หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๒ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๓ ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔-๖
กลุ่มสาระการเรยี นร้สู ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๔ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๕
๑_หลักสตู รวิชาประวัตศิ าสตรไ์ ทย
๒_แผนการจัดการเรียนรู้
๓_PowerPoint_ประกอบการสอน
๔_Clip
๕_ใบงาน_เฉลย
๖_ข้อสอบประจาหน่วย_เฉลย
๗_ การวดั และประเมนิ ผล
๘_เสรมิ สาระ
๙_สอ่ื เสรมิ การเรยี นรู้
บริษัท อักษรเจริญทศั น์ อจท. จากดั : 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200
Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand
โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสาร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๒หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี
การสร้างองค์ความรู้ใหม่
ทางประวตั ิศาสตรไ์ ทย
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
• สร้างองคค์ วามรู้ใหมท่ างประวตั ศิ าสตรโ์ ดยใช้วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์อย่างเปน็ ระบบได้
ความหมาย ความสาคญั และประโยชนข์ องวธิ กี ารทางประวัติศาสตร์
ความหมายของวธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์
• วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ เปน็ วิธีการหรอื ข้นั ตอน ท่ใี ชใ้ นการศึกษาเรือ่ งราวทางประวัติศาสตร์ โดยอาศยั จากหลกั ฐานที่เปน็
ลายลกั ษณ์อักษรและไมเ่ ป็นลายลกั ษณอ์ ักษร เพ่อื ให้สามารถฟ้นื หรือจาลองอดีตข้นึ มาใหม่ได้อยา่ งถูกต้อง นา่ เชื่อถือ
ความสาคัญของวธิ ีการทางประวัติศาสตร์
• ทาให้เร่ืองราว กจิ กรรม เหตกุ ารณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในประวตั ิศาสตร์มีความนา่ เชอื่ ถอื มคี วามถูกตอ้ งเปน็ จริง หรือใกลเ้ คยี งกบั ความเปน็
จรงิ มากทส่ี ุด เพราะมีการศึกษาอยา่ งเปน็ ระบบ มขี ้นั ตอน
ประโยชนข์ องวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์
• ทาให้เปน็ คนละเอยี ดรอบคอบ มีการตรวจสอบเร่ืองราวที่ศึกษา รจู้ กั ประเมินความน่าเชื่อถือของเหตุการณ์ต่างๆ
ข้นั ตอนของวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์
การกาหนดหวั เรอื่ งที่จะศึกษา
• เร่มิ จากความสงสยั อยากรู้
• หลงั จากน้ันกาหนดเรือ่ งหรอื ประเด็นที่ต้องการศึกษา
• ประเด็นท่จี ะศกึ ษาควรกาหนดไว้กว้างๆ ก่อน แลว้ จากดั ประเด็นให้แคบลง เพ่ือความชดั เจนในภายหลัง
• การกาหนดหัวเร่อื งอาจเกยี่ วกบั เหตุการณ์ ความเจรญิ ความเส่อื มของอาณาจักร ตัวบุคคลในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
การรวบรวมหลกั ฐาน
• เปน็ การรวบรวมหลกั ฐานท่ีเกยี่ วข้องกบั หัวข้อท่จี ะศกึ ษา มที งั้ หลักฐานที่เปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษร และหลกั ฐานทไี่ ม่เป็นลายลกั ษณ-์
อักษร หลกั ฐานช้ันต้นหรอื หลักฐานปฐมภูมิกบั หลักฐานชน้ั รองหรือหลกั ฐานทตุ ิยภมู ิ
หลกั ฐานชั้นต้น
• เป็นหลกั ฐานร่วมสมัยของผทู้ ่ีเกย่ี วขอ้ งกบั เหตกุ ารณ์โดยตรง
ประกอบด้วยหลักฐานทางราชการทั้งที่เป็นเอกสารลับ
เอกสารที่เปิดเผย กฎหมาย ประกาศ สุนทรพจน์ บันทึก
ความทรงจาของ ผู้ท่ีเก่ียวข้องกับเหตุการณ์ หรือ
อัตชีวประวัติผู้ที่ได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์ การรายงาน
ข่าวของผู้รู้ ผู้เห็นเหตุการณ์ วีดิทัศน์ ภาพยนตร์ ภาพถ่าย
เหตุการณ์ทเี่ กิดขึ้น เปน็ ตน้
ภาพถ่ายเหตกุ ารณม์ หาวิปโยค ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๖
เป็นหลักฐานช้ันตน้
หลกั ฐานช้นั รอง
• หลักฐานที่ จัดทาขึ้น โดยอาศัยหลักฐาน ช้ันต้น
หรือโดยบุคคลท่ีไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้รู้เห็นเหตุการณ์
ด้วยตนเอง แต่ได้รับรู้โดยผ่านบุคคลอื่น เช่น ผลงาน
ของนักประวัติศาสตร์หรือหนังสือประวัติศาสตร์
รายงานของส่ือมวลชนที่ไม่ได้รู้เห็นเหตุการณ์ด้วย
ตนเอง
สารนิพนธ์ของ ศ.ดร. ประเสริฐ ณ นคร
เป็นหลักฐานชนั้ รอง
การประเมนิ คณุ คา่ ของหลกั ฐาน
การประเมินคุณคา่ ภายนอกหรอื วพิ ากษ์วธิ ีภายนอก
• ประเมนิ คุณคา่ จากลักษณะภายนอกของหลักฐาน บางครัง้ อาจมีการปลอมแปลงเพ่อื การโฆษณาชวนเชอื่ ทาใหห้ ลงผิด จงึ มีการประเมนิ วา่
หลักฐานน้นั เป็นของจริงหรือไม่ โดยพิจารณาจากสิง่ ท่ปี รากฏภายนอก เช่น เนอื้ กระดาษ เปน็ ต้น
การประเมินคณุ คา่ ภายในหรอื วิพากษว์ ิธีภายใน
• ประเมินคณุ ค่าจากขอ้ มูลภายในหลักฐานนนั้ เชน่ มชี ่ือบุคคล สถานท่ี เหตกุ ารณ์ ในช่วงเวลาท่หี ลกั ฐานนั้นทาข้นึ หรือไม่ นอกจากนี้
ยงั สังเกตได้จากการกลา่ วถึงตัวบคุ คล เหตกุ ารณ์ สถานท่ี ถอ้ ยคา เปน็ ต้น
การวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และจดั หมวดหม่ขู อ้ มูล
• ต้องศึกษาข้อมลู ในหลกั ฐานนน้ั ว่าให้ขอ้ มลู อะไรบา้ ง มคี วามสมบูรณ์เพียงใด มจี ดุ ม่งุ หมายเบื้องตน้ อยา่ งไร เปน็ ตน้
• นาข้อมลู ทงั้ หลายมาจดั หมวดหมู่
• เมื่อไดข้ อ้ มลู เป็นประเด็นแล้ว ต้องหาความสัมพันธ์ของประเด็นต่างๆ และตคี วามขอ้ มลู
• ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มลู ผู้ศึกษาควรมคี วามรอบคอบ วางตัวเปน็ กลาง
การเรียบเรียงหรือการนาเสนอ
• เป็นขนั้ ตอนสุดทา้ ยของวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์
• เป็นการนาขอ้ มูลทง้ั หมดมารวบรวม เรียบเรยี ง หรอื นาเสนอใหต้ รงกบั ประเดน็ ท่ีตนสงสยั หรอื อยากรู้
• ควรนาเสนอเหตุการณอ์ ยา่ งมีระบบ ให้มคี วามสอดคล้องต่อเนือ่ ง มคี วามเป็นเหตุเปน็ ผล โดยมขี ้อมูลสนบั สนนุ อยา่ งมนี ้าหนกั
รวมทงั้ สรุปผลการศึกษาทีส่ ามารถใหค้ าตอบในเรอ่ื งท่ีสงสัยหรืออยากรู้
หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ไทย
ลักษณะของหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ไทย
หลกั ฐานทเ่ี ป็นลายลักษณ์อกั ษร
• จารึกหรือจาร มีหลายลักษณะ ที่สลักลงบนแทง่ หินหรือแผ่นหิน เรียก ศลิ าจารกึ จารึกลงแผ่นทองคา เรียก จารกึ ลานทอง
จารึกลงแผน่ เงิน เรียก จารกึ ลานเงิน ทจี่ ารลงใบลาน เรยี ก หนงั สือใบลาน และยงั มกี ารพบจารกึ ที่ฐานพระพทุ ธรปู อกี ดว้ ย
ซ่งึ จารกึ ทม่ี อี ยู่หลายลักษณะนัน้ จารึกบนแท่งหนิ หรือศิลาจารึกมคี วามคงทนมากท่ีสดุ
จารกึ ลานทอง พบทว่ี ัดส่องคบ อาเภอเมอื ง จงั หวดั ชยั นาท จารกึ ดว้ ยอกั ษรขอม - อกั ษรไทยสมยั อยุธยา พ.ศ. ๑๙๕๑
พระราชพงศาวดาร
• เป็นการจดบันทึกเร่ืองราวเกย่ี วกบั พระมหากษัตริย์
• เขยี นลงบนสมดุ ไทย
• เรม่ิ เขียนข้นึ ในสมยั อยธุ ยาเรือ่ ยมาจนกระทั่งสมยั รชั กาลท่ี ๕
• พระราชพงศาวดารฉบบั หลวงประเสรฐิ ฯ ถอื เป็นพระราชพงศาวดารท่ีเกา่ แก่ทส่ี ดุ ที่มีเหลืออยจู่ นถงึ ปัจจุบนั
ปกพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๒ พระนิพนธส์ มเดจ็ ฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ
และปกพระราชพงศาวดาร ฉบบั พระราชหตั ถเลขาในรชั กาลที่ ๔ จัดพมิ พ์โดยกรมศิลปากร
ตานาน
• เปน็ การเล่าเรือ่ งราวประวตั ิความเป็นมาของบุคคล โบราณสถาน โบราณวตั ถุสืบทอดกันมา
• เป็นการบอกเลา่ จดจา และบันทึก
• จัดวา่ มีคุณค่าทางประวัตศิ าสตร์น้อย เพราะไม่ทราบวา่ ใครแต่ง แต่งเมอื่ ใด และมหี ลกั ฐานอ้างอิงอยา่ งไร
ชินกาลมาลีปกรณแ์ ละตานานพนื้ เมอื งเชียงใหม่ เป็นตานานเกี่ยวกบั พระพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์ลา้ นนา
เอกสารสว่ นบุคคล
• เป็นบนั ทกึ สว่ นตวั ของผูท้ ี่เกี่ยวข้องหรือผทู้ ี่รู้เหน็ เกีย่ วกับเหตกุ ารณน์ ้นั ๆ
• เช่น จดหมายเหตพุ ระราชกิจรายวนั ในรชั กาลท่ี ๕ จดหมายเหตคุ วามทรงจาของกรมหลวงนรนิ ทรเทวี และบนั ทกึ
ของคณะราษฎรหลายทา่ นที่เกีย่ วขอ้ งกบั การเปลยี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นตน้
เอกสารสว่ นบคุ คล (จากภาพ) ลายพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั
ทรงพระราชทานแก่นางแอนนา เลียวโนเวนส์
หนงั สือราชการ
• เป็นเอกสารเก่ยี วข้องกับการบริหารราชการดา้ นจดั การปกครองท่รี ัฐมตี อ่ สว่ นกลางและสว่ นภมู ภิ าค
• มคี วามสาคญั เพราะเป็นบนั ทึกของผทู้ เ่ี กี่ยวขอ้ งกับเหตุการณโ์ ดยตรง
• ส่วนใหญ่เป็นของสมยั รตั นโกสินทร์ ทีม่ มี าแตค่ รง้ั โบราณได้สญู หายเกอื บหมดแล้ว
ตวั อย่างหนงั สือราชการ
บันทึกของชาวตา่ งชาติ
• เป็นเอกสารของชาวตา่ งชาตทิ เ่ี ขยี นหรือบนั ทึกเก่ยี วกับเมืองไทย
• อาจอยู่ในรูปของบันทกึ ประจาวนั การเลา่ เร่อื ง หรอื จดหมายเหตุ
• มีคุณคา่ มากในทางประวัติศาสตร์ โดยบางเรื่องอาจใหข้ อ้ มลู นอกเหนือจากทม่ี อี ยูแ่ ล้ว หรือบางเร่อื งอาจเปน็ การเสรมิ ข้อมลู
ทไ่ี ทยมอี ยู่ เชน่ จดหมายเหตลุ าลูแบร์ ของซมิ ง เดอ ลาลแู บร์ ราชทูตฝรง่ั เศส สมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
จดหมายเหตลุ าลแู บร์ ของซิมง เดอ ลา ลแู บร์ ราชทตู ฝร่งั เศสในสมัยอยุธยา
หลักฐานทีไ่ ม่เปน็ ลายลักษณอ์ กั ษร
• ส่วนใหญ่เป็นหลกั ฐานประเภทโบราณสถาน โบราณวตั ถุ เชน่ โบสถ์ วหิ าร โครงกระดูกมนุษย์ เครอ่ื งมอื เคร่ืองใช้ตา่ งๆ
ปัจจุบันมีการบนั ทึกเหตกุ ารณ์ สถานท่ี ทงั้ ท่ีเป็นภาพเสียง หรือทั้งภาพและเสียง เชน่ ภาพถา่ ย แถบบันทกึ เสียง วดี ิทัศน์
รายงานขา่ วของสอ่ื มวลชน
ประเภทของของหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ไทย
หลักฐานทางประวตั ศิ าสตรเ์ ปน็ รอ่ งรอยของมนษุ ย์ท่ีหลงเหลอื อยู่จากอดีต หลกั ฐานทางประวัติศาสตรม์ ีทงั้ วตั ถุ เอกสาร จารกึ
โดยแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท
หลักฐานชนั้ ต้น • หรอื หลกั ฐานปฐมภูมิ คือ หลักฐานทีเ่ ป็นของร่วมสมัย เช่น เอกสารหรือบันทกึ ท่เี ขียนขนึ้ โดย
บุคคลทเ่ี กย่ี วข้องหรอื รเู้ ห็นเหตกุ ารณ์ เช่น ภาพถา่ ย วัตถุร่วมสมัย เช่น โบราณวตั ถุ เครอื่ งมอื
เครื่องใช้ จารึก ผู้ศึกษาควรมคี วามระมัดระวงั เนอื่ งจากหลกั ฐานบางอย่างมักจะกล่าวถงึ แต่
เรอื่ งราวในดา้ นดีหรอื ไม่เปน็ กลาง เพอื่ ให้เร่อื งราวมคี วามน่าเชื่อถือย่ิงขนึ้ จงึ ตอ้ งมกี ารตรวจสอบ
ประเมนิ หลักฐาน โดยใชว้ ิธีการทางประวตั ิศาสตร์
หลกั ฐานชั้นรอง • หรอื หลกั ฐานทตุ ยิ ภมู ิ คือ หลกั ฐานทีเ่ ขยี นขน้ึ ภายหลังจากเหตกุ ารณน์ ้ันเกดิ ข้ึน โดยผู้บนั ทึก
อาจไดย้ ินคาบอกเล่าผ่านบุคคลอน่ื หรือเป็นหลักฐานที่เขยี นขึน้ โดยบคุ คลทอ่ี าศัยข้อมลู จาก
หลักฐานชนั้ ตน้ เช่น หนงั สอื งานวจิ ยั บทความ รวมทง้ั หลกั ฐานที่ไมเ่ ป็นลายลักษณ์อกั ษร เช่น
ภาพยนตร์ ละคร ขา่ วโทรทัศน์
ความสาคญั ของของหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ไทย
๑ มคี วามสาคัญตอ่ การศึกษาประวตั ศิ าสตรไ์ ทยมาก เพราะหลักฐานขอ้ มูลทง้ั หลายทาหรือเขยี นขนึ้
โดยผูเ้ กี่ยวขอ้ งโดยตรง หรอื มคี วามใกล้ชดิ กับเหตกุ ารณ์หรือเรือ่ งราวทั้งหลายทีเ่ กดิ ข้ึน
๒ หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรส์ ะทอ้ นใหเ้ ห็นโลกทศั น์ วัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนความเชื่อของ
คนในสมยั กอ่ น
๓ หลักฐานควรได้รับเก็บรกั ษาให้ดี เพอ่ื จะได้นามาศึกษาค้นควา้ เผยแพร่ตอ่ ไป อนั จะช่วยให้
ประวตั ิศาสตร์ไทยมีความชดั เจน ถูกตอ้ งมากขนึ้
๔ การใชห้ ลักฐานของชาวต่างชาติ ผศู้ กึ ษาควรมคี วามระมดั ระวงั เน่อื งจากชาวต่างชาตมิ ีพื้นฐาน
ความคิดและวัฒนธรรมที่แตกตา่ งจากคนไทย
แหลง่ รวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตรไ์ ทยท่สี าคญั
สานักหอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ
พิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติ
หอสมุดกลางของมหาวิทยาลัยต่างๆ
ตัวอยา่ งการนาวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์มาใชใ้ นการศึกษาประวัติศาสตร์ไทย
๑ การกาหนดหวั เร่ืองที่จะศึกษา
• หวั ข้อท่ีสนใจ คือ การฟ้นื ฟูบา้ นเมอื งในสมยั รชั กาลท่ี ๑
๒ การรวบรวมหลกั ฐาน
หลักฐานชั้นต้น หลกั ฐานชั้นรอง
• พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสนิ ทร์ รัชกาลที่ ๑ • หนงั สือหรอื บทความที่เขยี นขึ้นเก่ยี วกับสมัยรชั กาลท่ี ๑
• จดหมายเหตุความทรงจาของกรมหลวงนรนิ ทรเทวี หรอื สมยั รัตนโกสินทรต์ อนต้น
• พระราชนิพนธ์ในรัชกาลท่ี ๑ เช่น กลอน เพลงยาวนริ าศ
เรอ่ื งรบพม่าท่ีท่าดนิ แดง
๓ การประเมินคุณคา่ ของหลักฐาน
• ตรวจสอบความน่าเชือ่ ถอื ของเรื่องราวท่ปี รากฏในพระราชพงศาวดาร โดยเปรียบเทยี บกบั พระราชพงศาวดารของรัฐ
เพ่อื นบา้ นที่มฉี บับแปลเปน็ ภาษาไทย เช่น พระราชพงศาวดารลาว เขมร พมา่ หรอื ตรวจสอบกบั หลักฐานไทยร่วมสมยั
เชน่ จดหมายเหตุความทรงจาของกรมหลวงนรินทรเทวี ตรวจสอบ พระบรมราชโองการในพระราชพงศาวดารกบั
กฎหมายท่อี อกในสมัยรัชกาลท่ี ๑
๔ การวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และจดั หมวดหมู่ข้อมลู
• ศึกษาจดุ มุง่ หมายเบอื้ งต้นและจุดม่งุ หมายแฝงของหลักฐาน เชน่ จุดมงุ่ หมายเบ้อื งต้น คอื พระราชพงศาวดารตอ้ งการ
บอกให้ทราบเร่อื งราวการทาสงครามกับเพอ่ื นบ้านในสมัยรชั กาลที่ ๑ สว่ นจดุ ม่งุ หมายแฝง คือ การยกยอ่ งเชิดชู
พระปรชี าสามารถทางการทหารของรัชกาลท่ี ๑ ความเปน็ ผนู้ าและสมมติเทพของพระมหากษัตรยิ ์ เป็นต้น
• นอกจากน้ยี ังต้องคานงึ วา่ ขอ้ มลู ในหลักฐานน้นั มีความเป็นกลางหรือไม่ เช่น พระราชพงศาวดารเปน็ หนังสอื ท่เี ขยี นข้นึ
เพอ่ื ยกย่องพระมหากษตั ริย์ จงึ มเี น้ือหาเชดิ ชยู กยอ่ งพระมหากษัตริย์ ขณะเดียวกันก็อาจใหข้ ้อมูลด้านลบเกีย่ วกบั ขา้ ศกึ
ศัตรู ในการเลอื กใช้ข้อมูลต่าง ๆ จงึ ควรพิจารณาถึงประเดน็ เหลา่ นี้และควรศกึ ษาคน้ คว้าจากหลกั ฐานท่หี ลากหลาย
เพ่ือให้ได้ขอ้ มูลครบถ้วน จะทาใหเ้ รือ่ งราวประวตั ิศาสตรท์ ่ีค้นคว้ามีความน่าเชือ่ ถอื และใกล้เคียงความจรงิ มากท่ีสุด
๕ การเรียบเรียงและนาเสนอข้อมลู
• นาขอ้ มูลทีต่ ีความไดม้ านาเสนอ โดยมีการเรยี บเรียงอย่างเป็นระบบ เช่น มหี ัวข้อใหญ่ หัวขอ้ ย่อย มีการลาดับหวั ข้อ
การใชห้ ลักฐานประกอบการอ้างองิ การอธิบายตามลาดบั เหตุการณ์หรืออธบิ ายตามประเดน็ เช่น อธิบายการฟ้นื ฟู
บ้านเมอื งของรัชกาลท่ี ๑ เรยี งตามปี หรอื อธิบายการฟนื้ ฟูบ้านเมอื งของรัชกาลท่ี ๑ ตามประเด็น เชน่ ดา้ นการเมอื ง
การปกครอง ด้านสังคมและวัฒนธรรม ดา้ นเศรษฐกิจ ด้านการตา่ งประเทศ เปน็ ต้น