The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by joykeawnang, 2021-12-13 01:04:31

...

...

พระราชนพิ นธ์โดย

พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลท่ี ๒)

รูปแบบการประพันธ์
แต่งเป็นกาพย์เห่เกรน่ิ ดว้ ยโคลงสี่สุภาพ ๑ บท

ก่อนจะตามด้วยกาพยย์ านี ๑๑ ที่มเี นอ้ื หาสอดคล้อง
กันกับโคลงบทนา

ความเปน็ มา ของ กาพยเ์ หช่ มเครื่องคาวหวาน

พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลัย ทรงพระราชนิพนธข์ ึ้น

เพ่ือชมฝีพระหตั ถ์ในการประกอบพระกระยาหารของสมเดจ็ พระศรีสรุ เิ ยน
ทราบรมราชินี พระอคั รมเหสเี ม่อื คร้งั ยังดารงพระยศเปน็ เจา้ ฟ้าบญุ รอด
และพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั กท็ รงดารงพระยศเป็น
เจ้าฟ้า ฯ กรมหลวงอิศรสนุ ทร

เนอื้ เร่อื ง พรกิ กาพยเ์ หช่ มเครอ่ื งคาวหวานมเี นอื้ หาความบรรยาย
และพรรณนาถึงอาหารคาวหวาน และผลไมต้ ่างๆ

บทเห่ชมเครอ่ื งคาว มี ๑๕ อยา่ ง ไดแ้ ก่

๑. แกงมสั มั่น ๒. ยาใหญ่ ๓. ตบั เหลก็ ลวก ๔. หมแู นม ๕. กอ้ ยกุ้ง

๖. แกงเทโพ ๗. นา้ ยาแกงขม ๘. ข้าวหุง ๙. แกงคว่ั ส้มหมปู ่า ๑๐. พลา่ เน้ือ
๑๑. ล่าเตยี ง ๑๒. หรุ่ม ๑๓. รังนกนึ่ง ๑๔. ไตปลา ๑๕. แสร้งวา่

“ และปิดทา้ ยด้วยผักโฉมและผกั หวาน ”

เนื้อเร่อื ง ผลไม้มี ๑๕ ชนดิ คอื

๑. ลูกชดิ ๕. มะมว่ ง ๙. น้อยหนา่ ๑๓. ลางสาด
๒. ลูกตาล ๖. ล้ินจี่ ๑๐. ผลเกด ๑๔. เงาะ
๓. ผลจาก ๗. ส้มฉนุ ๑๑. ทบั ทิม ๑๕. สละ
๔. มะปราง ๘. ลูกพลับ ๑๒. ทเุ รียน

เน้อื เรอ่ื ง เครอ่ื งหวานมี ๑๖ ชนดิ คอื

๑. ขา้ วเหนยี วสังขยา ๕. ลดุ ตแี่ ผ่นกลม ๙. ขนมผิง ๑๓. จา่ มงกฎุ

๒. ซา่ หริม่ ๖. ขนมจีบ ๑๐. ขนมเรไร ๑๔. บัวลอย

๓. ลาเจยี ก ๗. ขนมเทียน ๑๑. ทองหยอด ๑๕. ช่อมว่ ง

๔. มศั กอด ๘. ทองหยิบ ๑๒. ทองมว้ น ๑๖. ฝอยทอง

แกงมัสมน่ั

“ มัสมนั่ แกงแกว้ ตา หอมยห่ี ร่ารสร้อนแรง

ชายใดไดก้ ลืนแกง แรงอยากใหใ้ ฝฝ่ นั หา ”

กาพยบ์ ทนี้กวีกลา่ วถึงแกงมัสมน่ั ทีม่ กี ล่ินหอม
ของยหี่ ร่าว่า เมอื่ ชายใดไดล้ ิ้มรสแล้วอยากลม้ิ รสอยู่เสมอ

ยาใหญ่

“ ยาใหญ่ใส่สารพัด วางจานจดั หลายเหลือตรา

รสดีด้วยนา้ ปลา ญปี่ นุ่ ล้ายา้ ยวนใจ ”

กาพยบ์ ทน้ีกวีกลา่ วถึงยาใหญ่ ที่จัดวางเอาไวใ้ นจาน
อย่างมากมายและปรุงรสใหอ้ รอ่ ยข้ึนดว้ ยนา้ ปลาญ่ปี ุ่น

ตบั เหลก็ ลวก

“ ตบั เหลก็ ลวกหลอ่ นต้ม เจือนา้ สม้ โรยพริกไทย

โอชาจะหาไหน ไมม่ เี ทยี บเปรียบมอื นาง ”

กาพย์บทนก้ี วีกลา่ วถึงอาหารท่นี างอันเป็นทรี่ ักปรงุ ให้ คอื
ตับเหลก็ ลวก ที่ไม่มฝี ีมอื ของนางใดเทียบเทียมได้

หมูแนม

“ หมแู นมแหลมเลิศรส พรอ้ มพริกสดใบทองหลาง

พิศห่อเหน็ รางชาง ห่างห่อหวนปว่ นใจโหย ”

กาพยบ์ ทนีก้ วีกล่าวถึงหมูแนมวา่ มีรสชาติอร่อย รับประทาน
พรอ้ มกับพรกิ สดและใบทองหลาง ทีน่ ้องหอ่ มาอยา่ งประณีต

กอ้ ยกุ้ง วางถึงลนิ้ ดนิ้ แดโดย
ฤาจะเปรยี บเทยี บทันขวญั ”
“ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น
รสทิพย์หยิบมาโปรย

กาพย์บทนก้ี วีกล่าวถึงก้อยกงุ้ เมอ่ื สัมผสั ถึงลิ้นกเ็ หมอื น
ไดล้ ม้ิ รสอาหารทอ่ี ร่อยกว่าอาหารทิพย์

แกงเทโพ

“ เทโพพื้นเนื้อทอ้ ง เปน็ มนั ย่องลอ่ งลอยมนั
น่าซดรสครามครัน ของสวรรคเ์ สวยรมย์ ”

กาพย์บทนี้กวีกลา่ วถงึ แกงปลาเทโพ ท่มี ีเน้ือหนา้ ทอ้ งเปน็ มันยอ่ ง
เม่ือได้ซดน้าแกง ก็เหมือนกับไดล้ มิ้ รสอาหารสวรรค์

นา้ ยาแกงขม

“ ความรักยกั เปล่ียนท่า ทาน้ายาอยา่ งแกงขม
กลอ่อมกลอ่ มเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคลับคล้ายเหน็ ”

กาพยบ์ ทนีก้ วกี ลา่ วถงึ ยามเมอื่ ได้รับประทานนา้ ยากนิ
กบั แกงขม (มะระ) ว่ามีรสท่กี ลมกลอ่ ม

ขา้ วหุง

“ ขา้ วหงุ ปรงุ อยา่ งเทศ รสพเิ ศษใสล่ ูกเอ็น

ใครหุงปรุงไมเ่ ป็น เชน่ เชิงมิตรประดษิ ฐท์ า ”

กาพย์บทนกี้ วีกลา่ วถงึ ขา้ วหงุ ที่เป็นอาหาร
ของชาวอิสลามว่าไม่มใี ครอีกแล้ว ทจ่ี ะปรงุ ข้าวหงุ
ไดอ้ รอ่ ยเหมือนนาง

แกงคว่ั สม้ หมูป่า

“ เหลือร้หู มูปา่ ตม้ แกงคัว่ สม้ ใสร่ ะกา
รอยแจง้ แห่งความขา ชา้ ทรวงเศรา้ เจ้าตรากตรอม”

กาพยบ์ ทน้กี วีกลา่ วถึงแกงคัว่ ส้มที่มีส่วนผสมของหมปู ่า
และระกา ทาให้กวีนกึ ถึงอดีตทีเ่ คยปกปดิ ไว้ และนึกถึงนาง
วา่ คงจะอยอู่ ยา่ งยากลาบาก

พลา่ เนือ้

“ ช้าช้าพล่าเนอ้ื สด ฟ้งุ ปรากฏรสห่นื หอม
คิดความยามถนอม สนทิ เนื้อเจือเสาวคนธ์ ”

กาพย์บทนก้ี วีกล่าวถึงพล่าเนื้อสดท่มี กี ลนิ่ หอม ทาใหก้ วี
คดิ ถึงยามท่เี คยกอดนาง และเน้อื ของนางนน้ั มีกล่ินหอม

ลา่ เตียง

“ ล่าเตียงคิดเตยี งนอ้ ง นอนเตยี งทองทาเมอื งบน
ลดหลัน่ ช้นั ชอบกล ยลอยากนทิ รคิดแนบนอน”

กาพยบ์ ทนก้ี วกี ลา่ วถึงล่าเตียงทีท่ าเปน็ ชนั้ ๆ ทาใหค้ ดิ ถึง
น้องทน่ี อนบนเตียงทองจากเมอื งบน (เมืองสวรรค)์ ทลี่ ดหลั่นเป็นชน้ั ๆ
ทาใหก้ วคี ิดอยากที่จะนอนกอดนาง

หรมุ่

“ เหน็ หรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรมุ่ เรา้ คือไฟฟอน

เจบ็ ไกลใจอาวรณ์ ร้อนรมุ ร่มุ กล้มุ กลางทรวง ”

กาพยบ์ ทนก้ี วกี ลา่ วถึง หร่มุ เม่ือกวเี ห็นหรมุ่ ก็ทาให้จิตใจของ
กวรี อ้ นรุ่ม ประกอบกบั ความคิดถงึ นาง จึงเหมือนมีคนมาสุมไฟ

รงั นกนง่ึ โอชารสกว่าทั้งปวง
เหมือนเรยี มรา้ งห่างหอ้ งหวน ”
“ รังนกน่งึ นา่ ซด
นกพรากจากรงั รวง

กาพยบ์ ทนี้กวกี ลา่ วถงึ รกั นกนงึ่ ท่ีนา่ ซด เพราะว่ามีรสอร่อย
กวา่ อาหารทั้งหมด แลว้ เปรยี บเทยี บว่านกพรากจากรงั ก็เหมอื น
กับกวีในขณะนที้ ี่ต้องพรากจากนาง

ไตปลา/แสร้งวา่

“ ไตปลาเสแสร้งว่า ดจุ วาจากระบิดกระบวน
ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พ่ีเคร่าเจา้ ดวงใจ ”

กาพย์บทนเ้ี ป็นบทเปรียบเทยี บ ไตปลากับแสรง้ ว่า
วา่ เหมือนดังวาจาของน้องท่แี กล้งเจรจา ครั้นแลไปเหน็ ใบโศก
ทาใหก้ วีตอ้ งโศกเศร้าเพราะรอเวลาทจี่ ะได้พบนาง

ผกั โฉมและผกั หวาน

“ ผักโฉมชือ่ เพราะพร้อง เปน็ โฉมน้องฤาโฉมไหน

ผกั หวานซา่ นทรวงใน ใครค่ รวญรกั ผักหวานนาง ”

กาพย์บทนีก้ วกี ล่าวถงึ ผกั สองชนิด คอื ผกั โฉมและ
ผักหวาน แล้วเปรยี บเทียบวา่ ผกั โฉมนคี้ ือโฉมของนอ้ งหรอื
โฉมของนางใด สว่ นผกั หวานนนั้ เมอ่ื กวไี ดแ้ ลเห็นกท็ าให้
ความรกั อันหวานซ้งึ แผซ่ า่ นไปทั่วหวั ใจ

คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์

การเลน่ เสยี ง รมุ่ รุม่ เรา้ คือไฟฟอน
“ เห็นหรุม่ รุมทรวงเศรา้ รอ้ นรมุ รุ่มกลมุ้ กลางทรวง ”

เจบ็ ไกลใจอาวรณ์

กวเี ลน่ เสยี งคาว่า หรุม่ รุม ร่มุ และเสียงพยญั ชนะในคาวา่
ร้อน รุม รมุ่ ฟงั แล้วเกดิ ความไพเราะ และยงั สมั ผสั ไดถ้ ึงความรูส้ กึ

ของกวีไดช้ ดั เจนวา่ กาลงั อย่ใู นความรู้สกึ เศรา้ ใจ

คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์

การใชส้ านวนเปรยี บเทียบ นอนเตยี งทองทาเมอื งบน
“ ลา่ เตยี งคดิ เตยี งนอ้ ง ยลอยากนทิ รคิดแนบนอน ”

ลดหลั่นชั้นชอบกล

บทน้ีกวกี ล่าวถงึ ลา่ เตียง แลว้ นาไปสัมพันธ์กับนางอันเป็นท่รี กั คือ
นกึ ถึงเตยี งของนางที่เหมอื นเตียงเมอื งสวรรค์

คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์

การกลา่ วเกนิ จรงิ วางถึงลนิ้ ด้นิ แดโดย

“ กอ้ ยกงุ้ ปรงุ ประท่ิน ฤาจะเปรยี บเทยี บทันขวญั ”

รสทิพย์หยิบมาโปรย

บทนีก้ วีกล่าวถงึ กอ้ ยกุ้ง ว่ามกี ลนิ่ หอม เลศิ รสราวกบั อาหารทิพย์
คร้นั เมื่อได้สัมผสั กับล้นิ กร็ ้สู ึกอรอ่ ยมากจนแทบจะขาดใจ

คุณค่าด้านสังคม

สะท้อนวัฒนธรรมอาหารการกิน

บทเห่ชมเครอ่ื งคาวหวานนี้ ผ้อู ่านจะได้รจู้ กั อาหารหลากหลายชนดิ ซง่ึ เปน็ ทนี่ ิยม
รบั ประทานในสมยั รชั กาลที่ ๒ บางชนิดรจู้ กั กนั ดีในปัจจบุ นั เช่น มัสมน่ั หมแู นม
ก้อยกุง้ แกงค่ัว เปน็ ต้น แตบ่ างชนดิ กห็ ารัปประทานไดย้ ากในปัจจบุ ัน เช่น ลา่ เตียง
หรมุ่ อีกทัง้ ผูอ้ ่านยังได้ทราบว่าอาหารไทยน้ันท้ังประณีตและวิจิตร และมีรสชาติ
เป็นเลศิ ไม่แพช้ าตใิ ด นอกจากนีย้ ังสะท้อนใหเ้ หน็ ว่ากวใี ชอ้ าหารเปน็ เครื่องหมาย
แทนความผกู พนั ของคนในครอบครัว


Click to View FlipBook Version