ก
คานา
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง การจาแนกและองคป์ ระกอบของสารบรสิ ทุ ธ์ิ รายวิชา
วทิ ยาศาสตร์ 1 รหัสวชิ า ว21101 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ได้จดั ทาข้นึ ให้สอดคลอ้ งกับธรรมชาตขิ องวชิ าและสอดคล้องกับการจัด
กิจกรรมการเรยี นรูก้ ลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหลกั สตู รการศกึ ษา
ขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) เพ่ือใหน้ ักเรียนสามารถนาไปใช้ได้
อยา่ งเหมาะสม ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ชดุ น้ี ผู้สอนได้จัดทาข้นึ เพอ่ื เปน็ คู่มือในการจดั กิจกรรม
การเรยี นรู้โดยใช้ร่วมกับแผนการจัดการเรยี นรู้ เพอ่ื ใหน้ ักเรียนใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์
สบื เสาะหาความร้แู ละสรา้ งความรใู้ หม่ สามารถคดิ วิเคราะห์ สื่อสารให้เข้าใจตรงกนั
มีจติ วิทยาศาสตร์ ตลอดจนเชือ่ มโยง และนาความรไู้ ปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้
การจดั ทาชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง การจาแนกและองคป์ ระกอบของสารบรสิ ุทธิ์
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 1 รหสั วิชา ว21101 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เสรจ็ สมบรู ณไ์ ด้ เพราะไดร้ บั ความอนุเคราะห์จากผเู้ ชย่ี วชาญหลายท่านทไี่ ด้
ใหค้ าปรึกษา แนะนา จึงขอขอบพระคณุ ไว้ ณ โอกาสนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งวา่ ชุดกิจกรรม
การเรยี นรู้ชุดน้ี จะช่วยพัฒนานักเรียนโรงเรยี น................................ ใหเ้ ป็นบคุ คลแห่งการเรียนรู้
สามารถเรยี นรู้ไดต้ ลอดชีวิตตามเจตนารมณ์ทตี่ งั้ ไว้
.......................................
ข
คาชี้แจง
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง การจาแนกและองค์ประกอบของสารบริสทุ ธ์ิ รายวชิ า
วิทยาศาสตร์ 1 รหัสวิชา ว21101 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เนื้อหาแบง่ ออกเป็นเรื่องยอ่ ย ท้ังหมด 3 ชดุ ดงั น้ี
ชุดที่ 1 เรือ่ ง การจาแนกสารบรสิ ทุ ธ์ิ
ชดุ ท่ี 2 เรื่อง โครงสรา้ งอะตอม
ชดุ ท่ี 3 เรอ่ื ง การจาแนกธาตุและการใช้ประโยชน์
แต่ละชุดประกอบด้วย คานา คาชี้แจง คาแนะนาสาหรับครู คาแนะนาสาหรบั นักเรียน
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ แบบทดสอบก่อนเรยี น ใบความรู้ กจิ กรรม เฉลยกจิ กรรม
แบบทดสอบหลงั เรียน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรยี น ซึง่ จดั ทาข้ึนเพือ่ ใหน้ ักเรยี น
ใชเ้ รยี นในหอ้ งเรียน นักเรียนต้องเรียนรดู้ ว้ ยตนเองโดยใช้กระบวนการกลมุ่ ผู้สอนคอยกากับ
ดแู ล และช่วยเหลอื กระตุ้นให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ เปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นไดแ้ ลกเปลี่ยนเรียนรู้
ในข้ันตอนการจดั กิจกรรมการเรยี นรูต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ทีผ่ ูส้ อนจัดทาข้นึ
ค
สารบญั
เรอื่ ง หน้า
คานา .................................................................................................................... ก
คาชแ้ี จง ................................................................................................................ ข
สารบัญ ................................................................................................................. ค
คาแนะนาสาหรับครู ............................................................................................. 1
คาแนะนาสาหรับนักเรยี น .................................................................................... 3
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ .......................................................................................... 4
แบบทดสอบกอ่ นเรียน ......................................................................................... 5
ใบความรู้ ............................................................................................................. 7
กิจกรรมท่ี 1 ....................................................................................................... 14
กจิ กรรมท่ี 2 ....................................................................................................... 15
กิจกรรมที่ 3 ....................................................................................................... 18
กจิ กรรมที่ 4 ....................................................................................................... 19
เฉลยกิจกรรมท่ี 1 ............................................................................................... 20
เฉลยกจิ กรรมที่ 2 ............................................................................................... 21
เฉลยกิจกรรมท่ี 3 ............................................................................................... 23
เฉลยกจิ กรรมที่ 4 ............................................................................................... 24
แบบทดสอบหลังเรียน ......................................................................................... 25
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ................................................................................ 27
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ................................................................................ 28
บรรณานุกรม ...................................................................................................... 29
-1-
คาแนะนาสาหรับครู
การใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การจาแนกและองคป์ ระกอบของสารประสุทธิ์
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 1 รหัสวชิ า ว21101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ผู้สอนมบี ทบาทดังนี้
1. ศกึ ษาคู่มือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ เร่ือง การจาแนกและองคป์ ระกอบ
ของสารประสทุ ธ์ิ ให้เขา้ ใจ
2. เตรียมความพรอ้ มนกั เรยี นกอ่ นการเรยี นโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้
3. เตรียมชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ วัสดุ อปุ กรณ์ และสิง่ ของท่ีระบไุ ว้
ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้และแบบบันทึกกจิ กรรมประจาชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ให้พร้อม
4. แนะนาขัน้ ตอนการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวปฏิบัติ ให้นักเรียนรบั ทราบ
โดยละเอียด
5. กอ่ นการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์
ทางการเรียนกอ่ นเรยี น เร่อื ง การจาแนกและองค์ประกอบของสารประสุทธ์ิ จานวน 20 ข้อ
เพอ่ื วัดความรูพ้ ื้นฐานก่อนเรยี น
6. ครตู รวจแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนกอ่ นเรยี น แจง้ คะแนน
ใหน้ กั เรียนทราบ
7. จัดกิจกรรมการเรียนรใู้ ห้เปน็ ไปตามทกี่ าหนดในชุดกิจกรรมการเรียนรู้แตล่ ะชดุ
อย่างเคร่งครัด ครคู อยกากบั ดแู ลนักเรยี นอยา่ งใกล้ชิดขณะจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
8. หลงั จากทากจิ กรรมการเรียนรูเ้ สร็จแล้ว ให้นกั เรียนเก็บวัสดุ อุปกรณ์
ประกอบชดุ กิจกรรมการเรียนรใู้ หเ้ รียบรอ้ ย
9. บนั ทึกคะแนนจากการทากิจกรรมในชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ตามเกณฑ์การวัด
และประเมนิ ผลท่ีระบใุ นแผนการจดั การเรียนรู้
10. หลงั จากนักเรียนทากิจกรรมในชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง การจาแนกและ
องคป์ ระกอบของสารประสุทธิ์ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 1 รหสั วชิ า ว21101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ครบทง้ั 3 ชุด แล้วใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบ
วดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นหลังเรยี น เรอื่ ง การจาแนกและองคป์ ระกอบของสารประสทุ ธ์ิ จานวน
30 ขอ้
-2-
11. ครูตรวจแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นหลงั เรียน เรื่อง การจาแนก
และองค์ประกอบของสารประสุทธ์ิ เปรียบเทยี บคะแนนกอ่ นเรยี นและหลังเรียน แจง้ คะแนน
ให้นกั เรียนทราบ
12. ในกรณที ่นี ักเรียนทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่อื ง การจาแนก
และองคป์ ระกอบของสารประสุทธ์ิ ไมผ่ ่านเกณฑ์ประเมนิ รอ้ ยละ 80 ให้นักเรียนกลบั ไปศึกษา
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ ที่นักเรยี นยังพัฒนาไม่ถงึ เกณฑ์ แลว้ ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี น เรื่อง การจาแนกและองค์ประกอบของสารประสุทธ์ิ อกี ครงั้ จนนกั เรยี นผ่านเกณฑ์
-3-
คาแนะนาสาหรบั นกั เรยี น
1. ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง การจาแนกและองค์ประกอบของสารประสุทธิ์
รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 1 รหัสวชิ า ว21101 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ชุดน้ี คือ ชดุ ท่ี 2 เรอ่ื ง โครงสรา้ งอะตอม
2. ตรวจสอบชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ว่าครบถ้วนหรือไม่ ถ้าไม่ครบถว้ นต้องแจง้
ครผู สู้ อนทันที
3. ศกึ ษาจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ของชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ก่อนทจ่ี ะเร่มิ ศึกษา
หาความรู้ในลาดบั ตอ่ ไป
4. นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น จานวน 10 ข้อ
5. ศึกษาชุดกจิ กรรมการเรียนรดู้ ้วยตนเองตามลาดับทีจ่ ัดไว้ในชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้
เมื่อเข้าใจแล้วทากจิ กรรมให้ครบทุกกจิ กรรม
6. ศกึ ษาชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ด้วยความเอาใจใส่ และมคี วามซอ่ื สัตยไ์ มเ่ ปดิ ดูเฉลยก่อน
7. เมอ่ื ศึกษาเนือ้ หาและทากิจกรรมในชดุ กจิ กรรมการเรยี นรเู้ สร็จแลว้ ตรวจสอบ
ความถูกตอ้ งจากเฉลย
8. นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น จานวน 10 ขอ้
9. ในกรณีท่ีนกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียนได้ไมถ่ งึ 8 ข้อ ให้นักเรียนย้อนกลบั ไป
ศึกษาชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้ชู ดุ น้ใี หม่ แลว้ ทาแบบทดสอบหลังเรียนอีกคร้ังจนกวา่ จะไดค้ ะแนน
ตามเกณฑ์
10. เม่ือมปี ญั หาใด ๆ เชน่ ไมเ่ ข้าใจเนอื้ หา สามารถขอคาแนะนาจากครูได้
ตลอดเวลา
-4-
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
เม่อื นักเรยี นศกึ ษาเร่อื ง โครงสร้างอะตอม นกั เรยี นสามารถ
1. อธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่างอะตอม ธาตแุ ละสารประกอบได้
2. อธิบายโครงสร้างอะตอมทีป่ ระกอบดว้ ยโปรตอน นิวตรอน และอเิ ล็กตรอนได้
-5-
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
เร่ือง โครงสร้างอะตอม
คาส่งั ให้นักเรียนเลอื กคาตอบทถี่ ูกทสี่ ุดเพียงคาตอบเดียว แลว้ ทาเครอื่ งหมายกากบาท (X)
ลงในกระดาษคาตอบ
1. นักวทิ ยาศาสตรใ์ ชเ้ กณฑ์ใดในการจาแนกสารใหอ้ ย่ใู นหมวดหม่เู ดียวกนั
ก. มีเลขอะตอมเทา่ กนั
ข. มีเลขมวลเท่ากนั
ค. มอี เิ ล็กตรอนเท่ากนั
ง. มสี มบัติคล้ายคลึงกัน
2. แบบจาลองอะตอมของใครทกี่ ล่าววา่ อะตอมมีนวิ เคลียสอยู่ตรงกลางมอี เิ ล็กตรอน
ว่งิ อยู่รอบนิวเคลียส
ก. แบบจาลองอะตอมของดอลตนั
ข. แบบจาลองอะตอมของทอมสนั
ค. แบบจาลองอะตอมของรทั เทอร์ฟอร์ด
ง. แบบจาลองอะตอมของโบร์
3. “มมี วลน้อยมาก วิ่งอยูร่ อบนวิ เคลยี สของอะตอมและมปี ระจุลบ” ข้อความขา้ งต้น
กล่าวถึงขอ้ ใด
ก. โปรตอน
ข. นิวตรอน
ค. อิเลก็ ตรอน
ง. โปรตอนและนวิ ตรอน
4. สารในข้อใดแตกต่างจากข้ออ่ืน
ก. แก๊สออกซิเจน
ข. เกลือแกง
ค. โซดาไฟ
ง. โซเดียมคาร์บอเนต
-6-
5. ข้อใดกลา่ วถงึ ธาตุไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. ธาตทุ ุกชนิดสามารถนาไฟฟ้าได้
ข. ธาตแุ บ่งออกเป็น 2 ชนิด ไดแ้ ก่ โลหะ และอโลหะ
ค. โซเดยี มคลอไรดแ์ ละโพแทสเซียมออกไซดเ์ ปน็ ธาตุ
ง. ไม่สามารถทาใหธ้ าตุแตกตัวเปน็ สารอ่นื ได้
6. สารทกี่ าหนดให้ในข้อใดจดั เปน็ ธาตุทงั้ หมด
ก. จนุ สี ดบี กุ สารหนู
ข. ปรอท ทองแดง เกลือแกง
ค. ทองคา กามะถนั อลูมิเนยี ม
ง. ทองเหลอื ง ไอโอดนี แคดเมียม
7. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ งเกย่ี วกับสารประกอบ
ก. ประกอบดว้ ยอะตอมของธาตชุ นดิ เดยี วกันท้งั หมด
ข. ประกอบดว้ ยธาตุต้ังแต่ 2 ชนดิ ข้นึ ไป มารวมตวั กันดว้ ยอตั ราส่วนเทา่ ใดก็ได้
ค. ประกอบดว้ ยธาตอุ ยา่ งน้อย 3 ชนิดข้นึ ไปมารวมตวั กนั ดว้ ยอัตราสว่ นโดยมวล
คงท่ี
ง. ประกอบด้วยธาตุต้งั แต่ 2 ชนิดขึน้ ไปมารวมตัวกัน มีสมบตั แิ ตกต่างจากธาตเุ ดมิ
ท่ีเปน็ องค์ประกอบ
8. การรวมกนั ของธาตตุ ง้ั แต่ 2 ชนิดขึน้ ไปโดยมีอตั ราสว่ นทค่ี งที่จะเกดิ เป็นสารใด
ก. ธาตุ
ข. สารประกอบ
ค. สารละลาย
ง. สารผสม
9. ธาตใุ นหมู่เดยี วกนั มีสง่ิ ใดเหมือนกนั
ก. จานวนโปรตอน
ข. จานวนนิวตรอน
ค. จานวนอเิ ลก็ ตรอน
ง. จานวนเวเลนซอ์ ิเล็กตรอน
10. ขอ้ ใดต่อไปน้เี ปน็ สารประกอบ
ก. เกลอื แกง
ข. น้าเช่อื ม
ค. แอลกอฮอล์
ง. ทิงเจอร์ไอโอดนี
-7-
ใบความรู้
ปจั จุบันนกั วิทยาศาสตรม์ เี ครอ่ื งมอื
ท่สี ามารถตรวจสอบโครงสร้างของสารหรือ
ส่ิงมีชีวิตไดล้ ะเอยี ดจนถึงระดบั อะตอมหรอื
ระดับนาโน ในภาพท่ี 1 ป่มุ ทตี่ าของแมลงวนั
แตล่ ะปุ่มประกอบดว้ ยอะตอมจานวนมาก
ภาพของสารหรือส่งิ มีชีวติ ขนาดเลก็ ๆ ท่ีไดจ้ าก
กล้องจุลทรรศนช์ นิดน้ี ไดม้ าจากการฉายอนภุ าค
ทมี่ ขี นาดเล็กกวา่ อะตอมลงบนสารหรอื สิง่ มชี วี ิต
ภาพท่ี 1 ภาพส่วนหัวของแมลงวัน
จากกลอ้ งจลุ ทรรศนอ์ เิ ลก็ ตรอนแบบสอ่ งกราด
ทมี่ า : หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 สสวท.
ภาพท่ี 2 จอห์น ดอลตัน นักวิทยาศาสตรข์ าวอังกฤษ
เสนอทฤษฎีอะตอมและแบบจาลองอะตอม
ทีม่ า : หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 สสวท.
อะตอม (atom)
นกั ปราชญช์ าวกรกี โบราณเช่อื วา่ สารต่างๆ ประกอบข้นึ จากอนภุ าคทเ่ี ลก็ จนมอง
ไมเ่ ห็น เรยี กว่า อะตอม (atom) หรือ atomos ในภาษากรีก (a แปลว่า ไม่ และ tomos
แปลว่า แบง่ ) จนกระทง่ั ปี พ.ศ. 2351-2353 จอห์น ดอลตัน นกั วทิ ยาศาสตรช์ าวองั กฤษ
เสนอทฤษฎีอะตอม ซึ่งสรุปไดด้ ังน้ี
1. ธาตตุ า่ งๆ ประกอบไปด้วยอนภุ าคเล็ก จานวนมาก และอนุภาคเลก็ ๆ เหล่าน้ี
เรยี กว่า อะตอม
2. อะตอมของธาตตุ า่ งๆ มีนา้ หนักเฉพาะของอะตอมของธาตุน้ัน
3. สารประกอบเกดิ จากการรวมตวั ของอะตอมต้ังแต่ 2 ชนดิ ขึน้ ไป โดยรวมตวั กัน
ในอัตราสว่ นที่เปน็ เลขลงตัว
4. การเปล่ียนแปลงทางเคมี ซ่ึงมีสารใหมเ่ กดิ ขึน้ เกดิ จากการเรียงตัวกันใหม่
ของอะตอม
-8-
อะตอมมีขนาดเลก็ มากจนมองด้วยตาเปลา่ หรอื กล้องจลุ ทรรศน์แบบใชแ้ สงไมเ่ หน็
แต่นกั วิทยาศาสตร์ได้ทดลองและวิเคราะหข์ ้อมูลเกยี่ วกบั โครงสร้างอะตอม จนทาให้ทราบว่าภายใน
อะตอมประกอบด้วยอนุภาคที่เล็กลงไปอีก นักวิทยาศาสตรจ์ งึ ใช้แบบจาลองอะตอมเพอ่ื ใชใ้ นการ
อธิบายองคป์ ระกอบภายในอะตอม ถ้ามขี อ้ มลู จากการทดลองตา่ งๆ เพิม่ มากขนึ้ นกั วทิ ยาศาสตร์
อาจเปล่ยี นแปลงแบบจาลองอะตอม
อนุภาค (particle)
หมายถึง ส่ิงที่มขี นาดเล็กมาก เช่น อะตอม โมเลกุล โปรตอน
นวิ ตรอน หรอื อเิ ล็กตรอน
อะตอมของธาตปุ ระกอบดว้ ย โปรตอน (proton) นวิ ตรอน (neutron) และ
อิเล็กตอน (electron) อนภุ าคทง้ั 3 ชนิดน้ี เป็นองคป์ ระกอบพนื้ ฐานของอะตอมของธาตุ
โดยโปรตอน และนวิ ตรอนอยู่รวมกันตรงศนู ยก์ ลางของอะตอม เรียกว่า นิวเคลียส (nucleus)
ซ่ึงมีขนาดเล็กมากเมื่อเทยี บกบั ขนาดของอะตอม
พ้ืนทที่ ีเ่ หลือของอะตอมเป็นท่วี า่ ง อเิ ลก็ ตรอน เคลอื่ นทีอ่ ยใู่ นท่วี ่างโดยรอบนวิ เคลียส
ธาตุตา่ งชนิดกันจะมจี านวนโปรตอนตา่ งกัน เชน่
He ฮเี ลยี ม มี 2 โปรตอน
C คารบ์ อน มี 6 โปรตอน
Al อะลูมเิ นยี ม มี 13 โปรตอน
ดงั นั้น จานวนโปรตอนจะบอกชนดิ ของธาตุ นอกจากน้ี แต่ละอะตอมอาจจะมีจานวน
โปรตอนใกล้เคยี ง หรือเทา่ กบั จานวนนิวตรอน
โปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน มีประจุไฟฟ้าแตกต่างกัน โดย
โปรตอน มปี ระจไุ ฟฟา้ บวก +
นวิ ตรอนเป็นกลางทางไฟฟ้า (ไม่มีประจ)ุ
อิเล็กตรอน มีประจไุ ฟฟา้ ลบ -
อะตอม มีจานวน โปรตอน เท่ากบั จานวนอิเลก็ ตรอน ดังนัน้ อะตอมจงึ มีจานวนอนุภาคท่มี ีประจุ
ไฟฟา้ บวก จะเทา่ กับจานวนอนภุ าคทม่ี ปี ระจุไฟฟา้ ลบ (ประจุ + เทา่ กับ ประจุ -) ทาให้อะตอม
เป็นกลางทางไฟฟา้
-9-
อะตอมของ H ไฮโดรเจน เปน็ อะตอมเพียงชนิดเดียว
ท่ไี ม่มีนวิ ตอน และเป็นอะตอมทม่ี มี วลนอ้ ยทส่ี ดุ
ที่มา : หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 สสวท.
แบบจาลองอะตอม
เนือ่ งจากอะตอมมขี นาดเลก็ มากไมส่ ามารถมองเห็นได้ แม้ปจั จบุ นั วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีเจริญขนึ้ ก็ยังไม่มผี ู้ใดเหน็ โครงสรา้ งภายในอะตอม การศึกษาโครงสร้างอะตอมจึงเปน็
การสันนิษฐานโดยอาศัยข้อมลู ท่ีได้จากการทดลองมาสรา้ งเป็นแบบจาลองอะตอม ทาให้
มีแบบจาลองอะตอมเกิดขึน้ หลายรูปแบบ ซึง่ มีการปรับเปลีย่ นไปเร่ือยๆ ตามข้อมลู ทไี่ ด้จาก
การศึกษาคน้ ควา้ และการทดลองใหม่ๆ มาสับสนนุ วิวฒั นาการของแบบจาลองอะตอมทีส่ าคัญ
มดี ังนี้
แบบจาลองอะตอมของดอลตนั
ค.ศ. 1805 จอหน์ ดอลตัน (John Dalton) นกั วทิ ยาศาสตรช์ าวอังกฤษ ไดร้ วบรวม
ความคดิ ของนักวิทยาศาสตรใ์ นยคุ น้ัน แลว้ เสนอทฤษฎีอะตอมเพือ่ ใชอ้ ธิบายลกั ษณะและสมบัติ
ของอะตอม ดงั น้ี ธาตปุ ระกอบดว้ ยอนุภาคเล็กๆ หลายอนุภาคท่ีเรียกวา่ อะตอม ซง่ึ แบง่ แยก
และทาใหส้ ูญหายไม่ได้ อะตอมของธาตชุ นดิ เดียวกนั จะมีสมบัติเหมือนกัน แตจ่ ะมีสมบัตแิ ตกต่าง
จากอะตอมของธาตอุ ่นื และสารประกอบเกิดจากอะตอมของธาตมุ ากกว่าหนึง่ ชนิดทาปฏกิ ริ ิยา
เคมกี ันในอัตราสว่ นที่เป็นเลขลงตัวน้อยๆ จากแบบจาลองอะตอมของดอลตนั ทาใหน้ กั วิทยาศาสตร์
รุ่นต่อมาไดม้ กี ารศกึ ษาเก่ียวกบั อะตอมเพ่ิมข้ึน พบวา่ มีขอ้ มูลบางประการทไี่ มส่ อดคลอ้ งกบั แนวคดิ
ทีด่ อลตันเสนอไว้ เชน่ พบวา่ อะตอมประกอบดว้ ยอนภุ าคยอ่ ยๆ และอะตอมของธาตุชนดิ เดยี วกนั
มีมวลแตกตา่ งกนั ได้
-10-
ภาพที่ 3 จอหน์ ดอลตัน และแบบจาลองอะตอมของดอลตัน
ทม่ี า : http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/bangkok/sathit_cu/
Atomic_structure/Learn/dalton.htm.
แบบจาลองอะตอมของทอมสัน
ค.ศ. 1897 เซอร์โจเซฟ จอหน์ ทอมสัน (Sir Joseph John Thomson) นักวทิ ยาศาสตร์
ชาวองั กฤษ ได้ทดลองการนาไฟฟา้ ของแกส๊ โดยผา่ นไฟฟา้ กระแสตรงเข้าไปในหลอดรังสีแคโทด
ท่บี รรจแุ ก๊สและลดความดนั ภายในใหเ้ กอื บเปน็ สุญญากาศ พบวา่ อะตอมทุกชนดิ มีอนภุ าคที่มี
ประจลุ บเปน็ องคป์ ระกอบ เรยี กอนุภาคน้ีว่า อิเล็กตรอน (electron) ต่อมา ออยเกน โกลด์ชไตน์
(Eugen Golstein) นกั วทิ ยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ไดท้ าการทดลองการนาไฟฟา้ ของแก๊สโดยดัดแปลง
หลอดรังสีแคโทดใหม่ พบว่ามีอนภุ าคที่มปี ระจุบวกเกิดขน้ึ และถา้ ทดลองโดยใช้แก๊สไฮโดรเจนน้ีว่า
โปรตอน (proton) ทอมสันจงึ สรปุ ขอ้ มูลต่างๆ แลว้ นาเสนอแบบจาลองวา่ อะตอมมลี ักษณะเป็น
ทรงกลม ประกอบด้วยอนุภาคโปรตอนซ่งึ มปี ระจุบวก และอเิ ล็กตรอนซึง่ มีประจุเป็นลบ
กระจายอยู่ทั่วไปอยา่ งสมา่ เสมอ อะตอมท่ีเป็นกลางทางไฟฟา้ จะมจี านวนประจุบวกเท่ากับ
ประจุลบ
ภาพที่ 4 เซอร์โจเซฟ จอหน์ ทอมสนั และแบบจาลองอะตอมของทอมสนั
ทมี่ า : http://www.vcharkarn.com/varticle/42674
-11-
แบบจาลองอะตอมของรัทเทอรฟ์ อรด์
ค.ศ. 1911 ลอรด์ เออร์เนสต์ รัทเทอรฟ์ อร์ด (Lord Ernest Rutherford)
นักวิทยาศาสตร์ชาวองั กฤษไดท้ ดลองยงิ อนุภาคแอลฟาซึ่งมปี ระจบุ วกไปยังแผน่ ทองคาบางๆ พบวา่
อนุภาคส่วนใหญ่จะว่งิ เปน็ เส้นตรงผ่านทะลุแผน่ ทองคาไป และเกิดการเรอื งแสงบนฉากท่อี ยดู่ ้านหลงั
มบี างครั้ง เกิดการเรอื งแสงบริเวณดา้ นขา้ ง และมีการเรอื งแสงบริเวณดา้ นหน้าแผ่นทองคา
แตน่ ้อยครงั้ มาก ดังรูป
ภาพท่ี 5 แสดงการยงิ อนภุ าคแอลฟาไปยงั แผน่ ทองคา
ท่มี า : http://www.promma.ac.th/main/chemistry/jutamas/lesson/rutherford.htm
รทั เทอร์ฟอร์ด จึงสร้างแบบจาลองขึน้ มาอธบิ ายลักษณะของอะตอมว่า อะตอม
ประกอบด้วยนวิ เคลียสทีม่ ีขนาดเลก็ มากอยู่ตรงกลาง และมปี ระจไุ ฟฟา้ เป็นบวก โดยมีอิเลก็ ตรอน
เคลือ่ นทอ่ี ย่รู อบๆ
ภาพท่ี 6 ลอรด์ เออร์เนสต์ รทั เทอรฟ์ อรด์ และแบบจาลองอะตอมของรทั เทอร์ฟอรด์
ทีม่ า : http://www.promma.ac.th/main/chemistry/jutamas/lesson/rutherford.htm
-12-
แบบจาลองอะตอมของโบร์
ค.ศ. 1913 นีลส์ โบร์ (Niels Bohr) นักวทิ ยาศาสตร์ชาวเดนมารก์ ใชค้ วามรเู้ รือ่ ง
การเปลย่ี นแปลงระดับพลังงานของอิเลก็ ตรอนและการเกิดสเปกตรัมชว่ ยสรา้ งแบบจาลองอะตอม
โดยอธบิ ายการเคลอื่ นท่ขี องอิเลก็ ตรอนว่า อิเลก็ ตรอนจะเคลื่อนที่เป็นวงรอบนวิ เคลียสในระดับ
พลงั งานของอิเลก็ ตรอนต่างๆ กัน คลา้ ยดาวเคราะหท์ โ่ี คจรรอบดวงอาทิตย์ในระบบสุรยิ ะ
ซึ่งแต่ละวงจะมีระดับพลงั งานเฉพาะตัว ระดบั พลงั งานต่าสุดอยใู่ กลน้ ิวเคลียส เรยี กวา่
ระดบั พลังงาน K และระดบั พลังงานถดั ไป เรียกว่า L, M, N, O, P และ Q ตามลาดบั
ภาพท่ี 7 นีลส์ โบร์ และแบบจาลองอะตอมของโบร์
ทีม่ า : http://www.rmutphysics.com/charud/oldnews/228/index228.htm
แบบจาลองอะตอมแบบกลุม่ หมอก
แบบจาลองอะตอมของโบร์ ใช้อธิบายอะตอมของธาตุไฮโดรเจนซึ่งมีเพยี ง 1 อเิ ลก็ ตรอน
ไดเ้ ท่านน้ั ไม่สามารถอธิบายสเปกตรัมของอะตอมท่ีมีหลายอิเล็กตรอนได้ นักวทิ ยาศาสตรไ์ ด้ศึกษา
เกย่ี วกบั อเิ ลก็ ตรอนและจากการใชค้ วามรทู้ างกลศาสตรค์ วอนตัมสร้างสมการคานวณหาโอกาส
ทีจ่ ะพบอิเล็กตรอนในระดับพลงั งานตา่ งๆ ซงึ่ สามารถอธบิ ายเสน้ สเปกตรัมของธาตทุ ่ีมีหลาย
อิเล็กตรอนได้ และพบว่าอิเลก็ ตรอนเคลอ่ื นทอ่ี ย่างรวดเรว็ ไม่สามารถบอกตาแหนง่ ทีแ่ น่นอน
ของอเิ ลก็ ตรอนได้ แตบ่ อกโอกาสท่ีพบอเิ ลก็ ตรอนบางบรเิ วณไดเ้ ทา่ นัน้ จงึ เสนอว่า อะตอมมลี กั ษณะ
เปน็ กลมุ่ หมอกของอเิ ลก็ ตรอนรอบนวิ เคลียส บรเิ วณท่ีกลมุ่ หมอกหนาทึบเป็นบริเวณที่มีโอกาส
พบอิเล็กตรอนมากกวา่ บริเวณกลุม่ หมอกจาง
ภาพที่ 8 แบบจาลองอะตอมแบบกล่มุ หมอก
ที่มา : http://www.rmutphysics.com/charud/
Oldnews/228/index228.htm
-13-
ทมี่ า : หนังสือเรยี นวชิ าเคมี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 สสวท.
สรปุ ได้วา่
นกั วทิ ยาศาสตรไ์ ดส้ ร้างแบบจาลองอะตอม เพอ่ื อธบิ ายลกั ษณะและสมบัติของอะตอม
ซึ่งประกอบดว้ ย อนุภาคมูลฐาน 3 ชนดิ คอื โปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอน แบบจาลองอะตอม
มพี ัฒนาการตามลาดับ คอื แบบจาลองอะตอมของดอลตัน แบบจาลองของทอมสนั แบบจาลอง
ของรัทเทอรฟ์ อรด์ และแบบจาลองอะตอมแบบกลุม่ หมอก
-14-
กิจกรรมท่ี 1 โครงสรา้ งอะตอม
ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ ธาตุ สารประกอบ
1. สารที่กาหนดใหต้ ่อไปนี้เป็นธาตุหรอื สารประกอบ
ลาดบั สาร
1 Ca
2 H2O
3 He
4 H2
5 NaCl
2. ถา้ แบ่งธาตุ เช่น ทองคาใหม้ ีขนาดเล็กลงเรอ่ื ยๆ จนมขี นาดเลก็ ลงท่ีสดุ ซง่ึ มองไมเ่ หน็ จะเป็นอย่างไร
ก. ทองคาจะหายไปทง้ั หมด
ข. ทองคากลายเปน็ ธาตอุ ื่น
ค. เหลอื อะตอมของทองคา ซ่ึงเล็กจนมองดว้ ยตาเปล่าไม่เห็น
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
3. แบบจาลองอะตอมของนกั วทิ ยาศาสตรใ์ นยคุ หนึ่ง เปน็ ดังรปู จงนาคาท่กี าหนดใหเ้ ติมลงในช่องวา่ ง
ใหถ้ กู ตอ้ ง
-15-
กจิ กรรมท่ี 2 โครงสรา้ งอะตอมเป็นอยา่ งไร
วัตถุประสงคข์ องกิจกรรม
วิเคราะห์และอธบิ ายโครงสร้างอะตอมจากแบบจาลอง
สบื คน้ และสร้างแบบจาลองอะตอม
วธิ กี ารดาเนินกจิ กรรม
1. สังเกตชนิดและการจัดเรียงตัวของอนุภาคภายในอะตอมจากแบบจาลองอะตอม
ของธาตุ ฮีเลียม คารบ์ อน และอะลูมเิ นยี ม บนั ทึกผล
ภาพแบบจาลองอะตอมของธาตุ ฮีเลียม คารบ์ อน และอะลมู เิ นยี ม
2. สบื ค้นโครงสรา้ งอะตอมของธาตทุ ่สี นใจ 1 ธาตุ และสรา้ งแบบจาลอง
3. นาเสนอแบบจาลองอะตอมที่สร้างขนึ้ อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมของธาตนุ ัน้
-16-
แบบบนั ทกึ กิจกรรมท่ี 2 โครงสรา้ งอะตอมเป็นอยา่ งไร
ตารางบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรม จานวนอนุภาค การจดั เรยี งตวั
อะตอมของธาตุ ชนดิ อนุภาคทพี่ บ
ฮเี ลียม
คารบ์ อน
อะลมู เิ นยี ม
ธาตุทสี่ ืบคน้
คาถามท้ายกิจกรรม
1. ชนิดและจานวนของอนภุ าคภายในอะตอมของธาตตุ ่างๆ เหมอื นหรือแตกตา่ งกันอยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
2. การจดั เรยี งตวั ของอนภุ าคต่างๆ ภายในอะตอมของธาตุแตล่ ะชนิดเหมอื นและ
แตกต่างกันอยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
-17-
สรปุ ผลการทากจิ กรรม
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
-18-
กิจกรรมที่ 3 ตรวจสอบความเข้าใจ เร่ือง โครงสรา้ งอะตอม
1. อะตอมหน่งึ มี 7 โปรตอน 7 นวิ ตรอน สว่ นอะตอมทสี่ องมี 7 โปรตอน 8 นวิ ตรอน อะตอมท้ังสองน้ี
เปน็ อะตอมของธาตุชนดิ เดยี วกนั หรือไม่ เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
2. นวิ เคลยี สของธาตุแตล่ ะชนดิ มีประจไุ ฟฟา้ รวมเป็นอย่างไร เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
3. ถ้าอะตอมของธาตุฮเี ลียมมี 2 โปรตอน 2 นิวตรอน และ 2 อิเลก้ ตรอน อะตอมของธาตฮุ ีเลียม
จะมปี ระจไุ ฟฟา้ อะไร เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
-19-
กิจกรรมที่ 4 แผนผังความคิด
เรื่อง โครงสร้างอะตอม
ชื่อ____________________________________________ชั้น__________เลขท่ี__________
หลังจากเรยี น เรื่อง โครงสร้างอะตอม แลว้ เรามาชว่ ยกนั เขยี นแผนผังความคิด
นะคะ
-20-
กจิ กรรมท่ี 1 โครงสรา้ งอะตอม
ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ ธาตุ สารประกอบ
1. สารทกี่ าหนดให้ต่อไปนีเ้ ป็นธาตหุ รอื สารประกอบ
ลาดับ สาร
1 Ca
2 H2O
3 He
4 H2
5 NaCl
2. ถา้ แบง่ ธาตุ เชน่ ทองคาใหม้ ขี นาดเลก็ ลงเร่ือยๆ จนมีขนาดเลก็ ลงท่ีสุดซ่ึงมองไม่เห็นจะเป็นอย่างไร
ก. ทองคาจะหายไปทั้งหมด
ข. ทองคากลายเป็นธาตุอนื่
ค. เหลืออะตอมของทองคา ซึ่งเลก็ จนมองดว้ ยตาเปล่าไม่เหน็
ค. เหลอื อะตอมของทองคา ซึง่ เลก็ จนมองด้วยตาเปล่าไมเ่ หน็
3. แบบจาลองอะตอมของนักวิทยาศาสตร์ในยุคหนึง่ เปน็ ดังรปู จงนาคาทกี่ าหนดให้เตมิ ลงในช่องวา่ ง
ใหถ้ กู ตอ้ ง
อิเลก็ ตรอน นิวเคลียส
ลบ นวิ ตรอน
บวก
-21-
แบบบันทกึ กิจกรรมท่ี 2 โครงสรา้ งอะตอมเป็นอย่างไร
ตารางบันทกึ ผลการทากิจกรรม
อะตอมของธาตุ ชนิดอนภุ าคที่พบ จานวนอนภุ าค การจดั เรียงตวั
ฮเี ลียม โปรตอน 2
นิวตรอน 2 โปรตอนและนวิ ตรอน
อิเล็กตรอน 2 อยใู่ นนิวเคลยี ส บรเิ วณ
คาร์บอน โปรตอน 6 ตรงกลางอะตอม
นิวตรอน 6
อิเลก็ ตรอน 6 อิเลก็ ตรอนอยรู่ อบๆ
นิวเคลยี ส
อะลมู ิเนียม โปรตอน 13
14 โปรตอนและนวิ ตรอน
นิวตรอน 13 อยูใ่ นนิวเคลียส บริเวณ
อเิ ล็กตรอน
3 ตรงกลางอะตอม
ธาตุท่ีสืบค้น โปรตอน 4 อิเลก็ ตรอนอยรู่ อบๆ
(ลเิ ทยี ม) 3
นิวตรอน นิวเคลียส
อิเลก็ ตรอน
โปรตอนและนวิ ตรอน
อย่ใู นนิวเคลียส บริเวณ
ตรงกลางอะตอม
อิเล็กตรอนอย่รู อบๆ
นวิ เคลียส
โปรตอนและนวิ ตรอน
อย่ใู นนวิ เคลยี ส บริเวณ
ตรงกลางอะตอม
อเิ ล็กตรอนอยู่รอบๆ
นวิ เคลียส
คาถามท้ายกิจกรรม
1. ชนิดและจานวนของอนภุ าคภายในอะตอมของธาตตุ ่างๆ เหมือนหรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร
อะตอมของธาตุฮีเลยี ม คารบ์ อน และอะลูมิเนียม ประกอบดว้ ย อนภุ าค 3 ชนิด คอื โปรตอ
นิวตรอน และอเิ ล็กตรอน เหมือนกนั แตแ่ ตกตา่ งกันท่จี านวนอนุภาค โดยฮเี ลียมประกอบด้วย 2
โปรตอน 2 นวิ ตรอน และ 2 อเิ ลก็ ตรอน คารบ์ อน ประกอบดว้ ย 6 โปรตอน 6 นิวตรอน และ 6
อเิ ลก็ ตรอน สว่ นอะลูมิเนียมประกอบด้วย 13 โปรตอน 14 นวิ ตรอน และ 13 อิเลก็ ตรอน
-22-
2. การจัดเรียงตัวของอนุภาคตา่ งๆ ภายในอะตอมของธาตแุ ตล่ ะชนิดเหมอื นและแตกตา่ งกนั อย่างไร
การเรียงตัวของอนุภาคภายในอะตอมของธาตฮุ เี ลียม คาร์บอน และ
อะลูมิเนยี ม เหมือนกนั คือ โปรตอนและนวิ ตรอนอยู่รวมกนั ตรงกลางอะตอม
อเิ ล็กตรอนอย่ใู นท่ีวา่ งรอบๆ และแตกต่างกนั ทีจ่ านวนอนุภาค
สรุปผลการทากจิ กรรม
อะตอมของธาตุ ประกอบดว้ ย โปรตอน (proton) นิวตรอน (neutron) และ
อเิ ล็กตรอน (electron) โดยโปรตอนและนวิ ตรอนอยรู่ วมกันตรงกลางของอะตอม
อิเล็กตรอนอยู่ในท่ีวา่ งรอบๆ แต่ละอนุภาคมีประจุแตกต่างกัน โดยแตล่ ะธาตุ
มจี านวนโปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ลก็ ตรอนแตกต่างกนั แตจ่ านวนโปรตอน
และอเิ ล็กตรอนของแตล่ ะธาตจุ ะเทา่ กัน
-23-
กจิ กรรมท่ี 3 ตรวจสอบความเข้าใจ เรอื่ ง โครงสร้างอะตอม
1. อะตอมหนึง่ มี 7 โปรตอน 7 นิวตรอน สว่ นอะตอมที่สองมี 7 โปรตอน 8 นิวตรอน อะตอมท้ังสองนี้
เปน็ อะตอมของธาตุชนดิ เดียวกันหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
อะตอมทงั้ สองเปน็ อะตอมของธาตุชนดิ เดียวกนั
เพราะมจี านวนโปรตอนเทา่ กนั
2. นวิ เคลยี สของธาตแุ ตล่ ะชนดิ มีประจุไฟฟา้ รวมเปน็ อย่างไร เพราะเหตใุ ด
นวิ เคลียสของธาตุแต่ละชนดิ มีประจุไฟฟ้าบวก เน่อื งจาก ประกอบด้วยโปรตอน
ซ่งึ มีประจบุ วก และนิวตรอนซง่ึ เปน็ กลางทางไฟฟ้า
เมื่ออยู่รวมกันจงึ เป็นประจุไฟฟ้าบวก
3. ถ้าอะตอมของธาตุฮีเลียมมี 2 โปรตอน 2 นวิ ตรอน และ 2 อเิ ล้กตรอน อะตอมของธาตฮุ ีเลยี ม
จะมปี ระจไุ ฟฟา้ อะไร เพราะเหตุใด
อนุภาคของธาตฮุ เี ลียมจะเป็นกลางทางไฟฟ้า เน่ืองจาก
มีอนภุ าคท่ีมปี ระจบุ วก 2 อนุภาค อนุภาคทเ่ี ปน็ กลาง 2 อนุภาค
และอนภุ าคทม่ี ปี ระจุลบ 2 อนภุ าค เมอ่ื อยู่รวมกนั จึงเปน็ กลางทางไฟฟ้า
-24-
กจิ กรรมที่ 4 แผนผงั ความคดิ
เรื่อง โครงสร้างอะตอม
ชื่อ____________________________________________ชั้น__________เลขที่__________
หลงั จากเรยี น เรือ่ ง โครงสรา้ งอะตอม แลว้ เรามาช่วยกันเขยี นแผนผงั ความคิด
นะคะ
พิจารณาจากผลงานของนกั เรยี น
สามารถเขยี นได้หลากหลายตามความคดิ ของแตล่ ะคน
-25-
แบบทดสอบหลงั เรียน
เรอ่ื ง โครงสร้างอะตอม
คาส่งั ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถกู ท่ีสุดเพียงคาตอบเดยี ว แล้วทาเครือ่ งหมายกากบาท (X)
ลงในกระดาษคาตอบ
1. การรวมกันของธาตตุ ้ังแต่ 2 ชนดิ ขน้ึ ไปโดยมอี ัตราส่วนทีค่ งทจ่ี ะเกิดเปน็ สารใด
ก. ธาตุ
ข. สารประกอบ
ค. สารละลาย
ง. สารผสม
2. สารทก่ี าหนดใหใ้ นขอ้ ใดจดั เป็นธาตทุ ัง้ หมด
ก. จุนสี ดีบกุ สารหนู
ข. ปรอท ทองแดง เกลือแกง
ค. ทองคา กามะถนั อลมู เิ นยี ม
ง. ทองเหลอื ง ไอโอดนี แคดเมียม
3. “มีมวลนอ้ ยมาก วิ่งอยู่รอบนิวเคลยี สของอะตอมและมปี ระจลุ บ” ขอ้ ความขา้ งตน้
กลา่ วถึงข้อใด
ก. โปรตอน
ข. นวิ ตรอน
ค. อเิ ลก็ ตรอน
ง. โปรตอนและนิวตรอน
4. ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ งเก่ยี วกบั สารประกอบ
ก. ประกอบด้วยอะตอมของธาตชุ นิดเดียวกันทัง้ หมด
ข. ประกอบด้วยธาตตุ ้งั แต่ 2 ชนดิ ขึ้นไป มารวมตัวกนั ดว้ ยอตั ราส่วนเท่าใดกไ็ ด้
ค. ประกอบดว้ ยธาตอุ ยา่ งน้อย 3 ชนิดขึ้นไปมารวมตวั กนั ด้วยอัตราส่วนโดยมวล
คงท่ี
ง. ประกอบด้วยธาตุตงั้ แต่ 2 ชนิดขึ้นไปมารวมตัวกัน มสี มบัติแตกตา่ งจากธาตเุ ดมิ
ท่เี ป็นองคป์ ระกอบ
5. นักวิทยาศาสตร์ใช้เกณฑ์ใดในการจาแนกสารให้อยูใ่ นหมวดหมูเ่ ดยี วกนั
ก. มเี ลขอะตอมเทา่ กัน
ข. มีเลขมวลเทา่ กนั
ค. มอี เิ ล็กตรอนเทา่ กัน
ง. มีสมบตั คิ ลา้ ยคลงึ กัน
-26-
6. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ ธาตไุ ด้ถกู ตอ้ ง
ก. ธาตทุ กุ ชนิดสามารถนาไฟฟ้าได้
ข. ธาตุแบ่งออกเปน็ 2 ชนดิ ได้แก่ โลหะ และอโลหะ
ค. โซเดียมคลอไรดแ์ ละโพแทสเซียมออกไซดเ์ ป็นธาตุ
ง. ไมส่ ามารถทาให้ธาตุแตกตัวเป็นสารอื่นได้
7. ขอ้ ใดต่อไปนีเ้ ปน็ สารประกอบ
ก. เกลือแกง
ข. น้าเชื่อม
ค. แอลกอฮอล์
ง. ทิงเจอร์ไอโอดีน
8. แบบจาลองอะตอมของใครที่กล่าววา่ อะตอมมนี วิ เคลียสอยู่ตรงกลางมีอิเล็กตรอน
วิง่ อยรู่ อบนวิ เคลียส
ก. แบบจาลองอะตอมของดอลตัน
ข. แบบจาลองอะตอมของทอมสัน
ค. แบบจาลองอะตอมของรทั เทอรฟ์ อรด์
ง. แบบจาลองอะตอมของโบร์
9. สารในขอ้ ใดแตกต่างจากข้ออื่น
ก. แก๊สออกซเิ จน
ข. เกลือแกง
ค. โซดาไฟ
ง. โซเดยี มคารบ์ อเนต
10. ธาตใุ นหมูเ่ ดียวกันมสี ่งิ ใดเหมอื นกัน
ก. จานวนโปรตอน
ข. จานวนนวิ ตรอน
ค. จานวนอิเล็กตรอน
ง. จานวนเวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอน
-27-
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
เรอ่ื ง โครงสรา้ งอะตอม
คาช้แี จง
1. เกณฑก์ ารประเมิน แบบทดสอบมจี านวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน ดงั น้ี
2. ระดับคุณภาพ ดี หมายถึง ได้คะแนน 8 - 10 คะแนน
พอใช้ หมายถงึ ไดค้ ะแนน 5 - 7 คะแนน
ปรบั ปรงุ หมายถึง ได้คะแนน 0 - 4 คะแนน
ขอ้ คาตอบ
1ง
2ค
3ค
4ก
5ง
6ค
7ง
8ข
9ง
10 ก
-28-
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน
เร่อื ง โครงสรา้ งอะตอม
คาช้แี จง
1. เกณฑก์ ารประเมิน แบบทดสอบมจี านวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน ดงั นี้
2. ระดบั คุณภาพ ดี หมายถงึ ได้คะแนน 8 - 10 คะแนน
พอใช้ หมายถงึ ได้คะแนน 5 - 7 คะแนน
ปรับปรงุ หมายถงึ ไดค้ ะแนน 0 - 4 คะแนน
ขอ้ คาตอบ
1ข
2ค
3ค
4ง
5ง
6ง
7ก
8ค
9ก
10 ง
-29-
บรรณานุกรม
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย,ี กระทรวงศึกษาธกิ าร. คูม่ อื ครู รายวชิ าพืน้ ฐาน
วทิ ยาศาสตร์ เลม่ 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1. กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, 2562.
. หนังสอื เรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เลม่ 1 ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1. กรงุ เทพฯ :
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2562.
. หนังสอื เรียน รายวิชาเคมี เลม่ 1 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4. กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณ์
มหาวิทยาลยั , 2562.
แบบจาลองอะตอมของดอลตนั . [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ได้จาก http://www.thaigoodview.com/
library/studentshow/2549/bangkok/sathit_cu/Atomic_structure/Learn/
dalton.htm. 22 พฤษภาคม 2564.
แบบจาลองอะตอมของทอมสนั . [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.vcharkarn.com/
varticle/42674. 22 พฤษภาคม 2564.
แบบจาลองอะตอมของรทั เทอรฟ์ อร์ด. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก http://www.promma.ac.th/
main/chemistry/jutamas/lesson/rutherford.htm. 22 พฤษภาคม 2564.
แบบจาลองอะตอมของโบร์และแบบจาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก. [ออนไลน]์ เข้าถงึ ไดจ้ าก
http://www.rmutphysics.com/charud/oldnews/228/index228.htm.
22 พฤษภาคม 2564.