The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัย เครื่องสำอาง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Peerada Phetrat, 2023-09-07 08:02:44

วิจัย เครื่องสำอาง

วิจัย เครื่องสำอาง

ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำองค์ วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นางสาวพีรดา เพชรัตน์ นางสาวธันยาพร ดำนิ่ม นางสาวณัฐชาริญา ยงวัฒนนา วิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง แผนกการตลาด วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร พ.ศ.2566 ลิขสิทธ์ของวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษร์นิกร


ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอางค์ วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา นางสาวณัชริญา ยงวัฒนา นางสาวธันยาพร ดำนิ่ม นางสาวพีรดา เพชรัตน์ วิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง แผนกการตลาด วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร พ.ศ.2566 ลิขสิทธ์ของวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษร์นิกร


ก กิตติกรรมประกาศ งานวิจัยเรื่อง “ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอางของนักเรียน นักศึกษา วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา” สำเร็จลุล่วงด้วยความกรุณาจาก อาจารย์ธัญญลักษณ์ แซ่ลิ่ม ที่ให้ความรู้และคำปรึกษา ตลอดจนชี้แนะแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อรายงานวิจัยชิ้นนี้ จนทำให้รายงานการวิจัยนี้สมบูรณ์ ผู้วิจัย ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ด้วย ขอขอบพระคุณบิดา มารดา และครอบครัวที่ให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจอันดี ทำให้การ ทำวิจัยครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ ขอขอบพระคุณผู้ที่ตอบแบบสอบถามทุกท่านที่ให้ความร่วมมือในการเก็บข้อมูลจนทำให้การ ทำวิจัยครั้งนี้สมบูรณ์และสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานวิจัยฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจออนไลน์ ตลอดจนผู้สนใจประกอบธุรกิจ นักศึกษา และบุคคลที่มีความสนใจ คณะผู้จัดทำ


ข หัวข้อวิทยานิพนธ์ ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอางของนักเรียน นักศึกษา วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร ชื่อผู้เขียน นางสาวณัชริญา ยงวัฒนา นางสาวธันยาพร ดำนิ่ม นางสาวพีรดา เพชรัตน์ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ธัญญลักษณ์ แซ่ลิ่ม สาขาวิชา การตลาด ปีการศึกษา 2566 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ของ ผู้บริโภคที่ใช้เครื่องสำอางในวิทยาลัย 2.เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มี ความสัมพันธ์ต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยหลวงประธาน โดยใช้แบบสอบถามใน การเก็บข้อมูลจากผู้ที่มีประสบการณ์ในการเลือกซื้อใช้เครื่องสำอาง ของ นักเรียน นักศึกษา วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก จำนวน 100 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคำนวณทางสถิติที่ใช้ในการทดสอบ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 16-20 ปี ศึกษา ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) เป็นนักเรียน นักศึกษา ผลการศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุดคือ ด้านผลิตภัณฑ์ รองลงมา ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านการส่งเสริมทาง การตลาด และ ด้านการสื่อสารทางการตลาด ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมุติฐานพบว่าปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และ ด้านราคาส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางของนักเรียน นักศึกษา วิทยาลัยการ อาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร สำคัญ : ปัจจัยการตลาด,เครื่องสำอาง,การตัดสินใจซื้อ


ค สารบัญ เรื่อง หน้า กิตติประกาศ ก บทคัดย่อ ข สารบัญตาราง จ บทที่ 1 บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญ 1-2 1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจัย 2 1.3 สมมุติฐานของการวิจัย 2 1.4 ขอบเขตการวิจัย 2-3 1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ 3 1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3 บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.1 แนวคิดเกี่ยวกับเครื่องสำอาง 4-6 2.2 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อ 6-13 2.3 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับส่วนประสมทางการตลาด 14-16 2.4 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 16 บทที่3 วิธีการดำเนินวิจัย 3.1 ระเบียบการวิจัย 17-18 3.2 การเก็บรวบรวมข้อมูล 18-19 3.3 การสร้างเครื่องมอในการวิจัย 20-21 3.4 สถิติการใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 21


ง สารบัญ ต่อ เรื่อง หน้า บทที่4 ผลการวิจัย 4.1 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 22 4.2 การเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 22-30 บทที่5 สรุปอภิปลายผลและข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผลการศึกษา 30-32 5.2 อภิปรายผลการวิจัย 32-36 5.3 ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัย 36 5.4 งานวิจัยที่เกี่ยวเนื่องในอนาคต 37 บรรณานุกรม 38 ภาคผนวก 39 แบบสอบถาม 40-42 ประวัติผู้จัดทำ 43-46


จ สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า ตารางที่ 1 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปจำแนกตามเพศ 22-23 ตารางที่ 2 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปจำแนกตามด้านอายุ 23 ตารางที่ 3 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปจำแนกตามระดับการศึกษา 23 ตารางที่ 4 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปจำแนกตามอาชีพ 23-24 ตารางที่ 5 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปจำแนกตามรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 24 ตารางที่ 6 ประเภทของเครื่องสำอางที่เลือกใช้ 25 ตารางที่ 7 ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจ 26 ซื้อเครี่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านผลิตภัณฑ์ ตารางที่ 8 ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอาง 27 ในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านราคา ตารางท ี่ 9 ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจ 28 ซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านการจัดจำหน่าย ตารางที่ 10 ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจ 29 ซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านส่งเสริมการตลาด ตารางที่ 11 ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่อง 30 สำอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านสื่อสารการตลาด


1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญของปัญหา เครื่องสำอางหมายถึงผลิตภัณฑ์สิ่งปรุงเพื่อใช้บนผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยใช้ทา ถู นวด พ่น หรือโรย โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำความสะอาดหรือส่งเสริมให้เกิดความสวยงามเพื่อเปลี่ยนแปลง รูปลักษณะคำว่าเครื่องสำอางมีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโดยในโดยในสมัยแรกแรกนั้นใช้เครื่องสำอางเนื่องจาก ความจำเป็นเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมหรือธรรมชาติเครื่องสำอางจัดเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่มีมาแต่สมัย โบราณมีการค้นพบว่าการใช้เครื่องสำอางมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณจีนอินเดียและต่อมาจนถึงปัจจุบันโดยชาวกรีก เป็นชาติแรกที่มีการแยกการเเพทย์และเครื่องสำอางออกจากกิจการทางศาสนาและยังถือว่าการใช้เครื่องสำอาง เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปฏิบัติต่อร่างกายให้ถูกต้องสม่ำเสมอเป็นกิจวัตรประจำวัน (พรเทพ ทิพยพรกุล,2559) ปัจจุบันเครื่องสำอางเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้นตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีความหลากหลายทั้งในเรื่องของราคาและคุณภาพที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคโดยผู้บริโภคยุค ใหม่ได้มีทัศนคติและพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการที่เปลี่ยนไปโดย/ช่องทางการจัดจำหน่ายเครื่องสำอางมี หลายช่องทางได้แก่การจำหน่ายผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านเสริมสวยหรือสถาบันเสริมความงามร้านขายยาและร้าน สะดวกซื้อเป็นต้น (พรเทพ ทิพยพรกุล,2559) ประเทศไทยก้าวสู่ยุคที่โซเชียลมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าและบริการในขณะที่ โทรศัพท์มือถือกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการช้อปปิ้งของลูกค้าเริ่มตั้งแต่การหาข้อมูลของสินค้าและร้านค้าก่อน ซื้อเปรียบเทียบราคาอ่านรีวิวของลูกค้าคนอื่นเพื่อขอความเห็นจากเพื่อนหรือญาติสนิทและอื่นๆด้วยวิวัฒนาการ ของการค้าออนไลน์ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางการช็อปปิ้งที่หลากหลายและควบคุมทั้งโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะนอกเหนือจากการให้บริการผ่านร้านค้าทั่วไปสาเหตุหลักของการตัดสินใจซื้อ สินค้าออนไลน์ในปัจจุบันเป็นเพราะความสะดวกสบาย (พรเทพ ทิพยพรกุล,2559) จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นถึงการเลือกซื้อเครื่องสำอางในระบบออนไลน์ผู้บริโภคย่อมมี พฤติกรรมการซื้อและปัจจัยในการตัดสินใจซื้อแตกต่างกัน ดังนั้นผู้วิจัยมีความสนใจที่จะศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการ


2 ตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในระบบออนไลน์ของผู้บริโภคในเขตวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร (พรเทพ ทิพยพรกุล,2559) 1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจัย งานวิจัยเรื่อง “ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอางของนักเรียน นักศึกษาหญิง วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร” มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาดังนี้ 1.เพื่อการศึกษาพฤติกรรมการซื้อเครื่องสำอางของนักเรียนนักศึกษาหญิงวิทยาลัยการอาชีพหลวง ประธานราษฎร์นิกร 2.เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางของนักเรียนนักศึกษา หญิงวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร 1.3 สมมติฐานการวิจัย 1.3.1 ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ที่ต่างกัน จะมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอางของ นักเรียน นักศึกษา หลวงประธานราษฎร์นิกร 1.3.2 พฤติกรรรมการซื้อเครื่องสำอางต่างกัน มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางของ นักเรียน นักศึกษา หลวงประธานราษฎร์นิกร 1.4 ขอบเขตการวิจัย 1.4.1 ขอบเขตด้านเนื้อหา 1.1 ตัวแปรอิสระ 1.1.1ปัจจัยทางประชากรศาสตร์ได้แก่ เพศ อายุ รายได้ต่อเดือนและระดับ การศึกษา 1.1.2พฤติกรรมการซื้อเครื่องสำอางได้แก่บุคคลที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ เครื่องสำอางความถี่ในการซื้อเครื่องสำอางช่วงราคาที่ซื้อเครื่องสำอางและ วัตถุประสงค์ที่เลือกซื้อเครื่องสำอาง 1.1.3ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดได้แก่ด้านผลิตภัณฑ์ด้านราคาด้านการจัด จำหน่ายและด้านส่งเสริมการขาย


3 1.2 ตัวแปรตามคือการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางของนักเรียนนักศึกษาหญิง วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร 1.4.2 ขอบเขตด้านประชากร 2.ขอบเขตด้านประชากรของการวิจัยได้แก่ประชากรที่ใช้ศึกษาในครั้งนี้คือนักเรียนนักศึกษาหญิงวิทยาลัยการ อาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร 1.4.3 ขอบเขตด้านพื้นที่ และระยะเวลา 3.ขอบเขตด้านพื้นที่ของการวิจัยคือการเก็บข้อมูลภายในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร 4.ระยะเวลาการศึกษาวิจัยครั้งนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 ถึง กรกฎาคม 2566 1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ เครื่องสำอาง หมายถึง พฤติกรรมที่ใช้กับร่างกายมนุษย์เพื่อความสะอาดความสวยงามและ ประทินผิวที่ผู้บริโภคซื้อ พฤติกรรมการเลือกซื้อเครื่องสำอาง หมายถึง การกระทำของผู้บริโภคที่เป็นตัวนำในการ ตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอางประกอบด้วยประเภทของเครื่องสำอางยี่ห้อของเครื่องสำอางบุคคลที่มี ผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางความถี่ในการซื้อเครื่องสำอางช่วงราคาที่ซื้อเครื่องสำอางและ วัตถุประสงค์ที่เลือกซื้อเครื่องสำอาง ปัจจัยในการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอาง หมายถึง ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ด้านราคาด้านการจัด จำหน่ายและการส่งเสริมการขาย 1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.6.1 ทำให้ทราบพฤติกรรมการเลือกซื้อเครื่องสำอางของนักเรียนนักศึกษาหญิง วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร 1.6.2 ทำให้ทราบถึงปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของนักเรียนนักศึกษาหญิง วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร


4 บทที่2 แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การวิจัยเรื่อง “ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอางของนักเรียน นักศึกษา วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร” ผู้วิจัยได้ทำการศึกษารวบรวมแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่ เกี่ยวข้องเพื่อเป็นแนวทางในการวิจัยตามลำดับดังนี้ 2.1 แนวคิดเกี่ยวกับเครื่องสำอาง 2.2 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อ 2.3 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับส่วนประสมทางการตลาด 2.4 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.1 แนวคิดเกี่ยวกับเครื่องสำอาง 2.1.1 ความหมายของเครื่องสำอาง หมายถึง ผลิตภัณฑ์สิ่งปรุงเพื่อใช้บนผิวหนัง หรือส่วนใดส่วนหึ่งของร่างกาย โดยใช้ทา ถู นวด พ่น หรือโรย มี จุดประสงค์เพื่อทำความสะอาด หรือส่งเสริมให้เกิดความสวยงาม หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปลักษณะ คำว่า (cosmetics) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกว่า (kosmetikos) ซึ่งมีความหมายว่าตกแต่งให้สวยงามเพื่อดึงดูดความ. สนใจจากผู้พบเห็น คำว่า (komos) แปลว่า เครื่องประดับ) โดยใน สมัยแรกๆนั้น ใช้เครื่องสำอางเนื่องจากความ จำเป็น เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมหรือธรรมชาติ (พระราชบัญญัติเครื่องสำอางพ.ศ. 2558) คําจํากัดความของเครื่องสําอางมีมากมายหลายแบบ ขึ้นอยู่กบผู้ให้ความหมายวว่ามีความ ต้องการสื่อหรือมีวัตถุประสงค์อย่างไร โดยมีหลักการและพื้นฐานในการให้คําจํากัดความ ดังต่อไปนี้ วิเชียร โรจนสิงห์สวัสดิ์ (2529) กล่าววา ่ “Cosmetic” หรือเครื่องสําอางมีรากศัพท์มาจาก ภาษา กรีกวา ่ “Kosmein” ซึ่งมีความหมายถึงการตกแต่งให้สวยงามเพื่อดึงดูดความสนใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็น การตกแต่ง ในที่นี้หมายถึง การใช้สิ่งใดสิ่งหนึ่งกบใบหน้าและส่วนอื่นๆของร่างกาย พระราชบัญญัติเครื่องสําอาง พ.ศ. 2535(2535) มาตรา 4ได้ระบุวา เครื่องสําอางหมายความว่า เครื่องสําอาง ตามพระราชบัญญัติเครื่องสําอาง ได้ระบุความหมายไว้ว่า 1. วัตถุที่มุ่งหมายใช้ทาถูนวด โรย พ่น หยอด ใส่อม ฯลฯ ต่อรายการเพื่อความสะอาด สวยงาม หรือ ส่งเสริมให้เกิดความสวยงามและรวมตลอดทั้งเครื่องประทินผิวต่างๆ ด้วย แต่ไม่รวมถึงเครื่องประดับและเครื่อง แต่งตัวซึ่งเป็นอุปกรณ์ภายนอกร่างกาย


5 2. วัตถุที่มุ่งหมายใช้ผสมในการผลิตเครื่องสําอางโดยเฉพาะ 3. วัตถุที่กาหนดโดยกฎกระทรวงให้เป็นเครื่องสําอาง สมชาย สัมพันธ์วิวัฒน์ (2542) กล่าววาเครื่องสําอางที่ภาษาอังกฤษเรียกว ่ า ่ “Cosmetic” มา จาก คําภาษากรีกว่า “Kosmetikos” คําว่า “Komos” หมายถึงเครื่องสําอาง “สีที่ใช้ทา” หรือนํามา 8 สัมผัสภายนอก ร่างกายเพื่อให้เกิดความสวยงาม แต่ปัจจุบันความหมายกว้างออกไปถึงสารที่ใช้ภายในปากด้วย เช่น น้ำยาล้าง ปาก ยาสีฟัน น้ำหอม ลิปสติก แชมพู ยาทาเล็บ แป้งผัดหน้า เป็นต้น ดังนั้น เครื่องสําอาง หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาเพื่อใช้ทําความสะอาด บํารุง ตกแต่งให้ใบหน้าและ ส่วนอื่นๆ ของร่างกายเกิดความสวยงาม โดยวิธีการทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อม หรือวิธีการอื่นใด ประเภทของเครื่องสําอาง เครื่องสําอางนั้นแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ในที่นี้จะนําเอา วิธีการแบ่ง ประเภทของคณะกรรมการร่างมาตรฐานเครื่องสําอาง ซึ่งแบ่งประเภทของเครื่องสําอาง ตามลักษณะการใช้ต่าง ส่วนต่างๆ ของร่างกายดังนี้ คือ เครื่องสําอางสําหรับลําตัว เครื่องสําอางประเภทนี้ได้แก่ - ครีมและโลชั่นทาผิว ใช้ทากับบผิวบริเวณลําตัว เพื่อให้ผิวหนังเกิดความนุ่มนวล แก้อาการผิวหนัง สากและแห้ง รวมไปถึงครีมที่ใช้ทาผิวเพื่อกระชับสัดส่วน และครีมเพื่อเสริมบํารุง ทรวงอกให้เต่งตึง ไม่หยอนยาน - สิ่งปรุงป้องกนแดดและแต่งผิว เป็นสิ่งปรุงที่ประกอบด้วยสารซึ่งสามารถดูดซึมและ แยกรังสีคลื่นสั้น ของแสงอาทิตย์ออกจากรังสีทั้งหมด ช่วยทําให้ผิวคลํ้าลงโดยไม่เกิดการอักเสบ ป้องกนผิวไหม้บรรเทาอาการปวด ร้อน หรือระคายเคืองอันเกิดจากการตากแดด รวมไปถึงสิ่งปรุงที่ ทําให้สีผิวจางและฟอกสีผิว - ผลิตภัณฑ์ทําความสะอาดผิวกาย มีลักษณะเป็นของเหลว ครีม เจล หรือก้อน - นํ้ายาทาและล้างเล็บ เป็นเครื่องสําอางที่เป็นของเหลว เพื่อใช้ล้างทําความสะอาดเล็บ และตกแต่ง เล็บให้มีสีสวยสดงดงาม - สิ่งปรุงระงับเหงื่อ กลิ่นตัว เป็นเครื่องสําอางกึ่งยามีทั้งชนิดของเหลวและเป็นแท่ง ใช้ทาระงับกลิ่นอัน เกิดจากการหมักหมมของเหงื่อไคล รวมไปถึงแป้ งฝุ่ นโรยตัว ที่ใช้ทาบนร่างกาย เพื่อให้รู้สึกลื่นสบายผิว ป้องกน ความอับชื้นและกลิ่นอันเกิดจากเหงื่อไคล - แป้งโรยตัว ใช้ทาบนร่างกายเพื่อให้รู้สึกลื่น สบายตัวป้องกนการอับชื้นและกลิ่นอัน เกิดจากเหงื่อไคล 2.1.2 ความหมายของธุรกิจขายตรง การขายตรง (Direct sales) คำว่า “การขายตรง” ที่ บัญญัติขึ้นโดยสมาพนธ์การขายตรง แห่งโลก (World federation of direct selling associations) และสมาคมการขายตรงไทย หมายถึง การทาตลาดสินค้า อุปโภคในลกษณะของการนำเสนอขายต่อผู้บริโภคโดยตรง ณ ที่อยู่อาศยของผู้บรู้โภคหรือที่อยู่อาศัยของผู้อื่น ณ ที่ทำงานของผู้บริโภคหรือที่อื่น ๆ โดยผู้ขายตรงให้การ


6 อธิบาย หรือสาธิตสินค้าเป็นกลยุทธ์หลักในการเสนอขาย การขายตรงเป็นการเสนอขายสินค้าหรือบริการให้แก่ผู้บริโภค โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ไม่มีการ วางขายโดยทั่วสินค้าส่วนใหญ่พนักงานขายจะต้องสาธิตวิธีการใช้ให้ลูกค้าดูรูปแบบการขายตรงจะเป็นการเสนอ ขายสินค้าถึงบ้านหรือที่ทำงาน ถึงลูกค้าทางโทรศัพท์ทางไปรษณีย์หรือการออกงานแสดงสินค้า 2.1.3 ลักษณะของธุรกิจขายตรง 1. ธุรกิจขายตรงแบบชั้นเดียว (Single – level marketing หรือ SLM) หมายถึง มีบุคคล ทำา หน้าที่กระจายสินค้าหรือให้บริการกับลูกค้าโดยตรง เช่น พนักงานขายทั่วๆ ไปที่ รับรายได้เป็น เงินเดือน 2. ธุรกิจขายตรงแบบชั้นเดียว (Multi – level marketing หรือ MLM) หมายถึงการขาย ต่อ ๆ กัน เป็นเครือข่ายหลายชั้น ผู้ขายเป็นนักขายอิสระไม่ใช่ลูกจ้างของบริษัท โดยนักขายสามารถ สร้างรายได้จากการทำา งาน 2 วิธีรวมกัน คือ 2.1 ผลกำไรจากการขายปลีก ซึ่งผลต่างระหว่างต้นทุนสินค้าที่ซื้อมาจากบริษัทกับราคาขายปลีกที่ได้ ขายสินค้าหรือบริการให้ก้บผู้บรู้โภค 2.2 คอมมิชชั่นจากการสั่งซื้อ (เพื่อบริโภคหรือเพื่อขายให้กับผู้ขายคนอื่นต่อ ๆ ไป) จากผู้ขายที่ได้ ชักชวนเข้ามาสมัครร่วมธุรกิจในทีมขาย หรือที่ เรียกว่า “สปอนเซอร์” ในระดับเป็น ชั้นต่อ ๆ ไป 2.2 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อ 2.2.1 ความหมายพฤติกรรมผู้บริโภค พฤติกรรมผู้บริโภค หมายถึง การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคมีรากฐานมาจากพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค ซึ่ง แสดงบทบาทที่แตกต่างกันสามบทบาทได้แก่ ผู้ใช้ ผู้จ่าย และผู้ซื้อ ผลการวิจัยได้แสดงว่าพฤติกรรมผู้บริโภคนั้น ยากที่จะพยากรณ์ แม้กระทั่งโดยผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นเอง การตลาดความสัมพันธ์คือสิ่งหนึ่งที่ทรงคุณค่าและมีอิทธิพลสำหรับการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพราะมันมีจุด สนใจที่โดดเด่นในการรื้อฟื้นความหมายที่แท้จริงของการตลาด ด้วยการยอมรับความสำคัญของลูกค้าหรือผู้ซื้อ การ รักษาผู้บริโภค การจัดการความสัมพันธ์ต่อผู้บริโภค การปรับตามปัจเจกบุคคล การปรับตามผู้บริโภค และ การตลาดหนึ่งต่อหนึ่ง ก็เป็นสิ่งที่ได้ให้ความสำคัญมากขึ้น การทำหน้าที่เชิงสังคมสามารถจัดประเภทเป็นทางเลือก ของสังคมและการทำหน้าที่สวัสดิการ พฤติกรรมผู้บริโภคมีผลต่อความสำเร็จของธุรกิจ ดังนั้นการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคจะทำให้สามารถสร้าง กลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคและความสามารถในการค้นหาทางแก้ไข พฤติกรรมใน การตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคในสังคมได้ถูกต้องและสอดคล้องกับความสามารถในการตอบสนองของธุรกิจ มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญจะช่วยในการพัฒนาตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคที่ฉลาด นอกจาก


7 จะต้องมีหลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อสินค้าบริการแล้ว จะต้องรอบรู้เท่าทันกลวิธีเทคนิค และกลฉ้อฉลต่าง ๆ ที่ใช้ใน การขายสินค้าและบริการ รวมถึงสามารถปกป้องสิทธิที่ตนเองพึงได้รับด้วย การเรียนรู้การเป็น ผู้บริโภคที่ฉลาด จะ ทำให้ทราบและสามารถลำดับความสำคัญของทางเลือกต่าง ๆ ในการใช้เงิน ตลอดจนรู้จักหลักเกณฑ์ในการเลือก ซื้อและใช้สินค้าและบริการ 2.2.2 การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค คือ การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เป็นกระบวนการค้นหาหรือวิจัยเกี่ยวกับ พฤติกรรมการซื้อและการใช้ของผู้บริโภค เพื่อให้รู้ว่าเพราะเหตุผลใดจึงเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าใดสินค้าหนึ่ง หรือ มีรูปแบบของ Customer Journey อย่างไรบ้าง ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คนทำธุรกิจและนักการตลาด จำเป็นต้องทำการศึกษา ไม่เช่นนั้นธุรกิจอาจมองไม่เห็นและไม่เข้าใจถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า ของผู้บริโภค ทำให้ไม่สามารถปรับปรุงการทำการตลาด หรือพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของ กลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง งานวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคจึงเป็นเอกสารสำคัญที่ทุกธุรกิจควรมี และผู้พัฒนาธุรกิจเองก็ควรที่จะ ทำการศึกษาอย่างละเอียดว่า พฤติกรรมผู้บริโภค (Consumer Behavior) คืออะไร และมีกระบวนการเก็บ รวบรวมข้อมูลจากการใช้เครื่องมือวิจัยที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น การใช้แบบสอบถามออนไลน์, การสัมภาษณ์ การ สำรวจ ฯลฯ ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้ได้วิจัยตลาดที่สมบูรณ์มาได้อย่างไรบ้าง ซึ่งมีรายละเอียดต่างๆ ที่ ควรทราบ ดังนี้ 2.2.3 พฤติกรรมผู้บริโภค พฤติกรรมผู้บริโภค (Consumer Behavior) คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ทำการค้นหา พิจารณา ตัดสินใจ การซื้อสินค้า ไปจนถึงการใช้ แนวคิด การประเมินผลในสินค้าและบริการ หรือประสบการณ์ที่จะทำให้ผู้บริโภคพึง พอใจ หรืออาจหมายถึงการศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจและการกระทำของคนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อและการใช้ สินค้า เพื่อทำให้ทราบถึงลักษณะความต้องการและพฤติกรรมการซื้อและการใช้ของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม รวมถึงสามารถนำมาวางแผนการจัดการลูกค้าสัมพันธ์(CRM) เพื่อยกระดับความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้น โดยพฤติกรรมของผู้บริโภคจะเกิดขึ้นไปในแนวทางไหนจะขึ้นอยู่กับอิทธิพลที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือ บริการของผู้บริโภค ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 6 ปัจจัย ดังนี้ • การรับรู้ (Perception) • การเรียนรู้ (Learning) • การจูงใจ (Motivation) • ความเชื่อและทัศนคติ (Belief and Attitude) • บุคลิกภาพและแนวคิดเกี่ยวกับตนเอง (Personality and Self-Concept)


8 • รูปแบบการดำเนินชีวิต (Lifestyle) 2.2.4 การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค 6W1H ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้เพื่อวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า คือ ทฤษฎี6W1H หมายถึง ทฤษฎี การศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งประกอบไปด้วย Who? What? Where? When? Why? Whom? และ How? เพื่อให้ได้คำตอบ 7 Os ประกอบด้วย Occupants, Objects, Objectives, Organization, Occasions, Outlets and Operations ดังนี้ Who : ใครคือกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการ เป็นการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในเชิงประชากร เพื่อให้ได้ลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย (Occupants) ที่ ต้องการประกอบด้วยทางด้าน (1) ประชากรศาสตร์(2) ภูมิศาสตร์(3) จิตวิทยา หรือ จิตวิเคราะห์(4) พฤติกรรม ศาสตร์ What : กลุ่มเป้าหมายต้องการอะไร เป็นการหาว่าสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ (Objects) คืออะไร โดยการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าว่า พวกเขาต้องการอะไร ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาต้องการคุณสมบัติหรือองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ (Product Component) อย่างไร โดยอาจจะดูจากพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ความชอบต่างๆ ประกอบด้วย Where : กลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ไหน เป็นการหาช่องทางหรือแหล่ง (Outlets) ที่กลุ่มเป้าหมายใช้ซื้อหรือเห็นสินค้าและบริการของคุณ ซึ่ง อาจจะไม่ใช่แค่หน้าร้านที่คุณเปิด แต่ยังรวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ที่คุณมีอยู่ด้วย When : กลุ่มเป้าหมายซื้อสินค้าหรือใช้บริการคุณเมื่อไหร่ เป็นการหาโอกาสการซื้อ (Occasions) ของกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น หาว่ากลุ่มเป้าหมายซื้อสินค้าหรือ ใช้บริการของคุณในช่วงเดือนใดของปีหรือช่วงฤดูกาลใดของปีช่วงวันใดของเดือน เพื่อนำมาวางแผนการตลาด ในช่วงที่ลูกค้าต้องการได้มากที่สุด Why : ทำไมกลุ่มเป้าหมายถึงต้องเลือกซื้อสินค้าและบริการจากคุณ เป็นการหาวัตถุประสงค์ในการซื้อ (Objectives) โดยวิเคราะห์ว่าสินค้าหรือบริการของคุณตอบโจทย์หรือ แก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร ซึ่งต้องศึกษาถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อ ได้แก่ (1) ปัจจัยภายในหรือปัจจัยทางด้านจิตวิทยา (2) ปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรม


9 (3) ปัจจัยเฉพาะบุคคล Whom : ใครที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสำหรับกลุ่มเป้าหมายบ้าง เป็นการหาบทบาทของกลุ่มต่างๆ (organizations) ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ โดยนำมาใช้ปรับปรุง กลยุทธ์การโฆษณา กลยุทธ์การส่งเสริม การตลาดโดยใช้กลุ่ม Influencer ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะ ในบางครั้งลูกค้าไม่ได้เชื่อในประสิทธิภาพของสินค้าหรือบริการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเชื่อในคำบอกเล่าหรือ การรีวิวจากผู้ใช้งานจริงด้วย How : กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการอย่างไร เป็นการหาขั้นตอนในการตัดสินใจซื้อ (Operation) ประกอบด้วย (1) การรับรู้ปัญหา (2) การค้นหาข้อมูล (3) การประเมินผลทางเลือก (4) การตัดสินใจซื้อ (5) ความรู้สึกภายหลังการซื้อ ซึ่งจะทำให้เห็นวิธีการและขั้นตอนที่นำไปสู่การตัดสินใจซื้อมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ตัดสินใจจากการเห็นโปรโมชัน มีบริการที่สะดวกและตอบโจทย์เป็นต้น 2.2.5 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผบริผู้โภคประกอบด้วย 1. ปัจจัยด้านจิตวิทยา (Psychological factors) ได้แก่การจูงใจการรับรู้การเรียนรู้ความ เชื่อถือ ทัศนคติบุคลิกภาพและแนวคิดที่มีต่อตนเอง 2. ปัจจัยด้านวัฒนธรรมและสังคม (Cultural and social factors) ได้แก่วัฒนธรรมวัฒนธรรมยังอยู่ วัฒนธรรมข้ามชาติครอบครัว ชั้นสังคมและกลุ่มอ้างอิง 3. ปัจจัยส่วนบุคคลและโครงสร้างด้านจิตนิสัย (Personal factors and psychographic) ได้แก่อายุ วงจรชีวิตครอบครัวอาชีพ รายได้หรือสถานภาพทางเศรษฐกิจการศึกษาและค่านิยม และรูปแบบการดำรงชีวิต 4. สิ่งกระตุ้นภายนอก (Stimulus) ในการตัดสินใจซื้อ ได้แก่สิ่งกระตุ้นทางการตลาด (Marketing stimulus) ได้แก่ผลิตภัณฑ์(Product) ราคา (Price) การจัดจำหน่าย (Distribution หรือ place) การส่งเสริม


10 การตลาด (Promotion) และสิ่งกระตุนภายนอกอื่น ๆ ได้แก่ เศรษฐกิจเทคโนโลยีกฎหมายและการเมืองและ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ เป็นต้น 5. ปัจจัยด้านสถานการณ์(Situational factors) ได้แก่สภาพแวดล้อมทางกายภาพ เวลา และอารมณ์ 6. ปัจจัยด้านเทคโนโลยี(Technological factors) ได้แก่การเขาใช้เว้บ ความสามารถใน การค้นหา ความสามารถในการประเมินทางเลือกในการซื้อและการป้อนกลับภายหลังการซื้อ ปัจจัยทั้ง 6 ดังกล่าวนั้นจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อกระบวนการตดสินใจซื้อซึ่งประกอบด้วย ขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้1) การรับรู้ถึงความต้องการหรือการรับรู้ปัญหา 2) การค้นหาข้อมูล 3) การเมน ผลทางเลือก 4) การตัดสินใจซื้อ 5) การบริโภค 6) พฤติกรรมภายหลังการซื้อเมื่อผู้บริโภคตัดสินใจซื้อแล้วก็จะเกิดผลลัพธ์ดังนี้ 1. การยอมรับในผลิตภัณฑ์ถ้าผลิตภัณฑ์นั้นมีคุณสมบัติที่ดีและสามารถตอบสนอง ความตองการได้ก็จะ พอใจและยอมรับ มีการซื้อซ้ำาและบอกต่อในสิ่งที่ดีซึ่งผู้บริโภคที่ยอมรับ ผลิตภัณฑ์จะมีการซื้อซ้ำาและใช้เป็น ประจำ ผลิตภัณฑ์นั้นก็จะกลายเป็นสัญลักษณืของผู้บริโภค (Symbolic consumer behavior) 2. การต่อต้านถ้าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมานั้นมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามที่คาดหวังก็จะเกิด ความไม่พอใจและ ต่อต้านไม่ซื้ออีกและอาจบอกต่อในเชิงลบสู่ญาติเพื่อนและคนรู้จัก 2.2.6 พฤติกรรมกระบวนการตัดสินใจ กระบวนการจำลองพฤติกรรมกระบวนการตัดสินใจประกอบไปด้วยขั้นตอนต่างๆดังนี้ ขั้นตอนที่1 การเล็งเห็นปัญหาหรือตระหนักถึงความต้องการเป็นขั้นตอนเริ่มต้นของ กระบวนการตัดสินใจ เกิดขึ้นเมื่อบุคคลเกิดความรู้สึกในความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ผู้บริโภคนึก เห็นภาพสภาวะที่ปรารถนาเมื่อ เปรียบเทียบกับสภาวะที่เป็นจริง ณ เวลาหนึ่งแล้วทำการกำหนดว่า เป็นความตองการที่มีลำดับความสําคัญสูงมาก พอที่จะสนใจ แหล่งสําคัญของการตระหนักถึง ปัญหาก็คือความต้องการการเกิดตื่นตัวขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อความต้องการเกี่ยวพันกับภาพพจน์ของตนเอง (Self-image) ของผู้บริโภค สิ่งจูงใจต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะมุ่ง ไปสู่วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายผู้ที่คาดว่าจะเป็นผู้ซื้ออาจถูกจูงใจด้วยปัจจัยต่าง ๆ มากมาย เช่น รูปร่างดี (Physical fitness) หรือความปรารถนาที่จะได้รุ่นล่าสุด เป็นต้น ขั้นตอนที่2 การเสาะแสวงหาข่าวสารเป็นขั้นตอนถัดมา เป็นขั้นตอนเกี่ยวกับการเสาะแสวงหาข่าวสาร จากภายในความทรงจำเพื่อกำหนดว่าทางเลือกอันประกอบด้วยลักษณะต่าง ๆ ของสินค้าที่กระจ่างพอที่จะทำการ ซื้อโดยไม่ตองทำการเสาะแสวงหาข่าวสารอื่นต่อไปหรือไม่ถ้า ข่าวสารในความทรงจำไม่มีพอโดยปกติก็จะตองทำ การเสาะแสวงหาจากแหล่งภายนอกการจะทำการเสาะแสวงหาจากแหล่งภายนอกได้รับอิทธิพลของความแตกต่าง ของบุคคลและอิทธิพลทางด้าน สิ่งแวดล้อม ครอบครัวมักมีอิทธิพลในขอบเขตของการเสาะแสวงหาข่าวสารด้วย


11 ขั้นตอนที่3 ประเมินค่าทางเลือกก่อนซื้อผู้ที่ จะซื้อรถจักรยานจะต้องทำการตรวจจักรยาน ในแง่ของ ลักษณะของผลิตภัณฑ์และทาการเปรียบเทียบกับมาตรฐานหรือสเปค (Specificationคุณลักษณะเฉพาะ) และมี การใชเกณฑ์ในการประเมินทางเลือก (Evaluative criteria) เพื่อเปรียบเทียบ ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์และ ตราดังกล่าวกล่าวอีกนัยหนึ่งเกณฑ์เป็นผลที่ปรารถนาจะได้จาก การซื้อและการบริโภคและแสดงออกมาใน รูปลักษณะที่ นิยมชมชอบ เช่นกันกับขั้นตอนการเสาะแสวงหาข่าวสารการประเมินทางเลือกก่อนซื้อถูกปรับแต่ง และถูกอิทธิพลจากความแตกต่างของ บุคคลและอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ขั้นตอนที่4 การซื้อมักจะเกิดขึ้นในร้านค้าปลีก บางทีก็จ่ายของที่ บ้าน อย่างไรก็ดีสิ่ง สำคัญที่ตอ้งมีคือ พนักงานขายที่มีความชำนาญสูง ขั้นตอนที่5 และ 6 การอุปโภคบริโภคและการประเมินทางเลือกหลังซื้อ ทั้งสองอย่างมีความผูกพันอย่าง ใกล้ชิดเรี่องที่ น่าสนใจคือความพึงพอใจของผู้บริโภคและการรักษา ความพอใจนั้นคำถามที่น่าสนใจคือความ คาดหมายของผู้ซื้อเป็นไปอย่างสมหวังหรือเปล่าถ้าความคาดหมายเทียบได้กับ ปฏิบัติการของผลิตภัณฑ์ผลก็คือ น่าพอใจแต่ถ้าเกิดมีทางเลือกที่มิได้เลือกไว้และเกิดนึกเห็นภาพวาด กว่าตราที่เลือกไว้ความไม่พอใจอาจเกิดขึ้น ขั้นตอนที่7 การจัดการสิ่งเหลือใช้ผู้บริโภคพบทางเลือกที่จะทิ้งผลิตภัณฑ์หรือาจทำให้กลบสภาพเดิมหรือ ทาการตลาดซ้ำอีก (Remarketing-ขายไปสู่ตลาดของใช้แล้ว) 2.2.7 แบบจําลองกระบวนการตัดสินใจของ Kotler P. Kotler และ K.L. Keller (2012: 188) ได้นำเสนอกระบวนการตัดสินใจแบบ 5 ขั้นตอน ขั้นแรก ได้แก่การตระหนักถึงปัญหาหรือความต้องการ (Problem recognition) ขั้นที่ 2 ได้แก่การหาข้อมูล (Information search) ขั้นที่ 3 ได้แก่การประเมินทางเลือก (Evaluation of alternatives) ขั้นที่ 4 ได้แก่การ ตัดสินใจซื้อ (Purchase decision) และขั้นที่ 5 ได้แก่พฤติกรรมหลังการซื้อ (Postpurchase behavior) ภาพที่ 3 แบบจำลองกระบวนการตัดสินใจของ Kotler ที่ มา: Kotler, Philip and Keller, Kevin Lane, Marketing Management 12th Edition (Edinburgh Gate: Pearson Education Limited, 2012). การตระหนัก ถึงปัญหา การหาข้อมูล การประเมิน ทางเลือก การตัดสินใจซื้อ พฤติกรรม หลังการซื้อ


12 1. การรับรู้ถึงความต้องการ (Need arousal) หรือการรับรู้ถึงปัญหา (Problem recognition) หมายถึงการที่ บุคคลรับรู้ถึงความตองการภายในของตนซึ่งอาจเกิดขึ้นเองหรือเกิดจากสิ่งกระตุ้น เช่นความหิว อ้วน ฯลฯ 2. การค้นหาข้อมูล (Information search) ถ้าผู้บริโภคต้องการซื้อผลิตภัณฑ์อื่นเนื่องมาจากการกระตุ้นต่าง ๆ แล้วผู้บริโภคจะแสวงหาขอมูลในตัวผลิตภัณฑ์นั้นเพื่อประกอบการตัดสินใจ ดังนั้นนักการตลาดจึงต้องให้ความ สนใจเกี่ยวกับแหล่งขอมูลที่ผู้บริโภคจะเข้าไปแสวงหา ซึ่งประกอบด้วย 5 แหล่งหลัก คือ 2.1 แหล่งบุคคล (Personal sources) ได้แก่ครอบครัวเพื่อน คนรู้จัก ฯลฯ 2.2 แหล่งการคา้ (Commercial sources) ได้แก่สื่อการโฆษณา ตัวแทนการค้าการจัด แสดงสินค้า ฯลฯ 2.3 แหล่งชุมชน (Public sources) ได้แก่สื่อมวลชน องค์การคุ้มครองผู้บริโภค ฯลฯ 2.4 แหล่งประสบการณ์ (Experiential sources) 2.5 แหล่งทดลอง (Experimental sources) ได้แก่หน่วยงานที่สำรวจคุณภาพผลิตภัณฑ์หรือหน่วย วิจัยภาวะตลาดของผลิตภัณฑ์ประสบการณ์ตรงของผู้บริโภคในการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ฯลฯ 3. การประเมินผลทางเลือก (Evaluation of alternative) ผู้บรอโภคจะนำข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้มาจัดเป็น หมวดหมู่และวิเคราะห์หลักเกณฑ์ที่ใช้พิจารณา 3.1 คุณสมบัติผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ผู้บริโภคจะพิจารณาผลิตภัณฑ์ว่ามีคุณสมบัติอะไรบ้าง ผลิตภัณฑ์อย่าง ใดอย่างหนึ่งจะมีคุณสมบัติกลุ่มหนึ่งคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ในความรู้สึกของผู้ซื้อ สำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดจะ แตกต่างกัน 3.2 การให้น้ำหนักความสำคัญสำหรับคุณสมบัติผลิตภัณฑ์และจัดลำดับความสำคัญ สำหรับ คุณสมบัติต่าง ๆ 3.3 ความเชื่อถือเกี่ยวกับตราเนื่องจากความเชื่อถือของผู้บริโภคขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้บริโภค และความเชื่อถือเกี่ยวกับตราผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงได้เสมอ 3.4 เปรียบเทียบระหว่างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยผ่านกระบวนการประเมินผลเริ่มต้นด้วยการกำหนด คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่เขาสนใจและเปรียบเทียบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ตราต่างๆ 4. การตัดสินใจซื้อ (Purchase decision) การตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง หลังจากมีการประเมินผล ทางเลือกในขั้นที่ 3 จะช่วยให้บริโภคกำหนดความพอใจระหว่างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ผู้บริโภคชอบมากที่สุด การ ตัดสินใจซื้อจึงเกิดขึ้น หลังจากประเมินทางเลือก (Evaluation of alternative) แล้วเกิดความตั้งใจซื้อ (Purchase intention) และเกิดการตัดสินใจซื้อ (Purchase decision) ในที่สุด แต่ก่อนตัดสินใจซื้อผู้บริโภคจะคำนึงถึงปัจจัย 3 ประการคือ


13 4.1 ทัศนคติของบุคคลอื่น (Attitudes of others) ทัศนคติของบุคคลที่เกี่ยวข้องจะมีผล ทั้งด้านบวก และด้านลบต่อการตัดสินใจซื้อ 4.2 ปัจจัยสถานการณ์ที่คาดคะเนไว (Anticipated situational factors) ผู้บริโภคจะ คาดคะเน ปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น รายได้ที่คาดคะเนของครอบครัวการคาดคะเนต้นทุนของ ผลิตภัณฑ์และการ คาดคะเนผลประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ 4.3 ปัจจัยสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดคะเนไว้(Unanticipated situational factors) ขณะที่ความตั้งใจ ซื้อ เช่น ผู้บริโภคไม่ชอบลักษณะของพนักงานขายหรือผู้บริโภคเกิดอารมณ์เสียหรือวิตกกังวลจากรายได้นักการ ตลาดเชื่อว่าปัจจัยที่ไม่คาดคะเนจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจ ซื้อ การตัดสินใจของแต่ละบุคคลจะต้องมีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงได้นักการตลาดต้องใช้ ความ พยายามเพื่อ ทำความเข้าใจต่อพฤติกรรมการซื้อเพื่อลดภาวะความเสี่ยง 5. ความรู้สึกภายหลงการซื้อ (Post purchase behavior) เป็นความรู้สึกพอใจหรือไม่ พอใจหลังจากมีการซื้อ ผลิตภัณฑ์ไปใช้แล้วความรู้สึกนี้ขึ้นกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และความคาดหวังของผู้บริโภคว่าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อไป นั้นสามารถสนองตามที่เขาต้องการได้จริงตามคำโฆษณา หรือไม่และหลังจากซื้อและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ไปแล้ว ผู้บริโภคจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับความพอใจหรือไม่พึงพอใจในผลิตภัณฑ์หากเกิดความพึงพอใจก็จะทำให้เกิด การซื้อซ้ำและการบอกต่อ หากไม่ได้รับความพอใจอาจจะเห็นไปสนใจผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นแทน 2.2.8 แบบจําลองกระบวนการตัดสินใจของ Schiffman และ Kanuk แบบจำลองกระบวนการตัดสินใจส่วนใหญ่จะเน้นที่กระบวนการของพฤติรรม ผู้บริโภคที่นําไปสู่การตัดสินใจโดย ไม่ได้แสดงถึงปัจจัยที่ มีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจ Schiffman และ Kanuk ได้นำเสนอแบบจำลอง กระบวนการตัดสินใจที่ เชื่อมโยงระหว่างกระบวนการ ตัดสินใจกับอิทธิพลต่างๆ เพื่อให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อมที่ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจโดยแบ่งกระบวนการเป็น 3 ขั้นได้แก่ขั้นการนำเข้า (Input) หมายถึงการที่ผู้บริโภคได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอก (External influence) ได้แก่อิทธิพลจากกิจกรรมทาง การตลาดของบริษัท (Firm’s marketing efforts) และอิทธิพลด้านสภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรม (Sociocultural environment) จากอิทธิพลทั้งสองนั้นไปสู่กระบวนการภายของผู้บริโภคขั้นต่อไปคือขั้น กระบวนการ (Process) เป็นขั้นตอนของการตัดสินใจของผู้บริโภคโดยเริ่มจากการตระหนักถึงความต้องการ (Need recognition) การหาข้อมูลก่อนการซื้อ (Pre-purchase search) และการวิเคราะห์ทางเลือก (Evaluation of alternatives) ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากพื้นฐานทางจิตวิทยา (Psychological field) และ จาก ปัจจัยภายนอกส่วนขั้นสุดท้ายได้แก่ขั้นผลลัพธ์(Output) เป็นขั้นตอนที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ และประเมินหลังการ ซื้อ ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดประสบการณ์และประสบการณ์ดังกล่าวจะมีอิทธิพล ต่อการเลือกซื้อในครั้งต่อไป (Schiffman and Kanuk, 2010: 36)


14 2.3 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับส่วนประสมทางการตลาด ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ (2552: 80-81) ได้กล่าวไว้ว่า ส่วนประสมการตลาด หมายถึง ตัวแปรทาง การตลาดที่ควบคุมได้ซึ่งบริษัทใช้ร่วมกันเพื่อสนองความพึงพอใจแก่กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วยเครื่องมือ ดังต่อไปนี้ 1. ผลิตภัณฑ์(Product) หมายถึง สิ่งที่เสนอขายสู่ตลาดเพื่อความสนใจการจัดหาการ ใช้หรือการ บริโภคที่สามารถทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจประกอบด้วยสิ่งที่สัมผัสได้และสัมผัส ไม่ได้เช่น บรรจุภัณฑ์สีราคา คุณภาพ ตราสินค้า บริการและชื่อเสียงของผู้ขาย ผลิตภัณฑ์อาจจะเป็นสินค้า บริการ สถานที่ บุคคล หรือ ความคิด ผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายอาจจะมีตัวตนหรือไม่มีตัวตนก็ได้ผลิตภัณฑ์ต้องมอรรถประโยชน์ (Utility) มีคุณค่า (Value) ในสายตาของลูกค้าจึงจะมีผลทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถขายได้ 2. ราคา (Price) หมายถึง จำนวนที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์บริการหรือเป็นคุณค่าทั้งหมดที่ลูกค้า รับรู้เพื่อให้ได้ผลประโยชน์จากการใช้ผลิตภัณฑ์บริการคุ้มกับเงินที่จ่ายไป หรือ หมายถึงคุณค่าผลิตภัณฑ์ในรูปตัว เงิน ราคาเป็น P ตัวที่สองที่เกิดขึ้น ถัดจาก Product ราคาเป็นต้นทุน (Cost) ของลูกค้าผู้บริโภคจะเปรียบเทียบ ระหว่างคุณค่า (Value) ของผลิตภัณฑ์กับราคา (Price) ของผลิตภัณฑ์นั้นถ้าคุณค่าสูงกว่าราคาผู้บริโภคจะ ตัดสินใจซื้อ ดังนั้นผู้กำหนดกลยุทธุ์ด้าน ราคาต้องคำนึงถึง (1) คุณค่าที่ รับรู้ในสายตาของลูกค้า ซึ่งต้องพิจารณา การยอมรับของลูกค้าใน คุณค่าของผลิภัณฑ์ว่าสูงกว่าผลิตภัณฑ์นั้น (2) ต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง (3) การแข่งขัน (4) ปัจจัยอื่นๆ 3. การส่งเสริมการตลาด (Promotion) เป็นเครื่องมือการสื่อสารเพื่อสร้างความพอใจต่อ ตราสินค้า หรือบริการ หรือความคิด หรือต่อบุคคลโดยใช้จูงใจให้เกิดความตองการหรือเพื่อเตือน ความทรงจำ (Remind) ใน ผลิตภัณฑ์โดยคาดว่าจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกความเชื่อและพฤติกรรม การซื้อหรือเป็นการติดต่อสื่อสารเกี่ยวกับข เอมูลระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อเพื่อสร้างทัศนคติและพฤติกรรม การซื้อการติดต่อสื่อสารอาจใช้พนักงานขาย (Personal selling) ทำการขายและการติดต่อสื่อสาร โดยไม่ใช้คน (Non personal selling) เครื่องมือในการ ติดต่อสื่อสารมีหลายประการองค์การอาจ เลือกใช้หนึ่งหรือหลายเครื่องมือซึ่งต้องใช้หลักการเลือกใช้เครื่องมือการ สื่อสารการตลาดแบบ ประสมประสานกัน [Integrated Marketing Communication (IMC)] โดยพิจารณาถึง ความเหมาะสม กับลูกค้า ผลิตภัณฑ์คู่แข่งขันโดยบรรลุจุดมุ่งหมายร่วมกันได้เครื่องมือการส่งเสริมการตลาดที่ สำคัญ มีดังนี้ 3.1 การโฆษณา (Advertising) เป็นกิจกรรมในการเสนอข่าวสารเกี่ยวกับองค์กร และ ส่งเสริม การตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บริการ หรือความคิดที่ต้องมีการจ่ายเงินโดยผู้อุปถัมภ์รายการกลยุทธ์ในการโฆษณาจะ เกี่ยวข้องกับ (1) กลยุทธ์การสร้างสรรค์งานโฆษณา (Create strategy) และ ยุทธวิธีการโฆษณา (Advertising tactics) (2) กลยุทธ์สื่อ (Media strategy)


15 3.2 การขายโดยใช้พนักงานขาย (Personal selling) เป็นการสื่อสารระหว่างบุคคลกับ บุคคลเพื่อ พยายามจูงใจผู้ซื้อที่เป็นกลุ่มเป้าหมายให้ซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการด้วยการขายแบบ เผชิญหน้าโดยตรงหรือใช้ โทรศัพท์หรือเป็นการเสนอขายโดยหน่วยงานขายเพื่อให้เกิดการขาย และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้างานใน ข้อนี้จะเกี่ยวข้องกับ (1) กลยุทธ์การขายโดยใช้พนักงานขาย (Personal selling strategy) (2) การบริหาร หน่วยงานขาย (Sales force management) 3.3 การส่งเสริมการขาย (Sales promotion) หมายถึง เป็นสิ่งจูงใจระยะสั้นที่กระตุ้นให้เกิดการซื้อ หรือขายผลิตภัณฑ์หรือบริการเป็นเครื่องมือกระตุ้นความต้องการซื้อที่ใช้สนับสนุนการโฆษณาและการขายโดยใช้ พนักงานขายซึ่งสามารถกระตุ้นความสนใจการทดลองใช้หรือการซื้อโดยลูกค้าคนสุดทายหรือบุคคลอื่นในช่องทาง การจัดจำหน่ายการส่งเสริมการขาย มี 3 รูปแบบ คือ (1) การกระตุ้นผู้บริโภคเรียกว่าการส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ ผู้บริโภค (Consumer promotion) (2) การกระตุ้นคนกลางเรียกว่าการส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่คนกลาง (Trade promotion) (3) การกระตุ้น พนักงานขาย เรียกว่า การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่พนักงานขาย (Sales force promotion) 3.4 การให้ข่าวและประชาสัมพันธ์(Publicity and public relations) มีความหมายดังนี้(1) การให้ ข่าวเป็นการเสนอความคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือตราสินค้าหรือบริษัทที่ไม่ต้องมีการจ่ายเงิน (ในทาง ปฏิบัติจริงอาจต้องมีการจ่ายเงิน) โดยผ่านการกระจายเสียงหรือสื่อสิ่งพิมพ ์ (2) ประชาสัมพันธ์(Public relations) หมายถึงความพยายามในการสื่อสารที่มีการวางแผนโดยองค์กรหนึ่งเพื่อ สร้างทัศนคติที่ดีต่อองค์การ ต่อผลิตภัณฑ์หรือต่อนโยบายให้เกิดกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมหรือ ป้องกันภาพพจน์หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท์ 3.5 การตลาดทางตรง (Direct marketing หรือ Direct response marketing) การโฆษณาเพื่อให้ เกิดการตอบสนองโดยตรง (Direct response advertising) และการตลาดเชื่อมตรงหรือการโฆษณาเชื่อมตรง (Online advertising) มีความหมายต่างกันดังนี้(1) การตลาดทางตรง (Direct marketing หรือ Direct response marketing) เป็นการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อใหเกิดการตอบสนองโดยตรงหรือหมายถึง วิธีการต่าง ๆ ที่นักการตลาดใช้ส่งเสริมผลิตภัณฑ์โดยตรงกับผู้ซื้อและทำให้เกิดการตอบสนองในทันทีทั้งนี้ต้อง อาศัยฐานข้อมูลลูกค้าและใช้สื่ต่าง ๆเพื่อสื่อสาร โดยตรงกับลูกค้า เช่น ใช้สื่อโฆษณาและแคตตาล็อค (2) การ โฆษณาเพื่อให้เกิดการตอบสนองโดยตรง (Direct response advertising) เป็นข่าวสารการโฆษณาซึ่งถามผู้อ่าน ผู้รับฟัง หรือผู้ชมให้เกิดการ ตอบสนองกลับโดยตรงไปยังผู้ส่งข่าวสาร หรือป้ายโฆษณา (3) การตลาดเชื่อมตรงหรือ การโฆษณาเชื่่อมตรง (Online advertising) หรือการตลาดผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic marketing หรือEmarketing) เป็นการโฆษณาผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ตเพื่อสื่อสาร ส่งเสริม และขาย ผลิตภัณฑ์หรือบริการโดยมุ่งหวังผลกำไรและการค้าเครื่องมือที่สําคัญในข้อนี้ประกอบด้วย


16 (1) การขายทางโทรศัพท์(2) การขายโดยใช้จดหมายตรง (3) การขายโดยใชแคตตาล็อค (4) การขาย ทาง โทรศัพท์วิทยุหรือหนังสือพิมพ์ซึ่งจูงใจให้ลูกค้ามีกิจกรรมการตอบสนอง 4. การจัดจำหน่าย (Place หรือ Distribution) หมายถึง โครงสร้างของช่องทางซึ่งประกอบด้วย สถาบันและกิจกรรมใช้เพื่อเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการจากองค์กรไปยังตลาดสถาน บันที่นำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด เป้าหมายคือสถาบันการตลาดส่วนกิจกรรมที่ช่วยในการกระจายตัวสินค้า ประกอบด้วยการขนส่งการคลังสินค้า และการเก็บรักษาสินค้าคงคลังการจัดจำหน่ายจึง ประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้ 4.1 ช่องทางการจัดจำหน่าย (Channel distribution) หมายถึงกลุ่มของบุคคลหรือ ธุรกิจที่มีความ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์หรือบริการสําหรับการใช้หรือบริโภค หรือ หมายถึงเส้นทางที่ผลิตภัณฑ์และ กรรมสิทธิ์ที่ผลิตภัณฑ์ถูกเปลี่ยนมือไปยังตลาดในระบบช่องทางการจัดจำหน่ายจึงประกอบด้วยผู้ผลิตคนกลาง ผู้บริโภค หรือผู้ใช้ทางอุตสาหกรรมซึ่งอาจจะใช้ช่องทางตรง (Direct channel) จากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคหรือผู้ใช้ ทางอุตสาหกรรม และใช้ช่องทางอ้อมจากผู้ผลิต ผ่านคนกลางไปยังผู้บริโภคหรือผู้ใช้ทางอุตสาหกรรม 4.2 การกระจายตัวสินค้าหรือการสนับสนุนการกระจายตัวสินค้าสู้ตลาด (Physical distribution หรือ Market logistics) หมายถึงงานที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการปฏิบัติการตามแผน และการควบคุมการเคลื่อนย้าย วัตถุดิบปัจจัยการผลิตและสินค้าสำเร็จรูป จากจุดเริ่มต้นไปยังจุด สุดท้ายในการบริโภคเพื่อตอบสนองความ ต้องการของลูกค้าโดยมุ่งหวังกําไรหรือหมายถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายตัวผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตไปยัง ผู้บริโภคหรือผู้ใช้ทางอุตสาหกรรมการกระจายตัวสินค้าที่สำคัญมีดังนี้(1) การขนส่ง (2) การเก็บรักษาสินค้าและ การคลังสินค้า (3) การบริหารสินค้าคงเหลือ 2.4 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เกวลี ปะตุละ (2549) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสําอางของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสําอางของ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผลการวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่นักศึกษาให้ความสำคัญ กับเครื่องสำอางในระดับปานกลางเหตุผลที่ใช้เครื่องสำอางคือส่วนใหญ่ใช้คือ 1.เพื่อเสริมบุคลิกภาพ 2.เพิ่มความ มันใจ 3.เพื่อเพิ่มความงามและเครื่องสำอางที่นักศึกษานิยมใช้มากที่สุดอันดับที่ 1 คือแชมพูอันดับที่ 2 คือสบู่/ โฟม/ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (หมวดผิวหน้า) อันดับที่ 3 คือ สบู่หรือครีมอาบน้ำ และในกลุ่มของเครื่องสำอางเพื่อความ งามมีสัดส่วนของเพศที่นิยมใช้น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับหมวดอื่นๆจำนวนครั้งในการซื้อเครื่องสำอางเฉลี่ย/ เดือนส่วนใหญ่นักศึกษาซื้อ 1 ครั้งต่อเดือน บุคคลที่มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางของนักศึกษามากที่สุด คือกลุ่มเพื่อนและกลุ่มดารานักร้องแหล่งที่นิยมไปซื้อเครื่องสำอางคือร้านขายเครื่องสำอางโดยเฉพาะจากการศึกษา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องข้างต้นจึงทำให้ผู้วิจัยได้มีแนวทางในการทำวิจัยสร้างกรอบแนวคิดในการศึกษาและ ช่วยในการออกแบบสอบถามที่มีความเกี่ยวข้องกับการวิจัยในเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสําอางใน ระบบออนไลน์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครในการทำวิจัยในครั้งนี้


17 บทที่3 วิธีการดำเนินวิจัย การศึกษาเรื่อง“ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสำอางในระบบออนไลน์ของผู้บริโภค ในเขตวิทัย การอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร” โดยศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและการทบทวนแนวคิดทฤษฎีและผลงานวิจัย ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับระเบียบวิธีการศึกษาดังนี้ 3.1 ระเบียบวิธีวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) ในรูปของการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey research) โดยการใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัยเพื่อสำรวจตัวแปรต่าง ๆ ที่่ใช้ในการวิจัยซึ่งจะเก็บ รวบรวมข้อมูลจากผู้บริโภคในเขตวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1. ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือประชากรในเขตวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรจำนวน 100 คน 2. กลุ่มตัวอย่างที่่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยใช้วิธีการสุ่ม ตัวอย่างแบบสะดวก (Sample sampling) ได้กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยอาศัยตารางสำเร็จรูปของ Taro Yamane (ประสพชยัพสุนนท, 2553: 41) โดยการกำหนดระดับความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 95 และระดับนัยสำคัญ ทางสถิติที่ 0.05 โดยใช้สูตรในการคำนวณหากลุ่มตัวอย่าง ดังนี้ N = 2 1 Ne N + โดย N = ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง N = ขนาดของกลุ่มประชากร E = ความคลาดเคลื่อนของการสุ่มตัวอย่าง แทนค่า n = 5,692,284 ____________________ 1 + (5,692,284 x (0.05)2 ) = 399.97 23


18 จากการคำนวณขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามสูตรของ Taro Yamane ได้จำนวนกลุ่มตัวอย่างใน การศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มประชากรรวมทั้งสิ้นจานวน 100 คน 3. การสุ่มตัวอย่างใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบไม่ใช้ความน่าจะเป็น (Nonprobability sampling) ด้วย วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก (Conveniencesampling) กับกลุ่มตัวอย่างที่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลโดย ตอบแบบสอบถาม 3.2 การเก็บรวบรวมข้อมูล 1. ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary data) ศึกษาการสร้างแบบสอบถามจากเอกสารเพื่อกำหนดขอบเขตและเนื้อหาของ แบบสอบถามเพื่อความชัดเจนในการศึกษาวิจัยแล้วนำมาเก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้บริโภคในเขตวิทยาลัย การกอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรดงนี้ 1.1 ผู้วิจัยดำเนินการการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการแจกแบบสอบถามจำนวน 100 ชุด 1.2 การตรวจสอบขอมูล (Editing) ของแบบสอบถามผู้วิจัยตรวจสอบดูความสมบูรณ์ของการตอบ แบบสอบถามและทำการแยกแบบสอบถามที่ไม่สมบูรณ์ออก 1.3 นำแบบสอบถามที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้วมาลงรหัสเพื่อประมวลผลขอมูลด้วย โปรแกรมสำเร็จรูป ทางสถิติ 2. ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary data) ศึกษาจากตำรา เอกสาร บทความ ทฤษฎีหลักการ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดขอบเขตของการวิจัยและสร้างเครื่องมือให้ครอบคลุมความมุ่งหมายของการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามซึ่งผู้วิจัยได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากหนังสือเอกสำรวจงานวิจัยต่างๆ ที่ เกี่ยวข้องเพื่อสร้างเป็นแบบสอบถามที่ตรงตามวัตถุประสงค์ในการวิจัยโดยเนื้อหาของแบบสอบถามจะแบ่งเป็น 4 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่1 ขอมูลส่วนบุคคลได้แก่ เพศ อายุระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือน เป็นคำถาม ปลายปิด (Close-ended question) ลักษณะคำาถามเป็นแบบเลือกตอบ ส่วนที่2 ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อเครื่องสำอางในระบบออนไลน์ได้แก่ ประเภท ของ เครื่องสำอางสาเหตุที่ซื้อเครื่องสำอางบุคคลที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางความถี่ในการซื้อเครื่องสำอาง ราคาที่ซื้อเครื่องสำอางและเหตุผลที่เลือกซื้อเครื่องสำอางเป็นคำถามปลายปิด (Close-ended question) ลักษณะคำถามเป็นแบบเลือกตอบ ส่วนที่3 ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางในระบบออนไลน์ของผู้บริโภคใน เขตวิทยาลัยการอาชีพหลวงหประธานราษฎร์นิกรได้แก่ ด้านผลตภัณฑ์ด้านราคา ด้านการจัดจำหน่าย และด้าน การส่งเสริมการขายเป็นคำาถามปลายปิด (Close-ended question) ลักษณะคำถามเป็นการ ถามความคิดเห็น


19 แบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating scale) ของการตัดสินใจออกเป็น 5 ระดับตามแนวทางของลิเคิร์ท (Likert) โดยให้ผู้ตอบแบบสอบถามเลือกตอบตามความคิดเห็นมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ ระดับความคิดเห็น คะแนน มากที่สุด 5 มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 น้อยที่่สุด 1 จากสูตร ความกว้างของแต่ละอันตรภาคชั้น = (คะแนนสูงสุด – คะแนนต่ำสุด) จำนวนชั้น = (5 - 1) 5 = 0.8 นําคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานแปลผล ความหมายคะแนน เฉลี่ยที่ได้มาจัดระดับความสำคัญเป็น 5 ระดับ คือ คะแนน ระดับแรงจูงใจในการทำงาน 4.21 – 5.00 มีผลต่อการตัดสินใจซื้อระดับมากที่สุด 3.41 - 4.20 มีผลต่อการตดสินใจซื้อระดับมาก 2.61 – 3.40 มีผลต่อการตดสินใจซื้อระดับปานกลาง 1.81 – 2.60 มีผลต่อการตัดสินใจซื้อระดับน้อย 1.00 – 1.80 มีผลต่อการตัดสินใจซื้อระดับน้อยที่สุด ส่วนที่ 4 เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกบข้อเสนอแนะอื่นๆ เป็นคำถามปลายเปิด (Open-ended question)


20 3.3 การสร้างเครื่องมือในการวิจัย การสร้างเครื่องมือเพื่อใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ผู้ศึกษา ค้นคว้าดำเนินการ ตามขั้นตอนดังนี้ 1. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอาง ในระบบ ออนไลน์เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม 2. กําหนดโครงร่างของแบบสอบถามตามประเด็นสําคัญของขอบเขตโดยจัดทำ แบบสอบถามตามที่ผู้ ศึกษาสร้างขึ้นเองไปเสนออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อพิจารณาความครบถ้วนความถูกต้องและครอบคลุมเนื้อหาที่จะทำ การสำรวจ 3. การทดสอบความเที่ยงตรง (Validity) ของแบบสอบถามผู้วิจัยได้นำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นหา ความเที่ยงตรงโดยสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้ จากนั้นนำมาหาค่าดัชนี้ความสอดคล้อง (IOC) โดยใช้สูตร IOC = r N เมื่อ IOC หมายถึง ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of congruence) N หมายถึง จำนวนผู้เชี่ยวชาญ R หมายถึง ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ โดยที่ค่า +1 หมายถึง ข้อคำถามสามารถนำไปวัดได้อย่างแน่นอน ค่า 0 หมายถึง ไม่แน่ใจว่าจะวัดได้ ค่า -1 หมายถึง ข้อคำถามไม่สามารถนาไปวัดได้อย่างแน่นอน ผู้วิจัยเลือกข้อคำถามที่มีค่า IOC มากกว่า 0.5 มาใช้เป็นข้อคำถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีความเที่ยงตรงของ เนื้อหาครอบคลุมในแต่ละด้านและครอบคลุมวัตถุประสงค์ของการวิจัยส่วนข้อที่มี IOC ต่ำกว่า 0.5 ผู้วิจัยได้มามา ปรับปรุงแก้ไขต่อไปตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ 4. การหาความน่าเชื่อถือ (Reliability) โดยนำแบบสอบถามที่่ได้รับการปรับปรุงแก้ไข แล้วไปทดลอง ใช้ (Try out) กับกลุ่มตัวอย่าง เป็นการทดสอบก่อนจำนวน 30 ชุด เพื่อทดลองด้าน การตอบแบบสอบถาม ก่อน การเก็บข้อมูลจริงเพื่อหาค่าความเชื่อมั่นของผลที่่ได้จากการตอบ แบบสอบถาม และนำไปหาค่าโดยโปรแกรม สำเร็จรูปทางสถิติ SPSS


21 (Statistical package for social science) เวอร์ชั่น 17.0 วิธีหาค่าสมประสิทธิ์แอลฟ่าของ ครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) มีค่าเท่ากับ 0.852 5. นำแบบสอบถามที่ตรวจสอบความถูกต้องและตรวจสอบความเชื่อมั่นแล้วไปเก็บข้อมูลภาคสนามกับ ผู้บริโภคในเขตวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร 3.4 สถิติทใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ข้อมูลที่ได้จากการตอบแบบสอบถามของกลุ่มตัวอย่างผู้วิจัยนำมาวิเคราะห์และเสนอผลการศึกษาโดย เสนอข้อมูลเชิงพรรณนาและเชิงอนุมานประกอบตารางอธิบายข้อมูลดังนี้ 1. สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive statistics) เพื่อใช้พรรณนาลักษณะของกลุ่มตัวอย่าง จากปัจจัย ทางประชากรศาสตร์และพฤติกรรมการเลือกซื้อเครื่องสําอางในระบบออนไลน์ของผู้บริโภคในเขตวิทยาลัยการ อาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรได้แก่การหาความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) 2. สถิติเชิงอนุมาน (Inferential statistics) เพื่อใช้ในการทดสอบสมมติฐานการวิจัย ดังนี้ 2.1 สถิติ Independent t-test ใช้วิเคราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยสำหรับตัวแปร อิสระที่มี 2 กลุ่มได้แก่ปัจจัยทางประชากรศาสตร์ในด้านเพศที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอาง ในระบบออนไลน์ของ ผู้บริโภคในเขตวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร 2.2 สถิติ One-way ANOVA: F-test ใช้วิเคราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยสำหรับตัว แปรอิสระที่ มีตั้งแต่ 3 กลุ่มขี้นไปได้แก่อายุรายได้ต่อเดือนการศึกษาและพฤติกรรมการซื้อเครื่องสำอางที่มีผลต่อการตัดสินใจ ซื้อเครื่องสำอางในระบบออนไลน์ของผู้บริโภคในเขตวิทยาลัยการชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร


22 บทที่4 ผลการวิจัย การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร ของผู้บริโภคในเขตวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรโดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามกับกลุ่ม ตัวอย่างที่เป็นผู้บริโภคในเขตวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรจำนวน 100 คน นำมาสรุปผลข้อมูลโดย กำหนดสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังต่อไปนี้ 4.1 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล n แทน จำนวนของกลุ่มตัวอย่าง X แทน ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง S.D. แทน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่าง t แทน ค่าสถิติทดสอบ t-test F แทน ค่าสถิติทดสอบ F-test H0 แทน สมมติฐานหลกั (Null hypothesis) H1 แทน สมมติฐานรอง (Alternative hypothesis) Sig. แทน ความน่าจะเป็นสำหรับบอกค่านัยสำคัญทางสถิติ * แทน ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 4.2 การเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ขอมูลผู้วิจัยได้นําเสนอผลตามจุดประสงค์ของการวิจัยโดยนําเสนอออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้ 1. ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม้ 2. ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกซื้อเครื่องสำอางในระบบออนไลน์ 3. ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสำอางในระบบออนไลน์ 4. ผลการวิเคราะห์สมมติฐานการวิจัย ตารางที่1 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปจำแนกตามเพศ เพศ จำนวน ร้อยละ หญิง 57 57 ชาย 43 43 รวม 100 100


23 จากตารางที่1 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามในเขตวิทยาลัยการอาชพหลวงประธานราษฎร์นิกรครั้งนี้ จำนวน100 คนพบว่าส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิงจำนวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 57 และเป็นเพศชายจำนวน 43 คน คิดเป็นร้อยละ 43 ตารางที่2 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปจำแนกตามด้านอายุ อายุ จำนวน ร้อยละ อายุต่ำกว่า 16 ปี 5 5 16 – 20 ปี 60 60 20 ปีขึ้นไป 35 35 รวม 100 100 จากตารางที่2 พบผู้ตอบแบบสอบถามที่ใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้ จำนวน 100 คนพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี มีจำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 5 ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ 16 – 20 ปี มีจำนวน 60 คน คิดเป็นร้อยละ 60 ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีจำนวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 35 ตารางที่3 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปจำแนกตามระดับการศึกษา ระดับการศึกษา จำนวน ร้อยละ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 29 29 ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 59 59 อื่นๆ 12 12 รวม 100 100 จากตารางที่3 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช) จำนวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 29 รองลงมาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส) จำนวน 59 คน คิดเป็น ร้อยละ 59 และอื่นๆ จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 12 ตารางที่4 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปจำแนกตามอาชีพ อาชีพ จำนวน ร้อยละ นักเรียน/นักศึกษา 85 85 ครู/อาจารย์ 4 4 บุคลากร 0 0


24 ค้าขาย 1 1 อื่นๆ 10 10 รวม 100 100 จากตารางที่4 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีอาชีพนักเรียน/นักศึกษา จำนวน 85 คน คิดเป็น ร้อยละ 85 รองลงมามีอาชีพอื่นๆ จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 10 มีอาชีพครู/อาจารย์จำนวน 4 คน คิดเป็น ร้อยละ 4 มีอาชีพค้าขาย จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 1 และมีอาชีพบุคากรจำนวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ตารางที่5 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปจำแนกตามรายได้เฉลี่ยต่อเดือน รายได้เฉลี่ยต่อเดือน จำนวน ร้อยละ ต่ำกว่า 5,000 บาท 85 85 5,000 – 10,000 บาท 14 1 10,000 – 15,000 บาท 1 1 มากกว่า 15,000 0 0 รวม 100 100 จากตารางที่5 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 5,000 บาท จำนวน 85 คน คิดเป็นร้อยละ 85 รองลงมามีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,000 - 10,000 บาทจำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 14 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,000 – 15,000 บาทจำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 1 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 15,000 บาท จำนวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0


25 ส่วนที่2 ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกซื้อเครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์ นิกรผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกซื้อเครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร ได้แก่ ประเภทของเครื่องสําอางที่เลือกใช้ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านการส่งเสริม ทางการตลาด ด้านการสื่อสารทางการตลาด มีดังนี้ ตารางที่6 ประเภทของเครื่องสำอางที่เลือกใช้ ประเภทเครื่องสำอางที่เลือกใช้ จำนวน ร้อยละ ลิปสติก 46 46 กันแดด 23 23 แป้งฝุ่น 24 24 แป้งอัดแข็ง/แป้งพับ 3 3 บรัชออน 1 1 อายแชโดว์ 0 0 รองพื้น 3 3 รวม 100 100 จากตารางที่ 6 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ลิปสติก จำนวน 46 คิดเป็นร้อยละ 46 รองลงมา แป้งฝุ่น จำนวน 24 คิดเป็นร้อยละ 24 กันแดด จำนวน 23 คิดเป็นร้อยละ 23 แป้งอัดแข็ง/แป้งพับ จำนวน 3 คิด เป็นร้อยละ 3 บรัชออน จำนวน 1 คิดเป็นร้อยละ 1 อายแชโดว์ จำนวน 0 คิดเป็นร้อยละ 0 รองพื้น จำนวน 3 คิด เป็นร้อยละ 3


26 ตารางที่ 7 ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครี่องสำอางในวิทยาลัย การอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านผลิตภัณฑ์ ด้านผลิตภัณฑ์ ระดับความคิดเห็น ค่าเฉลี่ย ส่วน เบี่ยงเบน มาตรฐาน การแปล พอใจ ค่า มาก พอใจ ปาน กลาง ไม่ พอใจ ไม่ พอใจ มาก เครื่องสำอางสุขภาพดี 68 25 6 1 0 4.6 0.65 มาก เครื่องเป็นที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับ 55 38 6 1 0 4.47 0.66 มาก มีการพัฒนาคุณภาพ ผลิตภัณฑ์อย่าง ต่อเนื่อง 68 24 5 3 0 4.57 0.73 มาก หีบห่อสวยงาม 63 30 5 1 0 4.55 0.66 มาก มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ใหม่อยู่เสมอ 65 30 4 1 0 4.59 0.62 มาก ผลิตภัณฑ์ที่รู้จัก แพร่หลาย 69 24 5 2 0 4.6 0.68 มาก ค่าเฉลี่ยรวม 4.56 0.67 มาก จากตารางที่ 7 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพ หลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านผลิตภัณฑ์พบว่า ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ที่ผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้ตอบ แบบสอบถามส่วนใหญ่ในระดับมากทุกด้าน ดังนี้ เครื่องสำอางสุขภาพ (25 = 30.47) อยู่ในระดับ มาก เครื่องเป็นที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ (20 = 25.3) อยู่ในระดับ มาก มีการพัฒนา คุณภาพ ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง (20 = 28.43) อยู่ในระดับมาก หีบห่อสวยงาม (20 = 26.95) อยู่ในระดีบ มาก มี การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เสมอ (20 = 28.03) อยู่ในระดับ มาก ผลิตภัณฑ์ที่รู้จักแพร่หลาย (20 = 29.01) อยู่ใน ระดับ มาก ค่าเฉลี่ยรวม (4.56 = 0.67) อยู่ในระดับมาก


27 ตารางที่ 8 ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอาง ในวิทยาลัย การอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านราคา ด้านผลิตภัณฑ์ ระดับความคิดเห็น ค่าเฉลี่ย ส่วน เบี่ยงเบน มาตรฐาน การแปล พอใจ ค่า มาก พอใจ ปาน กลาง ไม่ พอใจ ไม่ พอใจ มาก เครื่องสำอางสุขภาพดี 68 25 6 1 0 4.6 0.65 มาก เครื่องเป็นที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับ 55 38 6 1 0 4.47 0.66 มาก มีการพัฒนาคุณภาพ ผลิตภัณฑ์อย่าง ต่อเนื่อง 68 24 5 3 0 4.57 0.73 มาก หีบห่อสวยงาม 63 30 5 1 0 4.55 0.66 มาก มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ใหม่อยู่เสมอ 65 30 4 1 0 4.59 0.62 มาก ผลิตภัณฑ์ที่รู้จัก แพร่หลาย 69 24 5 2 0 4.6 0.68 มาก ค่าเฉลี่ยรวม 4.56 0.67 มาก จากตารางที่ 8 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพ หลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านผลิตภัณฑ์พบว่า ปัจจัยด้านราคาที่ผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่ในระดับมากทุกด้าน ดังนี้ เครื่องสำอางมีราคาเหมาะสมกับคุณภาพ (20 = 25.59) อยู่ในระดับ มาก เครื่องสําอางนําเข้าจากต่างประเทศมีราคาถูก (20 = 26.94) อยู่ในระดับ มาก ราคาเดียวกับราคาตลาด (20 = 25.35) อยู่ในระดับมาก ราคาถูกกว่าราคาตลาด (20 = 26.99) อยู่ในระดับ มาก ค่าเฉลี่ยรวม (4.50 = 0.71) อยู่ ในระดับ มาก


28 ตารางท ี่9 ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัย การอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านการจัดจำหน่าย ด้านช่องทางการจัด จำหน่าย ระดับความคิดเห็น ค่าเฉลี่ย ส่วน เบี่ยงเบน มาตรฐาน การแปล พอใจ ค่า มาก พอใจ ปาน กลาง ไม่ พอใจ ไม่ พอใจ มาก สั่งผ่านออนไลน์พร้อม จัดส่ง/นัดรับสินค้า 63 30 4 0 3 4.5 0.83 มาก สั่งผ่านออนไลน์พร้อม จัดส่งพัสดุช่องทาง ออนไลน์ 69 24 5 0 2 4.54 0.54 มาก ซื้อผ่านหน้าร้านค้า 64 27 7 1 1 4.52 4.52 มาก ค่าเฉลี่ยรวม 4.56 0.79 มาก จากตารางที่ 9 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพ หลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านผลิตภัณฑ์พบว่า ปัจจัยด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่ผลต่อการตัดสินใจซื้อของ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ในระดับ มาก ทุกด้าน ดังนี้ สั่งผ่านออนไลน์พร้อมจัดส่ง/นัดรับสินค้า (20 = 26.90) อยู่ในระดับ มาก สั่งผ่านออนไลน์พร้อมจัดส่งพัสดุช่องทางออนไลน์(20 = 29.01) อยู่ในระดับ มาก ซื้อผ่านหน้า ร้านค้า (20 = 26.81) อยู่ในระดับ มาก ค่าเฉลี่ยรวม (4.56 = 0.79) อยู่ในระดับ มาก


29 ตารางที่10 ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัย การอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านส่งเสริมการตลาด ด้านส่งเสริมการตลาด ระดับความคิดเห็น ค่าเฉลี่ย ส่วน เบี่ยงเบน มาตรฐาน การแปล พอใจ ค่า มาก พอใจ ปาน กลาง ไม่ พอใจ ไม่ พอใจ มาก การโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ อาทิเช่น Facebook TikTok Instagram 63 30 4 0 3 4.58 0.65 มาก การจัดกิจกรรมส่งเสริม การขายอยู่ตลอดเวลา อาทิเช่น การจัด โปรโมชั่น การซื้อ1แถม 1 เป็นต้น 69 24 5 0 2 4.57 0.65 มาก แจกสินค้าทดลอง 59 24 12 4 1 4.36 0.92 มาก โฆษณาโดยพรีเซ็น เตอร์ 63 28 8 0 1 4.53 0.69 มาก ค่าเฉลี่ยรวม 4.51 0.72 มาก จากตารางที่ 10 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพ หลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านผลิตภัณฑ์พบว่า ปัจจัยด้านการส่งเสริมทางการตลาดที่ผลต่อการตัดสินใจซื้อของ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ในระดับ มาก ทุกด้าน ดังนี้ การโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ อาทิเช่น Facebook TikTok Instagram (20 = 26.90) อยู่ในระดับ มาก การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอยู่ตลอดเวลาอาทิเช่น การจัดโปรโมชั่น การซื้อ1แถม1 เป็นต้น (20 = 29.01) อยู่ ในระดับ มาก แจกสินค้าทดลอง ((20 = 23.54) อยู่ในระดับ มาก โฆษณาโดยพรีเซ็นเตอร์(20 = 26.54) อยู่ใน ระดับ มาก ค่าเฉลี่ยรวม (4.51 = 0.72) อยู่ในระดับ มาก


30 ตารางที่11 ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัย การอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านสื่อสารการตลาด ด้านสื่อสารการตลาด ระดับความคิดเห็น ค่าเฉลี่ย ส่วน เบี่ยงเบน มาตรฐาน การแปล พอใจ ค่า มาก พอใจ ปาน กลาง ไม่ พอใจ ไม่ พอใจ มาก มีโฆษณาผ่านช่องทาง สื่อออนไลน์ที่คนรู้จัก อย่างทั่วถึง 66 30 3 0 1 4.61 0.60 มาก มีการประชาสัมพันธ์ โดยนักเรียน นักศึกษา ของวิทยาลัยการอาชีพ หลวงประธานราษฎร์ นิกร 69 25 4 0 2 4.61 0.66 มาก ค่าเฉลี่ยรวม 4.61 0.63 มาก จากตารางที่ 11 10 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการ อาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรในด้านผลิตภัณฑ์พบว่า ปัจจัยด้านการสื่อสารทางการตลาดที่ผลต่อการตัดสินใจซื้อ ของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ในระดับ มาก ทุกด้าน ดังนี้ มีโฆษณาผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ที่คนรู้จักอย่างทั่วถึง (20 = 28.57) อยู่ในระดับ มาก มีการประชาสัมพันธ์โดย นักเรียน นักศึกษาของวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร (20 = 29.18) อยู่ในระดับ มาก เฉลี่ยรวม (4.61 = 0.63) อยู่ในระดับ มาก


31 บทที่5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ การวิจัยเรื่อง “ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสำอางของนักศึกษาหญิงในเขตวิทยาลัยการอาชีพ หลวงประธานราษฎร์นิกร” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเลือกซื้อเครื่องสำอางของผู้บริโภคในเขต วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรและปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางของผู้บริโภคในเขต การอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้สรุปผล อภิปรายผล และให้ ข้อเสนอแนะ มีรายละเอียด ดังนี้ 5.1 สรุปผลการวิจัย 5.2 อภิปรายผลการวิจัย 5.3 ข้อเสนอแนะ ในเขตวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรจำนวน 100 คนโดยใช้แบบสอบถามในการเก็บ ข้อมูลการวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีทางสถิติและคำนวณค่าต่าง ๆ ได้แก่ค่าความถี่ค่าร้อยละค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบน มาตรฐานการทดสอบ ความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม (สถิติt-test) และการทดสอบความ แตกต่าง ระหว่างค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 2 กลุ่ม (สถิติF-test)ที่ ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 หรือ ระดับความเชื่อมร้อยละ 95 5.1 สรุปผลการศึกษา 1.ข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์ด้านบุคคล พบว่า ในด้านเพศส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 57 เพศชาย ร้อย ละ 43 ข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์ด้านอายุ พบว่า ในด้านอายุส่วนใหญ่ อายุ16-20 ร้อยละ 60 อายุ20ปี ขึ้นไป ร้อยละ 35 และต่ำกว่า16ปี ร้อยละ 5 ระดับการศึกษาตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ อยู่ในระดับ ประกาศนียบัตร วิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 2.ข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับวิจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางของ นักเรียนนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร สรุปผลได้ดังนี้ 2.1 ด้านผลิตภัณฑ์ผลการศึกษาพบว่า ผลการศึกษาพบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมากพิจารณาข้อมูล พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมากในข้อ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เสมอ 2.2 ด้านราคา ผลการศึกษาพบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมากพิจารณาข้อมูลพบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ มากในหัวข้อ เครื่องสำอางนำเข้าจากต่างประเทศมีราคาถูก 2.3 ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ผลการศึกษาพบว่า ในภาพรวมอยู่ระดับมากพิจารณาข้อมูลพบว่า ส่วน ใหญ่อยู่ในระดับมากในข้อ สั่งผ่านออนไลน์พร้อมจัดส่งพัสดุผ่านออนไลน์


32 2.4 ด้านการส่งเสริมการตลาด ผลการศึกษาพบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมากพิจารณาข้อมูลพบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมากในข้อ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอยู่ตลอดเวลาอาทิเช่น การจัดโปรโมชั่น การซื้อ1 แถม1 เป็นต้น 2.5 ด้านการสื่อสารการตลาด ผลการศึกษาพบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมากพิจารณาข้อมูลพบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมากในข้อ มีการประชาสัมพันธ์โดยนักเรียน นักศึกษาของวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธาน ราษฎร์นิกร การวิจัยเรื่อง ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางของนักเรียนนักศึกษา วิทยาลัยการอาชีพ หลวงประธานราษฎร์นิกร ในภาพรวมและรายได้แต่ละด้านพบว่าอยู่ในระดับมาก ผลวิจัยดังกล่าวเป็นเป็นการ ตัดสินใจซื้อเครื่องสำอาง ในปัจจัยด้านส่วนประกอบทางการตลาดและกระบวนการการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอาง อยู่ในระดับมากทั้ง 8 ด้าน โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยมาก ได้แก่ ด้านสื่อสารการตลาด 5.2 อภิปรายผลการวิจัย 5.2.1 ผลการวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคล จากการศึกษางานวิจัย พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลที่แตกต่างกันมี ผลต่อการตัดสินใจซื้อ เครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรประกอบด้วย เพศ และรายได้มี ผลต่อการตัดสินใจซื้อ เครื่องสําอางของนักเรียน นักศึกษา ในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร แตกต่างกัน แต่ปัจจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย อายุสถานภาพ การศึกษา และอาชีพ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ เครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรของ นักเรียน นักศึกษา ในเขตในวิทยาลัยการอาชีพ หลวงประธานราษฎร์นิกรแตกต่างกัน ซึ่งจากการทดสอบสมมติฐานดังกล่าวมีความสอดคล้องกับงานวิจัยที่ เกี่ยวข้องดังนี้ 5.2.1.1 เพศ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร ของนักเรียน นักศึกษา ในเขตในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรแตกต่างกัน โดยไม่สอดคล้องกับ งานวิจัย ของ พรพรรณ พรศิริประเสริฐ (2555) ที่ศึกษาเรื่องอิทธิพลของลักษณะประชากรและความเป็นกลุ่ม อ้างอิงของศิลปิน เกาหลีต่อพฤติกรรมการซื้อเครื่องสําอางของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร พบว่า เพศมีผลต่อการ ตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางเกาหลีในกรุงเทพมหานคร เพ็ญนฤมล จะระ (2554) ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ การ ตัดสินใจซื้อสินค้าประเภทเสื้อผ้าแฟชั่นของผู้บริโภคกลุ่มวัยรุ่น ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า เพศมีผลต่อการ ตัดสินใจซื้อสินค้าประเภทเสื้อผ้าแฟชั่นของผู้บริโภคกลุ่มวัยรุ่น ในเขต กรุงเทพมหานคร และสอดคล้องกับงานวิจัย ของ คํารณ สันติพรวิทย์ (2550) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ปัจจัย ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อเครื่องสําอางบํารุงหน้า ยี่ห้อนีเวียสําหรับผู้ชายวัยทํางานในเขต กรุงเทพมหานคร พบว่า เพศมีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางบํารุง ผิวหน้าสําหรับผู้ชายวัยทํางาน ในเขตกรุงเทพมหานคร 5.2.1.2 รายได้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร ของ นักเรียน นักศึกษา ในเขตในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรแตกต่างกัน โดยไม่สอดคล้องกับ


33 งานวิจัยของ อรอนงค์สกุลอมรบดี (2554) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยทางการตลาดเครื่องสําอางของนักศึกษา มหาวิทยาลัย จังหวัด 93 ปทุมธานีกรณีศึกษา: อิทธิพลต่อการเลือกซื้อเครื่องสําอางของนักศึกษามหาวิทยาลัยใน จังหวัด ปทุมธานีพบว่า ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ด้านรายได้เฉลี่ยต่อเดือน มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อ เครื่องสําอางของนักศึกษามหาวิทยาลัยในจังหวัดปทุมธานีแตกต่างกัน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ศุภาสินี โชค งาม (2553) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางนําเข้าจากประเทศ เกาหลีใน กรุงเทพมหานคร พบว่า ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ด้านรายได้มีผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจ ซื้อเครื่องสําอาง นําเข้าจากประเทศเกาหลีในกรุงเทพมหานคร แตกต่างกัน ยังสอดคล้องกับงานวิจัย ของธัญรัฐ ไพศาลวงศ์ดี (2556) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางเกาหลีของประชากรในกรุงเทพมหานคร พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคล ด้านรายได้ที่แตกต่างกันมีผลต่อการตัดสินใจ ซื้อเครื่องสําอางเกาหลีของประชากรใน กรุงเทพมหานคร แตกต่างกัน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ พรพรรณ พรศิริประเสริฐ (2555) ที่ศึกษาเรื่องอิทธิพล ของลักษณะประชากรและความเป็นกลุ่ม อ้างอิงของศิลปินเกาหลีต่อพฤติกรรมการซื้อเครื่องสําอางของผู้บริโภคใน กรุงเทพมหานคร พบว่า เพศ และรายได้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางเกาหลีในกรุงเทพมหานคร 5.2.1.3 อายุ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร ของนักเรียน นักศึกษา ในเขตในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรแตกต่างกัน โดยไม่สอดคล้องกับ งานวิจัยของกชพรรณ วิลาวรณ์(2555) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสําอางประเทศเกาหลี ประเภทผลิตภัณฑ์พบว่า ความแตกต่างด้านอายุไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางประเทศเกาหลี ประเภทบํารุง ผิวหน้า ยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ ธัญรัฐ ไพศาลวงศ์ดี (2556) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ การตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางเกาหลีของประชากรในกรุงเทพมหานคร พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคล ด้านอายุที่ แตกต่าง กันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางเกาหลีของประชากรในกรุงเทพมหานคร ไม่แตกต่างกัน 5.2.1.4 การศึกษา มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์ นิกรของ นักเรียน นักศึกษา เขตในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรแตกต่างกัน โดยไม่สอดคล้องกับ งานวิจัยของ กชพรรณ วิลาวรณ์ (2555) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสําอางประเทศเกาหลี ประเภท ผลิตภัณฑ์พบว่า ความแตกต่างด้านระดับการศึกษาไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอาง ประเทศ เกาหลีประเภทบํารุงผิวหน้ายังสอดคล้องกับงานวิจัยของ ธัญรัฐ ไพศาลวงศ์ดี (2556) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มี อิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางเกาหลีของประชากรในกรุงเทพมหานคร พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคล ด้าน ระดับการศึกษาที่แตกต่างกันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางเกาหลีของประชากรในกรุงเทพมหานคร ไม่ แตกต่างกัน จึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ ธันยพร เครือบริบูรณ์ศีล (2557) ที่ศึกษาเรื่องทัศนคติของสตรีผู้เข้าชม เว็บชุมชนออนไลน์ที่มีความสัมพันธ์กับแนวโน้มการซื้อ 94 เครื่องสําอางที่ผลิตโดยประเทศเกาหลีพบว่า ลักษณะ ประชากรศาสตร์ด้านระดับการศึกษาแตกต่างกัน มีแนวโน้มการซื้อเครื่องสําอางที่ผลิตโดยประเทศเกาหลีไม่ แตกต่างกัน


34 5.2.1.6 อาชีพ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร ของ นักเรียน นักศึกษา ในเขตในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรแตกต่างกัน โดยไม่สอดคล้องกับ งานวิจัยของ กชพรรณ วิลาวรณ์ (2555) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสําอางประเทศเกาหลี ประเภท ผลิตภัณฑ์บํารุงผิวหน้า (SKIN CARE) สําหรับผู้บริโภค ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ความแตกต่าง ด้านลักษณะอาชีพไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางประเทศเกาหลีประเภทบํารุงผิวหน้า จึงสอดคล้อง กับงานวิจัยของ ธันยพร เครือบริบูรณ์ศีล (2557) ที่ศึกษาเรื่องทัศนคติของสตรีผู้เข้าชม เว็บชุมชนออนไลน์ที่มี ความสัมพันธ์กับแนวโน้มการซื้อเครื่องสําอางที่ผลิตโดยประเทศเกาหลีพบว่า สตรีผู้เข้าชมเว็บชุมชนออนไลน์ ลักษณะประชากรศาสตร์ด้านอาชีพแตกต่างกันมีแนวโน้มการซื้อ เครื่องสําอางที่ผลิตโดยประเทศเกาหลีไม่แตกต่าง กัน 5.2.2 ผลการวิจัยปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาด จากการศึกษางานวิจัย พบว่า ปัจจัยด้านส่วน ประสมทางการตลาด ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ราคาสินค้า สถานที่จําหน่าย และการส่งเสริมการตลาด การสื่อสาร ทางการตลาดมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ เครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรของ นักเรียน นักศึกษา ในเขตในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรมีความสอดคล้องกับสมมติฐานที่กําหนด ไว้โดยอิทธิพลระหว่างปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดกับการตัดสินใจซื้อ เครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพ หลวงประธานราษฎร์นิกรมีความสอดคล้องกับงานวิจัย ดังนี้ 5.2.2.1 ผลิตภัณฑ์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรของ นักเรียน นักศึกษา ในเขตวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรโดยไม่สอดคล้องกับงานวิจัยของ จิรประภา สุดสวัสดิ์(2553) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดและคุณค่าตราสินค้าที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ เครื่องสําอางนําเข้าจากประเทศเกาหลีของนักศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พบว่า ความสําคัญของตรา สินค้าแก่ นักศึกษาเป็นสิ่งที่สําคัญ รวมถึงการได้รับข้อมูลจากการใช้ผลิตภัณฑ์จากคนรอบข้างที่ส่งเสริม ให้เกิดการตัดสินใจ ซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ หทัยทิพย์ แดงปทิว (2559) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยที่ส่งผลต่อการ ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อผิวขาวของวัยรุ่นในเขต กรุงเทพมหานคร พบว่า ผลิตภัณฑ์ต้องมีประโยชน์มี คุณค่าในสายตาของผู้บริโภคที่ระดับแตกต่างกัน เช่นเดียวกับ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อผิวขาวที่มีสรรพคุณและ ประโยชน์ของผิวพรรณของผู้บริโภค เขมิกา ทองประพันธ์ (2552) ทําการศึกษาวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการ ตัดสินใจซื้อเครื่องสําอาง นําเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลีของผู้หญิงในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ผลิตภัณฑ์ เครื่องสําอางที่นําเข้า จากสาธารณรัฐเกาหลีเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีคุณสมบัติในการบํารุงรักษาผิวพรรณระดับที่ แตกต่างกนัและคํารณ สันติพรวิทย์ (2550) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อเครื่องสําอาง บํารุงผิวหน้ายี่ห้อนีเวียสําหรับผู้ชายในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ผลิตภัณฑ์ของเครื่องสําอางบํารุง ผิวหน้ายี่ห้อ นี่เวียสําหรับผู้ชาย เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสําคัญทางด้านตราสินค้า คุณประโยชน์ใน การบํารุงรักษาผิวหน้า ส่งเสริมให้เกิดการตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น


35 5.2.2.2 ราคา มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์ นิกรของนักเรียน นักศึกษา ในเขตวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรไม่สอดคล้องกับงานวิจัยของ ศุภา สินี โชคงาม (2553) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางนําเข้าจากประเทศเกาหลีพบว่า 95 ในปัจจุบันมีเครื่องสําอางที่หลากหลาย จึงทําให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบคุณภาพและราคา แล้วเกิด การ ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าและเหมาะสม และไม่สอดคล้องกับงานวิจัยของ หทัยทิพย์ แดงปะทิว (2559) ที่ ศึกษาเรื่องปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อผิวขาวของวัยรุ่นในเขต กรุงเทพมหานคร พบว่า ราคาเป็นต้นทุนของลูกค้า ผู้บริโภคเทียบเปรียบระหว่างคุณค่าของผลิตภัณฑ์กับราคาของผลิตภัณฑ์ถ้า คุณค่าสูงกว่าราคาผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อผิวขาว โดยไม่คํานึงถึงราคาจะสูงเพียงใด หาก ผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองความต้องการของตนเองได้และ งานวิจัยไม่สอดคล้องกับ นฤมล บัวระบัดทอง (2549) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยเรื่องส่วนประสมทาง การตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางบํารุงผิวหน้าในสถาน ประกอบการที่มีตรายี่ห้อไทย ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดด้าน ราคาส่งผลต่อ การตัดสินใจซื้อเครื่องบํารุงผิวหน้า สาเหตุที่ผลการศึกษาไม่สอดคล้องกับงานวิจัยข้างต้นนั้น เนื่องจาก การกําหนด ช่วงราคาที่แตกต่างกัน ลักษณะคําถาม กลุ่มตัวอย่าง และ พื้นที่การวิจัย ล้วนมีข้อแตกต่าง กัน ส่งผล ต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางนําเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ทั้งสิ้น 5.2.2.3 สถานที่จําหน่าย มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวง ประธานราษฎร์นิกรของนักเรียน นักศึกษา ในเขตในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรโดยไม่สอดคล้อง กับงานวิจัยของ ศุภาสินีโชคงาม (2553) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางนําเข้าจาก ประเทศเกาหลีพบว่า ผู้บริโภคให้ความสําคัญกับการเข้ารับบริการในร้าน ตราสินค้าของเครื่องสําอางที่มีอยู่อย่าง มาก ในท้องตลาดจะนําเสนอความสวยงามและความโดดเด่นของตนเองให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค ทําให้แต่ ละตรา สินค้ามีการตกแต่งร้านให้มีความโดดเด่น ทําให้ผู้บริโภคเกิดการจดจํารวมทั้งภายในร้านมีการจัดเรียงผลิตภัณฑ์ อย่างเป็นระเบียบและเป็นหมวดหมู่เพื่อสะดวกต่อการหยิบจับผลิตภัณฑ์นฤมล บัวระบัดทอง (2549) ที่ศึกษาเรื่อง ปัจจัยเรื่องส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ เครื่องสําอางบํารุงผิวหน้าในสถานประกอบการ ที่มีตรายี่ห้อไทย ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดด้านสถานที่จัด จําหน่ายส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่อง บํารุงผิวหน้า และ อารีพร รักษาวงษ์ (2550) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง พฤติกรรม ในการซื้อผลิตภัณฑ์ครีม บํารุงผิวหน้าไวท์เทนนิ่ง ของผู้หญิงในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ปัจจัยด้านส่วนประสม ทางการตลาด ด้านสถานที่จัดจําหน่ายส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อครีมบํารุงผิวหน้าไวท์เทนนิ่ง 5.2.2.4 การส่งเสริมการตลาด มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวง ประธานราษฎร์นิกรของนักเรียน นักศึกษา ในเขตในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรโดยไม่สอดคล้อง กับงานวิจัยของ จิรประภา สุดสวัสดิ์ (2553) ที่ศึกษาเรื่องปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดและคุณค่าตราสินค้าที่มี ผล ต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางนําเข้าจากประเทศเกาหลีของนักศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พบว่า


36 เครื่องสําอางนําเข้าจากประเทศเกาหลีมีการกําหนดกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่างกันออกไป ทําให้เกิดความโดด เด่นในการดึงดูดผู้บริโภคที่มาซื้อผลิตภัณฑ์ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ศุภาสินี โชคงาม (2554) ที่ศึกษาเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางนําเข้าจากประเทศเกาหลีพบว่า การสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภคเป็นเรื่อง สําคัญ การกระจายข่าวสารที่รวดเร็วจะทําให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ ผลิตภัณฑ์ตามความต้องการได้มากขึ้น และ สะดวกยิ่งขึ้น สอดคล้องกับงานวิจัยของ ธัญรัฐ ไพศาลวงศ์วี(2556) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ เครื่องสําอางเกาหลีของประชากรในกรุงเทพมหานคร 96 พบว่า การส่งเสริมการขายมีการให้ส่วนลด มีการให้ ข้อมูลสินค้าต่าง ๆ ทําให้สินค้าเป็นที่รู้จักและได้รับ ความนิยม รวมถึงการแจกของแถม และพนักงานมีการแนะนํา ผู้บริโภค จึงส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ ของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ที่รักษาผิวพรรณที่ดีมีผิวหน้าขาว ใส ไร้รอยสิว ฝ้า จุดด่างดําส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ครีม บํารุงผิว หน้าไวท์เทนนิ่ง ของผู้หญิงในเขตกรุงเทพมหานคร เปรียบเทียบปัจจัยด้านจิตวิทยาและปัจจัยด้านส่วนประสมทาง การตลาด จาก ผลการวิจัยจะเห็นได้ว่า ปัจจัยด้านจิตวิทยามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสําอางนําเข้าจาก ประเทศเกาหลีใต้มากกว่าปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาด 5.3 ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัย 5.3.1 ด้านผลิตภัณฑ์ พบว่านักเรียน นักศึกษา ที่ซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธาน ราษฎร์นิกรความสำคัญด้านผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมาก ผู้ผลิตมีควาใส่ใจในของคุณสมบัติและศักยภาพของผลิตภัณฑ์ ดีดีไซด์ที่ตรงกับเทรนในปัจจุบัน สามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ใหม่อยู่ตลอดเวลา เพื่อดึงดูดความสนใจจาก ผู้ซื้อ 5.3.2 ด้านราคา พบว่านักเรียน นักศึกษา ที่ซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์ นิกร ให้ความสำคัญ ด้านราคารวมถึงการแสดงป้ายราคาที่ชัดเจน จึงควรมีการติดป้ายราคาที่มองเห็นได้ชัดเจน เพื่อให้มีการ พิจารณาเปรียบเทียบราคาและสอบถามราคาแต่ละตัวแทน แต่ละร้าน ก่อนตัดสินใจซื้อและเพื่อเป็น การ ประเมินความสามารถในการซื้อของตนเอง 5.3.3 ด้านการส่งเสริมการตลาด พบว่านักเรียน นักศึกษา ที่ซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวง ประธานราษฎร์นิกร ให้ความสำคัญจัดโปรโมชั่นอย่างสม่ำเสมอ ส่วนสดสินค้า เนื่องจากเพื่อให้กลุ่มตัวอย่างได้มี การตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น 5.3.4 ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย พบว่านักเรียน นักศึกษา ที่ซื้อเครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวง ประธานราษฎร์นิกร ให้ความสำคัญด้านความเชื่อถือของร้าน และมีสินค้าจำหน่าย ได้รับสินค้าทันที ผู้ผลิตและ ตัวแทน จำหน่ายควรมีการบริหารจัดการในส่วนของการสำรองจำนวนสินค้าเพื่อให้ความสะดวกต่อการซื้อของผู้ซื้อ และเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า


37 5.4 งานวิจัยที่เกี่ยวเนื่องในอนาคต การวิจัยในครั้งนี้ศึกษาถึงปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในเขตวิทยาลัยการอาชีพหลวง ประธานราษฎร์นิกร เท่านั้นได้ทำการเปรียบเทียบแต่ละแบรนด์เครื่องสำอางในการศึกษาครั้งต่อไปควรศึกษา ประชากรเปรียบเทียบระหว่างแบรนด์เครื่องสำอางในวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกรเพื่อทราบถึง ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของแต่ละยี่ห้อ


38 บรรณานุกรม 36/ภาษาไทย กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย. (2559). รายงานสถิติจํานวนประชากรในเขต กรุงเทพมหานคร. เข้าถึงเมื่อ 27 มีนาคม. เข้าถึงได้จาก http://stat.bora.dopa.go.th/ stat/pk/pk_58.pdf เกวลี ปะตุละ. (2549). “ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสำอางของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ .” รายงานวิจัยอิสระปริญญาเศรษฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ . กัลยา วานิชย์บัญชา. (2549). สถิติสําหรับงานวิจัย. กรุงเทพมหานคร. จุฬาลงกนณ์มหาวิทยาลัย จุฑารัตน์ เกียรติ รัศมี. (2558). ปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อสินค้าผ่านทางแอพพลิเคชั่ นออนไลน์ของ ผู้บริโภค ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล.วิทยานิพนธ์ปริญญาบริหารธุรกิจ มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ธัญภัส จันจาตุรนต์รัศมี. (2562). การศึกษาสาเหตุและผลลัพธ์ของพฤติกรรมเลือกซื้อเครื่องสําอาง ด้วยการทบทวนผ่านบิวตี้บล็อกเกอร์. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต วิทยาลัยการ จัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล. นนทณฐ เกตุภาพ. (2560). ปัจจัยทมี่ผีลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าประเภทผลติภัณฑ์ดูแลผิวหน้า (Skin Care) ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ของผู้บริโภคกลุ่ม Gen Y ในกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต วิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล, กรุงเทพหมา นคร. พรเทพ ทิพยพรกุล. (2559). ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสําอางในระบบออนไลน์ของผู้บริโภค ในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร. พิชามญชุ์ อดุลวิทย์. (2554). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแบ่งปันความรู้ตามทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนวร สารนักบริหาร, 31(1), 226-230. มีน มณี เปรม. (2556). แนวทางการพัฒนาการวสื่ อสารการตลาดเชิงบูรณาการ (IMC) ของเครื่อง สําอาง ViR. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิตวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล, กรุงเทพหมานคร. มาร์เก็ตติ้งอุ๊บส์.(2015). เผย5 ขั้นตอนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เพื่อวางกลยุทธ์ทางการตลาด . สืบค้นจากhttps://www.marketingoops.com/reports/behaviors/5-stages-of-buyingdecisionprocess/ ลดาอําไพกิ้มแก้ว.(2560). ปัจจัยที่มีผลต่อความตั้งใจซื้อของผู้บริโภคจากสื่อโฆษณาประเภทวีดีโอ ผ่านผู้มีอิทธิพลบนสื่อสังคมออนไลน์. วิทยานิพนธ์ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


39 ภาคผนวก


40 แบบสอบถามเพื่อการวิจัย เรื่อง ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอาง กรณีศึกษาในวิทยาการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร ……………………………………………………………………………………………………………………………… ตอนที่1 ข้อมูส่วนตัว คำชี้แจง : โปรดทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องว่างที่ตรงหน้าข้อความที่ตรงกับข้อมูลของท่านมากที่สุด 1. เพศ เพศชาย เพศหญิง 2. อายุ ต่ำกว่า 16 ปี 16-20 ปี 20 ปีขึ้นไป 3. ระดับการศึกษาสูงสุด ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 4. อาชีพ นักเรียน/นักศึกษา ครู/อาจารย์ บุคลากร ค้าขาย อื่นๆ โปรดระบุ ………………………………………. 6.ประเภทผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (ตกแต่งใบหน้า) ลิปสติก กันแดด แป้งฝุ่น แป้งอัดแข็ง บรัชออน อายแชโดว์ กันแดด รองพื้น


41 ตอนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด คำชี้แจง: โปรดทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องว่าง ที่ตรงหน้าข้อความที่ตรงกับข้อมูลของท่านมากที่สุด ส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการ ตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอาง ระดับการตัดสินใจ 5 4 3 2 1 ด้านผลิตภัณฑ์ 1.เครื่องสำอางสุขภาพดี 2.เครื่องเป็นที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ 3.มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย 4.มีการพัฒนาคุณภาพ ผลิตภัณฑ์อย่าง ต่อเนื่อง 5.หีบห่อสวยงาม 6.มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เสมอ 7.ผลิตภัณฑ์ที่รู้จักแพร่หลาย ด้านราคา 1.เครื่องสำอางมีราคาเหมาะสมกับคุณภาพ 2.เครื่องสําอางนําเข้าจากต่างประเทศมีราคา ถูก 3.ราคาเดียวกับราคาตลาด 4.ราคาถูกกว่าราคาตลาด ส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการ ตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอาง ระดับการตัดสินใจ 5 4 3 2 1 ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย(สถานที่) 1.สั่งผ่านออนไลน์พร้อมจัดส่ง/นัดรับสินค้า 2.สั่งผ่านออนไลน์พร้อมจัดส่งพัสดุช่องทาง ออนไลน์ 3.ซื้อผ่านหน้าร้านค้า ด้านการส่งเสริมด้านการตลาด 1.การโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ อาทิเช่น Facebook TikTok Instagram


42 2.การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอยู่ ตลอดเวลาอาทิเช่น การจัดโปรโมชั่น การซื้อ1แถม1 เป็นต้น 3.แจกสินค้าทดลอง 4.โฆษณาโดยพรีซ็นเตอร์ ส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัด สินใจเลือกซื้อเครื่องสำอาง ระดับการตัดสินใจ 5 4 3 2 1 ด้านการสื่อสารทางการตลาด 1.มีโฆษณาผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ที่คนรู้จัก อย่างทั่วถึง 2.มีการประชาสัมพันธ์โดยนักเรียน นักศึกษา ของวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์ นิกร ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..


43 ประวัติผู้จัดทำ


Click to View FlipBook Version