The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การบริหารงานในองค์การ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aom_sdu123, 2022-05-22 02:42:00

การบริหารงานในองค์การ

การบริหารงานในองค์การ

หน่ วย
ที่
1

ความรูเ้ บอื้ งตน้
เกยี่ วกบั

การบรหิ ารงาน

1 ความหมายของ
. องคก์ าร

องคก์ าร หรือองคก์ ร

หมายถงึ การรวมตวั กนั ของคนตง้ั แต่
2 คนข้ึนไป เพื่อกระทากิจกรรม
ร่วมกนั โดยมีวตั ถุประสงค์ที่ชดั เจน
ซ่ึ ง ลัก ษ ณ ะ ข อ ง อ ง ค์ ก า ร จ ะ ต้ อ ง
ประกอบดว้ ยลกั ษณะดงั ตอ่ ไปน้ี

1.องค์การจะตอ้ งมบี คุ คลตง้ั แต่ 2 คนขนึ้ ไป

2. องค์การจะตอ้ งมเี ป้ าหมายทตี่ อ้ งการ

3.องค์การองค์การจะตอ้ งมกี จิ กรรมทตี่ อ้ งดาเนินการ

ใหบ้ รรลุผลตามทไี่ ดต้ ง้ั ไว้

4.อ ง ค์ ก า ร จ ะ ต้ อ ง มี ก า ร ก า ห น ด รู ป แ บ บ

ค ว า ม สั ม พั น ธ์

5.อในงเคช์ กงิ อาารนจาะจมไวี ก้ า ร ก า ห น ด อ า ณ า เ ข ต ข อ ง

อ ง ค์ ก า ร ซ่ึ ง ท า

6.อกงาครแ์กบารง่ จแะยมกีคอวงาคม์กตาอ่รอเนอื่อกงจใานกกสาว่ รนดอานื่ เนๆินงาน

2 โครงสรา้ งการบรหิ าร

. ในองคก์ าร

โครงสรา้ งการบรหิ ารองค์การที่
ชดั เจนประกอบไปดว้ ยบุคลากร
แต่ละระดบั ที่มีความชานาญ
การ แตกต่างกนั มีการแบ่ง
ออกเป็ นฝ่ ายงานต่าง ๆ และมี
พนักงานที่เกี่ยวข้องสงั กดั อยู่
อ า น า จ แ ล ะ ห น้ า ที่ ค ว า ม
รบั ผดิ ชอบภายในองคก์ ารจะถูก
แบ่งเป็ นลาดับช้ันคล้ายท รง
พีระมดิ

ผบู้ รหิ ารระดบั สูง ผบู้ รหิ าร หวั หน้างาน/ฝ่ าย
ระดบั กลาง ปฏบิ ตั งิ าน
ท า ห น้ า ที่ว า ง แ ผ น
แ ผ น ก ล ยุ ท ธ์ เ พื่ อ เป็ นพนกั งานระดบั มี ห น้ า ที่ จั ด ก า ร
น า ม า ใ ช้ ก า ห น ด ผู้ช า น า ญ ก า ร ท า ควบคุม และตดิ ตาม
ทศิ ทางขององค์การ หน้าที่วางแผนและ การทางานของ

3 การแบ่งแยกประเภท

. องคก์ าร 1 ) อ ง ค์ ก า ร ที่เ ป็ น ท า ง ก า ร ( Formal
O2 )rgอaงnคiz์ กatาioรnท)ี่ไ ม่ เ ป็ น ท า ง ก า ร ( Informal
01 Organization)

การแบ่งแยก
ประเภทของ
องคก์ าร

โ ด ย ใ ช้ ปั จ จั ย ด้ า น
โ ค ร ง ส ร้ า ง แ ล ะ
ความสมั พนั ธ์ภายในเป็ น
เกณฑ์ สามารถแบ่งออก
ไดเ้ ป็ น 2 ประเภทดงั นี้

02

การแบ่งองค์การ
โ ด ย ใ ช้
วตั ถุประสงค์ของ
อ ง ค์ ก า ร เ ป็ น
สามารถเกแณบ่ฑงอ์ อกได้ 2 ประเภท

1ด)งั นอ้ีงค์การที่แสวงหากาไร (Profit
Organization)
2) องคก์ ารทไี่ มแ่ สวงหากาไร (Non-
Profit Organization)

03 1) องค์การแบบแนวดงิ่ หรือแบบพีระมิด (Vertical
Organization)
ก า ร ใ ช้เ งื่อ น ไ ข 2) องคก์ ารแบบแนวราบหรือแบบแนวนอน

(Horizontal Organization)

วตั ถุประสงค์และ
ก า ร น า ไ ป ใ ช้

ป ร ะ โ ย ช น์ เ ป็ น
เกณฑ์

สามารถแบ่งออกได้เป็ น 2 ประเภท
ดงั นี้

4 คุณลกั ษณะของ

. องคก์ าร
องค์การสมยั ใหม่ส่วนใหญ่ล้วนมีลกั ษณ ะ
พื้นฐานที่เหมือน ๆ กนั มีการแบ่งส่วนงาน
ยอ่ ย ๆ ออกเป็ น ฝ่ ายหรือแผนก แตล่ ะฝ่ ายจะ
มีพนกั งานสงั กดั อยู่และมีลาดบั การปกครอง
ตามโครงสร้างสายบงั คบั บญั ชา อย่างเป็ น
ทางการ พนกั งานทสี่ งั กดั ตามสว่ นงานจะต้อง
รบั ผิดชอบงานตามบทบาทหน้าทีข่ องตนไม่
กา้ วกา่ ย ซง่ึ กนั และกนั

เพือ่ เป็ นการปนู บาเหน็จและ 1. สว่ นของงานประจา
ส ร้ า ง ข ว ัญ ก า ล ัง ใ จ ใ ห้ แ ก่
พนกั งาน 2. การเมืองภายใน
3อง.ค์กวาฒั รนธรรมองค์การ
โ ด ย เ ฉ พ า ะ อ ง ค์ ก า ร ที่ มี
พื้นฐานหลกั ธรรมาภิบาลที่ดี 4. องค์การกบั
พ นัก ง า น มี ค ว า ม ซื่ อ สัต ย์ 5สงิ่ .แวโคดรลงอ้ สมรา้ งองค์การ
จ ง รัก ภัก ดี ย่ อ ม ส่ ง ผ ล ต่ อ
ผ ล ผ ลิ ต ที่ มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ 6. คุณลกั ษณะอืน่ ๆ ของ
ภายใต้ทรพั ยากรทีม่ ีอยู่จากดั
มดี งั ตอ่ ไปนี้ องค์การ

5 การจดั โครงสรา้ ง

. องคก์ าร

โ ค ร ง ส ร้า ง อ ง ค์ ก า ร จึ ง เ ป็ น ร ะ บ บ
ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ข อ ง ง า น ค ว า ม
รบั ผิดชอบต่อการรายงานและการใช้
อานาจในการปฏบิ ตั ิงานขององค์การ
ให้เกิดความสาเร็จ โครงสร้างจึงบ่ง
บอกถึงรูปแบบซึ่งแสดงด้วยแผนภูมิ
องคก์ ารและหน้าทซี่ ง่ึ เป็ นกจิ กรรมของ
อ ง ค์ ก า ร จุ ด มุ่ ง ห ม า ย ข อ ง ก า ร มี
โครงสรา้ งองค์การก็เพือ่ ใหก้ ารส่งั การ
และการประสานงานต่อการทางาน
ของพนักงานบร รลุเป้ าหมายขอ ง

0
1โครงสรา้ งอยา่ งงา่ ย

โครงสรา้ งอยา่ งงา่ ย เป็ นโครงสรา้ งองค์การที่
ไมม่ ีรูปแบบเป็ นทางการ มีระดบั การแยกแยะ
ตามแนวนอนตา่ เนื่องจากพนกั งานในกจิ การ
จะสามารถทางานได้หลายหน้าที่ กิจการที่มี
ขนาดเล็ก จะมโี ครงสรา้ งองคก์ ารอยา่ งงา่ ย

0 โครงสร้างตาม
2โครงสรา้ หงตนา้ามทหี่ น้าที่ เมือ่ กจิ การมีขนาดใหญ่ขน้ึ งานในกจิ การก็จะมีความ

หลากหลายมากข้ึน บุคลากร จะมีภาระงานมากขึ้น จากทีเ่ คยทางานได้ใน
หลาย ๆ งานก็จะทางานได้น้อยลง จึงทาให้ต้องมีการจดั กลุ่ม ของงานข้ึน
และแบ่งหน้าที่กนั ทางานตามความถนดั เป็ นโครงสร้างสาหรบั องค์การ
ขนาดเล็ก องค์การทีเ่ พิ่ม หรือพึง่ เร่ิมกอ่ ตง้ั ซงึ่ มกั จะมีเจ้าของเป็ นผู้บรหิ าร
เอง (Owner – Manager) ยงั ไมม่ ีการแบง่ งานกนั อยา่ ง ชดั เจน ปรมิ าณ
งานยงั น้อย

0
3โ ค ร ง ส ร้ า ง อ ง ค์ ก า ร ต า ม

ผลติ ภณั ฑ์

โครงสรา้ งองคก์ ารตามผลติ ภณั ฑ์ เป็ น
โครงสรา้ งองคก์ ารทจี่ ดั โครงสรา้ งตาม
ลกั ษณะผลผลิต หรือฐานการผลิต
ทง้ั นี้เนื่องจากองค์การต้องขยายฐาน
การผลิตสินค้าอย่างใหม่ ทีส่ อดคล้อง
กบั ความต้องการ ที่เปลี่ยนแปลงของ
ลูกคา้

0
4โค ร ง ส ร้า ง อ ง ค์ ก า ร แ บ บ

แโคมรทงรสกิ รซ้า์งแบบแมทริกซ์เป็ น

โครงสร้างที่ประกอบด้วยสอง
มิติ คือ มิติ ของหน้าที่และมิติ
ของผลิตภณั ฑ์ หรือโครงการ
ดัง น้ั น ใ น โ ค ร ง ส ร้ า ง แ บ บ
แมทริกซ์ พนกั งานแต่ละคนจะ
มีหวั หน้างานสองหวั หน้างาน
คือ เป็ นหวั หน้างานตามหน้าที่
และหวั หน้างานตามผลิตภณั ฑ์
หรือหวั หน้างานตามโครงการ

0 โดยโครงสร้างองค์การแบบนี้จดั แบ่งออกเป็ น
หน่วยงานที่มกั เรียกชื่อตามเขตภูมิศาสตร์ที่ตง้ั
5โครงสร้างองค์การ ของหน่วยงานน้นั จุดเด่นก็คือ ช่วยให้สามารถ
แยกแยะสนิ คา้ หรืองานบรกิ ารได้ตรงกบั สภาพ
แบบเน้นตามทาเล ของลูกค้าในแต่ละท้องถิ่น เช่น รสนิยมแล ะ
ทตี่ ง้ั อานาจการซื้อของลูกคา้ เป็ นตน้

0
6ประโยชน์ของการจดั โครงสร้าง

องคก์ าร

6.1 6.2 6.3

ประโยชน์ตอ่ ประโยชน์ตอ่ ประโยชน์ตอ่
องค์การ ผบู้ รหิ าร พนกั งาน

หน่ ว
ยที่
2

การเพมิ่
ประสทิ ธภิ าพ
ขององคก์ าร

1 ความหมายของการเพมิ่
. ประสทิ ธภิ าพในองคก์ าร

การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในองค์กร
(Organization Efficiency)

หมายถึง การเพ่ิมประสิทธิภาพ
ขององค์การ โดยการเปรียบเทียบ
ทรพั ยากรที่ใช้ไปกบั ผลที่ได้จาก
การทางานว่าดีข้ึนอย่างไร แค่
ไหน ในขณะที่กาลงั ทางานตาม
เป้ าหมายขององค์การ

2 ขอ้ แตกตา่ งของคาวา่ ประสทิ ธผิ ล

. กบั ประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธภิ าพ (Efficiency)
ประสทิ ธผิ ล (Effectiveness)

ห ม า ย ถึง ค ว า ม ส า เ ร็ จ ใ น ก า ร ที่ หมายถงึ การเปรียบเทยี บทรพั ยากร
สามารถดาเนินกิจการก้าวหน้าไป ทใี่ ชไ้ ปกบั ผลทไี่ ดจ้ ากการทางานว่า
และสามารถบรรลุเป้ าหมายต่าง ๆ ดีขน้ึ อยา่ งไรแคไ่ หน ในขณะทกี่ าลงั
ทอี่ งค์การตง้ั ไวไ้ ด้ ทางานตามเป้ าหมายขององค์การ

3 ปรชั ญาและอดุ มการณก์ ารเพมิ่
. ประสทิ ธภิ าพในองคก์ าร

ค ว า ม มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ข อ ง
องค์การ หมายถงึ ขนาดของ
ความสามารถขององค์การที่
จ ะ ส า ม า ร ถ ท า ง า น บ ร ร ลุ
เป้ าหมายตา่ ง ๆ ทตี่ ง้ั ไว้ โดย
น า ท ร ัพ ย า ก ร ม า ใ ช้ อ ย่ า ง
เต็มที่

สาหรบั ตวั เกณฑ์ที่ใช้ศึกษาความมีประสิทธิภาพขององค์การที่ได้
นามาใช้ John P. Campbell ได้สรุปไว้ โดยประกอบด้วยตวั
เกณฑ์ตา่ ง ๆ 30 ตวั เกณฑ์ ดงั น้ี

1. ประสทิ ธผิ ลรวม 6. อบุ ตั เิ หตุทีเ่ กดิ

2. ผลผลติ 7. การเตบิ โต

3. ประสทิ ธภิ าพ 8. การขาดงาน

4. กาไร 9. การลาออกจากงาน
5. คณุ ภาพ 10. ความพอใจในงาน

11. แรงจูงใจ 16. การวางแผนและการ
กาหนดเป้ าหมาย
12. ขวญั และกาลงั ใจ
17. ความเห็นทีส่ อดคลอ้ งกนั
13. การควบคมุ ของสมาชกิ ตอ่ เป้ าหมาย

14. ความขดั แยง้ และความ 18. การยอมรบั ในเป้ าหมาย
สามคั คี ขององคก์ าร

ของบุคคลในองคก์ าร 19. การเขา้ กนั ไดข้ องบทบาทของ
15. ความคลอ่ งตวั และ สมาชกิ
20. ความสามารถในทาง
การปรบั ตวั
มนุษยสมั พนั ธ์ของผบู้ รหิ าร

21. ความสามารถในสว่ น 26. ความม่นั คง
งานขององค์การ
27. คุณคา่ ของทรพั ยากรดา้ น
22. การบรกิ ารขอ้ มูลและ บุคคล
การตดิ ตอ่ สอื่ สาร 28. การมีสว่ นร่วมและการร่วม
แรงรว่ มใจ
23. ความพรอ้ มในดา้ นตา่ ง ๆ ที่ 29. ความตง้ั ใจและทมุ่ เทในดา้ น
มีอยู่ การอบรม
24. ความสามารถทา
ประโยชน์จาก และพฒั นา
25. สภทาศั พนแะวแดลละอ้ กมารสนบั สนุน 30. การมุง่ ความสาเร็จ
จ า ก ก ลุ่ ม

ตา่ ง ๆ ภายนอก

4 วธิ กี ารใชต้ วั เกณฑว์ ดั ประสทิ ธภิ าพ
. ขององคก์ าร

01 03

เกณฑ์วดั ผลสาเร็จตาม เกณฑก์ ารบรหิ ารประสทิ ธภิ าพโดย
เป้ าหมาย อาศยั กลยุทธ์ตามสภาพแวดลอ้ ม
เฉพาะสว่ น
(The Goal-Attainment
04(The Strategic Constituencies
02Approach) Approach)

เกณฑ์การบรหิ ารประสทิ ธภิ าพ การใชว้ ธิ ีการแขง่ ขนั คณุ ค่า
เชงิ ระบบ (The Competing-Values

(The Systems Approach) Approach)

จากความรูค้ วามเขา้ ใจขา้ งต้น
พอจะ เป็ น แนวทางสาหรับ
ผู้บริหารทีจ่ ะสามารถตีกรอบ
แนว ทางการพิจารณาที่จะ
เลื อ ก ใ ช้เ ก ณ ฑ์ ก าร บริห า ร
รูปแบบใด ที่เหมาะสมที่จ ะ
เสริมสร้างประสิทธิภาพให้
องค์การท้งั ในระยะส้นั และ
ระยะยาว โดยพอจะสรุปไวใ้ น
ตารางขา้ งลา่ งน้ี

5 การสรา้ งองคก์ าร

. แหง่ คุณภาพคณุ ภาพในยุคปจั จุบนั มีความสาคญั ตอ่ ความอยูร่ อดขององค์การเป็ นอย่างมาก คุณภาพ
ไมใ่ ชท่ างเลือกทีจ่ ะมีก็ได้ หรือไมม่ กี ็ไดอ้ กี ตอ่ ไป ดงั น้นั คุณภาพจึงเป็ นเป้ าหมายเดียว
เท่าน้นั ทีท่ ุกคนในองค์การจะต้องมุง่ ม่นั ไปให้ถงึ อย่างหลีเลี่ยงไม่ได้ถ้าตอ้ งการอยู่รอด

และการทอี่ งคก์ ารจะไปสคู่ ณุ ภาพนน้ั จาเป็ นจะตอ้ งปรบั องคก์ าร โดยท่วั ไปนิยมใช้ 3 วธิ ี

คือ 02

01 การเพม่ิ ผลผลติ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง

การลดตน้ ทุน (Continuous Productivity

(Cost Reduction) 03 Improvement)

การปรบั ปรุงคณุ ภาพอยา่ งตอ่ เนื่อง
(Continuous Quality
Improvement)

คุณลกั ษณะของ 1. ความเป็ นระเบียบ
อ ง ค์ ก า ร แ ห่ ง 2เร.ียบกราอ้รยทางานเป็ นทีม
คุ ณ ภ า พ ล้ ว น 3. การปรบั ปรุงอย่าง
เกิดจากคุณภาพ 4ตอ่ .เนกื่อารงมุง่ ทีก่ ระบวนการ
ของคนใน
อ ง ค์ ก า ร ท้ัง ส้ิ น 5. การศึกษาและ
อ ง ค์ ก า ร จึ ง ต้ อ ง 6ฝึ ก.อปบรระมกนั คณุ ภาพ
ป รั บ ป รุ ง แ ล ะ
จะต้องสร้างคน 7. การสง่ เสรมิ ใหพ้ นกั งานมี
ให้มี “นิสยั แห่ง
คุ ณ ภ า พ ” มี 7 สว่ นรว่ ม
ประการ ดงั นี้

01 วงจร PDCA หรือ กลยทุ ธ์การบรหิ ารเชงิ คณุ ภาพ เป็ น
เพียงสว่ นหน่ึงทนี่ าเสนอพอสงั เขปดงั น้ี

วงลอ้ PDCA

การเขยี น การนาแผนงาน
แผนงาน ไปปฏบิ ตั ิ
(Plan) (Do)

การ การแกไ้ ข
ตรวจสอบ ขอ้ บกพรอ่ ง

การ (Act)
ปฏบิ ตั งิ าน

02 ระบบ 5 ส.

หรือ 5 S

SEIRI SEITON SEISO (เซ SEIKETSU SHITSUKE
(เซร)ิ (เซตง) โซ) (เซเคทซุ) (ชิทซุเกะ)
สะสาง สะดวก สขุ ลกั ษณะ สรา้ งนิสยั
SORT สะอาด SUSTAIN SELF
SYSTEMI SWEEP
SE DISCIPLINE



03 กลุ่มระบบ QCC (Quality Control

Circle : QCC)

01 02 03

ทุกคนในกลมุ่ มี การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม มกี ารควบคมุ และ
สว่ นรว่ มในการ เป็ นไปตามอสิ ระ โดย ตดิ ตาม ตลอดจน
แกไ้ ขปญั หาและ ดาเนินการปรบั ปรุง
นาเครือ่ งมอื การ
ปรบั ปรุงงาน แกป้ ญั หามาใช้ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง

ขน้ั ตอนการจดั ทากลุม่ กจิ กรรม QCC

04 ระบบการปรบั ร้ือ (Re- ระบบการปรบั ร้ือ

engineering) เป็ นเทคนิคที่เน้นการปรบั เปลี่ยน
วิธีก ารทางานใหม่แท นวิธีการ
ทางานเก่าให้สอดคล้องกบั สภาพ
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อ
วตั ถุประสงค์คือ ลดคา่ ใช้จ่าย เพ่ิม
ประสิทธิภาพของงานและบริการ
รวดเร็วทนั ความตอ้ งการของลูกค้า
ดว้ ยการใช้เทคนิคหรือเทคโนโลยี
ใ ห ม่ ๆ แ ล ะ ก า ร มี วิ สัย ทัศ น์ ที่
กว้างไกล นิยมใช้ในธุรกิจที่มีการ
ผลิตหรือการบริการมาก ๆ และ
ต้ อ ง ก า ร ค ว า ม ร ว ด เ ร็ ว แ ล ะ
ประหยดั เวลา

05 ระบบ TQM (Total Quality

Management)

คณุ ภาพ ตน้ ทุน การสง่
(Qualit (Cost) มอบ
(Deliver
y) ความปลอดภยั y)
(Safety)
ขวญั
กาลงั ใจ
(Morale)

6 ความสาเรจ็ ขององคก์ ารใน

. ยุคโลกาภวิ ตั น์

สืบเนื่องมาจากในยคุ โลกาภวิ ตั น์นี้ สงิ่
ต่าง ๆ ในโลกได้มีการเปลี่ยนแปลง
ไปจากเดมิ เป็ นอนั มาก การทอี่ งค์การ
สมยั ใหม่จะอยู่รอดได้และเติบโต จึง
มีสง่ิ ที่ต้องดาเนินการและสอดคล้อง
ตรงกนั กบั เงือ่ นไขใหม่ ๆ ที่เพ่ิมข้นึ
ดงั น้ัน คว าม สา เ ร็ จ ขอ งอ งค์ ก า ร
จะต้องอาศยั ปัจจยั สนบั สนุนที่จะทา
ให้องค์การประสบความสาเร็จตาม
จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ที่ ต้ัง ไ ว้ โ ด ย แ ส ด ง
ออกเป็ นภาพไดด้ งั น้ี

หน่ ว
ยที่
3

หลกั การ
บรหิ ารงาน
คณุ ภาพ

1 ความหมายและความสาคญั
. ของคุณภาพ

คณุ ภาพมีความหมายหลายอยา่ ง 1) หน้าที่ ความคงทน ความ

เช่น ความเหมาะสมต่อการใช้งาน การ ม่นั คง การอยู่ในสภาพทีด่ ีทางาน
ทางานได้อย่างคาดหมายเป็ นมาตรฐาน ได้
แต่ในปัจจุบนั คุณภาพจะเน้นถึงความ
ตอ้ งการของผูซ้ ื้อ น่นั คือ ผลติ ภณั ฑ์สง่ิ ใดก็ 2) รูปรา่ งลกั ษณะ ความสวยงาม
ตามที่ผู้บริโภคมีความพอใจ ผลิตภณั ฑ์
น้นั มีคุณภาพ ลกั ษณะของผลิตภณั ฑ์ที่มี สี ความเรียบร้อยกลมกลืนของ
คุณภาพทีส่ าคญั มี 2 อยา่ ง คือ เ ส้น แ น ว ห รื อ โ ค ร ง ส ร้า ง ข อ ง
ผลติ ภณั ฑ์

คุณภาพผลติ ภณั ฑ์
(Product Quality)

คื อ ค ว า ม เ ห ม า ะ ส ม ข อ ง
ผลติ ภณั ฑ์ในการบรโิ ภคที่ตรง
กบั ความต้องการและความ
ปรารถนาของลูกค้า ความ
เหมาะสมในการบริการโภค
น้นั ถูกกาาหนดด้วยคุณภาพ
ในการออกแบบผลติ ภณั ฑ์และ
คุณภาพของสินค้าที่ตรงตาม
มาตรฐานทไี่ ด้กาหนดไว้

2 หลกั การบรหิ ารงาน

. คณุ ภาพ 1. สารวจ ตรวจสอบ หรือทดสอบความตอ้ งการทแี่ ทจ้ ริง

เป็ นองค์การทมี งุ่ เน้นลูกคา้ เป็ น ของลูกคา้
สาคญั
(Customer Focus 2. ตอบสนองความตอ้ งการของลกู คา้
Organization)
3. สรา้ งระบบการประเมนิ ผลความพงึ พอใจของ
หลกั การที่ 4.ลูกคา้
1
สรา้ งระบบความสมั พนั ธ์ระหวา่ งลูกคา้ กบั
องค์การ

5. สรา้ งระบบการสอื่ สารภายในองค์การทมี่ ี

ประสทิ ธภิ าพ

การบรหิ ารดว้ ยความเป็ น 1. กาหนดวสิ ยั ทศั น์และพนั ธกจิ ขององค์การและหน่วยงาน
ผนู้ า ใหส้ อดคลอ้ งกบั เป้ าหมายและวตั ถุประสงคข์ ององคก์ าร
(Leadership)
2. มีความตนื่ ตวั ในการดาเนินการใหเ้ ป็ นแบบอยา่ งแก่
หลกั การที่ บุคลากรในองคก์ าร
2
3. สรา้ งแรงจงู ใจ กระตนุ้ ใหบ้ คุ ลากรมสี ว่ นรว่ ม
บ4.รสหิ ราา้ รงงคาวนามในเชหอื่ นม่น่ัวใยหงแ้านกบ่ คุ ลากร

5. ตง้ั เป้ าหมายทีท่ า้ ทายความสามารถของ
บุคลากร
6. ฝึ กอบรมและพฒั นาทกั ษะของบคุ ลากรพรอ้ มใหโ้ อกาส
ทางการศกึ ษา
7. จดั ใหม้ ีระบบการสอื่ สารทีม่ ีประสทิ ธภิ าพในการสรา้ งความ
เขา้ ใจท่วั ทง้ั องคก์ าร

8. สรา้ งคา่ นิยม “ความรว่ มมอื ” ของบุคลากร พรอ้ มใชค้ ณุ ธรรมใน
การบรหิ ารงานทุกระดบั

การมีสว่ นรว่ มของ
บุคลากร
(Involvement of
People)

หลกั การที่
3

ความรว่ มมือของบคุ ลากร คือ ความสาเร็จขององค์การ บุคลากรทุกคนไม่ใช่
จะทาาหน้าที่ของตนเองใหด้ ีที่สุดเทา่ น้นั แต่ต้องให้ความร่วมมือร่วมใจกบั
เพือ่ นรว่ มงานในการสรา้ งผลงานใหส้ าเร็จตามเป้ าหมายขององค์การ

การดาเนินงานอยา่ งเป็ นกระบวนการ
(Process Approach)

หลกั การที่ การดาเนินงานอย่างเป็ นกระบวนการ คือ การนาเอา
4 ทรพั ยากรหรือปจั จยั การผลติ เชน่ บุคลากรเทคโนโลยี
วตั ถุดบิ ป้ อนเขา้ สูร่ ะบบการทางานของหน่วยงานต่าง
ๆ เพือ่ ใหไ้ ดผ้ ลงานตามเป้ าหมาย

การบรหิ ารงานอยา่ งเป็ นระบบ ก า ร บ ริห า ร ง า น อ ย่า ง เ ป็ น ร ะ บ บ
(System Approach to หมายถึง การให้ความสาคญั กบั การ
Management) สมั พนั ธ์เกี่ยวข้องกนั ของหน่วยงาน
ต่ า ง ๆ ข อ ง อ ง ค์ ก า ร เ พ ร า ะ ทุ ก
หลกั การที่ หน่ วยงานมีส่วนร่วมในการสร้าง
5 ผลงานคุณภาพตามความต้องการ
ของลกู คา้ ทง้ั โดยตรงและโดยออ้ ม ดงั
แผนภมู ิ

การปรบั ปรุงงานอยา่ ง ในภาวะของการแขง่ ขนั ทางธุรกจิ และการเปลีย่ นแปลงทาง
ตอ่ เนือ่ ง สงั คมอย่างรวดเร็วทาให้องค์การต้องมีการปรบั ปรุงอยู่
(Continual ตลอดเวลา เพื่อความสามารถในการตอบสนองความ
Improvement) ตอ้ งการของลูกคา้ อยา่ งม่นั คง

หลกั การที่ การปรบั ปรุงงานอยา่ งตอ่ เนือ่ งยงั ชว่ ยเสรมิ สรา้ งใหอ้ งคก์ าร
6 มีความสามารถแข่งขนั กบั คู่แข่งขนั ทางธุรกิจ มีกาไร
เพม่ิ ขนึ้ และขยายงานไดม้ ากขน้ึ

การใชข้ อ้ เทจ็ จรงิ เป็ น
พ้ืนฐานในการตดั สนิ ใจ

หลกั การที่
7

การตดั สนิ ใจเลือกวธิ ีการทางาน หรือ
เลือกวิธีการแก้ปัญหาหรือเพื่อการ
ด า เ นิ น ก า ร ใ ด ๆ เ พื่ อ ใ ห้ เ กิ ด
ประสทิ ธภิ าพตอ่ การบรหิ ารงาน ต้อง
ใชข้ อ้ เทจ็ จรงิ หรือขอ้ มูลทถี่ ูกตอ้ งและ
มีการวิเคราะห์ด้วยหลกั การและ
เหตุผลอยา่ งเป็ นระบบ

หลกั การที่ การสรา้ งสมั พนั ธภาพกบั ตวั แทน
8 จาหน่ายหรือองคก์ ารทเี่ กีย่ วขอ้ ง
ดว้ ยพืน้ ฐานของผลประโยชน์ที่
เสมอภาคกนั

ตวั แทนจาหน่าย (Supplier)

หรือองค์การอื่นที่เกี่ยวข้องกบั องค์การของเราแม้ว่า
ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจะไม่เกี่ยวข้องกนั แต่
ความสมั พนั ธ์ในเชงิ ธุรกจิ ยอ่ มทาใหผ้ ลประโยชน์ทีไ่ ดร้ บั
มีความสมั พนั ธ์กนั ดงั น้นั สมั พนั ธภาพระหว่างองค์การ
จึ ง ค ว ร อ ยู่ บ น พ้ื น ฐ า น ข อ ง ค ว า ม เ ส ม อ ภ า ค ด้ า น
ผลประโยชน์ เพราะตา่ งก็ต้องพ่งึ พาซึ่งกนั และกนั ถ้ามี
ความเข้าใจกนั และมีสมั พนั ธ์ที่ดี ย่อมส่งผลให้เกิดการ
ดาเนินงานในเชิงสรา้ งสรรค์ร่วมกนั เพือ่ ผลประโยชน์

3 กระบวนการ
. บรหิ ารงานคุณภาพ

กระบวนการบริหารงานคุณภาพ คือ กระบวนการที่
01 02ประกอบดว้ ย 03

ปจั จยั นาเขา้ กระบวนการ ผลการ
(Input) ดาเนินงาน ดาเนินงาน
(Process) (Output)



4 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างคุณภาพ
. และระบบการผลติ

ในฝ่ ายผลิต ระบบการผลิตจะต้องผลิตให้ได้ 1. ความผนั แปรทเี่ กดิ ขน้ึ ตาม
ตามมาตรฐานทกี่ าหนด การตรวจสอบจงึ จดั ว่า ธรรมชาติ
เป็ นสงิ่ ทีส่ าคญั ในการผลติ เพือ่ นาผลตรวจสอบ
ไ ป แ ก้ ไ ข ป รับ ป รุ ง ไ ด้ ทัน ท่ ว ง ที แ ต่ ก า ร 2. ความผนั แปรทเี่ กดิ ขนึ้
ตรวจสอบในระบบการผลติ บางครง้ั ก็เกดิ ปญั หา แน่นอน
โดยท่วั ไปการสรุปปัญหาหรือจุดบกพร่อง ซึ่ง
เป็ นความผนั แปรทีเ่ กดิ ขึ้นได้เสมอในการผลติ
สาเหตุสามารถแยกออกไดด้ งั น้ี


Click to View FlipBook Version