ละใหมํ 1307
ม.2/2 นางสาวอารยาภัสร๑ เดชมา นางสาวจตพุ ร วิรตั จรยิ าพร 1308
ม.2/3 นางสาวศภุ วรรณ เทวกุล - 1401
1420
ม.2/4 นางสาวธนนี าถ อภชิ ฌานกุ ลู นายศรณั ย๑ สงํ ทวน สมเดจ็
ม.2/5 นางสาวจนิ ดาเพ็ญ ทองวฒั นานนท๑ นายพิสทิ ธ์ิ สวุ รรณธาดา โต
1103
ม.2/6 นางสาวนริศรา มาสันเทยี ะ นางสาวเจนจริ า เสพลิ า
ม.2/7 นางสาวธิดารัตน๑ ช๎างแก๎วมณี นางสาวนวรัตน๑ ผลทอง 1405
1209
ม.2/8 นางสาวสริ ิวมิ ล ตันติถนอมวงศ๑ นางสาวสุทธ์สิ ินี กา๐ คา
หวั หนา้ ระดับ นางสาวอาภรณ๑ เพลนิ พนา
รองหัวหน้าระดบั ฝ่ายระเบียบวนิ ัย นางสาวราไพร สตุ นนท๑
รองหัวหนา้ ระดับ ฝา่ ยวิชาการ นายวัลลภ มาลาพนั ธ๑ุ
ระดับชน้ั ครทู ่ีปรึกษา ห๎อง
1311
ม.3/1 นางสาวอรอุษา ศิรริ ัตน๑ นางสาวอุบลรตั น๑ โพธิพ์ รม 1312
1402
ม.3/2 นายเดํนพงศ๑ ฉตั รสวุ รรณ นางสาวยุพาวรรณ มีพันธ๑ 1213
ม.3/3 นางสาวกนกลกั ษณ๑ วสบี ัวรายณ๑ 1002
ม.3/4 นางสาวอาภรณ๑ เพลินพนา นายพีระสทิ ธ์ิ ภํสู าระ เพลนิ ใจ
เจา๎ พระยา
ม.3/5 นางสาวฐานกิ า ผมรี นายณฐั พล คม๎ุ บุญ
1005
ม.3/6 นายนพรตั น๑ นาหว๎า นางสาววิสนี อาแว
1318
ม.3/7 นางสาวราไพร สตุ นนท๑ นายฉัตรพล บวั บาน
ม.3/8 นางสาวพจนยี ๑ ทองบุญ นายวัลลภ มาลาพนั ธุ๑
หัวหน้าระดบั นางสาวหทยั รัตน๑ ราพึงจิตต๑
รองหัวหน้าระดบั ฝา่ ยระเบียบวนิ ัย นางสาววรางรตั น๑ สุคันธรัตน๑
รองหัวหน้าระดบั ฝ่ายวิชาการ นายทรงพล แซํซ้ือ
ระดบั ชน้ั ครูท่ปี รึกษา หอ๎ ง
กวนิ ทรัพย๑ 1208
ม.4/1 นายสคุ นธ๑ บญุ เทียม นางสาวสวุ ิมล สรุ ิยันต๑ 1212
นายวสวตั ต์ิ แซํเล๎า 1413
ม.4/2 นางสาวนลนิ รัตน๑ งามเช้อื ชิต นายธนานันท๑ 1409
1410
ม.4/3 นางธนติ า รัตนพนั ธ๑ 1406
1316
ม.4/4 นางสาวหทัยรัตน๑ ราพงึ จิตต๑ 1404
ม.4/5 นายสราวุฒ ซาเผอื ก นางสาวเพ็ญพิพร ทรพั ย๑สวุ รรณ๑
นายทรงพล แซํซื้อ
ม.4/6 นางสาวอภพิ ร คงขวญั ยงค๑ นายชัยธวชั มาอินทร๑
นางสาวแวว อรรคนมิ าตย๑
ม.4/7 นางสาววรางรัตน๑ สคุ นั ธรัตน๑
ม.4/8 นายปฏวิ ัติ เอน็ ดู
หัวหนา้ ระดับ นางสาววาสนิ ี ศรเี คลือบ
รองหัวหน้าระดบั ฝา่ ยระเบียบวินยั นางสาวเพชรนิ ทร๑ แทนคา
รองหัวหนา้ ระดับ ฝา่ ยวิชาการ นายสุรศกั ดิ์ เจมิ พันธน๑ ติ ย๑
ระดับชน้ั ครทู ป่ี รกึ ษา ห๎อง
ม.5/1 นางชญาณน๑ ิจ เป่ยี มจันทร๑ นายสุรศักดิ์ เจมิ พันธ๑นิตย๑
ม.5/2 นางวรางคอ๑ ร อานมณี นายนิธิกร ดีรมั ย๑ 1403
ม.5/3 นางสาวเพชรนิ ทร๑ แทนคา 1210
ม.5/4 นางสาววาสินี ศรเี คลือบ นายภาณุพงษ๑ ไชยคง 1310
ม.5/5 นายณัฐภัสสร ไชยยา นางสาวสริ ิรตั น๑ ชํอฉาย 1319
ม.5/6 นางสาวพรศิริ สอนลิลา นายวรี ะศกั ด์ิ นกุ ูลกิจ 1309
ม.5/7 นางละออง อํอนเกตพุ ล นายอคั รเดช เขอื่ นเก๎า 1214
ม.5/8 นายสมเจต หวงั ทอง นางสาวชัญญภทั ร ธชั พงศ๑กฤต 1411
ปรีชาสุข
หัวหน้าระดบั นางรนิ ทร๑วดี นาคเจียม
รองหัวหนา้ ระดบั ฝ่ายระเบียบวินัย นายชรนิ ทรว๑ ชั ร๑ พัฒนจิราภัทร
รองหัวหนา้ ระดบั ฝ่ายวิชาการ นางสาวกิตติกุล ชมสรรเสริญ
ระดับชน้ั ครูท่ปี รกึ ษา หอ้ ง
ม.6/1 นางลัดดา ศิริเลศิ สมบตั ิ นางสาวกาญจนา พิมวงษ๑ 1211
ม.6/2 นายคณพล สายงาม นางสาววรศิ รา โสภณสริ ิ
ม.6/3 นางสาวสรญา มุทะธากุล 1313
ม.6/4 นางสาวกิตติกลุ ชมสรรเสรญิ นางสาวจันทรจ๑ ิรา นาขนั ดี 1314
ม.6/5 นางกรรณิกา เดนํ พาณชิ ยก๑ าร นายชรินทร๑วัชร๑ พฒั นจิราภทั ร 1416
ม.6/6 นายสิทธศิ กั ดิ์ ดเี สยี ง นางสาวรตั ติยา มีเจรญิ 1412
ม.6/7 นางรนิ ทรว๑ ดี นาคเจียม นางสาวณันฑวรรณ บุญโพธิ์ 1414
ม.6/8 นางสาวเกศราภรณ๑ พนู ผล 1302
พระธีรราช
โรงเรียนสตรวี ดั ระฆงั
ระเบยี บ-วินยั
ระเบียบ คือ ระเบยี บแบบแผนและข๎อบังคับ ข๎อปฏิบัติ
วินยั คือ แบบแผนที่วางไวเ๎ ปน็ แนวปฏิบตั ิ
ระเบียบ-วินัย ของโรงเรยี นสตรีวัดระฆงั มีดังน้ี
๑. การเคารพชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย๑
๑.๑ พิธเี คารพธงชาติ เวลา ๐๗.4๐ น. สัญญาณเตรยี มตัวเขา๎ แถวเคารพธงชาติ สวดมนต๑ ร๎องเพลง
สดดุ ีมหาราชาและปฏิญาณตน สวดพระคาถาชนิ บัญชร และทาสมาธิปฏิบตั ิ แผเํ มตตา
๑.๒ พิธีในห๎องประชุม
- ทุกครงั้ ท่ีเข๎าหอ๎ งประชุม ต๎องเดนิ เปน็ แถว และเขา๎ ประจาท่อี ยาํ งสงบเรียบร๎อยมสี มาธิในการสวดมนต๑
แผเํ มตตาเม่ือเลิกประชุมหรือจบการแสดงตาํ งๆ นกั เรียนทุกคนต๎องรวํ มร๎องเพลงสรรเสริญพระบารมดี ว๎ ยอาการ
สงบ
- สาหรับผ๎ทู ี่ไมไํ ด๎อยํใู นห๎องประชุม แตํอยํูในบริเวณใกลห๎ ๎องประชมุ เมื่อได๎ยินเสียงเพลงสรรเสรญิ
พระบารมี ตอ๎ งยืนตรงแสดงความเคารพดว๎ ย
๑.๓ ไมํกลําวถอ๎ ยคาหรือแสดงกริ ิยาตํางๆ อนั แสดงถงึ การหมน่ิ พระบรมเดชานภุ าพ พระบรมฉายา
ลกั ษณข๑ องพระราชวงศแ๑ ตลํ ะพระองค๑ ต๎องประดบั และเก็บไว๎ในที่สมควร
๒. การเคารพครู
๒.๑ ในห๎องเรยี น เม่ือครเู ข๎าห๎องสอน หัวหน๎านักเรียนจะบอกทาความเคารพ “นักเรยี นเคารพ”
นกั เรียนทุกคนก๎มศีรษะกราบท่โี ตะ๏ พร๎อมกลําวคาวํา “สวสั ดคี ะํ ” เมื่อหมดเวลาสอนหัวหนา๎ บอก “นักเรียน
เคารพ” ทุกคนกราบพร๎อมกันกลาํ วคาวํา “ขอบคุณคะํ ” สาหรับนักเรียนภาษาตํางประเทศใหป๎ ฏิบัตติ ามที่
ครผู ูส๎ อนกาหนด
๒.๒ หนา๎ ประตโู รงเรยี น เม่อื เข๎ามาในบริเวณโรงเรยี นและกลบั บ๎าน ใหน๎ ักเรียนไหว๎พระพทุ ธรูป
ประจาโรงเรียนและครเู วรโดยวางกระเปา๋ ลงเสียกํอนจึงทาความเคารพด๎วยการไหว๎ กม๎ ศรี ษะลงใหด๎ ูงดงาม
(ถา๎ เปน็ กระเปา๋ สะพายไมตํ ๎องวาง)
๒.๓ เมื่อพบครนู อกห๎องเรียน ให๎แสดงความเคารพดังนี้ ถ๎าพบกนั ครัง้ แรกใหไ๎ หว๎ก๎มศรี ษะถ๎าพบกัน
หลายครั้งแล๎ว (ในวันเดียวกัน) หรืออยํใู สภาพท่ีไมสํ ามารถไหว๎ไดใ๎ ห๎หยุดยนื ตรง หันหน๎าไปทางครูหรือกม๎ ศีรษะ
หรอื กลาํ วทักทายด๎วยถ๎อยคาสุภาพสีหน๎ายมิ้ แย๎มแจํมใส
๒.๔ ถ๎ามนี ักเรยี นเดินตามหลังครูและรีบต๎องการจะเดนิ ลวํ งหน๎าไปกํอน ให๎ไหว๎และกลาํ วคาขออภัย
หรอื ขออนญุ าตแลว๎ จงึ เดนิ ข้นึ หนา๎ ไป
๒.๕ นกั เรยี นสามารถแสดงความเคารพครไู ดต๎ ลอดเวลา ด๎วยการตั้งใจและเอาใจใสํวิชาที่เรียน มีกริยา
มารยาท สภุ าพ เรียบรอ๎ ย อํอนน๎อม และสารวมอยเํู สมอ
๒.๖ ทุกครัง้ ที่มกี ารอบรม ไมวํ าํ จะเปน็ สถานทใี่ ดผ๎อู บรมจะเป็นครหู รือวิทยากรภายนอกก็ตามนักเรยี น
จะตอ๎ งจัดตัวแทนกลําวนาทาความเคารพ และในตอนจบการอบรมให๎กลาํ วแสดงความเคารพ เชํนเดียวกบั ที่
เรยี นในห๎องเรียน
๒.๗ เมื่อไปพบครูเพ่ือรับงานหรือรับคาแนะนาตํางๆ ควรน่ังคุกเขําและน๎อมตวั อยํางสุภาพ ถา๎ ไปเป็น
กลํมุ ควรเข๎าแถวใหเ๎ ป็นระเบยี บโดยเฉพาะครูชาย นักเรียนควรสารวมกริ ยิ า วาจาใหม๎ ากท่ีสุด
๒.๘ นักเรยี นเคารพครนู อกโรงเรียน แสดงความเคารพด๎วยการไหว๎
๒.๙ กํอนเขา๎ ออกห๎องเรยี น หรอื ห๎องพักครู ใหข๎ ออนุญาตกํอน
๓. การเคารพบคุ คลทว่ั ไป
๓.๑ นักเรียนตอ๎ งมีสมั มาคาระตํอผ๎ูมีอาวุโสกวําตามควรแกํวัยและฐานะ เชํน การเคารพรุํนพี่
๓.๒ เมอ่ื มแี ขกพเิ ศษมาเยยี่ มโรงเรยี น ให๎นักเรียนแสดงความเคารพตํอผ๎นู ้ันเชํนเดียวกบั ท่กี ระทาตํอครู
ของตนและถ๎าแขกผน๎ู ้นั เขา๎ ไปดกู ารสอนหน๎าห๎องเรียนถ๎าเหน็ สมควรจะบอกแสดงความเคารพได๎ หัวหนา๎ ห๎อง
ควรปฏิบตั ิ
๔. การเคารพตํอสถานท่ี
๔.๑ การเข๎ามาในโรงเรียนทุกคร้ังนักเรียนต๎องเคารพและให๎เกียรตติ อํ สถานทีด่ ว๎ ยการแตงํ กายด๎วย
เคร่อื งแบบนกั เรยี นให๎เรียบร๎อย
๔.๒ รู๎จักกาลเทศะ เชนํ ไมํก๎าวกาํ ยเข๎าไปใชห๎ ๎องพักครู หรือโต๏ะครู โดยมไิ ดข๎ ออนุญาต
-ห๎องสมดุ เปน็ ห๎องเรียนทต่ี ๎องการความสงบเป็นท่ีค๎นควา๎ หาความรู๎ไมํควรทาเสียงรบกวน
-ห๎องประชุม เป็นทีร่ วมกลมุํ ชนเพ่ือต๎องการฟ๓งประชุม ควรใช๎ด๎วยความสงบ
-ห๎องเรียน หรือหอ๎ งปฏบิ ตั ิการตาํ งๆ ควรใช๎ใหถ๎ ูกตามชนิด ไมํนาอาหารเขา๎ ไปรับประทาน
-ห๎องพยาบาล เป็นทพี่ ักผ๎ปู ุวย ที่ตอ๎ งการความสงบ ไมํควรถือโอกาสเปน็ ทพี่ ักผอํ นของผู๎ไมํ
เจ็บปวุ ย
-ห๎องนา้ ควรชํวยกันรักษาความสะอาดถูกตอ๎ งตามสุขลักษณะ
นกั เรยี นไมํควรใชห๎ อ๎ งนา้ รวํ มกับครู
๕. การมาโรงเรยี นสาย
นกั เรียนท่ีมาโรงเรียนสายไมทํ ันเขา๎ แถว ถือวาํ มาโรงเรยี นสาย ตอ๎ งปฏบิ ัติดังนี้
๕.๑ มาหลงั สญั ญาณเขา๎ แถว แตํทันเขา๎ ห๎องเรียนในคาบท่ีหน่ึง
-ยืนเป็นแถวอยํูที่ท่ีครูกาหนด
-เคารพธงชาติ สวดมนต๑ ฯลฯ พรอ๎ มนักเรยี นคนอ่นื ๆ
-ไมํเคลื่อนย๎ายไปไหนจนกวําจะได๎รบั อนญุ าตจากครเู วร
-รับโทษตามท่ีครเู วรเห็นสมควร
๕.๒ มาหลังสัญญาณเขา๎ คาบเรยี นท่หี น่งึ (๐๘.2๐-๐๙.0๐ น.)
-รายงานตัวตํอเจ๎าหนา๎ ท่ี แสดงบตั รประจาตวั นกั เรยี น เขยี นชอื่ และช้ันลงในใบรายงานการมา
สายและให๎ทากจิ กรรมตามท่โี รงเรียนกาหนด
๕.๓ มาสายหลังเวลา ๐๙.0๐ น. โรงเรยี นเชญิ ผป๎ู กครองมาพบเพ่ือสอบถามสาเหตุ และแก๎ไข
พฤติกรรม
๖. การขออนญุ าตออกนอกบรเิ วณโรงเรียนในระหวํางเวลาเรยี น ผปู๎ กครองต๎องมารับดว๎ ยตนเองและทาหนงั สือ
ขออนุญาตทหี่ ๎องกลุํมบริหารงานบุคคล
ระเบยี บโรงเรียนสตรวี ดั ระฆัง
ว่าด้วยจรรยา มารยาท และการทาความเคารพของนักเรียน พ.ศ. ๒๕๖4
---------------------------
ดว๎ ยจรรยามารยาทท่ดี งี ามของไทย อันเป็นเอกลกั ษณข๑ องชาติ “โรงเรยี นสตรวี ัดระฆงั ” จึงกาหนดเปน็
ระเบียบวําด๎วยจรรยามารยาทและการทาความเคารพของนักเรยี นเพื่อให๎นกั เรยี นทุกคนเป็น “กลั ยาณสี ตรวี ดั
ระฆงั ” ดังตํอไปนี้
หมวดที่ ๑
บทท่ัวไป
ขอ๎ ๑ ระเบียบน้เี รียกวํา “ ระเบยี บวําด๎วยจรรยามารยาทและการทาความเคารพของนักเรยี นพ.ศ. ๒๕63”
ขอ๎ ๒ ใหใ๎ ช๎ระเบียบน้ีต้ังแตํ “วนั ถัดจากวันประกาศ” เปน็ ต๎นไป
ข๎อ ๓ ในระเบยี บน้ี
๓.๑ “นกั เรียน” หมายถึง นักเรยี นทกุ คนในโรงเรยี นสตรีวดั ระฆัง
๓.๒ “ครเู วรประจาวนั ” หมายถึง ครูท่ีไดร๎ บั การแตํงต้ัง หรอื มอบหมายใหป๎ ฏิบตั ิราชการ จากทาง
โรงเรยี นในการดูแลนกั เรยี น ตามสถานท่ีตํางๆในแตํละวัน
๓.๓ “คร”ู หมายถึง ครทู ุกคนทีป่ ฏบิ ตั ิหนา๎ ท่ีราชการในโรงเรยี นสตรีวดั ระฆงั
๓.๔ “ผูม๎ เี กยี รติ” หมายถึง บุคคลท่ีรับเชญิ หรือมาเยยี่ มชมโรงเรยี นเป็นหมคํู ณะหรอื บุคคลเดยี ว
๓.๕ แบบกาหนดของสานักงานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหงํ ชาติ หมายถงึ หนวํ ยงานของกระทรวง
วัฒนธรรม ทกี่ าหนดแบบอยาํ งการปฏิบัตติ ามมารยาทไทยออกแบบใชแ๎ บบเดยี วกนั ท่วั ประเทศ
หมวดที่ ๒
ว่าด้วยจรรยามารยาทและการทาความเคารพ
ขอ๎ ๔ การแสดงความเคารพเม่ือแรกเรม่ิ เข๎าสบูํ ริเวณโรงเรยี น ใหถ๎ อื ปฏิบัตดิ งั น้ี เมื่อนักเรียนเข๎าสูบํ ริเวณ
โรงเรียนใหน๎ ักเรียนหยดุ ทาความเคารพครเู วรประจาวนั ดว๎ ยการไหวต๎ ามแบบกาหนดของสานักงาน
คณะกรรมการวฒั นธรรมแหํงชาติ ไหวพ๎ ระตามจุดตาแหนํงท่โี รงเรยี นกาหนดโดยพร๎อมเพรยี งกัน
ขอ๎ ๕ การแสดงความเคารพเมือ่ อยํใู นห๎องเรยี น ให๎ปฏบิ ัตดิ ังน้ี
๕.๑ เม่อื ครเู ขา๎ มาในห๎องเรยี นให๎หัวหน๎าชนั้ บอกทาความเคารพโดยใชค๎ าวาํ “นักเรยี น” ให๎นักเรียนทกุ
คนหยุดกจิ กรรมตาํ งๆ ทุกอยําง แล๎วนั่งตัวตรงหัวหนา๎ บอกวาํ “ทาความเคารพ” ใหน๎ ักเรียนทุกคนไหว๎พรอ๎ ม
กลําวคาวาํ “สวสั ดคี ํะ”
๕.๒ ในระหวาํ งทีค่ รกู าลงั สอน หากมขี ๎อสงสัยในบทเรยี นใหย๎ กมอื ข้นึ เม่ือครูอนญุ าตจึงยืนถามข๎อสงสยั
ได๎ และเมอื่ ได๎รับคาอธิบายเข๎าใจแล๎ว ให๎กลําวคาวํา “ขอบคณุ คํะ
๕.๓ เมือ่ เขา๎ หาครูเพื่อสํงงานหรอื รบั งานใหน๎ ักเรยี นยนื ตรงในระยะทหี่ ํางพอสมควรเมื่อรับหรือสงํ แล๎ว
นกั เรียนจะกลบั มาท่โี ต๏ะ ให๎นักเรียนทาความเคารพด๎วย “การไหว๎”
๕.๔ การออกหรือการเข๎าหอ๎ งเรยี นในขณะท่ีคุณครูกาลงั สอนหรอื อยใูํ นห๎อง นกั เรียนต๎องขออนุญาต
กอํ นทุกคร้งั โดยยนื ตรงแลว๎ กลาํ วคาวาํ “ขออนญุ าตคะํ ” เม่อื ได๎รบั อนญุ าตแลว๎ ให๎นักเรยี น “ไหว๎” พร๎อมกลาํ ว
คาวาํ “ขอบคุณคํะ”
ข๎อ ๖ การแสดงความเคารพเม่ืออยํภู ายนอกห๎องเรียนให๎ปฏิบตั ิดงั ตํอไปน้ี
๖.๑ เม่ือเดนิ สวนทางกับครู หรือผใ๎ู หญหํ รือผู๎ที่มาเยย่ี มชมโรงเรียนหยดุ ยนื ตรงและ “ไหว๎”พรอ๎ มกลําว
คาทกั ทายวาํ “สวัสดคี ะํ ” ในกรณีนห้ี ากเป็นการพบคร้ังแรกสาหรับครูใหป๎ ฏิบัตดิ ๎วยการไหว๎ และถา๎ เปน็ การพบ
กันในครั้งตํอไปให๎ยืนตรงเปน็ การแสดงความเคารพ
๖.๒ เมอ่ื ข้ึนลงบันไดให๎ยึดหลกั ชดิ ขวาเสมอและเม่ือเดินสวนทางกับครูหรือผใู๎ หญํหรือแขกผมู๎ เี กียรตใิ ห๎
นกั เรยี นหยดุ ยนื อยํูกับท่จี นกวํา ครู ผใู๎ หญหํ รือแขกผู๎มีเกียรตเิ ดินผํานไป
๖.๓ เมอื่ นกั เรยี นจะเดนิ แซงครู ให๎นักเรยี นกลําวคาวาํ “ขออนญุ าตคํะ” แลว๎ จงึ เดนิ กม๎ หลงั เล็กน๎อย
แลว๎ เดินแซงผํานไป
๖.๔ ขณะท่คี รหู รือผ๎ูใหญํหรือแขกผ๎มู ีเกียรติอยํูกบั ที่ ถ๎านักเรยี นต๎องการเดนิ ผํานให๎กม๎ หลงั เลก็ น๎อย
๖.๕ เพ่ือสงํ เสรมิ ความรกั ความสามัคคใี นหมูํคณะ ให๎นักเรียนรุํนนอ๎ งแสดงความเคารพรุํนพ่ดี ๎วยการ
ไหว๎ และนักเรยี นรํนุ พ่ีควรรบั ไหว๎รุนํ นอ๎ ง (ในกรณีมีงานพิธีตามความเหมาะสม) เป็นการตอบรบั การแสดงความ
เคารพซึ่งกนั และกัน
ข๎อ ๗ การแสดงความเคารพ เม่ืออยูํในบรเิ วณโรงเรยี นให๎ปฏิบัติ ดงั นี้ เม่ือพบครใู หน๎ กั เรยี นทาความเคารพ
ดว๎ ยการ“ไหว๎” อาจจะกลาํ วคาทกั ทายตามควรแกํกรณี ท้ังนกี้ ารทาความเคารพใหพ๎ จิ ารณาตามความ
เหมาะสมกับกาลเทศะ เชนํ กรณขี ับข่ียานพาหนะอยใูํ นท่ีคับขนั อันตราย เป็นต๎น ไมํต๎องยกมือไหว๎ ใหก๎ ลาํ ว
ทักทายอยาํ งเดียว
ข๎อ ๘ การเคารพตํอสถานท่ี
๘.๑ นกั เรียนต๎องแตํงกายใหถ๎ ูกต๎องตามระเบียบของโรงเรียน และเม่ืออยูํนอกเคร่อื งแบบนกั เรียนต๎อง
แตํงกายสุภาพ
๘.๒ แนะนาผป๎ู กครอง และผู๎อน่ื ที่เขา๎ มาในโรงเรียนใหแ๎ ตํงกายสุภาพ
๘.๓ นักเรยี นควรเคารพสถานท่ีตํอไปนี้ และปฏิบัติให๎ถูกต๎อง
๘.๓.๑ ห๎องพกั ครู โต๏ะครู ไมํก๎าวกาํ ยเข๎าไปใชโ๎ ดยไมํได๎รบั อนุญาต
๘.๓.๒ ห๎องเรียน ไมํขีดเขียนหรอื พํนสตี ามโต๏ะเก๎าอ้ไี มํเลํนและไมนํ าอาหารเข๎าไปรบั ประทาน
๘.๓.๓ ห๎องสมดุ ไมํสํงเสยี งดงั รบกวนผู๎อ่ืน
๘.๓.๔ ห๎องประชมุ ตอ๎ งรักษามารยาทไมํคยุ เสียงดัง
๘.๓.๕ หอ๎ งพยาบาล ไมํควรถือโอกาสใช๎เปน็ ท่พี ักผํอนของผ๎ูไมเํ จ็บปุวย
๘.๓.๖ ห๎องน้า ไมคํ วรใชห๎ ๎องนา้ ครู และต๎องชํวยกันรักษาความสะอาด
ขอ๎ ๙ สถานการณ๑ท่นี กั เรยี นไมํต๎องทาความเคารพ ใหป๎ ฏิบัตดิ งั ตํอไปนี้
๙.๑ ขณะอยํูในแถว หรอื อยํูในความควบคุมดูแลของครู
๙.๒ ขณะกาลงั รํวมในมณฑลพธิ ีตํางๆ
๙.๓ ขณะกาลังรบั ประทานอาหาร
๙.๔ ขณะกาลงั ถือ หรือแบกหามสง่ิ ของตํางๆ
ขอ๎ ๑๐ การทาความเคารพใหใ๎ ช๎ตามแบบกาหนดของสานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหงํ ชาตกิ ระทรวง
วัฒนธรรม
ข๎อ ๑๑ นักเรียนทกุ คนแสดงความเคารพครูในโรงเรียนทุกคนทง้ั ท่ียภูํ ายในบรเิ วณโรงเรยี นและภายนอกบรเิ วณ
โรงเรยี น หากนกั เรียนคนใดฝุาฝืนความในระเบยี บนอี้ ยํางจงใจจนกํอให๎เกิดความเส่อื มเสียตอํ จรรยามารยาทของ
นกั เรยี นโดยสํวนรวมใหพ๎ จิ ารณาลงโทษตามระเบยี บวาํ ดว๎ ยวินัยนกั เรียนตามควรแกกํ รณี
ข๎อ ๑๒ ให๎รองผ๎อู านวยการกลมํุ บริหารงานบุคคลรักษาการให๎เปน็ ไปตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันท่ี ๑6 พฤษภาคม ๒๕64
(นางสาววมิ ลนาถ บวั แก๎ว)
ผอู๎ านวยการโรงเรียนสตรีวัดระฆัง
ระเบียบโรงเรียนสตรวี ัดระฆัง
วา่ ดว้ ยเครือ่ งแบบนกั เรียนและการแต่งกาย พ.ศ. ๒๕64
------------------------------------
เพื่อให๎การบริหารและการจัดการเกี่ยวกับเคร่ืองแบบนักเรียนและการแตํงกายของนักเรียน โรงเรียน
สตรีวัดระฆังเป็นไปอยํางถูกต๎องสอดคล๎องกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ วําด๎วยเคร่ืองแบบนักเรียน (ฉบับที่
2) พ.ศ. ๒๕61 โรงเรยี นสตรวี ัดระฆัง จึงวางระเบยี บไว๎ ดงั นี้
ข๎อ ๑ ระเบียบนเี้ รยี กวํา “วาํ ดว๎ ยเครอื่ งแบบนกั เรียนและการแตํงกาย พ.ศ. ๒๕64”
ข๎อ ๒ ใหใ๎ ชร๎ ะเบียบนต้ี ง้ั แตํ “วนั ถดั จากวนั ประกาศ” เป็นตน๎ ไป
ข๎อ ๓ บรรดาระเบียบ ข๎อบังคับ ประกาศ และคาสั่งอ่ืนในสํวนท่ีกาหนดไว๎ในระเบียบน้ีซ่ึงขัดแย๎งกับ
ระเบียบนีใ้ ห๎ใชร๎ ะเบยี บนแี้ ทน
ขอ๎ ๔ ในระเบยี บนีม้ ขี อ๎ กาหนดดงั นี้
๑. ผม
๑.๑ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต๎น ให๎ไวผ๎ มส้นั หรือยาวกไ็ ด๎ กรณีผมสัน้ ให๎ตัดผมตรง ความยาว
ไมํเกินใบหู ติดกิ๊บให๎เรียบร๎อย ใช๎ก๊ิบสีดาห๎ามใช๎ก๊ิบพลาสติกทุกชนิด กรณีไว๎ผมยาวให๎ตัดตรงและถักเปียเดียว
ตรงกลางเร่ิมต้ังแตํท๎ายทอยลงไป เร่ิมถักไมํสูงเกินใบหู โดยความยาวของผมเปียที่ถักแล๎วต๎องไมํเกินชายปกเสื้อ
ไมํดัดผม ไมํย๎อมสีผมให๎ผิดไปจากเดิม หรือการกระทาอื่นใดซึ่งไมํเหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เชํน การ
ตดั แตงํ ทรงผมเป็นรปู ลกั ษณห๑ รอื เป็นลวดลาย
๑.๒ นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ให๎ไว๎ผมส้ันหรือยาวก็ได๎ กรณีผมสั้นให๎ตัดผมตรง ความ
ยาวไมเํ กนิ ใบหู ติดกิ๊บให๎เรียบรอ๎ ย ใช๎กิ๊บสดี าหา๎ มใช๎ก๊ิบพลาสตกิ ทกุ ชนิด กรณไี วผ๎ มยาวให๎ตัดผมตรงและรวบผมให๎
เรยี บร๎อย ความสงู ของการมดั ระดบั ใบหู ความยาวของผมทีร่ วบแลว๎ ยาวไมํเกนิ สะบักหลัง ไมํดัดผม ไมํย๎อมสีผมให๎ผิดไป
จากเดิม หรือการกระทาอ่ืนใดซ่ึงไมํเหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เชํน การตัดแตํงทรงผมเป็นรูปลักษณ๑
หรือเปน็ ลวดลาย
1.3 ริบบ้ินที่ผูกผมใช๎ของโรงเรียน ระดับ ม.1 ม.4 สีดา ระดับ ม.2 ม.5 สีกรมทํา ระดับ ม.3 ม.6 สี
น้าตาล
1.4 หากพบนักเรียนคนใดที่ไว๎ผมยาว แล้วเป็นเหา จะเชิญผ๎ูปกครองมารับทราบข๎อตกลง และแก๎ไข
ภายใน 2 สัปดาห๑ แตํถา๎ ยงั มีเหาอกี นกั เรียนจะต๎องตัดผมสนั้
๒. เคร่อื งแบบนักเรยี น
๒.๑ เสื้อนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนต๎น ใช๎ผ๎าสีขาวเนื้อเรียบเกล้ียง เนื้อไมํบาง แบบเสื้อปก
ทหารเรือ คอไมกํ วา๎ งและลึกเกนิ ไป พอสวมศรี ษะได๎สะดวก ความยาวขอบปกใหเ๎ หมาะกบั ตวั เส้ือปลายแขนจบี
พองาม รอบปลายแขนกว๎าง ๒-๒ ๑/๒ ซ.ม. ความยาวของแขนเส้ือเหนือข๎อศอก ๕ ซ.ม. ความยาวของตัว
เสื้อเม่ือยืนตรงวัดจากข๎อมือมาต้ังแตํ ๘-๑๐ ซ.ม. ชายของขอบเสื้อด๎านลํางมีรอยพับไมํเกิน ๓ ซ.ม. ขนาดตัว
เสื้อตั้งแตํใต๎แขนถึงขอบลํางมีความกว๎างพอเหมาะกับตัว ไมํรัดรูปหรือหลวมเกินไป ริมขอบลํางด๎านหน๎าข๎าง
ขวาติดกระเป๋าขนาดกวา๎ งไมํเกิน ๑๒ ซ.ม. หน๎าอกเบื้องขวาป๓กอักษรยํอ ส.ร. ขนาด ๑.๕ ซ.ม. เหนือเบ้ืองซ๎าย
ป๓กเหนอื รอยตํอปกเสือ้ ด๎านซา๎ ยป๓กจุดสนี า้ เงินขนาดเสน๎ ผําศนู ย๑กลาง 0.๕ ซ.ม. แสดงระดับช้ัน ม.๑ ป๓ก ๑ จุด
, ม.๒ ป๓ก ๒ จดุ , ม.๓ ป๓ก ๓ จุด ดังรูป
๒.๒ ผ๎าผูกคอนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนต๎น (คอซอง) ให๎ผ๎าสีเดียวกับกระโปรงนักเรียนขนาด
กว๎าง ๑๐-๑๕ ซ.ม. ความยาวต้ังแตํ ๘๐ ซ.ม. ขึ้นไปไมํเกิน ๑๐๐ ซ.ม. ดูสุภาพเหมาะสม หรือใช๎คอซอง
สาเรจ็ รปู ความยาวเสมอคอเสอ้ื
๒.๓ เส้ือนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ใช๎ผ๎าสีขาวเนื้อเรียบเกลี้ยงไมํบาง แบบคอเช้ิตผําอก
ตลอดไมํมีสาบ กระดุมกลมขนาดเส๎นผําศูนย๑กลางไมํเกิน ๑ ซ.ม. แขนเส้ือยาวเหนือข๎อศอกประมาณ ๕ ซ.ม.
ปลายแขนมีจีบพองาม ขอบปลายแขนกว๎าง ๒-๒ ๑/๒ ซ.ม. หน๎าอกเบ้ืองขวา ป๓กอักษรยํอ ส.ร. ปลายปกเสื้อ
ด๎านซ๎ายป๓กจุดแสดงระดับชั้นตามแบบและขนาดท่ีโรงเรียนกาหนด เข็มเครื่องหมายโรงเรียนกลัดเหนืออักษร
ส.ร. เก็บชายเสอ้ื ใสํในกระโปรงให๎เรยี บร๎อย ไมดํ ึงชายเสอ้ื ให๎หยํอนลงมาจนคลมุ ปิดเขม็ ขัด
ระดับชน้ั ม.๑ กับ ม.๔ ปก๓ ๑ จดุ , ม.๒ กบั ม.๕ ปก๓ ๒ จุด , ม.๓ กับ ม.๖ ป๓ก ๓ จุด ดงั รปู
๒.๔ กระโปรงทุกระดบั ชั้นใชผ๎ ๎าสีกรมทําเน้ือเรียบเกล้ียงมีจีบด๎านหน๎าและด๎านหลังด๎านละ ๖ จีบ ซ๎าย
๓จีบ ขวา ๓ จบี หนั จีบออกมาดา๎ นนอกเยบ็ จบี จากขอบลํางลงมาประมาณ ๘-๑๒ ซ.ม. ความลึกประมาณ ๓-๔
ซ.ม.
เวน๎ ระยะความกว๎างตรงกลางพองาม ไมํรัดรูปหรือหลวมเกินไป ชายกระโปรงพับกว๎าง ๓-๔ ซ.ม. กระโปรง เมื่อ
สวมใหข๎ อบบนอยูทํ ่รี ะดับเอว ความยาวของกระโปรงยาวคลมุ ปดิ เขาํ ลํางลงมา 2 นิว้
๒.๕ เข็มขัด ใช๎เฉพาะนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เข็มขัดหนังสีดาขนาดกว๎าง ๓-๔ ซ.ม.หัว
เข็มขัด เป็นรูปสี่เหล่ียมผืนผ๎าแบน แบบทรงยืนสีดาชนิดหัวกลัด มีปลอกสาหรับสอดปลายเข็มขัดขนาดกว๎าง
๑-๑.5 ซ.ม. สีเดียวกับเข็มขัด ทับขอบกระโปรง (ห๎ามติดรูปลอกหรือเขียนด๎วยสีตํางๆ) ถ๎าจะเขียนชื่อให๎เขียน
ดา๎ นใน
๒.๖ ถงุ เท๎า ใช๎ถงุ เทา๎ ยาวประมาณคร่ึงนํองสีขาวล๎วนแบบธรรมดา ลอนเล็กเวลาสวมให๎พับตลบลงมา ๒
ทบ กว๎าง 3 - 4 ซ.ม. เหนอื ข๎อเทา๎ เลก็ นอ๎ ย ไมใํ ช๎ถุงเทา๎ ไนลอํ นหรือถุงเท๎าผ๎าหรือถุงเท๎าสน้ั แคํตาตํุมมีพื้นสดี า
๒.๗ รองเท๎า ใช๎แบบเดียวกันทุกระดับ รองเท๎าหนังสีดา แบบหุ๎มส๎น หัวมนชนิดมีสายรัดหลังเท๎าติด
กระดุม ส๎นสงู ไมํเกิน ๓ ซ.ม.
๓. เคร่ืองแบบพลศกึ ษา
๓.๑ กางเกง ใช๎กางเกงวอร๑มขายาวสีกรมทํา มีขลิบสีเหลืองด๎านข๎าง และป๓กช่ือโรงเรียนเป็น
ภาษาองั กฤษ ดงั รปู
๓.๒ เส้ือโปโลสีเหลืองตามแบบท่ีโรงเรียนกาหนดป๓กช่ือนามสกุลเหนือกระเป๋าเสื้อขนาด
ตัวหนังสือ ๑/2 ซ.ม. ป๓กจุดสีน้าเงินแสดงระดับชั้น ม.ต๎น ป๓กท่ีปกเสื้อด๎านซ๎าย สํวน ม.ปลายป๓กที่ขอบกระเป๋า
เสือ้ ดา๎ นขวา
๓.๓ รองเทา๎ ผา๎ ใบสีขาวล๎วน ไมมํ ีก๏ุน ไมํมลี วดลาย
๓.๔ ถุงเท๎า ใช๎ถุงเทา๎ นกั เรยี นสีขาวลว๎ นแบบธรรมดาตามทีก่ าหนดไวใ๎ นขอ๎ ๒.๖
๓.๕ ให๎สวมชดุ พลศกึ ษาเฉพาะวันที่เรียนพลศึกษาเทาํ น้นั
หมายเหตุ นักเรียนทุกคนต้องสวมเส้ือบังทรงหรือเสื้อทับเสื้อในสีขาวล้วนไม่มีลวดลาย แบบ
เรียบรอ้ ย และใชเ้ สือ้ ชน้ั ในสอี ่อน ไม่มีลวดลาย
4. เคร่อื งแบบยุวกาชาด ชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนต้น
4.1 หมวก ใชห๎ มวกสกี รมทํา แบบมแี กป๏ ขา๎ งหน๎า และตลบปกี ด๎านข๎าง ประดบั เครอื่ งหมายหน๎าหมวก
4.2 เสื้อปกเชิ้ตสีฟูาอมเทา แขนส้ันเหนือศอก ผําอกตลอด สาบเส้ือกว๎าง3.5 ซ.ม. มีกระดุมเหนือเข็ม
ขดั 4 เมด็ ทอี่ กมีกระเปา๋ เสือ้ ข๎างละ 1 ใบ มสี าบตรงกลางตามแนวด่ิงปกกระเป๋าเป็นรูปมนเจาะรังดุมกึ่งกลาง มี
อินทรธนสู เี ดียวกับเสือ้ อยเํู หนือบาํ ทั้งสองข๎างกว๎าง 3.5 ซ.ม. เยบ็ ติดกบั ตะเข็บไหลํเสอ้ื ด๎านคอกว๎าง 2.5 ซ.ม. มี
ปลายมน มีกระดุมข๎างละ 1 เม็ดที่ปลายอินทรธนูทางด๎านคอ กระโปรงสีฟูาอมเทา ยาวคลุมปิดเขําลํางลงมา 2
นิ้ว ด๎านหนา๎ และดา๎ นหลังมีจบี หนั ทางเดยี วกัน ดา๎ นละ 6 จีบ สวมทับชายเสอื้
4.3 ผ๎าพันคอสีกรมทาํ รูปสามเหล่ียมหน๎าจัว่ มุมผ๎าผกู คอด๎านหลังตดิ เคร่อื งหมายยุวกาชาด
4.4 เข็มขัดหนังสีดา กว๎างไมํเกิน 3 ซ.ม. หัวเข็มขัดเป็นชนิดหัวเก่ียวทาด๎วยโลหะสีเงิน มีตราเคร่ืองหมายยุว
กาชาด
4.5 ถุงเท๎าและรองเท๎า ใช๎แบบเดยี วกับเครือ่ งแบบนกั เรยี น
5. เครอ่ื งแบบเนตรนารี ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนต้น
5.1 หมวก ใช๎หมวกสีเขียวแกํ มตี ราหนา๎ หมวกรปู เครอ่ื งหมายเนตรนารี ทาดว๎ ยโลหะสที อง เวลาสวมให๎
หน๎าหมวกอยกํู ง่ึ กลางหนา๎ ผาก พกั ปกี หมวกด๎านหลงั ขนึ้
5.2 เส้ือปกเช้ติ สเี ขยี วแกคํ อพับ แขนสน้ั เหนอื ศอก ผาํ อกตลอด สาบเส้ือกว๎าง 3.5 ซ.ม. มีกระดุมเหนือ
เข็มขัด 4 เม็ด ท่ีอกมีกระเป๋าเส้ือข๎างละ 1 ใบ มีสาบตรงกลางตามแนวด่ิงปกกระเป๋าเป็นรูปมนเจาะรังดุม
ก่ึงกลาง มีอินทรธนูสีเดียวกับเสื้ออยูํเหนือบําท้ังสองข๎างกว๎าง 3.5 ซ.ม. เย็บติดกับตะเข็บไหลํเสื้อ ด๎านคอกว๎าง
2.5 ซ.ม. มีปลายมน มกี ระดุมขา๎ งละ 1 เม็ดทีป่ ลายอนิ ทรธนูทางดา๎ นคอ กระโปรงสีเขียวแกํ ยาวคลุมปิดเขําลําง
ลงมา 2 นวิ้ ด๎านหน๎าและดา๎ นหลงั มีจีบหนั ออกด๎านขา๎ ง ข๎างละ 1 จีบ สวมทบั ชายเส้อื
5.3 ผ๎าพันคอรูปสามเหลีย่ มหน๎าจว่ั สีตามสีประจาเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา และมหี ํวงรดั ผา๎ ผูกคอ
5.4 เข็มขัดหนังสีดา กว๎างไมํเกิน 3 ซ.ม. หัวเข็มขัดเป็นรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ๎าทาด๎วยโลหะสีทอง มีลายนูน
ตราเครือ่ งหมายเนตรนารี
5.5 ถุงเท๎าและรองเทา๎ ใช๎แบบเดยี วกบั เครือ่ งแบบนกั เรยี น
๖. กระเป๋า
กระเปา๋ เคียง กระเป๋าเป้
๖.๑ กระเป๋าหนงั สือใหใ๎ ช๎กระเป๋าเปูของโรงเรียนตามแบบทโี่ รงเรียนกาหนด
๖.๒ กระเป๋าเคียง ให๎ใช๎กระเป๋าเคียงของโรงเรียน ตามแบบท่ีโรงเรียนกาหนด สาหรับใสํอุปกรณ๑การ
เรียน ไมํใช๎กระเป๋าเคียงอ่ืนๆ หากใช๎ถือวําผิดระเบียบของโรงเรียน โดยต้องใช้คู่กับกระเป๋าหนังสือเทําน้ันและ
ห๎ามขีดเขยี นหรอื ทาลวดลายใดๆ บนกระเป๋าทุกชนิด
๗. เครอื่ งประดบั
๗.๑ เครื่องประดับ ห๎ามนักเรียนใช๎เครื่องประดับ เชํน สร๎อยคอ สร๎อยข๎อมือ สร๎อยเชือกตํางๆ แหวน
ตาํ งหู และของมีคาํ ทกุ ชนดิ ถา้ สญู หายทางโรงเรยี นจะไมร่ บั ผิดชอบทุกกรณี
๗.๒ ห๎ามนักเรยี นใช๎เครอ่ื งสาอางทกุ ชนิด
๗.๓ แวํนตาสาหรับนักเรียนที่สายตาสั้นหรือสายตายาวหรือสายตาเอียงขนาดพองาม กระจกแวํนตา
แบบใสหรอื สสี ุภาพกรอบแวนํ ตาไมํมลี วดลาย ใชส๎ ีดา สีทอง สเี งนิ สนี า้ ตาล หรือสีกรมทาํ เทาํ น้ัน
๗.๔ นาฬิกา ให๎ใช๎สายโลหะสแตนเลส หรอื หนังขนาดตัวเรือนนาฬิกาเส๎นผําศูนย๑กลางไมํเกิน ๑ นิ้ว
โดยใชไ๎ ดเ๎ พียง สเี งิน สีทอง สีดา และสนี า้ ตาล เทํานัน้
๗.๕ ห๎ามเจาะและสักอวัยวะตํางๆ บนรํางกายเป็นอันขาด ยกเว๎นนักเรียนท่ีเจาะหูให๎ใช๎ก๎านใสและใสํ
เพยี งขา๎ งละ 1 รูเทําน้ัน
ประกาศ ณ วันที่ ๑6 พฤษภาคม ๒๕64
(นางสาววมิ ลนาถ บัวแกว๎ )
ผอู๎ านวยการโรงเรยี นสตรวี ัดระฆัง
รปู ภาพ
การแตง่ กายตามระเบยี บโรงเรยี นสตรีวัดระฆงั
วา่ ดว้ ยเครือ่ งแบบและการแตง่ กายของนกั เรียน พ.ศ. ๒๕6๔
เครื่องแบบชั้นมัธยมศึกษาตอนตน้
เคร่อื งแบบช้นั มัธยมศกึ ษาตอนตน้
เคร่อื งแบบช้นั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
เคร่อื งแบบช้นั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
ชดุ พละช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้
ชดุ พละช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้
ชดุ พละช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
เคร่อื งแบบยุวกาชาด ชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
+
เครือ่ งแบบเนตรนารี ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนตน้
ระเบยี บโรงเรยี นสตรวี ดั ระฆัง
ว่าดว้ ยการตัดคะแนน-เพ่ิมคะแนนความประพฤติของนักเรยี น พ.ศ.2564
-----------------------------
ด๎วยโรงเรียนสตรวี ดั ระฆงั เป็นโรงเรยี นสตรีลว๎ น มีนกั เรยี นจานวนมากหลากหลายแตกตํางกัน แตสํ ่งิ ที่
เปน็ วัตถุประสงคร๑ วํ มกัน คือมํุงอบรมปลกู ฝง๓ ใหน๎ กั เรียนมีอัตลกั ษณ๑ “กลั ยาณสี ตรีวดั ระฆงั ” หญิงท่งี ามพร๎อม
ดว๎ ยกิริยามารยาท
ในการน้ี เพื่อให๎การควบคุม กากับ ดูแล แก๎ไขพฤติกรรมนักเรียนมีหลักเกณฑ๑ในการดาเนินงานอยําง
เป็นระบบ สามารถปฏิบัติไดเ๎ ปน็ แบบเดียวกันอยํางมปี ระสิทธิภาพ โดยโรงเรียนพิจารณาแล๎วเห็นสมควรกาหนด
ระเบยี บแนวปฏิบตั ิวําด๎วยการตดั คะแนน-เพมิ่ คะแนนความประพฤตินักเรยี น พ.ศ. 2564 สอดคล๎องกับระเบียบ
วําด๎วยการลงโทษนักเรียนของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. 2548 เพื่อให๎เกิดความรํวมมือและความเข๎าใจตรงกัน
ระหวาํ งโรงเรียน ผ๎ูปกครอง และนกั เรยี น ในการสํงเสริมให๎นกั เรยี นมีคุณลักษณะท่พี ึงประสงค๑ ดังนี้
ข๎อ 1 ระเบียบน้ีเรียกวํา ระเบียบโรงเรียนสตรีวัดระฆัง วําด๎วยการตัดคะแนน-เพิ่มคะแนนความ
ประพฤตนิ กั เรียน พ.ศ. 2564
ขอ๎ 2 ระเบยี บน้ีใหใ๎ ชบ๎ งั คบั ตง้ั แตวํ นั ถดั จากวันประกาศเปน็ ต๎นไป
ขอ๎ 3 บรรดาระเบยี บหรอื คาสั่งอ่นื ใดของโรงเรยี นมสี วํ นกาหนดไว๎แล๎ว ซ่ึงขัดกับระเบียบน้ีให๎ใช๎ระเบียบ
นี้แทน
ขอ๎ 4 ระเบยี บน้ใี ชบ๎ ังคับกบั นกั เรยี นโรงเรียนสตรีวดั ระฆัง
ข๎อ 5 การตัดคะแนนและเพ่มิ คะแนนความประพฤตินกั เรียน มแี นวปฏบิ ตั ิดังนี้
1. กาหนดให๎ทุกคนมีคะแนนความประพฤติคนละ 100 คะแนน และนักเรียนจะต๎องรักษา
คะแนนนไ้ี วไ๎ มใํ ห๎ถกู ตัดเกิน ๕0 คะแนน ใน 1 ภาคเรียน
2. นักเรียนจะถูกตัดคะแนนตามแนวปฏิบัตินี้ เมื่อกระทาการใดๆ ท่ีเป็นการฝุาฝืนแนวปฏิบัติ
และข๎อบงั คบั ของโรงเรียน
3. ให๎พิจารณาโทษโดยคณะกรรมการวินัยและความประพฤตินักเรียน ครูท่ีปรึกษา หรือ
หัวหน๎าระดบั ช้นั
4. โทษทจี่ ะลงโทษนักเรยี นท่ีกระทาผดิ มี 4 สถาน ดังนี้
4.1 วํากลาํ วตกั เตอื น
4.2 ทาทณั ฑบ๑ น ใหเ๎ ป็นไปตามระเบยี บปฏิบตั วิ าํ ดว๎ ยการตัดคะแนนความประพฤติ
4.3 ตัดคะแนนความประพฤติให๎เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติวําด๎วยการตัดคะแนน
ความประพฤตินกั เรยี นของสถานศึกษากาหนด
4.4 ทากิจกรรมเพอ่ื ให๎ปรบั เปล่ียนพฤติกรรม
5. หลงั จากลงโทษนักเรยี นทก่ี ระทาความผดิ อันเป็นโทษสูงสุดแลว๎ หากนกั เรียนผ๎ูน้ันได๎กระทา
ความผิดอีกในทุกกรณี ให๎เชิญผู๎ปกครอง และครูท่ีปรึกษารับทราบ และทาบันทึกหลักฐานและให๎อยูํในความ
ดูแลของผ๎ูปกครอง
คะแนนท่ถี ูกตดั บทลงโทษ
น๎อยกวาํ 20 คะแนน วํากลําวตักเตือน บันทึกหลักฐานและแจ๎งผ๎ูปกครอง ครูที่ปรึกษารับทราบเป็น
ลายลักษณ๑อกั ษร
21-30 คะแนน
เชิญผ๎ูปกครองและครูท่ีปรึกษารับทราบให๎ความรํวมมือ ควบคุมดูแล แก๎ไข
31-50 คะแนน ปรบั ปรงุ พฤติกรรม และใหท๎ ากิจกรรมบาเพญ็ ประโยชน๑
เชิญผ๎ูปกครองและครูที่ปรึกษารับทราบการทาทัณฑ๑บน เพื่อปรับปรุงพฤติกรรม
51 คะแนนข้ึนไป และให๎ทากิจกรรม บาเพญ็ ประโยชนภ๑ ายนอก
เชญิ ผ๎ูปกครองและครูท่ปี รึกษา หัวหน๎าระดับ รับทราบพิจารณาให๎หนักเรียนเข๎า
คํายกจิ กรรมเพือ่ ปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมโดยผป๎ู กครองเปน็ ผ๎ูรับผดิ ชอบคําใช๎จําย
6. นักเรียนที่ถกู ตดั คะแนนต้งั แตํ 50 คะแนนขึ้นไป จะยงั ไมํพจิ ารณาในการเข๎าศึกษาตํอในระดับช้ันมัธยมศึกษา
ตอนปลาย และถ๎าถกู ตัดคะแนนตง้ั แตํ 40 คะแนนขึน้ ไป ไมผํ ํานวิชาหนา๎ ที่พลเมือง
7. การถูกลงโทษให๎ผ๎ูปกครองนานักเรียนไปดูแลเป็นเหตุให๎นักเรียนผ๎ูนั้นหมดสิทธ์ิในการสอบ
ปลายภาคในรายวชิ าใด นกั เรียนผูน๎ ้ันตอ๎ งมาดาเนนิ การตดิ ตามซอํ มเวลาเรียนจนมีสทิ ธิส์ อบได๎
8. นักเรียนผู๎ใดถูกตัดคะแนนความประพฤติเกิน 100 คะแนน ไมํวําความผิดคร้ังสุดท๎ายจะ
เป็นความผิดฐานใด ให๎คณะกรรมการวินัยและความประพฤตินักเรียนบันทึกหลักฐานและรายงานข๎อมูลให๎กลํุม
บริหารวิชาการบนั ทกึ ผลการประเมินคณุ ลกั ษณะของนกั เรยี นผน๎ู น้ั และขออนมุ ัตผิ บู๎ รหิ ารเปล่ียนทีเ่ รียน
9. การลงโทษนักเรียนผ๎ูใด ผู๎ลงโทษจะลงโทษได๎จะต๎องปรากฏข๎อเท็จจริงชัดแจ๎งวํานักเรียนผู๎
นน้ั ไดก๎ ระทาความผิดและสมควรถูกลงโทษ ทงั้ นใี้ หเ๎ ขา๎ คณะกรรมการวินัยและความประพฤตนิ นักเรยี น
10. เกณฑ๑การตัดคะแนนความประพฤติ
ตารางเกณฑก์ ารตัดคะแนนความประพฤติ
หมวดทวั่ ไป
ลาดบั ที่ ลกั ษณะพฤตกิ รรม หักคะแนน หมายเหตุ
1 มาไมํทนั เข๎าแถว (เวลา 07.40 น.) 2 วํากลาํ วตกั เตือน ทาพธิ ีหน๎าเสาธง
2 มาโรงเรยี นสาย หลงั เวลาเข๎าแถว เวลา 08.00 น. 5 วาํ กลําวตักเตอื น ทาพิธหี นา๎ เสาธง
3 ไมํเขา๎ แถวเคารพธงชาตติ อนเช๎า (ยกเว๎นทากิจกรรมตามท่ีครู 5 วํากลําวตักเตือน ทาพธิ ีหน๎าเสาธง
มอบหมาย)
4 ไมํเขา๎ -ออก ทางประตูโรงเรียน มีเจตนาหลบหนโี รงเรยี น 10 วาํ กลาํ วตักเตือน เชญิ ผู๎ปกครอง
5 ออกนอกบริเวณโรงเรียนโดยไมไํ ดร๎ บั อนุญาต 5 วํากลาํ วตกั เตอื น เชิญผู๎ปกครอง
6 ไมํนาบตั รนักเรียนมาโรงเรียน 5 วาํ กลําวตกั เตือน เชญิ ผูป๎ กครอง
7 ฝาุ ยบริหารงานบคุ คลเรยี ก แลว๎ ไมํมาพบโดยไมมํ ีเหตุผลอนั 5 วํากลําวตักเตอื น เชิญผูป๎ กครอง
สมควร
8 ใชก๎ ระเปา๋ ไมถํ ูกระเบียบ (ใชเ๎ ฉพาะกระเปา๋ ของโรงเรียนเทํานัน้ ) 5 ยึดของไว๎และวํากลาํ วตกั เตือน
9 นาอปุ กรณ๑ที่ไมํเหมาะสมมาโรงเรยี น เชํน ไพํ บุหรี่ ไดรเ๑ ปาุ ผม 10 ยึดของไว๎และเชิญผปู๎ กครองมารับคนื
10 ยมื หนงั สือหอ๎ งสมุด และไมสํ ํงคนื จนถูกทวงถาม 5 วาํ กลําวตกั เตือน เชิญผ๎ปู กครอง
11 ตดั หนงั สอื หรอื สงิ่ พมิ พใ๑ นห๎องสมดุ 10 วาํ กลําวตกั เตือน เชญิ ผปู๎ กครอง
12 ปลอมลายมือผ๎ปู กครอง ครู หรอื ผ๎ูอน่ื 10 พจิ ารณาโทษขน้ั สูง เชิญผูป๎ กครอง
13 จงใจไมนํ าผ๎ูปกครองมาพบ และ/หรือแอบอ๎างผ๎อู น่ื เป็น 10 วํากลาํ วตักเตอื น เชญิ ผป๎ู กครอง
ผปู๎ กครอง ในกรณีท่คี รเู รยี กพบ
14 ใชโ๎ ทรศัพทเ๑ คลื่อนท่ี และ/หรือเคร่ืองมือส่ือสารทุกชนดิ ระหวาํ ง 10 วาํ กลาํ วตกั เตือน
เรยี นหรอื ทากจิ กรรมอน่ื ๆ
15 พกอาวุธ/สงิ่ ของคล๎ายอาวุธ/วัตถรุ ะเบดิ มาโรงเรยี น 20 พิจารณาโทษขนั้ สงู
16 อ่ืนๆ ตามท่คี ณะกรรมการวินัยและความประพฤตินกั เรียน ตามท่คี ณะ
พจิ ารณา กรรมการฯ
เห็นสมควร
หมวดเครื่องแตง่ กาย
ลาดบั ที่ ลักษณะพฤติกรรม หักคะแนน หมายเหตุ
1 ใสํเส้ือท่ีไมปํ ก๓ ชื่อ-สกลุ อกั ษรยอํ ส.ร. และจุดวงกลมบอก 5 วาํ กลําวตักเตือน
ระดบั ช้ัน
2 ใสํเสือ้ ของผู๎อ่นื มาโรงเรยี น และเส้อื สถาบนั อ่นื 10 วํากลําวตกั เตอื น
3 สวมใสํเครื่องประดบั ที่ไมํเหมาะสมมาโรงเรยี น 5 วาํ กลาํ วตกั เตอื น
4 ใสเํ สื้อปลํอยชายเสื้อออกนอกกระโปรง ทงั้ ในและนอก 10 วาํ กลําวตกั เตือน
บริเวณโรงเรียนสวมกระโปรงสัน้ กวาํ ทก่ี าหนด
5 สวมเครอ่ื งแบบชุดพลศึกษาไมํถกู ต๎อง และไมํตรงกับวนั ที่ 5 วํากลาํ วตักเตือน
เรียน
6 ไมํสวมเส้ือบังทรง หรอื สวมเส้ือบังทรงในผดิ ระเบยี บ 10 วาํ กลําวตักเตอื น
7 ทรงผมไมํถกู ต๎องตามระเบียบของโรงเรียน ยอ๎ ม ดดั เปลยี่ น 10 วํากลําวตกั เตือน
สผี ม หรอื ซอยผม
8 แตงํ หนา๎ กันค้ิว ทาคว้ิ ถาวร สกั ขอบตา ใสํคอนแทคเลนส๑สี / 10 วํากลําวตกั เตอื น
บิก๊ อาย ศลั ยกรรมความงามที่ไมํเหมาะสมกบั สภาพนักเรยี น
9 อื่นๆ ตามทค่ี ณะกรรมการวินัยและความประพฤตินักเรยี น ตามทค่ี ณะ
พจิ ารณา กรรมการฯ
เห็นสมควร
หมวดการเรยี น
ลาดับที่ ลกั ษณะพฤตกิ รรม หักคะแนน หมายเหตุ
1 ขาดเรียนโดยไมํแจ๎งเหตผุ ล 2 วนั ตดิ ตํอกัน 5 วาํ กลาํ วตกั เตอื น
2 ไมํเข๎ารํวมกจิ กรรมท่ีโรงเรยี นดาเนนิ การ 5 วาํ กลาํ วตักเตือน
3 ไมเํ รียนตามตารางเรียนของตนเอง (คิดตามรายคาบ) 5 วาํ กลาํ วตักเตอื น
4 ไมํนาอปุ กรณ๑การเรยี นและกระเป๋ามาโรงเรียน หรือไมนํ ากลบั 5 วาํ กลาํ วตกั เตอื น
บ๎าน
5 ทุจรติ การสอบ 50 พจิ ารณาโทษข้ันสงู
6 อน่ื ๆ ตามทค่ี ณะกรรมการวนิ ัยและความประพฤตนิ กั เรียน ตามที่คณะ
กรรมการฯ
พิจารณา เหน็ สมควร
หมวดความประพฤติ
ลาดบั ท่ี ลักษณะพฤตกิ รรม หกั คะแนน หมายเหตุ
1 ไมํสารวมกริ ิยา มารยาท กลําววาจาไมสํ ุภาพ หยาบคาย ท้งั ใน 5 วํากลาํ วตักเตอื น
บริเวณและนอกบริเวณโรงเรียน
2 ทะเลาะววิ าท แตไํ มํใชก๎ าลังทารา๎ ยตอํ กนั และมีสํวนรํวมในการ 10 พจิ ารณาโทษขน้ั สูง
กระทาความผดิ
3 ทะเลาะวิวาท ใช๎กาลังทารา๎ ยกนั และมีสํวนรวํ มในการกระทา 40 พิจารณาโทษขัน้ สงู
ความผดิ
4 นาบคุ คลภายนอกมาทะเลาะววิ าทกบั นกั เรยี นในบริเวณ 50 พจิ ารณาโทษขน้ั สงู
โรงเรยี น
5 สูบบหุ ร่ี และ/หรอื มบี ุหรี่ไวใ๎ นครอบครอง/จาหนําย 40 พิจารณาโทษข้นั สูง
หมวดความประพฤติ
ลาดบั ท่ี ลกั ษณะพฤติกรรม หกั คะแนน หมายเหตุ
6 ด่ืมเครอ่ื งด่มื ท่ีมแี อลกอฮอล๑ หรอื มไี วใ๎ นครอบครอง/จาหนําย 50 พจิ ารณาโทษข้ันสูง
7 มพี ฤติกรรมใชส๎ ารหรือจาหนาํ ยสารเสพตดิ 50 พิจารณาโทษขนั้ สูง
8 มีหนงั สอื และ/หรอื ส่อื ลามกอนาจารไวใ๎ นครอบครองเพื่ออําน 20 พิจารณาโทษขนั้ สูง
หรอื ดู
9 วางตวั ไมํเหมาะสมกบั เพื่อนตํางเพศ หรือเพื่อนเพศเดยี วกัน 20 วาํ กลาํ วตกั เตือน
และประพฤติตัวสอํ ไปในทางชู๎สาว
10 แสดงการขํมขเํู พ่อื หวังทรพั ย๑ 30 พจิ ารณาโทษข้ันสูง
20 วาํ กลาํ วตักเตอื น
11 เท่ียวเตรํในสถานที่ทไี่ มเํ หมาะสม 40 พิจารณาโทษขน้ั สงู
50 พจิ ารณาโทษขน้ั สงู
12 เลนํ การพนนั 40 วํากลําวตักเตือน
50 พจิ ารณาโทษขน้ั สงู
13 ทาลายทรัพย๑สินของโรงเรยี น ผู๎อื่น และสาธารณสมบัติ ตามทคี่ ณะ
กรรมการฯ
14 แสดงกิริยา วาจา มารยาท อาการ ทีข่ าดความเคารพตํอครู เหน็ สมควร
15 ลักขโมย หรอื แอบอ๎างเป็นเจ๎าของสิ่งของของผอ๎ู นื่
16 อน่ื ๆ ตามทค่ี ณะกรรมการวินัยและความประพฤตินักเรยี น
พิจารณา
ลาดบั ที่ หมวดอาคารสถานท่ี หักคะแนน หมายเหตุ
1
ลักษณะพฤตกิ รรม 5 วาํ กลําวตกั เตือน ทากิจกรรม
2
ไมํรกั ษาความสะอาดในบริเวณห๎องเรียน/โรงเรยี น/เขตพ้นื ท่ี 10 วํากลําวตกั เตือน ทากิจกรรม
3 รับผดิ ชอบ
5 วํากลําวตกั เตอื น ทากิจกรรม
4 นาอาหาร/เคร่ืองดื่มขึ้นไปรับประทานบนอาคารเรียน และ
5 ออกนอกโรงอาหาร 30 พจิ ารณาโทษขัน้ สูง
เลนํ กฬี าทุกประเภทในหอ๎ ง/อาคารเรียนหรอื ในสถานที่ท่ีไมํ ตามท่คี ณะ
เหมาะสม กรรมการฯ
เหน็ สมควร
เขา๎ ไปมั่วสุมในสถานที่ท่ไี มเํ หมาะสม
อน่ื ๆ ตามทคี่ ณะกรรมการวนิ ัยและความประพฤตินกั เรียน
พจิ ารณา
หมายเหตุ โทษข้ันสูง คือ 1. ทาทัณฑ๑บนและทากิจกรรมบาเพญ็ ประโยชน๑ กจิ กรรมทางศาสนารํวมกับผป๎ู กครอง
และกิจกรรมอนรุ ักษ๑พลังงานและสิง่ แวดล๎อม ประเภทละ 2 กจิ กรรม
2. อยํใู นความดแู ลของผ๎ปู กครองระยะหนึง่ จนกวาํ พฤติกรรมจะดีข้ัน
3. อยูํในความดูแลของคณะกรรมการวนิ ัยและความประพฤตนิ กั เรยี นระยะหนงึ่
จนกวําพฤติกรรมจะดีขนั้
11. ของกลางที่ถูกยดึ ผปู๎ กครองตอ๎ งมารบั ดัวยตนเองภายใน 7 วนั นับจากวันที่ถกู ยดึ
มิฉะนนั้ จะถือวําไมํตอ๎ งการรับคืน และจะตอ๎ งถกู ตัดคะแนนเทํากับคร้ังแรก ส่งิ ของจะนาไปบรจิ าคให๎ผย๎ู ากไร๎
ตอํ ไป
ตารางเกณฑก์ ารเพิ่มคะแนนความประพฤติ
ลาดับที่ ลักษณะพฤตกิ รรม เพ่ิมคะแนน
1 เกบ็ สิ่งของหรือเงิน สงํ คืนเจ๎าของ 10
2 เป็นตวั แทนของโรงเรยี นเข๎ารํวมแขงํ ขนั กิจกรรมตํางๆ ภายนอกโรงเรยี น (ราย 5
กจิ กรรม)
3 ได๎รับรางวัลอันดับท่ี 1-3 ในการแขงํ ขันกิจกรรมตํางๆ ภายในโรงเรยี น 10
4 ไดร๎ บั รางวลั อนั ดับที่ 1-3 ในการแขงํ ขันกิจกรรมตาํ งๆ ภายนอกโรงเรียน 15
5 ไดร๎ ับการคดั เลอื กใหป๎ ฏิบตั ิหนา๎ ที่ หัวหน๎าชั้นเรียนของแตลํ ะปกี ารศกึ ษา 15
6 ไดร๎ ับการคดั เลือกใหป๎ ฏิบตั ิหน๎าท่ี รองหัวหน๎าชน้ั เรยี นของแตลํ ะปีการศึกษา 10
7 ไดร๎ ับการคดั เลือกให๎ปฏบิ ตั หิ นา๎ ท่ี ประธานคณะสี 15
8 ไดร๎ บั การคดั เลือกใหป๎ ฏบิ ัติหนา๎ ท่ี รองประธานคณะสี 10
9 ได๎รับการคัดเลือกใหป๎ ฏิบตั หิ นา๎ ที่ คณะกรรมการฝุายตาํ งๆ ในคณะสี 5
10 ไดร๎ บั การคดั เลอื กใหป๎ ฏิบัติหนา๎ ท่ี ประธานคณะกรรมการนักเรยี น 20
11 ไดร๎ บั การคดั เลอื กให๎ปฏบิ ัตหิ น๎าท่ี รองประธานคณะกรรมการนักเรียน 15
12 ไดร๎ ับการคดั เลือกให๎ปฏิบัตหิ นา๎ ที่ คณะกรรมการนกั เรียนฝุายตํางๆ 10
13 ใหข๎ ๎อมูลที่เป็นประโยชนต๑ อํ โรงเรียน 10
14 อทุ ิศตน เสียสละ ชํวยงานของโรงเรยี น/ครู จนเปน็ ที่ยอมรับ (มีจิตสาธารณะ) 10
15 ไดร๎ ับการยกยอํ งชมเชยจากชุมชน 10
16 สร๎างช่ือเสียงทีด่ ดี า๎ นตํางๆ ให๎กบั โรงเรียน เปน็ ทย่ี อมรับและศรัทธาจากสังคม 20
17 อืน่ ๆ ตามท่ีคณะกรรมการวนิ ัยและความประพฤตินกั เรยี นพจิ ารณา ตามทคี่ ณะ
กรรมการฯ
เห็นสมควร
12. เกณฑ๑การให๎คะแนนความดีความชอบ ครูทุกคนมีสิทธ์ิเสนอเพ่มิ คะแนนใหน๎ กั เรียนท่ีมี
ความประพฤติดีได๎ตามเกณฑ๑กาหนดตามตารางการเพิ่มคะแนนความประพฤติ และนักเรียนผน๎ู ั้นจะไดค๎ ะแนน
เมื่อคณะกรรมการวินยั และความประพฤตนิ กั เรยี นเห็นชอบ และจะต๎องมีหลักฐานชดั เจนหรือมผี ๎ูรับรองที่เชือ่ ถือ
ไดป๎ ระกอบเสนอขอเพิ่มคะแนนนกั เรยี น ไมสํ ามารถนาไปหักล๎างคะแนนท่ีถูกตดั แตํใหน๎ าไปเป็นเหตุผลในการขอ
ลดโทษไดต๎ ามสมควรแกํกรณี
13. นกั เรยี นท่ีได๎คะแนนความดี-ความชอบต้ังแตํ 25 คะแนนขน้ึ ไป และไมเํ คยถูกตดั คะแนน
ความประพฤติในปีการศึกษาน้ัน ทางโรงเรยี นจะมอบเกยี รตบิ ตั รแกํนกั เรยี นผน๎ู ั้นในวันเชดิ ชูเกยี รติ
14. ให๎รองผูอ๎ านวยการกลํมุ บรหิ ารงานบุคคลและคณะกรรมการวินัยและความประพฤติ
นกั เรยี นเป็นผ๎ูรักษาแนวปฏบิ ัติตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วนั ท่ี 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
(นางสาววมิ ลนาถ บวั แกว๎ )
ผูอ๎ านวยการโรงเรยี นสตรีวัดระฆงั