คมู่ อื ปฏบิ ตั งิ าน
งานกจิ กรรมบาบดั
โรงเรยี นกาวลิ ะอนกุ ลู
สานกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ
สานกั คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
2
คมู่ อื ปฏิบตั ิงานกิจกรรมบาบัด โรงเรียนกาวลิ ะอนกุ ลู
สานักบรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ
ท่ีปรกึ ษา
นายสมศกั ด์ิ ชัยชนะ ผอู้ านวยการโรงเรยี นกาวลิ ะอนุกลู
นางมาลนิ ี วรรณวงศ์ รองผูอ้ านวยการโรงเรยี นกาวิละอนุกูล ฝุายบริหารงานวิชาการ
นางณภทั ร สิงห์สี หัวหนา้ งานฟื้นฟสู มรรถภาพ ปีการศึกษา 2553
เรียบเรยี งและจดั ทาโดย
นางสาววิชติ า เกศะรกั ษ์
หวั หน้างานกิจกรรมบาบัด โรงเรียนกาวลิ ะอนกุ ูล
การอ้างองิ ใดๆ จากเอกสารคู่มือนี้ โปรดอา้ งองิ ดงั นี้
วชิ ติ า เกศะรกั ษ์ (2554.) คูม่ ือปฏิบตั งิ านกิจกรรมบาบดั โรงเรียนกาวลิ ะอนกุ ูล.
เชยี งใหม่.กาวิละอนุกลู .
3
คานา
โรงเรยี นเฉพาะความพิการและศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษหลายแหง่ ไดม้ งี านฟ้นื ฟูสมรรถภาพ
ดา้ นกิจกรรมบาบัด (OCCUPATIONAL THERAPY) เพอ่ื ชว่ ยเหลอื นกั เรยี นในด้านการเรยี นร้แู ละ
การดาเนินชีวิตตามบริบทของสถานศึกษา โรงเรียนกาวิละอนุกูลเป็นโรงเรียนเฉพาะทางสาหรับเด็ก
บ ก พ ร่ อ ง ท า ง ส ติ ปั ญ ญ า แ ห่ ง แ ร ก ท่ี ไ ด้ มี บ ริ ก า ร กิ จ ก ร ร ม บ า บั ด จ า ก ค ณ ะ เ ท ค นิ ค ก า ร แ พ ท ย์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มายาวนานต่อเนื่อง ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2528 และได้เริ่มมีนักกิจกรรมบาบัด
ปฏิบัติงานประจาโรงเรียนในตาแหน่งข้าราชการครูในปี พ.ศ.2540 ซึ่งได้มีการพัฒนางาน
กิจกรรมบาบัดมาจนถึงปัจจุบัน คู่มือน้ีจึงจัดทาข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนาและเผยแพร่งาน
กจิ กรรมบาบดั ของโรงเรียนกาวลิ ะอนุกลู เพอ่ื ประโยชน์ในการปฏิบตั ิงานตอ่ ไป
ผูจ้ ัดทา
สารบญั 4
หัวขอ้ หนา้
4
ความเปน็ มาของงานกิจกรรมบาบัด
โรงเรียนกาวิละอนุกูล
รูปแบบงานกิจกรรมบาบดั โรงเรยี นกาวลิ ะอนกุ ูล 6
แนวทางและวิธกี ารทางกิจกรรมบาบัด 8
การดาเนินงานกจิ กรรมบาบดั 9
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น กจิ กรรมฟื้นฟสู มรรถภาพ ด้านการกระตุ้นพฒั นาการ 14
- กิจกรรมฟน้ื ฟสู มรรถภาพ ด้านการกระตนุ้ พฒั นาการ โรงเรียนกาวลิ ะอนุกลู
- ผงั มโนทัศน์และหน่วยการเรยี นรู้ 17
- ขัน้ ตอนการจัดกิจกรรมฟ้นื ฟสู มรรถภาพ ดา้ นการกระตุ้นพัฒนาการ 20
การประเมินผล 20
-การประเมนิ ผลรายบุคคล
-การประเมินกจิ กรรมฟื้นฟูสมรรถภาพ
- รายงานการดาเนินงาน
บรรณานกุ รม 21
ภาคผนวก 22
แบบฟอร์มงานกิจกรรมบาบัด
แบบฟอร์มรายงานผล
ตวั อย่างแผนการจัดการเรียนรกู้ ลาง
ตวั อย่างอปุ กรณ/์ เคร่ืองมือทางกจิ กรรมบาบดั
-ชดุ อุปกรณพ์ ัฒนาประสาทสัมผสั และการเคล่อื นไหว
-ชดุ อุปกรณพ์ ัฒนาการรับรูแ้ ละการเรยี นรู้
5
ความเป็นมาของงานกจิ กรรมบาบดั โรงเรียนกาวิละอนุกลู
โรงเรียนกาวิละอนุกูลเป็นโรงเรียนเฉพาะความพิการที่ให้บริการแก่เด็กที่บกพร่องทาง
สติปัญญา ออทิสติกและพิการซ้อน มีเปูาหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียนให้สามารถพึ่งพา
ตนเองและสามารถอยู่ในสังคมได้ ซึ่งการให้การศึกษาแก่เด็กดังกล่าว จาเป็นต้องได้รับการดูแลจาก
นกั วชิ าชีพหลายสาขา เช่น นักกิจกรรมบาบัด นักกายภาพบาบัด นักแก้ไขการพูด นักกายอุปกรณ์ ซ่ึง
จัดอยู่ในกลุ่มบริการอื่นใดและการช่วยเหลือทางการศึกษา เพื่อแก้ไขหรือลดปัญหาความบกพร่องที่
เป็นขอ้ จากัดในการเรียนรู้และการดารงชีวิต ทงั้ ในดา้ นรา่ งกาย ด้านจติ ใจ ด้านอารมณ์และสังคม ด้าน
การช่วยเหลือตนเอง และจากนโยบายการศึกษาพิเศษและการประกันคุณภาพการศึกษาในปัจจุบัน
ส่งผลให้มีการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาแก่เด็กพิเศษประเภทต่างๆซ่ึงกลุ่มเด็กพิเศษที่มีความ
บกพร่องทางด้านร่างกาย จิตใจ การรับรู้และสติปัญญาเหล่าน้ี จาเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือทาง
การแพทยใ์ นการใหก้ ารบาบัด แก้ไข ความบกพร่องต่าง ๆ ซ่ึงวิชาชีพกิจกรรมบาบัดเป็นบริการหนึ่งที่
กาหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิของคนพิการในการได้รับส่ิงอานวยความสะดวก ส่ือ บริการ และ
ความช่วยเหลอื อน่ื ใดทางการศึกษา พ.ศ.2550 เพื่อลดข้อจากัดทางการเรียนและเพ่ิมคุณภาพชีวิต ให้
ผูเ้ รยี นสามารถชว่ ยเหลือตนเองไดแ้ ละเป็นภาระแกส่ ังคมนอ้ ยทสี่ ดุ
กิจกรรมบาบดั เป็นวิชาชีพทางการแพทยแ์ ขนงหนึ่ง ที่มบี ทบาทในการฟน้ื ฟูสมรรถภาพเด็กใน
ดา้ นต่าง ๆ จากพระราชกฤษฎกี ากาหนดใหส้ าขากิจกรรมบาบดั เป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.
2545 ไดค้ านยิ ามของวิชาชีพกจิ กรรมบาบดั ไว้ คอื กจิ กรรมบาบัด (Occupational Therapy) หมายความ
ว่า การกระทาเกี่ยวกับความสามารถของบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ การเรียนรู้ และ
การพัฒนาเกี่ยวกับเด็กโดยกระบวนการตรวจ ประเมิน ป้องกัน ส่งเสริมและฟ้ืนฟูสมรรถภาพให้
สามารถทากิจกรรมต่าง ๆ ได้ เพื่อให้บุคคลดาเนินชีวิตได้ตามศักยภาพ โดยการนากิจกรรม วิธีการ
และอุปกรณท์ ี่เหมาะสมมาเปน็ วิธกี ารในการบาบัด
ดังนั้น งานกิจกรรมบาบัดจึงเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือ ฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิเศษใน
โรงเรียนกาวิละอนุกูล และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นจากภาควิชากิจกรรมบาบัด คณะ
เทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นาโดย รองศาสตราจารย์มยุรี เพชรอักษรและคณะ ได้นา
นักศึกษาปริญญาตรี สาขากิจกรรมบาบัด มาฝึกประสบการณ์วิชาชีพในเด็กบกพร่องทางสติปัญญา
ของโรงเรียนกาวิละอนุกูล ต้ังแต่ปีพุทธศักราช 2528 ในช่วงการดารงตาแหน่งของอดีตผู้อานวยการ
พิจิตร จารุเนตร เรื่อยจนมาถึงปัจจุบัน และในช่วงเตรียมการปฏิรูปการศึกษาคร้ังที่ 1 ได้มีความ
ตระหนักถึงความจาเป็นของนักวิชาชีพที่จะต้องให้บริการฟ้ืนฟูบาบัดแก่นักเรียน ที่มีความต้องการ
จาเป็นพิเศษ โรงเรียนกาวิละอนุกูลจึงได้รับโอนย้ายนักกิจกรรมบาบัดจากโรงพยาบาลมาประจาท่ี
โรงเรียนครั้งแรกในปีการศึกษา 2540 ซึ่งในระหว่างน้ีได้มีการจ้างนักกิจกรรมบาบัดทางานใน
สถานศึกษาท้ังศูนย์การศึกษาพิเศษและโรงเรียนเฉพาะทางในฐานะลูกจ้างชั่วคราว และในปี
การศึกษา 2545 ไดม้ กี ารเปดิ สอบบรรจวุ ชิ าชพี กิจกรรมบาบัดในกระทรวงศึกษาธิการเป็นครั้งแรก จึง
ได้มีนักกิจกรรมบาบัดทางานประจาในสถานศึกษาในฐานะข้าราชการครูตั้งแต่นั้นมา ซ่ึงงาน
กิจกรรมบาบัด โรงเรียนกาวิละอนุกูลได้มีเครือข่ายการช่วยเหลือด้านการให้บริการ จากคณะเทคนิค
การแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่อง โดยการเป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษา
ทั้งแบบบางเวลา(ครึ่งวัน)โดยอาจารย์จากภาควิชากิจกรรมบาบัดเป็นผู้ดูแลนักศึกษา และแบบเต็ม
เวลา (ท้งั วนั )โดยบุคลากรครูกิจกรรมบาบดั ของโรงเรียนกาวลิ ะอนกุ ูลเป็นพ่เี ลี้ยงแก่นักศึกษา
6
นักศึกษากจิ กรรมบาบัดชั้นปีท่ี 4 ฝึกประสบการณว์ ิชาชีพ ณ โรงเรียนกาวิละอนกุ ูล
รูปแบบงานกิจกรรมบาบดั โรงเรียนกาวิละอนุกลู
ในปีการศึกษา 2546 โรงเรียนกาวิละอนุกูลมีการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานเป็นคร้ัง
แรก ซึ่งได้กาหนดโครงสร้างของหลักสูตรสถานศึกษาในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้มีงานกิจกรรบาบัด
อยูใ่ นกิจกรรมฟ้นื ฟสู มรรถภาพผูเ้ รียน และให้บรกิ ารแก่นักเรยี นต้ังแต่ระดับอนุบาลและตามแบบช่วง
ชั้น 4 ชว่ งช้ัน ได้แก่
ช่วงช้ันท่ี 1 ชั้นประถมศกึ ษาท่ี 1-3
ช่วงชั้นท่ี 2 ช้นั ประถมศึกษาท่ี 4-6
ชว่ งช้ันท่ี 3 ชนั้ มธั ยมศึกษาที่ 1-3
ช่วงชนั้ ที่ 4 ชนั้ มัธยมศึกษาที่ 4-6
ซง่ึ ในแตล่ ะช่วงชั้นจะกาหนดชั่วโมงกิจกรรมฟ้ืนฟูสมรรถภาพตามความจาเปน็ พเิ ศษของนักเรยี น
โดยมีกจิ กรรมฟนื้ ฟูสมรรถภาพ 4 ด้าน ดังต่อไปน้ี
1.กิจกรรมการพูดและการใชภ้ าษา
2.กิจกรรมกระตุ้นพฒั นาการ (กิจกรรมบาบัด-กายภาพบาบัด)
3.กจิ กรรมศลิ ปะบาบัด
4.กจิ กรรมดนตรบี าบัด
จากแนวทางบรหิ ารจดั การและนโยบายของโรงเรียนกาวิละอนุกูล ดังกล่าวข้างต้น จึงทาให้มีการ
พัฒนารูปแบบงานกิจกรรมบาบัดของโรงเรียนกาวิละอนุกูล โดยได้จัดกิจกรรมให้บริการ 3 รูปแบบ
ดงั นี้
1. การใหบ้ รกิ ารรายบุคคล โดยเน้นการแก้ไข บาบัดทางการแพทยแ์ ก่นักเรยี นเปน็
รายบคุ คล
การกระตุน้ ประสาทสมอง การฝึกกระบวนการรบั รู้
7
2. การให้บริการในส่วนของกจิ กรรมฟืน้ ฟสู มรรถภาพ ซ่งึ เป็นการจดั กจิ กรรมแบบกลมุ่ เน้น
การสง่ เสริมสมรรถภาพ การปรับตัว และทักษะพื้นฐานตามความต้องการจาเป็นในแต่
ละกลมุ่
ส่งเสรมิ การใชก้ ลา้ มเนอื้ มดั เลก็ สง่ เสริมประสาทสัมผสั การทรงตัว
3. การใหค้ าปรึกษา รายงานผลพัฒนาการ การส่งตอ่ ตามความต้องการจาเป็นของนักเรียน
โดยบุคลากรงานกิจกรรมบาบัด รายงานผลพัฒนาการเป็นลายลักษณ์อักษร หรือใหค้ าแนะนา
แกผ่ ้ปู กครองในรายกรณี รวมถึงการให้คาแนะนาส่งต่อนักเรียนแกบ่ ริการอน่ื ๆท่ีเก่ยี วข้อง
เชน่ กายภาพบาบดั ดนตรบี าบัด
การประชมุ ผูป้ กครอง การประชุมรายกรณี
การวางแผนการให้บริการงานกิจกรรมบาบัด จะดาเนินการให้สอดรับกับการวางแผนการจัดทา
แผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individual Education Plan: IEP) โดยมีการประสานงานกับครูประจา
ช้ันและผู้ปกครองและมีการรายงานผลการพัฒนาการแบบรายบุคคล และการรายงานผลการจัด
กิจกรรมกลุ่มตามแนวทางแบบบนั ทึกของกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน
8
แนวทางและวิธีการทางกจิ กรรมบาบัด
การใหบ้ รกิ ารแกไ้ ข บาบัด ในงานกจิ กรรมบาบดั มแี นวทาง ดงั นี้ (Johnson, 1996)
1. Corrective Approach หมายถึง แนวทางการบาบัดท่ีแก้ไขปัญหาพ้ืนฐานด้าน
องค์ประกอบการทากิจกรรม (sensory-motor component) ซ่ึงอ้างอิงหลักการแพทย์ เช่น
เทคนิคทางประสาทพัฒนาการ (neurodevelopment) เทคนิคการบูรณาการประสาท
ความรู้สึก (sensory integration) เทคนิคชวี กลไก (biomechanics) ยกตัวอยา่ ง เช่น
เดก็ ออทสิ ตกิ ท่มี ภี าวะหลกี หนกี ารสมั ผสั (Tactile defensiveness) จาเป็นต้องลดภาวะน้ีโดยใช้
เทคนิคบรู ณาการประสาทความรูส้ ึก โดยการฝึกการรับสมั ผสั แบบตา่ ง ๆ
การลดภาวะหลีกหนกี ารสมั ผัส
การกระต้นุ การรบั สัมผสั ด้วยโลช่นั และแปงู และนวดดว้ ยเคร่อื งสน่ั สะเทอื น
2. Compensatory Approach หมายถึง แนวทางการบาบัดในการชดเชยความสามารถที่
บกพร่องหรือสูญเสียไปของเด็ก ได้แก่ การสอนทักษะเฉพาะ การปรับเปลี่ยนกิจกรรม การใช้
เทคนิคการดัดแปลงสื่ออุปกรณ์ การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม การใช้อุปกรณ์ช่วย เพื่อเพ่ิม
ความสามารถในการทากิจกรรมแก่เด็ก ยกตัวอย่างเช่น การปรับสิ่งแวดล้อมให้เด็กสายตาเลือน
ราง โดยการจดั ไฟให้สว่าง การใช้อปุ กรณ์ชว่ ยตดิ กระดมุ (button hook) ในเด็กสมองพกิ าร
การปรับเปล่ียนกระดุมเป็นแบบแถบหนามเตย ทาให้นักเรียนท่ีมีภาวะส่ันเกร็งติดกระดุมได้เอง
9
การดาเนนิ งานกิจกรรมบาบัด
การดาเนินงานกิจกรรมบาบดั ได้ปฏิบตั ิตามข้อกาหนดแผนงานของโรงเรียน และยดึ หลัก
การประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา โดยมีเปาู ประสงค์ จุดมง่ หมายดังรายละเอยี ด ต่อไปน้ี
งานกจิ กรรมบาบัดสอดคล้องกับมาตรฐานการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา ในดา้ น
ม.4. ผ้เู รียนมีความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ มีวจิ ารณญาณ มีความคิดสรา้ งสรรค์
คดิ ไตรต่ รองและมีวสิ ัยทศั น์
ม.6 ผเู้ รยี นมที กั ษะในการแสวงหาความร้ดู ว้ ยตนเอง รักการเรยี นและพัฒนาตนเองอย่างตอ่ เนื่อง
ม.15 สถานศึกษามีการจดั หลักสตู รและกระบวนการเรียนรทู้ ่ีเน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญ
ม.16 สถานศึกษามกี ารจดั กิจกรรมส่งเสริมผู้เรยี นอยา่ งหลากหลาย
ตวั ชี้วัดท่ี ม.4. ตวั ชีว้ ัดท่ี 4.1 มีความรู้ความสามารถตามทกี่ าหนดไวใ้ นแผนการจัดการศึกษา
เฉพาะบุคคล
ม.6 ตัวช้ีวดั ที่ 6.2 ใฝุรู้ ใฝเุ รยี น สนกุ กับการเรยี นรูแ้ ละพฒั นาตนเอง
ม.15 ตวั ชว้ี ดั ที่ 15.4 มสี ง่ิ อานวยความสะดวกและสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสม
และเอื้อต่อการเรียนรู้ของผเู้ รียนท่ีมคี วามบกพร่องทางสติปัญญา
ม.16 ตัวชว้ี ัดท่ี 16.2 มีการจดั กิจกรรมสง่ เสริมความสามารถทางสตปิ ัญญาของผู้เรยี น
อย่างหลากหลาย
วัตถุประสงคข์ องงานกิจกรรมบาบัด
1. เพ่ือบาบดั แก้ไข ความบกพร่องทางพฒั นาการของนักเรียน
2. เพอ่ื สง่ เสรมิ พฒั นา ความสามารถในการเรยี นรู้ของนกั เรียน
3. เพอื่ ใหค้ าปรกึ ษา ในการพฒั นานกั เรยี นแก่ครู ผูป้ กครอง
เปา้ หมายของงาน
ดา้ นปรมิ าณ นกั เรยี นจานวน 40 คน
ดา้ นคณุ ภาพ นกั เรยี นมีสมรรถภาพด้านการบรู ณาการประสาทความรสู้ ึก การรบั รู้
การเคล่อื นไหว จิตใจ อารมณ์และสตปิ ญั ญาดขี ึ้น
งานกจิ กรรมบาบดั แบ่งการดาเนนิ งานเป็น 3 ส่วน ได้แก่
1.งานบริการบาบัด
2.งานวชิ าการ
3.งานบรหิ ารจดั การ
โดยมีการพรรณนางาน (Job Description) ท้ังสามด้าน ดังนี้
10
1. งานบรกิ ารบาบัด
ให้บริการแก่กลุ่มเด็กพิเศษท่ีอยู่ในระบบการศึกษาที่มีพัฒนาการล่าช้า ได้แก่ เด็ก
บกพร่องทางสติปัญญา เด็กออทิสติก เด็กสมองพิการ หรือ กลุ่มเด็กที่มีปัญหาด้านการบูรณาการ
ประสาทความรู้สกึ และการรับรู้
1.1 การคัดเลอื กเด็กเพ่ือเขา้ รับการรักษา ประกอบด้วยงานตอ่ ไปน้ี
1.1.1 การประเมินนักเรียนในกลุ่มเปูาหมาย เพื่อคัดกรองพัฒนาการ
(Developmental Screening Test) เป็นรายบุคคล โดยใช้
แบบประเมนิ กิจกรรมบาบัด ซึ่งครอบคลมุ หัวข้อต่อไปน้ี
ก. ลักษณะท่มี องเหน็ จากภายนอก (General Appearance)
ข. ซักประวัติการต้ังครรภ์ การคลอด ประวัติการเจ็บปุวย
(Patient History)
ค. ตรวจประเมินทางด้านตอ่ ไปน้ี
- ดา้ นรา่ งกายและการเคลอ่ื นไหว (Motor Function)
- การรับความรูส้ กึ (Sensory Function)
- การรับรแู้ ละการเรียนรู้ (Perceptual Awareness)
- การช่วยตนเองในด้านกิจวัตรประจาวัน (Activity
of Daily Living)
- ด้านอารมณแ์ ละสังคม (Social and Emotional)
- ด้านการใชม้ ือ (Hand Function)
1.1.2 การประเมินเด็กท่ีครูประจาชั้นส่งปรึกษา (Case Consult) และ
เด็กในระดับชน้ั อื่นๆ
- ประเมนิ ทางกจิ กรรมบาบัด
- สังเกตพฤติกรรมในหอ้ งเรียน
- สัมภาษณ์อาจารยป์ ระจาช้นั
1.2 การบาบัดเป็นรายบุคคล
1.2.1 จัดตารางบาบัดรายบุคคล ความถี่ 2 ครั้งต่อสัปดาห์/คน หรือ
ตามความเหมาะสม
1.2.2 วางแผนการรกั ษา ตั้งเปูาประสงค์
1.2.3 จัดเตรียมอุปกรณก์ ารรกั ษา
1.2.4 การให้การรักษา คาบละ 50 นาที หรือตามคาบเวลาท่ีโรงเรียน
กาหนด ซึง่ เวลาการรักษาตอ้ งไมน่ อ้ ยกว่า 30 นาที
- จัดเตรยี มสถานทแ่ี ละอปุ กรณ์
- รบั นกั เรียนจากหอ้ งเรียน
- ให้การบาบดั
- เกบ็ อปุ กรณ์
1.2.5 บันทกึ การรกั ษา
11
1.2.6 ตดิ ตามประเมนิ ผลและประเมินซ้า
1.2.7 การบรกิ ารให้คาปรกึ ษาแกผ่ ปู้ กครอง คณาจารย์ บุคคลท่ัวไปใน
เรือ่ งตอ่ ไปน้ี
- การแก้ไขปัญหาทเ่ี ก่ยี วข้องทางกจิ กรรมบาบดั
- การจดั สภาพแวดลอ้ มแกเ่ ด็ก
- การนาโปรแกรมไปฝกึ ต่อทบ่ี า้ น
- อืน่ ๆ
1.3 การบาบดั เปน็ รายกลมุ่
1.3.1 กลุ่มการฝึกด้านประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ (Sensory motor
integration)
ก. การจดั เตรียมสถานท่ี
ข. การจัดเตรียมอุปกรณ์
ค. การฝกึ ดา้ นตา่ งๆ เช่น
- กลา้ มเน้อื
- ประสาทสัมผัส
- การรับรู้
- อารมณแ์ ละสังคม
ง. การจัดเก็บอปุ กรณ์ สถานที่
จ. การบนั ทึกกจิ กรรม
*การบรกิ ารสง่ ตอ่ แก่ผเู้ ชยี วชาญอ่ืนๆ เชน่
- นักกายภาพบาบดั
- นกั อรรถบาบัด
- นักกายอุปกรณ์
- แพทย์
- ฯลฯ
* การเยี่ยมบา้ น
- แนะนาการปรับส่งิ อานวยความสะดวก
- ศึกษาสภาพแวดลอ้ มของเด็ก
- ติดตามโปรแกรมการรักษา
*การรว่ มกจิ กรรมอน่ื ๆ ในชน้ั เรียน
- การทศั นศึกษานอกสถานที่
- การเยีย่ มบ้าน
- กิจกรรมวนั สาคัญทางราชการและวันสาคญั ทางศาสนา
** งานในหน้าท่อี น่ื ทไี่ ด้รบั มอบหมาย
ขนึ้ อยู่กับสถานศกึ ษา เชน่ งานเวรยาม งานสขุ อนามยั งานการเงิน งานพสั ดุ ฯลฯ
2. งานวชิ าการ
12
2.1 เก็บขอ้ มลู ทางสถิตขิ องเด็กท่ีให้บรกิ ารรกั ษาและสง่ ต่อ
2.1.1 จดั ทาแบบฟอรม์ การประเมิน แบบฟอรม์ การรกั ษา
การรายงานทางกิจกรรมบาบัด
2.1.2 รวบรวมสถติ ิเพือ่ การวิเคราะห์
2.1.3 จัดทารายงานประจาปี หรอื สรปุ ผลการดาเนนิ งานในรอบปี
2.1.4 การบันทึกประวตั ผิ ูป้ วุ ยรายบุคคล
2.2 วางแผนการดาเนนิ งาน
จัดทาโครงการวางแผนระยะส้ัน ระยะยาว
2.2.1 เสนอโครงการ
2.2.2 ปรบั ปรุงและดาเนนิ การตามแผน
2.2.3 การวางแผนการรบั – ส่งผปู้ วุ ย
2.2.4 **การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ หรือแผนการสอนตาม
ระเบียบของหน่วยงาน
2.3 ส่งเสริมและเผยแพร่งานกิจกรรมบาบดั ประกอบดว้ ยงานดงั นี้
2.3.1 แนะนาและอธบิ ายการดาเนินงานของกจิ กรรมบาบัด
2.3.2 ทาเอกสารประชาสัมพันธ์
2.3.3 บริการวชิ าการ
2.4 งานคน้ ควา้ และการวิจัย
2.4.1 การศึกษาวารสาร ความกา้ วหน้าทางการแพทย์ทีเ่ ก่ียวข้อง
2.4.2 การศกึ ษาวิจัย ศกึ ษาแนวทางการพัฒนาการให้การรักษา
2.4.3 การผลติ เอกสารวิชาการ
2.5 การประชมุ วางแผนการรกั ษาร่วมกับผู้ปกครอง ครูประจาช้นั
(แผนการศกึ ษาเฉพาะบคุ คล IEP)
3. งานบริหารจดั การ
3.1 การขออนุมัติจัดหา วัสดุ – ครภุ ัณฑ์ และเบกิ จ่ายเงนิ ยืม
- การสารวจแหลง่ ทรพั ยากร
- การสารวจราคา
- การเลอื กซื้อวสั ดุอุปกรณ์ใหต้ รงตามความต้องการ
- การเสนอแกฝ่ าุ ยวิชาการและพัสดุ
- การควบคมุ การใชจ้ ่ายตามแผนงาน
3.2 เสนอเร่ืองพจิ ารณาและรา่ งโตต้ อบ
- เสนอโครงการ จดั แฟูมเสนอใหฝ้ ุายวิชาการ ผูบ้ ริหาร
- ผ้บู ริหารส่ังการ
- ดาเนินการตามคาสั่งและร่างโตต้ อบ เช่น ส่งให้หน่วยงานที่เกีย่ วข้อง
3.3 ตดิ ตามเร่อื งและประสานงาน
3.4 จดั เก็บเอกสาร
- จัดเกบ็ เข้าแฟูมเอกสารตามประเภทของเอกสารนัน้ ๆ
3.5 พิมพ์เอกสารและร่างเอกสาร
13
- พมิ พ์เอกสารหรอื รา่ งเอกสาร
- ตรวจทานแกไ้ ขงานพิมพ์ที่เก่ียวขอ้ ง
3.6 ทาสาเนาเอกสาร
- การถ่ายเอกสารสาเนาคาสัง่ เอกสารราชการท่เี กี่ยวข้อง
3.7 การบนั ทกึ รับ – สง่ ผรู้ ับบรกิ าร (นกั เรียน)
3.8 ตรวจสอบและตรวจรับวสั ดุ – ครุภณั ฑ์
- สารวจและตรวจสอบครภุ ณั ฑ์ประจาปี
- ตรวจรบั พัสดุ – อุปกรณ์
- บนั ทึกรายการอปุ กรณ์
- ควบคุมและบารงุ รักษาวัสดุ - ครภุ ณั ฑ์
3.9 อาคารสถานท่ี ประกอบด้วย
- ดูแลและทาความสะอาดสถานท่ี ทีใ่ ชใ้ นงานกิจกรรมบาบัด
- บารงุ รกั ษาสถานทใ่ี ห้เรียบร้อยอยเู่ สมอ
- ดแู ลควบคมุ ตรวจสอบ เครอ่ื งปรบั อากาศ ไฟฟูา ครุภณั ฑ์
- ประสานงานกบั งานที่เก่ยี วข้อง
3.10 การขอบริจาคสือ่ วสั ดุ อุปกรณ์
- ตดิ ต่อแหลง่ บรจิ าค
- รบั บริจาคโดยประสานงานกับงานพสั ดุของโรงเรียน
3.11 การอานวยความสะดวกในการคน้ ควา้ วิจยั แกน่ กั ศกึ ษา
/ บุคคลอื่นๆ
3.12 การบริหารบุคคล
- การปฏบิ ัติงาน
- การอบรมและพฒั นาบุคลากร
3.13 การบารุงรกั ษาทรัพยากร
- การสารวจอุปกรณท์ ชี่ ารดุ
- การเสนอเร่ือง
- การติดต่อและสง่ ซ่อมแซม
3.14 การเป็นวิทยากร เพื่อเผยแพร่ความรู้
- การจัดทาสอ่ื ความรู้แบบตา่ งๆ เช่น งานนาเสนอ การจดั ทาเอกสาร
บทความ
- การประสานงานผู้ทเ่ี กี่ยวข้อง
3.15 การจัดทาสือ่ – อุปกรณ์ เพ่อื การบาบดั รักษาและการเรยี นรู้
3.16 การรับนกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ิชาชพี
- การจดั เตรียมการนิเทศงานแก่นักศึกษากจิ กรรมบาบดั
- การสอนและใหค้ าแนะนาในการปฏิบัตงิ านแก่นักศกึ ษากจิ กรรมบาบดั
14
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น
กจิ กรรมฟ้นื ฟูสมรรถภาพ ด้าน การกระตุ้นพัฒนาการ
(กจิ กรรมบาบดั -กายภาพบาบัด)
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมีเปูาหมายให้นักเรียนได้พัฒนาตนเองอย่างรอบด้านตามศักยภาพ
ตามความสนใจ ความถนัด ความต้องการ เหมาะสมกับวัยและวุฒิภาวะ โดยสามารถจัดกิจกรรมได้
หลากหลายรูปแบบและวิธกี าร (สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา ,2551) โดยหลักการดังกล่าว
โรงเรยี นเฉพาะความพิการจึงได้จัดกิจกรรมฟ้ืนฟูสมรรถภาพ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
เนอื่ งจากนักเรยี นท่มี ีความบกพร่องทางสติปัญญา และออทิสติก จะมีศักยภาพที่เบี่ยงเบนไปจากเด็ก
ปกติ ซึ่งในปีการศึกษา 2548 โรงเรียนกาวิละอนุกูล ได้ขยายงานฟ้ืนฟูสมรรถภาพให้มีการจัดการ
เรยี นการสอนทกุ ช่วงช้ัน จึงไดม้ ีการจดั ทาคู่มือแนวทางการจดั กจิ กรรมฟื้นฟูสมรรถภาพในด้านต่าง ๆ
โดยงานกิจกรรมบาบัด ได้เป็นส่วนหน่ึงของงานฟ้ืนฟูสมรรถภาพและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดย
มงุ่ หวงั ใหน้ ักเรยี นไดร้ บั การบรกิ ารกจิ กรรมฟ้นื ฟสู มรรถภาพเพ่ือพฒั นาศกั ยภาพอยา่ งทว่ั ถงึ
การนางานวชิ าชีพกิจกรรมบาบดั มาจดั ทาเปน็ โครงสร้างการเรยี นร้เู ปน็ ส่งิ ทีท่ าได้อยา่ งยงิ่
เนอื่ งจากมคี วามเฉพาะทาง ซึ่งเป็นการแก้ไข บาบัด ตามปัญหาเฉพาะของแต่ละบคุ คล การจัดทาเป็น
โครงสร้างการเรียนร้อู าจไมส่ ามารถครอบคลมุ รายละเอียดการปฏิบัติไดค้ รอบคลมุ ท้ังหมด
หวั หน้างานกจิ กรรมบาบัดจงึ ไดศ้ ึกษา ค้นคว้า หาแนวทาง การจัดโครงสรา้ งการเรยี นรู้ โดยได้
ประยุกตแ์ ละดัดแปลงมาจากขอบข่ายงานกิจกรรมบาบัดในเดก็ พเิ ศษ จากคู่มืองานกิจกรรมบาบัดใน
สถานศกึ ษาของตา่ งประเทศ ชอื่ American Occupational Therapy Association(1989).
Guidelines for Occupational Therapy services in School Systems โดยปรบั ใหส้ อดคล้อง
กับรูปแบบการจัดทาโครงสร้างการเรยี นรู้ คือ ช่ือกิจกรรม ผงั มโนทัศน์ และหนว่ ยการเรียนรู้ โดย
ไดม้ กี ารปรบั เปล่ียนชอื่ กจิ กรรมใหส้ อดคล้องกบั ลักษณะกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน จากชือ่ งาน
กิจกรรมบาบดั เปน็ กจิ กรรมกระต้นุ พฒั นาการ ทั้งน้ี เพ่อื ให้สามารถสื่อภาพความเข้าใจในการจัด
กิจกรรม อันเป็นไปเพอ่ื กระตุ้น สง่ เสริมพัฒนาการทักษะพนื้ ฐานของนกั เรียน โดยได้รวมงาน
กายภาพบาบดั ไว้ด้วย เนือ่ งจากมีลกั ษณะงานใกล้เคียงกันและเพ่ือการพัฒนางานกายภาพบาบัดได้
ตอ่ ไป
แนวทางการจัดกิจกรรม
การจัดกิจกรรม กจิ กรรมฟนื้ ฟสู มรรถภาพ ดา้ น การกระตุ้นพัฒนาการ ยงั ต้องอาศัย
กระบวนการทางกิจกรรมบาบัดเป็นแนวทาง ตั้งแต่การคัดกรองความสามารถนักเรียน การประเมิน
การระบุปัญหา การวางแผนจัดกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาของนักเรียน และการรายงานสรุปผล ท้ังน้ี
นอกจากการจัดกิจกรรมต้องคานึงถึงความต้องการจาเป็นของนักเรียนแล้ว ยังขึ้นอยู่กับทรัพยากร
อุปกรณแ์ ละกาลงั คนในการจัดกจิ กรรมให้ไดอ้ ย่างสอดคล้องกบั หลักการและมีประสทิ ธภิ าพ
การจัดกิจกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพ ด้านการกระตุ้นพัฒนาการ สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความ
ต้องการจาเป็นของนักเรียน เช่น การจัดกลุ่มฝึกการเขียน (Hand writing group) กิจกรรมฝึกการ
ทรงตัว (balance activity group) อย่างไรก็ตาม โรงเรียนกาวิละอนุกูลได้จัดกิจกรรมมาอย่าง
ต่อเนื่องกวา่ 8 ปี จงึ มรี ูปแบบการจัดกจิ กรรมให้สอดคล้องกับปัญหาของนักเรียนและทรัพยากรที่มีอยู่
คือ กิจกรรมส่งเสริมประสาทสัมผัสและการเคล่ือนไหว การใช้มือและการรับรู้ และการใช้เทคโนโลยี
กระตุ้นประสาทการรับรู้ทีห่ ลากหลาย โดยจัดกจิ กรรมทงั้ สามสว่ นบูรณาการในหนง่ึ คาบ
15
กจิ กรรมฟืน้ ฟูสมรรถภาพ ดา้ นการกระตนุ้ พัฒนาการ โรงเรยี นกาวลิ ะอนุกูล
ประกอบด้วยกิจกรรม 3 ส่วน คอื
1. กิจกรรมฝกึ ประสาทสัมผัสและการเคล่ือนไหว (Sensorimotor) เปน็ กจิ กรรมที่สง่ เสรมิ ระบบ
ประสาทการรับรู้ การทรงตัว การทรงทา่ การเคล่ือนไหว สาหรบั นักเรยี นที่มีความบกพรอ่ ง ในด้าน
สมรรถภาพทางกาย เชน่ การทรงตัว การทรงทา่ การรกั ษาสมดุลของร่างกาย การเคล่ือนไหวที่
งมุ่ งา่ ม ซงึ่ มกั พบในกลุ่มเดก็ ดาวนซ์ ินโดรม และกลมุ่ เด็กบกพร่องทางสตปิ ัญญา
2. กิจกรรมฝกึ การใช้มือและการรบั รู้ (hand function & perception)
กิจกรรมฝึกการใชม้ อื และการรับรู้ เป็นบทบาทหลักของนักกิจกรรมบาบัด ซ่งึ ทักษะนี้เป็นพ้นื ฐาน
ในการสง่ เสรมิ ความสามารถในการเรยี นร้ขู องนักเรียน โดยการจดั กจิ กรรมจะใช้อปุ กรณ์ฝกึ การรับรู้
ของเลน่ เสริมพัฒนาการต่าง ๆ มาเปน็ สื่อในการพัฒนาทกั ษะแก่นกั เรยี น
3. กจิ กรรมเทคโนโลยีกระตุ้นประสาทการรับรู้ท่ีหลากหลาย (Multisensory room)
คอื การใชเ้ ทคโนโลยีแสง สี เสียง และกล่ิน มาจัดสภาพแวดล้อมหรอื สรา้ งบรรยากาศเพ่ือกระตุ้น
สง่ เสริมการรับรูป้ ระสาทสมั ผัสทห่ี ลากหลาย ท้ังดา้ นการมองเหน็ การได้ยิน การรบั สัมผัสทางกาย
16
กิจกรรมฟน้ื ฟูสมรรถภาพ ช่วงช้นั 1
กิจกรรมฝกึ ประสาทสมั ผสั การทรงตัว กิจกรรมฝึกกลา้ มเนอ้ื มดั เล็กและการรับรู้
กจิ กรรมกระตุ้นการรบั รู้ดว้ ยวิธี Multisensory
กจิ กรรมฟน้ื ฟูสมรรถภาพ ช่วงชน้ั 2
กจิ กรรมฝกึ กลา้ มเนื้อมัดเลก็ และสมาธิ กิจกรรมฝึกประสาทสัมผัสการเคล่อื นไหว
ชว่ งช้ัน 3
กจิ กรรมฝึกประสาทสมั ผสั ทางกาย กิจกรรมฝกึ สมาธแิ ละประสาทสมั ผสั
กจิ กรรมกระต้นุ การรับรู้แบบผอ่ นคลายดว้ ยวิธี Multisensory
17
ผังมโนทัศน์ และหนว่ ยการเรยี นรู้
ช่ือกิจกรรม กจิ กรรมฟื้นฟสู มรรถภาพ ด้านการกระตุน้ พฒั นาการ
(กจิ กรรมบาบดั -กายภาพบาบัด)
กิจกรรมการกระตุ้นพฒั นาการ คือ กจิ กรรมการแก้ไข บาบดั ฟน้ื ฟู และส่งเสรมิ
พัฒนาการ ดา้ นทักษะพื้นฐาน ความสามารถในการทากิจกรรม การสอื่ สาร การเรยี นรู้ ทักษะทาง
สังคม และการทากจิ วัตรประจาวนั แกน่ ักเรียนทมี่ ีความต้องการจาเป็น โดยการใชว้ ิธีการทาง
กจิ กรรมบาบดั และ/หรือกายภาพบาบดั ในการคัดกรอง ประเมนิ ความสามารถ การใชก้ จิ กรรมการ
รกั ษา การติดตามและรายงานผล เพือ่ ให้นักเรียนสามารถประกอบกจิ กรรมในชวี ติ ประจาวนั ได้
ตามศกั ยภาพ
ผังมโนทศั น์ การฟน้ื ฟสู มรรถภ
1.ทักษะพนื้ ฐานทส่ี ่งผลตอ่ การเรยี นรู้ กา
ช
-การใชม้ อื
-การรบั รู้ (มติ สิ ัมพนั ธ์ ตาแหนง่ ของวตั ถุ การรบั รู้ทางสายตา ( กจิ
-สมาธแิ ละการควบคมุ ตนเอง
-การฝึกการจัดตาแหน่งร่างกาย
-การฝึกเคลือ่ นย้ายตนเอง
-การฝึกปรบั ตัวต่อสภาพแวดล้อม
-การฝกึ การใช้อปุ กรณช์ ่วย- อุปกรณเ์ สริม
2.ทกั ษะความสามารถในการทากิจกรรม
(การ(กทาารงทานางากนารกเารรียเนรยี นกากราใรชใเ้ชว้เลวาลวาา่วง่า)ง)
-การนาอุปกรณ์ชว่ ย /อุปกรณเ์ สรมิ ไปใช้
-การจดั ตาแหน่งร่างกายในการทากจิ กรรม
-การปรบั ตวั ต่อสภาพแวดล้อม
-การใชม้ ือในการทากิจกรรม
3.ทกั ษะการสอ่ื สาร
- การเคลื่อนไหวอวยั วะในชอ่ งปาก
- กระบวนการสือ่ ความหมาย
- การใชอ้ ุปกรณช์ ่วย
- การรบั ร-ู้ ความเขา้ ใจ
- สมาธิและการควบคมุ ตนเอง
ภาพ ด้าน การกระตนุ้ พฒั นาการ
4.ทกั ษะทางดา้ นสงั คม
- ความเชอ่ื มั่นในตนเอง
- การใชแ้ ละรบั รู้ภาษาท่าทาง
- การรบั รู้
- ความเข้าใจ
- สมาธิและการควบคุมตนเอง
ารกระตุน้ พัฒนาการ
ชว่ งอายุ 6-15 ปี
จกรรมบาบดั -กายภาพบาบัด)
5.ทกั ษะด้านกจิ วตั รประจาวัน
- การดูด การกลืน การเคี้ยว การรับประทานอาหาร
- การเคล่ือนยา้ ยตนเอง
- การปรบั ตัวต่อสภาพแวดล้อม
- สมาธแิ ละการควบคมุ ตนเอง
- การใช้มือ
หนว่ ยท่ี หนว่ ยการเรยี นรู้ จานวนคาบ
1 ตามศกั ยภาพของ
ช่อื เรื่อง นักเรยี น
2
ทกั ษะพนื้ ฐานทีส่ ่งผลตอ่ การเรยี นรู้ ตามศักยภาพของ
3 -การใช้มอื นกั เรยี น
4 -การรับร(ู้ มติ สิ มั พันธ์ ตาแหน่งของวัตถุ การรับรู้ ทางสายตา)
5 -สมาธแิ ละการควบคมุ ตนเอง ตามศักยภาพของ
-การฝกึ การจัดตาแหนง่ รา่ งกาย นกั เรียน
-การฝกึ เคลื่อนยา้ ยตนเอง
-การฝึกปรบั ตวั ตอ่ สภาพแวดลอ้ ม ตามศักยภาพของ
-การฝกึ การใช้อุปกรณ์ชว่ ย- อปุ กรณ์เสรมิ นกั เรยี น
ทกั ษะความสามารถในการทากิจกรรม ตามศกั ยภาพของ
(การทางาน การเรยี น การใชเ้ วลาว่าง) นักเรียน
-การนาอปุ กรณช์ ว่ ย /อุปกรณ์เสรมิ ไปใช้
-การจดั ตาแหนง่ รา่ งกายในการทากจิ กรรม
- การปรบั ตัวตอ่ สภาพแวดลอ้ ม
- การใชม้ อื ในการทากจิ กรรม
ทักษะการส่ือสาร
- การเคล่อื นไหวอวัยวะในช่องปาก
- กระบวนการสอ่ื ความหมาย
- การใชอ้ ุปกรณช์ ่วย
- การรบั ร-ู้ ความเข้าใจ
ทักษะทางดา้ นสงั คม
- ความเช่อื ม่ันในตนเอง
- การใชแ้ ละรับร้ภู าษาท่าทาง
- การรับรู้
- ความเข้าใจ
- สมาธิและการควบคมุ ตนเอง
ทักษะดา้ นกจิ วตั รประจาวัน
- การดดู การกลืน การเค้ียว การรับประทานอาหาร
- การเคล่ือนยา้ ยตนเอง
- การปรบั ตัวต่อสภาพแวดลอ้ ม
- สมาธแิ ละการควบคุมตนเอง
- การใช้มอื
20
ขัน้ ตอนการจดั กจิ กรรมฟน้ื ฟูสมรรถภาพ ด้านการกระตนุ้ พัฒนาการ
1.สารวจนกั เรยี นทม่ี ีความบกพรอ่ งเพ่ือเข้ารับการฟ้ืนฟูสมรรถภาพดา้ นการ
กระต้นุ พัฒนาการ
2..ประเมินความสามารถพนื้ ฐานของนักเรยี น
3.วางแผนการจัดกิจกรรม จัดเตรียมสอื่ อุปกรณ์
4.จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนเป็นกลุ่มตามชว่ งช้นั
5.บนั ทกึ ผลการจัดกิจกรรม
6.ประเมินและรายงานผลสัมฤทธิข์ องนักเรยี น
การประเมนิ ผล
การประเมินพัฒนาการนกั เรียนที่ไดร้ บั บริการกิจกรรมบาบัด มสี องส่วน คอื การประเมิน
รายบุคคล สาหรบั นักเรยี นที่ได้รบั ริการแก้ไข บาบัดรายบคุ คล และการประเมินกิจกรรมฟืน้ ฟู
สมรรถภาพ ด้านการกระตุ้นพฒั นาการ ตามหลกั การการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น
1. การประเมินรายบุคคล เป็นการประเมินพัฒนาการหลังจากท่ีนักเรียนได้รับการบาบัดมา
ระยะหนึ่ง โดยอาจกาหนดเป็นภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง ซึ่งจะสอดคล้องกับการรายผลการจัด
การศึกษาเฉพาะบุคคล หรือการรายงานผลการเรียนประจาภาค การรายงานจะเป็นการรายงาน
ข้อมลู เชงิ คุณภาพ เพอ่ื ให้สามารถมองเห็นพฤติกรรมท่ีพัฒนาข้ึนของผู้เรียน โดยกระบวนการรวบรวม
ข้อมูลเชิงปริมาณในการประเมินทางคลินิก สามารถนามารายงานประกอบได้ โดยแบบฟอร์มการ
รายงานจะมีรปู แบบตามกรอบอ้างอิงทางกจิ กรรมการบาบดั และครอบคลุมทักษะพฒั นาการ
2. การประเมินผลกิจกรรม กิจกรรมฟ้ืนฟูสมรรถภาพ ด้านการกระตุ้นพัฒนาการ ใช้หลักการ
เดียวกันกับการประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยตัดสินผลจากเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรม และ
การผา่ นวตั ถุประสงค์ทก่ี าหนด โดยระบุว่า ผ่าน และไม่ผ่าน ซึ่งการรายงานในรูปแบบนี้จะควบคู่ไป
กับการบนั ทึกหลงั การจัดกจิ กรรม จึงจะทราบความสามารถท่ีพฒั นาข้ึนของผ้เู รยี นได้
การรายงานผลการดาเนินงาน
งานกิจกรรมบาบัด โรงเรียนกาวลิ ะอนุกลู จะจดั ทารายงานผลการดาเนินงาน ปีการศึกษาละ 1
ครง้ั เพ่อื รายงานดา้ นขอ้ มลู สารสนเทศตาง ๆ เช่น กจิ กรรมทีด่ าเนินการในหน่งึ ปีการศึกษา ผลการ
จดั หาสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ผลการพัฒนานักเรียน ปญั หาและอปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข ที้งนี้เพ่ือใช้
เป็นขอ้ มูลในการวางแผนและพฒั นางานต่อไป
21
บรรณานกุ รม
1. โรงเรียนกาวิละอนุกูล (2548) .ค่มู ือปฏิบตั ิงานฟื้นฟูสมรรถภาพ.กาวลิ ะอนุกูล
2. สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2551).แนวทางการจดั กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น ตาม
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551.กระทรวงศึกษาธิการ
3.วชิ ติ า เกศะรกั ษ์. (2551). การศึกษาเชงิ ปรากฏการณ์วทิ ยาประสบการณ์การทางาน
ของนักกจิ กรรมบาบดั ในสถานศึกษา.วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต (กิจกรรมบาบดั )
ไมไ่ ด้รบั การตีพิมพ์.มหาวิทยาลยั เชียงใหม่.
4.สภุ าพร ชินชยั , วรรณภิ า บญุ ระยอง, จนัญญา ปัญญามี. (2543). หลกั การทางกิจกรรมบาบดั .
เชียงใหม่, มหาวิทยาลยั . ภาควชิ ากิจกรรมบาบัด : คณะเทคนคิ การแพทย์.
5. American Occupational Therapy Association. (1989). Guidelines for
Occupational Therapy services in School Systems. Maryland : Author
6.Case-Smith,J.& Rogers, J. (2005). School based occupational therapy. In J. Case-
Smith (Ed.), Occupational Therapy for Children (pp795-822) .(5th ed). St Louis,
Mosby
7. Johnson, J. (1996). School based occupational therapy. In Case-Smith,J., Allen .A.S
& Pratt, P.N. (Ed.), Occupational Therapy for Children (pp 693-716).(3rd ed.). St
Louis: Mosby.
8.Illinois State board of Education. (2003). Recommended practices for
Occupational And physical Therapy services in Illinois School. Illinois:
Author
9.State of Connecticut Department of Education.(1999). Guidelines for Occupational
Therapy in Educationa lSettings. Connecticut: Author.
22
ภาคผนวก
23
แบบสังเกตพัฒนาการดา้ นประสาทสมั ผัสและการเลอื่ นไหว
ช่ือนกั เรยี น ......................................ช้นั ....................................
วนั ที่สังเกต....................................ผู้สังเกต........................................
โปรดอ่านคาถามต่อไปนแ้ี ละใสเ่ ครื่องหมาย ในชอ่ ง
1.พฤติกรรมด้านการเคล่อื นไหว
ก.ลักษณะทางกายภาพ
1. ความพิการผิดรปู ท่สี งั เกตได้ ไม่มี มี
2. ขนาด-รูปร่าง ปกติ ไมป่ กติ อืน่ ๆ...........................
3. ความสัมพนั ธ์ของน้าหนกั ส่วนสงู ปกติ ไมป่ กติ
ข. กิจกรรมการเคลื่อนไหว
1.เด็กสามารถเคลื่อนย้ายตนเองไปเลน่ ยงั อีกท่ีได้ดว้ ยตนเอง
2.เด็กเริ่มตน้ การเคลื่อนไหวอยา่ งไรระหวา่ งการเลน่
คลาน คบื เดิน ใชเ้ คร่ืองชว่ ยอน่ื ๆ.....................................
3.เด็กเคลอ่ื นไหวมากหรือน้อยเม่ือเทียบกบั เดก็ อื่นๆ
4.ท่าทางของเด็กเป็นอยา่ งไร งุม่ ง่าม คล่องแคลว่
อน่ื ๆ.............................................................
5. มกี ารเคลอื่ นไหวแบบแปลกๆ เชน่ มือหงิก มือแอ่น ทาท่ารา ปรากฏให้
เหน็ เป็นชว่ งๆ
ค.ความตงึ ตวั ของกลา้ มเนอื้
ดูออ่ นปวกเปยี กไม่แข็งแรง
มลี ักษณะพุงยื่นเดินขากาง ชอบนัง่ เปน็ รูปตวั W
ยนื หรอื เดนิ ด้วยปลายเทา้
เมอ่ื เคลอื่ นไหวดูรา่ งกายแข็งท่ือ
เวลาน่ังพกั แขนหรอื ขาเกรง็ มือหงิก
ง.ความแข็งแรงและทนทาน
1.เด็กมที า่ ทางเหนือ่ ยล้าง่าย
2. มอี าการต่อไปน้ีเมอื่ ทากิจกรรม
- หน้าแดง หายใจลาบาก
- ปากหรอื เล็บเขยี วคล้า
2.พฤตกิ รรมการรับสมั ผัส
ก.การรบั สมั ผสั
การตอบสนองตอ่ การสัมผัส ปกติ มากกว่าปกติ นอ้ ยกว่าปกติ
แสดงอาการมีความสุขเมอ่ื ได้รับการสมั ผัส
รูส้ กึ ไม่สบายหรือกลัวเม่ือได้รับสัมผสั เชน่ ถอยหนี โวยวาย
เลน่ ของเล่นท่ีมผี ิวสมั ผัสตา่ งๆไดน้ าน
24
ข. ประสาทการเคล่ือนไหว
รสู้ กึ สนกุ สนานเมอ่ื เคล่อื นไหว
หลกี เลย่ี งการเคลอื่ นไหว ชอบอย่นู ิ่งๆ
ค .การไดย้ ิน
ชอบฟงั เสียงเพลง เสียงของเล่น
ไม่ชอบเสยี งต่างๆ แสดงอาการกลัว วติ กกังวล ตกใจงา่ ย
ทาท่าเหมือนคนหหู นวก
จ. การมองเหน็
เด็กหลีกเลีย่ งท่จี ะมองวัตถุ
เดก็ จ้องวัตถุนาน
เดก็ สนใจของเล่น หรือสิ่งเรา้ ทางสายตา
3. สมาธแิ ละความสนใจ
ชว่ งความสนใจเฉล่ยี ................นาที
กิจกรรมใดทไ่ี มส่ นใจ หรอื วอกแวกง่าย.
............................................................................................................................. ..
...............................................................................................................................
กจิ กรรมท่ีชอบหรอื ทาได้นาน
............................................................................................................ .................
............................................................................................................................. ..
สรุปการประเมนิ
................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...
.................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....
25
แบบประเมนิ ทวั่ ไปทางกจิ กรรมบาบัด
ช่ือ……………………………………. อายุ ………………………..ช้ัน…………………………
วนั ทป่ี ระเมนิ ……………………………………………………………………………………….
1.General appearance
……………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
2.Motor Function
-sequence of development
: Gross Motor
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………
: Fine Motor
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
:Reflex………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
Muscle Tone
:UE…………………………………………..LE………………………………………………….
Postural Tone………………………………………………………………………………………
Muscle strength
:UE…………………………………………..LE………………………………………………….
Balance.
………………………………………………………………………………………………………
3.Sensation ใส่ N = normal , I= impaired , L = loss
light touch pressure pain & temperature kinesthesia proprioceptive
กา / ถา้ พบภาวะต่อไปน้ี
hypersense hyposense short attention span hyperactive distractivity
stereotyped movement
4.Perceptual and intellectual Function
-Visual Perception
Eye Contact …………………………….. Eye-following…………………………..
26
Eye-hand coordination……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
From constancy…………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………
Figure ground……………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………
Position in space……………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
Spatial Relation………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
-Auditory perception
perceive sound localized sound discriminative sound
……………………………………………………………………………………………………
-Body awareness
Body scheme Body image Body function
………………………………………………………………………………………………………
-Motor Planning…………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………
praxis……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………
- Problem solving…………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
-Attention span……………………………………………………………………………………..
-language
receptive…………………………………………………………………………………………
expressive…………………………………………………………………………………………
Memory
immediate……………………………………………………………………………………….
recent……………………………………………………………………………………………..
remote……………………………………………………………………………………………
27
5.Social &Emotional function
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
6.Activitiy of Daily Living (ADL)
- Feeding activities
Oral structure……………………………………………………………………………………….
Oral reflex…………………………………………………………………………………………..
Oral mechanism…………………………………………………………………………………….
Self-feeding activity ……………………………………………………………………………….
- Hygiene activities………………………………………………………………………………
- Dressing activities………………………………………………………………………………
- Toileting activities……………………………………………………………………………..
- Mobility activities……………………………………………………………………………..
problem list
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
comment
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ……………………………………………………..
()
………/…………../……………
นกั กิจกรรมบาบดั
28
แบบบันทกึ การจดั กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน
กจิ กรรรมฟื้ นฟูสมรรถภาพ ด้าน การกระตุ้นพฒั นาการ
(กจิ กรรมบาบดั -กายภาพบาบดั )
ช่วงช้ัน/ระดบั ช้ัน..........................................
ปี การศึกษา………………… จานวนนักเรียน..............คน
ครูผู้สอน
1.............................................................................
2.............................................................................
โรงเรียนกาวลิ ะอนุกูล อาเภอเมอื ง จงั หวดั เชียงใหม่
สานักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ
กระทรวงศึกษาธิการ
29
คาอธิบายรายวชิ า
ช่ือกิจกรรม กจิ กรรมฟื้นฟสู มรรถภาพ ด้านการกระตนุ้ พฒั นาการ
กิจกรรมการกระตุ้นพฒั นาการ คือ กจิ กรรมการแกไ้ ข บาบดั ฟืน้ ฟู และส่งเสรมิ
พัฒนาการ ด้านทักษะพน้ื ฐาน ความสามารถในการทากิจกรรม การส่ือสาร การเรยี นรู้ ทักษะทาง
สังคม และการทากจิ วตั รประจาวัน แก่นักเรยี นทม่ี ีความต้องการจาเปน็ โดยการใชว้ ธิ ีการทาง
กจิ กรรมบาบัด และ/หรือกายภาพบาบดั ในการคดั กรอง ประเมินความสามารถ การใช้กิจกรรมการ
รกั ษา การติดตามและรายงานผล เพ่อื ให้นักเรยี นสามารถประกอบกิจกรรมในชีวิตประจาวนั ได้
ตามศักยภาพ
30
หนว่ ยการเรยี นรู้
หนว่ ยท่ี ช่ือเร่ือง จานวนคาบ
1
ทักษะพน้ื ฐานท่สี ง่ ผลตอ่ การเรยี นรู้
2
3 -การใชม้ ือ ตามศักยภาพของ
4
5 -การรบั รู้( มิติสมั พันธ์ ตาแหนง่ ของวตั ถุ การรบั รู้ ทางสายตา) นกั เรียน
-สมาธิและการควบคุมตนเอง
-การฝึกการจดั ตาแหน่งรา่ งกาย
-การฝึกเคลอื่ นยา้ ยตนเอง
-การฝกึ ปรบั ตัวตอ่ สภาพแวดลอ้ ม
-การฝึกการใช้อุปกรณ์ช่วย- อุปกรณ์เสรมิ
ทักษะความสามารถในการทากิจกรรม ตามศกั ยภาพของ
(การทางาน การเรยี น การใชเ้ วลาวา่ ง) นกั เรยี น
-การนาอุปกรณช์ ่วย /อุปกรณ์เสรมิ ไปใช้
-การจดั ตาแหน่งร่างกายในการทากิจกรรม
- การปรับตวั ต่อสภาพแวดลอ้ ม
- การใช้มือในการทากจิ กรรม
ทกั ษะการส่อื สาร ตามศักยภาพของ
- การเคลื่อนไหวอวยั วะในชอ่ งปาก นักเรียน
- กระบวนการสือ่ ความหมาย
- การใช้อุปกรณ์ชว่ ย ตามศกั ยภาพของ
- การรบั รู้-ความเข้าใจ นกั เรียน
- สมาธิและการควบคุมตนเอง
ทกั ษะทางด้านสงั คม
- ความเชื่อมัน่ ในตนเอง
- การใชแ้ ละรบั รูภ้ าษาท่าทาง
- การรับรู้
- ความเข้าใจ
- สมาธิและการควบคมุ ตนเอง
ทกั ษะดา้ นกิจวตั รประจาวนั ตามศกั ยภาพของ
- การดดู การกลนื การเค้ยี ว การรับประทานอาหาร นักเรยี น
- การเคลื่อนยา้ ยตนเอง
- การปรับตวั ต่อสภาพแวดล้อม
- สมาธแิ ละการควบคมุ ตนเอง
- การใชม้ ือ
31
รายช่ือนักเรยี นรว่ มกจิ กรรม
1……………………………………………………………….. 2……………………………………………………………
3……………………………………………………………….. 4……………………………………………………………
5………………………………………………………………. 6……………………………………………………………
จดุ ประสงค์การจดั กิจกรรม
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
.............................................................................................. ........................................................ .........
เกณฑก์ ารตัดสินการผา่ นกิจกรรม
............................................................................................................................. ...................................
.............................................................................................................................. ..................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ...................................
เกณฑ์การตัดสนิ เวลา
......................................................................................................................................... .......................
............................................................................................................ ....................................................
วธิ กี ารประเมนิ ผเู้ รยี น
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................. ...............
................................................................................................................... .............................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................................................. ..
หมายเหตุ
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
32
บันทกึ กจิ กรรม วนั ท่ี.............../................../..............
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
บันทึกกจิ กรรม วนั ท่ี.............../................../..............
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
33
แบบประเมินกิจกรรมฟ้นื ฟูสมรรถภาพ ดา้ นการกระตุ้นพฒั นาการ
ช่อื นกั เรยี น...............................................................การวินจิ ฉัยโรค..............................................
ชั้น.............................ภาคการศกึ ษา..................ปกี ารศึกษา.........................................................
ความสามารถในการประกอบกจิ กรรม ระดับความสามารถ ประเมินครง้ั ที่
1. ระดบั ความตนื่ ตัวของรา่ งกาย N/A 1 2 3 4 1 2 3 4 5
1.1 ความสนใจในสิง่ แวดล้อม
1.2 การตอบสนองต่อส่งิ แวดลอ้ ม
2. ทักษะการเคล่ือนไหวรา่ งกายขณะประกอบกิจกรรม
2.1 การจัดตาแหนง่ รา่ งกายสัมพนั ธก์ บั สง่ิ แวดล้อม
2.2 การเคลื่อนไหวตาแหน่งร่างกายขณะเล่น/ทากจิ กรรม
2.3 การเปลยี่ นทา่ ทางของร่างกาย
3. ทักษะการใช้มือ/การเลน่ ของเลน่
3.1 การใช้มอื น้วิ มือ กับของเลน่
3.2 การใช้มอื ทางานประสานกนั สองข้าง
4. ทักษะการรบั รู้
4.1 สมาธแิ ละการควบคมุ ตนเอง
4.2 การแก้ปญั หา
4.3 การถา่ ยโอนการเรยี นรู้
5.ทกั ษะทางสังคม
5.1 การเลน่ กับเพอื่ น
5.2 การแบ่งปัน
5.3 การใชแ้ ละรบั รภู้ าษา
หมายเหตุ
.................................................................................................................................................................. ........
........................................................................................................................... ...............................................
............................................................................................................................. .............................................
.................................................................................................................................................................... ......
4 แสดงพฤตกิ รรมตามรายการไดด้ ี
3 แสดงพฤติกรรมตามรายการไดป้ านกลาง
2 แสดงพฤติกรรมตามรายการได้น้อย
1 ไม่แสดงพฤติกรรมตามรายการ
N/A ไม่ประเมนิ
34
รายงานผลการกระตนุ้ พัฒนาการ
ช่ือ.................................................................ช้นั ......................................อาย.ุ .............................
ประเภทความพกิ าร.......................................ระยะเวลาท่ีได้รบั การบาบดั ......................................
ภาคเรยี นที่...........ปกี ารศึกษา.................ครูประจาช้ัน...................................................................
ขอ้ มูลทั่วไป
........................................................................................................ ........................................................
............................................................................................... .................................................................
........................................................................................................ ........................................................
................................................................................................................................................................
ดา้ นการบูรณาการประสาทความรู้สึก
ระบบสัมผสั (Tactile system)
................................................................................................................................................................
........................................................................................................ ...................................................... ..
........................................................................................................ ........................................................
............................................................................................ ....................................................................
....................................................................................................... .........................................................
ระบบการทรงตัวและการเคล่ือนไหว (Vestibular system)
........................................................................................................ ........................................................
................................................................................................................................................................
........................................................................................................ ........................................................
.................................................................................................................................. ..............................
.ระบบกลา้ มเนอ้ื เอน็ และข้อตอ่ (Proprioceptive system)
................................................................................................................................................................
........................................................................................................ ........................................................
........................................................................................................ ........................................................
................................................................................................................................................................
ดา้ นพฤติกรรม
........................................................................................................ ...................................................... ..
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................. ...................................................................
........................................................................................................ ........................................................
................................................................................................................................................................
35
ดา้ นรา่ งกาย
........................................................................................................ ........................................................
........................................................................................................ ........................................................
................................................................................................................................................................
........................................................................................................ ........................................................
ดา้ นการรับรู้
........................................................................................................ ........................................................
................................................................................................................................................................
........................................................................................................ ........................................................
........................................................................................................ ........................................................
....................................................................................... .........................................................................
ด้านการช่วยเหลือตนเอง
........................................................................................................ ........................................................
........................................................................................................ ........................................................
.............................................................................................. ..................................................................
....................................................................................................... .........................................................
ข้อเสนอแนะ
........................................................................................................ ........................................................
........................................................................................................ ........................................................
........................................................................................................ ........................................................
................................................................................................................................................................
........................................................................................................ ........................................................
ลงช่อื ....................................................... ลงชื่อ......................................................
() ()
ครกู จิ กรรมบาบัด ครูประจาช้นั
ลงช่ือ........................................................
()
ผู้ปกครอง
36
แผนการจดั การเรยี นรู้
กลุ่มสาระ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน
กจิ กรรมฟน้ื ฟูสมรรถภาพ ด้านการกระตุน้ พฒั นาการ
ระดับช้ัน................. ปีการศึกษา ...................... จานวน .................. คาบ/สัปดาห์
ชอ่ื ผู้สอน ............................................ โรงเรยี น....................................................
1.ช่ือหนว่ ยการเรียนรบู้ รู ณาการ กจิ กรรมพัฒนาประสาทสมั ผัสและการเคลอื่ นไหว
2.มาตรฐานการเรียนรู้ ม.2 กลา้ มเน้ือมดั ใหญ่และกลา้ มเนอ้ื มัดเลก็ แขง็ แรง ใชไ้ ด้อยา่ งคล่องแคล่ว
และประสานสมั พันธก์ ัน
3.ช่อื หนว่ ยยอ่ ย ความสามารถในการทรงตวั และการเคลือ่ นไหว
4.ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวัง
1.นกั เรียนมีความสามารถในการทรงตวั และการทรงท่าในการเคลื่อนไหว
2.นักเรียนมีความสามารถในการประสานของรา่ งกายดา้ น
-กล้ามเน้ือมดั ใหญ่
-กล้ามเน้อื มัดเล็ก
5.กระบวนการทใี่ ช้
1.เทคนิคการบรู ณาการประสาทความรูส้ ึก (Sensory integration approach)
2.เทคนิคพัฒนาการทางระบบประสาท (Neurodevelopment approach)
3.เทคนิคชวี กลไก (Biomechanical approach)
6.กจิ กรรมการเรยี นรู้
1.กจิ กรรมการทักทาย
2.กจิ กรรมดา้ นประสาทสัมผัสและการเคลอ่ื นไหว( sensorimotor)
-กระโดดบนสปรงิ บอร์ด
-เดนิ บนอปุ กรณ์ทรงตวั ต่างๆ
-ลอดอุโมงค์
-เดินข้ามสิ่งกีดขวาง
ฯลฯ
4.กิจกรรมฝึกกลา้ มเน้อื มัดเล็ก
- ต่อทอ่ มหัศจรรย์
- ตอ่ ตัวตอ่ สร้างสรรค์ ฯลฯ
7.สอ่ื /แหล่งเรียนรู้
อปุ กรณ์หลกั
1.กระดานทรงตวั (balance board)
2.กระดานโยก (balance beam)
3.กระดานกระโดด (trampoline)
4.อโุ มงค์
แหล่งเรยี นรู้ -หอ้ งส่งเสรมิ ประสาทสัมผัสและการเคล่ือนไหว
37
8.การประเมินผล
8.1 วธิ กี ารวัด
-ทดสอบทางคลนิ กิ
-สงั เกตจากการปฏบิ ัตจิ รงิ
8.2 เกณฑ์การประเมนิ
-นักเรียนมพี ฤติกรรมการปรับตวั ในสถานการณ์ท่ีกาหนดใหไ้ ด้เหมาะสมกบั
ศักยภาพ
8.3 เกณฑ์การตดั สนิ
-นกั เรียนรอ้ ยละ 70 ในชั้นเรียนมีความสามารถในการทรงตัวและการ
เคลอื่ นไหวมากขน้ึ
-นกั เรียนมีพฤติกรรมการปรับตัวในสถานการณ์ท่ีกาหนดใหไ้ ดเ้ หมาะสมกับ
ศกั ยภาพ
9.เครอื่ งมือวดั
-แบบบันทึกพฤติกรรมหลงั สอน
-แบบทดสอบดา้ นประสาทสัมผสั และการเคลื่อนไหว
ลงชอ่ื .................................................
(นางสาววชิ ิตา เกศะรักษ์)
(ครูผสู้ อน)
38
39