The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ppapl9700, 2023-10-17 11:49:43

เล่มที่ 3 เรื่อง การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์

เล ่ มที่ 3 เรื่อง การสร ้ างองคค ์ วามร ้ใ ู หม ่ ทางประวต ัิ ศาสตร ์ นายแสงสุรีย์ยอดค า ต าแหน่งครู วิทยฐานะ ครูช านาญการพิเศษ รายวิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนพิบูลมังสาหาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี หนังสืออิเล็กทรอนิกส์


คํานํา หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ รายวิชา ประวัติศาสตร์ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่มที่ 3 เรื่อง การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย จัดทําขึ้นเพื่อให้นักเรียนมีเนื้อหาความเข้าใจเกี่ยวกับ ความสําคัญของขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์โดยนําเสนอตัวอย่างทีละขั้นตอนอย่างชัดเจน คุณค่าและ ประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ที่มีต่อการศึกษาทางประวัติศาสตร์และผลการศึกษาหรือโครงงานทาง ประวัติศาสตร์ ในการจัดทําหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้ ผู้เรียนสามารถนําไปใช้ในการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นการพัฒนาตนเองตามความสามารถ ศักยภาพ และความแตกต่างของ ผู้เรียนเป็นสําคัญ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์สําหรับครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชาประวัติศาสตร์ สําหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และผู้ที่สนใจได้เป็นอย่างดี แสงสุรีย์ ยอดคํา


การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย.................................................. การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย...............................................


1 หนังสื ออิเล็กทรอนิกส์รายวิชาประวัติศาสตร์ ส าหรับนักเรี ยนช้ันมัธยมศึกษาปีที่4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 1. ภายในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มน้ีประกอบด้วยเน้ือหาส่วนต่าง ๆ ซึ่งนักเรียนจะต้องท า จนครบทุกแบบฝึ กหัด ดงัน้ี 1.1 แบบทดสอบก่อนเรียน 1.2 คา สั่ง 1.3 เน้ือหา 1.4 แบบฝึ กหัด 1.5 เฉลยแบบฝึ กหัด 1.6 แบบทดสอบหลังเรียน 2. ให้นักเรียนเลือกประธานกลุ่ม เพื่อดูแลและควบคุมการท างานของสมาชิกในกลุ่มและเลือก เลขานุการเพื่อบันทึกผลการท าแบบฝึ กหัดของสมาชิกในกลุ่ม 3. นักเรียนทุกคนร่วมปฏิบัติกิจกรรมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ค ำชี้แจงส ำหรับนักเรียน


2 สำระที่ 4 ประวัติศำสตร์ มำตรฐำน 4.1 เข้าใจความหมายความส าคัญของเวลา และยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็ นระบบ ตัวชี้วัด ส 4.4 ม.4-6/2 สร้างองค์เน้ือหาใหม่ทางประวัติศาสตร์โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่างเป็ นระบบ สำระกำรเรียนรู้ 1. ความหมาย ความส าคัญ และประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ไทย 2. ข้นัตอนของวิธีการทางประวตัิศาสตร์ 3. หลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย 4. ตัวอย่างการน าวิธีการทางประวัติศาสตร์มาใช้ในการศึกษา ทางประวัติศาสตร์ไทย


3 แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย ค าชี้แจง แบบทดสอบชุดน้ีเป็นแบบปรนยั4 ตวัเลือก จำ นวน 10 ขอ้10 คะแนน ความรู้จงกำกบำท () เลือกข้อที่ถูกต้องเพียงข้อเดียวลงในกระดำษค ำตอบ 1. ข้อใดหมำยถึงวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ ก.ข้นัตอนในกำรแสวงหำขอ้เท็จจริงทำงประวตัิศำสตร์ ข. เป้ำหมำยในกำรศึกษำทำงประวัติศำสตร์ ค. ข้นัตอนในกำรคน้หำหลกัฐำนทำงประวตัิศำสตร์ ง.กำรวิเครำะห์ข้อมูลทำงประวัติศำสตร์ 2. วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์มีควำมส ำคัญต่อกำรศึกษำเรื่องรำวทำงประวัติศำสตร์อย่ำงไร ก. มีควำมน่ำเชื่อถือ ข. ได้ข้อเท็จจริงถูกต้อง ค. มีข้นัตอนกำรศึกษำเป็นระบบ ง. ถูกหมดทุกข้อ 3. ขอ้ใดเป็นข้นัตอนแรกของวิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์ ก. ก ำหนดหัวข้อเรื่อง ข. รวบรวมข้อมูล ค. วิเครำะห์ข้อมูล ง. เรียบเรียงและน ำเสนอ 4. ข้อใด เป็ นกำรประเมินคุณค่ำของหลักฐำนภำยในหรือวิพำกย์วิธีภำยใน ก. เป็ นหลักฐำนสมัยใด ใครเป็ นผู้สร้ำง ข.มีเน้ือหำขอ้มลูถกูตอ้งน่ำเชื่อถอืหรือไม่ ค. เป็นหลกัฐำนช้นัตน้หรือช้นัรอง ง.เป็ นหลักฐำนจริงหรือปลอม 5.กำรน ำหนังสืออัตชีวประวัติบุคคลส ำคัญมำตรวจสอบควำมน่ำเชื่อถือของเรื่องรำวเหตุกำรณ์ต่ำงๆ ที่เขียนเป็นข้นัตอนใดของวิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์ ก. วิเครำะห์ข้อมูล ข. ตีควำมหลักฐำน ค. วิพำกย์วิธีภำยใน ง. วิพำกย์วิธีภำยนอก


4 6.ข้นัตอนกำรนำ เสนอ ผูศ้ึกษำควรเขียนอธิบำยเรื่องที่ศึกษำคน้ควำ้อยำ่งมีระบบ หมำยถึงขอ้ใด ก. มีเหตุผล ข. เป็ นกลำงไม่มีอคติ ค. มีหลักฐำนข้อมูลสนับสนุน ง.ถูกหมดทุกข้อ 7. หลกัฐำนสมยัประวตัิศำสตร์ของไทยเท่ำที่คน้พบในปัจจุบนั ประเภทใดมีอำยเุก่ำแก่ที่สุด ก. ต ำนำน ข. พงศำวดำร ค. ศิลำจำรึก ง. จดหมำยเหตุ 8. หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ประเภทปฐมภูมิมีลักษณะส ำคัญอย่ำงไร ก. เกิดข้ึนในสมยัประวตัิศำสตร์ ข. เป็ นเอกสำรของทำงรำชกำร ค. ผูจ้ดบนัทึกอยรู่ ่วมเหตุกำรณ์น้นัๆ ง.ตีควำมหมำยได้ชัดเจนไม่มีข้อโต้แย้ง 9. ศิลำจำรึกที่พบในประเทศไทยส่วนใหญ่มีเน้ือหำสำระเกี่ยวกบัเรื่องใดมำกที่สุด ก. ประวัติบุคคลส ำคัญ ข. ประกำศของทำงรำชกำร ค. กำรได้รับชัยชนะในสงครำม ง. ประกำศผลบุญให้บุคคลที่สร้ำงวัด 10.หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ของไทยที่ไม่เป็ นลำยลักษณ์อักษร ประเภทใดสร้ำงจำกแรงศรัทธำใน พระพุทธศำสนำของผู้สร้ำงในอดีต ก. โสตทัศน์ ข. สถำปัตยกรรมและจิตรกรรม ค. นำฏศิลป์และเพลงพ้ืนบำ้น ง. ค ำบอกเล่ำ


5 ค าสั่ง อ่ำนคำ แนะนำ สำ หรับนกัเรียนให้เขำ้ใจก่อนและให้นกัเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบตัิดงัน้ี 1. ให้นกัเรียนทำ แบบทดสอบก่อนเรียน 2. ศึกษำจำกควำมรู้เน้ือหำ เรื่อง กำรสร้ำงองค์ควำมรู้ใหม่ทำงประวัติศำสตร์ 2.1 เลือกตัวแทนอ่ำนควำมรู้ให้สมำชิกทุกคนในกลุ่มฟัง 2.2 สมำชิกทุกคนศึกษำด้วยตนเอง 3. ท ำแบบฝึ กหัดตำมแบบฝึ กหัดที่ก ำหนดให้ 4. ประธำนอ่ำนคำ ช้ีแจงในแบบฝึกหัดสมำชิกตอบลงในแบบฝึ กหัดเป็ นกำรทดสอบหลังได้ท ำ แบบฝึ กหัดต่ำง ๆ หลงัจำกน้นัอ่ำนคำ เฉลยในเฉลยแบบฝึ กหัด 5. ให้นักเรียนท ำกำรสรุปควำมรู้เพื่อเป็ นกำรทบทวนและส่งเสริมควำมแม่นย ำในกำรเรียนรู้ 6. ให้นักเรียนท ำแบบทดสอบหลังเรียน 7. ถำ้มีนกัเรียนคนใดทำ แบบทดสอบหลงัเรียนไดค้ะแนนไม่ผ่ำนเกณฑท์ ี่ต้งัไวใ้ห้นกัเรียนปรึกษำ ครูผู้สอนหรือศึกษำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์อกีคร้งั


6 ประวัติศำสตร์เป็ นกำรศึกษำเรื่องรำวหรือกิจกรรมของมนุษย์ในอดีตอย่ำงมีระบบ เพื่อให้ได้เรื่องรำวที่ถูกต้อง น่ำเชื่อถือ โดยใช้วิธีกำรที่เรียกว่ำ “วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์” 1.1 ความหมายของวิธีการทางประวัติศาสตร์ วิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์หมำยถึง วิธีกำรหรือข้นัตอนต่ำง ๆ ที่ใชใ้นกำรศึกษำคน้ควำ้ วิจัยเกี่ยวกับเรื่องรำวทำงประวัติศำสตร์ โดยเฉพำะอำศัยจำกหลักฐำนที่เป็ นลำยลักษณ์อักษรเป็ นส ำคัญ ประกอบกับหลักฐำนอื่น ๆ เช่น ภำพถ่ำย แถบบันทึกเสียง วิดิทัศน์ หลักฐำนทำงโบรำณคดี เป็ นต้น ท้งัน้ีเพื่อให้สำมำรถฟ้ืนอดีตหรือจำ ลองอดีตข้ึนมำใหม่ ไดอ้ยำ่งถูกตอ้งสมบูรณ์และน่ำเชื่อถอื ที่มำ : http://www.matichon.co.th 1.2 ความส าคัญของวิธีการทางประวัติศาสตร์ วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์มีควำมส ำคัญ คือ ท ำให้เรื่องรำว แบบฝึ กหัด เหตุกำรณ์ที่ เกิดข้ึนในประวตัิศำสตร์มีควำมน่ำเชื่อถือ มีควำมถูกตอ้งเป็นควำมจริง หรือใกลเ้คียงควำมเป็นจริงมำก ที่สุด เพรำะได้มีกำรศึกษำอย่ำงเป็ นระบบ อยำ่งมีข้นัตอน มคีวำมระมัดระวัง รอบคอบ โดยผู้ได้รับกำร ฝึ กฝนในระเบียบวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์มำดีแล้ว ที่มำ : http://taw412.blogspot.com เนื้อหาที่ 1 ความหมาย ความส าคัญ และโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์


7 สำ หรับกำรศึกษำประวตัิศำสตร์น้นัมีปัญหำที่ส ำคญัอยปู่ระกำรหน่ึง คือ อดีตที่มีกำร ฟ้ืนหรือจำ ลองข้ึนมำใหม่น้นัมีควำมถูกตอ้ง สมบูรณ์และเชื่อถือไดเ้พียงใด รวมท้งัหลกัฐำนที่เป็นลำย ลกัษณ์อกัษรและไม่เป็นลำยลกัษณ์ที่นำ มำใชเ้ป็นขอ้มูลน้นัมีควำมสมบูรณ์มำกนอ้ยแค่ไหน เพรำะ เหตุกำรณ์ทำงประวัติศำสตร์มีอยู่มำกมำยเกินกว่ำที่จะศึกษำหรือจดจ ำได้หมดแต่หลักฐำนที่ใช้เป็ นข้อมูล อำจมีเพียงบำงส่วน ดงัน้นัวิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์จึงมีควำมสำ คญัเพื่อใชเ้ป็นแนวทำงสำ หรับผูศ้ึกษำ ประวัติศำสตร์ หรือผู้ฝึ กฝนทำงประวัติศำสตร์จะได้น ำไปใช้ด้วยควำมรอบคอบ ระมัดระวัง ไม่ล ำเอียง และเพื่อให้เกิดควำมน่ำเชื่อถือ ที่มำ : http://schoolweb.eduzones.com 1.3 ประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ วิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์มีประโยชน์ท้งัต่อกำรศึกษำประวตัิศำสตร์ที่ทำ ให้ไดเ้รื่องรำว ทำงประวัติศำสตร์น่ำเชื่อถือ ประโยชน์อีกด้ำนหนึ่ง คือ ผู้ที่ได้รับกำรฝึ กฝนกำรใช้วิธีกำรทำง ประวตัิศำสตร์จะทำ ให้เป็นคนละเอียดรอบคอบ มีกำรตรวจสอบเรื่องรำวที่ศึกษำ รวมท้งันำ มำปรับใช้ใน ชีวิตประจ ำวันได้ โดยจะท ำให้เป็ นผู้รู้จักท ำกำรประเมินเหตุกำรณ์ต่ำง ๆ ว่ำมีควำมน่ำเชื่อถือเพียงใด หรือก่อนจะเชื่อถือขอ้มลูของใคร ก็นำ วิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์ไปตรวจสอบก่อน ที่มำ : http://history.myfirstinfo.com เหตุการณ์เรื่องราวทาง ประวัติศาสตร์


8 ค าชี้แจง ให้นักเรียนอธิบำยเกี่ยวกับควำมหมำย ควำมส ำคัญและประโยชน์ของวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ (10 คะแนน) แบบฝึ กหัดที่ 1 ความหมายของวิธีการทางประวัติศาสตร์ ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ... ..................................................................................................................................................... ... ความส าคัญของวิธีการทางประวัติศาสตร์ ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ... ..................................................................................................................................................... ... ประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ... ..................................................................................................................................................... ...


9 ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์มีอยู่ 5 ข้นัตอน คือ กำรกำ หนดหัวเรื่อง กำรรวบรวม หลักฐำนกำรประเมินคุณค่ำของหลักฐำน กำรตีควำมหลักฐำน และกำรวิเครำะห์และสังเครำะห์ข้อมูล ดงัน้ี 1. การก าหนดหัวเรื่องที่จะศึกษา กำรศึกษำเรื่องรำวในประวตัิศำสตร์เริ่มจำกควำมสงสัย อยำกรู้ไม่พอใจกบัคำ อธิบำยเรื่องรำวที่ มีมำแต่เดิม ดงัน้นัผูศ้ึกษำจึงเริ่มจำกกำรกำ หนดเรื่องหรือประเด็นที่ตอ้งกำรศึกษำซ่ึงในตอนแรกอำจ กำ หนดประเด็นที่ตอ้งกำรศึกษำไวก้วำ้ง ๆ ก่อน แล้วจึงค่อยจ ำกัดประเด็นลงให้แคบ เพื่อให้เกิดควำม ชดัเจนในภำยหลงัเพรำะบำงเรื่องขอบเขตของกำรศึกษำอำจกวำ้งมำกท้งัเหตุกำรณ์บุคคล และเวลำ กำรก ำหนดหัวเรื่องอำจเกี่ยวกับเหตุกำรณ์ ควำมเจริญ ควำมเสื่อมของอำณำจักรตัวบุคคลใน ช่วงเวลำใดเวลำหนึ่ง อำจยำวหรือส้ันตำมควำมเหมำะสม ซ่ึงผูศ้ึกษำเห็นว่ำเป็นช่วงเวลำที่สำ คญัและยงั มีหลักฐำนข้อมูลที่ผู้ต้องกำรศึกษำหลงเหลืออยู่ หัวข้อเรื่องรำวอำจปรับให้มีควำมเหมำะสมหรือ เปลี่ยนแปลงได้ ถ้ำหำกหลักฐำนที่ใช้ในกำรศึกษำมีน้อยหรือไม่น่ำเชื่อถือ 2. การรวบรวมหลักฐาน กำรรวบรวมหลกัฐำน คือ กำรรวบรวมหลกัฐำนที่เกี่ยวขอ้งกบัหัวขอ้ที่จะศึกษำ ซ่ึงมีท้งั หลักฐำนที่เป็ นลำยลักษณ์อักษร และหลักฐำนที่ไม่เป็ นลำยลักษณ์อักษร หลกัฐำนทำงประวตัิศำสตร์แบ่งออกเป็นหลกัฐำนช้นัตน้หรือหลกัฐำนปฐมภูมิกบัหลกัฐำน ช้นัรองหรือหลกัฐำนทุติยภูมิ 1) หลักฐำนช้นัตน้ (Primary Sources) เป็ นหลักฐำนร่วมสมัยของผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุกำรณ์ โดยตรง ประกอบดว้ยหลกัฐำนทำงรำชกำรท้งัที่เป็นเอกสำรลบัเอกสำรที่เปิดเผย กฎหมำย ประกำศ สุนทรพจน์ บันทึกควำมทรงจ ำของผู้เกี่ยวข้องกับเหตุกำรณ์ หรืออัตชีวประวัติผู้ที่ได้รับผลกระทบกับ เหตุกำรณ์ กำรรำยงำนข่ำวของผู้รู้ ผูเ้ห็นเหตุกำรณ์วีดิทศัน์ภำพยนตร์ภำพถ่ำยเหตุกำรณ์ที่เกิดข้ึน เป็ นต้น 2) หลกัฐำนช้นัรอง (Secondary Sources) เป็นหลกัฐำนที่จดัทำ ข้ึนโดยอำศยัหลกัฐำนช้นัตน้ หรือโดยบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้รู้เห็นเหตุกำรณ์ด้วยตนเอง แต่ได้รับรู้โดยผ่ำนบุคคลอื่น เนื้อหาที่ 2 ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์


10 ประกอบด้วยผลงำนของนักประวัติศำสตร์หรือหนังสือประวัติศำสตร์ รำยงำนของสื่อมวลชนที่ไม่ได้รู้ เห็นเหตุกำรณ์ด้วยตนเอง ภำพถ่ำยเหตุกำรณ์ชุมนุมประท้วงของนิสิตนักศึกษำและประชำชนที่มหำวิทยำลัยธรรมศำสตร์ และบริเวณถนนรำชดำ เนิน เมื่อวนัที่14 ตุลำคม พ.ศ. 2516 เป็นหลกัฐำนช้นัตน้ที่อยรู่ ่วมสมยั กับผู้ที่ถ่ำยภำพเหตุกำรณ์ จึงมีควำมน่ำเชื่อถือ ที่มำ : http://topicstock.pantip.com 3. การประเมินคุณค่าของหลักฐาน หลกัฐำนทำงประวตัิศำสตร์ที่คน้ควำ้มำได้ก่อนที่จะทำ กำรศึกษำจะตอ้งมีกำรประเมินคุณค่ำว่ำ เป็นหลกัฐำนที่แทจ้ริงเพียงใด กำรประเมินคุณค่ำของหลกัฐำนน้ีเรียกว่ำ “วิพำกษว์ิธีทำงประวตัิศำสตร์” ซ่ึงมีอยู่2 วิธีดงัต่อไปน้ี 1) กำรประเมินคุณค่ำภำยนอกหรือวิพำกย์วิธีภำยนอก ซึ่งหมำยถึงกำรประเมินคุณค่ำของ หลกัฐำนจำกลกัษณะภำยนอกของหลกัฐำนทำงประวตัิศำสตร์บำงคร้ังก็มีกำรปลอมแปลง เพื่อกำร โฆษณำชวนเชื่อ ทำ ให้หลงผิด หรือเพื่อเหตุผลทำงกำรเมือง กำรคำ้ดงัน้นัจึงตอ้งมีกำรประเมินว่ำ เอกสำรน้นัเป็นของจริงหรือไม่ ในส่วนวิพำกยว์ิธีภำยนอกเพื่อประเมินหลกัฐำนว่ำเป็นของแท้พิจำรณำ ไดจ้ำกสิ่งที่ปรำกฏภำยนอก เช่น เน้ือกระดำษ กระดำษของไทยแต่เดิมจะหยำบและหนำ ส่วนกระดำษ ฝรั่งหรือสมุดฝรั่งมำกข้ึนในตน้รัชสมยัพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกลำ้เจำ้อยหู่ ัว เกี่ยวกบัตวัพิมพด์ีดเริ่ม ใชม้ำกข้ึนในกลำงตน้รัชสมยัพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกลำ้เจำ้อยหู่ ัว ถำ้ปรำกฏว่ำมีหลกัฐำนทำง ประวตัิศำสตร์ไทยในรัชสมยัพระพุทธเลิศหลำ้นภำลยัมีกำรใชก้ระดำษฝรั่ง หรือมีหลกัฐำนทำง ประวตัิศำสตร์ไทยในรัชสมยัพระบำทสมเด็จพระนงั่เกลำ้เจำ้อยหัวใช้ตัวพิมพ์ดีด ก็ควรสงสัยว่ำหลักฐำน ู่ น้นัเป็นของปลอม 2) กำรประเมินค่ำภำยในหรือวิพำกย์วิธีภำยใน เป็ นกำรประเมินคุณค่ำของหลักฐำนจำกข้อมูล ภำยในหลกัฐำนน้นัเป็นตน้ว่ำ มีชื่อบุคคล สถำนที่เหตุกำรณ์ในช่วงเวลำที่หลกัฐำนน้นัทำ ข้ึนหรือไม่ ดังเช่น หลักฐำนซ่ึงเชื่อว่ำเป็นของสมยัสุโขทยัแต่มีกำรพูดถึงสหรัฐอเมริกำในหลกัฐำนน้นัก็ควรสงสัย ว่ำหลกัฐำนน้นัเป็นของสมยัสุโขทยัจริงหรือไม่เพรำะในสมยัสุโขทยัยงัไม่มีประเทศสหรัฐอเมริกำ แต่


11 น่ำจะเป็นหลกัฐำนที่ทำ ข้ึนเมอื่คนไทยไดร้ับรู้ว่ำมีประเทศสหรัฐอเมริกำแลว้หรือหลกัฐำนเป็นของเก่ำ สมัยสุโขทัยจริง แต่กำรคัดลอกต่อกันมำมีกำรเติมชื่อประเทศสหรัฐอเมริกำเข้ำไป เป็ นต้น 4. การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดหมวดหมู่ข้อมูล เมื่อทรำบว่ำหลกัฐำนน้นัเป็นของแท้ให้ข้อมูลที่เป็ นข้อเท็จจริงหรือควำมจริงในประวัติศำสตร์ ผู้ศึกษำประวัติศำสตร์ ผูศ้ึกษำประวตัิศำสตร์ก็จะตอ้งศึกษำขอ้มลูหรือขอ้ สนเทศในหลกัฐำนน้นัวำ่ ให้ ขอ้มูลทำงประวตัิศำสตร์อะไรบำ้ง ขอ้มูลน้นัมีควำมสมบูรณ์เพียงใด หรือขอ้มูลน้นัมีจุดมุ่งหมำย เบ้ืองตน้อยำ่งไร มีจุดมุ่งหมำยแอบแฝงหรือไม่ขอ้มูลมีควำมยตุิธรรมหรือไม่จำกน้นัจึงนำ ขอ้มลู ท้งัหลำยมำจดัหมวดหมู่เช่น ควำมเป็นมำของเหตุกำรณ์สำเหตุที่ทำ ให้เกิดเหตุกำรณ์ควำมเป็นไปของ เหตุกำรณ์ ผลของเหตุกำรณ์ เป็ นต้น เมื่อข้อมูลเป็ นเรื่อง เป็นประเด็นแลว้ผูศ้ึกษำประวตัิศำสตร์เรื่องน้นัก็จะตอ้งหำควำมสัมพนัธ์ ของประเด็นต่ำง ๆ และตีควำมข้อมูลว่ำมีข้อเท็จจริงใดที่ซ่อนเร้น อ ำพรำง ไม่กล่ำวถึงหรือในทำงตรง ข้ำมอำจมีข้อมูลที่กล่ำวเกินควำมเป็ นจริงไปมำก ในกำรวิเครำะห์ สังเครำะห์ข้อมูล ผู้ศึกษำ ประวัติศำสตร์ควำมมีควำมละเอียดรอบคอบ วำงตัวเป็ นกลำง มีจินตนำกำร มีควำมรอบรู้ โดยศึกษำ ขอ้มูลท้งัหลำยอยำ่งกวำ้งขวำง และนำ ผลกำรศึกษำเรื่องน้นัที่มีแต่เดิมมำวิเครำะห์เปรียบเทียบ รวมท้งัจดั หมวดหมู่ข้อมูลให้เป็ นระบบ 5. การเรียบเรียงหรือการน าเสนอ กำรเรียบเรียงหรือกำรนำ เสนอจดัเป็นข้นัตอนสุดทำ้ยของวิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์ซ่ึงมี ควำมสำ คญัมำก โดยผูศ้ึกษำประวตัิศำสตร์จะตอ้งนำ ขอ้มลูท้งัหมดมำรวบรวมและเรียบเรียงหรือ น ำเสนอให้ตรงกับประเด็นหัวเรื่องที่ตนเองสงสัย ต้องกำรมำรวบรวมและเรียบเรียงหรือน ำเสนอให้ตรง กับประเด็นหรือหัวเรื่องที่ตนเองสงสัย ตอ้งกำรอยำกรู้เพิ่มเติม ท้งัจำกควำมรู้เดิมและควำมรู้ใหม่รวม ไปถึงควำมคิดใหม่ที่ไดจ้ำกกำรศึกษำคร้ังน้ีซ่ึงเท่ำกบัเป็นกำรร้ือฟ้ืนหรือจำ ลองเหตุกำรณ์ทำง ประวตัิศำสตร์ข้ึนมำใหม่อยำ่งถูกตอ้งและเป็นกลำง ในข้นัตอนกำรนำ เสนอ ผูศ้ึกษำควรอธิบำยเหตุกำรณ์อย่ำงมีระบบและมีควำมสอดคล้องต่อเนื่อง เป็ นเหตุเป็ นผล มีกำรโต้แย้งหรือสนับสนุนผลกำรศึกษำวิเครำะห์แต่เดิม โดยมีข้อมูลสนับสนุนอย่ำงมี น้ำ หนกัเป็นกลำง และสรุปผลกำรศึกษำว่ำสำมำรถให้คำ ตอบที่ผูศ้ึกษำมีควำมสงสัย อยำกรู้ไดเ้พียงใด หรือมีข้อเสนอแนะส ำหรับผู้ที่ต้องกำรศึกษำต่อไปอย่ำงไรบ้ำง จะเห็นได้ว่ำวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์เป็ นวิธีกำรศึกษำประวัติศำสตร์อย่ำงมีระบบ มีควำม ระมัดระวัง รอบคอบ มีเหตุผลและเป็ นกลำง ซื่อสัตย์ต่อข้อมูลตำมหลักฐำนที่ค้นคว้ำมำอำจกล่ำวได้ว่ำ วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์เหมือนกับวิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์ จะแตกต่ำงกันก็เพียงวิธีกำรทำง ประวตัิศำสตร์ไม่สำมำรถทำ ให้เกิดข้ึนใหม่ไดอ้ีก ผูศ้ึกษำประวตัิศำสตร์ที่ดีจึงเป็นผูฟ้้ืนอดีตหรือจำ ลอง อดีตให้มีควำมถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด โดยใช้วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์เพื่อจะได้เกิดควำมเข้ำใจอดีต อันจะน ำมำสู่ควำมเข้ำใจในปัจจุบัน


12 ค าชี้แจงให้นักเรียนอธิบำยข้นัตอนของวิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์แต่ละข้นัตอนมำพอสังเขป (10 คะแนน) แบบฝึ กหัดที่ 2 วิธีการทาง ประวัติศาสตร์ ข้นัที่1.................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ........................................................................ ........................................................................ ....................................................................... ข้นัที่2.................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ........................................................................ ........................................................................ ....................................................................... ข้นัที่3.................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ........................................................................ ........................................................................ ....................................................................... ข้นัที่4.................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ........................................................................ ........................................................................ ....................................................................... ข้นัท5ี่.................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ........................................................................ ........................................................................ .......................................................................


13 1. ลักษณะของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย 1) หลักฐำนที่เป็ นลำยลักษณ์อักษร คือ หลักฐำนที่มีกำรบันทึกเป็ นลำยลักษณ์อักษรลง บนวัสดุที่คงทน เช่น แผ่นหิน ใบลำน กระดำษ เป็ นต้น โดยสำมำรถแบ่งออกเป็ นศิลำจำรึก พระรำช พงศำวดำร ต ำนำน หนังสือรำชกำร เอกสำรส่วนบุคคล บันทึกของชำวต่ำงชำติ จดหมำยเหตุ เป็นต้น ซ่ึงจะกล่ำวพอสังเขป ดงัน้ี (1) จำรึกหรือจำร มีอยู่หลำยลักษณะ ที่สลักเป็ นตัวอักษรลงบนแผ่นหรือ แท่ง หิน เรียกว่ำ “ศิลำจำรึก” จำรึกบนแผ่นทองค ำเรียกว่ำ “จำรึกลำนทอง” ที่จำรึกลงบนแผ่นเงิน เรียกว่ำ “จำรึกลำนเงิน” ที่จำรลงบนใบลำน เรียกว่ำ “หนังสือใบลำน” และยังมีกำรพบจำรึกที่ฐำนพระพุทธรูป อีกด้วย จำกจำรึกที่มีอยหู่ลำยลกัษณะน้นัจำรึกบนแท่งหินหรือศิลำจำรึกมีควำมคงทนมำกที่สุด อยำ่งไร ก็ดีเมื่อเวลำผ่ำนไป ศิลำจำรึกยอ่มีกำรแตกหรือบิ่น ตวัอกัษรชำ รุดและลบเลือนไปตำมกำลเวลำ จึงทำ ให้ข้อมูลบำงส่วนขำดหำยไป แต่ถือว่ำศิลำจำรึกมีคุณค่ำทำงดำ้นประวตัิศำสตร์เนื่องจำกทำ ข้ึนใน ช่วงเวลำน้นั โดยผูเ้กี่ยวขอ้งหรือรู้เห็นกบัเรื่องน้นั โดยตรง จำรึกลำนทอง พบที่วัดส่องคบ อ ำเภอเมือง จังหวัดชัยนำท จำรึกด้วยอักษรขอม –อักษรไทยสมัยอยุธยำ พ.ศ. 1951 ที่มำ : http://www.bloggang.com เนื้อหาที่ 3 หลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย


14 (2) พระรำชพงศำวดำร เป็ นกำรจดบันทึกเกี่ยวกับเรื่องรำวของ พระมหำกษัตริย์ โดยเขียนลงบนสมุดไทย หรือกระดำษของไทยที่ใชก้นั ในสมยัก่อนกำรเขียนพระรำช พงศำวดำรเริ่มข้ึนในสมยัอยธุยำฉบบัหลวงประเสริฐอกัษรนิต์ิหรือเรียกส้ัน ๆ ว่ำ “ฉบบัหลวง ประเสริฐ” ซ่ึงถือเป็นพระรำชพงศำวดำรที่เก่ำแก่ที่สุดที่มีเหลืออยจู่นถึงปัจจุบนัพระรำชพงศำวดำรกรุง ศรีอยุธยำฉบับริติชมิวเซียม ซ่ึงต้งัชื่อตำมสถำนที่พบ คือ บริติชมิวเซียม กรุงลอนดอน ประเทศองักฤษ พระรำชพงศำวดำรฉบับพระรำชหัตถเลขำ เพรำะมีพระรำชหัตถเลขำของพระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำ เจ้ำอยู่หัวปรำกฏอยู่ เนื่องจำกทรงร่วมช ำระด้วย เป็ นต้น และอีกส่วนหนึ่งกล่ำวถึงเรื่องรำวของ พระมหำกษัตริยแ์ห่งกรุงรัตนโกสินทร์ต้งัแต่รัชกำลที่1 รัชกำลที่5 เช่น พระรำชพงศำวดำรกรุง รัตนโกสินทร์ รัชกำลที่ 1 พระรำชพงศำวดำรกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกำลที่ 5 เป็ นต้น (3) ต ำนำน หมำยถึง กำรเล่ำเรื่องรำวประวัติควำมเป็ นมำของบุคคล โบรำณสถำน โบรำณวัตถุในอดีตที่สืบทอดต่อกันมำ โดยกำรบอกเล่ำ จดจ ำ และมีกำรจดบันทึกเป็ น ลำยลกัษณ์อกัษรไวใ้นภำยหลงัสำ หรับเรื่องรำวที่เล่ำมีท้งัเกี่ยวกบัพุทธศำสนำ เช่น ตำ นำนมูลศำสนำ สังคีติยวงศ์ รัตนพิมพวงศ์ (ต ำนำนพระแก้วมรกต) สิหิงคนิทำน (ต ำนำนพระพุทธสิหิงค์) หรือ เกี่ยวกับบุคคลและสถำนที่ เช่น ต ำนำนจำมเทวีวงศ์ ต ำนำนเมืองเงินยำง เชียงแสน ต ำนำนอุรังคธำตุ (ต ำนำนพระธำตุพนม) หรือเกี่ยวกับนิทำน ควำมเชื่อ ซึ่งอำจมีเค้ำควำมจริงทำงประวัติศำสตร์อยู่บ้ำง โดยอำจเกี่ยวข้องกับกษัตริย์ วีรบุรุษ บ้ำนเมือง สถำนที่ในแต่ละยุคสมัยเข้ำไว้ด้วยกัน เช่น เรื่องพระ ร่วง ท้ำวแสนปม เป็ นต้น ปกพงศำวดำรกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกำลที่ 2 พระนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระยำด ำรงรำชำนุภำพ และปกพระรำชพงศำวดำร ฉบับพระรำชหัตถเลขำ ในรัชกำลที่ 4 จัดพิมพ์โดยกรมศิลปำกร ที่มำ : https://sites.google.com ชินกำลมำลีปกรณ์และตำ นำนพ้ืนเมอืง เชียงใหม่ เป็ นต ำนำนเกี่ยวกับ พระพุทธศำสนำและประวัติศำสตร์ล้ำนนำ ที่มำ : http://silkwormbooks.com


15 ตำ นำนจดัว่ำมีคุณค่ำทำงประวตัิศำสตร์นอ้ย เพรำะไม่ทรำบว่ำใครแต่ง หรือแต่งข้ึนเมื่อใด และ มีหลกัฐำนอำ้งอิงอยำ่งไร รวมท้งัควำมไม่แน่นอนชดัเจนของตวับุคคล เวลำ และสถำนที่ที่กล่ำวถึง นอกจำกน้ีกำรเล่ำตอ่ๆ กนัมำอำจมีกำรแต่งเติมในภำยหลงัซ่ึงอำจทำ ให้เรื่องที่เล่ำในแต่ละคร้ัง เปลี่ยนแปลงไปได้ (4) เอกสำรส่วนบุคคล เป็ นบันทึกส่วนตัวของผู้ที่เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเกี่ยวกับเหตุกำรณ์ น้นัๆ ถือว่ำเป็นเอกสำรทำงประวตัิศำสตร์ที่มีประโยชน์มำก เอกสำรส่วนบุคคลที่ส ำคัญ เช่น จดหมำย เหตุพระรำชกิจรำยวันในรัชกำลที่ 5 จดหมำยเหตุควำมทรงจ ำของกรมหลวงนรินทรเทวี และบันทึกของ คณะรำษฏรหลำยท่ำนที่เกี่ยวข้องกับกำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครอง พ.ศ. 2475 เป็ นต้น (5) หนังสือรำชกำร เป็ นเอกสำรที่เกี่ยวข้องกับกำรบริหำรรำชกำรด้ำนจัดกำรปกครองที่ ทำงรัฐมีต่อส่วนกลำงและส่วนภูมิภำค หนงัสือรำชกำรมีอยหู่ลำยลกัษณะ เช่น หมำยรับสั่ง หนังสือสั่ง รำชกำร รำยงำนกำรประชุทต่ำง ๆ พระบรมรำโชวำท เป็ นต้น (6) บันทึกของชำวต่ำงชำติ เป็ นเอกสำรของชำวต่ำงชำติที่เขียนหรือบันทึกเกี่ยวกับ เมืองไทย อำจอยู่ในรูปของบันทึกประจ ำวัน กำรเล่ำเรื่อง หรือจดหมำยเหตุ ซึ่งนับว่ำมีคุณค่ำมำกในทำง ประวัติศำสตร์ โดยบำงเรื่องอำจให้ข้อมูลนอกเหนือจำกที่มีอยู่แล้ว หรือบำงเรื่องอำจเป็ นกำรเสริมข้อมูล ไทยที่มีอยู่ เช่น บันทึกของชำวต่ำงชำติไม่ว่ำจะเป็นบนัทึกของจีน โปรตุเกส ฝรั่งเศส องักฤษ ญี่ปุ่น รำยงำนของพ่อค้ำ นักกำรทูต นักผจญภัย หมอสอนศำสนำ ซึ่งให้ประโยชน์เป็ นอย่ำงมำกเกี่ยวกับสมัย อยุธยำ หรือสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น จดหมำเหตุลำลูแบร์ของซิมองค์เดอ ลำ ลูแบร์ รำชทูตฝรั่งที่เขำ้มำ ในเมืองไทยสมัยสมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำช เล่ำเรื่องกรุงสยำมของบำทหลวงปำลเลอกัวซ์ มิชชันนำรี ชำวฝรั่งเศสที่เขำ้มำเผยแผ่คริสตศ์ำสนำในสมยัรัชกำลที่3 และรัชกำลที่4 เป็นตน้ เอกสำรส่วนบุคคล (จำกภำพ) ลำยพระหัตถเลขำ ของพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ทรงพระรำชทำนแก่นำงแอนนำ เลียวโนเวนส์ ที่มำ : http://www.lungkitti.com


16 2) หลักฐำนที่ไม่เป็ นลำยลักษณ์อักษร ส่วนใหญ่เป็ นหลักฐำนประเภทโบรำณสถำน โบรำณวัตถุ เช่น โบสถ์ วิหำร โครงกระดูกมนุษย์ เครื่องมือเครื่องใช้ต่ำง ๆ เป็ นต้น ซึ่งจัดว่ำเป็ น หลักฐำนที่มีคุณค่ำ และสำมำรถใช้ข้อมูลทำงประวัติศำสตร์ได้เป็ นอย่ำงมำก ในปัจจุบนัควำมเจริญกำ้วหนำ้ทำงเทคโนโลยีมีมำกข้ึน และมนุษยร์ู้จกันำ เอำเทคโนโลยีอัน ทนัสมยัเหล่ำน้ีมำใชใ้นกำรบนัทึกเหตุกำรณ์สถำนที่ท้งัที่เป็นภำพเสียง หรือท้งัภำพและเสียง เช่น ภำพถ่ำย แถบบันทึกเสียง วีดีทัศน์ รำยงำนข่ำวของสื่อมวลชน เป็ นต้น ซึ่งจัดว่ำเป็ นหลักฐำนที่ให้ ข้อมูลที่เชื่อถือได้ และสำมำรถเก็บรำยละเอียดของเหตุกำรณ์ สถำนที่ได้เป็ นอย่ำงดีก็สำมำรถน ำมำใช้ เป็ นหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ได้เช่นเดียวกัน ผู้ศึกษำประวัติศำสตร์ควรใช้หลักฐำนที่ไม่เป็ นลำยลักษณ์อักษรประกอบกับหลักฐำนที่เป็ นลำย ลักษณ์อักษรประเภทอื่น ๆ และควรมีกำรตรวจสอบด้วย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่ำเชื่อถือและใกล้เคียงกับ ควำมเป็ นจริงมำกที่สุด 2. ประเภทของหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ไทย หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์เป็ นร่องรอยของมนุษย์ที่หลงเหลืออยู่จำกอดีต หลักฐำนทำง ประวตัิศำสตร์มีท้งัวตัถุเอกสำร จำรึก โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดงัน้ี 1) หลักฐำนช้นัตน้หรือหลกัฐำนปฐมภูมิคือ หลกัฐำนที่เป็นของร่วมสมยัเช่น เอกสำรหรือบนัทึกที่เขียนข้ึนโดยบุคคลที่มีควำมเกี่ยวขอ้งหรือรู้เห็นเหตุกำรณ์รวมท้งัมีส่วนร่วมใน เหตุกำรณ์น้นั โดยตรง เช่น ภำพถ่ำยวตัถุร่วมสมยัเช่น โบรำณวตัถุเครื่องมือเครื่องใช้จำรึก เป็ นต้น ดงัน้นัหลกัฐำนช้นัตน้จึงถือว่ำมีควำมน่ำเชื่อถือมำกที่สุด อยำ่งไรก็ตำมผูศ้ึกษำควรมีควำมระมดัระวงั ในกำรใช้ด้วยเช่นกัน เนื่องจำกหลักฐำนบำงอย่ำงมักจะกล่ำวถึงเรื่องรำวในด้ำนดีหรือไม่เป็ นกลำง โดยใส่อคติลงไปในกำรเขียน ดงัน้นัเพื่อให้เรื่องรำวมีควำมน่ำเชื่อถือมำกยิ่งข้ึน จึงตอ้งมีกำรตรวจสอบ ประเมินหลักฐำน โดยใช้วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ 2) หลกัฐำนช้นัรอง หรือหลกัฐำนทุติยภูมิคือ หลกัฐำนที่เขียนข้ึนภำยหลงัจำก เหตุกำรณ์น้นัเกิดข้ึน โดยผูบ้นัทึกอำจไดย้ินคำ บอกเล่ำผ่ำนบุคคลอื่น หรือเป็นหลกัฐำนที่เขียนข้นึโดย บุคคลที่อำศยัขอ้มูลจำกหลกัฐำนช้นัตน้เช่น หนงัสือ งำนวิจยับทควำม รวมท้งัหลกัฐำนที่ไมใ่ช ้ ลำยลักษณ์อักษร เช่น ภำพยนตร์ ละคร ข่ำวโทรทัศน์ เป็ นต้น 3. ควำมส ำคัญของหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ไทย แม้ว่ำหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์จะไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่ก็มีควำมส ำคัญต่อกำรศึกษำ ประวตัิศำสตร์ไทยมำก เพรำะหลกัฐำนขอ้มูลทงัหลำยทำ หรือเขียนข้ึนโดยผูเ้กี่ยวขอ้งโดยตรง หรือมี ควำมใกลช้ิดกบัเหตุกำรณ์หรือเรื่องรำวท้งัหลำยที่เกิดข้ึน นอกจำกน้ีหลกัฐำนขอ้มลูเหล่ำน้นัยงัสะทอ้น ให้เห็นโลกทัศน์วฒันธรรมประเพณีตลอดจนควำมเชื่อของคนในสมยัก่อนดว้ย


17 ดงัน้นัจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะช่วยกนัเก็บรักษำหลกัฐำนทำงประวตัิศำสตร์ไวใ้ห้ดีรวมท้งั ช่วยกันสืบค้นว่ำยังมีหลักฐำนของไทยเก็บไว้อยู่ที่ใดอีกหรือไม่ เพื่อจะได้น ำมำศึกษำค้นคว้ำและเผยแพร่ ต่อไป อันจะช่วยทำ ให้ประวตัิศำสตร์ไทยมีควำมชดัเจน ถูกตอ้ง มำกยิ่งข้ึน ส ำหรับหลักฐำนของชำวต่ำงชำติที่เกี่ยวข้องกับประวัติศำสตร์ไทย ก็สำมำรถให้ข้อมูลที่ หลำกหลำยมำกกว่ำพงศำวดำรหรือต ำนำน แต่ถึงแม่จะมีควำมส ำคัญมำกเพียงใดก็ตำม เมื่อน ำมำใช้เป็ น หลกัฐำนทำงประวตัิศำสตร์ไทยก็ควรคำ นึงถึงว่ำ ชำวต่ำงชำติมีควำมแตกต่ำงจำกคนไทยท้งัทำงดำ้น ศำสนำ วฒันธรรมประเพณีโลกทศัน์วิถีชีวิต ดว้ยเหตุน้ีเรื่องที่ไดม้ีกำรบนัทึกไวจ้ึงเป็นมุมมองของ ชำวต่ำงชำติที่แตกต่ำงไปจำกคนไทย โดยเรื่องหรือเหตุกำรณ์ที่คนไทยปฏิบัติกันเป็ นปกติ อำจกลำยเป็ น เรื่องไม่ดีในสำยตำของชำวต่ำงชำติก็เป็ นได้ 4. แหล่งรวบรวมหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ไทย แหล่งรวบรวมหลกัฐำนทำงประวตัิศำสตร์ไทยที่สำ คญัคือ สำ นกัหอจดหมำยเหตุแห่งชำติท้งั ในกรุงเทพมหำนคร และต่ำงจังหวัด ซึ่งรวบรวมเอกสำร ตวัเขียนที่เป็นสมุดฝรั่ง ภำพถ่ำยเก่ำ ส่วน ส ำนักหอสมุดแห่งชำติเป็ นที่เก็บเอกสำรตัวเขียนที่เป็ นสมุดไทย พิพิธภณัฑสถำนแห่งชำติท้งัในพระนครและต่ำงจงัหวดัเป็นสถำนที่ที่มีศิลำจำรึก โบรำณวตัถุ ศิลปวัตถุเก็บไว้จ ำนวนมำก นอกจำกน้ีหอสมุดกลำงของมหำวิทยำลยัต่ำง ๆ บำงแห่งก็มีหลกัฐำนทำง ประวัติศำสตร์เก็บไว้เช่นกัน หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ไทยส่วนหนึ่งมีกำรพิมพ์เผยแพร่โดยหลำยหน่วยงำน ซึ่งท ำให้เกิด ควำมสะดวกแก่กำรศึกษำคน้ควำ้ รวมท้งัมีกำรปริวรรตหรือถอดเป็นภำษำปัจจุบนัดว้ย หน่วยงำนส ำคัญ ที่เป็ นแหล่งพิมพ์เผยแพร่หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ไทย เช่น กรมศิลปำกร คณะกรรมกำรช ำระ ประวัติศำสตร์ไทย สมำคมประวัติศำสตร์ในพระรำชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำช กุมำรี ตลอดจนสำ นกัพมิพเ์อกชนท้งัหลำย กำรใช้หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ที่เป็ นหลักฐำนช้นัตน้ ใชไ้ดส้ะดวกพอควร แต่บำงส่วนอำจใช้ จำกฉบบัสำ เนำ เพรำะตน้ฉบบัเดิมกระดำษกรอบและขำดง่ำย เนื่องจำกอำกำศร้อนช้ืนและมอีำยมุำก ดงัน้นักำรใชจ้ึงตอ้งระมดัระวงัและตอ้งช่วยกนัถนอมรักษำ เพรำะหลกัฐำนเหล่ำน้ีเป็นสมบตัิทสี่ำ คญั ของชำติไม่สำมำรถจะหำมำใหม่ทดแทนได้ ตัวอย่ำงหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ไทยที่เป็ นลำยลักษณ์อักษร ที่มีกำรพิมพ์เผยแพร่โดยหน่วยงำนต่ำงๆ


18 ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกศึกษำหัวข้อตำมที่ก ำหนดให้ 1 หัวข้อ โดยใช้วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ (10 คะแนน) หัวข้อที่เลือกศึกษา....................................................................................................... หลักฐานชั้นต้น หลักฐานชั้นรอง ........................................................................ ..................................................................... ........................................................................ ..................................................................... ........................................................................ ..................................................................... ........................................................................ ..................................................................... ........................................................................ ..................................................................... ........................................................................ ..................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... แบบฝึ กหัดที่ 3 สมเด็จพระนเรศวรมหำรำช กับกำรรักษำเอกรำชของชำติไทย วีรกรรมของท้ำวสุรนำรี ในประวัติศำสตร์ไทย พระบำทสมเด็จพระมงกุฏเกล้ำ เจ้ำอยู่หัวกับกำรสร้ำงชำติไทย การรวบรวมหลักฐาน การประเมินคุณค่าของหลักฐาน การจัดหมวดหมู่และตีความ การจัดหมวดหมู่และตีความ


19 ในกำรศึกษำค้นคว้ำทำงประวัติศำสตร์ ผู้ศึกษำสำมำรถใช้วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์สร้ำงองค์ ควำมรู้ได้ ดังตัวอย่ำง 1. กำรกำ หนดหัวเรื่องที่จะศึกษำ เมื่อเริ่มศึกษำประวตัิศำสตร์ผูศ้ึกษำควรมีประเด็นคำ ถำมหรือ หัวข้อเรื่อง เช่น กำรศึกษำเรื่องใดสมัยใด ผู้ศึกษำสำมำรถก ำหนดหัวเรื่องตำมควำมสนใจ เช่น ผู้ศึกษำ อำจกำ หนดหัวขอ้กวำ้ง ๆ ว่ำ กำรฟ้ืนฟูบำ้นเมืองหลงักำรเสียกรุงศรีอยธุยำคร้ังที่2 จำกน้นัอำจกำ หนด หัวข้อให้แคบลง เช่น ศึกษำเฉพำะสมัยธนบุรี หรือศึกษำเฉพำะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น หรือเฉพำะ สมยัรัชกำลที่1 ในที่น้ีผูศ้ึกษำอำจเลือกศึกษำเฉพำะสมยัรัชกำลที่1 จึงกำ หนดหัวขอ้ไดว้่ำ “กำรฟ้ืนฟู บ้ำนเมืองสมัยรัชกำลที่ 1” 2. กำรรวบรวมหลกัฐำน เมื่อมีหัวขอ้ที่จะศึกษำคน้ควำ้แลว้ผูศ้ึกษำอำจเริ่มดว้ยกำรรวบรวม หลกัฐำนช้นัรองก่อน ซ่ึงเป็นหนงัสือหรือบทควำมที่เขียนข้ึนเกี่ยวกบัสมยัรัชกำลที่1 หรือสมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้เพื่อตรวจสอบดูว่ำมีขอ้มลูมำกนอ้ยเพียงใด และเพื่อให้มีควำมรู้พ้ืนฐำนสำ หรับ เรื่องที่จะศึกษำคน้ควำ้นอกจำกน้ีผูศ้ึกษำสำมำรถตรวจสอบหลกัฐำนช้นัตน้และช้นัรองที่ผูเ้ขียนใชก้ำร เขียนหนงัสือ เพื่อที่นกัเรียนจะไดใ้ชเ้ป็นแนวทำงในกำรคน้ควำ้ต่อไป หลกัฐำนช้นัตน้เกี่ยวกบัสมยั รัชกำลที่ 1 เช่น พระรำชพงศำวดำรกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกำลที่ 1 จดหมำยเหตุควำมทรงจ ำของกรม หลวงนรินทรเทวี พระรำชนิพนธ์ในรัชกำลที่ 1 เช่น กลอนเพลงยำวนิรำศ เรื่องรบพม่ำที่ท่ำดินแดง ซึ่ง ทรงแสดงปณิธำนในกำรปกครองบ้ำนเมืองไว้เป็ นต้น ตวัอยำ่งหลกัฐำนสำ คญัที่ใชศ้ึกษำเกี่ยวกบัสมยัรัชกำลที่1 ไดแ้ก่พระรำชพงศำวดำรกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกำลที่ 1 จดหมำยเหตุควำมทรงจ ำของกรมหลวงนรินทรเทวี และกลอนเพลงยำวนิรำศ เนื้อหาที่ 4 ตัวอย่างการน าวิธีการทางประวัติศาสตร์ มาใช้ในการศึกษาประวัติศาสตร์ไทย


20 3. กำรประเมินคุณค่ำของหลักฐำน ในกำรประเมินคุณค่ำของหลักฐำนที่เกี่ยวกับสมัยรัชกำลที่ 1 นกัเรียนสำมำรถประเมินควำมน่ำเชื่อถอืของเน้ือหำในหลกัฐำนได้โดยกำรตรวจสอบเน้ือหำกบั เอกสำรอื่น ๆ เช่น ตรวจสอบควำมน่ำเชื่อถือของเรื่องรำวในพระรำชพงศำวดำรโดยเปรียบเทียบกับพระ รำชพงศำวดำรของรัฐเพื่อนบ้ำนที่มีฉบับแปลเป็ นภำษำไทยแล้ว เช่น พระรำชพงศำวดำรลำว เขมร พม่ำ 4. กำรวิเครำะห์ สังเครำะห์ และจัดหมวดหมู่ข้อมูล ในข้นัตอนน้ีนกัเรียนตอ้งศึกษำว่ำหลกัฐำน ที่เรำใช้ในกำรคน้ควำ้ให้ขอ้มูลทำงประวตัิศำสตร์อะไรบำ้ง ขอ้มลูน้นัมีจุดมุ่งหมำยเบ้ืองตน้และ จุดมุ่งหมำยแฝงอยำ่งไร เช่น จุดมุ่งหมำยเบ้ืองตน้คือ พระรำชพงศำวดำรตอ้งกำรบอกให้ทรำบเรื่องรำว กำรท ำสงครำมกับเพื่อนบ้ำนในสมัยรัชกำลที่ 1 ส่วนจุดมุ่งหมำยแฝง คือ กำรยกย่องเชิดชูพระปรีชำ สำมำรถทำงกำรทหำรของรัชกำลที่ 1 ควำมเป็ นผู้น ำและสมมติเทพของพระมหำกษัตริย์ เป็ นต้น นอกจำกน้ีนกัเรียนตอ้งคำ นึงว่ำขอ้มลูในหลกัฐำนน้นัมีควำมเป็นกลำงหรือไม่เช่น พระรำช พงศำวดำรเป็ นหนังสือที่เขียนข้ึนเพื่อยกยอ่งพระมหำกษตัริย์ดงัน้นัจึงมีเน้ือหำเชิดชูยกยอ่ง พระมหำกษัตริย์ ขณะเดียวกันก็อำจให้ข้อมูลด้ำนลบเกี่ยวกับข้ำศึกศัตรู ในกำรเลือกใช้ข้อมูลนักเรียนจึง ควรพิจำรณำถึงประเด็นเหลำ้น้ีดว้ย และควรศึกษำคน้ควำ้จำกหลักฐำนที่หลำกหลำยน่ำเชื่อถือและ ใกล้เคียงควำมจริงมำกที่สุด 5. กำรเรียบเรียงหรือนำ เสนอ ข้นัตอนน้ีนกัเรียนตองน ำข้อมูลที่ดีควำมได้มำน ำเสนอ ้ โดยกำร เรียบเรียงอย่ำงเป็ นระบบ เช่น มีหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อย มีกำรล ำดับหัวข้อกำรใช้หลักฐำนประกอบกำร อ้ำงอิง กำรอธิบำยตำมลำ ดบัเหตุกำรณ์หรืออธิบำยตำมประเด็น เช่น อธิบำยกำรฟ้ืนฟูบ้ำนเมือง ของรัชกำลที่1 เรียงตำมปี หรืออธิบำยกำรฟ้ืนฟูบำ้นเมืองของรัชกำลที่1 ตำมประเด็น เช่น ด้ำน กำรเมืองกำรปกครอง ด้ำนสังคมและวัฒนธรรม ด้ำนเศรษฐกิจ ด้ำนกำรต่ำงประเทศ เป็ นต้น วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์เป็ นกระบวนกำรศึกษำค้นคว้ำที่คล้ำยกับวิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์ วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์เน้นกำรคน้ควำ้วิจยัอยำ่งมีข้นัตอน เน้นกำรสืบค้นหลักฐำน กำรประเมินคุณค่ำ หลักฐำน กำรน ำเสนอเรื่องรำวที่ค้นคว้ำด้วยวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ต้องมีหลักฐำนอ้ำงอิง น ำเสนอ เรื่องรำวอย่ำงมีเหตุผล มีควำมเป็ นกลำง กล่ำวโดยสรุป กำรศึกษำประวัติศำสตร์เพื่อให้ได้เรื่องรำวทำงประวัติศำสตร์ที่สมบูรณ์ น่ำเชื่อถือ ตอ้งมีวิธีกำรศึกษำที่ดีเรียกว่ำ “วิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์” ซ่ึงมี5 ข้นัตอน คือ สมยัรัชกำลที่1 มีกำรฟ้ืนฟูบำ้นเมือง ในหลำยด้ำน อย่ำงเช่น พระบรมมหำรำชวัง ที่สร้ำงข้ึนใหม่ก็สร้ำงข้ึนอยำ่งงดงำม ที่มำ : http://www.manager.co.th


21 ค าชี้แจง ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเพื่อจดัทำ โครงงำนประวตัิศำสตร์ทอ้งถิ่น (10 คะแนน) แบบฝึ กหัดที่ 4 ความรู้ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จดัทำ โครงงำนประวตัิศำสตร์ทอ้งถิ่นของ ตนโดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกศึกษำในประเด็นใดก็ได้ตำมที่กลุ่มของนักเรียนสนใจ เช่น บุคคลสำ คญั ในทอ้งถิ่น มรดกทำงวฒันธรรมของทอ้งถิ่น เมื่อไดห้ ัวขอ้ที่ตอ้งกำร ศึกษำแล้วให้ด ำเนินกำรศึกษำโดยใช้วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ ตำมข้นัตอนดงัต่อไปน้ี 1. ก าหนดหัวเรื่อง ให้สมำชิกในกลุ่มช่วยกันก ำหนดหัวข้อย่อยหรือประเด็นใน กำรศึกษำว่ำเรำต้องศึกษำอะไรบ้ำง และน ำเสนอต่อครูผู้สอน 2. รวบรวมหลักฐาน เมื่อได้หัวข้อย่อยหรือประเด็นในกำรศึกษำแล้ว ให้สมำชิกใน กลุ่มไปศึกษำค้นคว้ำตำมแหล่งเรียนรู้ต่ำงๆ เช่น ห้องสมุด หรือจำกเว็บไซต์ต่ำงๆ แล้ว รำยงำนให้ครูผู้สอนทรำบ 3. ประเมินคุณค่าของหลักฐาน ให้สมำชิกในกลุ่มช่วยกันพิจำรณำข้อมูลที่กลุ่มตน ไดไ้ปคน้ควำ้มำท้งัหมดแลว้วิเครำะห์ดูว่ำมีควำมน่ำเชื่อถือมำกนอ้ยเพียงใด โดยอำจ พิจำรณำว่ำถ้ำมีหลักฐำนอ้ำงอิงได้ หลกัฐำนหรือขอ้มูลน้นัก็พอมีน้ำ หนกัในกำรเชื่อถือ 4. ตีความและสังเคราะห์ข้อมูล โดยน ำข้อมูลที่ผ่ำนกำรวิเครำะห์จำกกลุ่มมำตีควำม ว่ำจะจัดอยู่ในหัวข้อย่อยใดหรือควรสร้ำงหัวข้อย่อยใหม่หรือไม่แล้วน ำมำเรียบเรียงข้อมูล โดยคำ นึงถึงควำมต่อเนื่อง ลำ ดบักำรเรียงหัวขอ้ก่อน-หลัง และควำมสัมพันธ์ ในแต่ละ หัวข้อ 5. น าเสนอ ให้นักเรียนออกแบบกำรน ำเสนอองค์ควำมรู้ใหม่ที่ได้จำกกำรศึกษำ ตำมควำมคิดสร้ำงสรรคข์องสมำชิกในกลมุ่ของนกัเรียน จำกน้นันำ เสนอผลงำนที่ไดจ้ำก กำรศึกษำคน้ควำ้หนำ้ช้นัเรียน


22 แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย ค าชี้แจง แบบทดสอบชุดน้ีเป็นแบบปรนยั4 ตวัเลือก จำ นวน 10 ขอ้10 คะแนน ความรู้จงกำกบำท () เลือกข้อที่ถูกต้องเพียงข้อเดียวลงในกระดำษค ำตอบ 1.ข้นัตอนกำรนำ เสนอ ผูศ้ึกษำควรเขียนอธิบำยเรื่องที่ศึกษำคน้ควำ้อยำ่งมีระบบ หมำยถึงขอ้ใด ก. มีเหตุผล ข. เป็ นกลำงไม่มีอคติ ค. มีหลักฐำนข้อมูลสนับสนุน ง.ถูกหมดทุกข้อ 2. หลกัฐำนสมยัประวตัิศำสตร์ของไทยเท่ำที่คน้พบในปัจจุบนั ประเภทใดมีอำยเุก่ำแก่ที่สุด ก. ต ำนำน ข. พงศำวดำร ค. ศิลำจำรึก ง. จดหมำยเหตุ 3. หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ประเภทปฐมภูมิมีลักษณะส ำคัญอย่ำงไร ก. เกิดข้ึนในสมยัประวตัิศำสตร์ ข. เป็ นเอกสำรของทำงรำชกำร ค. ผูจ้ดบนัทึกอยรู่ ่วมเหตุกำรณ์น้นัๆ ง. ตีควำมหมำยได้ชัดเจนไม่มีข้อโต้แย้ง 4. ศิลำจำรึกที่พบในประเทศไทยส่วนใหญ่มีเน้ือหำสำระเกี่ยวกบัเรื่องใดมำกที่สุด ก. ประวัติบุคคลส ำคัญ ข. ประกำศของทำงรำชกำร ค. กำรได้รับชัยชนะในสงครำม ง. ประกำศผลบุญให้บุคคลที่สร้ำงวัด 5. หลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ของไทยที่ไม่เป็ นลำยลักษณ์อักษร ประเภทใดสร้ำงจำกแรงศรัทธำใน พระพุทธศำสนำของผู้สร้ำงในอดีต ก. โสตทัศน์ ข. สถำปัตยกรรมและจิตรกรรม ค. นำฏศิลป์และเพลงพ้ืนบำ้น ง. ค ำบอกเล่ำ


23 6. ข้อใดหมำยถึงวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ ก. ข้นัตอนในกำรแสวงหำขอ้เท็จจริงทำงประวตัิศำสตร์ ข. เป้ำหมำยในกำรศึกษำทำงประวัติศำสตร์ ค. ข้นัตอนในกำรคน้หำหลกัฐำนทำงประวตัิศำสตร์ ง. กำรวิเครำะห์ข้อมูลทำงประวัติศำสตร์ 7. วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์มีควำมส ำคัญต่อกำรศึกษำเรื่องรำวทำงประวัติศำสตร์อย่ำงไร ก. มีควำมน่ำเชื่อถือ ข. ได้ข้อเท็จจริงถูกต้อง ค. มีข้นัตอนกำรศึกษำเป็นระบบ ง. ถูกหมดทุกข้อ 8. ขอ้ใดเป็นข้นัตอนแรกของวิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์ ก. ก ำหนดหัวข้อเรื่อง ข. รวบรวมข้อมูล ค. วิเครำะห์ข้อมูล ง. เรียบเรียงและน ำเสนอ 9. ข้อใด เป็ นกำรประเมินคุณค่ำของหลักฐำนภำยในหรือวิพำกย์วิธีภำยใน ก. เป็ นหลักฐำนสมัยใด ใครเป็ นผู้สร้ำง ข. มีเน้ือหำขอ้มูลถูกตอ้งน่ำเชื่อถือหรือไม่ ค. เป็นหลกัฐำนช้นัตน้หรือช้นัรอง ง. เป็ นหลักฐำนจริงหรือปลอม 10. กำรน ำหนังสืออัตชีวประวัติบุคคลส ำคัญมำตรวจสอบควำมน่ำเชื่อถือของเรื่องรำวเหตุกำรณ์ต่ำงๆ ที่เขียนเป็นข้นัตอนใดของวิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์ ก. วิเครำะห์ข้อมูล ข. ตีควำมหลักฐำน ค. วิพำกย์วิธีภำยใน ง. วิพำกย์วิธีภำยนอก


24 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 1. ก 2. ง 3. ก 4. ข 5. ค 6. ง 7. ค 8. ค 9. ง 10. ข


25 เฉลยแนวค าตอบแบบฝึ กหัดที่ 1 ความหมายของวิธีการทางประวัติศาสตร์ วิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์หมำยถึง วิธีกำรหรือข้นัตอนต่ำง ๆ ที่ใชใ้นกำรศึกษำคน้ควำ้วิจยั เกี่ยวกับเรื่องรำวทำงประวัติศำสตร์ โดยเฉพำะอำศัยจำกหลักฐำนที่เป็ นลำยลักษณ์อักษรเป็ น ส ำคัญ ประกอบกับหลักฐำนอื่น ๆ เช่น ภำพถ่ำย แถบบันทึกเสียง วิดิทัศน์ หลักฐำนทำง โบรำณคดีเป็นตน้ท้งัน้ีเพื่อให้สำมำรถฟ้ืนอดีตหรือจำ ลองอดีตข้ึนมำใหม่ได้อย่ำงถูกต้อง สมบูรณ์และน่ำเชื่อถือ ความส าคัญของวิธีการทางประวัติศาสตร์ วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์มีควำมส ำคัญ คือ ท ำให้เรื่องรำว แบบฝึ กหัด เหตุกำรณ์ที่เกิดข้ึน ในประวัติศำสตร์มีควำมน่ำเชื่อถือ มีควำมถูกต้องเป็ นควำมจริง หรือใกล้เคียงควำมเป็ นจริง มำกที่สุด เพรำะไดม้ีกำรศึกษำอยำ่งเป็นระบบ อยำ่งมีข้นัตอน มีควำมระมดัระวัง รอบคอบ โดยผู้ได้รับกำรฝึ กฝนในระเบียบวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์มำดีแล้ว ประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ วิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์มีประโยชน์ท้งัต่อกำรศึกษำประวตัิศำสตร์ที่ทำ ให้ไดเ้รื่องรำวทำง ประวัติศำสตร์น่ำเชื่อถือ ประโยชน์อีกด้ำนหนึ่ง คือ ผู้ที่ได้รับกำรฝึ กฝนกำรใช้วิธีกำรทำง ประวัติศำสตร์จะท ำให้เป็ นคนละเอียดรอบคอบ มีกำรตรวจสอบเรื่องรำวที่ศึกษำ รวมท้งันำ มำ ปรับใช้ในชีวิตประจ ำวันได้ โดยจะท ำให้เป็ นผู้รู้จักท ำกำรประเมินเหตุกำรณ์ต่ำง ๆ ว่ำมีควำม น่ำเชื่อถือเพียงใด หรือก่อนจะเชื่อถือขอ้มลูของใคร ก็นำ วิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์ไป ตรวจสอบก่อน


26 เฉลยแนวค าตอบแบบฝึ กหัดที่ 2 วิธีการทาง ประวัติศาสตร์ ขั้นที่ 1กำรกำ หนดหัวเรื่อง เป็นข้นัตอนแรกของ วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ ผู้ศึกษำจะต้องก ำหนดหัว เรื่องให้กวำ้งก่อนแลว้ค่อยกำ หนดให้แคบลง ในภำยหลัง เพื่อให้เกิดควำมสะดวก ในกำรศึกษำค้นคว้ำ ขั้นที่ 2กำรรวบรวมหลกัฐำน ควรรวบรวมท้งั หลกัฐำนช้นัตน้และหลกัฐำนช้นัรองเกี่ยวกบั เรื่องที่เรำอยำกรู้หรือสนใจให้ได้มำกที่สุด ขั้นที่ 3กำรประเมินคุณค่ำของหลักฐำน เป็ นกำร ประเมินควำมถูกต้องและน่ำเชื่อถือของหลักฐำน เพรำะหลักฐำนบำงอย่ำงอำจเป็ นของปลอมหรือ เขียนข้ึนโดยบุคคลที่ไม่มีควำมรู้ในเรื่องน้นัจริง รวมท้งักำรไม่วำงตวัเป็นกลำงของผูเ้รียน ทำ ให้ได้ ข้อมูลบิดเบือนไปจำกควำมจริง ขั้นที่ 4กำรจัดหมวดหมู่และตีควำมเป็ นกำร พิจำรณำข้อมูลในหลักฐำนว่ำผู้สร้ำงหลักฐำน มีจุดมุ่งหมำยเบ้ืองตน้อยำ่งไร มีจุดมุ่งหมำยแฝง หรือไม่จำกน้นัจึงนำ ขอ้มูลมำแยกประเภท โดยเรียงเหตุกำรณ์เรื่องเดียวกันและเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กันไว้ด้วยกันเพื่อควำมสะดวก ในกำรสังเครำะห์ ขั้นที่ 5กำรวิเครำะห์และสังเครำะห์ข้อมูลจัดเป็ น ข้นัตอนสุดทำ้ยของวิธีกำรทำงประวตัิศำสตร์ ซึ่งผู้ศึกษำค้นคว้ำจะต้องเรียบเรียงเรื่องหรือ น ำเสนอข้อมูลในลักษณะที่เป็ นกำรตอบหรือ อธิบำยควำมอยำกรู้ ข้อสงสัย ตลอดจนควำมรู้ใหม่ ควำมคิดใหม่ที่ไดจ้ำกกำรศึกษำคน้ควำ้น้นั


27 หัวข้อที่เลือกศึกษาสมเด็จพระนเรศวรมหำรำชกับกำรรักษำเอกรำชของชำติไทย หลักฐานชั้นต้น หลักฐานชั้นรอง วิเครำะห์ขอ้มูลที่ไดจ้ำกกำรรวบรวมมำน้นัมีควำมน่ำเชื่อถือมำกนอ้ยเพียงใด โดยพยำยำม คดัเฉพำะเน้ือหำรที่แทจ้ริง และตัดควำมรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียนออกไป นำ ขอ้มลูที่ไดจ้ำกกำรคน้ควำ้ท้งัหมดมำตีควำม แปลควำมหมำย วิพำกษว์ิจำรณ์อยำ่งยตุิธรรม ด้วยใจเป็ นกลำงว่ำ พระรำชกรณียกิจของสมเด็จพระนเรศวรมหำรำชใดที่ส่งผลต่อกำรรักษำเอกรำชของ ชำติไทย และพระองค์ทรงท ำคุณประโยชน์ใดบ้ำงเพื่อประเทศชำติและประชำชนของพระองค์ จัดท ำเป็ นรำยงำนเกี่ยวกับพระรำชประวัติและพระรำชกรณียกิจของสมเด็จพระนเรศวรมหำรำช พร้อมภำพประกอบ และออกมำนำ เสนอหนำ้ช้นัเรียน จำกน้นันำ ผลงำนไปจดันิทรรศกำรให้สวยงำม เฉลยแนวค าตอบแบบฝึ กหัดที่ 3 การรวบรวมหลักฐาน การประเมินคุณค่าของหลักฐาน การจัดหมวดหมู่และตีความ การวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล เช่น 1. พงศำวดำรเรื่องไทยรบพม่ำพระนิพนธ์ ของสมเด็จฯ กรมพระยำด ำรงรำชำนุภำพ 2. พระรำชประวัติสมเด็จพระนเรศวร มหำรำช พระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยำ ด ำรงรำชนุภำพ เช่น 1. พระรำชพงศำวดำรกรุงศรีอยุธยำ ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ 2. พระรำชพงศำวดำรฉบับหัตถเลขำ 3. จดหมำยเหตุวันวลิต 4. มหำรำชวงษ์ พงษำวดำรพม่ำ


28 เกณฑ์การประเมินแบบฝึ กหัดที่ 4 พิจารณาผลงานของนักเรียน โดยมีเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ 1. กระบวนกำรท ำงำน (ทักษะกำรศึกษำด้วยวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์) 3 คะแนน 2. องค์ควำมรู้ใหม่ที่ได้ 3 คะแนน 3. กำรน ำเสนอ (ควำมน่ำสนใจ/ควำมคิดสร้ำงสรรค/์เน้ือหำครอบคลุม) 4 คะแนน


29 เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน 1. ง 2. ค 3. ค 4. ง 5. ข 6. ก 7. ง 8. ก 9. ข 10. ค


30 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษำธิกำร. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์เล่ม 1 (ประวัติศาสตร์ไทย ชั้นมัธยมศึกษา 4-6) . กรุงเทพฯ : สกสค. ลำดพร้ำว,2553. ณรงค์ พ่วงพิศ และคณะ. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6.ส ำนักพิมพ์ อักษรเจริญทัศน์,2553. ศิริพร ดำบเพชรและคณะ. ประวัติศาสตร์ ม.4-6. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์ อจท.จ ำกัด, ม.ป.ป. สัญชัย สุวังบุตร และคณะ. หนังสือเรียนประวัติศาสตร์สากล ม.4-6.กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์, 2554.


Click to View FlipBook Version