The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

น้องสรุปกิจกรรมการทดลอง 20 กิจกรรม1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Waranda Khamlun, 2022-08-27 00:52:26

น้องสรุปกิจกรรมการทดลอง 20 กิจกรรม1

น้องสรุปกิจกรรมการทดลอง 20 กิจกรรม1

2.2 ด้านสังคม
- เด็กสามารถทางานรว่ มกับผ้อู นื่ ได้
- เดก็ สามารถแสดงความคดิ เห็นของตนเอง และยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผูอ้ ืน่
- เด็กปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลงของห้องเรียน เอือ้ เฟื้อ แบ่งปัน รอคอยระหวา่ งปฏบิ ัติกิจกรรมได้

2.3 ดา้ นอารมณ์ – จิตใจ
- เด็กแสดงออกทางสีหนา้ ยิม้ แย้ม แจ่มใส สนุกสนาน ตื่นเตน้ ขณะปฏิบัติกจิ กรรม

2.4 ด้านการเคล่ือนไหว / รา่ งกาย
- เดก็ ได้ใช้กลา้ มเน้อื เล็ก-ใหญ่ ในการทากจิ กรรมได้อย่างคลอ่ งแคล่ว

รายงานผลการจดั กิจกรรมการทดลอง ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตรน์ อ้ ย ประเทศไทย
กิจกรรมท่ี 16 ชือ่ เงา

จดุ ประสงค์
1. เดก็ สามารถใชป้ ระสาทสมั ผสั ท้ังหา้ ในการหาคาตอบได้
2. เดก็ สามารถทาการทดลองสอ่ งกระจกสามารถสะทอ้ นภาพได้
3. เดก็ สามารถบนั ทกึ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้

ขั้นตอนการจัดกิจกรรม
1. ครสู นทนาแลกเปลย่ี นเรยี นรู้กบั นักเรียน นักเรยี นเคยหยบิ ไฟฉายมาสอ่ งในทม่ี ืดไหมคะ ครใู ชค้ าถาม
กระตุ้น
- นักเรียนคดิ วา่ แสงเมอ่ื นาวัตถทุ ีมขี นาดเท่ากัน ๒ ชิน้ มาวางหนา้ ฉาก ใช้ไฟฉายสอ่ งไปยังวตั ถุท้งั สอง
เกิดอะไรขึน้ เอ่ย
- วัตถุ ๒ ช้นิ มรี ะยะห่างต่างกนั เกดิ เงาเหมือนหรอื ตา่ งกนั อยา่ งไร
- ลองใช้ไฟฉายส่องไปท่วี ตั ถใุ นแนวเฉยี งจากด้านบน จากนน้ั ขยับวตั ถุเขา้ ออก เคยเห็นสิ่งที่เกดิ ขึน้
หรือไม่ เคยเหน็ ทีไหน
2. ครูอธิบาย การทดลอง ควรทาการทดลองในหอ้ งมืด นาวัตถสุ องช้นิ มาวางหนา้ ฉาก และมรี ะยะห่าง
ระหว่างวตั ถุ จากนนั้ นาไฟฉายสอ่ งไปท่วี ตั ถุท้ังสองชนิ้ ให้สงั เกตขนาดของเงา
- เมื่อส่องแสงไปยงั วัตถุทบึ แสงจะเกดิ เงาเน่อื งจากแสงจะเดินทางเปน็ เส้นตรง เมอื่ กระทบวัตถุ
ทบี แสง จะไม่สามารถผา่ นวัตถุทบึ แสงไปได้ ในขณะที่วัตถรุ อบ ๆ ยงั คงมแี สงผ่านตา จึงทาใหเ้ ราเหน็ เป็นเงา
เกิดขึ้น ดงั น้ัน เม่อื ทศิ ทางของแสงสอ่ งกระทบวตั ถุขนาดและทศิ ทางของเงาก็เปลย่ี นแปลงไปดว้ ยเช่นกัน
3. ครูให้นักเรยี นทดลองอยา่ งอิสระโดยมกี ารชีแ้ นะวิธีการทดลองในการทา

ผลที่เกดิ กับเด็ก
1. ผลที่เกิดขน้ึ ตามจดุ ประสงค์
1.1 เด็กใช้ประสาทสัมผสั ท้ังห้าในการหาคาตอบได้
1.2 เด็กสามารถปฏิบตั กิ ารทดลองและบอกไดว้ า่ เม่ือนากระจกสอ่ งไปท่ีสิ่งของหรือตุ๊กตา จะเกดิ เงา
1.3 เดก็ สามารถบนั ทกึ ผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองของตนเองได้

2. พฒั นาการความสามารถพ้ืนฐาน และพฒั นาการของเดก็ ปฐมวยั
2.1 ด้านการเรยี นรู/้ ดา้ นภาษา/ดา้ นสตปิ ญั ญา
ด้านการเรยี นรู้
- เด็กไดล้ งมือทาและทดลองดว้ ยตนเอง

- เดก็ ไดเ้ รียนรู้ในเรื่อง เงา จะเกิดด้านหลงั ของวัตถุทึบแสงและจะปรากฏในแนวเส้นตรงจาก
แหลง่ กาเนดิ แสงและวตั ถุเสมอ เมือ่ วตั ถุเปล่ียนแหล่งกาเนดิ แสงเคลอ่ื นท่ี ขนาดของเงากจ็ ะเปลี่ยนไป
และเคลื่อนท่ีได้ ถา้ ระยะห่างระหวา่ งกาเนดิ แสงและวัตถุลดลงเงาจะมขี นาดใหญ่ขน้ึ

ดา้ นภาษา
- เด็กใช้ทักษะการฟงั จากส่ิงท่เี พื่อนสนทนา ซกั ถาม โตต้ อบ
- เด็กตอบคาถาม แสดงความคดิ เหน็ ถึงสงิ่ ทีต่ นเองสังเกตเห็นจากการทดลอง
- เด็กวาดภาพส่ือสารและนาเสนอผลงานของตนเองให้เพื่อนๆฟังได
ด้านสตปิ ญั ญา
- เด็กคดิ และรจู้ ักการตัง้ คาถามในสงิ่ ทต่ี นสงสยั
- เด็กไดม้ กี ารพฒั นาสตปิ ญั ญา โดยเกดิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การคาดคะเน ทักษะการ
สงั เกต การเปรยี บเทยี บ การจาแนก การคานวณ เปน็ ตน้

2.2 ด้านสังคม
- เดก็ สามารถทางานรว่ มกับผู้อืน่ ได้
- เดก็ สามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง และยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผ้อู นื่
- เด็กปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลงของห้องเรียน เออื้ เฟอ้ื แบ่งปัน รอคอยระหวา่ งปฏบิ ัติกจิ กรรมได้

2.3 ด้านอารมณ์ – จิตใจ
- เดก็ แสดงออกทางสีหนา้ ย้มิ แย้ม แจม่ ใส สนกุ สนาน ต่นื เตน้ ขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม

2.4 ด้านการเคลอื่ นไหว / ร่างกาย
- เดก็ ไดใ้ ชก้ ลา้ มเนือ้ เล็ก-ใหญ่ ในการทากจิ กรรมได้อย่างคลอ่ งแคล่ว

รายงานผลการจัดกจิ กรรมการทดลอง ตามโครงการบ้านนกั วทิ ยาศาสตร์นอ้ ย ประเทศไทย
กจิ กรรมท่ี 17 ชอื่ งเู ต้นระบา

จุดประสงค์
1.เด็กสามารถใชป้ ระสาทสมั ผัสทัง้ หา้ ในการหาคาตอบได้
2. เด็กสามารถทาการทดลองไดร้ วู้ า่ การเคล่อื นทข่ี องอากาศรอ้ นและอากาศเย็นแตกต่างกนั
3. เดก็ สามารถบันทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้

ขัน้ ตอนการจดั กจิ กรรม
1. ครูตัง้ คาถามเด็กเคยเหน็ โคมลอยขน้ึ ทอ้ งฟ้าหรอื ไม่
2. เดก็ และคุณครชู ่วยกนั เตรยี มอุปกรณท์ จ่ี ะทาการทดลอง
3. เด็กทางูกระดาษโดยหยิบกระดาษวาดวงกลมคนละแผ่น ตดั ตามรอยแล้ววาดรปู ลายงตู ามจินตนาการ เจาะ

รตู รงกลางหัวงูและร้อยดา้ ยเข้าไปหรอื อาจใช้กระดาษกาวตดิ ตรงบริเวณทร่ี อ้ ยดา้ ยเพอื่ เพมิ่ ความแขง็ แรงใหก้ ับงู
กระดาษ

4.เดก็ แขวนงูกระดาษไวเ้ หนอื เปลวเทียนหรือโคมไฟ เดก็ คาดคะเนว่าจะเกดิ อะไรข้ึน
5.เด็กสังเกตดูการเคลอื่ นไหวของงกู ระดาษ (ระมัดระวังไมใ่ ห้งูกระดาษถกู เปลวเทียน) จะเหน็ วา่ เมอื่ งูกระดาษ
อยู่เหนอื ความร้อนนาน ๆ งจู ะหมุนเปน็ เกลยี ว เหมอื นงูเตน้ ระบา
6.เด็กและครสู นทนาและสรุปได้วา่ อากาศประกอบด้วยอนภุ าคเล็กๆจานวนมากท่เี ราไม่สามารถมองเห็นได้ ใน
อากาศรอ้ นโมเลกลุ ของอากาศจะเคลื่อนตัวได้เรว็ กวา่ อากาศเยน็ จึงทาใหง้ จู ะหมุนเป็นเกลียว
7.เด็กบนั ทึกผลการทดลอง โดยการวาดภาพ และนาเสนอผลการทดลอง

ผลทีเ่ กิดกับเด็ก

1. ผลทเี่ กิดขน้ึ ตามจดุ ประสงค์
1.1 เดก็ ใช้ประสาทสมั ผสั ทัง้ ห้าในการหาคาตอบได้
1.2 เดก็ สามารถปฏิบัติการทดลองและบอกไดร้ วู้ า่ อากาศร้อนสามารถเลือ่ นท่ไี ดเ้ รว็ กวา่ อากาศเยน็
1.3 เดก็ สามารถบนั ทกึ ผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองของตนเองได้

2. พฒั นาการความสามารถพนื้ ฐาน และพัฒนาการของเด็กปฐมวัย
2.1 ด้านการเรยี นร้/ู ดา้ นภาษา/ด้านสตปิ ัญญา
ดา้ นการเรยี นรู้
- เดก็ ไดล้ งมอื ทาและทดลองดว้ ยตนเอง
- เดก็ ได้เรยี นร้ใู นเรอื่ ง งูเต้นระบา เด็กไดร้ ู้วา่ อากาศประกอบด้วยอนภุ าคเลก็ ๆจานวนมากท่เี ราไมส่ ามารถ
มองเห็นได้ ในอากาศร้อนโมเลกุลของอากาศจะเคลอื่ นตัวได้เรว็ กวา่ อากาศเยน็

ด้านภาษา
- เด็กใชท้ ักษะการฟังจากสิ่งทเี่ พ่ือนสนทนา ซกั ถาม โตต้ อบ
- เด็กตอบคาถาม แสดงความคดิ เหน็ ถึงส่งิ ทต่ี นเองสงั เกตเห็นจากการทดลอง
- เดก็ วาดภาพสอื่ สารและนาเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พ่ือนๆฟงั ได้

ด้านสตปิ ัญญา
- เด็กคดิ และรู้จักการตง้ั คาถามในสิง่ ทต่ี นสงสยั

- เดก็ ได้มกี ารพฒั นาสตปิ ญั ญา โดยเกดิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เชน่ การคาดคะเนทักษะการ
สังเกต การเปรียบเทียบ เปน็ ต้น

2.2 ดา้ นสังคม
- เด็กสามารถทางานรว่ มกับผ้อู ื่นได้
- เด็กสามารถแสดงความคดิ เหน็ ของตนเอง และยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผู้อื่น
- เดก็ ปฏบิ ัติตามข้อตกลงของห้องเรียน เอ้อื เฟอ้ื แบ่งปัน รอคอยระหวา่ งปฏิบัตกิ จิ กรรมได้

2.3 ดา้ นอารมณ์ – จติ ใจ
- เดก็ แสดงออกทางสีหนา้ ยิม้ แยม้ แจ่มใส สนกุ สนาน ตน่ื เต้นขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม

2.4 ด้านการเคลอื่ นไหว / ร่างกาย
- เด็กไดใ้ ช้กลา้ มเนอื้ เล็ก-ใหญ่ ในการท ากจิ กรรมไดอ้ ย่างคล่องแคลว่

รายงานผลการจัดกจิ กรรมการทดลอง ตามโครงการบา้ นนกั วิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย
กจิ กรรมท่ี 18 ชือ่ ลกู ข่างหลากสี

จดุ ประสงค์
1. เพอ่ื ใหเ้ ด็กมีทกั ษะการสังเกต
2. เพื่อใหเ้ ด็กรจู้ ักเรียนรูเ้ รื่องความเฉ่ือยของดวงตา
3. เพอ่ื ใหเ้ ด็กทากจิ กรรมการทดลองดว้ ยตนเอง

ขั้นตอนการจัดกิจกรรม
1. ใหเ้ ดก็ ๆ ทาลูกขา่ งโดยใช้แผ่นซีดีเปน็ แบบวาดวงกลมลงบนกระดาษและตดั ออกมา
2. ให้เดก็ ๆ ชว่ ยกนั ระบายสลี งบนกระดาษวงกลม
3. ระบายสตี กแตง่ ลกู ข่างกระดาษด้วยสีเพยี งสองสี เช่น สเี ขยี วและสแี ดง ถา้ ระบายสลี ูกข่างด้วยสหี นึ่ง
มากกว่าอีกสีหน่ึง เม่ือลูกข่างหมนุ จะเกิดการผสมสีสวยงาม
4. ใช้กาวติดแผ่นซดี ีกบั แผ่นกระดาษวงกลมทรี่ ะบายสีแลว้ เจาะรูบนกระดาษใหต้ รงกับตาแหน่งของรบู น
แผ่นซีดลี งบนพ้ืน
5. วางลกู แก้วบนแผ่นซีดี ยึดให้แนน่ ด้วยดนิ น้ามันหรอื กาวร้อน
6. ให้เดก็ ๆ หมนุ ลกู ข่างแผน่ ซดี บี นพ้นื

ผลที่เกดิ กับเดก็

1. ผลที่เกดิ ขนึ้ ตามจุดประสงค์
1.1 เดก็ ได้สังเกตขณะทากิจกรรมวา่ มคี วามแตกตา่ งกนั
1.2 เม่อื ลกู ขา่ งหมนุ ลายและสีบนลูกข่างมีการเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
1.3 เดก็ แต่ละคนเหน็ ความแตกตา่ งเหมือนกันหรือไม่
1.4 เมื่อลกู ขา่ งหมนุ ด้วยความเร็วต่างกนั ลายและสขี องลูกขา่ งเปล่ียนแปลงอย่างไร

2. พัฒนาการความสามารถพื้นฐาน และพฒั นาการของเด็กปฐมวัย
2.1 ด้านการเรียนร/ู้ ดา้ นภาษา/ดา้ นสตปิ ญั ญา
ด้านการเรยี นรู้
- ส่ิงท่พี บเหน็ ในชีวิตประจาวัน ตาของเราไมส่ ามารถสงั เกตเหน็ ซี่ล้อรถหรือลายบนลูกขา่ งทก่ี าลงั หมุนได้
เน่อื งจากการเปลีย่ นภาพและสีเกิดขึน้ อยา่ งรวดเรว็ เราจงึ เห็นสีบนลูกขา่ งเป็นสีผสม เพราะตาของเราไม่
สามารถแยกแยะสีได้ เมอ่ื หมุนลูกขา่ งแดงเรว็ ๆ ตาของเราจะมองเหน็ เป็นสีเหลืองเปน็ ต้น
ดา้ นภาษา
- การฟัง เดก็ ใชท้ กั ษะการฟังจากสงิ่ ที่เพื่อนสนทนา ซกั ถาม โตต้ อบ
- การพดู ตอบคาถาม แสดงความคิดเห็นจากสง่ิ ทีต่ นเองคดิ อธบิ ายส่งิ ทพ่ี บเหน็
- การอา่ น อ่านตามใบกจิ กรรมท่ีครอู า่ นใหฟ้ ัง
- การเขียน เดก็ ส่วนใหญว่ าดภาพสอื่ สารสิง่ ได้เรียนรจู้ ากการทากจิ กรรมได้ชัดเจน
ด้านสติปญั ญา

เมื่อลูกขา่ งหมุนดว้ ยความเรว็ ต่างกนั ลายและสีของลูกข่างเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร เมอ่ื ลกู ขา่ งแผน่ ซีดี
หมนุ เรว็ ๆตาของเราจะไมส่ ามารถแยกแยะลวดลายหรือสสี นั ของลูกข่างไดแ้ ตจ่ ะเห็นแถบสีบนลกู ข่างที่มลี ายสี
ขาวดาหรือสีท่ผี สมกันได้ การมองเห็นสขี องเดก็ แต่ละคนจะแตกตา่ งกนั ออกไปไม่มใี ครผิดหรอื ถกู สรปุ แนวคดิ
ตาขอเรามองเหน็ สีตา่ งๆ เนื่องจากเซลสร์ บั สีในตาของเราทไี่ วตอ่ สี ๓ สีหลกั ไดแ้ ก่ แดง นา้ เงนิ และเขียวถูก
กระต้นุ ถ้ามีสหี ลากหลายสีเคลอ่ื นไหวและเปลีย่ นแปลงอยา่ รวดเรว็ ตาเราไมส่ ามารถแยกสตี า่ งๆไดท้ ัน จงึ เห็น
สีตา่ งๆผสมเปน็ สเี ดียวกนั ภาพรวมการทดลอง เด็กๆจะได้เรยี นรเู้ รือ่ งความเฉอื่ ย (การตอบสนองในการรบั
ภาพ)

2.2 ดา้ นสงั คม
เดก็ ๆ ได้ทากิจกรรมรว่ มกบั เพื่อน ร้จู ักมารยาทในการฟัง การพูดยกมือก่อนจะพดู ควบคุม

ตนเอง ปฏิบตั ติ ามข้อตกลงร่วมกนั ได้ เออื้ เฟื้อ แบง่ ปัน รอคอยได้ รับฟังความคิดเหน็ ของผ้อู น่ื สนทนา
แลกเปล่ยี นความคิดเห็นระหว่างทากจิ กรรม

2.3 ดา้ นอารมณ์ – จติ ใจ
- แสดงออกทางสหี น้ายม้ิ แย้ม แจ่มใส สนุกสนาน ต่นื เต้นกับสิง่ ทไ่ี ดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิ มสี มาธิ จดจ่อกบั กจิ กรรม
การทดลอง

2.4 ด้านการเคลือ่ นไหว / รา่ งกาย
- เดก็ ไดใ้ ชก้ ลา้ มเนอื้ เลก็ - ใหญ่ ในการทากจิ กรรมไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ เช่น การหยิบจับอปุ กรณ์ ในการทา
กจิ กรรมได้อยา่ งคล่องแคลว่

รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลอง ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย
กจิ กรรมท่ี 19 ชอื่ สนกุ กับไฟฟา้ สถิต

จุดประสงค์
1. เด็กไดเ้ รียนรแู้ ละใชป้ ระสาทสัมผสั ทั้งหา้ ในการหาคาตอบเกย่ี วกับ กิจกรรมสนุกกบั ไฟฟ้าสถติ
2. เดก็ สามารถทาการทดลองได้
3. เด็กสามารถทางานร่วมกับผู้อื่นอยา่ งมีความสุขได้

ขัน้ ตอนการจดั กิจกรรม
1. เดก็ และครูสนทนาซักถามเก่ียวกบั ประสบการณ์เดมิ เด็กๆเคยเหน็ ฝุ่นท่ีเกาะหนา้ ทีวหี รือไม่
2. ครูบอกชื่อกิจกรรมการทดลอง “สนกุ กับไฟฟา้ สถิต” และจดุ ประสงค์การเรียนรู้
3. เด็กและครชู ่วยกนั จดั เตรียมอุปกรณ์ ทบทวนชอ่ื สื่อ วัสดุ อปุ กรณ์และวธิ ีใช้วัสดุ อุปกรณน์ น้ั ๆ
4. เด็กทบทวนการทดลอง เรอ่ื งตดิ หนึบโดยไม่ตอ้ งใช้กาว และใหเ้ ด็กทาการทดลองตามลาดับ ขน้ั ตอน
- แบ่งกลุ่มออกเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 2 คน เด็กเลอื กอปุ กรณ์จากกลุม่ ของตนคนละชน้ิ ลกู โป่งคนละใบ
- เด็กถูลูกโป่งและวัสดุอืน่ ๆ เพ่อื สรา้ งไฟฟา้ สถติ และเรยี นรู้เรื่องการดงึ ดดู และผลักกันของวัสดุทม่ี ีไฟฟา้ สถิต
- เด็กทดลองทาให้วัตถชุ นิ้ เลก็ ๆลอยขึ้นมาตดิ ลูกโป่ง เช่น เศษกระดาษ
- เดก็ ทาการทดลองหลาย ๆ ครั้ง สังเกตการทดลอง และบอกส่ิงทเ่ี กิดขนึ้ ถ้าเดก็ ทาไมไ่ ด้ให้เด็กหาวิธีทา

หลายๆ แบบครูให้กาลงั ใจ กระตุ้นความสนใจ จนเดก็ ทาได้สาเร็จ ครูและเพอ่ื นชมเชย ปรบมอื ให้
5. เดก็ ๆ ช่วยกนั เกบ็ สือ่ อปุ กรณก์ ารทดลองเขา้ ที่ให้เรยี บรอ้ ย
6. เดก็ อภิปรายผล วา่ ทาการทดลองอย่างไร ผลการทดลองเป็นอย่างไร ทาไมจึงเปน็ เข่นน้นั
7. เดก็ และครรู ่วมกันสรปุ ผลการทดลองเรื่อง “สนุกกับไฟฟ้าสถิต”และครูให้ความรู้เพม่ิ เติมวา่ เมอ่ื นา

วสั ดบุ างชนดิ มาเสียดสีกนั จะทาใหเ้ กดิ ไฟฟ้าสถิต เมือ่ นาวัสดุทมี่ ไี ฟฟ้าสถติ ไปใกล้วัสดทุ ี่เล็ก เบา เชน่ เศษ
กระดาษและเม็ดโฟม จะเกดิ การเหนย่ี วนาไฟฟ้า ทาให้วสั ดชุ นิ้ เลก็ ๆ เสมอื นมีแรงมากระทาหรือถกู ดดู ขน้ึ มาได้

8. เดก็ ๆ บนั ทึกผลการทดลองโดยการวาดภาพการทดลอง และนาเสนอผลงานให้เพอ่ื นๆ และครฟู ัง

ผลที่เกดิ กบั เดก็
1. ผลทเี่ กดิ ข้นึ ตามจดุ ประสงค์
1.1 เด็กไดเ้ รยี นร้ใู นเรือ่ ง สนุกกบั ไฟฟา้ สถติ โดยใชป้ ระสาทสัมผัสท้งั ห้าในการหาคาตอบ
1.2 เด็กทาการทดลอง บันทึกผล สรปุ ผล และนาเสนอผลการทดลองของตนเองได้
1.3 เดก็ ทางานรว่ มกับผู้อืน่ ไดอ้ ย่างมีความสุข

2. พฒั นาการความสามารถพน้ื ฐาน และพฒั นาการของเดก็ ปฐมวัย
2.1 ดา้ นการเรียนรู/้ ด้านภาษา/สตปิ ญั ญา
ด้านการเรยี นรู้
- เดก็ ได้ลงมอื ทาการทดลองและเชื่อมโยงส่ิงทีเ่ กิดขึ้นจากการทากิจกรรมด้วยตนเอง
- เด็กได้เรยี นรู้ในเร่อื ง “สนกุ กับไฟฟา้ สถิต” วา่ เมื่อนาวัสดุบางชนดิ มาเสยี ดสีกันจะทาใหเ้ กิด
ไฟฟ้าสถติ เมือ่ นาวสั ดทุ มี่ ไี ฟฟา้ สถิตไปใกลว้ สั ดทุ เี่ ล็ก เบา เชน่ เศษกระดาษและเมด็ โฟม จะเกิดการเหน่ยี วนา
ไฟฟ้าทาใหว้ ัสดชุ ้ินเล็ก ๆ เสมือนมแี รงมากระทาหรอื ถูกดูดขึ้นมาได้
- เด็กบันทกึ ผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ด้านภาษา
- เด็กใชท้ กั ษะการฟงั จากสิ่งทเ่ี พื่อนสนทนา ซกั ถาม โตต้ อบ
- เดก็ ตอบคาถาม แสดงความคดิ เห็นถึงสง่ิ ที่ตนเองสังเกตเห็นจากการทดลอง
- เด็กวาดภาพสือ่ สารและนาเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พือ่ นๆฟงั ได้
ด้านสตปิ ญั ญา
- เดก็ คิดและร้จู กั การตง้ั คาถามในสิ่งท่ีตนสงสยั

- เดก็ ไดม้ กี ารพฒั นาสติปญั ญา โดยเกดิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การคาดคะเนทักษะการสังเกต
การจาแนกประเภท เปน็ ต้น

2.2 ด้านสังคม
- เด็กทางานรว่ มกบั ผอู้ ่นื ได้
- เด็กแสดงความคดิ เห็นของตนเอง และยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่ืน
- เด็กปฏิบัติตามขอ้ ตกลงของหอ้ งเรยี น เอ้อื เฟ้ือ แบง่ ปัน รอคอยระหวา่ งปฏิบตั ิกิจกรรมได

2.3 ด้านอารมณ์ – จิตใจ
- เดก็ แสดงออกทางสีหนา้ ยิ้มแยม้ แจม่ ใส สนุกสนาน ต่ืนเตน้ ขณะปฏบิ ัติกิจกรรม

2.4 ดา้ นการเคลอื่ นไหว / รา่ งกาย
- เด็กไดใ้ ช้กลา้ มเนือ้ เลก็ -ใหญ่ ในการท ากิจกรรมไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคลว่

รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลอง ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์นอ้ ย ประเทศไทย
กิจกรรมท่ี 20 ชื่อ ภเู ขาไฟระเบดิ

จุดประสงค์
1. เด็กสามารถเรยี นรู้ สังเกต เก่ียวกับ ภเู ขาไฟระเบิด
2. เดก็ แสดงความคิดเหน็ จากการทดลองได้
3. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้

ขนั้ ตอนการจดั กจิ กรรม
1. เดก็ และครูสนทนาเก่ียวกบั การป้นั ดินน้ามนั เป็นรปู ตา่ ง ๆ และการพบเห็นการเกิดฟองฟูของนา้ อัดลม ใน

ชวี ิตประจาวัน ขา่ วการเกดิ ภเู ขาไฟระเบิด และจะมาชว่ ยกนั สรา้ งภเู ขาไฟจาลองท่ีสวยงาม
2. เดก็ และครชู ว่ ยกันจดั เตรยี มอปุ กรณก์ ารทดลอง เรอ่ื ง ภเู ขาไฟระเบดิ
3. เดก็ ออกแบบภูเขาไฟและช่วยกันป้นั ดินนา้ มันหมุ้ ขวดสโี ปสเตอร์ตามแบบที่เดก็ คิดไวต้ ้ังไว้ในจานกน้ ลกึ เวน้

ช่องปากขวดไว้ เตรยี มนา้ มะนาว เบกกิ้งโซดา น้าเปล่าผสมสผี สมอาหาร ไว้ใหเ้ พียงพอสาหรับเดก็
4. เด็กคาดคะเนการทดลองกอ่ นจึงทาการทดลอง ใช้ชอ้ นกาแฟตักเบกกิ้งโซดาใสใ่ นปากปล่องภเู ขาไฟ

หยดน้ายาลา้ งจาน 2 หยดลงไป หยดนา้ สลี งไป เดก็ สังเกตการทดลอง ว่าเกดิ อะไรขน้ึ ตรงกับที่คาดคะเนหรอื ไม่ ถา้ ผล
การทดลองไมเ่ ปน็ ไปตามท่คี าดไว้ สามารถทาการทดลองซ้าได้หลาย ๆครั้ง ให้เด็กแสดงความคิดเห็นว่าจะใช้สารชนดิ ใด
ใส่ลงไปก่อน เพอ่ื ทาให้เกิดฟองฟูคล้ายกบั ภูเขาไฟระเบดิ มากทสี่ ดุ

5. เดก็ ๆ ชว่ ยกนั เกบ็ สือ่ อุปกรณ์ การเรียนต่าง ๆ เข้าท่ีให้เรียบร้อย
6. เดก็ อภิปรายผล จากการทดลองวา่ เห็นอะไรบ้างและสนทนากบั เดก็ ถึงการเปลยี่ นแปลงที่เห็นและที่สังเกต
ได้แลว้ ใหเ้ ด็ก ๆ แสดงความคดิ เหน็
7. เด็กและครูรว่ มกนั สรปุ การเรยี นรวู้ า่ เมื่อผสมเบกกิ้งโซดากับนา้ มะนาวท่มี รี สเปร้ียว(มคี ่าเป็นกรด) จะเกิด
กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซดข์ ึน้ และน้ายาลา้ งจานทาให้เกดิ ฟอง ชว่ ยให้เรามองเห็นก๊าซที่ถูกดนั ขึ้นมาบรเิ วณปากปลอ่ งภเู ขา
ไฟจาลอง
8. เดก็ วาดภาพระบายสี บันทกึ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองเล่าใหเ้ พอ่ื นๆ และครฟู งั
9. เดก็ และครูนาวสั ดุ อปุ การณก์ ารทดลองแตล่ ะกจิ กรรมจดั วางไวท้ ี่มุมวทิ ยาศาสตร์ เพ่อื ให้เดก็ ท่ีสนใจได้ทา
การทดลอง และนาผลงานการทดลองจัดแสดงผลงานตอ่ ชมุ ชนในโอกาสตอ่ ไป

ผลที่เกดิ กบั เด็ก
1. ผลท่ีเกดิ ข้นึ ตามจุดประสงค์
1.1 เดก็ ใช้ประสาทสัมผสั ท้ังห้าในการหาคาตอบได้
1.2 เดก็ ได้แสดงความคดิ เหน็ ในการทดลอง เรอ่ื งภูเขไฟระเบิด ว่าควรใส่สารใดกอ่ นจงึ ทาใหเ้ กิดฟองฟูมากทีส่ ดุ
1.3 เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองของตนเองได้

2. พัฒนาการความสามารถพื้นฐาน และพฒั นาการของเด็กปฐมวยั
2.1 ดา้ นการเรียนร/ู้ ด้านภาษา/ดา้ นสตปิ ัญญา
ดา้ นการเรยี นรู้
- เดก็ ได้ลงมือทาและทดลองดว้ ยตนเอง

- เด็กไดเ้ รยี นรู้ในเร่อื ง ภเู ขาไฟระเบิด พบว่าเมือ่ ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ามะนาวจะเกดิ กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์
ขึ้นน้ายาล้างจานทาให้เกดิ ฟอง ทาให้เรามองเห็นฟองฟูทถ่ี กู ดนั ข้นึ มาบรเิ วณปากปลอ่ งภเู ขาไฟจาลอง
- เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ดา้ นภาษา
- เดก็ ใช้ทักษะการฟงั จากส่ิงท่เี พ่อื นสนทนา ซักถาม โตต้ อบ
- เดก็ ตอบคาถาม แสดงความคดิ เห็นถึงสิง่ ท่ตี นเองสังเกตเห็นจากการทดลอง
- เดก็ วาดภาพสื่อสารและนาเสนอผลงานของตนเองให้เพอื่ นๆฟงั ได้
ด้านสตปิ ญั ญา
- เดก็ คดิ และรูจ้ ักการต้ังคาถามในสงิ่ ทตี่ นสงสยั
- เดก็ ได้มกี ารพัฒนาสติปัญญา โดยเกดิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การคาดคะเน ทกั ษะการ
สงั เกต การเปรยี บเทยี บ เป็นตน้

2.2 ด้านสงั คม
- เดก็ สามารถทางานรว่ มกับผ้อู ืน่ ได้
- เดก็ สามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่นื
- เดก็ ปฏิบตั ิตามข้อตกลงของห้องเรยี น เอ้อื เฟอื้ แบ่งปัน รอคอยระหวา่ งปฏบิ ตั กิ จิ กรรมได้

2.3 ดา้ นอารมณ์ – จิตใจ
- เด็กแสดงออกทางสหี นา้ ยิม้ แย้ม แจม่ ใส สนกุ สนาน ตืน่ เต้นขณะปฏบิ ัติกิจกรรม

2.4 ด้านการเคลื่อนไหว / ร่างกาย
- เดก็ ได้ใชก้ ลา้ มเน้อื เลก็ -ใหญ่ ในการท ากิจกรรมได้อย่างคล่องแคล่ว


Click to View FlipBook Version