The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 29241, 2024-06-18 21:02:58

อารยธรรมกรีก

อารยธรรมกรีก

อารยธรรมกรีก จัดทำ โดย น.ส.ศตพร อภิบายทรัพย์ทวี ม.6/3 เลขที่24 บทเกี่ยวกับ อารยธรรม วิชวิา ประวัติวั ติศาสตร์


อารยธรรมกรีก ต้นกำ เนิดของอารยธรรมกรีก อารยธรรมกรีกโบราณกำ เนิดในหมู่เกาะทะเลอีเจียน (Aegean Sea) ที่ราบชายฝั่ง ทะเลอีเจียน และ บริเวณทางใต้ของคาบสมุทรอิตาลี ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ อารยธรรมกรีกโบราณแบ่งออกเป็น ๓ สมัย คือ อารยธรรมอีเจียน อารยธรรมเฮลเลนิก และ อารยธรรมเฮลเลนิสติก ๑. อารยธรรมอีเจียน แหล่งอารยธรรมกรีกเริ่มในบริเวณหมู่เกาะ ทะเลอีเจียน ประกอบด้วย อารยธรรมมิโนนและ อารยธรรม ไมซีเนียน ๑.๑ อารยธรรมมิโนน (Minoan Civilazation) เป็นอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองบนเกาะครีต (Crete) ซึ่ง เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลอีเจียน ชาวครีตมีความ เชี่ยวชาญในการเดินเรือค้าขายกับดินแดน ต่าง ๆ ชาวครีต ประดิษฐ์ตัวอักษรที่พบบนแผ่นดินเหนียว เริ่มจาก ตัวอักษรภาพ ต่อมาจึงพัฒนาเป็น เส้นตรงเรียก liner อารยธรรมมิโนนเจริญรุ่งเรื่องที่เมืองคนอสซุส (Knossus) ผู้นำ มีสถานะเป็น เสมือนเทพเจ้า (God-King) พระราชวัง ที่เมืองคนอสซุสมีขนาดใหญ่โตและวิจิตรงดงาม มีระบบ ประปาและภาพจิตรกรรมฝาหนัง ซึ่งแสดงถึงความ สามารถของชาวครีตทางด้านศิลปกรรม วิศวกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรม อารยธรรมมิโนนล่มสลายลง เนื่องจากชาวไมซีเนียนที่มาจาก ผืนแผ่นดินใหญ่ เข้ารุกรานและสามารถยึดครองเกาะครีตได้


๑.๒ อารยธรรมไมซีเนียน (Mycenaean Civilization) เริ่มเมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปีก่อน คริสต์ศักราช เมื่อชาวกรีกพวก แรกหรือพวกเฮลเลน (Hellen) ซึ่งต่อมาได้สร้างสรรค์อารยธรรม เรียกว่า ยน เป็นอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรื่องบนคาบสมุทร เพโลพอนนี้ซัส (Peloponnesus) พื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นภูเขา จึงเป็นอุปสรรคสำ คัญในการติดต่อระหว่างกัน ทำ ให้ผู้คนที่ตั้ง ถิ่นฐานบริเวณหุบเขากระจาย อยู่ทั่วไป และพัฒนาเป็นเมืองที่เป็นอิสระต่อกัน แต่ละเมืองจะมีป้อมปราการเป็นศูนย์กลาง ของเมือง ต่อมานครไมซีนี (Mycenae) ซึ่งมีป้อมปราการเมืองอยู่บนชัยภูมิที่เป็นชะง่อนหิน มีกำ แพงหินล้อมรอบ และตั้ง อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม สามารถควบคุมเส้นทางการค้าทางทะเลของดินแดนแถบนี้ จึงมีอำ นาจเหนือเมืองอื่น ๆ สามารถยึดเกาะครีต และรับอารยธรรมมิโนนมาปรับเป็นอารยธรรมตนเอง ชาวไมซีเนียนทำ การค้าแถบทะเลอีเจียน สินค้าของชาวไมซีเนียน คือ น้ำ มันมะกอก เครื่องปั้นดินเผาลวดลายสีดำ แดง เครื่องมือเครื่องใช้ จากโลหะและเครื่องประดับอัญมณี อันเป็นงาน หัตถกรรมซึ่งผลิตเพื่อเป็นสินค้าส่งออก พระราชวังคนอสซุสที่เกาะครีต


ลวดลายบนภาชนะเครื่องปั้นดินเผา อารยธรรมไมซีเนียนของกรีก อารยธรรมไมซีเนียนล่มสลายลงเพราะถูกพวกดอเรียน (Dorian) จากทางเหนือได้รุกราน และเข้าครอบครองเมือง ชาวดอ เรียนไม่สนใจอารยธรรมของพวกครีตและอารยธรรมไมซีเนียน ดังนั้นความเจริญดังกล่าวจึงเสื่อมโทรมลง ช่วงเวลาดังกล่าว ถือเป็นยุคมืดของอารยธรรมกรีกโบราณ แต่ในช่วงนี้ได้เกิดผลงานทางวรรณกรรมชั้นยอด ๒ เรื่อง คือ มหากาพย์อีเลียด (Illiad) และโอดิสซีย์ (Odyssey) ของมหากวีชื่อโฮเมอร์ (Homer) บท ประพันธ์นี้ได้กล่าวถึงเรื่องราวและบุคคลต่าง ๆ ใน สมัยอารยธรรมไมซีเนียนปะปนไปกับเรื่องราว ของสงครามเมืองทรอย (Troy) และอารยธรรม ของชาวไอโอเนียน (Ionian) ถือเป็นหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ที่สำ คัญ ภาพวาดสงครามเมืองทรอย ซึ่งเป็นสงครามระหว่างกองทัพของชาวกรีกและกรุงทรอย (บริเวณ ประเทศทูร์เดียในปัจจุบัน


๒. อารยธรรมเฮลเลนิกของกรีกหรืออารยธรรมกรีก (Hellenic Civilization, Greek Civilization) ชาวโรมันเรียกอารยธรรมในบริเวณตอนใต้ของคาบสมุทรอิตาลีและบริเวณที่ราบชายฝั่งทะเล อีเจียน รวมทั้งหมู่เกาะ ต่าง ๆ ว่า อารยธรรมกรีก ส่วนชาวกรีกเรียกตนเองว่า เฮลเลน (Hellen) และเรียกอารยธรรมของตนเองว่า อารยธรรม เฮลเลนิก (Hellenic Civilization) อารยธรรมเฮลเลนิกได้รับการขนานนามว่าเป็นอารยธรรมกรีกสมัยคลาสสิก กำ เนิดขึ้น เมื่อราว ๘๐๐ ปีก่อนคริสต์ ศักราช กรีกได้ฟื้นตัวจากยุคมืด จึงได้มีการสร้างอารยธรรมขึ้นมาใหม่ โดยชาวกรีกรวมตัวกันเป็นนครรัฐ (City State) เรียกว่า โพลิส (Polis) กระจายกันอยู่ในคาบสมุทร บอลข่านทางตอนใต้ เช่น มาซิโดเนีย (Macedonia) เทสซาลี (Thessalia) คอรินท์ (Corinth) อัตติกะ (Attica) ซึ่งมีนครรัฐเอเธนส์ (Athens) เป็นศูนย์กลางการปกครอง และ คาบสมุทรตอนใต้ ที่เรียกว่า เพโลพอนนีซัส (Peloponnesus) เป็นที่ตั้งของนครรัฐสปาร์ตา (Sparta) แต่ละโพลิสมี อิสระ ในการปกครอง โพลิสแต่ละแห่งพัฒนามาจากศูนย์การค้าและป้อมปราการ (Acropolis) ส่วนบริเวณ รอบ ๆ เป็นที่อยู่อาศัยของพลเมือง นครรัฐสปาร์ตา นครรัฐสปาร์ตา ชาวสปาร์ตาสืบเชื้อสาย มาจากพวกดอเรียน และมีชื่อเสียงทางด้าน รูปแบบการปกครอง เป็นแบบรัฐ ทหาร ชาว สปาร์ตาทั้งหมดจะได้รับการฝึกอบรมเพื่อ ให้กล้าหาญ อดทน มีระเบียบวินัย และมี ความสามารถในการสู้รบ นครรัฐสปาร์ตา มีการปกครองเป็นระบอบกษัตริย์ มีสภา ที่ปรึกษาเป็นสภาผู้อาวุโส (Council of Nobles) ประกอบด้วย สมาชิกจำ นวน ๓๐ คน ทำ หน้าที่เป็นที่ปรึกษาออกกฎหมายและ ตุลาการ มีสภาประชาชน (Assembly) สมาชิกประกอบ ด้วยชาวสปาร์ตาทุกคนที่ มีอายุ ๓๐ ปีขึ้นไป พิจารณาในเรื่องเกี่ยว กับการสงคราม การสืบตำ แหน่งกษัตริย์ และการ รักษาสิทธิของประชาชน ประชากร ส่วนใหญ่ทำ ไร่นา นครรัฐสปาร์ตาเป็นตัวอย่างของการ ปกครองระบอบคณาธิปไตย


นครรัฐเอเธนส์ นครรัฐเอเธนส์ เป็นดินแดนที่ไม่เหมาะแก่การกสิกรรม แต่เหมาะแก่การค้าขายทางทะเล เอเธนส์จึงมีการค้าและ อุตสาหกรรมเจริญรุ่งเรือง สินค้าส่งออกที่สำ คัญ คือ น้ำ มัน มะกอกและภาชนะบรรจุน้ำ มันมะกอก นครรัฐเอเธนส์ มีการ ปกครองถือเป็นรูปแบบของประชาธิปไตยครั้งแรก ของโลก กล่าวคือ มีสภาประชาชน (Assembly) สมาชิก ประกอบด้วย ชาวเอเธนส์ชายที่มีอายุครบ ๒๐ ปีทุกคน สภาประชาชนเป็นสภาที่มีอำ นาจสูงสุดในนครรัฐ ส่วนทาง ด้านการบริหารเป็น หน้าที่ของสภาห้าร้อย (Council of Five Hundred) สมาชิกมาจากการจับสลากของพลเมือง ที่มีอายุเกิน ๓๐ ปี ทำ หน้าที่ใน การบริหารประเทศคราวละ ๑ ปี ทางด้านตุลาการมีศาลประชาชนที่เรียกว่า เฮลลีอา (Heliaea) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน การปกครองระบอบประชาธิปไตยของนครรัฐเอเธนส์ ยั่งยืนมานานเกือบ ๒๐๐ ปี และเป็นพื้นฐานแนวความคิด ของการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยของโลกตะวันตก ในเวลาต่อมา นครรัฐเอเธนส์ ในระหว่าง ๔๙๐-๔๔๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช นครรัฐกรีกรวมตัวกันทำ สงครามกับอาณาจักร เปอร์เซีย (Greco-Persian Wars) กองทัพเปอร์เซียพยายามโจมตีนครรัฐกรีกเพื่อรวมนครรัฐต่าง ๆ เข้าไว้ใน อาณาจักรเปอร์เซีย มีการทำ สงครามขับเคี่ยวมาโดยตลอด ในท้ายที่สุดทั้ง ๒ ฝ่ายตกลงทำ สัญญายุติสงครามต่อกัน หลังสงครามดังกล่าวทำ ให้นครรัฐเอเธนส์กลายเป็นผู้นำ ของนครรัฐกรีกอื่น ๆ นครรัฐเอเธนส์มีความก้าวหน้าในทุก ๆ ด้าน เช่น ด้านการปกครอง ด้านเศรษฐกิจ ทางการศึกษา ศิลปวิทยาการ ตลอดจนวัฒนธรรม เรียกว่า ยุคทองของ นครรัฐเอเธนส์ อย่างไรก็ตาม ต่อมานครรัฐเอเธนส์ได้ทำ สงครามกับนครรัฐอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนครรัฐสปาร์ตา กับพันธมิตร บนคาบสมุทรเพโลพอนนีซัส สงครามนี้เรียกว่า สงครามเพโลพอนนีเซียน (Peloponnesian War) สงครามยุติลงโดยนครรัฐเอเธนส์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อิทธิพลของเอเธนส์ในฐานะเป็นนครรัฐชั้นนำ ของ นครรัฐกรีกจึง สิ้นสุดลง


3.อารยธรรมเฮลเลนิสติก (Hellenistic Civilization) ในระหว่าว่ง ๓๓๖-๓๒๓ ปีก่อนคริสริต์ศักราช แคว้นว้มาซิโซิดเนียซึ่งซึ่ตั้งตั้อยู่ทยู่างภาคเหนือ เจริญริรุ่งรุ่เรือรืงขึ้นขึ้ โดยพระเจ้าจ้ อะเล็กซานเดอร์มร์หาราช (Alexander the Great) ได้แผ่ขผ่ยายอำ นาจ ปกครองดินแดนกรึกรึทั้งทั้หมด พระองค์ทรง ทำ การรบขยายอาณาเขตไปถึงเปอร์เร์ซียซีอียิปยิต์ ได้ทรง รับรัขยาย สร้าร้งเมือมืงอะเล็กซานเดรียรี (Alexandria) ขึ้นขึ้ ทางตอนเหนือของอียิปยิต์ให้เห้ป็นศูนย์กย์ลางทางการค้า และศิลปวัฒวันธรรมของกรีกรีและนำ กองทัพแผ่อำผ่ อำนาจไปใน ทวีปวีเอเชียชีถึงประเทศอินเดีย ซึ่งซึ่นับเป็น ครั้งรั้แรกที่โลกตะวันวัตกได้แผ่ขผ่ยายอิทธิพธิลไปถึงโลกตะวันวัออก เกิดการ ผสมผสานความรู้ สังสัคมและ วัฒวันธรรมเกิดเป็นอารยธรรมเฮลเลนิสติกซึ่งซึ่เป็นอารยธรรมกรีกรีที่ผสมผสาน อารยธรรมต่าง ๆ ที่กรีกรีแผ่ขผ่ยายอำ นาจไปถึง ได้แก่ อียิปยิต์ เปอร์เร์ซียซีเมโสโปเตเมียมีและอินเดีย เมื่อมื่๓๒๓ ปีก่อนคริสริต์ศักราช พระเจ้าจ้อะเล็กซานเดอร์มร์หาราชสิ้นสิ้พระชนม์ ทำ ให้เห้กิดการแย่งย่ชิงชิอำ นาจกันเองใน หมู่ แม่ทัม่ ทัพนายกองที่ปกครองดินแดนต่าง ๆ ในที่สุดสุกรีกรีสูญสูเสียสีเอกราชและตกอยู่ใยู่น อำ นาจของจักจัรวรรดิโรมันมั แต่ความเจริญริทางด้านต่าง ๆ ของอารยธรรมกรีกรี โบราณ ได้แผ่ขผ่ยายไปทั่วทั่ ในทวีปวียุโรป แอฟริกริา และเอเชียชี ภาพพระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราชพิชิตเปอร์เซีย ณ ยุทธการที่อิสซัส


อารยธรรมกรีกรี โบราณที่มีอิมี อิทธิพธิลต่อมนุษยชาติ อารยธรรมกรีกที่สำ คัญที่มีอิทธิพลต่อมนุษยชาติจนถึงปัจจุบัน คือ แนวคิดด้านการปกครอง ระบอบ ประชาธิปไตยของนครรัฐเอเธนส์ และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (Olympic Games) ของนครรัฐกรีก ต่าง ๆ ที่เกิดจากการประกอบพิธีกรรมถวายเทพเจ้าซูส (Zeus) บนยอดเขาโอลิมปัส (Olympus) ซึ่งจัดขึ้นครั้ง แรกเมื่อ ๗๗๖ ปีก่อนคริสต์ศักราช พิธีเฉลิมฉลองนี้มีทั้งพิธีทางศาสนา การแข่งขัน การประพันธ์ดนตรี และ การแข่งขันกีฬาซึ่งเป็นต้นกำ เนิดกีฬาโอลิมปิกสืบต่อมา อารยธรรมกรีกที่สำ คัญอื่น ๆ ได้แก่ • ศาสนาและปรัชญา อารยธรรมกรีกโบราณมีความผูกพันกับศาสนามาก กษัตริย์และขุนนางถือว่าสืบเชื้อสาย มาจากเทพเจ้า นครรัฐเอเธนส์ถือว่าเทพเจ้าไอออน (Ion) โอรสของเทพเจ้ายะพอลโล (Apollo) เป็นบรรพบุรุษของตน เทพเจ้าที่ชาวกรีกนับถือมีหลายองค์ เช่น ซูส (Zeus) บิดาแห่งเทพเจ้า ไพซีตอน (Poseidon) เทพเจ้าแห่ง ทะเล อะโฟรไดท์ (Aphrodite) หรือวีนัสเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก นอกจากนี้กรีกได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำ เนิด วิชาปรัชญาแก่โลกตะวันตก นักปรัชญาผู้มีชื่อเสียง ได้แก่ โสเครตีส (Socrates) เป็นชาวเอเธนส์ที่ได้รับการยกย่องเป็น “บิดาแห่งปรัชญา” แนวคิดของโส คราดีสเน้นที่การแสวงหาความจริงด้วยตนเองและการใช้เหตุผล


เพลโต (Plato) เป็นผู้เขียนชีวประวัติและงานของโสคราตีส พร้อมทั้งแทรกความคิดเห็น ผลงานสำ คัญ คือ หนังสือเรื่องรีพับลิก (Republic) เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปกครองที่นำ ไปสู่ความสงบสุขได้ คือ การที่ผู้ ปกครองเป็นผู้มีความรู้ เพลโตได้รับสมญาว่าเป็น “บิดาแห่งวิชาปรัชญาสมัยใหม่” อริสโตเติล (Aristotle) อริสโตเติลเป็นนักปราชญ์ที่สนใจในศาสตร์ทุกแขนง ได้รับ สมญาว่าเป็น “บิดาแห่งศาสตร์สมัยใหม่” อริสโตเติลเชื่อว่ารูปแบบการปกครองที่ชอบธรรมที่สุดคือ ระบอบประชาธิปไตย ทั้งเพลโตและอริสโตเติลมีความเห็นตรงกันว่า รัฐหรือสังคมการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น โดยธรรมชาติ เพราะมนุษย์มีความ ต้องการที่จะอยู่ร่วมกัน และที่สำ คัญที่สุดคือ การจัดระเบียบ ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในสังคม


เฮโรโดตัส (Herodotus) เฮโรโตตัสได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งประวัติศาสตร์ จากผล งานการศึกษาเกี่ยวกับสงครามเปอร์เซีย หรือประวัติศาสตร์สงครามเปอร์เซีย (Persian Wars: History of Persian Wars) ซึ่งได้มาจากการสืบค้นรวบรวมข้อมูลอย่างกว้างขวาง และ เดินทางไปในที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสงครามดังกล่าว เช่น อียิปต์ เมโสโปเตเมีย เอเชีย ตะวันตก และตั้งชื่อหนังสือว่า อีสคตอเรีย (Historia) อันเป็นที่มาของคำ ว่า History หรือ ประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกที่มีชื่อเสียงอีกหลายคน เช่น ทูซีดี ดีส (Thucydides) เขียนเกี่ยวกับ สงครามเพโลพอนนี้เขียน (Peloponnesian War)


• สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมกรีกที่มีชื่อเสียง คือ การสร้างวิหารขนาดใหญ่จากหินอ่อน ตัว วิหาร เป็นห้องโถงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีห้องสำ หรับประติมากรรมเทพเจ้า ภายในวิหารไม่มีหน้าต่าง ได้รับ แสงสว่างจากประตูทางเดียวเท่านั้น มีเสาขนาดใหญ่เรียงเป็นแถวสำ หรับรองรับน้ำ หนัก ของหลังคา วิหาร ลักษณะของเสามี ๓ รูปแบบแตกต่างกัน คือ ดอริก (Doric) ไอโอนิก (Ionic) และคอรินเทียน (Corinthian) อันเป็นลักษณะสำ คัญที่เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมกรีกที่สืบทอด ต่อมาในโลกตะวันตก สถาปัตยกรรมวิหารของกรีกที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ วิหารของเทพีเอทีนา (Athena) ซึ่งเป็น เทพเจ้าแห่งสงครามผู้รักษานครรัฐเอเธนส์บนป้อมปราการ ชื่อว่า พาร์เธนอน (Parthenon) วิหารพาร์เธนอน ประเทศกรีซ หัวเสาแบบดอริก หัวเสาไอโอนิก หัวเสาแบบคอรินเทียน


- ด้านเกษตรกรรม พืชสำ คัญ ได้แก่ มะกอก และองุ่น - ด้านหัตถกรรม เกิดเครื่องปั้นดินเผากรีกโบราณ - ด้านกีฬา ต้นกำ เนิดกีฬา “โอลิมปิก” (Olympic Game, 776 B.C.) - ด้านศิลปกรรม รูปปั้นเทพเจ้า และวีรบุรุษที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ สมจริง ลายจิตรกรรมบนผนัง และภาชนะ ละคร “สุขนาฏกรรม” (Comedy) และ “โศกนาฏกรรม” (Tragedy) - ด้านการแพทย์ เกิดบิดาแห่งการแพทย์ “ฮิปโปเครตีส” (Hippocrates) - ด้านรัฐศาสตร์ กรุงเอเธนส์เป็นต้นแบบระบอบประชาธิปไตย - ด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ กำ เนิดทฤษฎีบทของ “ไพธากอรัส” (Pythagoras) เรขาคณิตแบบ “ยูคลิด” (Euclid) และ “อาร์คิมีดีส” (Archimedes) - ด้านดาราศาสตร์ “เอราทอสธีนีส” (Eratosthenes) คำ นวณความยาวรอบโลกได้ และ ค้นพบว่าการขึ้นลงของระดับผิวน้ำ บนโลกขึ้นกับดวงจันทร์


ราว ๆ 80% ของประเทศกรีซประกอบด้วยภูเขา และเนินเขา ด้วยเหตุนี้จึงทำ ให้กรีซเป็น ประเทศหนึ่งในยุโรปที่มีภูเขามากที่สุด ทางตะวันตกของกรีซจะเป็นทะเลสาบและพื้นที่ ชื้นแฉะพินดัส เป็นภูเขาทางตอนกลางซึ่งมีความสูงถึง 2,636 เมตร เมื่อพิจารณาดูแล้ว ภู เขาพินดัสอาจจะมีการขยายออกมาจากเทือกเขาดิแนริดได้ แนวเทือกเขาที่ต่อเนื่องกัน กลายเป็นแหลมเพโลพอนนีส เกาะคีทีรา(Kythera) และเกาะแอนติคีทีรา (Antikythera) พบที่จุดปลายของเกาะกรีก ภูมิภาคของประเทศกรีก


Click to View FlipBook Version