The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอาวกาศ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by poppy_0512, 2022-08-14 04:37:06

การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอาวกาศ

การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอาวกาศ

การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศเกิดจากการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาอย่างต่อ
เนื่องของมนุษยชาติทำให้เราได้หลักฐานข้อมูลที่เกี่ยวกับเอกภพเกี่ยวกับโลกและ
ดวงดาวต่างๆทำให้เราเข้าใจถึงกำเนิดของโลกระบบสุริยะและเอกภพรวมทั้ง
ปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกของเราได้อย่างดี




ภาพที่ 1 ดาวเทียม
ที่มา : https://pixabay.com, SpaceX-Imagery




นักวิทยาศาสตร์ได้มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการศึกษาพัฒนาและประดิษฐ์อุปกรณ์
ถ่ายภาพในช่วงคลื่นต่างๆจากระยะไกลตลอดจนพัฒนาเครื่องรับและส่งสัญญาณให้มี
ประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วนำอุปกรณ์และเครื่องส่งสัญญาณไปประกอบเป็นดาวเทียมแล้วส่งไป
โคจรรอบโลกทำเราให้สามารถสังเกตเห็นสิ่งต่าง ๆ บนโลกได้จากระยะไกลในเวลาอันรวดเร็วเรา
ได้มีการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศในด้านต่างๆดังนี้

1 ด้านการสื่อสาร


เราใช้ดาวเทียมสื่อสารเพื่อการสื่อสารและโทรคมนาคมทั้งในประเทศและระหว่างประเทศซึ่

งดาวเทียมจะถูกส่งเข้าสู่เส้นทางโคจรอยู่ในแนวศูนย์สูตรโคจรรอบโลกด้วยความเร็วเชิงมุมเท่ากับ
โลกหมุนรอบตัวเองจึงทำให้ดูเหมือนลอยนิ่งอยู่ตลอดเวลาวงโคจรนี้อยู่สูงจากพื้นโลกโดยประมาณ
35,786 กิโลเมตรซึ่งความสูงในระดับนี้จะเป็นผลทำให้เกิดแรงดึงดูดระหว่างโลกกับดาวเทียมในขณะ
ที่โลกหมุนก็จะส่งแรงเหวี่ยง ทำให้ดาวเทียมเกิดการโคจรรอบโลกตามการหมุนของโลกวงโคจรนี้
เรียกว่าแถบวงโคจรคลาร์ก (Clarke Belt) ซึ่งเรียกตามชื่อผู้ริเริ่มแนวคิดการสื่อสารดาวเทียม
คือ อาเธอร์ ซี คลาร์ก (Arthur C. Clarke)

มนุษยชาติมีการพัฒนาดาวเทียมเพื่อใช้ประโยชน์ในการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่
พ.ศ. 2500 รัสเซีย ได้ส่งดาวเทียมสปุตนิก ซึ่งเป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกขึ้นสู่อวกาศได้สำเร็จ
หลังจากนั้น พ.ศ. 2505 สหรัฐอเมริการ่วมกับ อังกฤษ ฝรั่งเศส สื่อสารข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
สำเร็จด้วยดาวเทียมเทลสตาร์ 1 ในขณะเดียวกันรัสเซียใช้ดาวเทียมวอลสตอก 3 และ 4 ในการส่ง
สัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และหลังจากนั้นประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็เริ่มมีการใช้ดาวเทียมเพื่อ
การสื่อสารเป็นลำดับ ทำให้โลกของเรากลายเป็นโลกไร้พรมแดนอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ประเทศไทยใช้ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมอิน
เทลแซท

(Inteksat–International Telecommunication Satellite Consortium) และดาวเทียมปาลา
ปา (Palapa) ของประเทศอินโดนีเซียโดยใช้สถานีภาคพื้นดินอยู่ที่ อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี เพื่อให้
บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์การโทรคมนาคมภายในประเทศ
นอกจากนี้ยังมีการใช้งานดาวเทียมในการระบุตำแหน่งบนพื้นโลกเรียกว่าระบบจีพีเอสโดยบอกพิกัด
เส้นรุ้งและเส้นแวงของผู้ใช้งานเพื่อใช้ในการนำทาง

ภาพที่ 2 สถานีรับสัญญาณดาวเทียมภาคพื้นดิน
ที่มา : https://pixabay.com, Wikilmages




2 ด้านการพยากรณ์อากาศ




เราใช้ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาเพื่อเก็บข้อมูลของสภาพบรรยากาศระดับสูงทำให้ได้ข้อมูลที่
สำคัญทำให้การพยากรณ์อากาศแม่นยำมากขึ้นข้อมูลและภาพถ่ายจากดาวเทียมที่สามารถถ่าย
ภาพและส่งสัญญาณข้อมูลสู่ภาคพื้นดินในเวลาจริง (Real Time) ทำให้สามารถสังเกตเห็นการ
ก่อตัวการเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนที่ของพายุที่เกิดขึ้นบนโลกทำให้การเตือนภัยเป็นไปอย่าง
ทันท่วงทีช่วยป้องกันและบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมากดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา
สามารถแบ่งตามวงโคจรออกเป็น 2 ชนิดได้แก่




(1) ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาวงโคจรค้างฟ้า (Geostationary Meteorological Satellite)
ดาวเทียมชนิดนี้จะอยู่ในตำแหน่งเส้นศูนย์สูตรของโลกมีความสูงจากพื้นโลกประมาณ 35,786
กิโลเมตร โคจรรอบโลกใช้เวลา 24 ชั่วโมง ไปพร้อมๆ กับการหมุนรอบตัวเองของโลก ดาวเทียม
ชนิดนี้สามารถถ่ายภาพพื้นที่ได้เป็นบริเวณกว้างครอบคลุมทั้งทวีปและมหาสมุทรสามารถติดตาม
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ โดยถ่ายภาพซ้ำเพื่อทำการเปรียบเทียบดาวเทียมชนิดนี้

ได้แก่ GOES, MTSAT

(2) ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาวงโคจรใกล้ขั้วโลก (Near Polar Orbiting Meteorological
Satellite)เป็นดาวเทียมที่มีระดับความสูงจากพื้นโลกเพียง 850 กิโลเมตร จึงให้ภาพราย
ละเอียดสูงแต่ปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณแคบๆจึงเหมาะสำหรับใช้สังเกตรายละเอียดการ
เปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศระดับภูมิภาค ดาวเทียมชนิดนี้ได้แก่ NOAA




ภาพที่ 3 ภาพถ่ายจากดาวเทียมการก่อตัวของพายุเฮอริเคนเจมินา ( Hurricane Jimena )
ที่มา : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Jimena_Aug_30_2003_2025Z.jpg, NASA




3 ด้านการสำรวจทรัพยากร
เราใช้ดาวเทียมส
ำรวจทรัพยากร ซึ่งเป็นดาวเทียมวงโคจรต่ำที่มีวงโคจรแบบใกล้ขั้วโลก

(Near Polar Orbit) ที่ระยะสูงประมาณ 850 กิโลเมตร ภาพที่ได้จึงมีรายละเอียดน้อยกว่าเมื่อ
เทียบกับภาพถ่ายที่ได้จากดาวเทียมทำแผนที่เพราะครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างกว่า
ดาวเทียมชนิดนี้สามารถบันทึกภาพได้ทั้งในช่วงแสงที่ตามองเห็นและรังสีอินฟราเรดจึงสามารถ
บันทึกภาพได้แม้ในเวลากลางคืนเนื่องจากโลกแผ่รังสีอินฟราเรดออกมาดาวเทียมสำรวจ
ทรัพยากรที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ LandSat, Terra และ Aqua (MODIS Instruments)
ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรของไทยมีชื่อว่า ธีออส (Theos) ซึ่งขึ้นสู่วงโคจรจากฐานส่งจรวด
เมืองยาสนีประเทศรัสเซียสถานีรับสัญญาณอยู่ที่เขตลาดกระบังนอกจากสำรวจแหล่ง
ทรัพยากร แล้วข้อมูลที่ได้ยังใช้ประโยชน์เพื่อการเฝ้าสังเกตสภาวะแวดล้อมที่เกิดบนโลกช่วย
เตือนเรื่องอุทกภัยและความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นการตัดไม้ทำลายป่าการทับถมของตะกอนปาก
แม่น้ำรวมไปถึงแหล่งที่มีปลาชุกชุมอีกด้วย

4 ด้านการสังเกตการณ์ดาราศาสตร์



เราใช้ดาวเทียมสังเกตการณ์ดาราศาสตร์ซึ่งเป็นดาวเทียมที่มีกล้องโทรทรรศน์และอุปกรณ์
ดาราศาสตร์สำหรับศึกษาวัตถุบนท้องฟ้าดาวเทียมประเภทนี้มีทั้งประเภทที่โคจรอยู่รอบโลก
ประเภทที่โคจรผ่านไปใกล้ดาวเคราะห์และลงสำรวจดาวเคราะห์ตัวอย่างของดาวเทียม
ประเภทนี้ได้แก่ ดาวเทียม MAGELLAN สำรวจดาวศุกร์ดาวเทียม GALILEO สำรวจดาว
พฤหัส เป็นต้น




5 ด้านการท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวอวกาศถูกเปิดตัวขึ้นมาจากนาซ่า (NASA) และ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก
ได้แก่ Space X, Blue Origin (Amazon) และ Virgin Galactic แต่ละบริษัทมีรูปแบบการ
ท่องเที่ยวที่นำเสนอแตกต่างกัน เช่น Space X วางแผนจะนำนักท่องเที่ยวขึ้นไปยังอวกาศ
จากนั้นบินไปทัวร์ดวงจันทร์ แล้วกลับมายังโลก ระยะทางรวม 640,000 - 800,000 กิโลเมตร
มีการคาดการณ์ราคาไว้ราว 10,000,000 บาทต่อคน ส่วน Blue Origin (Amazon) มีรูป
แบบการท่องเที่ยวโดยพาขึ้นไปยังอวกาศ สัมผัสชีวิตไร้แรงโน้มถ่วง 1 วัน พร้อมถ่ายเซลฟี่กับ
โลก ปัจจุบันบริษัททำการทดสอบขึ้นไปและกลับมาลงจอดสำเร็จแล้วหลายครั้ง โดยมีการนำ
หุ่นจำลองมนุษย์ไว้ด้านในด้วย ต่อไปจะเริ่มการทดสอบด้วยผู้โดยสารจริง ๆ ราคาตั๋ว
7,500,000 - 9,000,000 บาทต่อคนโดยประมาณ แผนการที่วางแผนคาดว่าจะสามารถเปิด
ท่องเที่ยวอวกาศได้ในหลังปี ค.ศ. 2020 เป็นต้นไป




  แหล่งที่มา
ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โลก และดาราศาสตร์. ชั้นบรรยากาศ. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2562, จาก

http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/atm-structure
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่มที่ 20. เรื่องที่ 8 เวชศาสตร์การบิน/บรรยากาศ. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2562, จาก

http://www.kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=20&chap=8&page=t20-8-infodetail04.html
Pidwirny, M. (2006). "The Layered Atmosphere". Fundame ntals of Physical Geography,2nd Edition. Retrieved December 17, 2019 from

http://www.physicalgeography.net/fundamentals/7b.html
The UCAR Center for Science Education. Layers of Earth's Atmosphere. Retrieved December 17, 2019 from

https://scied.ucar.edu/atmosphere-layers


Click to View FlipBook Version