การดูแลสุขภาพของบุคคลแต่ละวัย
บุคคลแต่ละวัยมีพัฒนาการทางร่างกายและอารมณ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
วัยทารกและวัยเด็ก
เป็นวัยที่พ่อแม่และผู้ใหญ่ในครอบครัวจะให้การดูแล จัดการวางแผน การปลูกฝัง
ให้มีสุขนิสัยในการดูแลสุขภาพของตนเอง เพื่อให้มีภาวะการเจริญเติบโตที่เหมาะสม
กับวัยและเติบโตเป็ นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคม
วัยรุ่น
อายุตั้งแต่ 13 ถึง 20 ปี เป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย
อารมณ์ และพฤติกรรมอย่างรวดเร็ว ควรปลูกฝังแบบแผนการดำเนินชีวิต
ด้านการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมเพื่ อที่จะได้เติบโตเป็ นผู้ใหญ่อย่างมี
คุณภาพ และมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
วัยผู้ใหญ่
แบ่งออก เป็น 2 ช่วง คือ วัยผู้ใหญ่ตอนต้น ตั้งแต่อายุ 20 ถึง 40 ปี
และวัยกลางคน คือ ช่วงอายุ 40 - 60 ปี บุคคลในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นมีการ
พัฒนาทางร่างกายอย่างเต็มที่ทั้งเพศหญิงและเพศชาย ร่างกายสมบูรณ์
เป็ นวัยทำงานและสร้างครอบครัว
วัยสูงอายุ
มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป อวัยวะทุกระบบในร่างกายเสื่อมถอย ปัญหาทางกายที่
พบบ่อยประกอบด้วย การเคลื่อนไหวไม่คล่องตัวและการกลั้นปัสสาวะไม่ค่อยได้
ข้อกระดูกเสื่อม ท้องผูก ตาเป็นต้อกระจก หูตึง และนอนไม่หลับ เป็นวัยที่ควรได้
รับการดูแลจากคนในครอบครัว
การดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว
การดูแลสุขภาพของตนเอง
1.การออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอ ควรออกกำลังกายอย่างถูกต้องตามวิธี
การของการออกกำลังกาย
2.การรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ทานให้ครบ 5 หมู่
3.การพักผ่อนและกิจกรรมนันทนาการ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโรค ผ่อน
คลายความเครียดจากการทำงาน การพักผ่อนที่ดีที่สุด คือการนอนหลับใน
เวลากลางคืน วันละ 6-8 ชั่วโมง
4.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงที่บ่อนทำลายสุขภาพ สาเหตุ
ของการที่จะเกิดอุบัติภัยและ ภัยอันตราย เช่น การดื่มสุรา การสูบบุหรี่ การ
เสพสารเสพติด
การดูแลสุขภาพครอบครัว
• ครอบครัวเป็นสังคมเล็กๆ สังคมหนึ่ง มีสมาชิก พ่อแม่ ลูก หรือเป็นสังคมของ
กลุ่มญาติ สมาชิกในครอบครัว มีบทบาทหน้ าที่ต่างกัน แต่ทุกคน
ต้องมีความห่วงใย มีความรัก เอื้ออาทรซึ่งกันและกันให้ความช่วยเหลือดูแลกัน
และกัน
• ในด้านสุขภาพ เมื่อสุขภาพของตนแข็งแรงสมบูรณ์ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
แล้ว สุขภาพส่วนรวมหรือสุขภาพของครอบครัวก็จะแข็งแรงสมบูรณ์ ครอบครัว
ย่อมจะมีความสุข ดังนี้
1.สนับสนุนและเอื้ออำนวยให้สมาชิกใหม่เกิดและมีชีวิตอยู่รอดได้
2.ป้ องกันและคุ้มครองให้มีการเจริญเติบโตจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่อย่างราบรื่น
3.ส่งเสริมสมาชิกของครอบครัวแต่ละคนให้อยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี
4.ช่วยกันดูแลสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจและอารมณ์ ไม่นำสิ่งที่จะเข้ามาทำลาย
การมีสุขภาพที่ดีของสมาชิกครอบครัว
5.สร้างทักษะในชีวิตเพื่อการอยู่กันด้วยสันติ การใช้ชีวิตร่วมกันใน
ครอบครัวต้องมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้าน
การศึกษา สาธารณสุข หรือความเป็นอยู่ทั่วไป
6.มีการพัฒนาทางด้านปัญญา ลดละความเห็นแก่ตัว มุ่งเข้าถึงความดี
เช่น การศึกษา การเล่นกีฬาศาสนา การรวมกลุ่ม การเจริญภาวนา การ
สัมผัสธรรมชาติ เป็นต้น
7.มีการเรียนรู้ที่ดี เป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดความสนุก ทำให้เกิดปัญญา
เกิดความคิด มีความสุข สร้างแรงจูงใจ ที่ต้องการจะเรียนรู้ในเรื่อง
ต่างๆ มากขึ้น
8.การจัดสิ่งแวดล้อมให้เกื้อกูลต่อสุขภาพ ทั้งทางกายภาพ ทางชีวภาพ
และทางสังคม สามารถทำได้ ดังนี้
สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
• มีสุขาภิบาลที่ดี สะอาดปราศจากมลภาวะ
• มีสถานที่ออกกำลังกาย พักผ่อน
• มีนํ้าสะอาดสำหรับบริโภคอย่างเพียงพอ
• มีสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยอย่างถูกสุขลักษณะ
สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ
• ปราศจากแหล่งเพาะพันธุ์พาหะนำโรค เพื่อที่จะทำให้การก่อเกิดโรคต่างๆ
ลดน้ อยลงไปหรือไม่เกิดขึ้น
สิ่งแวดล้อมทางสังคม
• มีสัมพันธภาพและมิตรไมตรีที่ดี ต่อกัน
• มีความเอื้ออาทรต่อกันทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่ทำงาน เป็นมิตรที่ดีกับ
เพื่อนบ้านและชุมชน
กระบวนการในการดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว
การประเมินปั ญหา
• พิจารณาประเมิน “สภาวะของสุขภาพ” โดยตนเองเป็นคน
ประเมินตนเองและครอบครัวของตนเองว่าอยู่ในกลุ่มใด อยู่ใน
กลุ่มที่มีสุขภาพดี หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยสามารถประเมิน
สภาวะสุขภาพได้ทั้งจากลักษณะของร่างกาย และลักษณะของสิ่ง
แวดล้อม ตัวอย่างเช่น
- ร่างกายอยู่ในสภาพที่แข็งแรงหรือทรุดโทรม
- สภาพแวดล้อมสะอาดหรือสกปรก เต็มไปด้วยมลพิษ
เป็ นต้น
- รูปร่างผอมหรืออ้วน
- นัยน์ตามองเห็นเป็นปกติหรือไม่ มีอาการสายตาสั้นหรือ
อาการสายตายาว
การวิเคราะห์ปั ญหา
• เมื่อทราบว่าสภาวะของร่างกายอยู่ในสภาวะอ่อนแอหรืออยู่
ในสภาวะเสี่ยง ก็นำเอาปัญหานั้นๆ มาวิเคราะห์ว่าเกิดขึ้นจาก
สาเหตุใด เช่น พฤติกรรมการกินอาหารที่อาจทำให้ร่างกายอ้วนเกิน
ไป เกิดสภาวะน้ำตาลในเลือดสูง นำพฤติกรรมนั้นมาวิเคราะห์ว่า
ทำไมจึงอ้วน กินอาหารประเภทใดมากเกินไป เมื่อกินอาหารแล้ว
ได้ออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญอาหารเป็นพลังงานหรือไม่ หรือ
สืบหาความเป็นมาจากพันธุกรรม เป็นต้น
การวางแผนในการแก้ปั ญหา
• เป็นกระบวนการในการสร้างเสริมสุขภาพของตนเองและ
ครอบครัว โดยการหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่เหมาะสมว่าจะดูแลสุขภาพของ
ตนเองและครอบครัวอย่างไรจึงจะมีสุขภาพดี ซึ่งกระบวนการแก้
ปัญหานี้เป็นการวางแผนเพื่ออนาคต โดยที่เรารู้ตัวของเราเองและ
ครอบครัวว่า จะต้องแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปในทางที่ดีได้ โดยอาศัย
แนวคิดของการสาธารณสุขมูลฐานประยุกต์ให้เข้ากับสภาพจริง
การลงมือปฏิบัติตามแผนที่วางไว้
• ก่อนที่จะปฏิบัติให้บรรลุจุดมุ่งหมายนั้นจะต้องมีการ
วางแผน นำเอาแผนที่วางไว้มาปฏิบัติให้สอดคล้องกับหลักการ
ทางวิทยาศาสตร์ โดยไม่ปฏิบัติอย่างงมงาย แต้ต้องสอดคล้อง
กับวิถีชีวิตของคนเราและครอบครัว เช่น การใช้วิธีการคลาย
ความเครียดด้วยการนวดการพักผ่อนในกิจกรรมที่สอดคล้อง
กับสุขภาพและแผนที่วางไว้ เป็นต้น
การประเมินผล
• เป็นกระบวนการสุดท้ายของทุกๆ กิจกรรม เพื่อจะได้
ทราบผลหรือบทสรุปที่เราได้ปฏิบัติตามแผนแล้วเกิดผลอย่าง
ไร ประสบความสำเร็จมากน้ อยเพียงใด เพื่อนำผลการประเมิน
มาปรับปรุงพัฒนาในการดำเนินการต่อไป คือถ้าดีก็ดำเนินการ
ต่อไปและพัฒนายิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่ดีก็ต้องปรับปรุงแก้ไข เพื่อจะ
ได้สัมฤทธิผลตามที่วางเอาไว้
การวางแผนดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว
•การวางแผนดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว ดังนี้
1.สร้างเสริมสุขภาพทั้งกายและจิตใจของตนเองและครอบครัว
2.ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
3.สร้างสัมพันธภาพอันดีภายในครอบครัว ทำให้เกิดความอบอุ่น
ในครอบครัวได้
4.กำหนดการดำเนินชีวิตของตนเองและบุคคลในครอบครัวได้
อย่างเหมาะสม
5.กำหนดช่วงเวลาในการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม
6.เป็นการเฝ้ าระวังสุขภาพของตนเองและสมาชิกในครอบครัว
ไม่ให้เจ็บป่ วย
7.ช่วยในการวางแผนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาน
ขั้นตอนในการวางแผนดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว
สามารถแยกได้ 3 ขั้นตอน
ขั้นที่ 1 การประเมินสภาวะสุขภาพของตนเองและครอบครัว มี 2 วิธี
การประเมินด้วยตนเอง
•เป็ นการประเมินสภาวะสุขภาพของตนเองทั้งในด้านร่างกาย
จิตใจ สังคม และสติปัญญา สังเกตสุขภาพของตนเองและสมาชิก
ภายในครอบครัว
การประเมินโดยบุคลากรสาธารณสุขหรือแพทย์
•การประเมินสุขภาพด้วยตนเองในบางด้านอาจไม่ละเอียดและครอบคลุม
มากนัก จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ชำนาญการในวงการสาธารณสุขหรือ
แพทย์เข้ามามีส่วนร่วมด้วยเพื่อความถูกต้องและชัดเจน
สิ่งที่จำเป็นที่สุดในการดูแลสุขภาพ ก็คือ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจ
สุขภาพประจำปี ปีละ 1-2 ครั้ง โดยจะได้รับบริการทางการแพทย์ ดังนี้
•รายละเอียดทั่วๆ ไป เกี่ยวกับประวัติส่วนบุคคล ประวัติครอบครัวโดย
สังเขป ประวัติการพัฒนาการ ประวัติการเจ็บป่วย การดูแลรักษาจากอดีต
ถึงปั จจุบัน
•ตรวจสอบสภาพร่างกาย โดยการฟัง คลำ การเคาะ การสังเกต เพื่อค้นหา
ความผิดปกติ
•ตรวจในห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจ
ปัสสาวะ ตรวจอุจจาระ และอื่นๆ
การวางแผนดูแลสุขภาพโดยใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการดูแลสุขภาพ
พอประมาณ
•รักษาสุขภาพตามฐานะของตนเองที่เรียบง่าย ไม่เบียดเบียนหรือทำความ
เดือดร้อนผู้อื่น
มีเหตุผล
•รู้ว่าดูแลรักษาสุขภาพเพราะอะไร เช่น เพราะต้องการให้ร่างกายแข็งแรง
มีอายุยืนยาว
ความรู้ควบคู่คุณธรรม
•ใช้ความรู้ในทางที่ถูกต้อง ไม่เอาเปรียบผู้อื่น เช่น ผลิตอาหารที่มีคุณภาพ
สะอาดปลอดภัย ให้กับผู้บริโภ
มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี
•อาทิ การรับประทานอาหารที่ปลอดภัย ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมกับ
เพศและวัย
คำนำ
ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 โดยมีจุด
ประสงค์ เพื่อการศึกษาความรู้ที่ได้จากเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง
สุขภาพของตนเองและครอบครัว โดยศึกษาผ่านแหล่งความรู้จาก
เว็บไซต์ต่างๆ ทั้งนี้ ในรายงานนี้มีเนื้อหาประกอบด้วยความรู้การดูแล
สุขภาพของตยเองและครอบครัว
ผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน
ทุก ๆ ท่าน หากมีข้อเสนอแนะประการใด ผู้จัดทำขอรับไว้ด้วยความ
ขอบพระคุณยิ่ง
ลงชื่อ
นางสาวณัฐพร ร่วมกูล
นางสางพัสนันท์ บุญเย็น
นางสาวน้ำฝน พงษ์พิละ
นางสาวธัญญาเรส เกตุสกุล
ผู้จัดทำ
สารบัญ หน้ า
คำนำ ก
สารบัญ ข
การดุแลสุขภาพแต่ละวัย 1-4
การดูแลสุขภาพของตนเอง 5
การดูแลสุภาพของครอบครัว 6-7
ด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ 8
การประเมินปั ญหา 9
การวิเคราะห์ปั ญหา 10
การวางแผนปั ญหา
การลงมือปฏิบัติตามแผน 11
การประเมิน
การวางแผนดูแลสุขภาพของ ตนเองและครอบครัว 12
ขั้นตอนในการวางแผนดูแล 13
สิ่งที่จำเป็ นที่สุดในการดูแลสุขภาพ 14
การวางแผนดูแลสุขภาพโดยใช้ ปรัชญาเศรษฐกิจ 15
พอเพียง