ศิศิศิ ล ศิ ลปปะะไไททยย รูปแบบลายไทยประเภทต่างๆ
สารบัญ เรื่อ รื่ ง ลายไทย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลายกระหนกสามตัว ตั…………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ลายกระจัง จั………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลายบัว บั……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลายประจำ ยาม……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์…ห์……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายพุ่ม พุ่ ข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ ลายหน้า น้ ขบ……………………………………………………………………………………………………………………………… ลายหน้า น้ กระดาน……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลายลูกฟัก ฟั………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลายรัก รั ร้อ ร้ ย………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลายเกลีย ลี ว………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลายกาบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลายก้า ก้ นต่อดอก………………………………………………………………………………………………………………………………………………… หน้า น้ ที่ ๑ ๒ ๑๐ ๑๘ ๒๕ ๒๖ ๒๗ ๒๘ ๒๙ ๓๑ ๓๒ ๓๓ ๓๔
สารบัญ เรื่อ รื่ ง ลายมะลิเ ลิ ลื้อ ลื้ ย ...........................................................................................................................................................…… ลายเข้ม ข้ ขาบ .............................................................................................................................................................…… ลายเครือ รื เถา ............................................................................................................................................................…… ลายก้า ก้ นขด ..............................................................................................................................................................…… ลายกรวยเชิง ชิ............................................................................................................................................................….. ลายเฟื่อง ...................................................................................................................................……….......................... ลายสาหร่ายรวงผึ้ง ผึ้..................................................................................................................................................…… ลายค้า ค้ งคาว………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลายดาว……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลายดอกลอย……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลายราชวัติ วั…ติ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลายก้า ก้ นแย่ง………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายรวงข้า ข้ ว………………………………………………………………………………………………………………………………………………… หน้า น้ ที่ ๓๕ ๓๖ ๓๗ ๓๘ ๓๙ ๔๐ ๔๑ ๔๒ ๔๓ ๔๔ ๔๕ ๔๖ ๔๗
ความหมายของลายไทย คำ ว่า ว่ “ลาย” ในพจนานุกรมฉบับ บั ราชบัณ บั ฑิต ฑิ ยสถาน อธิบ ธิ ายว่า ว่ “ลาย ๑ น.แบบรูป ซึ่ง ซึ่ ประกอบขึ้น ขึ้ ด้ว ด้ ยเส้น ส้ เขีย ขี นหรือ รื แกะสลัก ลั เช่น ลายเครือ รื เถา ลายใบเทศ;โดยปริย ริ าย หมายถึง ถึ ลัก ลั ษณะสำ คัญ คั ของตน เช่น ทิ้ง ทิ้ ลาย ไว้ล ว้ าย.” โดยมีไมี ด้อ ด้ ธิบ ธิ ายคำ ว่า ว่ ลายไทยไว้ มีแ มี ต่คำ อธิบ ธิ ายในลูกคำ อื่น อื่ ๆ เช่น ลายขัด ขั ลายคราม ลายน้ำ ทอง ลายสอง ลายฮ่อ เป็นต้น ต้ “ลายไทย” หมายถึง ถึ เส้น ส้ ที่เ ที่ ขีย ขี นหรือ รื แกะสลัก ลัให้เ ห้ป็นรูปต่างๆ ที่บ่ ที่ ง บ่ บอกถึง ถึ ภูมิ ภู ปัมิ ญ ปั ญาของคนไทย ที่มี ที่ จิ มี น จิ ตนาการในเชิง ชิ สร้า ร้ งสรรค์ที่ ค์ มี ที่ แ มี บบอย่างเฉพาะตัว ตั โดยช่างมองเห็น ห็ ความงามของธรรมชาติที่ ติ ต้ ที่ อ ต้ งมีก มี ารเสื่อ สื่ มสลายไปตามกาลเวลา จึง จึ เกิด กิ แรงจูงใจที่จ ที่ ะเก็บ ก็ ความงามของธรรมชาติไติ ว้ใว้ ห้ค ห้ งอยู่โดยใช้วิ ช้ ธี วิ ก ธี าร ทางศิลปะ เช่นจิต จิ รกรรม ประติม ติ ากรรม สถาปัต ปั ยกรรม เป็นต้น ต้ จึง จึ มีก มี ารให้ค ห้ วามหมายของลายไทยตามลัก ลั ษณะวิธี วิ ก ธี ารสร้า ร้ งสรรค์ ศิลปะไทย คือ จิตวิญญาณของชาติไทย ลายไทย ๑
๑. ลายกระหนกสามตัว กระหนกสามตัว ตั หรือ รื เรีย รี กว่า ว่ กนกนาง และคำ ว่า ว่ “นาง” ก็เ ก็ ท่ากับ กั “แม่” ม่ ฉะนั้น นั้ รวมกัน กั แล้ว ล้ เป็น “แม่ก ม่ นก” กระหนกสามตัว ตั ถือ ถื เป็นส่วนสำ คัญ คั ที่สุ ที่ สุ ด ในการเขีย ขี นลายไทย เพราะกระหนกสามตัว ตั คือ คื แม่บ ม่ ทของลายไทย เป็นที่ร ที่ วม ของ ก้า ก้ น เถา กาบใหญ่ กาบเล็ก ล็ กลีบ ลี เลี้ย ลี้ ง ตัว ตั กระหนก และยอดกระหนก หรือ รื องค์ปค์ ระกอบที่สำ ที่ สำคัญ คั ๓ อย่างหลัก ลั ๆ คือ คื ตัว ตั เหงา กาบกระหนก และยอด กระหนก รูปแบบของลายกระหนกสามตัว ตั มีห มี ลายรูปแบบ ได้แ ด้ ก่ กระหนกเปลว กระหนกใบเทศ กระหนกหางโต กระหนกหางหงส์ห ส์ รือ รื หางกิน กิ นร กระหนกนาค กระหนกรวงข้า ข้ ว และกระหนกผัก ผั กูด สัด สั ส่วนตัว ตั กระหนกถอดออกมาจากรูปสามเหลี่ย ลี่ มทแยงมุม มุ จาก กรอบสี่เ สี่ หลี่ย ลี่ มผืน ผื ผ้า ผ้ กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๓ ส่วน ชื่อ ชื่ ลาย:กระหนกสามตัวตั จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๒
กระหนกเปลว รูปแบบของลายกระหนกเปลว ก. ที่เที่ป็นลัก ลั ษณะแท้ คือ คื เปลวเครือ รื เถา ข. ที่เที่ป็นลัก ลั ษณะผสม คือ คื กระหนกครึ่ง รึ่ ซีก ซี หรือ รื กระหนกกิน กิ รี หรือ รื “กระหนกนาง” “กระหนกเปลว” มาจากกระหนกสามตัว ตั แต่เอาช่อกระหนกด้า ด้ นหลัง ลั ออก แล้ว ล้ เขีย ขี นกลีบ ลี เลี้ย ลี้ งแทน กระหนกเปลว มาจากเปลวเพลิง ลิ การเขีย ขี นยอดกระหนกต้อ ต้ งพริ้ว ริ้ สะบัด บัไปมา จึง จึ ทำ ให้เ ห้ กิด กิ ชีวิ ชี ต วิ ชีว ชี า ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายกระหนกเปลวเป็นศิลป์ที่มีที่ค่ มีค่ ายิ่งยิ่ ในงานด้า ด้ นวิจิ วิ ต จิ รกรรม และหัต หั ถกรรม ทำ ให้ผ ห้ ลงานเกิด กิ ความงามสูงขึ้น ขึ้ เป็นการแสดงออกของศิลปะไทย ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนปลาย โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น สัด สั ส่วนตัว ตั กระหนกถอดออกมาจากรูปสามเหลี่ยลี่มทแยงมุม มุ จากกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๓ ส่วน ชื่อ ชื่ ลาย:กระหนกเปลว จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๓
กระหนกใบเทศ รูปแบบของลาย มี ๓ ลัก ลั ษณะ คือ คื ก. ที่เที่ป็นลัก ลั ษณะแท้ คือ คื ใบเทศเครือ รื เถา ข. ที่เที่ป็นลัก ลั ษณะผสม คือ คื กระหนกครึ่ง รึ่ ซีก ซี หรือ รื กระหนกกิน กิ รีอ รี ยู่ในทรงสามเหลี่ยลี่มชายธงหรือ รื เนื่องมาจาก ดอกบัว บั หลวง ค. กระหนกเปลวใบเทศ (เปลวเพลิง ลิ ผสมใบเทศ) “กระหนกใบเทศ” เป็นกระหนกชนิดหนึ่งที่ไที่ด้ค ด้ วามนึกคิด คิ มาจากต้น ต้ไม้เ ม้ งิน งิ ทอง และต้น ต้ ดอกใบฝ้ายเทศ ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ใช้สำ ช้ สำหรับ รัประดับ ดั สิ่งสิ่ก่อสร้า ร้ ง เช่น งานแกะสลัก ลั และลายรูปปั้น ปั้ หรือ รื ลายรดน้ำ ลงรัก รัปิดทอง ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนปลาย โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น สัด สั ส่วนตัว ตั กระหนกถอดออกมาจากรูปสามเหลี่ยลี่มทแยงมุม มุ จากกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๓ ส่วน ทรงภายในแบ่ง บ่ ออกเป็นสามช่อ แต่การซอยบากแบ่ง บ่ ตัว ตั ภายในทรงของตัว ตั กนก ใบเทศต่างกัน กั กับ กั กนกสามตัว ตั ประกอบด้ว ด้ ย ก้า ก้ นลัก ลั ษณะกลม ทรงกระบอก ทรงก้า ก้ นโค้ง ค้ เป็นก้า ก้ นเดีย ดี ว ก้า ก้ นกำ ลัง ลั แยกต่อช่อและก้า ก้ นทับ ทั ซ้อ ซ้ นกัน กัในบางแห่ง การซอยบากแบ่ง บ่ เป็นแข้ง ข้ สิง สิ ห์ แล้ว ล้ใช้ก ช้ ระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย (บัว บั) ชื่อ ชื่ ยอดกนกใช้แ ช้ ข้ง ข้ สิง สิ ห์ย ห์ อดสบัด บัประดับ ดั ชื่อ ชื่ ลาย:กระหนกใบเทศ จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๔
กระหนกหางโต รูปแบบของลาย ก.กระหนกหางโตเปลว(เครือ รื เถา) ข.กระหนกหางโตใบเทศ ค.กระหนกหางโตเปลวใบเทศ ง.กระหนกหางโตก้า ก้ นขดเปลว จ.กระหนกหางโตก้า ก้ นขดใบเทศ ฉ.กระหนกหางโตก้า ก้ นขดเปลวใบเทศ ช.กระหนกหางโตขบคาบ ซ.กระหนกหางโตหน้า น้ สัต สั ว์ กระหนกหางโตรวงข้า ข้ ว “กระหนกหางโต” ได้ค ด้ วามนึกคิด คิ มาจากหางสิง สิโต จะเห็น ห็ ได้ว่ ด้ า ว่ โคนหางของสิง สิโตมีลั มี ก ลั ษณะหางโต หางเรีย รี วเรีย รี บ มีข มี นยาวเป็นพู่ที่พู่ ปที่ลายหาง ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ : ลายกระหนกหางโตมัก มัใช้ใช้ นงานแกะสลัก ลั ปูนปั้น ปั้ ลงรัก รัปิดทอง และประดับ ดั มุก มุ ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนปลาย โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น สัด สั ส่วนตัว ตั กระหนกถอดออกมาจากรูปสามเหลี่ยลี่มทแยงมุม มุ จากกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๓ ส่วน อยู่ในรูปทรงเดีย ดี วกับ กั กระหนกใบเทศ แบ่ง บ่ ตัว ตั ลายออกเป็น ๓ ส่วน ในแต่ละส่วนแบ่ง บ่ ออกเป็นก้า ก้ น ใช้ใช้ บเทศติด ติ ที่ปที่ลายก้า ก้ นทั้ง ทั้ ๓ ส่วน และแบ่ง บ่ เป็นลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์เ ห์ กาะติด ติ ก้า ก้ น ปลายก้า ก้ นรูปทรงใบเทศในลายกระหนกหางโต จะเขีย ขี นเป็นกระหนกกลับ ลั ตัว ตั ปลายยอดสะบัด บั พริ้ว ริ้ ชื่อ ชื่ ลาย:กระหนกหางโต จากhttps://online.anyflip.com สืบสืค้นค้เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๕
กระหนกหางหงส์ หรือหางกินนร รูปแบบของลาย ลายกระหนกหางหงส์ส ส์ ามารถเขีย ขี นขึ้น ขึ้ได้เ ด้ป็นแบบต่างๆ กัน กั อาจจะเป็น กระหนกครึ่ง รึ่ ซีก ซี เปลว กระหนกครึ่ง รึ่ ซีก ซี เปลวใบเทศ กระหนกครึ่ง รึ่ ซีก ซี หางโต ซึ่งซึ่กระหนกครึ่ง รึ่ ซีก ซี จะอยู่ในทรงของครึ่ง รึ่ ซีก ซี ดอกบัว บั มีก มี ารแบ่ง บ่ กระหนก ออกเป็น ๓ ส่วน คือ คื ตัว ตั เหงา กาบ ยอด เป็นกระหนกตัว ตั เดีย ดี วกัน กั จะประดิษ ดิ ฐ์เ ฐ์ป็นลัก ลั ษณะเปลวทั้ง ทั้ หมดหรือ รื เปลวใบเทศ หรือ รื หางโต ก็ไก็ ด้ เรีย รี กรวมกัน กั ว่า ว่ กระหนกหางหงส์ทั้ ส์ ง ทั้ สิ้น สิ้ “กระหนกหางหงส์ หรือ รื หางกิน กิ นร” มาจากรูปแบบลวดลายที่อที่ยู่บริเ ริ วณหางของสัต สั ว์หิ ว์ ม หิ พานชนิดหนึ่ง ซึ่งซึ่เรีย รี กว่า ว่ "หงส์"ส์ ลัก ลั ษณะคล้า ล้ ยนก ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั สุโขทัย ทั ที่ไที่ด้รั ด้ บ รั มาจากศิลปะลวดลายขอม โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น สัด สั ส่วนตัว ตั กระหนกถอดออกมาจากรูปสามเหลี่ยลี่มทแยงมุม มุ จากกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๓ ส่วน ชื่อ ชื่ ลาย:กระหนกหางหงส์ จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ กระหนกหางหงส์มั ส์ ก มัใช้ปช้ ระดับ ดั หน้า น้ บัน บั อาคาร โบสถ์ หรือ รื วิห วิ ารทรงไทยแถวลุ่ม ลุ่ น้ำ เจ้า จ้ พระยาที่หที่ลัก ลั ๆ จะมี ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ส่วนของที่เที่รีย รี กว่า ว่ หางหงส์นั้ ส์ น นั้ เนื่องจากเป็นงานไม้ ถ้า ถ้ จะทำ ให้มี ห้ ร มี าย ละเอีย อี ดมาก การดูแลรัก รั ษาที่ต้ที่อ ต้ งทนแดดทนฝนก็ย ก็ ากมาก จึง จึ ลดทอนลายจากกระหนกหางหงส์ใส์ ห้เ ห้ รีย รี บง่า ง่ ยขึ้น ขึ้ ๖
กระหนกนาค รูปแบบของลาย ลายกระหนกนาคสามารถเขีย ขี นขึ้น ขึ้ โดยกระหนกครึ่ง รึ่ ซีก ซี จะอยู่ในทรงของครึ่ง รึ่ ซีก ซี ดอกบัว บั มีก มี ารแบ่ง บ่ กระหนก ออกเป็น ๓ ส่วน คือ คื ตัว ตั เหงา กาบ ยอด เป็นกระหนกตัว ตั เดีย ดี วกัน กั มีก มี ารแบ่ง บ่ ส่วนลวดลายต่างๆ สอดไส้ และเขีย ขี นสบัด บั ส่วน ยอด เป็นรูปแบบ กระหนกครึ่ง รึ่ ซีก ซี นาค ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ กระหนกนาค มัก มั นำ มาประดิษ ดิ ฐ์อ ฐ์ ยู่ในลัก ลั ษณะเครื่อ รื่ งตกแต่งในทางสถาปัต ปั ยกรรมไทย อยู่ในส่วนราวบัน บัไดหัว หั นาค ซุ้ม ซุ้ประตูหน้า น้ ต่างในรูปของหางหงส์ นาคเบือ บื น นาคปัก ปั นาคสะดุ้ง ดุ้ นาคลำ ยอง นาครวย คัน คั ทวย เป็นต้น ต้ โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น สัด สั ส่วนตัว ตั กระหนกถอดออกมาจากรูปสามเหลี่ยลี่มทแยงมุม มุ จากกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๓ ส่วน “กระหนกนาค” มาจาก นาค หรือ รื พญานาค เป็นนามเรีย รี กสัต สั ว์ปว์ ระดิษ ดิ ฐ์ลั ฐ์ ก ลั ษณะหนึ่งของศิลปะไทย ตามความหมายนี้ หมายถึง ถึ งูมี งู ห มี งอนชนิดหนึ่งในวรรณคดี กล่า ล่ วว่า ว่ มีอิ มี ท อิ ธิฤ ธิ ทธิ์ม ธิ์ าก ที่อที่ยู่คือ คื เมือ มื งบาดาลใต้พื้ ต้ พื้ น พื้ ดิน ดิในหนัง นั สือ สื เทวกำ เนิดกล่า ล่ วว่า ว่ เป็นบุต บุ รของพระกัศ กั ยปเทพบิด บิ รกับ กั นางกัน กั ทรุ คือ คื ร่วมบิด บิ ากับ กั พญาครุฑ แต่ทั้ง ทั้ สองนี้ไม่ถู ม่ ก ถู กัน กั อัน อั เนื่องมาจากมารดาของ ครุฑเสีย สี ทีแ ที ก่มารดานาค และเหล่า ล่ นาคก็ร่ ก็ร่ วมกัน กัโกงจนบรรดาครุฑตกเป็นทาสของนางกัน กั ทรุ ต้อ ต้ งไปลัก ลั เอาน้ำ อมฤตมา ถ่า ถ่ ยความเป็นไทให้กั ห้ บ กั มารดาตน จนเป็นเรื่อ รื่ งที่พที่ยาบาทกัน กั มาตลอด ครุฑจึง จึ พยายามจับ จั นาคกิน กิ เป็นอาหารเพื่อพื่ล้า ล้ งแค้น ค้ จนช่างศิลปะไทยแต่โบราณท่านได้จิ ด้ น จิ ตนาการคิด คิ เป็นแบบอย่างในหลายชนิด ชื่อ ชื่ ลาย:กระหนกนาค จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๗
กระหนกรวงข้าว รูปแบบของลาย ก.กระหนกรวงข้า ข้ วเปลว ข.กระหนกรวงข้า ข้ วใบเทศ ค.กระหนกรวงข้า ข้ วเปลวใบเทศ(เปลวเพลิง ลิ ผสมใบเทศ) ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ กระหนกรวงข้า ข้ วมัก มั นำ ไปใช้ใช้ นการผูกลายในงานจิต จิ รกรรมไทย ตัว ตั อย่างที่พที่บ ตู้พ ตู้ ระธรรมลายรดน้ำ ที่ วัด วั เชิง ชิ หวาย ซึ่งซึ่เป็นแบบฉบับ บั ลายกนกรวงข้า ข้ วที่ นำ ช่อกนกเปลวมาตกแต่งเป็นรวงข้า ข้ วให้ดู ห้ ดู สวยงามวิจิ วิ ต จิ รตระการตายิ่งยิ่ “กระหนกรวงข้า ข้ ว” มาจากการนำ เอากระหนกเปลว และกระหนกใบเทศมาปนกัน กั กัน กั แล้ว ล้ ผูกอยู่ในทรง ของรวงข้า ข้ วและต้น ต้ ข้า ข้ ว ชื่อ ชื่ ลาย:กระหนกรวงข้า ข้ ว จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๘ ชื่อ ชื่ ลาย:ตู้พ ตู้ ระธรรม วัดวัเชิงชิหวาย จาก https://www.finearts.go.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566
กระหนกผักกูด รูปแบบของลาย ลายกระหนกผัก ผั กูด มีลั มี ก ลั ษณะใกล้เ ล้ คีย คี งกับ กัใบผัก ผั กูด ซึ่งซึ่มีแ มี กนกลางเป็นแผ่นโค้ง ค้ เหมือ มื นคลื่นลื่ ส่วนขอบใบ เป็นหยัก ยั คดโค้ง ค้ ขมวดม้ว ม้ นเข้า ข้ ม้ว ม้ นออกอย่างอิส อิ ระ แสดงออกถึง ถึ ความเชี่ย ชี่ วชาญของช่าง ไม่ไม่ ด้มี ด้ ลั มี ก ลั ษณะลายพุ่ง พุ่ เป็นเปลวแหลมเหมือ มื นลายไทยปัจ ปั จุบั จุ น บั ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ กระหนกผัก ผั กูดเหมาะสำ หรับ รัใช้ใช้ นงานประดับ ดัโบราณสถานในวัฒ วั นธรรมเขมรนิยม แกะ สลัก ลั ลายพรรณพฤกษาบริเ ริ วณหน้า น้ บัน บั ทับ ทั หลัง ลั เสาประดับ ดั กรอบประตู และบัน บั แถลง ยุค ยุ สมัย มั สมัย มั ทวารวดี โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น สัด สั ส่วนตัว ตั กระหนกถอดออกมาจากรูปสามเหลี่ยลี่มทแยงมุม มุ จากกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๓ ส่วน “ลายผัก ผั กูด” เป็นลวดลายพฤกษาธรรมชาติที่ ติ มีที่ม มี าแต่โบราณ ซึ่งซึ่รับ รั อิท อิ ธิพ ธิ ลมาจากศิลปะอิน อิ เดีย ดี ส่งต่อให้แ ห้ ก่ ศิลปะทวารวดีร ดี วมถึง ถึ ศิลปะเขมร และได้พั ด้ ฒ พั นามาสู่ลายกระหนกของไทยในปัจ ปั จุบั จุ น บั ชื่อ ชื่ ลาย:กระหนกผักผักูด จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๙
ลายกระจัง จั จัด จั เป็นแม่ล ม่ ายชนิดหนึ่งที่ดั ที่ ด ดั แปลงมาจากธรรมชาติ เช่น ตาอ้อ อ้ ย ดอกบัว บั เป็นต้น ต้ เป็นลาย ที่มี ที่ โมี ครงสร้า ร้ งเป็นรูปสามเหลี่ย ลี่ มหน้า น้ จั่ว จั่ หรือ รื ทรง ดอกบัว บั ใช้เ ช้ป็นองค์ปค์ ระกอบสำ หรับ รั การประดับ ดั ตกแต่งเสริม ริ ขอบในส่วนต่างๆ ของสถาปัต ปั ยกรรมจึง จึ มัก มั จะนำ ลายกระจัง จัไปใช้เ ช้ป็นองค์ปค์ ระกอบของลายหน้า น้ กระดาน รูปแบบของลายกระจัง จั ได้แ ด้ ก่ กระจัง จัฟัน ฟัปลา ฟัน ฟั สาม ฟัน ฟั ห้า ห้ กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย กระจัง จัใบเทศ กระจัง จั เจิม จิ กระจัง จัปฏิญ ฏิ าณ กระจัง จั รวน กระจัง จั หลัง ลั สิง สิ ห์ กระจัง จั หลัง ลั ฐาน กระจัง จั ฐานพระ ๒. ลายกระจัง ลายกระจัง จั สามารถนำ ไปใช้ผู ช้ ผู กลายให้เ ห้ป็นแบบต่างๆ ออกไปได้ห ด้ ลายลาย ใช้เ ช้ป็นลายตกแต่งขอบ มีทั้ มี ง ทั้ เรีย รี งเอาปลายแหลมชี้ขึ้ ชี้ ขึ้ น ขึ้ และเรีย รี งเอาปลายแหลมชี้ล ชี้ ง • กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย มีข มี นาดเล็ก ล็ ที่สุ ที่ สุ ด มีลั มี ก ลั ษณะเหมือ มื นดอกบัว บั ใช้ปช้ ระดับ ดั ขอบเชิง ชิ • กระจัง จั เจิม จิ มีข มี นาดใหญ่กว่า ว่ กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย เพื่อ พื่ เชื่อ ชื่ มต่อตัว ตั ลาย • กระจัง จัปฏิญ ฏิ าณหรือ รื กระจัง จั หู มีข มี นาดใหญ่ที่สุ ที่ สุ ด ส่วนบนจะเหมือ มื นกระจัง จัใบเทศ หรือ รื กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย ส่วนล่า ล่ งเป็นตัว ตั เหงาหัน หั หลัง ลั ชนกัน กั ใช้ปช้ ระดับ ดั เป็นประธานโดยมีก มี ระจัง จั เจิม จิ คั่น คั่ • กระจัง จัปฏิญ ฏิ าณที่ทำ ที่ ทำปลายเอนจะเรีย รี กว่า ว่ กระจัง จั รวน ชื่อ ชื่ ลาย:กระจังจั จากhttp://202.44.68.33 สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๑๐
ลายกระจังฟันปลา รูปแบบของลาย กระจัง จัฟัน ฟัปลาเป็นลายติด ติ ต่อได้ทั้ ด้ ง ทั้ ซ้า ซ้ ยและขวา(กระจัง จัฟัน ฟัปลามีซ้ มี อ ซ้ น หนึ่ง -สอง-สามฯ แต่ในที่นี้ที่ นี้ จะใช้เ ช้ ฉพาะเรื่อ รื่ งการใช้ล ช้ ายเท่านั้น นั้ ) กระจัง จัฟัน ฟั สาม มีลั มี ก ลั ษณะสามเหลี่ยลี่มที่มีที่ย มี อดแหลม 3 ยอด กระจัง จัฟัน ฟั ห้า ห้ มีลั มี ก ลั ษณะสามเหลี่ยลี่มที่มีที่ย มี อดแหลม 5 ยอด ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ กระจัง จัฟัน ฟั สาม ใช้ใช้ ช้ใช้ นงานประดิษ ดิ ฐ์ด้ ฐ์ ว ด้ ยใบตอง แกะสลัก ลั วัส วั ดุเนื้ออ่อน แกะสลัก ลั หยวกกล้ว ล้ ย กระจัง จัฟัน ฟั ห้า ห้ นิยมใช้เ ช้ป็นเส้น ส้ แบ่ง บ่ เรื่อ รื่ งราวในงานจิต จิ รกรรมฝาผนัง นั ของไทย เรีย รี กว่า ว่ เส้น ส้ แผลง และมัก มั นำ มาใช้ใช้ นงานจิต จิ รกรรม ประติม ติ ากรรม สถาปัต ปั ยกรรม เป็นลายฐานชนิดต่างๆ เช่น หัว หั เสา กรอบภาพ ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนปลาย โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายกระจัง จัฟัน ฟัปลา อยู่ในรูปสามเหลี่ยลี่ม มีลั มี ก ลั ษณะทแยงทำ มุม มุ 45 องศาหรือ รื มี ลัก ลั ษณะคล้า ล้ ยกับ กั ฟัน ฟัปลา “ลายกระจัง จัฟัน ฟัปลา” ที่ไที่ด้รั ด้ บ รั แรงบัน บั ดาลใจมาจากลัก ลั ษณะของฟัน ฟัปลา ตัว ตั ลายอยู่ในโครงร่างรูปสามเหลี่ยลี่มเรีย รี งต่อ เนื่องเป็นแนวแถวกระจัง จัฟัน ฟั อยู่ในรูปทรงสี่เสี่หลี่ยลี่มด้า ด้ นเท่า มีรู มี รู ปเป็นสามเหลี่ยลี่ม ยอดเรีย รี วแหลม เป็นที่มที่าของกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย หรือ รื กระจัง จัใบเทศ ถือ ถื เป็นกระจัง จั ตัว ตั ต้น ต้ หรือ รื อีก อี นัย นั หนึ่งจะเรีย รี กว่า ว่ เป็นตัว ตั ย่อของกระจัง จัใบเทศ และกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยก็ไก็ ด้ เพราะว่า ว่ เมื่อมื่เขีย ขี นบัว บั หงายหรือ รื บัว บั คว่ำ เมื่อมื่ย่อเล็ก ล็ ที่สุที่สุ ดก็ใก็ ช้ก ช้ ระจัง จัฟัน ฟัปลาแทน ชื่อ ชื่ ลาย:กระจังจัฟันฟัปลา จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๑๑
ลายกระจังตาอ้อย รูปแบบของลาย ลายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย อยู่ในรูปสี่เสี่หลี่ยลี่มด้า ด้ นเท่า รูปทรงตัว ตั เส้น ส้โค้ง ค้ อ่อนเรีย รี วทั้ง ทั้ ซ้า ซ้ ย และขวา ปลายยอดแหลม สอดไส้ บากลาย (หยัก ยั) อยู่เฉพาะตัว ตั เดี่ยดี่วหรือ รื ตาอ้อ อ้ ยเมื่อมื่น้ำ มาเรีย รี ง ด้า ด้ นซ้า ซ้ ย หรือ รื ขวา ปลายยอดตั้ง ตั้ ตรงจะเป็น “ลายบัว บั หงาย” ถ้า ถ้ กลับ ลัปลายยอดลงจะเป็น “ลายบัว บั คว่ำ ” นอกจากนี้ยัง ยั นำ ไปประดิษ ดิ ฐ์เ ฐ์ป็นลายอื่นอื่ๆได้อี ด้ ก อี ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ • การใช้ล ช้ ายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยประดิษ ดิ ฐ์เ ฐ์ป็นลายชนิดอื่นอื่เช่น ลายบัว บั คว่ำ -บัว บั หงาย ลายกรวยเชิง ชิ ลายประจำ ยาม ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ ลายรัก รั ร้อ ร้ ย • การใช้ล ช้ ายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยสร้า ร้ งสรรค์ง ค์ านศิลปะไทย ลายประกอบในงานจิต จิ รกรรมไทย ประติม ติ ากรรม สถาปัต ปั ยกรรม เป็นลายฐานชนิดต่างๆ เช่น หัว หั เสา กรอบภาพ • การใช้ล ช้ ายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยประกอบภาพ พระ–นาง เทวดา สัต สั ว์หิ ว์ ม หิ พานต์ ในงานศิลปะไทย • การใช้ล ช้ ายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยประกอบตามขอบลาย โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย เป็นรูปสามเหลี่ยลี่มด้า ด้ นเท่า ในกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มด้า ด้ นเท่ากว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๒ ส่วน “ลายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย” ประดิษ ดิ ฐ์ม ฐ์ าจากกระจัง จัฟัน ฟั หนึ่ง อัน อั เนื่องมาจากกระจัง จัฟัน ฟัปลา (ฟัน ฟั หลาทะเล) หรือ รื มาจาก ตาอ้อ อ้ ย (ตาตรงข้อ ข้ ของต้น ต้ อ้อ อ้ ย) นำ มาแต่งโกลนรูปให้เ ห้ ข้า ข้ กับ กั ลัก ลั ษณะ ทรงของดอกบัว บั ชื่อ ชื่ ลาย:กระจังจัตาอ้อ อ้ ย จากhttps://elca.ssru.ac.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนปลาย ๑๒
ลายกระจังใบเทศ รูปแบบของลาย ลายกระจัง จัใบเทศ รูปทรงตัว ตั อยู่ในรูปสี่เสี่หลี่ยลี่มด้า ด้ นเท่าเหมือ มื นลายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยแต่ มีข มี นาดใหญ่กว่า ว่ ส่วน ประกอบของลายกระจัง จัใบเทศคือ คื สอดไส้แ ส้ ละส่วนปลายยอดเป็นลายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย สองข้า ข้ งตัว ตั ลายถัด ถั ลายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยลงมา เป็นลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์ส ห์ อดไส้ข ส้ มวดตัว ตั กลม หรือ รื สอด ไส้ล้ ส้ อ ล้ รูปทรงนอก เมื่อมื่ตัว ตั ลายกระจัง จัใบเทศมีข มี นาดโตขึ้น ขึ้ ก็ยิ่ ก็ งยิ่ต้อ ต้ งแบ่ง บ่ จัง จั หวะตัว ตั ลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์ม ห์ ากขึ้น ขึ้ ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ • การใช้ล ช้ ายกระจัง จัใบเทศ ประดิษ ดิ ฐ์เ ฐ์ป็นลายชนิดอื่นอื่ ได้แ ด้ ก่ ลายบัว บั หงาย – บัว บั คว่ำ ลายกรวยเชิง ชิ ลายประจำ ยาม และลายรัก รั ร้อ ร้ ย • การใช้บ ช้ ายกระจัง จัใบเทศเดิน ดิ ตามเส้น ส้ ขอบลายเช่นเดีย ดี วกับ กั กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย แต่ถ้า ถ้ จะเทีย ที บ สัด สั ส่วนกัน กั แล้ว ล้ กระจัง จัใบเทศจะต้อ ต้ ง โตกว่า ว่ กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย มิฉ มิ ะนั้น นั้ การแบ่ง บ่ ซอยตัว ตั จะเล็ก ล็ และละเอีย อี ดเกิน กิไป ทำ ให้ไห้ ม่ง ม่ าม กระจัง จัใบเทศใช้แ ช้ ทนบัว บั แทงลาย สำ หรับ รั ประกอบงานใหญ่ๆ โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายกระจัง จัใบเทศ เป็นรูปสามเหลี่ยลี่มด้า ด้ นเท่า ในกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มด้า ด้ นเท่ากว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๒ ส่วน “กระจัง จัใบเทศ” รูปทรงมาจากใบเทศจากธรรมชาติ ทรงเดีย ดี วกับ กั กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย จัด จั อยู่ในประเภทเดีย ดี วกัน กั การผูกลายมี การแบ่ง บ่ ตัว ตั บากแบบใบเทศ สอดไส้ภ ส้ ายในตามความเหมาะสม รอบนอกที่บที่ากแบ่ง บ่ ใช้ล ช้ วดลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์เ ห์ ข้า ข้ มาผสาน ชื่อ ชื่ ลาย:กระจังจัใบเทศ จาก https://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนปลาย ๑๓
ลายกระจังปฏิญาณ รูปแบบของลาย รูปทรงของลายกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณ ประกอบด้ว ด้ ยกระหนกตัว ตั เหงาหัน หั หลัง ลั เข้า ข้ หากัน กั ยอดบนเป็นลายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย หรือ รื ลายกระจัง จัใบเทศ รอบส่วนที่โที่คนตัว ตั เหงามีล มี ายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยครึ่ง รึ่ ซีก ซีปิดทั้ง ทั้ สองข้า ข้ ง ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณใช้สำ ช้ สำหรับ รั งานใหญ่ เช่น หน้า น้ บัน บัโบสถ์ วิห วิ าร ประดับ ดั เสาและฐานที่แที่กะสลัก ลั ด้ว ด้ ย ไม้ห ม้ รือ รืปูนปั้น ปั้ และยัง ยั นิยมใช้ปช้ ระดับ ดั ตามบุษ บุ บกและธรรมาสน์ ถ้า ถ้ ลายโตขึ้น ขึ้ ก็มี ก็ ก มี ารสอดไส้บ ส้ ากแบ่ง บ่ ตัว ตัให้ล ห้ ะเอีย อี ดขึ้น ขึ้ได้ และ ใช้เ ช้ป็นลายติด ติ ต่อกัน กัได้ทั้ ด้ ง ทั้ ซ้า ซ้ ยและขวา โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณ เป็นรูปสามเหลี่ยลี่ม ในกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ แนวตั้ง ตั้ กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๓ ส่วน “ลายกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณ” หรือ รื กระจัง จั หู อาจารย์ห ย์ ลายท่านได้ใด้ ห้คำ ห้ คำอธิบ ธิ ายที่มที่าของลายกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณไว้ว่ ว้ า ว่ ประดิษ ดิ ฐ์ม ฐ์ าจาก กระจัง จัฟัน ฟั หนึ่งเรีย รี งกัน กั ๗ ตัว ตั ครอบกลางเป็นกระจัง จัฟัน ฟั สามได้ ๓ ตัว ตั แล้ว ล้ ครอบตัว ตั กลางกระจัง จัฟัน ฟั สามอีก อี ต่อหนึ่งเป็นกระจัง จั ฟัน ฟั ห้า ห้ หรือ รื มาจากกระหนกครึ่ง รึ่ ซีก ซี รวมกัน กั สองทรง โดยมีก มี ระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย ปิดสองข้า ข้ ง กลายส่วนที่เที่ป็นลายมาเป็นตัว ตั เหงาขนาด ใหญ่แล้ว ล้ กลายส่วนที่เที่ป็นยอดรวมกัน กั เป็นลายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยหรือ รื ลายกระจัง จัใบเทศ ชื่อ ชื่ ลาย:กระจังจัปฏิญฏิาณ จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนปลาย ๑๔
ลายกระจังเจิม รูปแบบของลาย รูปทรงของลายกระจัง จั เจิม จิ ประกอบด้ว ด้ ยกระหนกตัว ตั เหงาหัน หั หลัง ลั เข้า ข้ หากัน กั ยอดบนเป็นลายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย หรือ รื ลายกระจัง จัใบเทศ รอบส่วนที่โที่คนตัว ตั เหงามีล มี ายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยครึ่ง รึ่ ซีก ซีปิดทั้ง ทั้ สองข้า ข้ ง ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ใช้เ ช้ ดิน ดิ ตามเส้น ส้ ขอบลาย ใช้ติ ช้ ด ติ ลดหลั่น ลั่ รองจากกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณตาม หน้า น้ กระดานฐานพระ, หน้า น้ บัน บั โบสถ์ วิห วิ าร, บุษ บุ บก เป็นต้น ต้ โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายกระจัง จั เจิม จิ เป็นรูปสามเหลี่ยลี่ม ในกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ แนวตั้ง ตั้ แต่มีข มี นาดเล็ก ล็ กว่า ว่ กระจัง จัปฏิญ ฏิ าณ “กระจัง จั เจิม จิ” เป็นลายกระจัง จั ที่มีที่รู มี รู ปร่างคล้า ล้ ยกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณ แต่ขนาดเล็ก ล็ กว่า ว่ และไม่ส ม่ ะบัด บัปลาย นิยมใช้เ ช้ ข้า ข้ ชุด ชุ กับ กั กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยและกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณในการตกแต่งประดับ ดั ลายบนฐานต่างๆ เช่น เรีย รี งเป็นแถวที่สที่องหลัง ลั กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย คือ คื วางสับ สั หว่า ว่ งระหว่า ว่ งตัว ตั กระจัง จั แต่ต้อ ต้ งยึด ยึ ทรงของสถาปัต ปั ยกรรมเป็นหลัก ลั ชื่อ ชื่ ลาย:กระจังจัเจิมจิ จากhttp://www.sookjai.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม2566 ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนปลาย ๑๕
ลายกระจังรวน รูปแบบของลาย รูปทรงของลายกระจัง จั รวน ประกอบด้ว ด้ ยกระหนกตัว ตั เหงาหัน หั หลัง ลั เข้า ข้ หากัน กั ยอดบนเป็นลายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย หรือ รื ลายกระจัง จัใบเทศยอดสะบัด บั พลิ้ว ลิ้ไปทางใดทางหนึ่ง รอบส่วนที่โที่คนตัว ตั เหงามีล มี ายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยครึ่ง รึ่ ซีก ซีปิดทั้ง ทั้ สองข้า ข้ ง ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ กระจัง จั รวนนี้ใช้ปช้ ระดับ ดั บนหลัง ลั หน้า น้ กระดานข้า ข้ งราชรถประกอบเกริน ริ หรือ รืใต้ฐ ต้ านพระที่ส่ที่ส่ วนล่า ล่ งของ หน้า น้ บัน บั เป็นต้น ต้ โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายกระจัง จั รวนลายกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณ เป็นรูปสามเหลี่ยลี่ม ในกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ แนวตั้ง ตั้ กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๓ ส่วน เป็นรูปสามเหลี่ยลี่ม ในกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ แนวตั้ง ตั้ กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๓ ส่วน “กระจัง จั รวน” มีรู มี รู ปทรงเหมือ มื นลายกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณทุก ทุ ส่วน แม้ก ม้ ระทั่ง ทั่ การแบ่ง บ่ ตัว ตั ลายทั้ง ทั้ ลายก็เ ก็ หมือ มื นกัน กั ต่างกัน กั ที่ยที่อด สะบัด บั พลิ้ว ลิ้ เป็นลายที่ติที่ด ติ ต่อกัน กั ทั้ง ทั้ ซ้า ซ้ ยและขวา ชื่อ ชื่ ลาย:กระจังจัรวน จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนปลาย ๑๖
ลายกระจังหลังสิงห์ ชื่อลาย:กระชื่จังหจัลังลัสิงสิห์ จาก มนัญชยา นวะกะ ( นั2566) “กระจัง จั หลัง ลั สิง สิ ห์”ห์ คือ คื ชุด ชุ กระจัง จั ซึ่งซึ่ประกอบด้ว ด้ ย กระจัง จั ๓ แถว แถวแรกเป็นกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยขนาดเล็ก ล็ แถวที่ ๒ เป็นกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยขนาดใหญ่ และแถวที่ ๓ เป็นกระจัง จั เจิม จิ กระจัง จั ชุด ชุ นี้ปัก ปั รายบนหลัง ลั ฐานเท้า ท้ สิง สิ ห์ จึง จึ เรีย รี ก กระจัง จั หลัง ลั สิง สิ ห์ ลายกระจังหลังฐานพระ ลายกระจังฐานพระ “กระจัง จั หลัง ลั ฐานพระ” คือ คื ชุด ชุ กระจัง จั ซึ่งซึ่ประกอบด้ว ด้ ย กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย กระจัง จั เจิม จิ และกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณ ปัก ปั ราย ประดับ ดั ตกแต่งบนหลัง ลั ฐานต่างๆ เช่น รัต รั นบัล บั ลัง ลั ก์ ฐาน เอวขัน ขั ธ์ (ฐานรอบโบสถ์)ถ์ ฐานเชิง ชิ เสา โดยปัก ปั อยู่บนลวด เหนือหน้า น้ กระดาน มี ๓ แถว แถวหน้า น้ปัก ปั กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย แถวที่ ๒ ปัก ปั กระจัง จั เจิม จิ แถวที่ ๓ ปัก ปั กระจัง จัปฏิญ ฏิ าณเป็น ชั้น ชั้ ๆ ขึ้น ขึ้ไป “กระจัง จั ฐานพระ” คือ คื ชุด ชุ เครื่อ รื่ งประดับ ดั เชิง ชิ กรอบหน้า น้ บัน บั ทอดอยู่ระหว่า ว่ งแปหัว หั เสากับ กัปิดหน้า น้ ขื่อขื่กระจัง จั ฐานพระ ประกอบด้ว ด้ ยย่อเก็จ ก็ เป็นกระเปาะอยู่ตรงส่วนกลาง ตอน บนของฐานพระเป็นกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณ ใต้ฐ ต้ านพระส่วนใหญ่ เป็นกระจัง จั รวน ชื่อลาย:กระชื่จังฐานพระจากหจัน้าน้บันบั จาก มนัญชยา นวะกะ ( นั2566) ชื่อลาย:กระชื่จังหจัลังฐานพระลั จาก เดชดำ รงค์ สุขนวล (2566) ๑๗
๓. ลายบัว คำ ว่า ว่“บัว บั” หมายถึง ถึ พืช พื ที่เที่กิด กิในน้ำ จืด จื สามารถจัด จัประเภทบัว บัได้ ๒ ประเภท คือ คื ปทุม ทุ ชาติ และอุบ อุ ลชาติ • “ปทุมชา ทุ ติ”ติคือ คื บัวบัสำ หรับรักินกิฝักและเฝัง่า ( ง่หัวหับัว) เ บั ป็นอาหาร ได้แ ด้ ก่ บัวหลวงและบับัวบัสัตตบงกชสั รูปทรงของดอกบัวบัทั้งสอง ทั้ ก็แตก ก็ ต่างกัน กกัล่าวล่คือ คื ๑.ดอกบัวหลวงบัรูปทรงของดอกตูมจะมีความก มี ว้าง ๑ ว้ ส่วน สูง ๒ ส่วน และประดิษดิฐ์เ ฐ์ป็นลายบัวไบัด้มากช ด้ นิด กับเกั ป็นบ่อเบ่กิดของลายกิ กระหนกครึ่ง รึ่ ซีก ( ซี ที่เที่รียก รี ว่ากระหนกสามว่ตัว)ตั ๒.ดอกบัวบัสัตตบงกชสันั้นทรงของดอก นั้ บัวบัตูมจะมีลั มี กษณะลั ป้อมเตี้ยก ตี้ ว่าว่บัวหลวง ใ บัช้ประ ช้ ดิษดิฐ์เ ฐ์ป็นลายบัวกระหนก บัพุ่มพุ่ตัวเทศและตับัวปาก บั ฐาน บัวบัทั้งสองช ทั้ นิดนี้มีก้ มี านเ ก้ ป็นหนามเล็ก ๆ พอระคาย ล็ มือเ มื ล็ก ล็ น้อยเ น้ มือเวลา มื จับจัต้อง ดอกและใบ ต้ ชูขึ้นเห ขึ้ นือน้ำ ตลอดตั้งแ ตั้ ต่ดอกตูบจน ดอกบานและดอกโรยกลายเป็นฝัก (ภายในเ ฝั ป็นเมล็ด ล็ บัว) บัสำ หรับรัฝักฝับัวบันั้นในั้ ช้รั ช้บประทานไ รัด้ทั้ ด้ งเม ทั้ ล็ด ล็ อ่อนและเมล็ดแ ล็ ก่ นอกจากทรง ของดอกบัวบันำ ไปประดิษดิฐ์เ ฐ์ป็นลายบัวไบัด้หลายแบบแ ด้ ล้ว ล้ ก็ตาม แ ก็ ม้แ ม้ ต่เกสรของดอกบัวบัยังยันำ ไปประดิษดิฐ์เ ฐ์ป็นลายได้เ ด้ ช่นกันกั • “อุบลชา อุ ติ” ติคือ คื บัวบัสำ หรับรักินสาย (โดย กินำ เอาก้านของดอกมา ก้ รับประทาน) ไ รัด้แ ด้ ก่ บัวบัสัตตสับุษบุย์ บ้าง บ้ ก็เ ก็ รียก รี ชื่อ ชื่ ว่า ว่บัวเบัผื่อน ผื่บัวบัผันผั ดอกมีสี มี ขาว แดง แ สี ต่ถ้าเ ถ้ป็นพันพัธ์ขนาดเ ธ์ ล็ก ล็ มักมัมีหลาย มี สี เ สี ช่น ชมพู ขาบ เห พู ลือง ลื ม่วง เม่ ป็นต้น ต้ มักเมัลี้ยงเ ลี้ ป็นบัวประ บัดับเดัพื่อความสวยงามพื่ เพราะก้านของดอกเ ก้ ล็กมาก ดอกและใบ ล็ มักอมัยู่เหนือน้ำ แค่ปริ่ม ริ่1 น้ำ เท่านั้น ทรงของ นั้ บัวบัสัตตสับุษบุย์ห ย์ รือ รื บัวบักินสายกินี้มีลั มี กษณะเลั ป็นดอก ผอม ๆ ยาว ๆ ใช้ประ ช้ ดิษดิฐ์เ ฐ์ป็นลักษณะของลับัวปลายเสาและลายกรวยเ บัชิงชิ ทรงของดอกบัวบัทั้งสองประเภท ทั้ นี้มีลั มี กษณะลัที่ท่ที่ท่านโบราณาจารย์นำ ย์ นำมาประดิษดิฐ์เ ฐ์ป็น ลวดลายขึ้นหลายแบบ ขึ้ ดังดันี้ ๑. ทรงดอกบัวบัอ่อนหรือดอก รื บัวบัตูม ๒. ทรงดอกบัวแบัย้ม ย้ ๓. ทรงดอกบัวกะลา (เ บั ป็นดอกที่มีที่ลั มี กษณะบานมากกลัว่าแว่ย้ม ย้ เป็นรูปทรงคล้าย ล้ กับกะลาคกัรึ่งใบหงาย รึ่ ขึ้น ขึ้ นั่นเอง) นั่ ๔. ทรงดอกบัวบานบั ดอกบัวบับ่อบ่เกิดกิลายไทย จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ลายดอกบัว บั และ ลายกลีบ ลี บัว บั มีล มี ายภายในกลีบ ลี เป็นศิลปะสมัย มั สุโขทัย ทั ที่ไที่ด้รั ด้ บ รั มาจากจีน จี ๑๘
ลายบัวหงาย “ลายบัว บั คว่ำ ” อยู่ใต้ท้ ต้ อ ท้ งไม้เ ม้ หนือหน้า น้ กระดานล่า ล่ งโดยมีเ มี ส้น ส้ ลวดคั่น คั่ บนล่า ล่ ง ส่วนที่เที่รีย รี กว่า ว่ บัว บั คว่า ว่ นี้แม้ไม้ ม่มี ม่ มี ลวดลายทำ เป็นกลีบ ลี ๆ แต่ทำ เป็นทรงของดอกบัว บั บาน (พลิก ลิ คว่ำ กลับ ลั ลงพื้น พื้ ตรงข้า ข้ มกับ กั บัว บั หงาย) ก็เ ก็ รีย รี กว่า ว่ บัว บั คว่า ว่ เช่นกัน กั นอกจาก เป็นส่วนประกอบของฐานปัท ปั ม์แ ม์ ล้ว ล้ ถ้า ถ้ เป็นส่วนประกอบของฐานสิง สิ ห์ส่ ห์ ส่ วนที่เที่ป็นบัว บั คว่ำ นี้เรีย รี กว่า ว่“บัว บั หลัง ลั สิง สิ ห์”ห์ การสร้า ร้ ง บัว บั คว่ำ ของฐานปัท ปั ม์นั้ ม์ น นั้ ทำ มุม มุ ๔๕ องศา เช่นเดีย ดี วกับ กั บัว บั หงาย แต่ถ้า ถ้ เป็นบัว บั หลัง ลั สิง สิ ห์ค ห์ งทำ มุม มุ ๓๐ องศาถึง ถึ ๔๐ องศา เท่านั้น นั้ การประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายบัว บั หงายลายบัว บั คว่ำ นี้มีศู มี ศู นย์ข ย์ องกลีบ ลี ลายเป็นเส้น ส้ ฉากซึ่งซึ่หมายถึง ถึ กลีบ ลี ของดอกบัว บั บาน (บัว บั หลวง) ที่บที่านอย่างเต็ม ต็ ที่ แต่การประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายบัว บั นี้ถ้า ถ้ เป็นฐานเดีย ดี วกัน กั ทั้ง ทั้ บัว บั หงายและบัว บั คว่ำ จะต้อ ต้ งมีลั มี ก ลั ษณะ เหมือ มื นกัน กั ลายบัวคว่ำ ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ บัว บั หงายปิดส่วนยืด ยื ที่สูที่สู งกว่า ว่ “ลายบัว บั หงาย” อยู่ใต้ห ต้ น้า น้ กระดานบนเหนือท้อ ท้ งไม้ บัว บั เกสร โดยมีเ มี ส้น ส้ ลวดขั้น ขั้ บนล่า ล่ ง ส่วนที่เที่รีย รี กว่า ว่ บัว บั หงายนี้ แม้ไม้ ม่มี ม่ มี ลวดลายทำ เป็นกลีบ ลี ๆ แต่เป็นทรงของดอกบัว บั บานก็เ ก็ รีย รี กว่า ว่ บัว บั หงายเช่นกัน กั นอกจากเป็นส่วนประกอบของ ฐานปัท ปั ม์ แล้ว ล้ ยัง ยั เป็นส่วนประกอบของฐานชั้น ชั้ เชิง ชิ บาตร ฐานสิง สิ ห์ ทั้ง ทั้ มีล มี ายและไม่มี ม่ ก็ มีไก็ ด้ การเขีย ขี นบัว บั หงายประกอบ ฐานปัท ปั ม์ห ม์ รือ รื ฐานต่าง ๆ นี้ ได้จ ด้ ากการสร้า ร้ งทำ มุม มุ ๔๕ องศา จากหน้า น้ กระดานบนถึง ถึ ท้อ ท้ งไม้ต ม้ ามกรรมวิธี วิ ก ธี ารแบ่ง บ่ ส่วนฐาน ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ มัก มัประดับ ดั อยู่ตอนบนของพนัก นั ระเบีย บี งหรือ รื พบอยู่บนขอบฐานพระต่างๆ ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบัหงาย จาก https://www.finearts.go.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบัคว่ำ จาก https://www.finearts.go.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๑๙
ลายบัวปากฐาน ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ใช้ปช้ ระดับ ดั ตกแต่งส่วนของฐาน องค์ปค์ ระกอบตรงส่วนที่ใที่ช้บั ช้ ว บัปากฐานนี้ มัก มั นิยมใช้เ ช้ป็นที่ตั้ที่ง ตั้ ประดับ ดั รูปแบบต่างๆ เช่นครุฑแบก,ยัก ยั ษ์แ ษ์ บก เทวดาแบก เป็นต้น ต้ “ลายบัว บัปากฐาน” แบ่ง บ่ ออกเป็น ๒ ลัก ลั ษณะ คือ คื ก. ลายบัว บัปากฐาน มาจากทรงของดอกบัว บั แย้ม ย้ ข. ลายบัว บัปากฐานมาจาก ทรงของดอกบัว บั กะลา (กลีบ ลี ดอกเปิดมากกว่า ว่ บัว บั แย้ม ย้) เป็นการประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายบัว บั ซึ่งซึ่เกิด กิ จากทรงของ ดอกบัว บั ถึง ถึ ๒ ทรง คือ คื ก. เป็นการประดิษ ดิ ฐ์จ ฐ์ ากทรงของดอกบัว บั ที่เที่ป็น บัว บั แย้ม ย้ แต่ทำ เป็นรูปทรงภายนอกของฐานเท่านั้น นั้ ส่วน ลวดลายภายในก็ ประดิษ ดิ ฐ์ก ฐ์ ลีบ ลี ลายบัว บั เป็นทรงของ ดอกบัว บั อ่อนหรือ รื ดอกบัว บั ตูม ระหว่า ว่ งกลีบ ลี ลายก็มี ก็ ก มี ลีบ ลี ซ้อ ซ้ นอีก อี ๒ ชั้น ชั้ ภายในกลีบ ลี สอดไส้ ลายล้อ ล้ ตามรูปทรง ของกลีบ ลี นอก แต่ละกลีบ ลี ก็แ ก็ บ่ง บ่ บากลายตามกรรมวิธี วิ ก ธี าร เขีย ขี นลาย ข. เป็นการประดิษ ดิ ฐ์จ ฐ์ ากทรงของดอกบัว บั กะลา (กลีบ ลี ดอกเปิดมากกว่า ว่ บัว บั แย้ม ย้) แต่ทำ เป็นทรงภายนอก ของฐานเช่นเดีย ดี วกัน กั กับ กั บัว บั แย้ม ย้ (ข้อ ข้ ก.) ส่วนลวดลาย ภายใน ก็ปก็ ระดิษ ดิ ฐ์ก ฐ์ ลีบ ลี ลายบัว บั เป็นทรงของดอกบัว บั อ่อนหรือ รื ดอกบัว บั ตูม ระหว่า ว่ งกลีบ ลี ลายมี กลีบ ลี ซ้อ ซ้ นอีก อี ๒ ชั้น ชั้ เหนือขึ้น ขึ้ ไปข้า ข้ งบนกลีบ ลี ทำ เป็นเม็ด ม็ ลายเนื่องอัน อั เนื่องมาจากเกสรของ ดอกบัว บั นั้น นั้ เองเป็นที่สุที่สุ ด ส่วนภายใน กลีบ ลี มีก มี ารเขีย ขี นสอดไส้ ลายล้อ ล้ ตามทรงกลีบ ลี นอก ตลอดจนการเขีย ขี นบากลายก็ ตามกรรมวิธี วิ ก ธี ารเขีย ขี นลาย บัว บัปากฐานทั้ง ทั้ สอง ชนิดนี้ แม้ไม้ ม่มี ม่ ก มี ารเขีย ขี น ลวดลายเป็นกลีบ ลี เป็นแต่รูปทรงภายนอกก็ค ก็ งเรีย รี กว่า ว่ บัว บั ปากฐานอยู่นั่น นั่ เอง สำ หรับ รั เป็นฐานพระพุท พุ ธ รูป เทวรูป พระบรมรูปประดิษ ดิ ฐานอยู่บนสุดของฐานซึ่งซึ่มีส่ มีส่ วนประกอบ อื่นอื่ๆ ของแต่ละฐาน ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบัปากฐาน จาก https://www.finearts.go.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบัปากฐาน จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๒๐
ลายบัวปากปลิง ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ประดิษ ดิ ฐ์ขึ้ ฐ์ขึ้ น ขึ้ เพื่อพื่ ใช้ปช้ ระดับ ดั ขอบชั้น ชั้ ต่างๆของเครื่อ รื่ งก่ออิฐ อิ ถือ ถืปูน “ลายบัว บัปากปลิง ลิ บัว บั ท้อ ท้ งปลิง ลิ” เป็นการประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายบัว บั ชนิดหนึ่งมีลั มี ก ลั ษณะเป็น กลีบ ลี ลายบัว บั ของทรงดอกบัว บั อ่อนหรือ รื ดอกบัว บั ตูม ศูนย์ก ย์ ลางดอกตั้ง ตั้ ฉากเป็นกลีบ ลี ตรง มีก มี ลีบ ลี ซ้อ ซ้ นอีก อี ๒ ชั้น ชั้ ระหว่า ว่ งกลีบ ลี ใหญ่ การประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายบัว บั นี้อยู่ตรง ส่วนประกอบ ของฐานส่วนหนึ่งที่เที่รีย รี กว่า ว่“ปลิง ลิ” มีค มี วาม โค้ง ค้ มนคล้า ล้ ยเล็บ ล็ มือ มื ทอดยาวไปตามฐานขนานไปกับ กั เส้น ส้ ลวด (ลัก ลั ษณะตัว ตัปลิง ลิ คล้า ล้ ยกับ กั ตัว ตั ทาก ปลิง ลิ นี้เป็นสัต สั ว์น้ำ ว์ น้ำ จืด จื ดูดเลือ ลื ดมนุษย์แ ย์ ละสัต สั ว์ที่ ว์ ล่ที่ว ล่ งล้ำ ลงไปในสระ เช่นเดีย ดี วกับ กั ทากบางชนิดที่อที่ยู่ตามพื้น พื้ ที่ ชื้น ชื้ ๆ ในป่า) บัว บัปากปลิง ลิ ท่านโบราณาจารย์ใย์ นทางการช่างของไทยได้ปด้ ระดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายบัว บั ชนิดนี้ขึ้น ขึ้ มีลั มี ก ลั ษณะเป็นกาบหุ้ม หุ้ รัด รั ส่วน ประกอบ ของฐานที่เที่รีย รี กว่า ว่“ท้อ ท้ งไม้”ม้ อาจเขีย ขี นได้ทั้ ด้ ง ทั้ ทางตั้ง ตั้ และพลิก ลิ ลง (หงาย คว่ำ ) อยู่ตรงส่วนบนและส่วนล่า ล่ งของท้อ ท้ งไม้ ฐานต่าง ๆ ซึ่งซึ่เป็นท้อ ท้ งไม้เ ม้ รีย รี บ ๆ ตรง ๆ ทรงบัว บัปากปลิง ลิ นี้แม้ไม้ ม่มี ม่ ล มี วดลายเป็นกลีบ ลี บัว บั ก็เ ก็ รีย รี กว่า ว่ บัว บัปากปลิง ลิ เช่นเดิม ดิ “ลายบัว บั หลัง ลั เจีย จี ด” เป็นการประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายบัว บั ที่มีที่ลั มี ก ลั ษณะของกลีบ ลี บัว บัป้อมๆ เตี้ย ตี้ ๆศูนย์ก ย์ ลางกลีบ ลี ตั้ง ตั้ ฉากระหว่า ว่ งกลีบ ลีใหญ่ มี กลีบ ลี ซ้อ ซ้ น อีก อี ๒ ชั้น ชั้ อยู่ส่วนบนสุดของกำ แพงแก้ว ก้ (กำ แพงที่กั้ที่น กั้ รอบ พระอุโ อุ บสถหรือ รื พระที่นั่ที่ง นั่ แต่ละองค์มี ค์ ค มี วามสูงประมาณ ๑ เมตร) เนื้อหน้า น้ กระดานบน บางทีก็ ทีไก็ ม่มี ม่ ล มี วดลายแต่อย่างใด แต่คงเรีย รี กว่า ว่ บัว บั หลัง ลั เจีย จี ดอยู่นั่น นั่ เอง ลัก ลั ษณะของบัว บั เป็นมุม มุ ลาดประมาณ ๓๐ องศา ถึง ถึ ๔๐ องศา หรือ รื เป็นส่วนประกอบ บนผนัง นั พลสิง สิ ห์ข ห์ องบัน บัได บนกำ แพงที่เที่ชื่อ ชื่ มระหว่า ว่ งเสารอบ พระอุโ อุ บสถหรือ รื พระที่นั่ที่ง นั่ ต่าง ๆ ก็ไก็ ด้ ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ นิยมทำ บนส่วนหลัง ลั ของพนัก นั,กำ แพงแก้ว ก้.พนัก นั ระเบีย บี ง เป็นต้น ต้ ลายบัวหลังเจียด ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบัปากปลิงลิ จาก https://www.finearts.go.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบัหลังลัเจีย จี ด จาก https://www.finearts.go.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๒๑
ลายบัวฟันยักษ์ ลายบัวกระจับ “ลายบัว บัฟัน ฟั ยัก ยั ษ์”ษ์ เป็นการประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายบัว บั ชนิดหนึ่งมีลั มี ก ลั ษณะกลีบ ลี ของบัว บั เป็นรูปมนๆ โค้ง ค้ ๆ เกือ กื บครึ่ง รึ่ วงกลมเป็นกลีบ ลีใหญ่ สลับ ลั กลีบ ลี เล็ก ล็ แล้ว ล้ มีเ มี ส้น ส้ ล้อ ล้ ขนานตามแนวกลีบ ลี บนอีก อี เส้น ส้ หนึ่งในแต่ละกลีบ ลี ทั้ง ทั้ เล็ก ล็ และใหญ่ มีวิ มี ธี วิ เ ธี ขีย ขี นสอดไส้ล ส้ าย กลีบ ลีโดย ขนานกับ กั ทรงรูปนอกของกลีบ ลี ใช้เ ช้ป็นลายปาก ฐานของพระพุท พุ ธปฏิม ฏิ า เป็นลายบัว บั หงายบัว บั คว่ำ ก็ไก็ ด้ หรือ รื เป็นลายหุ้ม หุ้ รัด รั องค์ ระฆัง ฆั ของเจดีย์ ดี ก็ ย์ ไก็ ด้ ฯลฯ การที่เที่รีย รี กว่า ว่ ลายบัว บัฟัน ฟั ยัก ยั ษ์นั้ ษ์ น นั้ เนื่องมาจากการ ประดิษ ดิ ฐ์ม ฐ์ าจากฟัน ฟั ของยัก ยั ษ์ที่ ษ์ เที่ขีย ขี นขึ้น ขึ้ เป็นภาพ ทางจิต จิ รกรรม ปั้น ปั้ ภาพทางประติม ติ ากรรมเป็นต้น ต้ แบบ ถ้า ถ้ จะเรีย รี กอีก อี นัย นั หนึ่งว่า ว่ เป็นการประดิษ ดิ ฐ์ซ้ ฐ์ อ ซ้ นประดิษ ดิ ฐ์ก็ ฐ์ ไก็ ด้ ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ใช้เ ช้ป็นลายหน้า น้ กระดาษฐาน หรือ รื ลวดฐานขาดใหญ่ ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบัฟันฟัยักยัษ์ จาก https://www.finearts.go.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 “ลายกระจับ จั หรือ รื ลายกระจาด” เป็นการประดิษ ดิ ฐ์ม ฐ์ าจากภาชนะใส่ของที่เที่รีย รี กว่า ว่“กระจาด” ที่ทำที่ทำเป็นเครื่อ รื่ งจัก จั สานโดยการใช้ ไม้ไม้ ผ่เหลาเสริม ริ สอดติด ติ กับ กั ขอบกระจาดมัด มั ตรงมุม มุ เป็นกลีบ ลี คล้า ล้ ยกลีบ ลี บัว บั บาน แล้ว ล้ปิดด้ว ด้ ยกระดาษสีต่ สีต่ าง ๆ บางทีดู ที ดู รูปทรง แล้ว ล้ คล้า ล้ ย กระจับ จั (ผลกระจับ จั ที่เที่ป็นพืช พื น้ำ จืด จื ซึ่งซึ่นำ มาเป็นอาหารได้มี ด้ ร มี สมัน มั ๆ คล้า ล้ ยหัว หั เผือ ผื ก) ภายในกระจาดที่ตที่กแต่งเป็น กลีบ ลี บัว บั นั้น นั้ ใส่สิ่งสิ่ของเครื่อ รื่ งไทยทานผลไม้สำ ม้ สำหรับ รั หลัก ลัในเทศกาล นำ ไปถวายพระภิก ภิ ษุตามอาราม อัน อั เป็นประเพณีเก่าแต่ โบราณซึ่งซึ่ปัจ ปั จุบั จุ น บั หาดูยาก ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ใช้ทำ ช้ ทำกระจาดบรรจุเ จุ ครื่อ รื่ งไทยธรรมหรือ รื เป็นกลีบ ลี ฉัต ฉั รเบญจรงค์ ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบักระจับจั จาก https://www.finearts.go.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๒๒
ลายบัวกลุ่ม ลายบัวคอเสื้อ “ลายบัว บั กลุ่ม ลุ่” เป็นการประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายกลีบ ลี บัว บั ที่มีที่ก มี ลีบ ลี ซ้อ ซ้ นอีก อี สอง ชั้น ชั้ในทรงของดอกบัว บั แย้ม ย้ ซ้อ ซ้ นกัน กั หลายชั้น ชั้ เป็นส่วน ประกอบบนสุดหรือ รืใต้ห ต้ น้า น้ กระดานบนของฐานพระ ฐานชั้น ชั้ เชิง ชิ บาตร ฐานชั้น ชั้ เบญจาเครื่อ รื่ งตั้ง ตั้ ต่าง ๆ ที่มีที่มี ลัก ลั ษณะของบัว บั คลุม ลุ ซ้อ ซ้ นกัน กั จะเป็นฐานกลม ฐานเหลี่ยลี่ม ฐานย่อไม้ก็ ม้ไก็ ด้ โดยการสร้า ร้ งด้ว ด้ ยไม้ห ม้ รือ รืปูนศูนย์ก ย์ ลาง ของดอกตั้ง ตั้ ฉาก ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ใช้ปช้ ระดับ ดั อยู่ในเครื่อ รื่ งยอดกลมหรือ รื แปดเหลี่ยลี่ม ที่มีที่รู มี รู ปฐานสี่เสี่หลี่ยลี่มย่อมุม มุ ไม้สิ ม้ บ สิ สอง ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบักลุ่มลุ่ จาก https://www.finearts.go.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 “ลายบัว บั คอเสื้อ สื้” เป็นการประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ วดลายบัว บั ชนิดหนึ่งสำ หรับ รั ประดับ ดั ตรงส่วนบนขององค์ร ค์ ะฆัง ฆั หลัง ลั คาเครื่อ รื่ งยอด มณฑป บุษ บุ บก อยู่ใต้ค ต้ อบัว บัปลายเสาช่วงปลายต้น ต้ เสา ต่อจากลูกแก้ว ก้ อกไก่ ลัก ลั ษณะเป็นกาบหุ้ม หุ้ ส่วนปลาย ต้น ต้ เสา ส่วนที่อที่งค์ร ค์ ะฆัง ฆั หลัง ลั คาเครื่อ รื่ งยอดก็เ ก็ป็นกาบ หุ้ม หุ้ ตรงคอระฆัง ฆั เช่นกัน กั ต่อลงไปก็เ ก็ป็นลายรัก รั ร้อ ร้ ยบาก ลงซึ่งซึ่ตรงกัน กั ข้า ข้ มกับ กั ลายรัก รั ร้อ ร้ ยของมุม มุ ต้น ต้ เสา (เสาเหลี่ยลี่ม) เป็นลายรัก รั ร้อ ร้ ยบากขึ้น ขึ้ ทรงของลายบัว บั คอ เสื้อ สื้ นี้คล้า ล้ ยกับ กั กลีบ ลีปลายของบัว บั กลีบ ลี ขนุนของชั้น ชั้ เหม แต่ ประดับ ดั ลวดลายบัว บั กลับ ลั กัน กั คือ คื ลายบัว บั กลีบ ลี ขนุนของชั้น ชั้ เหมเป็นกลีบ ลี กลับ ลั ขึ้น ขึ้ แต่ลายบัว บั คอเสื้อ สื้ กลีบ ลี กลับ ลั ลง การประดับ ดั ตรง กลีบ ลี กลางเต็ม ต็ กลีบ ลี ข้า ข้ ง ๆ ครึ่ง รึ่ กลีบ ลี ระหว่า ว่ งกลีบ ลี มีก มี ระจัง จั คน ลายบัว บั คอเสื้อ สื้ นี้เนื่องมาจากบัว บั คอเสื้อ สื้ (กรองศอ) ของภาพ ศิลปะไทยต่าง ๆ จึง จึ เรีย รี กว่า ว่ บัว บั คอเสื้อ สื้ คือ คื การ ประดิษ ดิ ฐ์ซ้ ฐ์ อ ซ้ นประดิษ ดิ ฐ์อี ฐ์ ก อี ทีห ที นึ่ง บางทีนำ ที นำไปใช้เ ช้ป็นริ้ว ริ้ ของชั้น ชั้ ฉัต ฉั รเบญจรงค์ โดยรอบวงกลม ใช้ใช้ นพิธี พิ ก ธี รรมต่าง ๆ ปิดด้ว ด้ ยกระดาษสีใสี นงานชั่ว ชั่ คราว ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ระดับ ดั ส่วนบนองค์ร ค์ ะฆัง ฆั ของเจดีย์ ดี เ ย์ หลี่ยลี่ม หรือ รื ยอดปราสาทที่มีที่รู มี รู ปเหลี่ยลี่มเช่นเดีย ดี วกัน กั หรือ รื ประดับ ดั ส่วนคอเสาย่อมุม มุ ไม้อ ม้ ยู่ตอนใต้ข ต้ องหัว หั เสา ส่วนมากใช้ใช้ ต้ฐ ต้ านบัล บั ลัง ลั ก์เ ก์ ครื่อ รื่ งยอด ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบัคอเสื้อ สื้ จาก https://www.finearts.go.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๒๓
ลายบัวกลีบขนุน ลายบัวรวน “บัว บั กลีบ ลี ขนุน” คือ คื ส่วนประกอบของปรางค์ข ค์ อม อยู่ตรงส่วนที่เที่รีย รี กว่า ว่ ฝัก ฝั ข้า ข้ วโพดขึ้น ขึ้ไปโดยทำ เป็นชั้น ชั้ ๆบัว บั ชนิดนี้ใช้กั ช้ บ กัปรางค์ จะเรีย รี กว่า ว่ กลีบ ลี ยอดปรางค์ ถ้า ถ้ นำ ไปใช้กั ช้ บ กั พานจะเรีย รี กว่า ว่ บัว บั กลีบ ลี พาน ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ นิยมใช้ส ช้ ถาปัต ปั ยกรรมไทยประเภทปรางค์ หรือ รืใช้ต ช้ กแต่งปลายเสาในสถาปัต ปั ยกรรมไทย หรือ รื ในงานประณีตศิลป์ เช่น บัว บั กลีบ ลี พาน ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบักลีบ ลี ขนุน จากh https://online.anyflip.comสืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 “บัว บั รวน เป็นบัว บั คว่ำ บัว บั หงายชนิดหนึ่งซึ่งซึ่ทำ เส้น ส้ บัว บั ขนานกัน กัไปตามส่วนโค้ง ค้ ของบัว บั คล้า ล้ ยๆกัน กั กับ กั กระจัง จั รวนบางช่างอาจทำ ปลายลายเป็นลัก ลั ษณะไหล บัว บั คว่ำ บัว บั หงาย ในชั้น ชั้ ฐานที่ยัที่ง ยัไม่ไม่ ด้ใด้ ส่ลวดลายต่างๆเป็นรูปเกลี้ย ลี้ งๆช่างที่สที่ร้า ร้ งงานสถาปัต ปั ยกรรม ไทยเรีย รี กว่า ว่ ลวดบัว บั ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ประดับ ดั ตกแต่งประติม ติ ากรรม เช่นประดับ ดั ที่โที่คนเสา หรือ รื บางครั้ง รั้ ก็ปก็ รากฏเป็นแถวแนวต่อเนื่อง ประดับ ดัในส่วนของหน้า น้ กระดานบน ชื่อ ชื่ ลาย:บัวบัรวน จากh https://online.anyflip.comสืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๒๔
๔. ลายประจำ ยาม รูปแบบของลาย ลายประจำ ยาม อยู่ในทรงสี่เสี่หลี่ยลี่มทแยงมุม มุ ประกอบด้ว ด้ ยวงกลมกับ กั ตัว ตั กระจัง จัใบเทศ ถ้า ถ้ เป็นตัว ตั ย่อเล็ก ล็ ก็ใก็ ช้ กระจัก จั ตาอ้อ อ้ ยแทนโครงสร้า ร้ งของลายจะอยู่ในสี่เสี่หลี่ยลี่มจัตุ จั รั ตุ ส รั มีลั มี ก ลั ษณะคล้า ล้ ยดอกไม้สี่ ม้ กสี่ลีบ ลี ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ การใช้ล ช้ ายประจำ ยามในงานสถาปัต ปั ยกรรมมัก มัใช้ปช้ ระดับ ดั ตามเสา ขอบ ประตู หน้า น้ ต่าง โบสถ์ วิห วิ าร ปราสาท เจดีย์ ดีย์ เป็นต้น ต้ อาจเนื่องมาจากในสมัย มัโบราณคงใช้เ ช้ป็นยาม รัก รั ษาการณ์ เพื่อพื่ป้องกัน กั ผู้ที่ ผู้ คิที่ด คิ มิดี มิ มิ ดี ร้ มิ า ร้ ยโจรกรรมของมี ค่า โดยบรมอาจารย์เ ย์ วทมนต์ไต์ ด้ล ด้ งคาถาอาคมเอาไว้ ยุค ยุ สมัย มั สมัย มั ทวารวดี โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายประจำ ยามในกรอบสี่เสี่หลี่ยลี่มด้า ด้ นเท่า กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๒ ส่วน อยู่ในทรงสี่เสี่หลี่ยลี่มทแยงมุม มุ “ลายประจำ ยาม หรือ รื เรีย รี กลายประจำ ยามสี่กสี่ลีบ ลี” ถือ ถื เป็นแม่ล ม่ ายลายหนึ่ง มาจากการ นำ กลีบ ลี บัว บั สี่กสี่ลีบ ลี หรือ รื ตาอ้อ อ้ ย หัน หั ทางโคนเข้า ข้ หากัน กัปลายยอดออกมุม มุ ละกลีบ ลี ใช้ว ช้ งกลมปิดทับ ทั จัด จั อยู่ในพวกลายดอกลอย คือ คื เป็นแม่ล ม่ ายใช้ใช้ นการออกลาย สามารถนำ ไปต่อ เติม ติ ลวดลายอื่นอื่ซ้า ซ้ ยขวา ใช้จั ช้ ด จั วางเป็นตัว ตั ขั้น ขั้ จัง จั หวะคั่น คั่ ลายอื่นอื่หรือ รืใช้เ ช้ป็นตัว ตั ห้า ห้ มเมื่อมื่ต้อ ต้ งการให้ถึ ห้ ง ถึ ที่สุที่สุ ดของ ลายการวางดอกประจําจํยามสามารถวางได้ทั้ ด้ ง ทั้ แบบตั้ง ตั้ ทแยง มุม มุ และแบบตั้ง ตั้ ตามแนวฉาก ประจำ ยามใช้เ ช้ป็นลาย ติด ติ ต่อกัน กั รอบตัว ตั หรือ รืใช้ใช้ นที่อัที่น อั สมควร บางครั้ง รั้ มีห มี น้า น้ ที่แที่ทนกาบ สำ หรับ รั รองรับ รั หรือ รื หุ้ม หุ้ ตามส่วนอื่นอื่ๆ นิยมใช้ ตามพื้น พื้ ที่หที่น้า น้ กระดานและประกอบลายอื่นอื่เช่น ประจำ ยามก้า ก้ มปู ลูกฟัก ฟั ก้า ก้ มปู เป็นต้น ต้ ถ้า ถ้ ลายประจำ ยาม อยู่ตัว ตั เดีย ดี วโดดๆโดยไม่ติ ม่ ด ติ ต่อกับ กั ลายอื่นอื่เรีย รี กว่า ว่ ประจำ ยามดอกลอย ถ้า ถ้ อยู่หุ้ม หุ้ ขอบเสา เรีย รี กว่า ว่ ประจำ ยามรัด รั อก ชื่อ ชื่ ลาย:ประจำ ยาม จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๒๕
๕. ลายแข้งสิงห์ รูปแบบของลาย การสอดไส้เ ส้ ขีย ขี นได้ 2 แบบคือ คื สอดไส้ข ส้ มวดหัว หั กลม และสอดไส้ล้ ส้ อ ล้ รูปทรงนอกเขีย ขี นเรีย รี งติด ติ ต่อกัน กั แนวตั้ง ตั้ และแนวนอน หรือ รื เขีย ขี นเว้น ว้ ตัว ตั ลายห่างกัน กัประมาณหนึ่งในสี่ส่สี่ส่ วนของตัว ตั ลาย ก.ลายน่องสิง สิ ห์ ก้น ก้ หอย ข.ลายน่องสิง สิ ห์ กาบใบเทศ ค.ลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์ ลายเปลว ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ การใช้ล ช้ ายแข้ง ข้ สิง สิ ห์ปห์ ระดิษ ดิ ฐ์เ ฐ์ป็นลายชนิดอื่นอื่ ได้แ ด้ ก่ โครงรูปลายบัว บั โครงรูปลายกระจัง จั และลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์ถื ห์ อ ถื เป็นโครงร่างลายในส่วนของใบระกา ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั สุโขทัย ทั โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น รูปทรงของลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์ อยู่ในรูปสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ ทแยงมุม มุ หรือ รื รูปสี่เสี่หลี่ยลี่มขนม เปียกปูนรูปทรงเส้น ส้ ตัว ตั ลายด้า ด้ นกว้า ว้ งและตรงข้า ข้ ม จะมีลั มี ก ลั ษณะอ่อนโค้ง ค้ ล้อ ล้ ขนานกัน กั ปลายแหลม “ลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์”ห์ เกิด กิ จากแรงบัน บั ดาลใจจากการที่ท่ที่ท่ านบรมครูนั่ง นั่ อยู่ริม ริ คลองและน้ำ ในคลองกำ ลัง ลัไหลลง ทำ ให้ลำ ห้ ลำไม้ที่ ม้ปัที่ก ปั เป็นหลัก ลั ผูกเรือ รืโผล่สู ล่ สู งขึ้น ขึ้ จึง จึ เห็น ห็ หอยขมจับ จั หลัก ลัไม้เ ม้ป็นแถวตัว ตั เล็ก ล็ บ้า บ้ งใหญ่บ้า บ้ ง ท่านบรมครูจึง จึได้เ ด้ กิด กิ จิน จิ ตนาการจากการ ขดขมวดของเปลือ ลื กหอยผนวกกับ กั หลัก ลั ที่หที่อยจับ จั มาเป็นลาย “หอยจับ จั หลัก ลั” แล้ว ล้ นำ ลายหอยจับ จั หลัก ลั นี้ไปใช้กั ช้ บ กั“น่องของ สิง สิ ห์”ห์ เท่ากับ กั เพิ่มพิ่ความสง่า ง่ งามให้กั ห้ บ กั สิง สิ ห์เ ห์ พิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ ง.ลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์ ลายเทศหางโต จ.ลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์ ลายกนกสามตัว ตั ฉ.ลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์ ลายผัก ผั กูด ชื่อ ชื่ ลาย:แข้ง ข้ สิงสิห์ จากhttps://elca.ssru.ac.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๒๖
๖. ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ลายหน้าขบ รูปแบบของลาย ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ ประดิษ ดิ ฐ์เ ฐ์ป็นลายได้ห ด้ ลายแบบ เช่น ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ใฑ์ บเทศ ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ หน้า น้ สิง สิ ห์ (หน้า น้ ขบ) ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ห ฑ์ น้า น้ สิง สิ ห์ให์ บเทศ ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์เ ฑ์ ทพนม เป็นต้น ต้ ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายทรงพุ่ม พุ่ ข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ ลายหน้า น้ ขบ จัด จั เป็นประเภทดอกลายสำ หรับ รัใช้อ ช้ อกลาย ห้า ห้ มลาย และยัง ยัใช้ เป็นลาย ประกอบได้อี ด้ ก อี เช่นกัน กั ส่วนใหญ่นิยมใช้เ ช้ป็นลายพื้น พื้ โดยประกอบกับ กั ลายลูกโซ่ สามารถพบเห็น ห็ ได้ต ด้ าม สถาปัต ปั ยกรรมไทย เช่น เจดีย์ ดี ท ย์ รงพุ่ม พุ่ ข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ใฑ์ นสมัย มั สุโขทัย ทั โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น รูปทรงของลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ รูปทรงอยู่ในสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ กว้า ว้ ง ๒ ส่วน สูง ๓ ส่วน เส้น ส้ รูปทรง อ่อนโค้ง ค้ปลายยอดด้า ด้ นบนและด้า ด้ นล่า ล่ งแหลม ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ ประกอบด้ว ด้ ย สองส่วนบนเป็นรูปลายกระจัง จัใบเทศ อีก อี หนึ่ง ส่วนล่า ล่ ง เป็นรูปลายกระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย ต่อกลับ ลั สลับ ลั กัน กั ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ ประดิษ ดิ ฐ์เ ฐ์ป็นลายได้ห ด้ ลายแบบ “ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์”ฑ์ ประดิษ ดิ ฐ์ม ฐ์ าจากรูปทรงของภาชนะใส่อาหารมีก มี รวยเป็นฝา ครอบ สำ หรับ รั ถวายพระที่มที่า บิณ บิ ฑบาต จึง จึ เรีย รี กชื่อ ชื่ ลายตามรูปทรงภาชนะนั้น นั้ ว่า ว่“ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ ว บิณ บิ ฑ์”ฑ์ หรือ รื มาจากรูปทรงดอกบัว บั และต่อช่วงล่า ล่ ง แหลมเป็นรูปทรงตาอ้อ อ้ ย “ลายหน้า น้ ขบ” ได้ม ด้ าจากความนึกคิด คิ จำ พวกหน้า น้ สัต สั ว์ที่ ว์ ดุที่ดุ ร้า ร้ ย โดยใช้ฟัช้ น ฟั เขี้ย ขี้ ว ขบกัด กั เป็นอาวุธ จึง จึ เรีย รี กว่า ว่ หน้า น้ ขบ มี การประดิษ ดิ ฐ์แ ฐ์ ละใช้ลี ช้ ล ลี าได้ห ด้ ลายแบบ เช่น ประดิษ ดิ ฐ์ม ฐ์ าจากหน้า น้ สัต สั ว์นิ ว์ นิ ยายโบราณ ชื่อ ชื่ ลาย:ลายพุ่มพุ่ข้า ข้ วบิณบิฑ์ ลายหน้า น้ ขบ จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ลายพุ่ม พุ่ ข้าว ข้ บิณ บิ ฑ์ ลายหน้าขบ น้ ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนปลาย ๒๗
๗. ลายหน้ากระดาน รูปแบบของลาย แบบที่ ๑ ลายหน้า น้ กระดานประจำ ยามก้า ก้ มปู ประกอบด้ว ด้ ยลายประจำ ยามตั้ง ตั้ ทะแยงมุม มุ ตั้ง ตั้ อยู่ กลางสองข้า ข้ งบนล่า ล่ ง ระหว่า ว่ งกลีบ ลี ตาอ้อ อ้ ยต่อกัน กั เป็นกระหนกหัน หั หน้า น้ หากัน กั (ลัก ลั ษณะคล้า ล้ ยปูกำ ลัง ลั กางก้า ก้ ม) เขีย ขี นลัก ลั ษณะเดีย ดี วกัน กั ซ้า ซ้ ยขวา เมื่อมื่ต่อลายออกไปพอความต้อ ต้ งการแล้ว ล้ ก็ใก็ ส่ตัว ตั ห้า ห้ มปิดหัว หั ท้า ท้ ยด้ว ด้ ยลายประจำ ยามครึ่ง รึ่ ซีก ซี แบบที่ ๒ ลายหน้า น้ กระดานประจำ ยามลูกฟัก ฟั ก้า ก้ มปู ประกอบด้ว ด้ ยลายประจำ ยามก้า ก้ มปู กับ กั ลายประจำ ยามต่อด้ว ด้ ยลาย กระจัง จัใบเทศทั้ง ทั้ สองข้า ข้ งยาวคล้า ล้ ยลูกฟัก ฟั เป็นตัว ตั คั่น คั่ ระหว่า ว่ งลายประจำ ยามก้า ก้ มปู เป็นลายที่ไที่ม่จำ ม่ จำกัด กั เนื้อที่โที่ดยจะยึด ยึ หรือ รื ย่อ ตัด ตั ลายลูกฟัก ฟัได้ต ด้ ามความสั้น สั้ ยาวของเนื้อที่ แบบที่ ๓ ลายหน้า น้ กระดานเป็นลายก้า ก้ นแบ่ง บ่ มีตั มี ว ตัประจำ ยามคั่น คั่ เป็นที่อที่อกลายและเป็นที่ห้ที่า ห้ มลายไปในตัว ตั มัน มั เอง ระหว่า ว่ งตัว ตัประจําจํยาม มีเ มี ถาลายและกนกยอดสลับ ลั กัน กั รวมเรีย รี กว่า ว่ "ลายประจำ ยามก้า ก้ นแย่ง"เป็นลายที่ขที่ยายเนื้อที่มที่ากกว่า ว่ ลายประจำ ยามก้า ก้ มปู ลายประจำ ยามก้า ก้ น แย่งมีวิ มี ธี วิ เ ธี ขีย ขี นหลายอย่าง ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ • ลายหน้า น้ กระดานประจำ ยามข้า ข้ มปู มัก มัใช้ใช้ นงานประเภทฐานหน้า น้ กระดาน หรือ รื ส่วนที่อที่ยูในแนวราบหน้า น้ กระดาษ • ลายหน้า น้ กระดานประจำ ยามก้า ก้ นแย่ง เป็นตัว ตั คั่น คั่ มัก มัใช้บ ช้ ริเ ริ วณผนัง นั เหนือบานประตู • ลายหน้า น้ กระดาน เป็นลายช่วยประกอบกับ กั ลายอื่นอื่และจะใช้เ ช้ ฉพาะตัว ตั เองของมัน มั ก็ไก็ ด้ เช่น เขีย ขี นลายกรอบรูปจะเป็นรูป สี่เสี่หลี่ยลี่มหรือ รื รูปวงกลม ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนต้น ต้ โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น รูปทรงและส่วนประกอบของลายหน้า น้ กระดาน ลายหน้า น้ กระดาน เป็นลายติด ติ ต่อซ้า ซ้ ยและขวาแนวนอน ต่อกัน กัไปเรื่อ รื่ ยไม่มี ม่ ที่ มี สิ้ที่ สิ้ น สิ้ สุด จนพอกับ กั ความต้อ ต้ งการแล้ว ล้ ถ้า ถ้ ต้อ ต้ งการหยุดลาย ก็ใก็ ช้ล ช้ ายประจำ ยามครึ่ง รึ่ ซีก ซีปิดหัว หั ท้า ท้ ย “ลายหน้า น้ กระดาน” เป็นลายอยู่ในรูปสี่เสี่หลี่ยลี่มแนวนอนยาว เป็นส่วนหนึ่งของแท่น ฐานประกอบอยู่บนและล่า ล่ งลายบัว บั คว่ำ และบัว บั หงาย ชื่อ ชื่ ลาย:หน้า น้ กระดาน จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๒๘
๘. ลายลูกฟัก รูปแบบของลาย ก. ลูกฟัก ฟั ขอสร้อ ร้ ย ลัก ลั ษณะทรงลูกฟัก ฟั ลายที่ใที่ช้ผู ช้ ผู กลงในพื้น พื้ ที่หที่น้า น้ กระดานแคบๆ โดย เดิน ดิ เถาเป็นเส้น ส้ คดกริช ริ เลื้อ ลื้ ยไปตามยาว พื้น พื้ ที่ว่ที่า ว่ งใต้เ ต้ ถาได้ ผูกเป็นกระหนกใบอ่อน คล้า ล้ ยรูปขอหรือ รื ตัว ตั เบ็ด บ็ สลับ ลั กัน กัไปเป็นจัง จั หวะอย่างมีร มี ะเบีย บี บ ข. ลูกฟัก ฟั ลอยหรือ รื ลูกฟัก ฟั ลายหย่อม เป็นลายที่วที่างลอยอยู่ในทรงของลูกฟัก ฟั การผูกลาย อาจใช้ล ช้ ายใบเทศ ประจำ ยามร่วมกับ กั ลายแข้ง ข้ สิง สิ ห์ เป็นต้น ต้ ค. ลูกฟัก ฟั กระหนกดอกจอก ง. ลูกฟัก ฟั น่องสิง สิ ห์ จ. ใบเทศลูกฟัก ฟั ข้า ข้ มปู ฉ. ลูกฟัก ฟั กล่อ ล่ งปะกน มาจากคำ ว่า ว่ ปากกล คือ คื การเข้า ข้ปากไม้ปม้ ระเภทรางขึ้น ขึ้ หรือ รื ผ่า กระดานรูปสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ โดยแต่ละแผ่น เจีย จี ครีม รี ทั้ง ทั้ สี่ด้สี่า ด้ นให้ล ห้ าดลง กลางแผ่เป็นหน้า น้ กระดานเรีย รี บ เมื่อมื่กรุเข้า ข้ เป็นผ่าศูนูนคล้า ล้ ยหลัง ลั เต่า เรีย รี กว่า ว่ ปะกนลูกฟัก ฟั กระดาน ทุน ทุ หรือ รื ลูกนัก นั พนัก นั สืบ สื ทรธนู โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายลูกฟัก ฟั เป็นลายที่อที่ยู่ในรูปร่างสี่เสี่หลี่ยลี่มผืน ผื ผ้า ผ้ ซึ่งซึ่ปาดมุม มุ ทั้ง ทั้ ๔ ออกให้เ ห้ป็นเหลี่ยลี่มหรือ รืโค้ง ค้ มน ลวดลายภายในพื้น พื้ ที่ลูที่ลู กฟัก ฟั ประกอบด้ว ด้ ยหลายชนิด ประดิษ ดิ ฐ์อ ฐ์ ย่างอิส อิ ระ ส่วนมากเป็นลายใบเทศและลายกระจัง จั “ลายลูกฟัก ฟั” ได้ค ด้ วามนึกคิด คิ มาจากพืช พื คือ คื รูปทรงของลูกฟัก ฟั ที่มีที่ก มี ารเขีย ขี นลวดลายเพิ่มพิ่เติม ติ ภายใน แต่ยัง ยั คงรัก รั ษารูป ทรงของลูกฟัก ฟัไว้เ ว้ป็นเอกลัก ลั ษณ์เ ณ์ ฉพาะตัว ตั ก. ข. ค. ง. จ. ชื่อ ชื่ ลาย:ลูกฟักฟั จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๒๙
๘. ลายลูกฟัก (ต่อ) ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายลูกฟัก ฟั คือ คื ลายที่ใที่ช้ต ช้ ามพื้น พื้ ที่รที่าบหรือ รื พื้น พื้ ที่หที่น้า น้ กระดาน มัก มัใช้ต ช้ ามแนวนอน ในงานประดับ ดั ตกแต่งตามลัก ลั ษณะของ ลายดัง ดั นี้ • ลูกฟัก ฟั ขอสร้อ ร้ ย ใช้ที่ ช้ พที่นัก นั หน้า น้ ต่าง หรือ รืใช้ใช้ นพื้น พื้ ที่ตที่ามแนวหน้า น้ กระดาน และนิยมนำ ไปใช้เ ช้ป็นลายหน้า น้ กระดานห้อ ห้ งชื่อ ชื่ หรือ รื ผ้า ผ้ นุ่ง เป็นต้น ต้ • ลูกกล่อ ล่ งปะกน ใช้ใช้ นงานสถาปัต ปั ยกรรมไทย เช่น พระที่นั่ที่ง นั่โถงซื้อ ซื้ พระที่นั่ที่ง นั่ สนามจัน จั ทร์ ในพระบรมมหาราชวัง วั ซึ่งซึ่สร้า ร้ งขึ้น ขึ้ ในสมัย มั รัช รั กาลที่ 2 พระที่นั่ที่ง นั่ นี้สร้า ร้ งเป็นศาลาโปร่งขนาดเล็ก ล็ สำ หรับ รั พัก พั ผ่อน ส่วนที่นั่ที่ง นั่ พัก พั ยกเป็นแท่นสูงพอเหมาะสำ หรับ รั นั่ง นั่ ห้อ ห้ ยเท้า ท้ได้ มีเ มี สาทั้ง ทั้ 4 มุม มุ ไปจดหลัง ลั คาของพระที่นั่ที่ง นั่ ระหว่า ว่ งเสาคู่หลัง ลั ของแท่นพระที่นั่ที่ง นั่ สร้า ร้ งเป็นพนัก นั อิน อิ ทรธนูเพื่อพื่ประทับ ทัฟัง ฟั พระเขนย (หลัง ลั) • ลูกฟัก ฟั ก้า ก้ มปู ใช้เ ช้ป็นตัว ตั ขั้น ขั้ ระหว่า ว่ งลายประจำ ยามก้า ก้ มปู ซึ่งซึ่เป็นลายที่ นิยมใช้ปช้ ระดับ ดั ตามพื้น พื้ ที่หที่น้า น้ กระดานมากที่สุที่สุ ดลาย หนึ่ง การนำ ลายลูกฟักฟัไปใช้ จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๓๐
๙. ลายรักร้อย รูปแบบของลาย การออกลวดลายรัก รั ร้อ ร้ ย คือ คื ที่ ประจำ ยามและห้า ห้ มลายด้ว ด้ ยประจำ ยามเช่นเดีย ดี วกัน กั สามารถเขีย ขี น ยาวได้ต่ ด้ต่ อเนื่อง สามารถสร้า ร้ งประดิษ ดิ ฐ์ไฐ์ ด้ห ด้ ลายแบบ เช่น ลายบัว บั มาเรีย รี งซ้อ ซ้ นต่อๆกัน กั ใช้ล ช้ ายบัว บั รวนช่อใบเทศ กระจัง จั หู หรือ รื กระจัง จั รวน ใช้เ ช้ป็นลายหน้า น้ กระดานหรือ รื ลายขอบ สำ หรับ รั กั้น กั้ เป็นขอบเขตของลวดลาย ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายรัก รั ร้อ ร้ ย มัก มัใช้เ ช้ป็นลายประดับ ดั เสาโบสถ์ วิห วิ าร ปราสาท เป็นต้น ต้ ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยา โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายรัก รั ร้อ ร้ ยประกอบด้ว ด้ ย ลายประจำ ยามและกระจัง จัใบเทศ หรือ รื กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ย ลายรัก รั ร้อ ร้ ยใช้ล ช้ าย ประจำ ยามเป็นที่อที่อกลาย เอากระจัง จัใบเทศหรือ รื กระจัง จั ตาอ้อ อ้ ยเรีย รี งต่อกัน กัไป ทั้ง ทั้ ซ้า ซ้ ยและขวาจนถึง ถึ ที่ ที่ต้ที่อ ต้ งการ ลายรัก รั ร้อ ร้ ย เป็นลายช่วยประกอบกับ กั ลายอื่นอื่ๆ โดยมาก ไม่มี ม่ ใมี ช้เ ช้ ฉพาะตัว ตั ของมัน มั เองถ้า ถ้ เป็นลายรัก รั ร้อ ร้ ยใหญ่ใช้วิ ช้ ธี วิ แ ธี บ่ง บ่ ตัว ตั เหมือ มื นกระจัง จั ใบเทศ หรือ รื จะเอาวิธี วิ แ ธี บ่ง บ่ ตัว ตั ของกระจัง จั หูมาใช้ก็ ช้ไก็ ด้ “ลายรัก รั ร้อ ร้ ย” เป็นลายดอกไม้มี ม้ ที่ มี มที่าจากดอกรัก รั ที่นำที่นำมาร้อ ร้ ยเป็นพวงมาลัย ลั ชื่อ ชื่ ลาย:รักรัร้อ ร้ ย จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๓๑
๑๐. ลายเกลียว รูปแบบของลาย ก.ลายเกลีย ลี วใบเทศ นำ ใบไม้ที่ ม้ เที่ป็นหยัก ยั ๆ มาซ้อ ซ้ นก้า ก้ นเรีย รี งขดไปเป็นแถว ข.ลายเกลีย ลี วกนก นำ ลายกนกมาซ้อ ซ้ นเป็นเกลีย ลี วซึ่งซึ่กัน กั และกัน กั ค.ลายเกลีย ลี วหางโต นำ ลายหางโตมาขดซ้อ ซ้ นกัน กั เป็นเกลีย ลี ว ง.ลายเกลีย ลี วมัง มั กรคาบแก้ว ก้ ทำ เป็นกนกซ้อ ซ้ นขดเป็นเกลีย ลี วแล้ว ล้ มีด มี วงแก้ว ก้ ตรงกลางเกลีย ลี วเรีย รี งไปตามหน้า น้ กระดาน ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายเกลีย ลี วใช้เ ช้ป็นลายติด ติ ต่อเหมือ มื นลายหน้า น้ กระดานก็ไก็ ด้ เป็นลายเลื้อ ลื้ ยขึ้น ขึ้ ก็ไก็ ด้ ถ้า ถ้ จะทำ เป็นลาย ซ้า ซ้ ยขวาต้อ ต้ งมีตั มี ว ตั ห้า ห้ มลายตรงกลาง แล้ว ล้ จึง จึ ออกลายเกลีย ลี วไปทางซ้า ซ้ ยและทางขวา การเขีย ขี นลายเกลีย ลี วจะเอากนกชนิดใดมา ประดิษ ดิ ฐ์ก็ ฐ์ ไก็ ด้แ ด้ ต่ต้อ ต้ งใช้เ ช้ ถาลายต่อสลับ ลั กัน กั โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายเกลีย ลี ว เป็นลายที่ทำที่ทำเป็นเกลีย ลี วสองเกลีย ลี ว มีตั มี ว ตั ลายประดิษ ดิ ฐ์ซ้ ฐ์ อ ซ้ นระหว่า ว่ งลายเกลีย ลี ว “ลายเกลีย ลี ว” คือ คื ลายที่มที่าเรีย รี งยาวต่อเนื่องทำ เป็นเกลีย ลี วสองเกลีย ลี ว มีตั มี ว ตั ลายประดิษ ดิ ฐ์ซ้ ฐ์ อ ซ้ นระหว่า ว่ งเกลีย ลี ว โครงสร้า ร้ งลายลัก ลั ษณะเหมือ มื นเกลีย ลี วเชือ ชื กพัน พั กัน กั ใช้เ ช้ป็นลายติด ติ ต่อเหมือ มื นลายหน้า น้ กระดานหรือ รื เป็นลายเลื้อ ลื้ ยขึ้น ขึ้ ก็ไก็ ด้ ถ้า ถ้ จะทำ ลายซ้า ซ้ ยขวาต้อ ต้ งมีตั มี ว ตั ห้า ห้ มลายตรงกลาง แล้ว ล้ จึง จึ ออกลายเกลีย ลี วไปทางซ้า ซ้ ยและทางขวา ชื่อ ชื่ ลาย:เกลีย ลี ว จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๓๒
๑๑. ลายกาบ รูปแบบของลาย กาบกระหนกรัต รั น์ กาบไผ่ กาบพรหมศร กาบพรหมสิง สิ ห์ กาบเท้า ท้ สิง สิ ห์ ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายกาบนำ ไปใช้ใช้ นการเขีย ขี นลาย ผูกลาย หรือ รื เป็นลายปั้น ปั้ สลัก ลั ในการผูกลายกาบจะทำ หน้า น้ ที่เที่ป็นที่ กำ เนิดตัว ตั ลาย ช่อลาย และแยกเถาลาย ซึ่งซึ่ลายกาบสามารถแบ่ง บ่ ออกได้ ดัง ดั นี้ กาบกระหนกรัต รั น์ ใช้ปช้ ระดับ ดั หน้า น้ เสาในที่แที่บนราบ กาบไผ่ ใช้ใช้ นที่แที่บนราบ ทั้ง ทั้ แนวตั้ง ตั้ และแนวนอน กาบพรหมศร ใช้ใช้ นการตกแต่งด้ว ด้ ยการปั้น ปั้ หรือ รื สลัก ลั มัก มัใช้ที่ ช้ เที่หลี่ยลี่มโคนเสาธรรมาสน์บุ น์ ษ บุ บก กาบพรหมสิง สิ ห์ ใช้หุ้ ช้ ม หุ้ ตรงเสาเหลี่ยลี่ม กาบเท้า ท้ สิง สิ ห์ เป็นส่วนประกอบของฐานสิง สิ ห์ ซึ่งซึ่อยู่ตรงมุม มุ ฐาน ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั สุโขทัย ทั ที่ไที่ด้รั ด้ บ รั อิท อิ ธิพ ธิ ลจากล้า ล้ นนาที่เที่อาลัก ลั ษณะลายแบบจีน จี เข้า ข้ มาผสม โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายกาบเป็นลายทรงสูงมีค มี วามสวยที่สที่ง่า ง่ งาม ใช้ต ช้ กแต่งหรือ รื ห่อหุ้ม หุ้ ตกแต่งตามโคนเสา หรือ รื มุม มุ เหลี่ยลี่มต่าง ๆ ในงานทางสถาปัต ปั ยกรรม มีลั มี ก ลั ษณะคล้า ล้ ยกับ กั อ้อ อ้ ย ไผ่ ในการนำ มาใช้จ ช้ ะเป็น ตัว ตั แตกช่อลายออกไป “ลายกาบ” เป็นลายที่กำที่กำเนิดลาย “ช่อลาย” โครงสร้า ร้ งของลายนี้มาจากพืช พื พัน พั ธุ์ใธุ์ นส่วนที่เที่ป็นกาบหุ้ม หุ้ ตรงโคนหรือ รื ข้อ ข้ เช่น กาบของต้น ต้ไผ่ กาบต้น ต้ กล้ว ล้ ย ลายกาบเป็นลายในทรงสามเหลี่ยลี่มที่ปที่ระดับ ดั ตามมุม มุ เสา กาบที่ปที่ระดับ ดั ด้า ด้ นบนของเหลี่ยลี่มเสาปลายแหลมของกาบชี้ล ชี้ ง เรีย รี กว่า ว่ กาบบน หรือ รื บัว บั คอเสื้อ สื้ กาบที่ปที่ระดับ ดัโคนเสาปลายแหลมของกาบที่ชี้ที่ ชี้ ล ชี้ งด้า ด้ นล่า ล่ ง เรีย รี กว่า ว่ กาบล่า ล่ ง และหากตรง กลางเสามีล มี ายรัด รั ที่เที่กิด กิ จากกาบบนและกาบล่า ล่ งมาผสมกัน กั เรีย รี กว่า ว่ ประจำ ยามอก ชื่อ ชื่ ลาย:กาบ จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๓๓
๑๒. ลายก้านต่อดอก ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายก้า ก้ นต่อดอก มัก มัใช้ต ช้ ามเนื้อที่แที่บนราบ เช่น หน้า น้ เสาตาม เนื้อที่สที่ามเหลี่ยลี่ม เช่น อกประตู หน้า น้ ต่าง ตามช่องท้อ ท้ งไม้ข ม้ องฐานปัท ปั ม์ ที่นิที่นิ ยมมากคือ คืใช้เ ช้ป็นลายกลีบ ลี พาน หรือ รื เป็นลายในกลีบ ลี บัว บั แวง ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสมัย มั อยุธยาตอนต้น ต้ “ลายก้า ก้ นต่อดอก” จัด จั อยู่ในประเภทลายรัก รั ร้อ ร้ ยเช่นกัน กั แต่ต่างกัน กั ที่วิที่ธี วิ ก ธี ารเขีย ขี นนั้น นั้ ค่อนข้า ข้ งจะกลายเป็น กระหนก ติด ติ พัน พั กัน กั โดยยึด ยึ หลัก ลั จากธรรมชาติพั ติ น พั ธุ์ไธุ์ ม้เ ม้ ถาที่มีที่ก้ มี า ก้ นต่อดอกใบสมบูรณ์ นำ มาประดิษ ดิ ฐ์เ ฐ์ ขีย ขี นขึ้น ขึ้ เป็นกระหนกให้ เห็น ห็ ว่า ว่ มีด มี อก ใบ กิ่ง กิ่ ก้า ก้ น สลับ ลั ชูช่อกัน กั เป็นลวดลายตามแนวตั้ง ตั้ โดยมีก้ มี า ก้ นลายเดิน ดิ ขึ้น ขึ้ไปสลับ ลั กับ กั ดอกพุ่ม พุ่ หรือ รื กระหนกซ้า ซ้ ยขวา ต่อเนื่องขึ้น ขึ้ไป บางทีเ ที รีย รี กลายชนิดนี้ว่า ว่ ลายต่อขึ้น ขึ้ ลง ชื่อ ชื่ ลาย:ก้า ก้ นต่อดอก จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๓๔
๑๓. ลายมะลิเลื้อย รูปแบบของลาย ลายมะลิเ ลิ ลื้อ ลื้ ย รูปลัก ลั ษณ์มี ณ์ ลั มี ก ลั ษณะเป็นแถวเลื้อ ลื้ ย คล้า ล้ ยรูปทรงของต้น ต้ มะลิที่ ลิ เที่ลื้อ ลื้ ยไปตามพื้น พื้ ดิน ดิ (การตั้ง ตั้ ชื่อ ชื่ ตามพรรณไม้)ม้ ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายมะลิเ ลิ ลื้อ ลื้ ย มัก มั นำ มาเป็นลายผ้า ผ้ ที่ใที่ช้ใช้ นการทอผ้า ผ้ เป็นลายประกอบลายหลัก ลั ของตีน ตี ซิ่นซิ่ของผ้า ผ้ ซิ่นซิ่ ตีน ตี จก ลายหน้า น้ หมอน ผ้า ผ้ปกหัว หั นาค ย่ามจก ยุค ยุ สมัย มั สมัย มั หิน หิใหม่ “ลายมะลิเ ลิ ลื้อ ลื้ ย” เป็นลวดลายพรรณพฤกษาดั้ง ดั้ เดิม ดิ ดัง ดั ที่ปที่รากฎในการทอเป็นลายมะลิเ ลิ ลื้อ ลื้ ยบนผ้า ผ้ไท ดัง ดั เช่น ผ้า ผ้ ยก พุม พุ เรีย รี ง ลายมะลิเ ลิ ลื้อ ลื้ ยได้พั ด้ ฒ พั นาลวดลายให้ปห้ ระณีตงดงามขึ้น ขึ้ เป็นลายมะลิวั ลิ ล วั ย์ใย์ นผ้า ผ้ ตีน ตี จก จัง จั หวัด วั แพร่ ส่วนในลวดลาย ไท พัฒ พั นาเป็นลายเข้ม ข้ ขาบมะลิเ ลิ ลื้อ ลื้ ย เป็นลายประกอบแบบลายผสมที่เที่รีย รี กสืบ สื ต่อกัน กั มาแต่โบราณ ใช้ท ช้ อจกเป็นลาย ประกอบร่วมกับ กั ลายหลัก ลัให้มี ห้ ค มี วามหลากหลายของลวดลายจก ชื่อ ชื่ ลาย:มะลิเลิลื้อ ลื้ ย จาก นายโพธิ์ ใจอ่อนอ้อ อ้ ม ปีที่พิที่พ์พิ พ์ 2500 ชื่อ ชื่ หนังนัสือ สื คู่มือ มื ลายไทย หน้า น้ ที่ 55 ๓๕
๑๔. ลายเข้มขาบ รูปแบบของลาย ก.เข้ม ข้ ขาบมะลิเ ลิ ลื้อ ลื้ ย เข้ม ข้ ขาบที่ผูที่ผู กลายเป็นดอกมะลิชั ลิ ก ชั เถาสั้น สั้ ๆ ให้ต่ ห้ต่ อกัน กั เป็นเครือ รื ข.เข้ม ข้ ขาบริ้ว ริ้ ขอ เข้ม ข้ ขาบที่ผูที่ผู กลายเป็นกระหนกใบอ่อนกลับ ลัไปกลับ ลั มาให้ล ห้ ายต่อเนื่องกัน กัโดยเน้น น้ จมูก มู ตัว ตั เหงาให้แ ห้ หลมเป็นขอ ค.เข้ม ข้ ขาบลูกโซ่ เข้ม ข้ ขาบที่ผูที่ผู กลายเป็นห่วงรูปรีๆ รี ให้ต่ ห้ต่ อเนื่องกัน กั ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ใช้สำ ช้ สำหรับ รั เครื่อ รื่ งแต่งกาย โบราณ เช่น เสื้อ สื้ ผ้า ผ้ นุ่ง หรือ รื ผ้า ผ้ ห่อ ผ้า ผ้ คลุม ลุ ต่างๆ เข้ม ข้ ขาบมาจากภาษา เปอร์เ ร์ ซีย ซี ว่า ว่ คิม คิ คา ชื่อ ชื่ ลาย:เข้ม ข้ ขาบ จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 “ลายเข้ม ข้ ขาบ” คือ คื ลายที่นำที่นำมาเรีย รี งกัน กั ยาวต่อเนื่อง เหมาะสำ หรับ รัใช้ใช้ นพื้น พื้ ที่แที่คบ ยาว เข้ม ข้ ขาบ คือ คื ผ้า ผ้ ทอด้ว ด้ ยไหมนิ้ว บางๆตามยาว ภายในริ้ว ริ้ หอยกลวดลายด้ว ด้ ยเส้น ส้ ทองแล่ง ล่ หุ้ม หุ้ เส้น ส้ไหมหรือ รื เรีย รี กว่า ว่ ไหมทอง เมื่อมื่ทอจะเห็น ห็ ทองกับ กั พื้น พื้ เท่าๆ กัน กั มีล มี ายต่างๆ เรีย รี กชื่อ ชื่ ต่างกัน กั ออกไปตามลายที่นำที่นำมาประดิษ ดิ ฐ์ ๓๖
๑๕. ลายเครือเถา รูปแบบของลาย ลายเครือ รื เถามีตั มี ว ตั ลวดลาย 2 ลัก ลั ษณะ คือ คื ก.ลัก ลั ษณะที่เที่ป็นลายประดิษ ดิ ฐ์ตั ฐ์ ว ตั ลายเป็นกนก เช่น กนกเปลว กนกใบเทศ ข.ลัก ลั ษณะหนึ่งเป็นรูปดอกไม้แ ม้ ละใบไม้ เช่น ดอกพุด พุ ตานใบเทศ ลายเครือ รื เถามี 3 ประเภท คือ คื ลายเครือ รื เถาหางโต ลายเครือ รื เถาใบเทศ และลายเครือ รื เถาเปลว เป็นต้น ต้ ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายเครือ รื เถามัก มัใช้บ ช้ ริเ ริ วณหน้า น้ บัน บั บานประตู หน้า น้ ต่าง หรือ รื ตู้ล ตู้ ายรดน้ำ หรือ รืประดับ ดั มุก มุ และ ลายดอกผ้า ผ้ ลายปัก ปัไหม ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะสุโขทัย ทั ซึ่งซึ่ถ่า ถ่ ยทอดมาจากศิลปะอู่ทองหรือ รื อโยธยาสุพรรณภูมิ ภู มิ โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายเครือ รื เถา ลายจะเขีย ขี นในลัก ลั ษณะคดโค้ง ค้ หลายแนว แตะหรือ รื สอดสลับ ลั กัน กั คล้า ล้ ยการเกี่ย กี่ วพัน พั ของเถาวัล วั ย์ มีส่ มีส่ วนเถาเป็นเส้น ส้โค้ง ค้ เลื้อ ลื้ ยไขว้ส ว้ ลับ ลัในทิศ ทิ ทางตรงกัน กั ข้า ข้ ม ชื่อ ชื่ ลาย: ลายเครือ รื เถา จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 “ลายเครือ รื เถา” คือ คื ลายที่มีที่ลั มี ก ลั ษณะยาวต่อเนื่องเหมือ มื นเถาไม้ ตัว ตั ลายจะประกอบด้ว ด้ ย ก้า ก้ น กาบ ช่อ ดอก ทำ เลีย ลี นแบบ เถาไม้ต ม้ ามธรรมชาติ เขีย ขี นเป็นเส้น ส้ คู่เลื้อ ลื้ ยขึ้น ขึ้ จากด้า ด้ นล่า ล่ งขึ้น ขึ้ บน เป็นโค้ง ค้ สลับ ลั กัน กัไปมา และมีเ มี ถา สลับ ลัไขว้ใว้ นทิศ ทิ ทางตรงกัน กั ข้า ข้ ม ลายประเภทนี้ใช้ใช้ นที่แที่บนราบรูปสี่เสี่หลี่ยลี่มหรือ รื สามเหลี่ยลี่ม อาจจะเขีย ขี นให้มี ห้ เ มี ถาลายโค้ง ค้ สลับ ลั กัน กั ที่เที่ถาก็ไก็ ด้แ ด้ ล้ว ล้ แต่เนื้อที่ ในการเขีย ขี น ๓๗
๑๖. ลายก้านขด รูปแบบของลาย นิยมออกปลายลายเป็นรูปสิง สิ ห์ส ห์ าราสัต สั ว์ สัต สั ว์จ ว์ ากหิม หิ พานต์ เทพยดา ยัก ยั ษ์ และลิง ลิในเรื่อ รื่ งรามเกีย กี รติ์ ลายก้า ก้ นขดมัก มั นำ ไปใช้กั ช้ บ กั พื้น พื้ ราบหรือ รื หน้า น้ กระดานกว้า ว้ งๆ ลายก้า ก้ นขดมีชื่ มีชื่อ ชื่ ต่างๆ กัน กั ตามแต่จะประดิษ ดิ ฐ์ ได้แ ด้ ก่ ก้า ก้ นขด เทพนม ก้า ก้ นขดใบเทศ ก้า ก้ นขดผัก ผั กูด ก้า ก้ นขดหน้า น้ หงส์ ก้า ก้ นขดหน้า น้ สิง สิ ห์ และก้า ก้ นขดหางโต ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ส่วนมากมัก มัใช้ทำ ช้ ทำเป็นลายกรอบต่างๆ เหมาะสำ หรับ รั เนื้อที่แที่คบๆแต่ยาว ลายก้า ก้ นขดเป็นลายที่ สามารถ ต่อได้เ ด้ รื่อ รื่ ยๆไม่มี ม่ ก มี ารสิ้น สิ้ สุด ยุค ยุ สมัย มั มีก มี ารค้น ค้ พบว่า ว่ มีก มี ารใช้ล ช้ ายก้า ก้ นขดมาตั้ง ตั้ แต่สมัย มั ทราวดีแ ดี ละสมัย มั อยุธยาตอนปลายเรื่อ รื่ ยมาจนถึง ถึ สมัย มั รัต รั นโกสิน สิ ทร์ โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายก้า ก้ นขด เป็นลายเถามีก้ มี า ก้ นขดม้ว ม้ นเป็นรูปก้น ก้ หอยเรีย รี งสลับ ลั ซ้า ซ้ ยขวาต่อเนื่องซ้ำ กัน กั ระหว่า ว่ ง เถาผูกลายแทรกเป็นระยะ ซึ่งซึ่มัก มั นิยมทำ ปลายขดในสุดให้ส ห้ วยงาม “ลายก้า ก้ นขด” ก้า ก้ น คือ คื ส่วนที่ต่ที่ต่ อดอก ใบ หรือ รื ผล กับ กั กิ่ง กิ่ไม้ เป็นที่มที่าของลายก้า ก้ นขด หมายถึง ถึ ก้า ก้ นของตัว ตั ลายขดไปขดมาเป็นวงขมวดเป็นวงก้น ก้ หอย ผูกเขีย ขี นเดิน ดิ เถาต่อเนื่องซ้ำ ๆกัน กั บนพื้น พื้ ที่ที่ที่กำที่กำหนดระหว่า ว่ งเถาผูกลายแทรก เป็นระยะๆ เว้น ว้ จัง จั หวะช่องไฟพองาม ปลายเถาซึ่งซึ่เป็นจุด จุ กึ่ง กึ่ กลางขดนิยมผูกเป็นช่อกระหนกแม่ล ม่ ายต่างๆ หรือ รื ประดิษ ดิ ฐ์เ ฐ์ป็นหน้า น้ สัต สั ว์ หรือ รื เทวดาครึ่ง รึ่ องค์ ก้า ก้ นขดเป็นลายที่ใที่ช้ใช้ นที่แที่บนราบทั่ว ทั่ไปเป็นลายหน้า น้ กระดานหรือ รื ลาย ต่อเนื่องขึ้น ขึ้ ลง ชื่อ ชื่ ลาย:ก้า ก้ นขด จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๓๘
๑๗. ลายกรวยเชิง ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายกรวยเชิง ชิ เป็นลายตกแต่งเชิง ชิ หรือ รื ขอบนอกสุด เช่น เชิง ชิ ผ้า ผ้ เชิง ชิ ขอบลายประดับ ดั คานบน เพดาน โบสถ์ วิห วิ าร เป็นต้น ต้ ยุค ยุ สมัย มั สมัย มั สุโขทัย ทั อยุธยา จนถึง ถึ รัต รั นโกสิน สิ ทร์ โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น ลายกรวยเชิง ชิ หรือ รื กรุยเชิง ชิ ประกอบด้ว ด้ ย • ลูกขนาบ คือ คื ลายหน้า น้ กระดานย่อ • ช่อแทงลาย เขีย ขี นได้ห ด้ ลายวิธี วิ จ ธี ะใช้ก ช้ ระจัง จัใบเทศ กระจัง จั หู หรือ รื กระจัง จัปฏิญ ฏิ าณก็ไก็ ด้ • ลายลูกขนาบ เมื่อมื่จะลายใหญ่ขึ้น ขึ้ใช้ล ช้ ายหน้า น้ กระดานตรงกลาง และเอาลายลูกขนาบเล็ก ล็ คั้น คั้ แทนเส้น ส้ ลวด • แม่ล ม่ าย คือ คื ลายหน้า น้ กระดาน แต่เมื่อมื่เป็นแม่ล ม่ ายต้อ ต้ งใช้ล ช้ ายที่มีที่ข มี นาดใหญ่ขึ้น ขึ้ สามารถเอาลายหน้า น้ กระดานชนิดไหนก็ไก็ ด้ • กรุยเชิง ชิ จะมีส่ มีส่ วนยาวกว่า ว่ ช่อแทงลายส่วนตอนปลาย คือ คื กรุยจะยาวเท่าใดก็ไก็ ด้ และสามารถใช้ก ช้ ระจัง จั ชนิดไหนก็ไก็ ด้ “ลายกรวยเชิง ชิ หรือ รื ลายกรุยเชิง ชิ” ใช้ก ช้ ระจัง จัใบเทศหรือ รื กระจัง จั หู พุ่ม พุ่ ข้า ข้ วข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ มาเขีย ขี นทรงให้ย ห้ าวประมาณสามส่วน และต่อยอดให้ย ห้ าวเป็นเส้น ส้ อย่างกรุยผ้า ผ้ ใช้ใช้ ห้ย ห้ าวไปเท่าใดก็ไก็ ด้แ ด้ ล้ว ล้ แต่จะเหมาะสม แต่ต้อ ต้ งให้ย ห้ อดลง ถ้า ถ้ จะใช้ก ช้ ระจัง จั หูหรือ รื พุ่ม พุ่ ข้า ข้ วบิณ บิ ฑ์ม ฑ์ าประดิษ ดิ ฐ์เ ฐ์ป็นกรุยเชิง ชิ การใส่ตัว ตั แทรกใช้ต่ ช้ต่ างกัน กั คือ คืใช้ตั ช้ ว ตั แทรกไม่ทั ม่ บ ทั กัน กั ใช้ตั ช้ ว ตั แทรกต้อ ต้ งมีก้ มี า ก้ นต่อ (ดูแบบลายกรุยเชิง ชิ ที่ปที่ระกอบครบถ้ว ถ้ น) ช่อแทงลายหรือ รื กรุยเชิง ชิ นี้ เป็นลายช่วยประกอบลายอื่นอื่ ไม่มี ม่ เ มี ฉพาะของมัน มั เอง ลายกรวยเชิง ชิ จะมีลั มี ก ลั ษณะคล้า ล้ ยลายบัว บั ที่ยืที่ด ยื ยาวออกไปตามความต้อ ต้ งการหรือ รื ขนาดของพื้น พื้ ที่ ตัว ตั ลายจะเป็นรูปกรวยปลาย แหลม ตัว ตั ลายวางเรีย รี งต่อกัน กั ตามความยาวของพื้น พื้ ที่ ช่างเขีย ขี นถือ ถื ว่า ว่ ลายกรวยเชิง ชิ เป็นแม่ล ม่ ายชนิดหนึ่งที่ใที่ช้กั ช้ น กั มาตั้ง ตั้ แต่สมัย มั สุโขทัย ทั อยุธยา จนถึง ถึ รัต รั นโกสิน สิ ทร์ ชื่อ ชื่ ลาย:กรวยเชิงชิ จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๓๙
๑๘. ลายเฟื่อง ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายเฟื่อง เป็นลายที่ผูที่ผู กขึ้น ขึ้ สำ หรับ รั ห้อ ห้ ยโยงตามแนวหน้า น้ กระดาน ยุค ยุ สมัย มั ศิลปะล้า ล้ นนนา “ลายเฟื่อง” คือ คื ลายเฟื่องอุบ อุ ะมาจากคำ ว่า ว่“เฟื่อง” หมายถึง ถึ เครื่อ รื่ งประดับ ดั เป็นพวงร้อ ร้ ยดอกไม้ที่ ม้ ห้ที่อ ห้ ยโยนทิ้ง ทิ้ จัง จั หวะเป็นช่วง (บางท่านเรีย รี ก “พวงสด”) คำ ว่า ว่“อุบ อุ ะ” หมายถึง ถึ ดอกไม้ที่ ม้ ห้ที่อ ห้ ยคั่น คั่ จัง จั หวะห่างของลายเฟื่อง จึง จึ เรีย รี ก รวมกัน กั ว่า ว่“ลายเฟื่องอุบ อุ ะ” มี หลายลัก ลั ษณะและมีชื่ มีชื่อ ชื่ เรีย รี กตามลัก ลั ษณะที่ช่ที่ช่ างได้ปด้ ระดิษ ดิ ฐ์ขึ้ ฐ์ขึ้ น ขึ้ ลายเฟื่องอุบ อุ ะนี้นิยม เขีย ขี นแทรกเข้า ข้ไปในช่องห่างของลายกรวยเชิง ชิ ทำ ให้ไห้ ด้ล ด้ ายที่สที่วยงาม สมบูรณ์ และอ่อนช้อ ช้ ยมากยิ่งยิ่ขึ้น ขึ้ ชื่อ ชื่ ลายซึ่งซึ่วางลายคล้า ล้ ยดอกไม้ร้ ม้ อ ร้ ยเป็นเส้น ส้ ขึง ขึ ตามแนวนอนให้มี ห้ ส่ มีส่ วนโค้ง ค้ ลงในลัก ลั ษณะตกท้อ ท้ งช้า ช้ งเว้น ว้ ระยะห่างเท่าๆ กัน กั โดยมีอุ มี บ อุ ะหรือ รื พู่ห้พู่ อ ห้ ยเป็นระยะสลับ ลั ติด ติ ต่อกัน กัไปทั้ง ทั้ ซ้า ซ้ ยและขวา เรีย รี กว่า ว่ ลายเฟื่องอุบ อุ ะ ชื่อ ชื่ ลาย:เฟื่อง จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๔๐
๑๙. ลายสาหร่ายรวงผึ้ง รูปแบบของลาย ลายสาหร่ายรวงผึ้ง ผึ้ ประกอบด้ว ด้ ย ลายกระจัง จัปฏิญ ฏิ าณ ลายหน้า น้ กระดาน ลายกระจัง จั ลายรวงผึ้ง ผึ้ และลายสาหร่าย ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายสาหร่ายรวงผึ้ง ผึ้ มัก มัใช้ปช้ ระดับ ดั บนสถาปัต ปั ยกรรม เช่น หน้า น้ บัน บั เสา เป็นต้น ต้ “ลายสาหร่ายรวงผึ้ง ผึ้” สาหร่าย คือ คื ลายย้อ ย้ ยติด ติ กับ กั เสา ห้อ ห้ ยลงมาเป็นยวงที่ช่ที่ช่ องระหว่า ว่ งเสา แต่ลายสาหร่ายจะต่อกับ กั ลายรวงผึ้ง ผึ้ เล็ก ล็ น้อ น้ ย ปลายของลายสาหร่ายจะหดกลับ ลั แบบตัว ตั เหงา ทำ เป็นรูปช่อกระหนก หรือ รื เทพนม หรือ รื หัว หั พญานาค ส่วนรวงผึ้ง ผึ้ คือ คื มีลั มี ก ลั ษณะคล้า ล้ ยรวงผึ้ง ผึ้ ห้อ ห้ ยลงจากขื่อขื่ ใต้ห ต้ น้า น้ บัน บั ทรงคล้า ล้ ยกระจัง จั รวน ทั้ง ทั้ นี้ ลายสาหร่ายและรวงผึ้ง ผึ้ไม่นิ ม่ นิ ยม ทำ ทึบ ทึ แต่จะปรุให้โห้ปร่ง ชื่อ ชื่ ลาย:สาหร่ายรวงผึ้ง ผึ้ จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๔๑
๒๐. ลายค้างคาว ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายค้า ค้ งคาว หรือ รื ลายผีเ ผี สื้อ สื้ มัก มัใช้ใช้ นการประดับ ดั มุม มุ เพดาน หรือ รื มุม มุ พนัก นั โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น : ลายค้า ค้ งคาวมัก มั อยู่ในรูปทรงสามเหลี่ยลี่ม “ลายค้า ค้ งคาว หรือ รื ลายผีเ ผี สื้อ สื้ หรือ รื ลายประดับ ดั มุม มุ” เป็นลายไทยที่ผูที่ผู กขึ้น ขึ้ เขีย ขี นไว้ต ว้ ามมุม มุ เพดานหรือ รื มุม มุ พนัก นั มัก มั อยู่ใน รูปทรงสามเหลี่ยลี่ม ทำ หน้า น้ ที่อุที่ด อุ มุม มุ โดยจะผูกด้ว ด้ ยแม่ล ม่ ายกระหนก ๒ ช่อ กระหวัด วัโคนไขว้กั ว้ น กั พุ่ง พุ่ ปลายออกไปในทางตรง ข้า ข้ ม ที่ตที่รงโคนช่อกระหนกนิยมเขีย ขี นลายพุ่ม พุ่ หรือ รื ลายประจำ ยามอุด อุ ไว้ เรีย รี กว่า ว่ ห้า ห้ มลาย ลายที่ผูที่ผู กขึ้น ขึ้ เพื่อพื่อุด อุ อยู่ตรงมุม มุ นี้ดูคล้า ล้ ย รูปค้า ค้ งคาวคลี่ปีลี่ปี ก ช่างสมัย มั ก่อนจึง จึ เรีย รี กว่า ว่ ลายค้า ค้ งคาว ในสมัย มั ต่อมาเมื่อมื่มีช่ มีช่ างชาวจีน จี เข้า ข้ มาเขีย ขี นลายตกแต่งตามวัด วัไทย นิยมเขีย ขี นเป็นรูปค้า ค้ งคาวอุด อุ ตรงมุม มุ แทนลวดลายอย่างไทย มีตั มี ว ตั อย่างให้เ ห้ ห็น ห็ เช่นที่วัที่ด วัปรมัย มั ยิก ยิ าราม จัง จั หวัด วั นนทบุรี บุ รี ชื่อ ชื่ ลาย:ค้า ค้ งคาว จาก นายโพธิ์ ใจอ่อนอ้อ อ้ ม ปีที่พิที่มพิพ์ 2500 ชื่อ ชื่ หนังนัสือ สื คู่มือ มื ลายไทย หน้า น้ ที่ 135 ๔๒
๒๑. ลายดาว รูปแบบของลาย ก.ดาวจงกล ใช้ปช้ ระดับ ดั พื้น พื้ เพดาน ข.ดาวรัง รั แตน ประดับ ดั พื้น พื้ เพดานไขราตรงย่อม ค.ดาวตุ๊ด ตุ๊ คู่หรือ รื ดาวดอกจอกใช้ปช้ ระดับ ดั ที่ห้ที่อ ห้ งสะพานหนูเหนือเชิง ชิ กลอน ง.ดาวดาราราย ใช้ปช้ ระดับ ดั ล้อ ล้ มดาวจงกล หรือ รืประดับ ดั ที่เที่พดานไขรา จ.ดาวกลีบ ลี บัว บั ส่วนมากเป็นดาวเพดาน ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายดาว ใช้ปช้ ระดิษ ดิ ฐ์เ ฐ์ป็นลายดาวเพดาน “ลายดาว” การประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายดาวตกแต่งมีอ มี ยู่หลายแบบ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ล้ มีที่ มี มที่าจากวงกลมที่มีที่รั มี ศ รั มี โดยรอบ การจัด จั วางแต่ละดวงก็มั ก็ ก มั จะกำ หนดให้จั ห้ ด จั เป็นกลุ่ม ลุ่ มีด มี วงใหญ่ลอยเด่นอยู่ตรงกลางห้อ ห้ มล้อ ล้ มด้ว ด้ ยดวงเล็ก ล็ ลดหลั่น ลั่ กัน กั ลงไป ลายดาว เป็นลายที่รที่ะบุตำ บุ ตำแหน่งประดับ ดัไว้อ ว้ ย่างชัด ชั เจน ว่า ว่ อยู่ตรงส่วนที่เที่ป็นฝ้าเพดานของศาสนสถาน เช่น โบสถ์ วิห วิ าร ซุ้ม ซุ้ พุท พุ ธปรางค์ ซุ้ม ซุ้ สถูป ถู เจดีย์ ดีย์ เป็นต้น ต้ เพราะถือ ถื ว่า ว่ ส่วนของอาคารนั้น นั้ เป็น ส่วนหนึ่งของพื้น พื้ ธรณี จึง จึ ต้อ ต้ งประกอบด้ว ด้ ยท้อ ท้ งฟ้า ซึ่งซึ่มีด มี วงดาวประดับ ดั เช่นเดีย ดี วกับ กั ท้อ ท้ งฟ้าตามธรรมชาติ ดัง ดั นั้น นั้ ส่วนที่สที่มมติเ ติป็นท้อ ท้ งฟ้าจึง จึ ได้แ ด้ ก่ส่วนที่เที่ป็นเพดาน หรือ รื ภาย ใต้ห ต้ ลัง ลั คาของอาคารนั้น นั้ เอง พื้น พื้ ที่ที่ที่ตที่กแต่งลายดาวประกอบด้ว ด้ ยพื้น พื้ ที่เที่พดานอาคาร ส่วนต่างๆที่อที่ยู่ทั้ง ทั้ ภายในและภายนอก อาคาร เช่น อุโ อุ บสถวัด วั พระศรีรั รี ต รั นศาสดาราม ชื่อ ชื่ ลาย:ดาว จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๔๓
๒๒. ลายดอกลอย รูปแบบของลาย ก. ลายดอกลอยเป็นตัว ตั ลายสำ หรับ รัใช้เ ช้ ข้า ข้ประกอบกับ กั ลายอื่นอื่ ให้เ ห้ กิด กิ เป็นลายชนิดต่างๆขึ้น ขึ้ เช่น เขีย ขี นลายประจำ ยามก้า ก้ นแย่ง ในระหว่า ว่ งที่ว่ที่า ว่ งของก้า ก้ นแย่ง ก็เ ก็ อาดอกลอยสี่กสี่ลีบ ลีใส่ประกอบเข้า ข้ ก็จ ก็ ะเป็นลายประจำ ยามก้า ก้ นแย่ง เป็นต้น ต้ ข.ลายดอกลอยผสมกัน กั เข้า ข้ เป็นลายชนิดอื่นอื่ก็ไก็ ด้ เช่น ลายดาวล้อ ล้ มเดือ ดื น ลายดอกไม้ร่ ม้ร่ วง เป็นต้น ต้ ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายดอกลอยใช้ปช้ ระกอบเป็นลายได้ห ด้ ลายอย่าง มัก มัใช้ใช้ นงานสถาปัต ปั ยกรรม เช่น ประดับ ดั ผนัง นั วัด วั ประดับ ดั เสาพระปรางค์ ประดับ ดั หลัง ลั คาพระอุโ อุ บสถ และใช้ใช้ นงานหัต หั ถกรรม เช่นผ้า ผ้ ทอลายดอกลอย กระเบื้อ บื้ งลายดอกลอยไม้ แกะสลัก ลั ลายดอกลอย ยุค ยุ สมัย มั สมัย มั อยุธยาตอนต้น ต้ โครงสร้า ร้ ง สัด สั ส่ว ส่ น สัด สั ส่วนของลายดอกลอยโดยทั่ว ทั่ไป มัก มั เป็นไปตามสัด สั ส่วนทางศิลปะไทย ซึ่งซึ่ยึด ยึ หลัก ลั ความสมมาตร ความสมดุล และการจัด จั องค์ปค์ ระกอบอย่างสวยงาม “ลายดอกลอย” เป็นลายไทยประเภทหนึ่ง ซึ่งซึ่เป็นดอกหรือ รื ดวงมาจัด จั เรีย รี งรายซ้ำ ๆ กัน กัโดยเว้น ว้ ระยะให้อ ห้ ยู่ในจัง จั หวะ หรือ รื ช่องไฟให้ดู ห้ ดู งดงามตามพื้น พื้ ที่แที่บนราบทั่ว ทั่ไป มีลั มี ก ลั ษณะเป็นดอกลอยอยู่กลางลาย มัก มัใช้ปช้ ระดับ ดัในบริเ ริ วณกลางผ้า ผ้ กลาง ผนัง นั หรือ รื กลางผืน ผื งาน ลายดอกลอยมีชื่ มีชื่อ ชื่ เรีย รี กแตกต่างกัน กัไปตามลัก ลั ษณะของดอก เช่น ลายดอกบัว บั ลอย ลายดอกลอย แก้ว ก้ ลายดอกลอยลายริ้ว ริ้ เป็นต้น ต้ ชื่อ ชื่ ลาย:ดอกลอย จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๔๔
๒๓. ลายราชวัติ รูปแบบของลาย ก.ลายราชวัต วั รเป็นลายแผงหรือ รื เป็นลายรั้ว รั้ กั้น กั้ ระหว่า ว่ งมุม มุ ของรูปสี่เสี่หลี่ยลี่มเชิง ชิ บัน บัได ถ้า ถ้ ทำ เป็นลายโปร่งไม่ใม่ ช้ด ช้ อกลอยแทรก ถ้า ถ้ ทำ เป็นลายปั้น ปั้ปูน หรือ รื ลายแกะไม้ ก็ใก็ ช้ด ช้ อกลอยแทรก ข.ลายราชวัต วั รที่มีที่รู มี รู ปแบบเดีย ดี วกับ กั ลายก้า ก้ นแย่ง ทำ เป็นลายปั้น ปั้ ดอกนูน พื้น พื้โปร่ง ค. ลายราชวัต วั รดอกลอยเป็นลายสำ หรับ รัใช้ปั้ช้ น ปั้ หรือ รื แกะไม้พื้ ม้ พื้ น พื้ ทึบ ทึ ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายราชวัต วั ร มัก มั นำ มาสร้า ร้ งเป็นลายผ้า ผ้ ลายกำ แพง ลายแกะไม้ ลายเพดาน ลายกระเบื้อ บื้ ง ลายแผงช่องลม เป็นต้น ต้ “ลายราชวัต วั ร” คือ คื ลายที่มีที่ลั มี ก ลั ษณะโปร่ง มีที่ มี มที่าจากรั้ว รั้ พิธี พิ ม ธี ณฑล ทำ ด้ว ด้ ยไม้ล้ ม้ อ ล้ มเขตทำ พิธี พิ ที่ ธี มุที่ม มุ ทั้ง ทั้ สี่ เว้น ว้ ตอนกลางทางเข้า ข้ ออกสี่ด้สี่า ด้ น มีฉั มี ต ฉั รปัก ปั เป็นระยะ เรีย รี กว่า ว่ แผงราชวัติ วัติ หรือ รื รั้ว รั้ ตาข่า ข่ ย เพราะทำ จากไม้ร ม้ ะแนงตีส ตี าน เป็นรูปตะแกรงไขว้แ ว้ บบตาข่า ข่ ย มีด มี อกไม้ปิม้ปิ ดทับ ทั รอยไม้ที่ ม้ไที่ขว้กั ว้ น กั ถ้า ถ้ ดอกไม้เ ม้ป็นรูปดอกจัน จั ทน์สี่ น์ เสี่หลี่ยลี่ม เรีย รี กว่า ว่ ราชวัติ วัติ ดอกเหลี่ยลี่ม หรือ รื ราชวัติ วั ด ติ อกสี่กสี่ลีบ ลี ลายราชวัติ วั ห ติ ากนำ ไปประดับ ดั ด้ว ด้ ยเพชรพลอยหรือ รื กระจกสีแ สี ล้ว ล้ ลงรัก รัปิดทอง จะ จัด จั อยู่ในประเภทลายกุดั่ กุ น ดั่ เรีย รี ก กุดั่ กุ น ดั่ ราชวัติ วัติ ชื่อ ชื่ ลาย:ราชวัติวัติ จากhttps://online.anyflip.com สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๔๕
๒๔. ลายก้านแย่ง ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ • ลายใบเทศก้า ก้ นแย่ง ลายใบเทศพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑก้า ก้ นแย่ง ใช้เ ช้ป็นลายผ้า ผ้ ลายฝาผนัง นั ลายปัก ปัไหม ลายปัก ปั ดิ้น ดิ้ ลายฉลุสี ลุ เ สี ขีย ขี นสอดสี • ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑก้า ก้ นแย่ง ใช้เ ช้ป็นลายปัก ปัไหม ลายปัก ปั ดิ้น ดิ้ ลายทองอย่างลายรดน้ำ ลายสอดสี ลายฝาผนัง นั รูปแบบของลาย รูปแบบลายก้า ก้ นแย่ง มีห มี ลายรูปแบบ เช่น ลายใบเทศก้า ก้ นแย่ง ลายใบเทศพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑก้า ก้ นแย่ง ลายพุ่ม พุ่ ทรงข้า ข้ วบิณ บิ ฑ ก้า ก้ นแย่ง ลายเทพพนมก้า ก้ นแย่ง “ลายก้า ก้ นแย่ง” เป็นลายไทยแบบหนึ่ง มีลั มี ก ลั ษณะการผูกเป็นแถวโค้ง ค้ บรรจบกัน กั ตรงที่เที่ถาบรรจบกัน กั นั้น นั้ ผูกลายเป็น ดอกหรือ รื พุ่ม พุ่ แบบต่างๆ กัน กั ลงทุก ทุ ๆ ร่วมเถา ทำ ให้ดู ห้ ดู คล้า ล้ ยกับ กั ว่า ว่ เถาหรือ รื ก้า ก้ นแย่งดอกกัน กั ชื่อ ชื่ ลาย:ก้า ก้ นแย่ง จาก http://www.geocities.ws สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๔๖ ชื่อชื่ลาย: ลายใบเทศก้าก้นแย่ง จาก นายโพธิ์ ใจอ่อนอ้ออ้ม ปีที่พิที่มพิพ์ 2500 ชื่อชื่หนังนัสือสืคู่มือมืลายไทย หน้าน้ที่ 87 ชื่อชื่ลาย: ลายใบเทศพุ่มพุ่ทรงข้าข้วบิณบิฑก้าก้นแย่ง จาก นายโพธิ์ ใจอ่อนอ้ออ้ม ปีที่พิที่มพิพ์ 2500 ชื่อชื่หนังนัสือสืคู่มือมืลายไทย หน้าน้ที่ 90 ชื่อชื่ลาย: ลายเทพพนมก้าก้นแย่ง จาก นายโพธิ์ ใจอ่อนอ้ออ้ม ปีที่พิที่มพิพ์ 2500 ชื่อชื่หนังนัสือสืคู่มือมืลายไทย หน้าน้ที่ 91
๒๕. ลายรวงข้าว รูปแบบของลาย ก. ลายต้น ต้ รวงข้า ข้ วเปลว เป็นลายประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายรวงข้า ข้ วอยู่ลอยๆ ไม่อ ม่ ยู่ในที่จำที่จำกัด กั ข. ลายต้น ต้ รวงข้า ข้ วใบเทศ เป็นลายประดิษ ดิ ฐ์ล ฐ์ ายรวงข้า ข้ วอยู่ลอยๆ ไม่อ ม่ ยู่ในที่จำที่จำกัด กั ประโยชน์ใน์ ช้ส ช้ อย หน้า น้ ที่ ลายรวงข้า ข้ วมัก มั นำ ไปใช้ใช้ นการผูกลายในงานจิต จิ รกรรมไทย ตัว ตั อย่างที่พที่บ ตู้พ ตู้ ระธรรมลายรดน้ำ ที่วัที่ด วั เชิง ชิ หวาย ซึ่งซึ่เป็นแบบฉบับ บั ลายกนกรวงข้า ข้ วที่นำที่นำช่อกนกเปลวมาตกแต่งเป็นรวงข้า ข้ วให้ดู ห้ ดู สวยงามวิจิ วิ ต จิ รตระการตายิ่งยิ่ “ลายรวงข้า ข้ ว” เป็นการออกแบบลวดลายแบบธรรมชาติ มาจากการนำ เอากระหนกเปลว และกระหนกใบเทศมาปนกัน กั กัน กั แล้ว ล้ ผูกอยู่ในทรงของช่อรวงข้า ข้ วและต้น ต้ ข้า ข้ ว ชื่อ ชื่ ลาย::รวงข้า ข้ ว จากhttps://www.finearts.go.th สืบ สื ค้น ค้ เมื่อมื่ 25 ธันธัวาคม 2566 ๔๗ ชื่อ ชื่ ลาย: ลายต้น ต้ รวงข้า ข้ วเปลว จาก นายโพธิ์ ใจอ่อนอ้อ อ้ ม ปีที่พิที่มพิพ์ 2500 ชื่อ ชื่ หนังนัสือ สื คู่มือ มื ลายไทย หน้า น้ ที่ 80 ชื่อ ชื่ ลาย: ลายต้น ต้ รวงข้า ข้ วใบเทศ จาก นายโพธิ์ ใจอ่อนอ้อ อ้ ม ปีที่พิที่มพิพ์ 2500 ชื่อ ชื่ หนังนัสือ สื คู่มือ มื ลายไทย หน้า น้ ที่ 81