ส่วนท่ี 1 ขอ้ มูลทวั่ ไปของนกั กิจกรรมบำบดั ทต่ี อบแบบสอบถาม
ตารางที่ 1 ขอ้ มูลทัว่ ไปของนกั กจิ กรรมบำบดั ทีต่ อบแบบสอบถาม
ขอ้ มูลทว่ั ไป นกั กจิ กรรมบำบดั (n = 21)
เพศ จำนวน (คน) รอ้ ยละ
หญิง
ชาย 18 85.71
3 14.29
อายเุ ฉล่ียเท่ากบั 32 ปี 10 เดือน
อายตุ ่ำสุดเทา่ กบั 23 ปี 6 28.57
อายสุ ูงสุดเท่ากับ 50 ปี 5 23.81
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเทา่ กบั 7 ปี 10 เดือน 10 47.62
ระยะเวลาในการให้บรกิ ารทางกิจกรรมบำบดั แกเ่ ด็ก 11 52.38
ไม่เกิน 5 ปี 10 47.62
5-10 ปี
10 ปขี ึน้ ไป
สถานที่ปฏิบัติงาน
สถานศึกษา
สถานพยาบาล
ผลจากตารางที่ 1 พบว่า นักกิจกรรมบำบัดที่เป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง
คิดเป็นร้อยละ 85.71 และเพศชายคิดเป็นร้อยละ 14.29 โดยทั้งหมดมีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 32 ปี
10 เดือน (±7 ปี 10 เดือน) ร้อยละ 47.62 ให้บริการทางกิจกรรมบำบัดแก่เดก็ เปน็ ระยะเวลา 10 ปี
ขน้ึ ไป นักกจิ กรรมบำบดั ผใู้ หข้ อ้ มูลที่ปฏบิ ตั งิ านในสถานศึกษาและสถานพยาบาลมีจำนวนใกลเ้ คียงกัน
คือ ปฏบิ ัติงานในสถานศกึ ษาร้อยละ 52.38 ปฏบิ ัตงิ านในสถานพยาบาลรอ้ ยละ 47.62
42
ตารางที่ 2 ขอ้ มูลการใหบ้ รกิ ารของนกั กิจกรรมบำบดั ไดแ้ ก่ ลกั ษณะและช่วงอายขุ องกลุม่ ผรู้ บั บริการ
ขอ้ มลู ทัว่ ไป นกั กจิ กรรมบำบดั (n = 21)
ลกั ษณะกลุ่มผู้รับบริการ จำนวน (คน) รอ้ ยละ
เด็กที่มคี วามบกพรอ่ งทางการเห็น
เดก็ ทม่ี ีความบกพรอ่ งทางการได้ยนิ 3 14.29
เด็กที่มีความบกพร่องทางสตปิ ญั ญา 4 19.05
เดก็ ทีม่ ีปญั หาทางการเรยี นรู้ 14 66.67
เดก็ ท่มี ีความบกพรอ่ งทางร่างกาย 16 76.19
เด็กทม่ี ปี ญั หาทางพฤตกิ รรมและอารมณ์ 10 47.62
เด็กออทิสตกิ 13 61.90
เดก็ ทม่ี ีความบกพรอ่ งทางการพดู และภาษา 17 80.95
เดก็ ทม่ี คี วามพิการซำ้ ซ้อน 13 61.90
อ่นื ๆ (เด็กปกต)ิ 10 47.62
2 9.52
ช่วงอายุของกลุ่มผรู้ ับบริการ
ต่ำกว่า 6 ปี 17 80.95
6-12 ปี 14 66.67
12-18 ปี 6 28.57
ผลจากตารางที่ 2 พบว่า ลักษณะกลุ่มผู้รับบริการ 3 อันดับแรกคือ เด็กออทิสติก
(ร้อยละ 80.95) รองลงมาคอื เดก็ ทมี่ ปี ัญหาทางการเรยี นรู้ (ร้อยละ 76.19) และเดก็ ทมี่ ีความบกพรอ่ ง
ทางสตปิ ญั ญา (รอ้ ยละ 66.67) ชว่ งอายขุ องกลุ่มผู้รับบริการท่ีรับบริการทางกจิ กรรมบำบัดมากท่ีสุด
คือ เดก็ อายุต่ำกวา่ 6 ปี (รอ้ ยละ 80.95) รองลงมาคอื เดก็ อายุ 6-12 ปี (ร้อยละ 66.67) และเด็กอายุ
12-18 ปี (รอ้ ยละ 28.57)
43
ส่วนที่ 2 ข้อมูลความคิดเห็นของนักกิจกรรมบำบัดต่อการใช้การเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนา
ความคล่องแคล่วของมือในเดก็
การสำรวจนี้ พบว่า มนี ักกจิ กรรมบำบดั 7 คน (รอ้ ยละ 33.33) และ 14 คน (รอ้ ยละ 66.67)
จากกลุ่มตัวอย่าง 21 คน ใช้และไม่ใช้การเล่นแบบไทยในงานกิจกรรมบำบัด ตามลำดับ เพื่อพัฒนา
ความคล่องแคล่วของมือในเด็ก ซึ่งมีความถี่ในการใช้จำแนกตามชนิดการเล่นแบบไทย ดังแสดงใน
ตารางที่ 3
ตารางที่ 3 ความถี่และร้อยละของนักกิจกรรมบำบัดที่ใช้การเล่นแบบไทยในการให้บริการ
ทางกิจกรรมบำบัดเพอื่ พฒั นาความคลอ่ งแคลว่ ของมอื ในเดก็ (n = 21)
ความถีข่ องการนำการเลน่ แบบไทยไปใช้
การเลน่ แบบไทย จำนวนคน (รอ้ ยละ)
เป็นประจำ บอ่ ยครงั้ บางครงั้ นาน ๆ ครง้ั ไม่เคย
ตบแปะตามเพลง 1 (4.76) 2 (9.52) 1 (4.76) 2 (9.52) 15 (71.43)
อีตกั 1 (4.76) 1 (4.76) 0 (0.00) 1 (4.76) 18 (85.71)
สีซอ 0 (0.00) 1 (4.76) 1 (4.76) 2 (9.52) 17 (80.95)
เปา่ ยิงฉุบ 5 (23.81) 1 (4.76) 1 (4.76) 0 (0.00) 14 (66.67)
หมากเก็บ 0 (0.00) 1 (4.76) 2 (9.52) 1 (4.76) 17 (80.95)
หมากไม้ 0 (0.00) 0 (0.00) 1 (4.76) 1 (4.76) 19 (90.48)
ผลจากตารางที่ 3 พบว่า การเล่นแบบไทยที่ถูกนำไปใช้เป็นประจำคือการเล่นเป่ายิงฉุบ
คิดเป็นร้อยละ 23.81 การเล่นแบบไทยที่ถูกนำไปใช้บ่อยครั้งคือการเล่นตบแปะตามเพลง
คิดเป็นรอ้ ยละ 9.52 การเล่นแบบไทยท่ีถกู นำไปใช้บางคร้ังคอื การเลน่ หมากเก็บคดิ เปน็ ร้อยละ 9.52
การสำรวจการใช้การเล่นแบบไทยท้ัง 6 ชนิดยังพบว่า นักกิจกรรมบำบดั สว่ นใหญ่ไม่เคยนำ
การเล่นแบบไทยไปใช้ โดยการเล่นที่นักกิจกรรมบำบัดไม่เคยนำไปใช้มากที่สุดคือ การเล่นหมากไม้
คดิ เปน็ ร้อยละ 90.48
44
นอกจากการเล่นแบบไทยข้างต้น นักกิจกรรมบำบัดที่ตอบแบบสอบถามได้ใช้การเล่น
แบบไทยชนิดอื่นเพื่อพัฒนาความคล่องแคล่วของมือในเด็ก ได้แก่ มอญซ่อนผ้า การประดิษฐ์และ
เล่นว่าว (การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ) การเลน่ ลูกข่าง ของเล่นจักจน่ั ปืนกา้ นกล้วย และดีดลกู แกว้
ตารางที่ 4 ความถ่ีและร้อยละของนกั กิจกรรมบำบดั ท่ใี ช้การเลน่ แบบไทยเพื่อพัฒนาความคลอ่ งแคล่ว
ของมือในเด็กจำแนกตามขัน้ ตอนของกระบวนการทางกิจกรรมบำบัด
ขั้นตอนของกระบวนการ การนำการเล่นแบบไทยไปใช้ (n=7)
ทางกจิ กรรมบำบัด จำนวน (คน) ร้อยละ
การประเมิน 4 57.14
การกำหนดเป้าประสงค์การรกั ษา 2 28.57
การวเิ คราะห์และสังเคราะหก์ จิ กรรม 2 28.57
การใหก้ ารบำบัดรกั ษาทางกิจกรรมบำบดั 7 100.00
การประเมนิ ผลการบำบดั รักษา 2 28.57
การใหค้ ำปรึกษาแนะนำ 2 28.57
ผลจากตารางที่ 4 พบว่า ขั้นตอนของกระบวนการทางกิจกรรมบำบัดที่มีการนำการเล่น
แบบไทยไปใช้มากที่สุด คือ การให้การบำบัดรักษาทางกิจกรรมบำบัดคิดเป็นร้อยละ 100.00
รองลงมาคอื การประเมินคดิ เป็นรอ้ ยละ 57.14
45
ตารางที่ 5 ความถี่และร้อยละของนักกิจกรรมบำบัดที่แสดงความคดิ เหน็ ต่อเหตุผลที่เป็นอุปสรรค/
ข้อจำกัดต่อการใช้การเล่นแบบไทยในการให้บริการทางกจิ กรรมบำบัดเพื่อพัฒนาความคล่องแคล่ว
ของมอื ในเด็ก
เหตผุ ลท่เี ปน็ อุปสรรค/ นกั กจิ กรรมบำบดั นกั กจิ กรรมบำบดั ทีไ่ มใ่ ช้
ข้อจำกัดตอ่ การใช้ ทใี่ ช้การเลน่ แบบไทย (n=7) การเลน่ แบบไทย (n=14)
การเลน่ แบบไทย จำนวน (คน) รอ้ ยละ จำนวน (คน) รอ้ ยละ
ไม่มีอปุ กรณ์การเลน่ 2 28.57 4 28.57
มขี อ้ จำกดั ของสถานท่ี 2 28.57 2 14.29
ก ิ จ ก ร ร ม ก า ร เ ล ่ น ไ ม่
เหมาะสมต่อการ 3 42.86 8 57.14
บ ำ บ ั ด ร ั ก ษ า ใ น ก ลุ่ ม
ผรู้ บั บริการ
อื่น ๆ 3 42.86 2 14.29
(ต้องใชผ้ ู้เล่นหลาย (ผบู้ ำบดั ไมร่ ูจ้ ัก
คน, กตกิ าการเล่น วิธีการเลน่ แบบ
มหี ลายข้นั ตอน, ไทย, ตอ้ งใช้
ต้องใช้ความคิดใน ความคิดในการ
การทำความเข้าใจ ทำความเขา้ ใจ
กตกิ าการเล่น) กติกาการเล่น)
ผลจากตารางที่ 5 พบว่า นักกิจกรรมบำบัดที่ใช้การเล่นแบบไทย (ร้อยละ 42.86) และ
นักกิจกรรมบำบัดที่ไม่ใช้การเล่นแบบไทย (ร้อยละ 57.14) ระบุว่า เหตุผลที่เป็นอุปสรรค/ข้อจำกดั
มากที่สุดต่อการใช้การเล่นแบบไทย คือ กิจกรรมการเล่นไม่เหมาะสมต่อการบำบัดรักษาในกลุ่ม
ผูร้ ับบริการ
46
ตารางท่ี 6 ความถี่และรอ้ ยละของนกั กิจกรรมบำบดั ท่ีแสดงความคดิ เห็นตอ่ การใช้การเลน่ แบบไทยใน
การให้บริการทางกิจกรรมบำบัดเพื่อพัฒนาความคล่องแคลว่ ของมือในเด็กจำแนกตามลักษณะกลมุ่
ตวั อยา่ ง (กลมุ่ ตัวอยา่ งท่ใี ช้การเล่นแบบไทย (n=7) และกลุ่มตัวอย่างท่ีไม่ใช้การเลน่ แบบไทย (n=14))
ความคดิ เหน็ ที่มีตอ่ ลักษณะ ระดบั ความคิดเหน็ ของนักกิจกรรมบำบัด
การใชก้ ารเล่นแบบไทย กลุม่ จำนวนคน (รอ้ ยละ)
ตัวอย่าง
มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย
ท่สี ดุ กลาง ทสี่ ดุ
วัสดุที่ใช้ประกอบการเล่นมี ใช้ 2 4 1 00
ความสะดวก สามารถหาไดง้ ่าย (28.57) (57.14) (14.29) (0.00) (0.00)
ไมใ่ ช้ 2 6 5 01
(14.29) (42.86) (35.71) (0.00) (7.14)
กติกาการเล่นเข้าใจง่าย ใช้ 1 4 1 10
ไ ม ่ ซ ั บ ซ ้ อ น เ ห ม า ะ กั บ (14.29) (57.14) (14.29) (14.29) (0.00)
ผูร้ ับบรกิ ารเดก็ ไม่ใช้ 1 6 5 11
(7.14) (42.86) (35.71) (7.14) (7.14)
ว ิ ธ ี ก า ร เ ล ่ น ม ี ค ว า ม ย ื ด ห ยุ่ น ใช้ 1 5 1 00
สามารถประยุกต์รูปแบบให้เขา้ (14.29) (71.43) (14.29) (0.00) (0.00)
กับบรบิ ทของผ้รู ับบริการเดก็ ได้ ไมใ่ ช้ 1 7 4 11
(7.14) (50.00) (28.57) (7.14) (7.14)
ระยะเวลาที่ใช้ในการเ ล่น ใช้ 1 4 2 00
มีความเหมาะสมต่อการ (14.29) (57.14) (28.57) (0.00) (0.00)
ใหบ้ ริการแตล่ ะครง้ั ไมใ่ ช้ 1 4 801
(7.14) (28.57) (57.14) (0.00) (7.14)
ความรู้ความเข้าใจของ ใช้ 0 3 310
น ั ก ก ิ จ ก ร ร ม บ ำ บ ั ด เ ก ี ่ ย ว กั บ (0.00) (42.86) (42.86) (14.29) (0.00)
การเล่นแบบไทยส่ง ผ ลต่อ
การใช้หรือไม่ใช้การเล่นแบบ
ไทยในการให้บริการทาง 1 6 5 11
กิจกรรมบำบดั เพือ่ พัฒนาความ ไม่ใช้ (7.14) (42.86) (35.71) (7.14) (7.14)
คล่องแคล่วของมอื ในเด็ก
47
ผลจากตารางที่ 6 พบว่า นักกิจกรรมบำบัดที่ใช้การเล่นแบบไทยมีความคิดเห็นว่าวัสดุท่ใี ช้
ประกอบการเล่นแบบไทยมีความสะดวก สามารถหาได้ง่าย กติกาการเล่นเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
เหมาะกับผู้รับบริการเด็ก วิธีการเล่นมีความยืดหยุ่น สามารถประยุกต์รูปแบบให้เข้ากับบริบทของ
ผู้รับบริการเดก็ ได้ ระยะเวลาที่ใชใ้ นการเล่นมีความเหมาะสมต่อการให้บริการแต่ละครง้ั ในระดับมาก
และความรู้ความเข้าใจของนักกิจกรรมบำบัดเกี่ยวกับการเล่นแบบไทยส่งผลต่อการใช้หรือไม่ใช้
การเล่นแบบไทยในระดับปานกลางถึงมาก ส่วนนักกิจกรรมกจิ กรรมบำบัดที่ไม่ใช้การเล่นแบบไทย
มีความคิดเห็นว่าวัสดุที่ใชป้ ระกอบการเล่นแบบไทยมีความสะดวก สามารถหาไดง้ ่าย กติกาการเล่น
เขา้ ใจงา่ ย ไม่ซบั ซ้อน เหมาะกบั ผรู้ ับบริการเดก็ วธิ กี ารเล่นมีความยืดหยุ่น สามารถประยุกต์รูปแบบ
ให้เข้ากับบริบทของผู้รับบริการเด็กได้ในระดับมาก ระยะเวลาที่ใช้ในการเล่นมีความเหมาะสม
ต่อการให้บริการแต่ละคร้ังในระดับปานกลาง และความรู้ความเขา้ ใจของนักกิจกรรมบำบัดเก่ียวกบั
การเลน่ แบบไทยสง่ ผลตอ่ การใชห้ รอื ไมใ่ ชก้ ารเล่นแบบไทยระดบั มาก
48
ตารางที่ 7 ความถี่และร้อยละของนักกิจกรรมบำบัดที่แสดงความคิดเห็นต่อประโยชน์จากการใช้
การเล่นแบบไทยในการให้บริการทางกิจกรรมบำบัดเพื่อพฒั นาความคลอ่ งแคล่วของมือในเดก็
ชนิดของการเลน่ แบบไทย
ประโยชนจ์ ากการใช้ จำนวนคน (ร้อยละ)
การเล่นแบบไทย ตบแปะ อตี กั สซี อ เปา่ ยิงฉบุ หมาก หมากไม้
เก็บ
ตามเพลง 6
ส่งเสริมความสามารถใน 18 5 2 85
การทรงท่าขณะทำกิจกรรม (85.71) (28.57) (23.81) (9.52) (38.10) (23.81)
สง่ เสริมการควบคมุ การใช้มือ 5 14 7 9 17 12
ของเด็ก (เอื้อม กำ นำ (23.81) (66.67) (33.33) (42.86) (80.95) (57.14)
ปลอ่ ย)
ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน 8 5 15 14 14 10
ของนิ้วมืออย่างมสี หสัมพันธ์ (38.10) (23.81) (71.43) (66.67) (66.67) (47.62)
(finger coordination)
พัฒนาสหสัมพันธ์ระหว่าง 15 17 12 8 16 12
ต า แ ล ะ ม ื อ ( eye-hand (71.43) (80.95) (57.14) (38.10) (76.19) (57.14)
coordination)
ส่งเสริมการเคลื่อนย้ายวัตถุ 4 10 8 1 16 11
ภ า ย ใ น ม ื อ ( in-hand (19.05) (47.62) (38.10) (4.76) (76.19) (52.38)
manipulation)
ส่งเสริมการทำงานของมือ 20 4 13 2 4 6
สองข้าง ( bilateral hand (95.24) (19.05) (61.90) (9.52) (19.05) (28.57)
use)
เ พ ิ ่ ม ร ะ ด ั บ แ ร ง จ ู ง ใ จ 20 14 12 13 14 10
(ความสนุกสนานเพลิดเพลิน) (95.24) (66.67) (57.14) (61.90) (66.67) (47.62)
ในการเลน่ ของเด็กได้
49
ผลจากตารางที่ 7 พบว่า นักกิจกรรมบำบัดมีความคิดเห็นว่าการเล่นแบบไทยช่วยพัฒนา
ความคลอ่ งแคล่วของมือในเด็กได้ โดยการเล่นแบบไทยที่ช่วยสง่ เสรมิ ความสามารถในการทรงทา่ ขณะ
ทำกิจกรรมมากที่สุด ได้แก่ ตบแปะตามเพลง (ร้อยละ 85.71) การเล่นแบบไทยที่ช่วยส่งเสริม
การควบคุมการใช้มือของเด็กมากที่สุด ได้แก่ หมากเก็บ (ร้อยละ 80.95) การเล่นแบบไทยที่ช่วย
ส่งเสริมการทำงานร่วมกันของนิ้วมืออย่างมีสหสัมพันธ์มากที่สุด ได้แก่ สีซอ (ร้อยละ 71.43)
การเล่นแบบไทยที่ช่วยพัฒนาสหสัมพันธ์ระหว่างตาและมือมากที่สุด ได้แก่ อีตัก (ร้อยละ 80.95)
การเล่นแบบไทยทีช่ ่วยสง่ เสริมการการเคลื่อนย้ายวัตถุภายในมอื มากท่ีสดุ ไดแ้ ก่ หมากเก็บ (ร้อยละ
76.19) การเล่นแบบไทยท่ีช่วยส่งเสริมการทำงานของมือสองข้างมากทีส่ ุด ได้แก่ ตบแปะตามเพลง
(รอ้ ยละ 95.24) และการเล่นแบบไทยท่ีช่วยเพิ่มระดับแรงจูงใจในการเล่นของเด็กได้มากที่สุด ได้แก่
ตบแปะตามเพลง (รอ้ ยละ 95.24)
50
ตารางที่ 8 ความถี่และร้อยละของนักกิจกรรมบำบัดที่แสดงความสนใจในการนำการเล่นแบบไทย
มาใชใ้ นการใหบ้ ริการทางกจิ กรรมบำบดั เพ่อื พัฒนาความคล่องแคล่วของมือในเดก็
การเลน่ แบบไทย ความถ่ีและร้อยละของนกั กิจกรรมบำบดั ตามระดับความสนใจ
จำนวนคน (ร้อยละ)
ตบแปะตามเพลง
อตี ัก มากทีส่ ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย ไม่สนใจ
สีซอ 67 6 2 0
เป่ายงิ ฉบุ (28.57) (33.33) (28.57) (9.52) (0.00)
หมากเกบ็ 28821
หมากไม้
(9.52) (38.10) (38.10) (9.52) (4.76)
26832
(9.52) (28.57) (38.10) (14.29) (9.52)
85530
(38.10) (23.81) (23.81) (14.29) (0.00)
2 14 4 1 0
(9.52) (66.67) (19.05) (4.76) (0.00)
29712
(9.52) (42.86) (33.33) (4.76) (9.52)
ผลจากตารางที่ 8 พบว่า การเล่นตบแปะตามเพลงได้รับความสนใจในการนำมาใช้
ในระดบั มาก (ร้อยละ 33.33) การเลน่ อีตักได้รบั ความสนใจในการนำมาใช้ในระดับปานกลางถึงมาก
(ร้อยละ 38.10) การเล่นสีซอได้รับความสนใจในการนำมาใช้ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 38.10)
การเลน่ เป่ายงิ ฉบุ ไดร้ ับความสนใจในการนำมาใชใ้ นระดบั มากทีส่ ดุ (ร้อยละ 38.10) การเล่นหมากเกบ็
ได้รับความสนใจในการนำมาใช้ในระดับมาก (ร้อยละ 66.67) และการเล่นหมากไม้ไดร้ ับความสนใจ
ในการนำมาใชใ้ นระดับมาก (ร้อยละ 42.86)
นอกจากนี้ ยังพบว่า การเล่นแบบไทยที่นักกิจกรรมบำบัดแสดงความคิดเห็นว่าไม่สนใจ
นำมาใช้ ได้แก่ การเลน่ สซี อ การเล่นหมากไม้ และการเลน่ อตี กั
51
สว่ นท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ ของนักกิจกรรมบำบดั
นักกิจกรรมบำบัดที่เป็นผู้ให้ข้อมูลได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้การเล่นแบบไทย
ในงานกิจกรรมบำบัด ได้แก่ ตบแปะตามเพลง อีตัก สีซอ (การเล่นเชือกมือ) เป่ายิงฉุบ หมากเก็บ
และหมากไม้ ดงั นี้
- เปน็ การเล่นแบบไทยทีส่ ง่ เสริมความคล่องแคลว่ ของมอื ตามวัฒนธรรมที่ดีมาก
- เปน็ กิจกรรมการเล่นทไี่ ม่ไดเ้ หมาะสมกบั ผรู้ บั บรกิ ารทุกกลุ่ม เชน่ กลุม่ เด็กตาบอด
- กติกาการเล่นบางชนิดยากต่อการทำความเข้าใจของเด็ก การนำการเล่นแบบไทย
ดังกลา่ วมาใช้ อาจต้องมีส่ือบัตรภาพข้ันตอนที่ชดั เจนให้เด็กรบั รู้และเขา้ ใจได้งา่ ยข้ึน
- บางการละเล่นถูกปรับใช้ในแง่ของการรกั ษาที่มีวิธีการเล่นแตกต่างจากข้อมูลการเลน่
แบบไทยทใี่ ช้ในงานวจิ ยั นี้
52
บทวิจารณ์
การศึกษาครั้งนี้สำรวจการใช้การเล่นแบบไทยในงานกิจกรรมบำบัดเพื่อพัฒนา
ความคล่องแคล่วของมือในเด็ก โดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ google form ได้รับแบบสอบถามที่มี
ข้อมลู ครบสมบูรณ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 70.00 ของประชากร ซึ่งถือว่าอยใู่ นระดับท่ียอมรับได้ของรูปแบบ
การแจกแบบสอบถามทางเว็บไซตห์ รืออนิ เทอร์เนต็ (web based questionnaire) โดยกำหนดอตั รา
การตอบกลบั ข้ันตำ่ ไว้ที่ร้อยละ 50 (นศิ าชล รตั นมณี และประสพชัย พสนุ นท์, 2562)
กล่มุ ตวั อย่างนักกจิ กรรมบำบัดทต่ี อบแบบสอบถามเป็นผู้ให้บริการทางกิจกรรมบำบัดแก่เด็ก
ซึ่งบทบาทหลักของนักกิจกรรมบำบดั ในการปฏิบตั ิงานกับผู้รบั บรกิ ารเดก็ คือการให้บริการช่วยเหลือ
ระยะแรกเริ่ม (early intervention) เป็นการให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวและเด็กที่มี
ความต้องการพิเศษตั้งแต่แรกเกิดหรือเมื่อพบความบกพร่องในการส่งเสริมพัฒนาการรอบด้าน
ให้เหมาะสมตามวัยหรือใกล้เคียงกับเด็กท่ัวไปมากท่ีสุด เพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กกอ่ นเข้าเรียน
และเข้าสู่สังคม (กลุ่มบริการงานวิชาการ ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดนครสวรรค์, 2563)
พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กมคี วามสำคัญมากต่อพัฒนาการด้านร่างกายของเด็ก เนื่องจากเด็ก
ต้องใช้มือในการทำกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ การเขียน การหยิบจับ (กุลยา ตันติผลาชีวะ อ้างถึงใน
ผกากานต์ น้อยเนียม, 2556) การพัฒนาความคล่องแคล่วของมือควรได้รับการฝึกอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อให้มีทักษะการใช้มือที่เหมาะสมต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันตามช่วงวัยต่าง ๆ
โดยวัยเด็กตอนต้น (2-6 ปี) เป็นช่วงวัยที่มีการพัฒนาทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กรอบด้าน
อยู่ตลอดเวลา เม่ือเข้าสชู่ ว่ งอายุ 6-12 ปี การเคลือ่ นไหวนว้ิ มือจะมคี วามแมน่ ยำมากขึ้น และเมอ่ื เข้าสู่
ช่วงวัยรนุ่ (12-18 ป)ี สหสมั พันธใ์ นการใชม้ อื สองข้างจะพัฒนาพร้อมกับทกั ษะการรับรู้และความคิด
ความเขา้ ใจ ทำใหส้ ามารถใช้สองมือจัดการกับวัตถุหรอื อปุ กรณไ์ ด้ซับซ้อนมากขน้ึ มีการพฒั นาในด้าน
ความเร็ว ประสิทธิภาพ เวลา และความแม่นยำอย่างต่อเนื่อง จนใกล้เคียงกับทักษะของผู้ใหญ่
(Wolff, 2020)
นักกิจกรรมบำบัดเป็นหนึ่งวิชาชีพทีม่ ีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความคล่องแคล่วของมอื
ในเด็กโดยให้กิจกรรมการบำบัดรักษาผ่านกิจกรรมการเล่นในรูปแบบต่าง ๆ แต่จากการทบทวน
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องยังไม่พบการศึกษาเกี่ยวกับการใช้การเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนา
ความคลอ่ งแคล่วของมือในเดก็ ทำใหไ้ ม่ทราบว่ามกี ารใช้การเล่นแบบไทยในงานกิจกรรมบำบัดหรือไม่
ผลการศึกษาครั้งนี้ทำให้ทราบว่า นักกิจกรรมบำบัด 7 คน (ร้อยละ 33.33) และ 14 คน
53
(ร้อยละ 66.67) จากกลุ่มตัวอย่าง 21 คน ใช้และไม่ใช้การเล่นแบบไทยในการให้บริการ
ทางกิจกรรมบำบัดเพื่อพัฒนาความคล่องแคล่วของมือในเด็ก โดยนักกิจกรรมบำบัดร้อยละ 57.14
ให้เหตุผลว่ากิจกรรมการเล่นแบบไทยไม่เหมาะสมต่อการบำบัดรักษาในกลุ่มผู้รับบริการ ผลที่ได้
สอดคล้องกับข้อมลู ทั่วไปของนกั กิจกรรมบำบัดที่ระบุว่านักกิจกรรมบำบัดร้อยละ 80.95 ให้บริการ
แก่เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ซึ่งการเล่นแบบไทยทีใ่ ช้ในงานวิจัยนี้เป็นการเล่นในลักษณะเกม ต้องอาศัย
ความคดิ ความเข้าใจในการรับรู้กตกิ าและวธิ ีการการเล่น โดยเดก็ จะมีความคิดรวบยอดหรือมีความรู้
ความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ได้ดีเมื่อเข้าสู่วัยเรียน (อายุ 7 ปีขึ้นไป) เช่น การรับรู้และพยายามทำตาม
กติกา การรับรู้เรื่องจำนวน เป็นต้น นอกจากนี้อาจเป็นเพราะนักกิจกรรมบำบัดส่วนใหญ่ให้บริการ
แก่เด็กกลุ่มออทิสติก เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ และเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
ซึ่งเป็นเด็กกลุ่มท่ีมีปัญหาพัฒนาการหรือมีปัญหาความคิดความเข้าใจอยู่ก่อนแล้ว ทำให้การเล่น
แบบไทยซึ่งเป็นการเล่นในลักษณะเกมอาจจะยากต่อการทำความเข้าใจของเด็ก และไม่เหมาะสม
ตอ่ การใหบ้ ริการทางกิจกรรมบำบัดในกลุม่ ผ้รู ับบริการดงั กลา่ ว
นักกิจกรรมบำบัดทั้งกลุ่มที่ใช้การเล่นแบบไทยและไม่ใช้การเล่นแบบไทย
ได้แสดงความคิดเห็นต่อการใช้การเล่นแบบไทยในการให้บริการทางกิจกรรมบำบัดเพื่อพัฒนา
ความคล่องแคล่วของมือในเด็กว่าวัสดุที่ใช้ประกอบการเล่นมีความสะดวก สามารถหาได้ง่าย
กติกาการเล่นเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะกับผู้รับบริการเด็ก วิธีการเล่นแบบไทยมีความยืดหยุ่น
สามารถประยกุ ตร์ ูปแบบให้เขา้ กับบริบทของผ้รู ับบริการเดก็ ได้ในระดับมาก ระยะเวลาที่ใชใ้ นการเล่น
มีความเหมาะสมต่อการให้บริการแต่ละครั้งอยู่ในระดับปานกลางถึงมาก ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย
ของฟาลาตี หมาดเต๊ะ (2557) ที่ระบุว่า การเล่นแบบไทยเป็นการเล่นที่ไม่ซับซอ้ น การเล่นมีความ
ยืดหยุ่น สามารถปรับให้เหมาะสมกบั สภาพการณ์ได้และวัสดุที่ใช้ในการเล่นเป็นสิ่งของที่อยู่ใกล้ตวั
หาได้ง่ายในท้องถ่ินประเทศไทย อยา่ งไรก็ตาม นกั กจิ กรรมบำบดั กลุม่ ท่ีใชก้ ารเลน่ แบบไทย (ร้อยละ
42.86) และนักกจิ กรรมบำบัดกลุ่มทไ่ี ม่ใชก้ ารเล่นแบบไทย (ร้อยละ 57.14) ไดแ้ สดงความคิดเห็นว่า
เหตุผลทีเ่ ปน็ อปุ สรรค/ข้อจำกัดตอ่ การใชก้ ารเลน่ แบบไทยมากทส่ี ดุ คือ การเล่นแบบไทยเป็นกิจกรรม
การเล่นท่ีไม่เหมาะสมต่อกลุ่มผู้รับบริการ โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กติกาการเล่นแบบไทยบางชนิด
ยากต่อการทำความเข้าใจของเด็กและไม่ได้เหมาะสมกับผู้รับบริการทุกกลุ่ม ซึ่งหากจะนำการเล่น
แบบไทยมาใช้ในการให้บริการทางกจิ กรรมบำบดั อาจต้องมสี ื่อบัตรภาพขั้นตอนที่ชัดเจนให้เด็กรับรู้
และเขา้ ใจได้ง่ายขึน้ หรอื มีการปรับวิธีการเลน่ เพื่อใช้ในแง่ของการรักษาซึง่ มีความแตกต่างจากข้อมูล
54
การเล่นแบบไทยท่ีระบไุ วใ้ นงานวิจัยนี้ นักกิจกรรมบำบดั ยังไดแ้ สดงความคดิ เห็นวา่ ความรคู้ วามเข้าใจ
ของนักกิจกรรมบำบัดเกี่ยวกับการเล่นแบบไทยส่งผลต่อการใช้หรือไม่ใช้การเล่นแบบไทยในระดับ
ปานกลางถึงมาก มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมในรายละเอียดเรื่องการไม่นำการเล่นแบบไทยมาใช้ว่า
มีสาเหตุมาจากการที่นักกิจกรรมบำบัดบางส่วนไม่รู้จักการเล่นแบบไทย ผลที่ได้ทำให้ทราบว่า
ปัจจัยหนึ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้การเล่นแบบไทยในงานกิจกรรมบำบัดคือความรู้ ความเข้าใจ
ของนักกิจกรรมบำบัดเกี่ยวกับการเล่นแบบไทย การที่นักกิจกรรมบำบัดไม่มีความรู้ความเข้าใจ
เกี่ยวกับการเล่นแบบไทยทำให้ไม่นำการเล่นแบบไทยมาใช้ หรือการที่นักกิจกรรมบำบัดมีความรู้
ความเข้าใจเกย่ี วกับการเล่นแบบไทยไม่เพียงพออาจทำใหม้ ีข้อจำกัดในการนำการเลน่ แบบไทยมาใช้
ในแง่ของการบำบัดรักษา จึงควรมีการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้การเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนา
ความคล่องแคล่วของมือในเด็กต่อไป รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้นักกิจกรรมบำบัดและ
หน่วยงานที่เก่ียวข้องตระหนักและเห็นคณุ คา่ ของการเล่นแบบไทยมากข้นึ
นักกิจกรรมบำบัดได้แสดงความคิดเห็นต่อการเล่นแบบไทยว่าสามารถช่วยพัฒนา
ความคล่องแคล่วของมือในเด็กได้ ซึ่งสอดคล้องกับเอกสารที่ระบุว่า การเล่นตบแปะตามเพลง
การเล่นอีตัก การเล่นสีซอ (การเล่นเชือกมือ) การ เล่นเป่ายิงฉุบ การเล่นหมากเก็บ
และการเล่นหมากไม้ เป็นกจิ กรรมการเลน่ แบบไทยที่สามารถพฒั นาความคลอ่ งแคล่วของมือในเด็กได้
(การเล่นแบบไทยกระตุ้นสมอง, ม.ป.ป.; กินาดัล กังแฮ, 2561; ธันญาภรณ์ พิบูลย์พล และนิตยา
โฆษา, 2559; ปวีณา พัวประเสริฐ, 2563; เมริษา ยอดมณฑป, 2561; Australian Seniors, 2016;
Champion Pediatric Therapy, 2020; Drobnjak, 2016) น อ ก จ า ก น ี ้ น ั ก ก ิ จ ก ร ร ม บ ำบัด
ยังได้แสดงความเห็นว่าการเล่นแบบไทยช่วยเพิ่มระดับแรงจูงใจในการเล่นของเด็กได้
ตามกรอบอา้ งอิง MOHO model แรงจูงใจหรือเจตจำนง (volition) เปน็ อีกหนง่ึ องคป์ ระกอบสำคัญ
ในตัวบุคคลที่ส่งผลต่อการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตของมนุษย์ กล่าวคือ เมื่อเด็กมี แรงจูงใจ
ในการเล่นแบบไทย เด็กก็จะให้ความร่วมมือในการเลน่ เป็นอย่างดี และสนุกกับการฝกึ ฝน/เล่นซ้ำ ๆ
อันจะเกิดเป็นทักษะที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลให้เด็กสามารถพัฒนาความคล่องแคล่วของมือ
ผ่านกจิ กรรมการเล่นแบบไทยได้ดี
55
ผลการสำรวจด้านความสนใจของนักกจิ กรรมบำบัดในการนำการเล่นแบบไทยมาใช้ พบว่า
การเล่นแบบไทยที่ได้รับความสนใจในการนำมาใช้ในระดับมากที่สุด ได้แก่ การเล่นเป่ายิงฉุบ
รองลงมาคือการเล่นตบแปะตามเพลง สังเกตได้ว่าการเล่นทั้งสองชนิดเป็นการเล่นที่ไม่ใช้อุปกรณ์
กติกาการเลน่ เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีความเหมาะสมกับผู้รบั บริการเด็ก และเป็นการเล่นที่ช่วยเพมิ่
ระดับแรงจูงใจในการเล่นของเดก็ ได้ ในทางกลับกัน นักกิจกรรมบำบัดร้อยละ 9.52 ของกลุ่มตัวอย่าง
ได้แสดงความคิดเห็นว่าการเล่นแบบไทยที่ไม่สนใจนำมาใช้ได้แก่ การเล่นสีซอ และการเลน่ หมากไม้
เป็นการเล่นที่มีกติกาการเล่นค่อนข้างซับซ้อน ต้องใช้สหสัมพันธ์ของมือทั้งสองข้างในการหยิบจับ/
ควบคุมวตั ถทุ ี่มากกว่า รวมถึงวัสดทุ ี่ใช้ในการเลน่ มคี วามนา่ สนใจนอ้ ยกว่า
ผลการวิจัยนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ว่านักกิจกรรมบำบัด 14 คน (ร้อยละ 66.67)
จากกลุ่มตวั อย่าง 21 คน ไมเ่ คยใช้การเล่นแบบไทยในงานกิจกรรมบำบดั เพอื่ พัฒนาความคล่องแคล่ว
ของมือในเด็ก แต่ก็ได้แสดงความคิดเห็นว่าการเล่นแบบไทยทั้ง 6 ชนิดสามารถช่วยส่งเสริม
ความคล่องแคล่วของมือในเด็กได้ และยังได้แสดงความสนใจในการนำการเล่นแบบไทยไปใช้
อย่างไรก็ตาม ควรมกี ารศกึ ษาเชงิ ลึกเกี่ยวกับการใช้การเลน่ แบบไทยเพือ่ พฒั นาความคล่องแคล่วของ
มอื ในเดก็ ต่อไป และประชาสมั พนั ธ์เก่ยี วกบั การใช้การเลน่ แบบไทยในงานกจิ กรรมบำบดั ให้มากข้ึน
ประโยชน์ท่ไี ด้รับ
1. ทราบข้อมูลจริงว่านักกิจกรรมบำบัดที่ปฏิบัติงานในสถานศึกษาและสถานพยาบาล
เขตอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นำการเล่นแบบไทยมาใช้เป็นสื่อในการพัฒนาความคล่องแคล่ว
ของมือในเด็ก โดยใช้กิจกรรมการเล่นท้ัง 6 ชนิด และการเล่นแบบไทยอื่น ๆ รวมถึงทำให้ได้ทราบ
ความคิดเห็นของนักกิจกรรมบำบัดต่อการใช้และไม่ใช้การเล่นแบบไทยและความสนใจในการนำ
การเลน่ แบบไทยมาใช้ในการปฏิบตั ิงานทางกิจกรรมบำบดั เพ่อื พฒั นาความคล่องแคล่วของมือในเด็ก
2. ผลการสำรวจสามารถใช้เป็นแนวทางแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานกิจกรรมบำบัด
ใหต้ ระหนักถึงการใช้การเลน่ แบบไทยเพ่อื พฒั นาความคล่องแคล่วของมอื ในเดก็ ได้
56
บทสรปุ
การศึกษานี้สำรวจการใช้การเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนาความคล่องแคล่วของมือในเด็ก
ของนักกิจกรรมบำบัดที่ให้บริการแก่เด็กในสถานศึกษาและสถานพยาบาล เขตอำเภอเมือง
จังหวัดเชียงใหม่ พบวา่
1. นักกจิ กรรมบำบดั 7 คน (ร้อยละ 33.33) และ 14 คน (ร้อยละ 66.67) จากกลุ่มตัวอย่าง
21 คน ใช้และไมใ่ ช้การเลน่ แบบไทยเพ่ือพัฒนาความคล่องแคลว่ ของมือในเดก็
2. การเล่นแบบไทยที่ถูกนำไปใช้ในการให้บริการทางกิจกรรมบำบัดเพื่อพัฒนา
ความคล่องแคล่วของมือในเดก็ เปน็ ประจำคอื การเลน่ เปา่ ยงิ ฉุบ การเลน่ แบบไทยทถ่ี กู นำไปใช้บ่อยครั้ง
คือการเล่นตบแปะตามเพลง การเล่นแบบไทยท่ีถกู นำไปใช้บางคร้ังคือการเล่นหมากเก็บ นอกจากน้ี
ยังมีการใช้การเล่นแบบไทยชนิดอื่น ได้แก่ มอญซ่อนผ้า การประดิษฐ์และเล่นว่าว
(การเรียนรู้แบบบูรณาการ) การเลน่ ลกู ข่าง ของเลน่ จักจั่น ปนื ก้านกลว้ ย และดีดลกู แกว้
3. นักกิจกรรมบำบัดนำการเล่นแบบไทยไปใช้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการ
ทางกิจกรรมบำบดั โดยข้ันตอนทมี่ กี ารนำการเล่นแบบไทยไปใชม้ ากที่สุด คอื การให้การบำบัดรักษา
ทางกิจกรรมบำบดั
4. นักกิจกรรมบำบัดที่ใช้การเล่นแบบไทยและนักกิจกรรมบำบัดที่ไม่ใช้การเล่นแบบไทย
ได้แสดงความคิดเห็นว่าเหตุผลที่เป็นอุปสรรค/ข้อจำกัดมากที่สุดต่อการใช้การเล่นแบบไทยคือ
กิจกรรมการเล่นไม่เหมาะสมต่อการบำบัดรักษาในกลุ่มผู้รบั บริการ
5. นักกิจกรรมบำบัดที่ใช้การเล่นแบบไทยและนักกิจกรรมบำบัดที่ไม่ใช้การเล่นแบบไทย
ได้แสดงความคิดเห็นต่อการเล่นแบบไทยว่าสามารถช่วยพัฒนาความคล่องแคล่วของมือในเด็กได้
โดยได้แสดงความคิดเห็นว่าวัสดุที่ใช้ประกอบการเล่นแบบไทยมีความสะดวก สามารถหาได้ง่าย
กติกาการเล่นเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะกับผู้รับบริการเด็ก วิธีการเล่นแบบไทยมีความยืดหยุ่น
สามารถประยกุ ต์รูปแบบให้เขา้ กบั บริบทของผู้รบั บริการเด็กไดใ้ นระดับมาก ระยะเวลาท่ีใช้ในการเล่น
มีความเหมาะสมตอ่ การใหบ้ ริการแต่ละครัง้ อยู่ในระดับปานกลางถงึ มาก และความรคู้ วามเข้าใจของ
นักกิจกรรมบำบัดเกี่ยวกับการเล่นแบบไทยส่งผลต่อการใช้หรือไม่ใช้การเล่นแบบไทยในระดับ
ปานกลางถงึ มาก
57
6. นักกิจกรรมบำบัดได้แสดงความสนใจต่อการนำการเล่นแบบไทยมาใช้ การเล่นเป่ายิงฉุบ
ได้รับความสนใจในการนำมาใช้มากที่สุด การเล่นหมากเก็บ หมากไม้ และตบแปะตามเพลงได้รับ
ความสนใจในการนำมาใช้ในระดับมาก การเล่นอีตักได้รับความสนใจในการนำมาใช้ในระดับ
ปานกลางถึงมาก และการเล่นสีซอได้รบั ความสนใจในการนำมาใชใ้ นระดบั ปานกลาง
ข้อเสนอแนะ
1. การศึกษาคร้ังต่อไป ควรทำการศึกษาในกลุม่ ประชากรทีม่ ขี นาดใหญ่และมจี ำนวนมากข้ึน
เพื่อให้ได้ทราบถึงข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการนำการเล่นแบบไทยไปใช้ในการพัฒนา
ความคล่องแคลว่ ของมอื ในเด็กมากขึน้
2. การศึกษาครั้งต่อไป ควรมีการศึกษาเชิงคุณภาพในกลุ่มนักกิจกรรมบำบัดที่นำการเล่น
แบบไทยไปใช้ว่ามีการนำไปใช้อย่างไร มีการวางแผนการบำบัด ปรับรูปแบบวิธีการเล่นอย่างไร
ประเมินผลและได้ผลลัพธ์อย่างไร เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการใช้การเล่นแบบไทย
ในงานกิจกรรมบำบัด
3. การศึกษาครั้งต่อไป ควรมีการศึกษาเชิง ลึกในกลุ่มนักกิจกรรมบำบัดท่ีไม่นำ
การเล่นแบบไทยไปใช้ เพอื่ ให้ทราบความคิดเห็นที่มีต่อการใช้การเล่นแบบไทยในงานกิจกรรมบำบัด
และส่งเสริมการใชก้ ารเลน่ แบบไทยในงานกิจกรรมบำบัดไดต้ รงเปา้ หมายมากขึน้
4. การศึกษาครั้งต่อไป ควรทำเป็นโปรแกรมการเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนาความคล่องแคลว่
ของมอื ในเด็กตามชว่ งอายตุ า่ ง ๆ
ขอ้ จำกัด
การเปลีย่ นแปลงสถานภาพหรือสถานที่ปฏิบตั ิงานของนักกิจกรรมบำบัดระหว่างท่ีเก็บข้อมูล
ส่งผลตอ่ การลดลงของจำนวนประชากรทไ่ี ดจ้ ากการสืบคน้ ในฐานข้อมลู อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ช่วงแรก
58
เอกสารอ้างอิง
กรมพละศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2557). การละเล่นพื้นบ้านไทย (พิมพ์ครั้งที่ 1).
กรงุ เทพฯ: เอส.ออฟเซ็ทกราฟฟิคดีไซน์.
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม DCP. (2019, February 20). หมากไม้-การเล่นของเด็กไทยภาค
ต ะ ว ั น อ อ ก เ ฉ ี ย ง เ ห นื อ [Video file]. Retrieved June 6, 2021, from
https://www.youtube.com/watch?v=iNdVSEZIkns
กลุ่มบริการงานวิชาการ ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดนครสวรรค์. (2563). คู่มืองานบริการ
ชว่ ยเหลือระยะแรกเริ่ม (EI) และเตรียมความพร้อมกลุ่มบริหารงานวชิ าการประจำปี 2563.
สืบค้น 4 เมษายน 2565, จาก https://pubhtml5.com/tzwd/tfoa/basic?fbclid=
IwAR3Y26fnBJQxfl5fm_hCTOlz4IOz8V6xKt4rycwLg_RWrwxoAswoNI_halw
การเล่นอีตัก. (2560). สืบค้น 11 มิถุนายน 2564, จาก https://www.trueplookpanya.com/
blog/content/58003
กินาดัล กังแฮ. (2561). เล่นแบบไทย ๆ ก็เสริมพัฒนาการลูกได้. สืบค้น 23 พฤษภาคม 2564, จาก
http://medicine.swu.ac.th/msmc/?p=3660
กีฬาหมากเก็บ การละเล่นยอดฮิตสำหรับเด็กผู้หญิงน่ันเองเปน็ การเล่นพื้นบ้านของไทย นิยมเล่นใน
ภาคกลาง. (2563). สืบค้น 11 มิถุนายน 2564, จาก https://www.redegb.com/
2020/05/09/กีฬาหมากเกบ็ /
จรัญญา สีพาแลว, ปริญญา เรืองทิพย์, ปรัชญา แก้วแก่น. (2562). การเพิ่มความสามารถด้านมิติ
สัมพันธ์ของนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลายโดยการเล่นหมากเก็บแบบประยุกต์.
วิทยาการวิจัยและวิทยาการปัญญา, 17(1). สืบค้น 21 เมษายน 2564, จาก
https://so05.tcithaijo.org/index.php/RMCS/article/download/213109/148118/
ชมรมผ้ปู กครองบุคคลสมาธิส้ันแหง่ ประเทศไทย. (ม.ป.ป). การเล่นแบบไทยกระตุ้นสมอง. สืบค้น 23
พ ฤ ษ ภ า ค ม 2 5 6 4 , จ า ก http://www.adhdthai.com/autistic/catalog.php?
category=33
59
ชลุ ีพร นาหวั นิล, นนทชนนปภพ ปาลนิ ทร, อภิรดี ไชยกาล, ชลลิ ลา บุษบงก.์ (2563). การใช้กจิ กรรม
การละเล่นของเด็กไทยเพื่อส่งเสริมพัฒนาการกล้ามเน้ือใหญ่ สำหรับเด็กปฐมวัย. วารสาร
ม จ ร อ ุ บ ล ป ร ิ ท ร ร ศ น์ , 5 ( 3 ) . ส ื บ ค ้ น 4 พ ฤ ษ ภ า ค ม 2 5 6 4 , จ า ก
https://so06.tcithaijo.org/index.php/mcjou/issue/view/16562/1-18
ฐติ มิ า ชใู หม่. (2559). การเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย. วารสารหวั หินสขุ ใจไกลกังวล,
1(2), หนา้ 18-33
ธันญาภรณ์ พิบูลย์พล, นิตยา โฆษา. (2559). การละเล่นพื้นบ้านกับพัฒนาการเดก็ ไทย. สืบค้น 23
พฤษภาคม 2564, จาก http://oec.anamai.moph.go.th/ewt_dl_link.php?nid=530
นนั ทณี เสถียรศกั ดพิ์ งศ์, ธรี ภทั ร ปญั ญานนท์ และดาราณี สาสัตย.์ (2562). การพัฒนาแบบทดสอบ
ความคลอ่ งแคลว่ ในการทำงานของมอื สำหรับเดก็ วัยอายุ 6-12 ปี. วารสารจติ เวชวทิ ยาสาร,
35(1), หน้า 34-47
นิศาชล รัตนมณี และประสพชัย พสุนนท์. (2562). อัตราการตอบกลับของแบบสอบถามในงานวจิ ยั
เชิงปริมาณ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธนบุรี, 13(3),
หน้า 181-188
ปวีณา พัวประเสรฐิ . (2563). “เกมพันดา้ ย” เกมง่าย ๆ ... ทถี่ ูกลมื . สืบคน้ 23 พฤษภาคม 2564, จาก
https://www.facebook.com/698577926941880/posts/1983590731773920/
ผกากานต์ น้อยเนียม. (2556). ความสามารถในการใช้กล้ามเนือ้ มัดเล็กของเด็กอายุ 4-5 ปี ที่ได้รบั
การจัดกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์ด้วยดิน (ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชา
วทิ ยาการทางการศึกษาและการจัดการเรียนร)ู้ มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทร์วโิ รฒ. สืบค้น 17
พฤษภาคม 2564, จาก http://ir.swu.ac.th/xmlui/bitstream/handle/123456789/
4333/Pakakan_N.pdf?sequence=1&isAllowed=y
ผกาวรรณ สุทธิวงศ์. (2551). กิจกรรมบำบัดและการส่งเสริมทักษะพื้นฐานการเขียน (ตอนที่ 1).
วารสารราชานุกลู , 23(3), หนา้ 53-57
พรทิพย์ เกยุรานนท์. (2556). การเล่นของเด็กไทยกับการอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมไทย. สืบค้น
1 3 ก ร ก ฎ า ค ม 2 5 6 4 , จ า ก https://www.stou.ac.th/schools/shs/booklet/
book56_2/culture.htm
60
พรประไพ พงษ์ธรรม. (2556). การสำรวจการใช้การเล่นของนักกิจกรรมบำบัดในสถานศึกษา.
ภาคนิพนธ์วิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขากิจกรรมบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์
มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม,่ เชยี งใหม่.
“พระราชบัญญัติ คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546” (2546, 2 ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 120.
หน้า 1-29.
ฟาลาตี หมาดเต๊ะ. (2557). ผลของการฝึกการละเล่นพื้นบ้านที่มีต่อพัฒนาการของเด็กปฐมวัย
(ปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. สืบค้น 22 เมษายน
2564, จาก https://soreda.oas.psu.ac.th/files/813_file_TC1146.pdf
เมริษา ยอดมณฑป. (2561). ‘การเล่นตบแปะ’ นอ้ ยนิด มหาศาล. สบื คน้ 24 พฤษภาคม 2564, จาก
https://www.facebook.com/199345480858214/posts/552569475535811/
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินทร (องค์การมหาชน). (2563). สีซอ. สืบค้น 4 มิถุนายน 2564, จาก
https://www.sac.or.th/databases/folktoys/item.php?id=86
สมจินตนา คุปตสุนทร. (2547). การศึกษาความเชื่อมั่นในตนเองของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัด
ประสบการณ์การเล่นพื้นบ้านของไทย. (ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขา
การศึกษาปฐมวัยบัณฑิตวิทยาลัย) มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ. สืบค้น 3 พฤษภาคม
2564, จาก https://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed
ไสวรรณ ไผ่ประเสรฐิ , สจุ ติ รา บางสมบุญ, เยาวลกั ษณ์ กาญจนะ, วริ าวรรณ โพธ์งิ าม. (2556). ปัจจัย
ที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการเด็กวัยแรกเกิดถึง 3 ปี ในเขตตรวจราชการสาธารณสุขที่ 18.
วารสารกุมารเวชศาสตร์ ตลุ าคม-ธันวาคม 2556. หนา้ 286-294
American Dental Education Association (2015). The Importance of Manual Dexterity.
Retrieved May 5, 2021, from https://www.adea.org/GoDental/Application_Pre
p/Preparing_for_Dental_School/The_Importance_of_Manual_Dexterity.aspx
Australian Seniors. (2016). 12 simple finger dexterity exercises for seniors. Retrieved
May 23, 2021, from https://www.seniors.com.au/funeralinsurance/discover/
12-simple-finger-dexterity-exercises-for-seniors
61
Champion Pediatric Therapy. (2020). 5 Activities to Prepare Your Child for Scissor Skills.
Retrieved May 24, 2021, from https://championpediatrictherapy.com/blog/
2020/9/14/5-activities-ti-prepare-your-child-for-scissor-skills-derpk
Dizmen, C., Man, S. S. K., & Chan, H. S. A. (2015). The Effect of Temperature on Manual
Dexterity, Reaction Time, and Optimum Grip-span. Proceedings of the
International MultiConference of Engineers and Computer Scientists 2015,
953-957.
Drobnjak, L. (2016). FINGER GAMES FOR KIDS. Retrieved May 24, 2021, from
https://theinspiredtreehouse.com/finger-games-kids/
Tan, J. S. Y., Nonis, K., & Chan, L. Y. (2020). The Effect of Traditional Games and Free
play on Motor Skills of Preschool Children. International Journal of
Childhood, Counselling and Special Education, 1(2), 204-223.
Time for Kids. (2020). Rock, Paper, Scissors. Retrieved June 11, 2021, from
https://www.timeforkids.com/k1/rock-paper-scissors/
Wang, Y.C., Bohannon, R. W., Kapellusch, J., Garg, A., Gershon, R. C. (2015). Dexterity as
measured with the 9-Hole Peg Test (9-HPT) across the age span. Journal of
Hand Therapy, 28(1), 53-9.
Wolff, A. (2020). Hand Function: Typical Development. Pediatric Hand Therapy
(pp. 13-23). Retrieved June 20, 2021, from https://www.clinicalkey.com/#!/
content/book/3-s2.0-B9780323530910000026
WORKPOINTNEWS. (2564). โควิด-19 ทำเด็กติดมือถือ เสี่ยงกระทบพัฒนาการ. สืบค้น 20
กรกฎาคม 2564, จาก https://covid19.workpointnews.com/k/โควิด-19-ทำเด็กติด
มอื ถือ-เ
62
ภาคผนวก ก
เอกสารรบั รองโครงการวิจยั ในมนษุ ย์
63
64
65
ภาคผนวก ข
แบบสอบถามการใชก้ ารเล่นแบบไทยในงานกจิ กรรมบำบดั
เพ่อื พฒั นาความคล่องแคล่วของมือในเด็ก
66
แบบสอบถามการใชก้ ารเลน่ แบบไทยในงานกจิ กรรมบำบัด
เพอ่ื พัฒนาความคลอ่ งแคลว่ ของมอื ในเด็ก
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คำชแี้ จง ใหท้ ำเคร่ืองหมาย √ ใน ตรงตามตวั เลอื กที่ต้องการตอบ
สว่ นท่ี 1 ขอ้ มลู ทว่ั ไป
1. ท่านเปน็ นักกจิ กรรมบำบดั ท่ใี หบ้ ริการแกเ่ ด็ก
ใช่ (ตอบคำถามข้อตอ่ ไป) ไม่ใช่ (ส่งแบบสำรวจโดยไมต่ อ้ งทำตอ่ )
2. เพศ
หญงิ ชาย
3. อายุ ................. ปี
4. ระยะเวลาในการให้บริการทางกจิ กรรมบำบดั แก่เดก็
1-5 ปี 6-10 ปี 11 ปีข้ึนไป
5. สถานที่ท่ที ่านปฏบิ ัตงิ านในการให้บรกิ ารทางกิจกรรมบำบัดแก่เด็ก (ตอบไดม้ ากกว่า 1 ขอ้ )
สถานศึกษา สถานพยาบาล
โรงเรยี นเรยี นรว่ ม เอกชน
โรงเรยี นเฉพาะความพกิ าร รัฐบาล
ศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษ
อ่ืน ๆ โปรดระบุ .........................................................................................................
6. ท่านให้บริการทางกจิ กรรมบำบัดแก่เด็กประเภทใด (ตอบไดม้ ากกวา่ 1 ขอ้ )
เด็กทม่ี ีความบกพรอ่ งทางการเหน็
เดก็ ท่ีมีความบกพรอ่ งทางการไดย้ ิน
เดก็ ที่มคี วามบกพรอ่ งทางสตปิ ัญญา
เด็กที่มีปญั หาทางการเรียนรู้
เดก็ ที่มีความบกพรอ่ งทางรา่ งกาย
เด็กทม่ี ปี ัญหาทางพฤติกรรมและอารมณ์
67
เดก็ ออทสิ ตกิ
เด็กท่ีมีความบกพรอ่ งทางการพูดและภาษา
เดก็ ที่มีความพกิ ารซำ้ ซ้อน
อื่น ๆ โปรดระบุ ..................................................
7. ท่านใหบ้ ริการทางกจิ กรรมบำบัดแก่เด็กในกลุ่มอายใุ ด (ตอบได้มากกวา่ 1 ขอ้ )
ต่ำกว่า 6 ปี
6-12 ปี
12-18 ปี
68
ส่วนที่ 2 ข้อคำถามเกีย่ วกับความคิดเหน็ ของนกั กจิ กรรมบำบัดตอ่ การใชก้ ารเล่นแบบไทยเพือ่
พัฒนาความคลอ่ งแคล่วของมอื ในเด็ก
การเล่นแบบไทย คือ การเลน่ ทผ่ี ูเ้ ลน่ สมัครใจเคลื่อนไหวรูปแบบต่าง ๆ เนน้ ความสนุกสนาน
เพลิดเพลิน อาจเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่ม เป็นการถ่ายทอดของคนไทยจากรุ่นสู่รุ่น วัสดุใน
การเล่นเป็นของใกล้ตัว หาได้ง่ายในท้องถิ่นของประเทศไทย มีกติกาการเล่นที่ไม่ซับซ้อน
การเล่นมีความยืดหยุน่ สามารถปรับให้เหมาะสมกับสภาพการณไ์ ด้ และมคี วามเหมาะสมกับวิถีชีวิต
และวัฒนธรรมของท้องถ่นิ
ในการศึกษานี้ การเล่นแบบไทยคือการเล่นข้างต้น ซึ่งผู้วิจัยได้คัดเลือกการเล่นแบบไทย
6 ชนดิ ได้แก่ ตบแปะตามเพลง อตี กั สีซอ (การเล่นเชือกมือ) เป่ายิงฉบุ หมากเก็บ และหมากไม้
1. ทา่ นใช้การเล่นแบบไทยในการให้บริการทางกิจกรรมบำบดั แก่เดก็ หรอื ไม่
ใช้ (ตอบคำถามขอ้ ตอ่ ไป) ไม่ใช้ (ข้ามไปตอบคำถามขอ้ ที่ 4)
2. การเลน่ แบบไทยทใ่ี ชใ้ นการให้บริการทางกิจกรรมบำบัดเพือ่ พฒั นาความคลอ่ งแคลว่ ของมือในเดก็
หมายเหตุ ใหท้ ำเครอ่ื งหมาย √ เพอ่ื ระบคุ วามถขี่ องการใช้การเล่นแบบไทย (ให้ครบทุกข้อ)
เปน็ ประจำ หมายถงึ ใช้การเล่นดังกล่าวทุกครัง้ ในการให้บรกิ าร
บอ่ ยครั้ง หมายถึง ใชก้ ารเลน่ ดงั กลา่ ว 3 ครงั้ ในการใหบ้ รกิ าร 4 ครง้ั
นาน ๆ คร้งั หมายถงึ ใชก้ ารเลน่ ดังกลา่ ว 2 ครง้ั ในการใหบ้ ริการ 4 ครั้ง
บางครงั้ หมายถึง ใช้การเลน่ ดังกลา่ ว 1 ครง้ั ในการให้บรกิ าร 4 ครง้ั
ไม่เคย หมายถึง ไมเ่ คยใชก้ ารเลน่ ดงั กล่าวในการให้บรกิ ารเลย
ความถี่ของการนำการเลน่ แบบไทยไปใช้
ชนดิ ของการเลน่ แบบไทย เป็น บ่อย บาง นาน ๆ ไม่เคย
ประจำ คร้ัง ครัง้ ครัง้
1. ตบแปะตามเพลง
2. อีตกั
3. สีซอ (การเลน่ เชอื กมอื )
4. เป่ายงิ ฉุบ
5. หมากเกบ็
6. หมากไม้
7. อน่ื ๆ โปรดระบุ .........................
8. อน่ื ๆ โปรดระบุ .........................
69
3. ท่านใชก้ ารเลน่ แบบไทยในกระบวนการทางกิจกรรมบำบัดขน้ั ตอนใดบ้าง (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
การประเมิน
การกำหนดเป้าประสงคก์ ารรกั ษา
การวิเคราะหแ์ ละสังเคราะหก์ จิ กรรม
การให้การบำบัดรกั ษาทางกิจกรรมบำบัด
การประเมินผลการบำบดั รกั ษา
การให้คำปรกึ ษาแนะนำ
อน่ื ๆ โปรดระบุ .........................................................................................................
4. ระบุเหตุผลท่เี ป็นอปุ สรรค/ข้อจำกัดตอ่ การใชก้ ารเลน่ แบบไทยในการให้บริการทางกิจกรรมบำบัด
แก่เด็ก (ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ )
ไมม่ ีอปุ กรณก์ ารเลน่ มีขอ้ จำกดั ของสถานที่
กจิ กรรมการเลน่ ไมเ่ หมาะสมตอ่ การบำบดั รกั ษาในกลุ่มผูร้ บั บรกิ ารของทา่ น
อ่นื ๆ โปรดระบุ .........................................................................................................
70
5. ระบุความคิดเหน็ ทท่ี ่านมตี อ่ การใช้การเลน่ แบบไทย 6 ชนดิ ในการให้บริการทางกจิ กรรมบำบดั เพ่อื
พัฒนาความคลอ่ งแคลว่ ของมือในเดก็
หมายเหตุ ใหท้ ่านทำเครอ่ื งหมาย √ ลงในตาราง (ให้ครบทุกข้อ)
ขอ้ ความ มาก มาก ปาน นอ้ ย น้อย
ที่สุด กลาง ทสี่ ดุ
1. วัสดุที่ใช้ประกอบการเล่นมีความ
สะดวก สามารถหาไดง้ า่ ย
2. กติกาการเล่นเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
เหมาะกบั ผูร้ ับบริการเด็ก
3. วิธีการเล่นมีความยืดหยุ่น สามารถ
ประยุกต์รูปแบบให้เข้ากับบริบทของ
ผรู้ บั บรกิ ารเด็กได้
4. ระยะเวลาที่ใช้ในการเล่นมีความ
เหมาะสมต่อการใหบ้ รกิ ารแตล่ ะครงั้
5. ความรู้ความเข้าใจของ
น ั ก ก ิ จ ก ร ร ม บ ำ บ ั ด เ ก ี ่ ย ว กั บ
การเล่นแบบไทยสง่ ผลต่อการใช้หรือไม่ใช้
การเล่นแบบไทยในการให้บริการ
ทางกิจกรรมบำบัดเพื่อพัฒนา
ความคลอ่ งแคลว่ ของมือในเดก็
71
6. ระบุความคิดเห็นของท่านเกี่ยวกับประโยชน์จากการใช้การเล่นแบบไทย 6 ชนิด
ในงานกิจกรรมบำบดั เพอื่ พัฒนาความคลอ่ งแคลว่ ของมอื ในเด็ก
หมายเหตุ ใหท้ ่านทำเครื่องหมาย √ ลงในตาราง (ใหค้ รบทุกขอ้ )
ชนดิ ของการเลน่ แบบไทย
ประโยชนข์ องการเล่นแบบไทย ตบแปะ อตี กั สีซอ เปา่ ยิง หมาก หมากไม้
ตาม ฉบุ เก็บ
เพลง
1. ส ่ ง เ ส ร ิ ม ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น
การทรงท่าขณะทำกจิ กรรม
2. ส่งเสริมการควบคุมการใช้มือ
ของเดก็ (เออื้ ม กำ นำ ปลอ่ ย)
3. ส่งเสริมการทำงานร่ วมกัน
ข อ ง น ิ ้ ว ม ื อ อ ย ่ า ง ม ี ส ห ส ั ม พ ั น ธ์
(finger coordination)
4. พัฒนาสหสัมพันธ์ระหว่างตาและ
มอื (eye-hand coordination)
5. ส่งเสริมการเคลื่อนย้ายวัตถุ
ภ า ย ใ น ม ื อ ( in-hand
manipulation)
6. ส่งเสริมการทำงานของมอื สองข้าง
(bilateral hand use)
7. เพิ่มระดับแรงจูงใจ
(ความสนุกสนานเพลิดเพลิน)
ในการเล่นของเด็กได้
72
7. ระดับความสนใจของท่านในการนำการเล่นแบบไทยที่ยังไม่เคยใช้ มาใช้ในการให้บริการ
ทางกจิ กรรมบำบดั เพ่ือพฒั นาความคล่องแคล่วของมือในเดก็
หมายเหตุ ให้ทำเครื่องหมาย √ เพื่อระบุความสนใจในการนำการเล่นแบบไทยที่ท่านยังไม่เคยใช้
มาใชใ้ นการใหบ้ รกิ ารทางกจิ กรรมบำบดั เพื่อพฒั นาความคลอ่ งแคล่วของมอื ในเดก็
ชนิดของการเลน่ แบบไทย มาก มาก ปาน น้อย ไมส่ นใจ
ทีส่ ดุ กลาง
1. ตบแปะตามเพลง
2. อีตัก
3. สซี อ (การเลน่ เชอื กมอื )
4. เป่ายงิ ฉุบ
5. หมากเก็บ
6. หมากไม้
8. จากการเลน่ แบบไทยชนิดอื่นท่ีท่านใช้ในข้อ 2
1) ท่านมีวิธีใชก้ ารเล่นแบบไทยดงั กล่าวในการใหบ้ รกิ ารแกเ่ ด็กอย่างไร (อธิบายพอสังเขป)
..................................................................................................................................................
2) ขอ้ จำกดั และขอ้ เสนอแนะในการใช้การเลน่ แบบไทยดังกลา่ ว
..................................................................................................................................................
9. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ ..............................................................................................................................
.............................................................................................................................................. ..................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
73
ภาคผนวก ค
รายนามผทู้ รงคุณวฒุ ิ
74
รายนามผูท้ รงคุณวุฒิ
รายนามผทู้ รงคุณวุฒิ 3 ทา่ น ในการตรวจสอบความตรงเชิงเน้อื หา (content validity) ของ
แบบสอบถามการใชก้ ารเล่นแบบไทยในงานกจิ กรรมบำบดั เพือ่ พัฒนาความคล่องแคลว่ ของมอื ในเด็ก
1. คุณพลิ าศิณี สุวรรณ
ตำแหน่ง หัวหน้านักกจิ กรรมบำบดั คลินกิ กิจกรรมบำบดั
ศูนยบ์ ริการเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่
สังกัด มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่
2. รองศาสตราจารยเ์ ทยี ม ศรคี ำจักร์
ตำแหน่ง อาจารยป์ ระจำภาควชิ ากิจกรรมบำบัด คณะเทคนคิ การแพทย์
มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่
สงั กัด มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่
3. ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. จริ นันท์ กรฟิ ฟิทส์
ตำแหน่ง อาจารยป์ ระจำภาควิชากิจกรรมบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์
มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่
สังกัด มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่
75
ภาคผนวก ง
ค่าความเทย่ี งตรงเชงิ เนื้อหาของแบบสอบถามการใชก้ ารเล่นแบบไทย
ในงานกิจกรรมบำบัดเพ่อื พฒั นาความคล่องแคลว่ ของมอื ในเด็ก
76
ผลการตรวจหาค่าความสอดคล้องข้อคำถามกบั วัตถุประสงค์ของแบบสอบถามเพ่ือการวจิ ัย
(Item Objective Index: IOC)
หัวขอ้ การประเมิน ผเู้ ชี่ยวชาญคนท่ี ค่า สรปุ ความ
1 2 3 IOC สอดคลอ้ ง
คำถามการวิจยั ที่ 1
สำรวจการใช้การเล่นแบบไทยเพ่ือพัฒนาความคล่องแคล่วของมอื ในเดก็
1. ท่านใช้การเล่นแบบไทยใน กา ร 1 1 1 1.00 สอดคลอ้ ง
ให้บรกิ ารทางกจิ กรรมบำบัดแกเ่ ด็กหรอื ไม่
2. การเลน่ แบบไทยชนดิ ใดบ้างทีท่ ่านใช้ใน 1 1 1 1.00 สอดคลอ้ ง
การให้บริการทางกิจกรรมบำบัดแก่เด็ก
(พร้อมระบคุ วามถใี่ นการใช้)
3. หากท่านใช้การเล่นแบบไทยอ่ืน 1 0 1 0.67 สอดคลอ้ ง
นอกเหนือจากที่กำหนด ให้เขียนเพิ่ม
(พรอ้ มระบคุ วามถีใ่ นการใช)้
4. ทา่ นใช้การเล่นแบบไทยในกระบวนการ 1 1 1 1.00 สอดคล้อง
ทางกจิ กรรมบำบัดขน้ั ตอนใดบา้ ง
คำถามการวจิ ัยที่ 2
ความคดิ เห็นต่อการใช้และการไมใ่ ชก้ ารเลน่ แบบไทยเพือ่ พฒั นาความคล่องแคลว่ ของมอื ในเดก็
5. ความคดิ เห็นทท่ี า่ นมตี ่อการใช้การเล่นแบบไทยในการให้บรกิ ารทางกิจกรรมบำบดั แกเ่ ดก็
1) วัสดุที่ใชป้ ระกอบการเล่นมีความ 1 1 1 1.00 สอดคล้อง
สะดวก สามารถหาไดง้ า่ ย
2) ก ต ิ ก า ก า ร เ ล ่ น เ ข ้ า ใ จ ง ่ า ย 1 1 1 1.00 สอดคลอ้ ง
ไ ม ่ ซ ั บ ซ ้ อ น เ ห ม า ะ กั บ
ผ้รู ับบรกิ ารเด็ก
3) การเล่นมีความยืดหยุ่น วิธีการ 1 1 0 0.67 สอดคลอ้ ง
เล่นสามารถประยุกต์รูปแบบ
ให้เข้ากับบริบทของ
ผรู้ บั บริการเด็กได้
77
หัวข้อการประเมิน ผู้เชย่ี วชาญคนที่ ค่า สรปุ ความ
1 2 3 IOC สอดคลอ้ ง
4) ร ะ ย ะ เ ว ล า ท ี ่ ใ ช ้ ใ น การเล่น 1 1 1 1.00 สอดคล้อง
มคี วามเหมาะสมต่อการใหบ้ รกิ าร
แต่ละคร้ัง
5) ร ะ ด ั บ ค ว า ม ถ น ั ด ห รื อ 1 1 0 0.67 สอดคล้อง
ความชำนาญของทา่ น ในการนำ
การเล่นแบบไทยมาใช้ในงาน
กิจกรรมบำบัดเพื่อพัฒนา
ความคลอ่ งแคลว่ ของมอื ในเด็ก
6. ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้การเล่นแบบไทย ในงานกิจกรรมบำบัดเพื่อเพื่อพัฒนา
ความคลอ่ งแคล่วของมอื ในเด็ก
1) การเล่นแบบไทยมีส่วนช่วย 0 1 1 0.67 สอดคล้อง
ส่งเสริมการควบคมุ การใช้มือของ
เด็ก (เอื้อม กำ นำ ปลอ่ ย)
2) การเล่นแบบไทยมีส่วนช่วย 0 1 1 0.67 สอดคล้อง
พัฒนาสหสัมพันธ์ระหวา่ งตาและ
มือ (eye-hand coordination)
3) การเล่นแบบไทยมีส่วนช่วย 0 1 1 0.67 สอดคล้อง
ส่งเสริมการเคลื่อนย้ายวัตถุ
ภ า ย ใ น ม ื อ ( in-hand
manipulation)
4) การเล่นแบบไทยมีส่วนช่วย 0 1 1 0.67 สอดคลอ้ ง
ส่งเสริมการทำงานขอ ง มื อ
สองข้าง (bilateral hand use)
5) การเล่นแบบไทยช่วยเพิ่มระดับ 1 1 1 1.00 สอดคลอ้ ง
แรงจูงใจ (ความสนุกสนาน
เพลิดเพลิน) ในการเล่นของ
ผู้รบั บริการเด็กได้
78
หัวขอ้ การประเมนิ ผเู้ ชย่ี วชาญคนท่ี คา่ สรุปความ
1 2 3 IOC สอดคลอ้ ง
7. เหตุผลที่เป็นอุปสรรค/ข้อจำกัดต่อการใช้การเล่นแบบไทยในการให้บริการทางกจิ กรรมบำบดั
แก่เดก็
1) ไม่มีอปุ กรณ์การเล่น 1 1 1 1.00 สอดคลอ้ ง
2) มีขอ้ จำกัดของสถานที่ 1 1 1 1.00 สอดคลอ้ ง
3) กิจกรรมการเล่นไม่เหมาะสมต่อ 1 1 1 1.00 สอดคล้อง
ก า ร บ ำ บ ั ด ร ั ก ษ า ใ น ก ลุ่ ม
ผู้รบั บริการ
4) อนื่ ๆ โปรดระบุ ........................ 1 1 1 1.00 สอดคลอ้ ง
คำถามการวจิ ยั ที่ 3
ความสนใจในการนำการเล่นแบบไทยที่ตนยังไม่เคยใช้ มาใช้เพื่อพัฒนาความคล่องแคล่ว
ของมือในเด็ก
8. ระบรุ ะดับความสนใจในการนำการเล่น 1 1 1 1.00 สอดคล้อง
แบบไทยที่ท่านยังไม่เคยใช้ มาใช้ในการ
ให้บริการทางกิจกรรมบำบัดเพื่อพัฒนา
ความคลอ่ งแคลว่ ของมอื ในเดก็
คา่ IOC รวมทงั้ ฉบบั 0.88 สอดคลอ้ ง
79
ประวตั ิผ้เู ขยี น
80
ชอ่ื -สกลุ ประวตั ิผู้เขยี น
วันเกิด
ภูมลิ ำเนา นางสาวพรพทิ กั ษ์ รัตนศลิ ปพงศ์
การศึกษา 3 เมษายน 2542
182 หมู่ 8 ตำบลเวยี งเหนือ อำเภอปาย จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอน
สถานที่ตดิ ต่อ 2560- ประกาศนยี บัตรช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรยี นปายวิทยาคาร
Email address
อำเภอปาย จังหวดั แม่ฮอ่ งสอน
2564 นกั ศกึ ษาชน้ั ปีที่ 4 ภาควิชากจิ กรรมบำบดั คณะเทคนคิ การแพทย์
มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่
182 หมู่ 8 ตำบลเวยี งเหนือ อำเภอปาย จงั หวัดแม่ฮ่องสอน
[email protected]
81