เพราะทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ล้วนมอบ “อะไรสักอย่าง”ให้กับเราเสมอ
บั น ทึ ก ข อ ง
เ ห มี ย ว
BY NIISMEAW
จ า ก เ ห มี ย ว
เพราะทุกเรื่องราวที่เข้ามาในชีวิต
ล้วนมอบ “อะไรสักอย่าง”ให้กับเราเสมอ
บางครั้งก็มอบผ่านรอยยิ้มและความดีใจ
บ่อยครั้งก็มอบผ่านหยดน้ำตา
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องราวเหล่านั้น
มันก็มอบอะไรสักอย่าง
ที่ทำให้เราเติบโตขึ้น
อะไรสักอย่าง
ที่ถูกบันทึกไว้ในไดอารี่ของเหมียว
เราค้นพบว่าฮิกมะห์ที่พระองค์
พรากบางคนหรือพรากบางสิ่ง
ไปจากเราก็เพื่อให้เราได้รักษา
สิ่งที่ยังอยู่ให้ดีที่สุด
หากโลกนี้เป็นอมตะ
หากทุกความสัมพันธ์ไม่มีการจากลา
หากเรารู้ว่ามันจะไม่ถูกพรากไปไหน
เราไม่อาจแน่ใจได้เลย
ว่าเราจะยังสนใจกันไหม
เพราะมี “พราก”และ “จากลา”
เพราะเรารู้ว่าการหันมาอีกครา
อาจจะไมพ่ บกันอีกแล้ว
เราจึงต้องทำทุกวินาทีที่มีกันให้ดีที่สุด
เพราะในวันที่ต้องจากกันเราจะ
คิดถึง แต่จะไม่ เสียดาย
ไม่เป็นไรนะ
ถ้าวันนี้ทำดีแล้วไม่มีใครเห็น
ไม่เป็นไรนะ
ถ้าวันนี้ทำดีแล้วไม่มีใครเห็นค่า
ไม่เป็นไรนะ
ถ้าวันนี้ทำดีแล้วเขาบอกว่าสร้างภาพ
ไม่เป็นไรนะ
ถ้าวันนี้ทำดีแล้วไม่มีใครชื่นชม
ไม่เป็นไรนะ
เพราะท้ายที่สุดแล้วต่อให้มนุษย์ทั้งโลกรวมตัว
ก็ให้สวรรค์แก่เธอไม่ได้
อดทนนะ
มันไม่สูญเปล่าหรอก
ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าละอองธุลีเขาก็จะเห็นมัน
ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าละอองธุลีเขาก็จะเห็นมัน
(ซัลซะละห์ 7-8)
ประโยคจากผู้สร้างที่คอยให้กำลังใจ
เพื่อที่จะยังยืนหยัดในความดี
แม้ดูเหมือนเล็กน้อยและไม่มีใครมองเห็น
และเป็นประโยคเตือนใจ
เพื่อที่จะยังยืนหยัดละเว้นความชั่ว
แม้ดูเหมือนจะไม่ใช่บาปใหญ่
แต่อัลลอฮฺทรงเห็น
“และพระองค์จะทรงตอบแทน”
ความว่างเปล่าของการงาน
มาจากความไม่บริสุทธิ์ใจ
ความว่างเปล่าของหัวใจ
มาจากการบรรจุมนุษย์มากไปเกินจำเป็น
ความว่างเปล่าของความสัมพันธ์
มาจากการรักกันที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อพระองค์
มิหนำซ้ำยังฉุดดึงให้เพ้อฝั นและห่างไกลกัน
หวังว่าเราจะไม่เป็นคนที่
ว่างเปล่า
เคยพยายามเป็นและเข้าใจ
ว่าการเป็นดอกไม้ในสวนดอกไม้ที่ใหญ่โต
มีผู้คนเดินผ่านถ่ายรูปและชื่นชม
เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่สุดแล้วของการเป็นดอกไม้
นับวันดอกไม้ดอกนั้นยิ่งเติบโตและสวยงาม
แต่ข้างในกลับเศร้าเหมือนมีบางอย่างขาดไป
ดอกไม้โหยหาความสุขเล็กๆ
ครั้นเมื่อยังเป็นเมล็ดพันธ์ุในกระถาง
โหยหาสายตาที่ใส่ใจและจดจ่อกับการเติบโต
ของเขาในทุกๆวันอย่างมีความสุข
ดอกไม้ตัดสินใจที่จะกลับไปอยู่ในกระถางเล็กๆ
ที่วางไว้ริมหน้าต่างห้องเล็กๆของเด็กหญิงคนหนึ่ง
เพื่อรับแสงแดดอุ่นๆในยามเช้า
และฟั งเสียงผิวปากอย่างมีความสุขของเด็กหญิง
ดอกไม้ดอกอื่นพากันคิดว่า
ชั่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
แต่ดอกไม้ดอกนั้นได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า
"ไม่มีใครตัดสินได้หรอกว่า
การเป็นดอกไม้ในสวนที่ใหญ่โต
หรือเป็นดอกเล็กๆ ในกระถางมุมห้อง
อย่างไหนมันจะดีกว่ากัน
เราต่างเป็นดอกไม้คนละพันธ์ุ
เติบโตและมีความสุขในดินคนละแบบ
รู้จักตัวเองให้ดีแล้วค่อยๆเติบโต
ในที่ที่เหมาะสมกับตัวเองนะ
ดอกไม้ | ตัวฉัน
บางความรู้สึกมันพิเศษเกินกว่าจะตั้งเป็นสเตตัส
พิเศษเกินกว่าจะเล่าให้ใครได้รับรู้
มีเพียงน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม
และการให้หน้าผากแตะลงพื้นเพื่อได้ขอบคุณ
และบางความรู้สึกมันเจ็บปวดเกินกว่าจะตั้งเป็นสเตตัส
เจ็บปวดเกินกว่าจะเล่าให้ใครได้เข้าใจ
มีแต่น้ำตาแห่งความโศกเศร้าเสียใจ
และการให้หน้าผากแตะลงพื้น
เพื่อจะได้ขอความเข้มแข็งจากพระองค์
ชีวิตผู้ศรัทธาช่างพิเศษเสียจริง
ที่มีที่พึ่งให้กลับไปหาได้ทุกเมื่อ และทุกเรื่องราวในชีวิต
"จบบริบูรณ์"ของความรักในละคร
อาจทำให้เราชาบซึ้งและโล่งใจ
ที่พระนางได้รักกันอย่างราบรื่น
แต่ในชีวิตจริงมันเป็นเพียงการเริ่มต้น
ของเรื่องราวอีกร้อยพันที่จะต้องฝ่ าฟั นไปให้ได้
ไม่ใช่ว่าไม่มีทางที่เราจะพบเจ้าชายหรือเจ้าหญิง
ที่ครองคู่กันจนนิรันตร์ดั่งในนิทาน
เพียงแต่ว่ากว่าจะถึงจุดนั้นคงต้องผ่านอะไรหลายอย่าง
มันจึงไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเข้ามาอยู่ตรงนั้น
มันจึงไม่ใช่ใครก็ได้ที่แค่มากดไลก์รัวๆแล้วจะหลงรัก
มันจึงไม่ใช่แค่คนที่มาทักแล้วจะใจอ่อนได้
ต่อให้มีทฤษฎีเป็นหมื่นบอกว่าควรเลือกคนแบบไหน
สุดท้ายแล้วอย่าลืมเลือกคนที่ 'รักอัลลอฮ'
เพราะเมื่อใดก็ตามที่เขารักอัลลอฮเขาย่อมรักคุณอย่างดี
และต่อให้มีทฤษฎีเป็นล้านบอกว่าควรเป็นคนแบบไหน
ถึงจะได้ครองคู่กับคนในอุดมคติ
สุดท้ายแล้วอย่าลืมเป็นคนที่ ‘รักอัลลอฮ’
เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณรักอัลลอฮ
พระองค์จะส่งคนที่รักอัลลอฮเช่นกันมารักคุณ
ถึงวันนั้นคุณจะคิดไม่ถึงว่า
ความรักของคนสองคนที่เชื่อมกันด้วยพระองค์
มันจะน่ารักและแน่นแฟ้นกันขนาดไหน
อีบาดะหที่เราอาจมองว่าเล็กน้อย
อาจเป็นตัวช่วยสำคัญในวันแห่งการตัดสิน
การซิกรุลลอฮหนึ่งคำที่เราอาจมองว่า
เล็กน้อยแต่อาจเป็นตัวช่วยสำคัญ
ในวันที่ตาชั่งฝั่ งขวายังขาดไป
การสอบตกในดุนยาเพียงเพราะจุดทศนิยม
เป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจแต่ก็ยังคงสอบซ่อมได้
แต่การสอบตกในวันแห่งการตัดสิน
เพียงเพราะตาชั่งฝั่ งขวาเบากว่าฝั่ งซ้ายนิดเดียว
คงเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยกับตัวเอง
เพราะการสอบตกในวันอาคีเราะห์
คือการพลาดหนทางที่จะกลับบ้านที่เรียกว่าสวรรค์
และในวันนั้นมนุษย์จะสำนึกและกล่าวว่า
"ฉันน่าจะทำความดีอีกนิด ฉันน่าจะอ่านกุรอานอีกหน้า
ฉันน่าจะชิกรุลลอฮอีกสักครั้ง"
แต่มันก็สายไปเสียแล้ว...
แด่ผู้ที่สายตากำลังกวาดอ่านข้อความนี้
เธอคือผู้โชคดีที่มีของขวัญคือเวลาและโอกาส
ที่จะเตรียมสิ่งต่างๆเพื่อจะได้ไม่เป็นหนึ่งในผู้ที่
โกรธตัวเองในวันกียามะห์
การงานที่รู้ว่าทำไปเพื่อใคร
มักมีพลังล้นเหลือแม้ในวัน
ที่ร่างกายไม่ไหวก็ตาม
วันใดที่เหนื่อยง่ายดาย
สิ่งแรกที่ต้องหันมาตรวจสอบ
คือ ความอิคลาส
เพราะการงานใดที่ไม่อิคลาส
มักจะไม่มีพลังที่จะทำ
แม้ในวันที่ร่างกายบอกสบายดี
เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า
ในขณะที่เรากำลังพูดคุยถึงความผิดพลาด
ที่พี่น้องของเราได้กระทำไว้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
พูดคุยถึงความพลาดพลั้งที่เขาทำในอดีต
เขาคนนั้นอาจกำลังขออภัยโทษจากอัลลอฮ
และได้รับการอภัยโทษเรียบร้อยแล้ว
เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า
ระหว่างบาปที่เขากระทำ
กับการนำมาพูดจาลับหลังของเรานั้น
สิ่งใดที่มันจะเป็นที่โกรธกริ้วมากกว่า
เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า
คนที่เรารังเกียจ ดูถูกว่าเป็นคนไม่ดี
บางทีเขาอาจเป็นที่รักของอัลลอฮมากกว่าเราก็เป็นได้
เพราะเราไม่อาจรู้
เราจึงจำเป็นต้องคิดดี และทำดีกับทุกคน
เพราะไม่อาจรู้ว่าคนรอบข้างเราคนไหน
ที่ถูกบันทึกว่าเป็นชาวสวรรค์ไปแล้ว :)
เธอไม่ได้ไม่เก่ง
เธอแค่อาจจะยืนอยู่ผิดที่
เหมือนปลาที่ถูกวางบนต้นไม้
แล้วผู้คนพากันตัดสินว่าเขา"ไม่ฉลาด"
และที่น่าเสียใจคือเธอก็เชื่อฝั งใจ
ในสิ่งที่คนอื่นตัดสินเธอ
เราต่างพยายามทำความรู้จักคนอื่น
จนหลงลืมทำความรู้จักกับตัวเอง
เราเปรียบเทียบ เสียใจ และโกรธตัวเอง
ที่ไม่มีเพชรรูปร่างเหมือนคนอื่น
จนมองข้ามเพชรที่สวยงามที่มีในตัวเธอ
บาดแผลจากการสะดุดล้ม
ไม่ได้เจ็บปวดเท่ากับเสียงหัวเราะและคำพูดที่ว่า
‘ก้อนหินแค่นี้สะดุดได้ไง’
เราทุกคนต่างมีความเก่ง
ที่สามารถข้ามภูเขาลูกใหญ่
และมีความอ่อนแอ
ที่สามารถสะดุดก้อนหินเล็กๆได้
เพียงแต่มันคือภูเขาคนละลูก
ก้อนหินคนละก้อนก็เท่านั้นเอง
"เรื่องแค่นี้ทำไมถึงทำไม่ได้”
อย่าไปพูดกับใครเลย
มันไม่น่ารัก
ความคิดถึงที่เกิดขึ้นในใจ
ต่อบุคคลที่ถูกต้องห้าม
แม้กระทั่งการสบตา
เป็นบททดสอบที่ค่อนหนักหนา
กับหัวใจที่อาศัยอยู่ในโลก
ที่การบอกคิดถึงเป็นสิ่งง่ายดาย
แค่คลิกก็ไป ไถหน้าจอแปปเดียวก็ถึง
เพราะมันง่ายนั้นแหละ
จึงเป็นบททดสอบที่ยาก
ไม่มีสิ่งใดจะมาควบคุมความคิดถึงได้ยกเว้น
'ความยำเกรง'และ'การให้เกียรติกัน'
ที่มาควบคุมการแสดงออก
แอบรักไม่ผิด แต่ผิดที่ไม่แอบ
แล้วแสดงมันออกมาเป็นการกระทำที่ต้องห้าม
ค่อยเผยในวันที่ถึงเวลานะ
ถ้าได้ลองทบทวนดูดีๆ
เราไม่อาจที่จะบ่นในสิ่งที่เราไม่ชอบ
เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งนั้นกำลังจะนำความดีใดมา
และสิ่งนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงพอใจ
และเราก็ไม่อาจที่จะดีใจเกินไป
ในสิ่งที่เราชอบ เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งนั้น
อาจจะกำลังนำเราไปในทิศทางใด
และที่เลวร้ายสุดคือสิ่งที่เราชอบ
เป็นสิ่งเดียวกับที่พระองค์ทรงกริ้ว
ไม่ว่าสิ่งที่กำลังเจอจะเป็นสิ่งที่ชอบหรือไม่
ขอเพียงแค่เข้าใจว่าทั้งสองสิ่งถูกส่งมา
จากผู้ที่รักเราที่สุดเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ขอเพียงแค่อดทน
และขอบคุณ
ทุกอย่างก็จะกลายเป็นสิ่งที่ดีได้
ความง่ายดายในการทำงาน
ทำให้เราสะดวกและสบายใจ
แต่อุปสรรคในการทำงาน
จะทำให้เราได้เติบโต
ความง่ายดายในการทำงาน
อาจทำให้เราได้รับคำชมว่าทำได้ดี
แต่ความยากลำบากของงาน
จะทำให้เราได้รับความห่วงใย
และเพื่อนที่แท้จริง
อดทนนะ
ถ้าสิ่งที่ทำอยู่มันเหนื่อย
ลองพยายามอีกนิด
ถ้ามันยังยากอยู่
จำไว้นะ
ทุกครั้งที่เจออุปสรรค
แสดงว่าพระองค์กำลังจะส่งของขวัญ
บางชิ้นมาให้เราและของขวัญที่ฉันมัก
จะพบเจอคือคนรอบข้างและญามาอะห์ที่ดี
รอหน่อยนะ ของขวัญกำลังมา
ไม่ได้เป็นไบโพลาร์
ที่จะมีหลายบุคลิก หลายอุปนิสัย
เราเพียงแต่แสดงต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายเป็นใครเท่านั้นเอง
ในบางหน้าที่เราจำเป็นต้องขรึม
เพื่อรักษาไว้ซึ่งขอบเขต
ในบางเวลาเราก็ยิ้มแย้ม เฮฮา
เพื่อรักษาความสัมพันธ์
หลายครั้งต้องเป็นผู้ใหญ่
เพราะมันส่งผลต่อการเป็นผู้นำ
และเฉพาะคนที่พิเศษเท่านั้น
ที่เราจะอ้อนใส่ในเวลาที่ไม่โอเค
ผู้คนมักจะโฟกัสในผลลัพธ์
ของสิ่งที่เรากำลังทำ
หากผลลัพธ์ออกมาไม่ดี
พวกเขาก็จะกล่าวเพียงว่า
เรา "ล้มเหลว"
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า
จริงๆแล้วเรา "สำเร็จ"
จากการเรียนรู้ในกระบวนการ
ในการทำสิ่งๆนั้นมากมาย
จงทำต่อไป
แม้ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คน
เพราะผลลัพธ์จะทำให้เราดีใจได้แค่วันที่สำเร็จ
แต่กระบวนการและทักษะที่ได้มา
จะติดตัวเราไปตลอดชีวิต
ช่างน่าแปลกใจยิ่งสำหรับผู้ที่เรียกตนว่าผู้ศรัทธา
ที่อายะห์กุรอานพูดถึงชาวนรกผ่านตา
แต่ก็ไม่สงสัยว่าใครกันที่พระองค์พูดถึง
ช่างน่าแปลกใจยิ่งสำหรับผู้ที่เรียกตนว่าผู้ศรัทธา
ที่อายะห์พูดถึงสวรรค์ถูกกล่าวซ้ำๆ
แต่ก็ไม่เคยสงสัยว่าทำอะไรจึงจะได้สวรรค์มา
เราอ่านอายัตที่ไม่เข้าใจหลายโองการ
แต่เรายังนิ่งเฉยที่จะทำความเข้าใจ
น่าแปลกใจที่เราชอบโฟกัส
กับข้อความของมนุษย์ที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำ
ว่าเขาหมายถึงเราหรือเปล่า
น่าแปลกใจยิ่งกว่า
ที่เราละเลยกุรอานทั้งที่รู้ว่า
พระองค์เจาะจงที่จะสื่อสารกับเรา!
ทุกครั้งที่ได้กล่าววาจาเตือนใครสักคน
อัลลอฮมักจะส่งเรื่องๆนั้นกลับมาหาตัวเรา
เพื่อจะทดสอบว่าจริงๆแล้ว
เราแกร่งแค่ไหน
หรือแกร่งแค่พูด?
“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย !
ทำไมพวกเจ้าจึงกล้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ
เป็นที่น่าเกลียดยิ่ง ณ อัลลอฮกับการที่พวกเจ้าพูด
ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ”
(อัศศ็อฟ 61 : 2-3)
หัวใจเราถูกเพาะเลี้ยงต่างกัน
"มารตฐานหัวใจเราจึงต่างกัน"
เรื่องล้อเล่นของคนหนึ่ง
อาจกัดกินหัวใจของอีกคน
และไม่อาจไปโทษเขาว่า
เป็นคนคิดมาก
เราต่างหากที่ต้องคิดให้มาก
ก่อนกระทำสิ่งใด
หัวใจทุกดวงต่างมีจุดอ่อนแอ
เพียงแต่เป็นจุดที่ต่างกัน
หน้าที่เราคือต้องระมัดระวัง
กับหัวใจทุกดวงที่เราเกี่ยวข้อง
เพราะการละเมิดลูกหลานอาดัมด้วยกัน
คือความผิดที่น่ากลัวในวันแห่งการตอบแทน
จงคำนึงอยู่เสมอว่าดุนยา
คือสนามแห่งการทดสอบ
เสมือนการสอบเก็บคะแนน
ที่พระองค์ทดสอบเป็นระยะๆ
เพื่อไม่ให้เราลืมว่ากำลังอยู่ในดุนยา
ดุนยาที่ไม่ใช่สไลด์เดอร์
จึงไม่อาจหวังแต่ความลื่นไหล
ยากบ้าง ง่ายบ้าง
เป็นเรื่องธรรมดาของการทดสอบ
และไดอารี่เล่มนี้
จะยังคงถูกบันทึกต่อไป
ตราบใดที่เรื่องราวต่างๆ
ยังวนเวียนถูกส่งเข้ามาในชีวิต
เพราะเราเชื่อว่า
ทุกเรื่องราวล้วนมอบอะไรสักอย่าง
อะไรสักอย่างที่ฉันเรียกว่า
“บทเรียน “
จากการได้ใคร่ครวญ
บทเรียนที่ทำให้เรา
“โตขึ้น”
“โตขึ้น”
และ
“โตขึ้น”