The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อรุณรุ่ง ภู่ทอง, 2024-03-18 08:49:52

โครงงานมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

e-book

โครงงานกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่าน วรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี โดย นางสาวอรุณรุ่ง ภู่ทอง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ เลขที่ ๒๘ อาจารย์ที่ปรึกษา นางสิริญากร ดาราเย็น โรงเรียนบ้านปล่องเหลี่ยม ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร รายงานฉบับนี้เป็นส่วนประกอบของโครงงานกลุ่มสาระการเรียนรู้ทางภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๖


ชื่อเรื่อง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่าน วรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนปลาย ปีการศึกษา ๒๕๖๖ ผู้จัดทำ นางสาวอรุณรุ่ง ภู่ทอง อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์สิริญากร ดาราเย็น โรงเรียน บ้านปล่องเหลี่ยม ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร บทคัดย่อ โครงงานภาษาไทย เรื่อง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book)ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อ หนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีซึ่งเป็นการสำรวจและรวบรวม ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำ ประพันธ์ การอ่านคำบาลีและร่ายยาว ความเป็นมาของมหาเวสสันดรชาดก ตัวละครใน มหาเวสสันดร ชาดก กัณฑ์มัทรี ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี สะท้อนอะไรบ้าง คำถามชวนคิด แล้วนำมาทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ส่งเสริมการอ่าน วรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีและทำการศึกษาความพึงพอใจผู้ที่สนใจศึกษา ซึ่งสามารถสรุปผลได้ดังนี้ ผลการศึกษาความพึงพอใจ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่าน วรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีผลการศึกษาระดับความพึงพอใจสูงสุดเรียง ตามลำดับดังนี้ ผู้ศึกษามีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีมีค่าเฉลี่ย ๔.๘๒ ผู้ศึกษา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มีค่าเฉลี่ย ๔.๖๔ ผู้ศึกษาสามารถนำความรู้ ไปใช้ในการเรียนมีค่าเฉลี่ย ๔.๖๔ ผู้จัดทำมีความคิดสร้างสรรค์ มีค่าเฉลี่ย ๔.๔๖ หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์มีความน่าสนใจมีค่าเฉลี่ย ๔.๔๖ ทั้งนี้ผลความพึงพอใจหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีมีค่าเฉลี่ยรวม ๔.๖๐ ซึ่งหมายความว่า มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับ ดีมาก ก


กิตติกรรมประกาศ โครงงานภาษาไทยเรื่อง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่าน วรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีได้รับความร่วมมือ เป็นอย่างดีจากคณะครู นักเรียน ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านปล่องเหลี่ยม ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาครที่ให้ความสนใจเป็นอย่างดี ขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์สิริญากร ดาราเย็น รวมทั้งคณะครูระดับมัธยมศึกษาที่เป็น อาจารย์ที่ปรึกษาผู้ซึ่งให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลา ผู้จัดทำจึงขอกราบขอบคุณบุคคลดังกล่าวเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ นางสาวอรุณรุ่ง ภู่ทอง ผู้จัดทำ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ค


สารบัญ หน้า บทคัดย่อ ก กิตติกรรมประกาศ ค สารบัญ ง สารบัญตาราง จ สารบัญภาพ ฉ บทที่ ๑ บทนำ ๑ ที่มาและความสำคัญของโครงงาน ๑ วัตถุประสงค์ของโครงงาน ๒ ผลที่คาดว่าจะได้รับ ๒ ตัวแปรที่ศึกษา ๒ ขอบเขตของการศึกษา ๒ นิยามศัพท์เฉพาะ ๒ ระยะเวลาในการศึกษา ๒ สถานที่ในการดำเนินโครงงาน ๒ บทที่ ๒ เอกสารที่เกี่ยวข้อง ๓ บทที่ ๓ วัสดุ อุปกรณ์ และขั้นตอนการดำเนินงาน ๑๖ บทที่ ๔ รายงานผลการนำไปใช้ ๒๗ บทที่ ๕ สรุปผลและวิจารณ์ผล ๒๙ บรรณานุกรม ๓๑ ภาคผนวก ๓๒ ง


สารบัญตาราง ตาราง หน้า ๑ ตารางผลศึกษาความพึงพอใจหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี” ๒๘ จ


สารบัญภาพ แผนภูมิ หน้า ๑ แผนภูมิผลการศึกษาความพึงพอใจสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี” ๒๙ ฉ


บทที่ ๑ บทนำ ๑.๑ ที่มาและความสำคัญของโครงงาน ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก เป็นชาดกเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยกล่าวถึงเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ ซึ่งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร เดิมแต่งเป็นภาษาบาลี ต่อมามีการแปลเป็นภาษาไทยในสมัย กรุงสุโขทัย ต่อมาในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โปรดเกล้าฯให้ปราชญ์ราชบัณฑิตแต่งมหาชาติคำ หลวง ซึ่งเป็นมหาชาติสำนวนแรกโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้สวด ในสมัยพระเจ้าทรงธรรม โปรดเกล้าให้ แต่งกาพย์มหาชาติ เพื่อใช้สำหรับเทศน์ แต่เนื้อความในภาพย์มหาชาติค่อนข้างยาว ไม่สามารถเทศน์ให้ จบภายในหนึ่งวัน จึงเกิดมหาชาติขึ้นใหม่อีกหลายสำนวน เพื่อให้เทศน์จบภายในหนึ่งวัน มหาชาติสำนวน ใหม่นี้เรียกว่า มหาชาติกลอนเทศน์ หรือ ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าฯ โปรดเกล้าฯให้มีการชำระและรวบรวมมหาชาติกลอนเทศสำนวนต่าง ๆ แล้วคัดเลือก สำนวนที่ดีที่สุดของแต่ละกัณฑ์นำมาจัดพิมพ์เป็นฉบับของหลวง ๒ ฉบับ คือ ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ และ ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ มหาเวสสันดรชาดกเป็นเรื่องราวในอดีตกาลของพระพุทธเจ้าที่เล่าให้กับเหล่าประยูรญาติฟัง เมื่อครั้งเสด็จกลับเมืองและได้แสดงอภินิหาร ซึ่งขณะนั้นเกิดฝนโบกขรพรรษ พระองค์จึงเล่าว่าเคยเกิด เหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นในอดีตกาล โดยมหาชาติชาดกนี้มีทั้งหมด ๑๓ กัณฑ์ โดยมหาเวสสันดร ในตอน กัณฑ์มัทรีนี้ มีผู้แต่งคือ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) จึงนับได้ว่า มหาเวสันดรชาดก เป็นวรรณคดีไทยที่ ทรงคุณค่าที่คนไทยทุกคนควรนำมาศึกษาเพื่อสืบทอดพระศาสนาและรักษาไว้ซึ่งมรดกทางภาษาอันเป็น มรดกของชาติให้คงอยู่สืบไป ผู้จัดทำได้ตระหนักถึงความสำคัญข้างต้น จึงได้ทำโครงงานภาษาไทย เรื่อง “หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี” ซึ่งประกอบด้วย ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ การอ่านคำบาลีและร่ายยาว ความเป็นมาของ มหาเวสสันดรชาดก ตัวละครในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี สะท้อนอะไรบ้าง คำถามชวนคิด และ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี จัดทำเพื่อให้ผู้ที่ สนใจศึกษาเกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีอีกทั้งจะทำให้ผู้ที่สนใจศึกษา เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ไปพร้อมกับได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินและเพื่อส่งเสริมการ เรียนรู้ด้วยตนเองแบบยั่งยืน


๑.๒ วัตถุประสงค์ของโครงงาน โครงงานวิชาภาษาไทย เรื่อง “หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่าน วรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี” มีวัตถุประสงค์ดังนี้ ๑. เพื่อสำรวจความพึงพอใจเกี่ยวกับเนื้อหาสาระของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ๑.๓ ผลที่คาดว่าจะได้รับ ๑. ผู้ที่สนใจศึกษามีความรู้ ความเข้าใจในเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีมากขึ้น ๑.๔ ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรต้น คือ “หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่าน วรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี” ตัวแปรตาม คือ ความพึงพอใจหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่าน วรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ตัวแปรควบคุม คือ วัสดุ อุปกรณ์ สถานที่ศึกษา ระยะเวลาที่ศึกษา บรรยากาศ และ สภาพแวดล้อมขณะที่ศึกษา ๑.๕ ขอบเขตของการศึกษา ๑. ศึกษามหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ที่มีอยู่ในหนังสือภาษาไทย ๑.๖ นิยามศัพท์เฉพาะ ๑. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีซึ่งประกอบด้วย ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ การอ่าน คำบาลีและร่ายยาว ความเป็นมาของมหาเวสสันดรชาดก ตัวละครในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี สะท้อนอะไรบ้าง คำถามชวนคิด ๑.๗ ระยะเวลาในการศึกษา ผู้จัดทำได้ศึกษาได้จัดทำโครงงาน “หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดี ไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี” ในระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๙ กุมภาพันธ์พ.ศ.๒๕๖๗ ๑.๘ สถานที่ดำเนินโครงงาน โรงเรียนบ้านปล่องเหลี่ยม ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ๒


บทที่ ๒ เอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑.ความหมายของชาดก คำว่า ชาตก หรือ ชาดก แปลว่า ผู้เกิด มีรากคำมาจากธาตุ (Root) ว่า ชนฺ ธาตุ แปลว่า “เกิด” แปลง ชนฺ ธาตุเป็นชา ลง -ต ปัจจัยในกิริยากิตก์ -ต ปัจจัยตัวนี้กำหนดให้แปลว่า “แล้ว” มีรูปคำเป็น “ชาต” แปลว่า เกิดแล้ว เสร็จแล้วให้ลง -ณฺวุ ปัจจัยในนามกิตก์ (ผู้...) ต่อท้ายอีกสำเร็จรูปเป็น “ชาดก” อ่านออกเสียงตามบาลีสันสกฤตว่า “ชา-ตะ-กะ” แปลว่าผู้เกิดแล้ว เมื่อนำคำนี้มาใช้ในภาษาไทย เราออกเสียงเป็น ชาดก โดยแปลง ต เป็น ด และให้ ก เป็นตัวสะกดในแม่กก ในความหมาย คือเล่าถึงการที่พระโพธิสัตว์เวียนว่ายตายเกิด ถือเอากำเนิดในชาติต่าง ๆ ได้ พบปะผจญกับเหตุการณ์ดีบ้างชั่วบ้าง แต่ก็ได้พยายามทำความดีติดต่อกันมากบ้างน้อยบ้างตลอดมา จนเป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย กล่าวอีกอย่างหนึ่ง จะถือว่า เรื่องชาดก เป็นวิวัฒนาการแห่งการ บำเพ็ญคุณงามความดีของพระโพธิสัตว์อยู่ก็ได้ ในอรรถกถาแสดงด้วยว่า ผู้นั้นผู้นี้กลับชาติมาเกิดเป็นใคร ในสมัยพระพุทธเจ้า แต่ในบาลีพระไตรปิฎกกล่าวถึงเพียงบางเรื่อง เพราะฉะนั้น สาระสำคัญจึงอยู่ที่คุณ งามความดีและอยู่ที่คติธรรมในนิทานนั้น ๆ ๒.ประวัติผู้แต่ง "เจ้าพระยาพระคลัง นามเดิม หน เป็นบุตรของเจ้าพระยาบดินทร์สุรินทร์ฦๅชัยกับท่านผู้หญิง เจริญ เป็นชาวกรุงเก่าที่เจริญเติบโตรับราชการในสมัยธนบุรี มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสรวิชิต ตำแหน่ง นายด่านเมืองอุทัยธานีในสมัยปลายธนบุรี ได้เกิดการจลาจลวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชซึ่งทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ยกทัพไปตีเขมร เมื่อได้ข่าวความวุ่นวายในพระนคร ก็รีบยกทัพกลับมาขจัดความเดือดร้อนใน แผ่นดิน หลวงสรวิชิตมีส่วนสำคัญในการช่วยราชการครั้งนั้นให้สำเร็จลุล่วง ดังนั้นหลังจากที่ทรง ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์แล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เป็นพระยาพระคลังเจ้าพระยาพระคลังเป็นกวีเอกที่ได้รับการยกย่องในด้าน กวีโวหารทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง มีผลงานกวีนิพนธ์มาตั้งแต่สมัยธนบุรี แต่เรื่องที่โดดเด่นเป็นที่รู้จัก แพร่หลายนั้นแต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ เช่น สามก๊ก* กากีคำกลอน* ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก* กัณฑ์กุมารและกัณฑ์มัทรี ฯลฯ กล่าวกันว่าท่านเป็นกวีที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราชไว้วางพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง


ผลงาน / งานประพันธ์ ๑. ลิลิตเพชรมงกุฎ ๒. อิเหนาคำฉันท์ ๓. ราชาธิราช ๔. กลอนและร่ายจารึกเรื่องสร้างภูเขาที่วัดราชคฤห์ ๕. โคลงพยุหยาตราเพ็ชรพวง* ๖. สามก๊ก ๗. ลิลิตศรีวิชัยชาดก ๘. ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์กุมาร ๙. ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ๑๐. สมบัติอมรินทร์คำกลอน ๑๑. กากีคำกลอน ๑๒. เพลงยาวเล่นว่าความ ๑๓. เพลงยาวปรารภ หรือเพลงยาวปรารภถึงเรื่องวัฏฏสงสาร ๑๔. เพลงยาวตำรามโหรี ๑๕. เพลงยาวไหว้ครูมโหรี ๑๖. โคลงภาพฤาษีดัดตน ๓.ลักษณะคำประพันธ์ แต่งด้วยคำประพันธ์ร่ายยาว ขึ้นต้นกัณฑ์ด้วย จุณณียบท เป็นคาถาบาลีสั้น ๆ สรุปเนื้อเรื่องของ กัณฑ์นั้น ๆ ที่มา: https://nockacademy.com/thai-language/ที่มาและเรื่องย่อของ-มหาชาติชาดก-กัณฑ์มัทรี/ ๔


มีลักษณะบังคับดังนี้ ๑. คณะ – ร่ายยาวบทหนึ่งจะมีกี่วรรคก็ได้ ส่วนมากมี ๕ วรรคขึ้นไป คำในวรรคหนึ่ง ๆ มีตั้งแต่ ๖ – ๑๐ คำ หรือบางทีมากกว่านั้น ๒. สัมผัส – ร่ายยาวมีบังคับเฉพาะสัมผัสระหว่างวรรค ให้คำสุดท้ายของวรรคต้นสัมผัสคำใดคำหนึ่งของ วรรคต่อ ๆ ไป โดยไม่กำหนดว่าจะต้องเป็นคำใด แต่ไม่ควรให้อยู่ใกล้ชิดกับคำสุดท้าย ๓. เอกโทและคำสร้อย – ร่ายยาวไม่มีการบังคับเอกโท และคำสร้อยอย่างร่ายสุภาพ ส่วนมากมีคำสร้อย เมื่อจบตอน เช่น นั้นแล นี้แล เป็นต้น ๔.การอ่านคำบาลีและร่ายยาว การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทร่าย นิยมอ่านหลบเสียงสูงให้ต่ำลงในระดับของเสียงที่ ใช้อยู่ ส่วนเสียงตรีที่หลบต่ำลงนั้นอาจเพี้ยนไปบ้าง เช่น น้อยน้อย เป็น นอยนอย แต่เสียงจัตวา แม้จะ หลบเสียงต่ำลงมักจะไม่เพี้ยน การอ่านร่ายทุกชนิดจะอ่านทำนองเหมือนกัน คือ ทำนองสูงด้วยเสียงระดับเดียวกัน และการลงจะหวะ จะอยู่ที่ท้ายวรรคของทุกวรรค ส่วนจะอ่านด้วยลีลาใดนั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์ตามเนื้อความ ดังนี้ เนื้อความแสดงอารมณ์เศร้า ใช้น้ำเสียงเบาลง สั่นเครือ และทอดเสียงให้ช้าลงกว่าปกติ เนื้อความแสดงอารมณ์โกรธ ใช้น้ำเสียงหนักแน่น เน้นเสียงดังกว่าปกติกระชับ สั้น เนื้อความแสดงอารมณ์ขบขัน ผู้อ่านต้องพยายามทำเสียงให้แสดงถึงความขบขัน โดยที่ ตัวเองต้องไม่ หัวเราะขณะอ่าน เนื้อความบรรยายหรือพรรณนา ต้องอ่านตามอารมณ์ของเนื้อความนั้น เช่น บรรยายหรือ พรรณนาความงาม ใช้น้ำเสียงแจ่มใส ไม่ดัง หรือไม่เบาเกินไป เนื้อความแสดงความศักดิ์สิทธิ์หรือยิ่งใหญ่ ใช้น้ำเสียงหนักแน่น เน้น แต่ไม่ห้วน เนื้อความสั่งสอน ใช้น้ำเสียงไม่ดังหรือเบาเกินไป เน้นคำที่สั่งสอน แต่ไม่ห้วน ๕


เนื้อความบรรยายการต่อสู้ ใช้น้ำเสียงดัง หนักแน่น ห้วน กระชับ เนื้อความแสดงความตกใจ ใช้น้ำเสียงหนักเบา เสียงสั่นตามเนื้อความ เนื้อความตัดพ้อต่อว่า ใช้น้ำเสียงหนักบ้าง เน้นบ้าง สะบัดเสียงบ้าง การอ่านร่ายพยายามอ่านให้จบวรรค เพราะจังหวะหลักของร่ายทุกชนิดจะอยู่ที่ปลายวรรค ซึ่งเป็นคำส่งสัมผัส ส่วนจังหวะเสริมจะอยู่ที่คำรับ ดังนั้นเมื่ออ่านถึงคำรับสัมผัสจะต้องเน้นเสียงหรือ ทอดเสียง ซึ่งเป็นเสมือนการแบ่งวรรคไปในตัว เช่น ลูกรักเจ้าแม่เอย เจ้าเคยมาอาศัยนั่งนอน จังหวะหลักอยู่ที่คำส่งสัมผัส คือ เอย จังหวะเสริมอยู่ที่คำรับสัมผัส คือ เคย การอ่านตอนจบผู้อ่านจะต้องทอดเสียงให้ยาวกว่าการทอดเสียงท้ายวรรคอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ฟังรู้ว่าเรื่องที่ฟัง กำลังจะจบแล้ว และเป็นการสร้างความประทับใจให้ผู้ฟังต้องการฟังอีก ๕.ความเป็นมาของมหาเวสสันดรชาดก มหาเวสสันดรชาดก เป็นชาดกเรื่องหนึ่งในทศชาติชาดก กล่าวถึงพระชาติสุดท้ายของ พระโพธิสัตว์ในการบำเพ็ญทานบารมี ก่อนจะทรงอุบัติเป็นพระโคตมพุทธเจ้า มหาพระเวสสันดรชาดก เป็นเรื่องหนึ่งในนิบาตชาดก มีปรากฏอยู่ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิบาต ในหัวข้อทศชาติชาดก ยังปรากฏการกล่าวถึงในคัมภีร์ชินมหานิทาน พุทธจริยา และพุทธตำนาน และพบภาพสลักในสถูประยะแรก อย่าง สถูปสาญจีและภารหุต ในช่วงพุทธ ศตวรรษที่ ๔-๕ ที่มาของมหาเวสสันดรชาดกน่าจะเป็นเรื่องเล่าหรือนิทานของชาวพื้นเมืองอินเดียมาก่อน พัฒนาการวรรณกรรมมหาพระเวสสันดรในระยะแรกพบว่า เวสสันดรชาดก เป็นชื่อในภาษาบาลี ส่วน ภาษาสันสกฤตเรียกว่า วิศวันตระอวทาน มีเนื้อเรื่องแตกต่างกันบางอนุภาค เช่น ไม่ปรากฏชื่อชูชกใน ภาษาบาลี สำหรับภาษาบาลีในพระสุตตันตปิฎก เชื่อว่าแต่งโดยพระพุทธโฆษะเถระ ในพุทธศาสนา ศรีลังกาในช่วง พุทธศตวรรษที่ ๑๐–๑๑ ในอุษาคเนย์รับมาจากลังกาโดยคณะสงฆ์กับคณะโยมสงฆ์ที่ใกล้ชิดมูลนายคนชั้นนำในวัฒนธรรม หลวงของรัฐใหญ่ ราว พ.ศ. ๑๗๐๐ เช่น รัฐลุ่มน้ำเจ้าพระยา ภาคกลางตอนล่าง ในสยามประเทศ รัฐลุ่มน้ำอิรวดีในพม่าประเทศ เป็นต้น ๖


นักวิชาการพบหลักฐานว่ามีจิตรกรรมเรื่องเวสสันดร (เขียนร่วมกับมโหสถชาดก) เรียงต่อกัน เป็นแนวยาวในวิหารโลกเทียกพัน เมืองพุกาม อายุราว พ.ศ. ๑๖๕๐ ภาพสลักเรื่องเวสสันดรที่ปรากฏ เป็นหลักฐานเหลืออยู่ในปัจจุบันที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในประเทศไทย คือ ภาพสลักบนใบเสมา พบที่เมือง ฟ้าแดดสงยาง ตำบลหนองแปนอำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วงประมาณพุทธ ศตวรรษที่ ๑๓–๑๖ โดยพบร่วมกับภาพสลักทศชาติชาดกเรื่องอื่น ๆ สำหรับในอาณาจักรเขมรโบราณ มีการสลักภาพชาดกเรื่องเวสสันดรไว้บนหน้าบันที่ปราสาทธมมานนท์ในกลุ่มโบราณสถานเมือง เสียมราฐ ภาพสลักบนทับหลังปราสาทพระขรรค์ในเมืองเสียมราฐและปราสาทตาพรหมแห่งแม่น้ำ บาตีทำให้ทราบว่า คนกัมพูชาโบราณรู้จักเรื่องเวสสันดรชาดกมาอย่างน้อย ๙๐๐ ปี ข้อสังเกตประการ หนึ่งคือภาษาที่ใช้ในอาณาจักรกัมพูชาโบราณนั้นนอกจากจะใช้ภาษาเขมรโบราณแล้ว ยังใช้ภาษา สันสกฤต มหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "มหาชาติชาดก" ในการเทศนา เรียกว่า "เทศมหาวิทยาลัย" มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นอย่างน้อยเพราะปรากฏหลักฐานอยู่ในจารึกหลักที่ ๓ หรือ จารึกนครชุม ซึ่งจารึกขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๙๐๐ ในรัชกาลของพระมหาธรรมราชาที่ ๑ หรือพญาลิไท ความว่า "…ธรรมเทศนาอันเป็นต้นว่า พระมหาชาติหาคนสวดแลมิได้เลย…" มหาชาติฉบับภาษาไทยที่เก่าแก่ที่สุด ที่มีต้นฉบับเหลือมายังปัจจุบัน เป็นของแต่งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๐๒๕ ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงให้ราชบัณฑิตแต่ง เรียกว่า มหาชาติคำหลวง แต่ต้นฉบับไม่สมบูรณ์ จากนั้นมีฉบับพระเจ้าทรงธรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๑๗๐ เรียกว่า กาพย์มหาชาติแต่งแปลเป็นภาษาไทยใช้ฉันทลักษณ์เดียวคือ ร่ายยาว เพื่อใช้สำหรับเทศน์ให้อุบาสกอุบาสิกได้ฟังกัน การเทศน์มหาชาติในล้านนานั้นได้ผูกกับประเพณีตั้งคำหลวง ที่มาทางแรกน่าจะมาจากการ แปล คาถาพัน ที่เป็นภาษาบาลี๑,๐๐๐ พระคาถา ซึ่งพระยากือนาทรงให้พระ ๓ นิกายแปล ทางที่สอง กล่าวว่าน่าจะมีมาแต่เดิมมาก่อนที่พระพุทธศาสนานิกายพระสุมนจะเจริญในแถบนี้ กล่าวคือมีการเทศน์ มหาชาติล้านนามาแต่นิกายเดิมที่เรียกว่า นิกายพื้นเมืองโบราณ ซึ่งรับมาจากมอญ ในล้านนามีฉบับ สำคัญเรียกว่า เวสสันตรทีปนีแต่งขึ้นโดยพระศิริมังคลาจารย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๐๖๐ เป็นวรรณกรรมบาลี เรียบเรียงแบบร้อยแก้ว มี ๑๓ กัณฑ์ มหาเวสสันดรชาดกฉบับภาษาลาวฉบับเดิมซึ่งเป็นอักษรธรรม ไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้แต่ง และแต่งขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะแต่งขึ้นหรืออาณาจักรล้านช้างได้รับเอาคัมภีร์พระพุทธศาสนา จากอาณาจักรล้านนา ราว พ.ศ. ๒๐๖๖ ชาวไทเขินในเมืองเชียงตุง รัฐชานของประเทศพม่า มีประเพณีการตั้งธัมม์เวสสันตรชาตกะ ๗


(การฟังพระธรรมเทศนาเรื่องเวสสันดรชาดก) มีมาช้านานตั้งแต่สมัยในอดีต ไม่ทราบเวลา จากบันทึกเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๗ พอทราบว่า การตั้งธัมม์เวสสันตรชากะของชาวไทเขินเมืองเชียงตุง เจ้ามหาขนาน หรือเจ้าฟ้าผู้ปกครองเมืองเชียงตุงขณะนั้นเอาธัมม์เวสันต์กัปแก้ว ซึ่งมีอยู่เดิม ๑๓ กัณฑ์ มาแต่งสำนวน ใหม่ เรียกชื่อว่า เวสสันต์หลวง หรือ เวสสันต์มีจำนวน ๔ กัณฑ์ มหาเวสสันดรชาดก นิยมในการนำมาเล่าเรื่องราวในทั้ง ๑๓ กัณฑ์กัณฑ์ทศพรถือเป็นกัณฑ์แรก เป็นกัณฑ์ที่ว่าด้วยการที่พระอินทร์ประทานพร ๑๐ ประการให้กับนางผุสดี ก่อนจะลงไปจุติเป็นมารดา ของพระเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๒ คือกัณฑ์หิมพานต์ เป็นกัณฑ์ที่เป็นมูลเหตุในการออกไปอยู่ป่าของพระเวสสันดร พระเวสสันดรประทานช้างปัจจัยนาเคนทร์ให้แก่พราหมณ์ ๘ คนจากเมืองกลิงคราษฎร์ที่กำลังประสบ ปัญหาฝนแล้ง ส่งผลให้พระเวสสันดรต้องถูกเนรเทศออกจากเมือง โดยมีนางมัทรี พระกัณหา และพระชาลี ติดตามไปด้วย กัณฑ์ที่ ๓ คือทานกัณฑ์ เป็นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรได้ถวายทานราชรถจนพระองค์และนางมัทรี ต้องอุ้มพระชาลีพระกัณหาขึ้นบ่าแทน กัณฑ์ที่ ๔ คือกัณฑ์วนประเวศน์ เสด็จไปยังเมืองเจตราษฎร์ ซึ่งกษัตริย์เมืองเจตราษฎร์จะยกราช สมบัติให้แต่พระองค์ปฏิเสธ กษัตริย์เมืองเจตราษฎร์จึงให้พรานเจตบุตรทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าทางเข้าป่า แทน เมื่อทั้ง ๔ พระองค์เดินทางไปถึงป่าแล้ว พระอินทร์ได้ให้เทวดามาเนรมิตศาลาไว้รองรับ กัณฑ์ที่ ๕ คือกัณฑ์ชูชกเล่าเรื่อง ชูชกเป็นพราหมณ์ที่มีรูปร่างน่าเกลียด มีอาชีพเป็นขอทาน ที่จะมาขอพระกัณหาและพระชาลีมาเป็นทาสรับใช้ กัณฑ์ที่ ๖ คือกัณฑ์จุลพน ว่าด้วยการเดินทางครึ่งแรกของชูชกเพื่อไปหาพระเวสสันดร ชูชกโดน หมาของพรานเจตบุตรไล่จนต้องขึ้นไปหลบบนต้นไม้ กัณฑ์ที่ ๗ คือกัณฑ์มหาพน เล่าต่อจากกัณฑ์จุลพน พูดถึงการหลอกคนให้หลงเชื่อของชูชก ชูชกหลอกถามทางอัจจุตฤาษี กัณฑ์ที่ ๘ นามว่ากัณฑ์กุมาร ชูชกรอจนนางมัทรีออกไปหาผลไม้ในป่าจึงเดินเข้าไปขอสองกุมาร กับพระเวสสันดร พระกัณหาและพระชาลีต่างหนีไปหลบอยู่ในสระบัวจนพระเวสสันดรต้องตามไป เกลี้ยกล่อม กัณฑ์ที่ ๙ คือกัณฑ์มัทรี เล่าเหตุการณ์ระหว่างที่นางมัทรีหาผลไม้เสร็จ กำลังจะกลับไปหา พระเวสสันดร เหล่าเทวดากลัวว่านางมัทรีจะไปขัดขวางการประทานสองกุมารให้ชูชก ๘


กัณฑ์ที่ ๑๐ คือกัณฑ์สักกบรรพ ว่าด้วยท้าวสักกะหรือพระอินทร์ แปลงกายมาเป็นพราหมณ์มาทูล ขอนางมัทรี ซึ่งพระเวสสันดรก็ยกให้ กัณฑ์ที่ ๑๑ คือกัณฑ์มหาราช ชูชกผูกเปลขึ้นไปนอนบนต้นไม้ ทิ้งสองกุมารให้อยู่บนพื้น จนเทวดา ต้องแปลงตัวเป็นพระเวสสันดรและนางมัทรีมาดูแลสองกุมาร จากนั้นไปเมืองเชตุดรของพระเจ้าสัญชัย ชูชกพาทั้งสองเข้าไปยังเมืองเชตุดรจนทำให้ได้พบกับพระเจ้าสัญชัย ซึ่งพระองค์ตัดสินใจไถ่ตัว ๒ กุมาร จากชูชก พร้อมดูแลชูชกอย่างดีจนชูชกกินเกินขนาดจนท้องแตกตาย พระเจ้าสัญชัยจึงตัดสินใจที่จะไป พาพระเวสสันดรกับนางมัทรีกลับเมือง กัณฑ์ที่ ๑๒ คือกัณฑ์ฉกษัตริย์ เป็นเรื่องราวการรับพระเวสสันดรกลับเมือง โดยเล่าถึงขบวนเสด็จ ของพระเจ้าสัญชัย นางผุสดี พระกัณหา และพระชาลี ที่เดินทางไปถึงอาศรมของพระเวสสันดรและ นางมัทรี กัณฑ์สุดท้าย คือนครกัณฑ์ เป็นกัณฑ์ที่พูดถึงการเสด็จกลับเมืองเชตุดรของพระเวสสันดร และคณะ ซึ่งเมื่อกลับไปถึง พระเวสสันดรก็ได้ขึ้นครองราชสมบัติ ปกครองเมือง ๖.ตัวละครในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ๑. พระเวสสันดร พระเวสสันดร เป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก มีชื่อ เรียกต่างๆกัน เช่น หน่อพระชินศรีโมลีโลก สมเด็จพระบรมนราพิสุทธิ์พุทธางกูร พระบรมราชพุทธพงศ์ หน่อพระชินศรี สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ บรมนราธิบดินทร์ปิ่นสกลอาณาจักร จอมพิภพสีพี สมเด็จพระบาทบรมบพิตรพิชิตโมลี หน่อพระพิชิตมาร สมเด็จพระวิสุทธิพงศ์ ภูวนาถ สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์บุรุษรัตนพิเศษเพสสันดร สมเด็จพระปุริโสดมบรมโพธิสัตว์ ฯลฯ พระเวสสันดรเป็นพระโอรสของพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดีแห่งเมืองสีพีมีอุปนิสัยและ พฤติกรรมที่สำคัญคือ การบริจาคทานพระราชกุมารเวสสันดรทรงบริจาคทานตั้งแต่ เกิดครั้นพระชนมายุ ได้ ๔-๕ ชันษาทรงปลดปิ่นทองคำและเครื่องประดับเงินทองแก้วเพชรให้แก่นางสนมกำนัลทั่วทุกคนถึง ๙ ครั้งเพื่อมุ่งหวังพระโพธิญาณในภายภาคหน้า ครั้นเจริญชันษาได้ ๘ ปีก็ทรงตั้งจิตอธิษฐานว่าจะบริจาค เลือดเนื้อและดวงหทัยเพื่อมุ่งพระโพธิญาณในกาลข้างหน้าอย่างแน่วแน่ เมื่อมีพระชนมายุ ๑๖ พรรษาก็แตกฉานในศิลปวิทยา ๑๘ แขนงได้เสวยราชสมบัติและอภิเษก กับพระมัทรีตระกูลมาตุลราชวงศ์มีพระราชโอรสและพระราชธิดาคือพระชาลีกุมารและพระกัณหากุมารี พระองค์ยินดีในการให้ทาน ได้ตั้งโรงทานถึง ๖ แห่งในพระนครและเสด็จออกทอดพระเนตรการให้ทาน อยู่เป็นเนืองนิจ ๙


ครั้งหนึ่งทูตของกลิงคราษฎร์มาทูลขอช้างปัจจัยนาเคนทร์ช้างเผือกคู่บารมี ซึ่งเป็นช้างมงคล ถ้าไปอยู่ที่ใด ที่นั่นฝนจะตกต้องตามฤดูกาล พระองค์ก็ทรงบริจาคให้ ชาวเมืองสีพีพากันโกรธเคืองต่างมา ชุมนุมกันที่หน้าพระลานร้องทุกข์ต่อพระเจ้ากรุงสญชัยว่า พระเวสสันดรยกพระยาคชสารคู่บ้านคู่เมือง ให้คนอื่นผิดราชประเพณี เกรงว่าต่อไปภายหน้าอาจยกเมืองให้คนอื่นก็ได้ขอให้เนรเทศพระเวสสันดร ออกไปเสียจากเมือง พระเจ้ากรุงสญชัยมิรู้จะทำประการใดจึงต้องยอมทำตามคำเรียกร้องของประชาชน ก่อนที่พระเวสสันดรพระนางมัทรี พระชาลี และพระกัณหาจะเดินทาง ก็ได้บริจาค สัตตสดกมหาทาน คือการให้ทานช้าง ม้า โคนม รถม้า นารี ทาส ทาสี รวม ๗ สิ่ง สิ่งละ ๗๐๐ แล้วทรงรถ เทียมม้าเสด็จออกนอกเมือง ระหว่างทางมีพราหมณ์มาดักรอขอราชรถ พระเวสสันดรก็บริจาคให้แล้ว ทุกพระองค์ก็เสด็จโดยพระบาทเดินทางมุ่งเข้าป่าจนกระทั่งถึงสระบัวใหญ่เชิงเขาวงกตซึ่งเทวดาเนรมิตไว้ แล้วผนวชเป็นฤาษีบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่นั่น เมื่อพระเวสสันดรบำเพ็ญพรตอยู่ที่เขาวงกตชูชกได้เดินทางไปขอสองกุมารไปเป็นทาสี พระเวสสันดรก็ทรงบริจาคให้ พระอินทร์แปลงเป็นพราหมณ์ไปทูลขอพระมัทรีก็ทรงบริจาคให้ซึ่ง นอกจากจะทรงบริจาคทานที่แสดงถึงการเสียสละอันเป็นพฤติกรรมสำคัญในเรื่องแล้ว พระองค์ยังมี ความเมตตา มีความมานะอดทนต่อความยากลำบากต่างๆในที่สุดพระเจ้ากรุงสญชัย พระนางผุสดี พระชาลีและพระกัณหาก็เสด็จยกกองทัพมารับพระเวสสันดรและพระมัทรีกลับไปครอบครองบ้านเมือง ดังเดิม ๒. พระนางมัทรี พระนางมัทรี เป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียก ต่างๆกัน เช่น พระสุณิสาศรีสะใภ้ นางแก้วกัลยาณี พระยอดเยาวอนงค์องค์อัคเรศราชนารี องค์สมเด็จ พระชนนีศรีสุนทรราชสุณิสา พระยุพยงเยาวดี เป็นต้น พระนางมัทรี เป็นพระราชธิดาแห่งกษัตริย์มัทราช อภิเษกสมรสกับพระเวสสันดร มีพระโอรสชื่อพระชาลีและมีพระธิดาชื่อพระกัณหาพระนางตามเสด็จพระเวสสันดรไปยังเขาวงกต แม้จะ ถูกพระเจ้ากรุงสญชัยทัดทาน แต่ด้วยความจงรักภักดีต่อพระสวามีพระนางก็ไม่ทรงยินยอม เมื่อพระนางมัทรีตามเสด็จไปเขาวงกต พระนางได้ปฏิบัติต่อพระสวามีและสองกุมาร คือลุกขึ้นแต่เช้า กวาดพื้นบริเวณอาศรม ตั้งน้ำดื่ม จัดน้ำสรงพระพักตร์จัดสถานที่ให้เป็นระเบียบและเข้า ป่าหาผลไม้ทุกวัน พระนางได้ปรนนิบัติรับใช้และทำตามหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พระนางมัทรีเป็นแบบฉบับของนางในวรรณคดีที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติต่างๆทั้งการเป็น แม่ที่ประเสริฐของลูก และการเป็นภรรยาที่ดีของสามี คือมีความอ่อนน้อม นอบน้อม และอดทนเป็น ภรรยาแม่แบบผู้มีลักษณะเป็นกัลยาณมิตรของสามีสนับสนุนเป้าหมายชีวิตอันประเสริฐที่พระสวามีได้ตั้ง ไว้ เป็นแบบอย่างของภรรยาตามทัศนะของคนตะวันออก เช่น ปฏิบัติดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร และมีคุณธรรมสำคัญคือ ซื่อตรง จงรัก และหนักแน่นต่อสาม ๑๐


๓. พระชาลี พระชาลีเป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียกต่างๆ เช่น พ่อสายใจ พ่อหน่อน้อยภาคิไนยนาถ เป็นต้น พระชาลีเป็นพระราชโอรสของพระเวสสันดรกับพระนางมัทรีเป็นพระเชษฐาของ พระกัณหา พระนัดดาของพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดีเมื่อเวลาประสูติพระประยูรญาติได้ทรง นำตาข่ายทองมารองรับ จึงได้รับพระราชทานนามว่า ชาลี แปลว่าผู้มีตาข่าย เมื่อพระเวสสันดรทรงถูกเนรเทศออกจากเมือง พระกัณหาและพระชาลีได้โดยเสด็จด้วยขณะที่ ชูชกไปทูลขอพระกุมารทั้งสอง ชูชกได้ขู่พระกุมารตั้งแต่แรกเห็น พระกุมารทั้งสองจึงเกรงกลัวชูชกมาก ครั้นทรงทราบว่าพระบิดาประทานพระองค์ให้แก่ชูชกจึงหนีไปซ่อนองค์ในสระบัวเมื่อพระบิดาตรัสเรียก พระชาลีก็ขึ้นจากสระโดยคิดว่าจักให้พระบิดาเรียกถึงสองครั้งมิบังควร พระเวสสันดรทรงกำหนดค่าของพระชาลีเท่ากับพันตำลึงทองและทรงหลั่งน้ำยกพระกุมาร ให้แก่ชูชก ๔. พระกัณหา พระกัณหา หรือ กัณหาชินา เป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดร ชาดกเป็นพระธิดาของพระเวสสันดรและพระนางมัทรี เป็นพระนัดดาของพระเจ้ากรุงสญชัยและ พระนางผุสดี และเป็นพระกนิษฐาของพระชาลี พระกัณหาเป็นผู้หนึ่งที่ทำให้พระเวสสันดรได้บำเพ็ญบุตรทานบารมีซึ่งเป็นทานอันยิ่งใหญ่ที่ มนุษย์ทั้งหลายไม่สามารถทำได้ นอกจากมหาบุรุษผู้ทรงหวังพระโพธิญาณเท่านั้นดังที่พระเวสสันดร ทรงตรัสว่า “พระลูกเอ๋ย เจ้าไม่รู้หรือพระบิตุรงค์บรรจงรักพระโพธิญาณ หวังจะยังสัตว์ให้ข้ามห้วง มหรรณพภพสงสารให้ถึงฟากเป็นเยี่ยงอย่างยอดยากที่จะข้ามได้” พระกัณหาเป็นผู้ที่มีความกตัญญูเชื่อฟังคำสั่งสอนและมีความเฉลียวฉลาด ได้ติดตาม พระเวสสันดรและพระมัทรีไปยังเขาวงกต เมื่อถูกยกให้แก่ชูชกก็หาทางหลบหนี ๕.ชูชก ชูชก เป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกเป็นผู้เกิดใน ตระกูลพราหมณ์โภวาทิกชาติซึ่งเป็นพราหมณ์พวกที่ถือตนว่ามีกำเนิดสูงกว่าผู้อื่นมักใช้คำว่า “โภ” แปลว่า “ผู้เจริญ” เป็นคำร้องเรียก ๑๑


แม้ชูชกจะเกิดในตระกูลพราหมณ์ที่ถือตนว่ามีกำเนิดสูงกว่าผู้อื่นแต่ชูชกก็ยากจนเข็ญใจยิ่ง ต้องเที่ยวขอทานเขาเลี้ยงชีพ ชูชกมีบ้านอยู่ในหมู่บ้านทุนนวิฐติดกับเมืองกลิงคราษฎร์ มีรูปร่างหน้าตา น่าเกลียดประกอบด้วยบุรุษโทษ ๑๘ประการ ลักษณะนิสัยของชูชก ๑. มีความตระหนี่เหนียวแน่น ขอทานได้มากเท่าไรก็เก็บไว้ไม่ยอมนำไปใช้จ่ายจนได้ถึง ๑๐๐ กษาปณ์ ๒. มีความโลภ เที่ยวขอทานจนมีเงินมากมายก็ยังไม่ยอมหยุดเพื่อนำเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ แก่ตนยังคงขอเรื่อยไป ๓. รักและหลงเมีย ยอมให้นางทุกอย่าง เช่น “ทีนี้งานการเจ้าอย่าได้ทำ ทั้งหุงต้มตักตำ ตามใจเจ้าเถิดนะแม่ ขอแต่ว่ามานั่งให้พี่นี้แลๆพอให้ชื่นใจ พี่ก็จะรับร่ำกระทำไปไม่ละเลย” แม้รู้ว่าการเดินทางไปเฝ้าพระเวสสันดรนั้นแสนยากลำบากเพียงใด ๔. เป็นคนฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมมาก ฉลาดทั้งในด้านการพูดและกลอุบาย – ฉลาดในการพูด เช่น ก่อนที่จะทูลขอสองกุมารได้ยกแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาเปรียบกับน้ำพระทัย ของพระเวสสันดร เป็นการหว่านล้อมเสียก่อนแล้วจึงทูลขอว่า “เสมือนหนึ่งน้ำพระทัยทูลกระหม่อม แก้ว อันยาจกมาถึงแล้วไม่เลือกหน้า – ฉลาดในกลอุบาย คือเมื่อพบเจตบุตรถูกเจตบุตรขู่จะฆ่าก็แกล้งบอกว่าตนเป็นทูตจากพระ เจ้ากรุงสญชัยถือพระราชสารไปยังพระเวสสันดร โดยอ้างกล่องใส่อาหารว่าเป็นกล่องใส่พระราช สาร เจตบุตรจึงเข้าช่วยเหลือ “เข้าประคับประคองแต่ค่อยค่อยพยุพยุงถุงย่าม ได้ยินเสียงกรุกรักก็ทักถามว่าอะไรนั่นเจ้าข้า ตาแกก็กลับกลักพริกกลักงาว่าใส่สาส์นตราพระราชสีห์ เจตบุตรก็ยินดียกขึ้นทูนหัว เฒ่าก็ร้องสำทับว่า รับแต่ค่อยค่อยของมันหนักกลักนี้มิใช่ชั่วอย่าเหวี่ยงวางลงให้ราบ เจตบุตรก็ปูผ้าลงกราบกราบนึกว่า จริง” ๕. มีความละเอียดรอบคอบ เมื่อจะจากนางอมิตตดาไป ได้หาฟืน ตักน้ำ และซ่อมบ้าน ให้เรียบร้อย ทั้งยังสั่งสอนนางให้ระวังตัวเกรงจะถูกคนพาลมารังแก ๖. มีความยึดมั่นในพิธีทางไสยศาสตร์ เช่น “เฒ่าก็ยังอมิตตดาดรุเณศ ให้นั่งนิ่งในทักษิณประเทศสืบสายสำเนียน แล้วกระทำประทักษิณ วนเวียนวงได้สามรอบ ตามฉบับระบอบไสยศาสตร์เพท ว่าทั้งผู้อยู่ก็จะไม่มีภัยทั้งผู้ไปก็จะไม่มีเหตุ หากจะให้เจริญสุขสวัสดิ์วิเศษทั้งสองข้าง ๑๒


๖. ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) ท้าวสักกเทวราช เป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก เป็นพระราชสวามีของพระนางผุสดีขณะสถิตอยู่ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีนามเรียกต่างๆเช่น โกสีย์ อมรินทร์ ศักรินทร์ วัชรินทร์ เทวราช จอมสิเนรุราช ตรีเนตร เทวราชสุราธิบดี พระนางผุสดี เป็นตัวละครอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก เดิมเป็นพระราช ธิดาของพระเจ้าพันธุมราชชื่อสุธัมมา ต่อมาได้บังเกิดเป็นอัครมเหสีของสมเด็จพระอมรินทราธิราช ชื่อผุสดี เมื่อจุติจากสวรรค์ได้ถือกำเนิดเป็นพระราชธิดาของพระเจ้ามัททราช ครั้นเจริญวัยก็ได้อภิเษก เป็นอัครมเหสีของพระเจ้ากรุงสญชัยและเป็นพระมารดาของพระเวสสันดร พระนางผุสดีธิดากษัตริย์มัททราช มเหสีของพระเจ้ากรุงสญชัยแห่งกรุงสีพีราษฎร์และ พระมารดาของพระเวสสันดรนั้น เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าพันธุมราชแห่งพันธุมดี นครทรงได้รับพระราชทานแก่นจันทน์แดงจากพระราชบิดาจึงได้นำไปบดใส่ผอบทองและถวายแด่ พระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมทั้งอธิษฐานว่าขอให้ได้เป็นพุทธมารดาในอนาคต ด้วยกุศลผลบุญนี้ทำ ให้พระนางได้ไปบังเกิดบนสวรรค์ เป็นพระมเหสีของพระอินทร์ ครั้นเมื่อถึงกำหนดจะจุติจากสวรรค์ ก็ได้รับพระราชทานพร ๑๐ ประการจากพระอินทร์ด้วย ๘. พระเจ้ากรุงสญชัย พระเจ้ากรุงสญชัย เป็นตัวละครอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียก ต่างๆกันเช่น สมเด็จพระบรมกษัตริย์ พระปิ่นเกล้ามกุฎพิภพสีพี สมเด็จพระอัยกาธิบดีศรีสมมุติเทพวงศ์ เป็นต้น พระเจ้ากรุงสญชัย เป็นพระราชาแห่งกรุงสีพีราษฎร์พระราชบิดาของพระเวสสันดร เมื่อพระโอรสมีพระชนมายุสมควรจะสืบราชสมบัติแล้วก็ทรงสละราชสมบัติให้ทรงปกครองต่อไป พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่เห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองมากกว่าประโยชน์ส่วนพระองค์เอง ทรงเนรเทศ พระเวสสันดรออกจากเมืองพร้อมด้วยพระนางมัทรี พระชาลี และพระกัณหาเมื่อชาวเมืองมาร้องทุกข์ ว่าพระโอรสทรงกระทำผิดแม้พระมเหสีจะทูลขอร้องประการใดก็มิได้คืนคำทั้งที่ทรงอาลัยรักในพระโอรส แต่ก็ทรงหักพระทัยได้เพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมืองและยังได้ทรงไถ่ตัวพระชาลีและพระกัณหาคืนจาก ชูชกด้วย ๗.ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ........แม้พระนางมัทรีกราบทูลถึงอย่างนี้ พระมหาสัตว์ก็มิได้ตรัสอะไรๆ พระนางมัทรีอันความโศก ในเพราะพระโอรสถูกต้องแล้ว ทรงพิจารณาพระโอรสทั้งสอง เสด็จเที่ยวไปยังสถานที่นั้นๆ ด้วยความเร็ว ดุจลมถึง ๓ วาระ ได้ยินว่า สถานที่พระนางเจ้าเสด็จเที่ยวไปตลอดราตรีหนึ่ง ประมาณระยะทางราว ๑๕ โยชน์. ลำดับนั้น ราตรีสว่างอรุณขึ้น พระนางเจ้าเสด็จมาประทับยืนคร่ำครวญอยู่ ณ ที่ใกล้พระมหาสัตว์ ๑๓


พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า พระนางมัทรีเสด็จเที่ยวร่ำไรรำพันไปตามภูผา และป่าไม้ในเวิ้งเขาวงกตแล้ว เสด็จกลับมาสู่ อาศรมอีก ทรงกันแสง ณ สำนักพระภัสดาว่า ข้าแต่สมมติเทพ หม่อมฉันไม่พบคนที่นำลูกทั้งสองไป ลูกทั้งสองคงสิ้นชนมชีพแล้ว ฝูงกาฝูงนกย่อมไม่มีอยู่ ลูกทั้งสองของหม่อมฉันคงสิ้นชีพเสียแล้ว เป็นแน่. เมื่อพระนางมัทรีผู้ทรงโฉม ผู้เป็นพระราชบุตรีพระเจ้ามัททราชผู้มียศเสด็จเที่ยวไป ณ ภูเขาและถ้ำ ทั้งหลาย ทรงประคองพระพาหากันแสงว่า ข้าแต่สมมติเทพ หม่อมฉันไม่เห็นคนที่นำลูกทั้งสองของเราไป ลูกทั้งสองคงสิ้นชนมชีพแล้ว ด้วยประการฉะนี้ แล้วก็ล้มลง ณ ภูมิภาคแทบพระยุคลบาทแห่ง พระเวสสันดรนั้น นั่นเอง. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สามิกสสนติ โรทติ ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระนางมัทรี นั้นเสด็จเที่ยวคร่ำครวญไปตามเนินผา และป่าไม้ในเวิ้งเขาวงกตนั้น แล้วเสด็จมาอาศัยพระภัสดาอีก. ประทับยืน ณ ที่ใกล้พระภัสดา ทรงกันแสง คือทรงครวญคร่ำรำพันว่า น โข โน เป็นต้น. เพื่อต้องการ พระโอรสและพระธิดา. บทว่า อิติ มทฺที วราโรหา ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระนางมัทรีผู้ทรง พระรูปอันอุดม ชื่อว่าผู้ทรงโฉมนั้นเสด็จเที่ยวไป ณ โคนไม้เป็นต้น. ไม่เห็นพระโอรสพระธิดา ประคอง พระพาหาคร่ำครวญว่า ลูกทั้งสองจักตายเสียแน่แล้ว. ดังนี้ แล้วล้มลง ณ ภูมิภาคแทบพระยุคลบาทแห่ง พระเวสสันดรนั้นเอง เสมือนต้นกล้วยสีทองถูกตัด ฉะนั้น. ลำดับนั้น พระมหาสัตว์เจ้าพระองค์สั่นด้วยทรงสำคัญว่า พระนางมัทรีสิ้นพระชนม์เสียแล้ว ทรงรำพึงว่า มัทรีมาสิ้นพระชนม์ในที่ต่างด้าว อันไม่ใช่ฐานะ หากว่าเธอทำกาลกิริยาในเชตุดรราชธานี การบริหารก็จักเป็นการใหญ่ รัฐทั้งสองก็สะเทือนถึงกัน ก็ตัวเราอยู่ในอรัญญประเทศแต่ผู้เดียวเท่านั้น จักทำอย่างไรดีหนอ ทรงคำนึงดังนี้แล้ว แม้เป็นผู้มีความโศกมีกำลัง ก็ทรงตั้งพระสติให้มั่น เสด็จลุกขึ้น ด้วยทรงสำคัญว่า เราจักต้องรู้ให้แน่ก่อน จึงวางพระหัตถ์เบื้องขวาตรงพระหทัยวัตถุแห่งพระนางเจ้า ก็ทรงทราบว่า ยังมีความอบอุ่นเป็นไปอยู่ จึงทรงนำน้ำมาด้วยพระเต้า แม้มิได้ทรงถูกต้องพระกายตลอด ๗ เดือน แต่ไม่อาจจะทรงกำหนดความที่พระองค์เป็นบรรพชิต เพราะความโศกมีกำลัง มีพระนัยนาเต็ม ไปด้วยพระอัสสุชล ช้อนพระเศียรของพระนางเจ้าขึ้นวางไว้บนพระเพลา พรมด้วยน้ำ ลูบพระพักตร์และ ที่ตรงพระหทัย ประทับนั่งอยู่. ฝ่ายพระนางมัทรี พอสักครู่หนึ่งก็กลับได้พระสติ เข้าตั้งไว้เฉพาะซึ่งหิริ และโอตตัปปะ ลุกขึ้นกราบพระมหาสัตว์ ทูลถามว่า ข้าแต่พระสวามีเวสสันดร ลูกทั้งสองของพระองค์ไป ไหน. พระมหาสัตว์ตรัสตอบว่า แน่ะพระเทวี ฉันให้เพื่อเป็นทาสแห่งพราหมณ์คนหนึ่งไปแล้ว. พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า วันนี้ พระเวสสันดรทรงประพรมพระนางมัทรีราชบุตรผู้ล้มลงด้วยน้ำ ทรงทราบว่า พระนาง เจ้าค่อยสำราญ ทีนั้น จึงตรัสคำนี้กะพระนาง. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตมชช ปตตํความว่า ผู้ล้มลงใกล้พระองค์ อธิบายว่า ผู้ล้มลงถึง วิสัญญีภาพแทบพระยุคลบาท. บทว่า เอตมพรวิ ความว่า ได้ตรัสคำนี้ คือคำว่า ฉันให้เพื่อเป็นทาสแห่ง พราหมณ์คนหนึ่งไปแล้ว. ๑๔


แต่นั้น เมื่อพระนางมัทรีทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ พระองค์ประทานลูกทั้งสองแก่พราหมณ์ แล้ว ไม่รับสั่งให้หม่อมฉันผู้คร่ำครวญเที่ยวอยู่ตลอดราตรี ทราบความ เพราะเหตุไร พระมหาสัตว์จึงตรัส ว่า แน่ะมัทรี ฉันไม่ปรารถนาจะบอกเธอแต่แรกให้เป็นทุกข์ว่า พราหมณ์แก่เป็นยาจกเข็ญใจมา สู่อาศรม บุตรบุตรีฉันให้แก่พราหมณ์นั้นแล้ว แน่ะมัทรี เธออย่ากลัวเลย จงยินดีเถิด เธอจงเห็นแก่ฉัน อย่าเห็นแก่บุตรบุตรี อย่าคร่ำครวญนักเลย เราทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีโรคก็จักได้พบบุตรบุตรี และสัตว์ ของเลี้ยง ธัญญาหารทั้งทรัพย์อย่างอื่นในเรือน สัตบุรุษเห็นยาจกมาก็บริจาคทาน. ดูก่อนมัทรี เธอจงอนุโมทนาปิยบุตรทาน อันเป็นอุดมทานของฉัน. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อาทิเยเนว ได้แก่ แต่แรก มีคำอธิบายว่า ถ้าฉันบอกความเรื่องนี้ แก่เธอแต่แรก เมื่อเธอได้ฟังดังนั้น ก็จะไม่อาจกลั้นความโศกไว้ได้ หทัยพึงแตก เพราะฉะนั้น ฉันจึงไม่ ปรารถนาจะบอกแก่เธอ แต่แรกให้เป็นทุกข์ นะมัทรี. บทว่า ฆรมาคโต ความว่า มายังสถานที่อยู่ของ พวกเรานี้. บทว่า อโรคา จ ภวามหเส ความว่า พระเวสสันดรมหาสัตว์ตรัสว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น เราทั้งสองเป็น ผู้ไม่มีโรค ยังมีชีวิตอยู่ จักพบลูกทั้งสองที่พราหมณ์นำไปเป็นแน่. บทว่า ยญฺจ อญฺญฆเร ธนํ ได้แก่ สวิญญาณกทรัพย์และอวิญญาณกทรัพย์อย่างอื่นในเรือน. บทว่า ทชฺชา สปปุริโส ทานํ ความว่า สัตบุรุษ เมื่อปรารถนาประโยชน์สูงสุด พึงผ่าอุระควักเนื้อหัวใจให้เป็นทาน. ๑๕


บทที่ ๓ วัสดุ อุปกรณ์ และขั้นตอนการดำเนินงาน โครงงานภาษาไทย เรื่อง “หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่าน วรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี” เป็นโครงงานภาษาไทยประเภท สำรวจและ พัฒนาหรือประดิษฐ์ ซึ่งเป็นการสำรวจและรวบรวม ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ การอ่านคำบาลี และร่ายยาว ความเป็นมาของมหาเวสสันดรชาดก ตัวละครในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ถอดคำ ประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี สะท้อนอะไรบ้าง คำถามชวนคิด แล้วนำมาทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีและทำการศึกษาความพึงพอใจผู้ที่สนใจศึกษา ซึ่งมีวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ และขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดร ชาดก กัณฑ์มัทรี ๑. ศึกษาหนังสือแบบเรียนภาษาไทยระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และสืบค้นข้อมูลทาง อินเตอร์เน็ต เพื่อสำรวจและรวบรวม ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ การอ่านคำบาลีและร่ายยาว ความเป็นมาของมหาเวสสันดรชาดก ตัวละครในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี สะท้อนอะไรบ้าง คำถามชวนคิด แล้วนำมาทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ๒. ออกแบบ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ประกอบด้วย ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ การอ่านคำบาลีและ ร่ายยาว ความเป็นมาของมหาเวสสันดรชาดก ตัวละครในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี สะท้อนอะไรบ้าง คำถามชวนคิด


๑๗


๑๘


๑๙


๒๐ ๒๒


๒๑


๒๒


๒๓


๒๔


๒๕


๓. ขั้นตอนการเผยแพร่ ๑. จัดทำโครงงานภาษาไทย เรื่อง “หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book)ส่งเสริมการอ่านวรรณคดี ไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี” เป็นโครงงานภาษาไทยประเภท สำรวจและพัฒนาหรือ ประดิษฐ์ ซึ่งเป็นการสำรวจและรวบรวม ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ การอ่านคำบาลีและร่ายยาว ความเป็นมาของมหาเวสสันดรชาดก ตัวละครในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี สะท้อนอะไรบ้าง คำถามชวนคิด แล้วนำมาทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีและทำการศึกษา ความพึงพอใจผู้ที่สนใจศึกษ ๒. นำโครงงานภาษาไทย เรื่อง “หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี”ไปเผยแพร่กับนักเรียน มัธยมศึกษาปีที่ ๕ จำนวน ๒๘ คน ชาย ๕ คน หญิง ๒๓ คน แล้วสำรวจความพึงพอใจ ๒๖


บทที่ ๔ รายงานผลการนำไปใช้ โครงงานภาษาไทย เรื่อง “หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อ หนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี” เป็นโครงงานภาษาไทยประเภท สำรวจและพัฒนาหรือประดิษฐ์ ซึ่งเป็นการสำรวจและรวบรวม ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ การอ่านคำบาลีและร่ายยาว ความ เป็นมาของมหาเวสสันดรชาดก ตัวละครในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี สะท้อนอะไรบ้าง คำถามชวนคิด แล้วนำมาทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีและทำการศึกษาความพึงพอใจผู้ที่สนใจศึกษา ได้ผลดังตารางต่อไปนี้ ตารางผลศึกษาความพึงพอใจ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี รายการประเมิน จำนวน ค่าเฉลี่ย ระดับความพึงพอใจ ๑. มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ๒๘ ๔.๘๒ ดีมาก ๒. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมหาเวสสันดร ชาดก กัณฑ์มัทรี ๒๘ ๔.๖๔ ดีมาก ๓. มีความคิดสร้างสรรค์ ๒๘ ๔.๔๖ ดีมาก ๔. มีความน่าสนใจ ๒๘ ๔.๔๖ ดีมาก ๕. สามารถนำความรู้ไปใช้ในการเรียน ๒๘ ๔.๖๔ ดีมาก รวม ๔.๖๐ ดีมาก จากตารางผลศึกษาความพึงพอใจ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่าน วรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีผลการศึกษาระดับความพึงพอใจสูงสุดเรียง ตามลำดับดังนี้ ผู้ศึกษามีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีมีค่าเฉลี่ย ๔.๘๒ ผู้ศึกษา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มีค่าเฉลี่ย ๔.๖๔ ผู้ศึกษาสามารถนำความรู้ ไปใช้ในการเรียนมีค่าเฉลี่ย ๔.๖๔ ผู้จัดทำมีความคิดสร้างสรรค์มีค่าเฉลี่ย ๔.๔๖ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีความน่าสนใจมีค่าเฉลี่ย ๔.๔๖ ทั้งนี้ผลความพึงพอใจหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีมีค่าเฉลี่ยรวม ๔.๖๐ ซึ่งหมายความว่า มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับ ดีมาก


ภาพที่ ๑ แผนภูมิผลการศึกษาความพึงพอใจ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่าน วรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ๒๘


บทที่ ๕ สรุปผลและวิจารณ์ผล สรุปผล โครงงานภาษาไทย เรื่อง “หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี” เป็นโครงงานภาษาไทยประเภท สำรวจและพัฒนาหรือ ประดิษฐ์ ซึ่งเป็นการสำรวจและรวบรวม ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ การอ่านคำบาลีและร่ายยาว ความเป็นมาของมหาเวสสันดรชาดก ตัวละครในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี สะท้อนอะไรบ้าง คำถามชวนคิด แล้วนำมาทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีและทำการศึกษาความพึงพอใจผู้ที่สนใจศึกษา ซึ่งสามารถ สรุปผลได้ดังนี้ ผลศึกษาความพึงพอใจ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดี ไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีผลการศึกษาระดับความพึงพอใจสูงสุดเรียงตามลำดับ ดังนี้ ผู้ศึกษามีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีมีค่าเฉลี่ย ๔.๘๒ ผู้ศึกษามีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มีค่าเฉลี่ย ๔.๖๔ ผู้ศึกษาสามารถนำความรู้ไปใช้ใน การเรียนมีค่าเฉลี่ย ๔.๖๔ ผู้จัดทำมีความคิดสร้างสรรค์ มีค่าเฉลี่ย ๔.๔๖ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีความน่าสนใจมีค่าเฉลี่ย ๔.๔๖ ทั้งนี้ผลความพึงพอใจหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีมีค่าเฉลี่ยรวม ๔.๖๐ ซึ่งหมายความว่า มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับ ดีมาก วิจารณ์ผล โครงงานภาษาไทย เรื่อง “หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี” เป็นโครงงานภาษาไทยประเภท สำรวจและพัฒนาหรือ ประดิษฐ์ ซึ่งเป็นการสำรวจและรวบรวม ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ การอ่านคำบาลีและร่ายยาว ความเป็นมาของมหาเวสสันดรชาดก ตัวละครในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี สะท้อนอะไรบ้าง คำถามชวนคิด แล้วนำมาทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีและทำการศึกษาความพึงพอใจผู้ที่สนใจศึกษาอยู่ในระดับ ดีมาก เพราะ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความเพลิดเพลิน สนุกสนาน มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีและมีความแปลกใหม่


ปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะ ๑. สามารถนำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ไปใช้ในการเพิ่มพูนความรู้ด้านอื่นๆได้ ๒. เพื่อให้งานเสร็จตรงตามกำหนดเวลา ต้องมีการวางแผนการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ ๓๐


บรรณานุกรม ภาสกร เกิดอ่อน และคณะ มหาชาติหรือมหาเวสสันดรชาดก พิมพ์ครั้งที่ ๕ กรุงเทพฯ ศยาม ๒๕๔๖. วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี. มหาเวสสันดรชาดก เข้าถึงได้จาก: .http://th.wikipedia.org/wiki/ มหาเวสสันดรชาดก (วันที่ค้นข้อมูล ๔ ก.พ. ๒๕๖๗) มหาชาติ หรือ มหาเวสสันดรชาดก (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.dhammathai.org/newspr/thesanachadok.php (วันที่ค้นข้อมูล ๔ ก.พ. ๒๕๖๗) ๓๑


ภาคผนวก


แบบประเมินความพึงพอใจ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี โครงงาน ภาษาไทย คำชี้แจง : จงขีดเครื่องหมาย ✓ ให้ตรงกับความจริง ๑. เพศ ชาย หญิง ๒. ตารางการประเมิน รายการประเมิน ระดับการประเมิน ๕ ๔ ๓ ๒ ๑ ๑. มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ๒. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมหาเวสสันดร ชาดก กัณฑ์มัทรี ๓. มีความคิดสร้างสรรค์ ๔. มีความน่าสนใจ ๕. สามารถนำความรู้ไปใช้ในการเรียน รวม หมายเหตุ เกณฑ์การประเมิน ๕ หมายถึง ดีมาก ๔ หมายถึง ดี ๓ หมายถึง ค่อนข้างดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง ๓๓


ผลการประเมินความพึงพอใจ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย ชื่อหนังสือ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี โครงงาน ภาษาไทย ๑.เพศ ชาย จำนวน ๕ คน หญิง จำนวน ๒๓ คน ๒.ตารางการประเมิน รายการประเมิน ระดับการประเมิน ๕ ๔ ๓ ๒ ๑ ๑. มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ๒๗ ๑ - - - ๒. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมหาเวสสันดร ชาดก กัณฑ์มัทรี ๒๖ ๒ - - - ๓. มีความคิดสร้างสรรค์ ๒๕ ๓ - - - ๔. มีความน่าสนใจ ๒๕ ๓ - - - ๕. สามารถนำความรู้ไปใช้ในการเรียน ๒๖ ๒ - - - หมายเหตุ เกณฑ์การประเมิน ๕ หมายถึง ดีมาก ๔ หมายถึง ดี ๓ หมายถึง ค่อนข้างดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง ๓๔


Click to View FlipBook Version