The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เทคโนโลยีกับมนุษย์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pammie5, 2022-04-03 12:48:59

เทคโนโลยีกับมนุษย์

เทคโนโลยีกับมนุษย์

ความสมั พนั ธ์ของเทคโนโลยที ่มี ตี ่อวิทยาศาสตร์อย่างไร

เทคโนโลยี หมายถงึ สิ่งทีม่ นุษย์พัฒนาขน้ึ เพื่อช่วยในการทางานหรือแกป้ ญั หาต่าง ๆ ตามความต้องการของมนุษย์
เชน่ อปุ กรณ์, เครื่องมือ, เครอ่ื งจักร, วัสดุ หรือส่ิงของทจ่ี ับตอ้ งไม่ได้ เช่น ระบบหรือกระบวนการตา่ ง ๆ

เทคโนโลยี ในทางเศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยีเปน็ ความรขู้ องมนษุ ย์ การนาเอาทรัพยากรมาผลติ เปน็
ผลติ ภัณฑท์ ตี่ ้องการ (รวมถึงความรวู้ า่ เราสามารถผลิตอะไรได้บ้าง) ดังนน้ั การเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยี จะ
เกิดขนึ้ เม่ือความรู้ทางเทคนิคของเราเพิม่ ข้นึ
“เทคโนโลยี” มคี วามสัมพันธก์ ับการดารงชีวติ ของมนุษย์มาเปน็ เวลานาน เป็นสง่ิ ทมี่ นุษยใ์ ชแ้ ก้ปัญหาพ้นื ฐาน ใน
การดารงชีวติ เช่น การเพาะปลกู ท่ีอยู่อาศัย เครอื่ งนุ่งห่ม ยารกั ษาโรค ในระยะแรกเทคโนโลยที ี่นามาใช้ เปน็
เทคโนโลยีพ้นื ฐาน การเพ่ิมของประชากร และข้อจากัดด้านทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาความสมั พนั ธ์กับ
ตา่ งประเทศเป็นปจั จัยในการนาและพัฒนาเทคโนโลยมี าใช้มากขนึ้

เทคโนโลยีกับวิทยาศาสตรว์ ทิ ยาศาสตรก์ ับเทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กันมาก เทคโนโลยีเกิดจากพื้นฐาน
ทางวิทยาศาสตรร์ องรบั ประเทศตะวันตก ได้ศึกษาค้นคว้าทฤษฎีทางวทิ ยาศาสตร์มาอย่างตอ่ เนื่อง ทาให้การพัฒนา
เทคโนโลยีเจรญิ กา้ วหนา้ ความสมั พันธ์ระหวา่ งวทิ ยาศาสตร์กับเทคโนโลยี ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เปน็ ความรู้ทเี่ กดิ
จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ โดยความรูท้ างวทิ ยาศาสตรค์ ือการพยายามที่อธบิ ายวา่ ทาไมจึงเกิดอย่างน้นั
(Why) เชน่ นกั ฟิสิกส์ อธบิ ายวา่ เมือ่ ขดลวดตัดสนามแมเ่ หลก็ จะได้กระแสไฟฟา้ และน้าเกดิ จากไฮโดรเจนผสมกบั
ออกซิเจนเปน็ ต้น

เทคโนโลยคี วามหมายเปน็ การประยกุ ต์ นาเอาความรทู้ างวทิ ยาศาสตรม์ าใช้ และก่อใหเ้ กิดประโยชน์
ในทางปฏบิ ตั ิแก่มนษุ ย์ คือ เทคโนโลยีเปน็ การนาเอาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์มาใช้ ในการประดษิ ฐ์สงิ่ ของต่าง ๆ ให้
เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนแตกต่างของเทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์ คือเทคโนโลยีจะข้นึ อยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจเปน็
สนิ คา้ มกี ารซ้ือขาย สว่ นความรู้ทางวิทยาศาสตรเ์ ปน็ สมบัติสว่ นรวมของชาวโลก มีการเผยแพร่โดยไม่มกี ารซ้ือ
ขาย สรปุ คือ เทคโนโลยีสมัยใหม่เกดิ ขึ้นโดยมีความรู้ทางวิทยาศาสตรเ์ ปน็ ฐานรองรบั

บทบาทของเทคโนโลยตี ่อการพฒั นาประเทศไทยได้เล็งเห็นความสาคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยมี า
เปน็ ลาดบั เชน่ การตราพระราชบญั ญัติ สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ในปี พ.ศ 2514 และจัดตง้ั
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยแี ละการพลังงานแห่งชาติขึ้นในปี พ.ศ 2522 ให้ทาหน้าท่ีหลักในการเผยแพรแ่ ละ
พัฒนาผลงานทางวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ ปัจจบุ นั เทคโนโลยมี ีบทบาทต่อการพฒั นา
อย่างมาก กลา่ วโดยสรุปดังนี้

1. เทคโนโลยีกบั การพัฒนาอุตสาหกรรม การนาเทคโนโลยมี าใชใ้ นการผลติ ทาใหป้ ระสิทธภิ าพในการผลติ
เพม่ิ ข้นึ ประหยดั แรงงาน ลดตน้ ทนุ และ รกั ษาสภาพแวดล้อม เทคโนโลยีทม่ี ีบทบาทในการพัฒนา
อตุ สาหกรรมในประเทศไทย เชน่ คอมพิวเตอร์ และอเิ ล็กทรอนิกส์ การสื่อสาร เทคโนโลยีชีวภาพและ
พนั ธุกรรม วศิ วกรรม เทคโนโลยีเลเซอร์ การสอื่ สาร การแพทย์ เทคโนโลยพี ลังงาน เทคโนโลยวี สั ดศุ าสตร์
เชน่ พลาสติก แกว้ วัสดกุ อ่ สร้าง โลหะ

2. เทคโนโลยีกบั การพฒั นาดา้ นการเกษตร ใช้เทคโนโลยีในการเพิม่ ผลผลิต ปรบั ปรุงพนั ธุ์ เป็นต้น เทคโนโลยี
มบี ทบาทในการพัฒนาอย่างมาก แต่ทงั้ น้ีการนาเทคโนโลยมี าใชใ้ นการพฒั นาจะต้องศกึ ษาปัจจัยแวดลอ้ ม
หลายด้าน เช่น ทรพั ยากรสง่ิ แวดล้อม ความเสมอภาคในโอกาสและการแขง่ ขันทางเศรษฐกจิ และสงั คม
เพื่อให้เกิดความ ผสมกลมกลืนตอ่ การพัฒนาประเทศชาติและส่วนอ่นื ๆอีกมาก

ความสมั พันธ์ระหวา่ งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วทิ ยาศาสตร์ คอื วชิ าท่ศี ึกษาถงึ ปรากฏการณธ์ รรมชาติ ทั้งในสภาพนิ่งหรอื สภาพทมี่ ีการเปลีย่ นแปลง
เทคโนโลยี คอื กระบวนการหรือวธิ ีการและเคร่ืองมอื ท่ีเกิดจากการประยุกต์ และผสมผสานความรทู้ าง
วทิ ยาศาสตร์และศาสตรอ์ ่นื ๆ เพื่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ มนษุ ยเ์ หมาะสมกบั เวลาและสถานท่ี
วทิ ยาศาสตร์มจี ุดมุ่งหมายในการแสวงหาความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ โดยต้ังข้อสมมติฐาน พสิ จู นส์ มมติ
ฐานด้วยกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ความรู้ หรือข้อเท็จจริงจากปรากฎการณน์ นั้ ๆ ถ้ามีการพิสูจน์ อีก
กย็ ังคงใชข้ อ้ เทจ็ จริงเหมือนเดิม

เทคโนโลยเี ปน็ วทิ ยาการท่เี กิดจากการใช้ความรูท้ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละศาสตร์อ่นื ๆในการแก้ปญั หา โดยหา

กระบวนการหรือวธิ กี าร (Know How) โดยอาศัยเคร่ืองมือและความร้ตู ่าง ๆ ผลของกระบวนการเทคโนโลยีมี 2

ลกั ษณะ คอื

1.เครอ่ื งมือ หรือฮารด์ แวร์ หมายถึง เทคโนโลยีในรปู ของอุปกรณ์ เครื่องมือต่าง ๆ เชน่ เครื่องบาบดั

นา้ เสยี เครือ่ งปรับอากาศ เครื่องบนิ เปน็ ต้น

2. วิธกี ารหรอื เรยี นกว่า ซอฟตแ์ วร์ หมายถงึ เทคโนโลยใี นรูปของวธิ ีการ กระบวนการ ความรู้ตา่ ง

ๆ เชน่ วธิ จี ัดการระบบบรหิ ารองค์กร วธิ ปี ระเมินผลตา่ ง ๆ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
ผู้ศกึ ษาค้นคว้าหาความรูเ้ กย่ี วกบั ปรากฎการณ์ธรรมชาติ คอื นกั วิทยาศาสตร์ ความใฝ่รู้ หรอื อยากรู้

อยากเหน็ ทาให้คนเปน็ นักวิทยาศาสตร์ ความใฝ่ประดิษฐท์ าใหค้ นเปน็ ช่างฝีมือ คนท่ีเรียนเทคโนโลยจี ะต้องมจี ติ
วญิ ญาณสองส่วน คือ ใฝ่รู้ หรอื ใฝ่ศกึ ษาธรรมชาติ และใฝ่ทาหรือใฝป่ ระดษิ ฐ์ บคุ คลทีม่ ีคุณลกั ษณะท้งั
2 ประการ ได้แก่ โธมสั อัลวา เอดิสนั เป็นนักประดิษฐ์ ท่ีรวมความเป็นนกั วิทยาศาสตรแ์ ละช่างฝีมอื ในตวั เอง

เมื่อประมาณ 4,500 ปี มาแลว้ ชาวอียปิ ตโ์ บราณสร้างพีระมิดดว้ ยเทคโนโลยีบางอย่างสาหรบั ขนหิน
แกรนิตขนาดใหญ่ขึน้ ไปเรียงกันถงึ ยอดสูงประมาณ 164 ฟตุ เทคโนโลยเี กดิ จากการนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์
และการพัฒนาเคร่ืองมือของชา่ งฝมี อื ทาให้ไดเ้ คร่ืองจักรกลท่ซี บั ซอ้ น

ประเทศไทยผลติ ชา่ งฝีมอื ในแตล่ ะปีจานวนมาก แต่ขาดความรู้พืน้ ฐานดา้ นวทิ ยาศาสตรบ์ รสิ ุทธิ์สาหรบั
การพัฒนาเทคโนโลยี ประเทศท่ีเจรญิ ทางเทคโนโลยจี ะทุ่มเททนุ มหาศาลเพือ่ พฒั นาและประยุกตว์ ิทยาศาสตร์เขา้
กับเทคโนโลยี ขณะน้ปี ระเทศไทยต้องพึ่งพาหรือซ้ือเทคโนโลยชี ั้นกลางหรอื ช้นั สูงจากต่างประเทศ เพราะเรา
ประดษิ ฐเ์ ทคโนโลยเี หลา่ นน้ั ได้นอ้ ยมาก วทิ ยาศาสตร์มีความสมั พันธก์ ับเทคโนโลยี ในฐานะทีเ่ ปน็ แหล่งความรทู้ ี่
สาคัญสาหรบั เทคโนโลยแี ตไ่ ม่ใช่เฉพาะวิทยาศาสตร์ วชิ าอื่น ๆ กม็ คี วามสาคญั เชน่ เดยี วกัน

วทิ ยาศาสตรแ์ ตกต่างจากเทคโนโลยใี นเรอ่ื งของเป้าหมาย (goal) และวธิ กี าร (methodlogies) แต่ทั้ง
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยเี ก่ียวขอ้ งกนั อย่างใกลช้ ิด

เทคโนโลยสี ัมพนั ธก์ บั ความรู้พ้นื ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ในการออกแบบผลติ ภัณฑต์ า่ ง ๆ เพ่อื แกป้ ญั หา
แต่ขณะเดียวกันวิทยาศาสตร์ต้องอาศัยความรูท้ างเทคโนโลยีแสวงหาความรู้หรือทฤษฎีใหม่ ๆ เทคโนโลยจี ึงไม่ใช่
วิทยาศาสตร์ประยุกต์ แต่เป็นศาสตร์อีกแขนงหนง่ึ อาจสรุปความสัมพนั ธข์ องศาสตร์ท้ังสอง ไดด้ ังน้ี

1.เทคโนโลยเี กิดจากการใช้ความรู้พน้ื ฐานทางวิทยาศาสตร์เปน็ สว่ นใหญ่
2. การประยุกต์ความรทู้ างวิทยาศาสตร์มาใชใ้ นเทคโนโลยีนั้น มีจดุ ประสงคเ์ พ่อื แก้ปัญหาทาง
เทคโนโลยี
วิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาท่เี ราใหค้ วามสาคญั ในการแกป้ ัญหาต่าง ๆ อยา่ งมาก และต้องใช้วชิ าเทคโนโลยี
เพอื่ เสริมการแก้ปัญหาและความคดิ สร้างสรรค์ ทั้ง 2 วิชามคี วามสัมพันธ์กันและเป็นการนาความรวู้ ทิ ยาศาสตร์ไปสู่
การปฏิบตั ินน่ั เอง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมคี วามสัมพนั ธ์กนั อย่างใกล้ชิด จึงมกั ถกู เรยี กควบคู่กัน แต่วิธีการใชท้ ้ังสองวิชาเพ่ือให้
ได้คาตอบนนั้ ไม่เหมือนกนั ทเี ดียวและจุดประสงค์หรือเป้าหมายต่างกนั
วิทยาศาสตรเ์ ร่มิ จากคาถามเก่ยี วกับสงิ่ ท่ีสงั เกตจากปรากฎการณธ์ รรมชาติ จากนน้ั จึงใช้วิธกี ารสืบ
เสาะหาความรู้ ได้แก่ การสงั เกต รวบรวมข้อมลู ทดลอง วิเคราะห์ และสรุปผล ซึ่งเปน็ กระบวนการทาง
วิทยาศาสตรใ์ นการหาคาตอบเพือ่ อธบิ ายปรากฎการณธ์ รรมชาตินนั้ คาตอบจากการค้นหาน้นั จะเปน็ กฎเกณฑ์
ทางทฤษฎี

เทคโนโลยีเริ่มจากปัญหาหรือความต้องการของมนุษย์ แล้วใชก้ ระบวนการตา่ ง ๆ เพอื่ หาวธิ กี าร แก้ไข
ปญั หาหรอื สนองความต้องการของมนุษย์ โดยใช้ทรพั ยากร ทกั ษะ และความรู้ดา้ นต่าง ๆ สาหรับปรับปรุงพัฒนา
ผลิตภณั ฑ์น้ันตามกระบวนการเทคโนโลยี
ข้อแตกตา่ งของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลา่ วโดยสรุป คอื ท้ัง 2 วิชา มธี รรมชาตแิ ละกิจกรรมแตกตา่ ง
กนั กล่าวคือ วิทยาศาสตร์มงุ่ เน้นความเข้าใจเกยี่ วกับความจรงิ ในธรรมชาติ (Facts and Phenomena of
Nature ) ส่วนเทคโนโลยีศกึ ษาสิง่ ทีเ่ กยี่ วข้องกับความต้องการ การแกป้ ัญหา และคุณสมบัตขิ องส่งิ ของ
(Artifacts) ท่ีมนษุ ย์ประดิษฐ์หรือสร้างข้นึ วิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกบั การพยายามตอบคาถาม “What” ในขณะท่ี
เทคโนโลยีม่งุ แก้ปญั หาท่มี าจากความต้องการจะตอบคาถาม “How” เราจะมีวธิ แี ก้ปัญหาอย่างไร หรอื สรา้ งสงิ่ ที่
เกิดจากการความต้องการอย่างไร

กิจกรรมการเรียนรเู้ ทคโนโลยีและวทิ ยาศาสตร์แตกตา่ งกนั ดังนี้

กจิ กรรมทางวิทยาศาสตร์ กจิ กรรมทางเทคโนโลยี

- ตดิ ต้ังสมมตฐิ าน - คิดดว้ ยการใชก้ ระบวนการทางเทคโนโลยี

- คาอธบิ าย ทานาย ปรากฎการณธ์ รรมชาติ - ได้ผลิตภัณฑ์

- ค้นพบกฎ หลักทฤษฎี - ลงมอื ปฏิบัตติ ามความคิดรเิ ริ่ม

- วิเคราะห์ข้อมลู - สงั เคราะหแ์ นวคดิ

- ค้นควา้ หาสาเหตขุ องปัญหา - แสวงหาแนวทางสคู่ าตอบ

- คน้ ควา้ เพื่อพสิ ูจนส์ มมตฐิ าน - ค้นควา้ เพอื่ ตอบสนองจุดประสงค์

- เรียนร้เู พอ่ื ทาความเขา้ ใจกับสิ่งท่ีเปน็ อยู่ - เรยี นรูก้ ารประดิษฐ์ส่งิ ตา่ ง ๆ ได้อย่างไร

การวจิ ัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาจากการวิจยั อันจะเปน็ กุญแจสาคญั ต่อความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี ดงั
แบบจาลองของเทคโนโลยี ดงั น้ี

การวจิ ัยทางวิทยาศาสตร์ การวจิ ัยทางเทคโนโลยี

การวจิ ยั พ้นื ฐาน -> การวิจัยประยุกต์ พัฒนาการระบบเทคโนโลยี-> การพัฒนาเทคโนโลยีทด่ี ีกวา่

การวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตร์ส่วนใหญเ่ ปน็ งานของนักวิทยาศาสตรใ์ นมหาวทิ ยาลัย โดยการลงทุนของรัฐ
บาลหรือองคก์ รท่ีไม่มุง่ หวงั ผลกาไร เช่น การวิจยั หาสายพันธุ์ของจุลินทรยี ์สาหรับปอ้ งกันและกาจัดโรคพชื การ
วิจัยสายพันธขุ์ ้าวต้านทานโรค เปน็ ตน้ การวิจัยนตี้ ้องใช้ระยะเวลานาน เมือ่ ประสบผลสาเรจ็ ภาคเอกชนนาไป
พัฒนาเป็นเทคโนโลยี โดยเปน็ ผลู้ งทนุ หรือรว่ มทุนกบั รฐั บาล ขน้ั ตอนการพัฒนาน้ีต้องใช้วศิ วกรแทน
นักวทิ ยาศาสตร์ เช่น หลังจากพบจุลินทรีย์ทส่ี ามารถย่อยสลายคราบนา้ มันแล้ว ก็ถึงขนั้ การผลิตนาร่องเพือ่ ศกึ ษา
รปู แบบของผลิตภัณฑท์ ่ีใช้สะดวก เกบ็ ได้นาน ตน้ ทนุ ต่า คุณภาพดี เพอ่ื จาหน่ายตอ่ ไป โดยควบคกู่ บั การสารวจ
ความเป็นไปไดท้ างการตลาด แล้วสรา้ งโรงงานผลิตซึง่ ต้องใชเ้ คร่ืองจักรต่าง ๆ รวมท้ังการตรวจสอบคณุ ภาพ
ผลติ ภัณฑ์ และตอ้ งอาศยั ความรู้พ้นื ฐานทางวิทยาศาสตรด์ ้วย แสดงว่าวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีเป็นของคู่
กนั ไมส่ ามารถแยกออกจากกนั ได้

ความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับศาสตรอ์ ่ืน ๆ
เทคโนโลยเี ปน็ ความรูส้ าขาหนงึ่ ของมนุษยว์ า่ ดว้ ยการประยุกต์ใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ทง้ั ความรู้ วัสดุ

อปุ กรณ์ เครือ่ งมอื พลงั งาน ทกั ษะต่าง ๆ ในการคดิ แก้ปัญหา ออกแบบและสรา้ งสงิ่ ใหม่ ๆ เพื่อสนองความ
ต้องการของมนุษย์ ดังนน้ั กระบวนการเทคโนโลยจี ึงต้องอาศยั ความร้จู ากสาขาวชิ าอ่นื ๆ มาสนบั สนนุ เชน่
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ชว่ ยอธบิ ายหลกั ทางวิทยาศาสตร์ของส่ิงตา่ ง ๆ ความรูท้ างศิลปะชว่ ยวาดภาพหรือเขียน
โครงร่างของส่งิ ทีค่ ิดประดิษฐใ์ หเ้ หน็ เป็นรปู ธรรม หรือความร้สู าขามนษุ ยช์ ว่ ยให้เขา้ ใจความต้องการวัฒนธรรมของ
สงั คมมนุษย์ ส่งิ เหล่านชี้ ่วยสนบั สนุนการทางานทางเทคโนโลยี

ความสมั พันธข์ องเทคโนโลยีกบั มนุษย์ศาสตร์
การทางานตามกระบวนการทางเทคโนโลยีเรมิ่ จากวิเคราะห์ความต้องการของตน สอ่ื สารความ

ตอ้ งการให้ผ้อู นื่ เข้าใจ และเสนอแนวทางแก้ปัญหา ซงึ่ ต้องอาศัยทักษะการพูด อา่ นและเขยี น ลักษณะพฤติกรรม
การเรยี นรู้เทคโนโลยีตอ้ งอาศัยทักษะทางภาษาซึ่งเปน็ ศาสตรข์ องมนษุ ยศ์ าสตร์ ดังนี้

1. ทกั ษะการฟัง พดู ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ และแลกเปล่ยี นความคิดเห็นทางเทคโนโลยกี ับคนอ่ืน ๆ ใน
การทากิจกรรม

2. ทกั ษะการเขียน นาเสนอข้อมูลเชงิ สญั ลกั ษณ์ หรืออธบิ ายแนวคิดของตน
3. ทกั ษะการสรุป กิจกรรมเทคโนโลยีเก่ยี วข้องกับการร่างโครงการและการอธิบายกระบวนการ ทางานจน
ได้ชิ้นงาน การเขียนข้อสรปุ จึงเป็นส่ิงสาคัญของเทคโนโลยี

ความสัมพนั ธ์ของเทคโนโลยกี ับสงั คมศาสตร์

ผ้เู รยี นต้องเขา้ ใจประวัติความเป็นมาทั้งอดีตจนถึงปัจจุบันและเทคโนโลยใี นอนาคตชว่ ยสร้างสรรค์
มนุษยชาติ จึงต้องให้ผู้เรยี นตระหนักถึงหนา้ ที่ และความรับผิดชอบในฐานะสมาชิกท่ีดขี องสังคม โดยกจิ กรรม
ดงั นี้

- สารวจบทบาทเทคโนโลยีต่อสังคม
- การจดั การทรัพยากรธรรมชาติให้สนองความตอ้ งการได้อยา่ งฉลาด
- เข้าใจข้อจากดั ของปัจจัยต่าง ๆ ทางสงั คม ค่านยิ ม โครงสร้างสงั คม โดยนาสิง่ เหล่านม้ี าประกอบการ
ตดั สินใจในกิจกรรมทางเทคโนโลยี
- วิจยั ศกึ ษา วิเคราะห์การใชเ้ ทคโนโลยีในสงั คม ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างไรบา้ ง
- การตระหนกั ถงึ การใชท้ รพั ยากร สงิ่ แวดล้อมในธรรมชาติ และวัฒนธรรมทแ่ี ตกต่างกัน
- วิจัยศึกษา วิเคราะห์ผลกระทบการใชเ้ ทคโนโลยีต่อสงั คม

ศกึ ษาระบบเทคโนโลยี คืออะไร ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง
เทคโนโลยีมอี งค์ประกอบสาคัญ 5 ส่วน ซึง่ แตล่ ะสว่ นมคี วามสัมพนั ธเ์ กยี่ วขอ้ งกันเรียกว่าระบบเทคโนโลยี

(Technological System) ดังแสดงในแผนภาพ

แผนภาพองค์ประกอบของระบบเทคโนโลยี
1. ตัวป้อน (Input) คอื ความตอ้ งการของมนุษย(์ Need , Want) หรือปัญหาทต่ี ้องการหาคาตอบ เช่น ความ
ตอ้ งการท่ีอยู่อาศยั เครือ่ งนุ่งห่ม อาหาร ยารกั ษาโรค

2. กระบวนการเทคโนโลยี (Technological Process) การนาเอาปัจจัยตา่ งๆมาผ่านกระบวนการ โดยท่ผี ลการ
ทางานตามกระบวนการเทคโนโลยี ได้แก่ ส่งิ ของ เครื่องใช้ หรอื วธิ กี าร ที่สนองต่อปัญหาหรอื ความต้องการของ
มนุษย์ ข้ันตอนของกระบวนการจะประกอบดว้ ย 7 ขน้ั ตอนดังน้ี

2.1 กาหนดปัญหาหรือความตอ้ งการ (Identification the Problem , need or preference)
การทาความเขา้ ใจปัญหา แล้วกาหนดขอบเขตการแกป้ ัญหา ระบคุ วามต้องการใหช้ ัดเจนว่าตอ้ งการอะไร

2.2 รวบรวมข้อมลู เพื่อแสวงหาวธิ กี ารแก้ปัญหา หรอื สนองความต้องการ (Information
gathering to develop possible solutions)
เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เพ่ือนาความรู้ต่างๆมาชว่ ย ซ่งึ ทาได้หลายวธิ ี เช่น ขอ้ มลู จากหนงั สอื วารสารตา่ งๆ สารวจ
ตัวอย่าง สมั ภาษณ์ ระดมสมองคิดหาวิธีการ สืบคน้ จากอินเทอร์เน็ต แผ่นซีดีเสริมความรู้

2.3 เลือกวิธกี ารแก้ปญั หาหรือสนองความต้องการ (Selection of the best possible solution)
ในขน้ั นเ้ี ปน็ การตัดสินใจและเลือกแนวคดิ ทดี่ ีท่ีสุดสาหรับแก้ปญั หา นาข้อมลู และความรู้ที่
รวบรวมได้มาประกอบกัน จนไดข้ ้อสรุปว่าเลือกวธิ กี ารแก้ปัญหาเทา่ ท่ีคดิ ว่าจะเปน็ ไปได้และเหมาะสม

2.4 ออกแบบและปฏบิ ตั ิการ (Design and Making)
การออกแบบและเทคโนโลยี ใหน้ ักเรยี นรจู้ ักคิดออกแบบ อาจเปน็ ส่งิ ของ เครื่องใช้ วิธกี าร ลาดับความคิด
จนิ ตนาการก็ได้

2.5 ทดสอบ (Testing to see if it works)เมื่อสรา้ งสิ่งประดษิ ฐ์หรือสร้างวิธีการใหมไ่ ด้แลว้ จะต้อง
ทดลองใชเ้ พ่อื ทดสอบว่าใช้งานไดห้ รือไม่ มีข้อบกพร่องอย่างไร ถ้ายังไม่ได้ก็ปรบั ปรุงแก้ไข

2.6 การปรับปรุงแก้ไข (Modification and Improvement)
หลงั จากการทดสอบแลว้ พบว่าสิ่งประดิษฐ์นั้นมีขอ้ บกพรอ่ ง กท็ าการปรบั ปรงุ แก้ไข โดยอาจยอ้ นกลับไปข้นั ตอนท่ี 3

2.7 ประเมนิ ผล (Assessment)หลงั จากปรบั ปรงุ แก้ไขจนใช้งานไดด้ ีตามวธิ ีการท่ีออกแบบแลว้ กน็ ามา
ประเมินผล พิจารณา วา่ สง่ิ ท่ีทาข้นึ มาสามารถแกป้ ญั หาที่ระบไุ ว้ไดห้ รือไม่ ใชส้ ิง่ ประดิษฐ์น้นั ได้ตามความตอ้ งการ
หรือไม่ สวยงาม ดึงดูดใจผูใ้ ช้งานหรือไม่ แขง็ แรงทนทานต่อการใชง้ านหรือไม่ ตน้ ทุนการผลติ สูงเกนิ ไป
หรอื ไม่ เม่ือพิจารณาเสร็จแล้ว หากยังมรี ูปแบบทไ่ี ม่ถูกใจ เชน่ สหี รอื บรรจุภัณฑ์ไม่สวยงาม วัสดุทใ่ี ชไ้ ม่ แข็งแรง
และตอ้ งลงทนุ สูง จงึ ปรบั ปรุงและพฒั นาให้ไดส้ ิ่งประดษิ ฐ์ที่สวยงามถกู ใจผ้ใู ช้ รวมทงั้ มี
ต้นทนุ การผลติ ทีต่ ่าลง
กระบวนการเทคโนโลยที ีน่ าลงไปใชใ้ นกจิ กรรม บางกจิ กรรมอาจใชไ้ มค่ รบท้ัง 7 ขน้ั ตอนกไ็ ด้
บางกจิ กรรมข้นั ตอนอาจสลับกันไปบ้างกไ็ ด้

3. ผลผลิต (Output) หรอื ผลลัพธ์ (Outcome) คือ สิ่งทีอ่ อกมาจากกระบวนการได้สง่ิ ของ เคร่ืองใช้หรือวธิ ีการ
แก้ปญั หา หรอื สนองความตอ้ งการของมนุษย์ เชน่ การคน้ พบส่งิ ใหม่ความสะดวกสบายข้ึน เกดิ ความรู้ใหม่ ความ

บันเทิงนอกจาก 3 สว่ นหลกั แลว้ ยงั มีองคป์ ระกอบอ่นื ๆอีก 2 ส่วน คือ ทรัพยากรและปัจจยั ท่เี อ้ือหรอื ขัดขวางต่อ
เทคโนโลยี

4. ทรพั ยากรทางเทคโนโลยี(Resource) มีอย่ดู ว้ ยกัน 7 ด้าน ไดแ้ ก่
4.1 คน (Human)คนเปน็ ปัจจัยหน่งึ ทสี่ าคญั อยา่ งยิง่ เพราะเป็นผ้ทู ีจ่ ะใชส้ ตปิ ัญญาหรือความรู้ ทกั ษะ และ

ความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ออกแบบ วิเคราะห์ ตัดสินใจในกระบวนการเทคโนโลยี
4.2 ข้อมูล ขา่ วสาร สารสนเทศ (Data and Information) ความรู้ทุกสาขาวิชาของมนุษยเ์ ปน็

พ้นื ฐานของการสรา้ งเทคโนโลยี
4.3 วัสดุ (Materials)ขั้นสดุ ท้ายของกระบวนการเทคโนโลยีอาจเปน็ ผลิตภัณฑ์ซ่ึงต้องอาศยั วัสดตุ า่ งๆ

เชน่ อฐิ หิน ดิน ปนู ทราย กระดาษ ไม้ ยาง พลาสติก ลวด เคมีภัณฑ์ เป็นตน้
4.4 เคร่อื งมอื เคร่ืองจักร อปุ กรณ์(Machine and Tools)ได้แก่ เคร่ืองมือ เคร่ืองจักร ระบบกลไกตา่ งๆ
4.5 พลงั งาน (Energy)พลงั งานตา่ งๆ เช่น พลงั งานไฟฟา้ พลงั งานกล พลังงานจลน์ พลังงานความรอ้ น

พลังงานแสง ฯลฯ
4.6 ทนุ (Capital) และ ทรัพยส์ นิ (Asset)ทุน หมายถึง เงนิ ทนุ ท่จี ะใช้ในกระบวนการเทคโนโลยี
4.7 เวลา (Time)เทคโนโลยหี ลายระดบั มีตงั้ แตแ่ บบง่ายจนถงึ แบบทซี่ ับซอ้ น ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการ

สรา้ งเทคโนโลยี

5. ปจั จัยท่เี ออื้ หรือขัดขวางต่อเทคโนโลยี(Consideration)เป็นข้อจากดั ข้อพิจารณาหรือส่ิงที่ต้องคานึงถึงซ่ึงจะ
ทาให้ระบบทางานได้มากน้อยตา่ งกนั ซงึ่ อาจเก่ยี วข้องกบั ทรัพยากรทางเทคโนโลยี นั่นคือ ทรพั ยากรจะเปน็ ทั้งตัว
ทรัพยากร และเปน็ ปัจจยั ทเี่ อื้อหรือขัดขวางต่อเทคโนโลยดี ว้ ย เช่น ทุนทรพั ย์น้อย เวลาจากดั ขอ้ จากดั ของความรู้
ความคดิ สร้างสรรค์ของแต่ละบคุ คล จดุ มงุ่ หมาย ความเคารพ ความเชอื่ ความศรัทธา ศาสนา วัฒนธรรม และบารมี
ซ่ึงจะมสี ว่ นชว่ ยให้ระบบทางานได้มากนอ้ ยตา่ งกันด้วย

ศกึ ษาการวเิ คราะหร์ ะบบเทคโนโลยี มผี ลกระทบตอ่ ชีวิตประจาวนั อยา่ งไร
เร่มิ จากความตอ้ งการของมนุษย์ เช่น ตอ้ งการท่อี ยู่อาศัย จึงคิดคน้ หาวธิ ีการแกป้ ญั หา โดยใช้

กระบวนการเทคโนโลยี ตามข้ันตอนท่ีหนงึ่ กาหนดปัญหาให้ชัดเจน คอื ต้องการที่อยู่อาศัย จากนั้น
หาวธิ ีการแกป้ ญั หา โดยหาวธิ สี ร้างสิ่งกอ่ สรา้ งที่จะสามารถอย่อู าศัยได้ และเลือกวธิ ีการท่จี ะช่วย
แกป้ ัญหาได้ โดยอาศัยปจั จยั และทรัพยากรตา่ งๆ เชน่ ความรูด้ า้ นช่าง วสั ดุทม่ี อี ยู่ คือ ไม้และชา่ ง
ไม้ในชมุ ชน จากน้ันออกแบบสร้างบ้าน ทดสอบ ทดลองประเมินความเหมาะสมกบั การอยอู่ าศยั
ถา้ ขนาดเล็กเกินไปก็ขยายเพ่ิมเตมิ เปน็ ต้น

ผลกระทบในทางบวก
1) ช่วยสง่ เสรมิ ความสะดวกสบายของมนษุ ย์ เทคโนโลยสี ารสนเทศช่วยทาให้มนุษย์มคี วามเปน็ อยดู่ ีขึ้น เป็นอุปกรณ์
ที่อานวยความสะดวก ควบคุมดว้ ยคอมพิวเตอร์ การขนสง่ รวดเร็ว ติดต่อสื่อสารไดร้ วดเร็วข้ึน เช่น การใช้
โทรศพั ท์ และไม่ต้องเสีย่ งกับงานอันตราย

2) ชว่ ยทาใหก้ ารผลิตในอุตสาหกรรมดขี ึน้ ต้องการผลติ สินคา้ จานวนมาก มีคุณภาพมาตรฐาน การผลติ ใช้
เคร่อื งจักรกลช่วยงานทาให้ทางานอตั โนมตั ิ ทางานตลอดทั้งวันและสนิ คา้ ดี มีคณุ ภาพ

3) ช่วยสง่ เสรมิ การค้นคว้าวิจยั ใหม้ คี วามสะดวกและมีประสทิ ธิภาพมากข้ึน โดยเฉพาะการนาเอา
คอมพวิ เตอร์มาช่วยในงานออกแบบ จาลองรูปแบบ ค้นหาข้อมลู ตา่ งๆได้ง่ายท่ัวโลกและรวดเร็ว ช่วยในการ
คานวณดา้ นที่สลบั ซบั ซ้อน เชน่ งานสารวจทางด้านอวกาศ งานพัฒนาคดิ คน้ ผลิตภัณฑ์และสารเคมตี ่างๆ ทาให้ได้
สูตรยารักษาโรคใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย จาเปน็ ต้องใช้คอมพิวเตอร์ชว่ ยในการคานวณต่างๆ นักวิจยั นกั วทิ ยาศาสตร์

4) ชว่ ยสง่ เสริมสขุ ภาพและความเป็นอย่ใู หด้ ีข้นึ ระบบการรักษาพยาบาลจากทหี่ ่างไกล สามารถ
ตดิ ตอ่ สื่อสารกับแพทยถ์ ามปัญหาและวิธีแก้ไข ปรึกษาหารือได้ โดยเฉพาะการขาดแคลนแพทย์เฉพาะ
ทาง นอกจากน้ีชว่ ยสร้างเครื่องมือทางการแพทย์ การแปลผล การตรวจหวั ใจมเี คร่อื งมอื ทที่ ันสมัย
เครอื่ งเอกซเรยด์ ไู ด้อยา่ งละเอียดข้ึน เครอ่ื งมือตรวจคน้ หาโรคภัยต่างๆ เคร่อื งมือตรวจรา่ งกาย นอกจากนีย้ ัง
พฒั นาเคร่ืองมือช่วยคนพิการต่างๆ เชน่ การสร้างแขนเทียม ขาเทียม การสรา้ งเครื่องกระตุ้นหวั ใจ สรา้ งเครื่องชว่ ย
ฟังเสยี ง หรือมีการพฒั นาเทคโนโลยีการปลกู ถ่ายอวยั วะสาคัญต่างๆ รวมทงั้ การผลติ ยา และวคั ซนี สมยั ใหมท่ ่ีใช้
เทคโนโลยขี ั้นสงู เขา้ ชว่ ยดว้ ย

5) ชว่ ยส่งเสริมสติปญั ญาของมนษุ ย์ คอมพวิ เตอร์มจี ุดเด่นท่ีทาให้การทางานต่างๆ รวดเรว็ มคี วามแม่นยา
และสามารถเกบ็ ข้อมลู ต่าง ๆ ไวไ้ ดม้ าก การแกป้ ัญหาทซ่ี บั ซอ้ นบางอย่างกระทาไดด้ ี และรวดเรว็ งานบางอย่างถา้
ให้มนุษย์ทาอาจต้องเสียเวลาในการคิดคานวณตลอดชวี ิต แต่คอมพิวเตอรส์ ามารถทางานเสร็จในเวลาไม่กว่ี นิ าที
ดังนั้นจึงมกี ารนาคอมพวิ เตอร์มาจาลองเหตุการณ์ต่างๆ เพ่ือให้มนุษย์หาทางศึกษาหรอื แก้ไขปัญหา เช่นการจาลอง
สภาวะของส่งิ แวดล้อม การจาลองระบบมลภาวะ การจาลองการไหลของของเหลว การควบคุมระบบจราจร หรือ
แมแ้ ต่การนาเอาคอมพวิ เตอร์มาจาลองในสภาพทีเ่ หมือนจริง เชน่ จาลองการเดินเรือ จาลองการขับเครื่องบิน การ
ขบั รถยนต์ สิ่งตา่ งๆ เหลา่ นท้ี าให้เหมือนจริงได้ หากมีการผดิ พลาดก็ไม่ทาให้เกดิ อันตราย คอมพิวเตอรจ์ งึ เปน็

เครือ่ งมอื ท่ีชว่ ยในการเรยี นรู้ของมนุษย์ได้ดี ปัจจบุ นั มีการนาบทเรยี นมาไว้ในคอมพิวเตอร์ และใหเ้ รยี นรูผ้ า่ น
คอมพวิ เตอร์ท่ีเรียกว่า คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน ( Computer Assisted Instruction : CAI) คอมพิวเตอร์ยังเปน็

เครือ่ งมือที่ใหน้ กั เรยี น นิสิต นักศึกษาสมัยใหม่ เชอื่ มโยงติดตอ่ กันทางอนิ เทอรเ์ นต็ สามารถเรยี กค้นข้อมูลข่าวสาร

ผา่ นทางเครือข่าย สามารถเรยี นร้กู ารใช้คอมพิวเตอร์หรือเรียนจากท่ีห่างไกลได้ คอมพวิ เตอรจ์ ึงมีบทบาททีท่ าให้

มนษุ ย์ไดร้ บั ข่าวสารมากข้นึ กว่าเดิม และเป็นหนทางที่ทาใหเ้ กดิ สติปัญญาอยา่ งแท้จริง

6) เทคโนโลยีสารสนเทศชว่ ยให้เศรษฐกิจเจริญร่งุ เรือง การใชเ้ ทคโนโลยเี ปน็ เร่ืองท่จี าเปน็ ตอ่ อตุ สาหกรรม

กิจการค้าขาย ธุรกจิ ต่างๆ กจิ การทางด้านธนาคาร ชว่ ยส่งเสริมงานทางดา้ นเศรษฐกจิ ทาใหก้ ระแสเงนิ หมนุ เวยี นได้
อยา่ งกว้างขวาง ผู้ผลิตในสายอตุ สาหกรรมจะผลิตสินคา้ ไดม้ าก ลดต้นทุน ธุรกจิ อาศัยการแลกเปลยี่ นข้อมลู ทาง
อเิ ล็กทรอนกิ ส์ระหว่างกัน เกิดระบบการแลกเปล่ยี นข้อมลู ทางอเิ ล็กทรอนิกส์ ทเี่ รยี กว่า อดี ไี อ (Electronic Data

Interchang : EDI)

7) ช่วยให้เกิดความเขา้ ใจอันดรี ะหวา่ งกัน การส่อื สารโทรคมนาคมสมัยใหมช่ ว่ ยยอ่ โลกให้เล็กลง สังคมโลกมี
สภาพไรพ้ รมแดน มีการเรียนรู้วัฒนธรรมซงึ่ กันและกันมากข้นึ เกิดความเขา้ ใจซ่งึ กนั และกนั ได้ดี ทาใหล้ ดปญั หาใน
เรือ่ งความขดั แยง้

8) ชว่ ยส่งเสรมิ ประชาธิปไตย ในการเลอื กตั้งสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรทกุ คร้งั มีการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ

เพ่อื กระจายขา่ วสาร เพื่อให้ประชาชนไดเ้ ห็นความสาคัญของระบบประชาธปิ ไตย แม้แตก่ ารเลือกตั้งก็มกี ารใช้
คอมพวิ เตอร์รวมผลคะแนน ใช้สือ่ โทรทัศน์ วิทยแุ จง้ ผลการนบั คะแนนท่ีทาให้ทราบผลได้อยา่ งรวดเร็ว
ผลกระทบทางลบ

1) ทาให้เกดิ อาชญากรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเปน็ หนทางในการก่ออาชญากรรมได้ โจรผรู้ ้ายอาจใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศในการวางแผนปล้น วางแผนโจรกรรม มีการลักลอบใชข้ ้อมูลขา่ วสาร มีการโจรกรรมหรอื

แกไ้ ขตวั เลขบัญชดี ว้ ยคอมพิวเตอร์ การลอบเข้าไปแก้ไขขอ้ มูลอาจทาใหเ้ กิดปญั หาหลายอย่าง เชน่ การแกไ้ ขระดับ

คะแนนของนักศึกษา การแก้ไขขอ้ มลู ในโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาพยาบาลคนไข้ผดิ ซึ่งเปน็ การทาร้ายหรือ

ฆาตกรรมดังทเี่ ห็นในภาพยนตร์

2) ทาใหค้ วามสมั พันธข์ องมนุษย์เสอื่ มถอย การใชค้ อมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร ทาใหส้ ามารถ

ติดตอ่ สอื่ สารกันได้โดยไม่ต้องเห็นตัว การใช้งานคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่การเล่นเกมมลี กั ษณะการใช้งานเพียงคน

เดยี ว ทาให้ความสมั พันธก์ ับผู้อน่ื ลดลง ผลกระทบนี้ทาใหม้ ีความเช่อื วา่ มนุษยสัมพนั ธข์ องบุคคลจะน้อยลง สงั คม

ใหมจ่ ะเป็นสังคมที่ไม่ต้องพ่งึ พากนั มาก อย่างไรกด็ ีไดม้ ีงานวจิ ัยคัดคา้ นและแสดงความคดิ เห็นท่ีวา่ เทคโนโลยีไดช้ ่วย

ให้มนุษย์มีการติดต่อส่อื สารถึงกนั มากข้ึนและความสัมพนั ธ์ดขี ้ึน

3) ทาให้เกิดความวติ กกังวล ผลกระทบน้เี ป็นผลกระทบทางดา้ นจิตใจของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มท่ีมีความวิตก

กงั วลว่า คอมพิวเตอร์อาจทาใหเ้ กดิ การวา่ จา้ งงานน้อยลง มีการนาเอาหนุ่ ยนต์มาใชใ้ นงานมากขึน้ มรี ะบบการผลิต

ทีอ่ ตั โนมัติมากขึ้น ทาใหผ้ ูใ้ ช้แรงงานอาจตกงาน หรือหน่วยงานอาจเลกิ วา่ จ้างได้ โดยความจริงแลว้ ความคดิ เหล่าน้ี
จะเกดิ ขน้ึ กับบุคลากรบางกลุ่มเทา่ นั้น แต่ถ้าบุคคลนนั้ มีการปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กับเทคโนโลยี หรอื มีการพฒั นาให้มี
ความร้คู วามสามารถสงู ข้นึ แล้วปัญหาน้ีจะไม่เกดิ ขึน้

4) ทาใหเ้ กิดการเสยี่ งภยั ทางด้านธุรกจิ ธรุ กิจในปัจจบุ นั จาเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยสี ารสนเทศมากขึ้น
ข้อมูลขา่ วสารทง้ั หมดของธุรกิจฝากไวใ้ นศูนย์ข้อมลู เช่น ขอ้ มูลลกู หน้ีการคา้ ข้อมูลสินคา้ และบริการต่างๆ หาก
เกดิ การสญู หายของข้อมลู อันเนื่องมาจากเหตุอุบัติภัย เชน่ ไฟไหม้ น้าท่วม หรือด้วยสาเหตใุ ดกต็ ามทท่ี าใหข้ ้อมลู
หายหมด ย่อมทาใหเ้ กิดผลกระทบต่อธรุ กิจโดยตรง

5) ทาใหม้ ีการพฒั นาอาวธุ ท่มี ีอานาจทาลายสูง ประเทศท่ีเป็นเจ้าของเทคโนโลยี สามารถนาเทคโนโลยีมา
ชว่ ยในการสรา้ งอาวธุ ท่ีมีอานุภาพการทาลายสูง ทาใหเ้ สย่ี งต่อการเกิดสงครามและมีการสูญเสียมากข้นึ

6) ทาใหเ้ กิดการแพร่วฒั นธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอยา่ งรวดเร็ว
คอมพวิ เตอร์เป็นอุปกรณท์ ่ีทางานตามคาสง่ั อยา่ งเคร่งครัด การนามาใช้ในทางใดจึงขึ้นอยู่กบั ผู้ใช้ จริยธรรมการใช้
คอมพิวเตอรเ์ ป็นเร่ืองสาคัญ ดังเชน่ การใช้งานอินเทอร์เนต็ มีผู้สรา้ งโฮมเพจหรือสรา้ งข้อมูลข่าวสารในเรอ่ื งภาพท่ีไม่
เหมาะสม เช่น ภาพอนาจาร หรอื ภาพท่ีทาใหผ้ ู้อ่นื เสียหาย การดาเนนิ การเช่นน้ีย่อมขนึ้ อยูก่ บั จริยธรรมของ
ผดู้ าเนนิ การ นอกจากนี้ยังมกี ารปลอมแปลงระบบจดหมาย เพ่ือสง่ จดหมายถงึ ผู้อนื่ โดยมเี จตนากระจายข่าวทเี่ ป็น
เท็จจรยิ ธรรมการใช้งานเครือขา่ ยเป็นเรอื่ งสาคัญท่ีต้องปลูกฝงั อยา่ งมาก

7) ทาให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถกู ทาลายไดง้ า่ ย ดว้ ยเทคโนโลยสี ารสนเทศมกี ารพัฒนามาก ข้อมลู กม็ ี
ความสาคญั มากข้นึ ตามไปด้วย เทคโนโลยที าให้ขอ้ มลู ถกู ทาลายได้งา่ ย อาจจะถกู ทาลายด้วยไวรสั คอมพวิ เตอร์ซึ่ง
เป็นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ประเภทหน่ึงที่สามารถทาสาเนาตวั เองเข้าไปอยู่ในระบบคอมพวิ เตอร์ได้ สามารถแพร่ไป
ยงั ระบบคอมพวิ เตอร์อ่นื ๆ ได้โดยผ่านเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ไวรสั คอมพิวเตอรบ์ างชนิดทาลายโปรแกรมหรือข้อมูล
ตา่ งๆ บางชนิดทาให้เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ทางานชา้ ลง ผลกระทบต่อการทางานของคอมพิวเตอรน์ ั้นข้นึ อยู่กับ
ประเภทของไวรสั คอมพวิ เตอร์และจุดประสงค์ของผู้เขยี นโปรแกรมไวรสั น้ัน ว่าตอ้ งการใหโ้ ปรแกรมทางานอยา่ งไร
ทง้ั น้เี ราก็ควรจะปลูกฝงั ใหเ้ ยาวชนมจี ิตสานึกทดี่ ี ไม่ให้ทาลายขอ้ มลู ผู้อ่ืน ซึ่งอาจจะทาใหเ้ กิดความเสียหาย


Click to View FlipBook Version