ก
คานา
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การจาแนกและองค์ประกอบของสารบริสทุ ธิ์ รายวิชา
วิทยาศาสตร์ 1 รหสั วิชา ว21101 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ไดจ้ ดั ทาขนึ้ ใหส้ อดคล้องกับธรรมชาตขิ องวชิ าและสอดคล้องกบั การจัด
กจิ กรรมการเรียนรู้กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหลกั สูตรการศึกษา
ข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ปรับปรุง พ.ศ. 2560) เพื่อให้นักเรยี นสามารถนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสม ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ชดุ น้ี ผูส้ อนไดจ้ ดั ทาขึ้นเพอ่ื เป็นคูม่ อื ในการจัดกจิ กรรม
การเรยี นรู้โดยใช้ร่วมกบั แผนการจัดการเรียนรู้ เพือ่ ให้นักเรยี นใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์สืบ
เสาะหาความรู้และสร้างความรู้ใหม่ สามารถคดิ วิเคราะห์ ส่ือสารให้เขา้ ใจตรงกนั
มีจิตวิทยาศาสตร์ ตลอดจนเช่อื มโยง และนาความรู้ไปใช้ในชีวติ ประจาวันได้
การจดั ทาชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง การจาแนกและองค์ประกอบของสารบริสทุ ธ์ิ
รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 1 รหัสวิชา ว21101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 เสร็จสมบรู ณ์ได้ เพราะไดร้ ับความอนเุ คราะห์จากผ้เู ชย่ี วชาญหลายท่านที่ได้
ให้คาปรกึ ษา แนะนา จึงขอขอบพระคุณ ไว้ ณ โอกาสนี้ และหวังเป็นอยา่ งย่งิ วา่ ชดุ กจิ กรรม
การเรยี นรู้ชดุ นี้ จะชว่ ยพฒั นานกั เรียนโรงเรียน.................................. ให้เป็นบุคคลแหง่ การเรยี นรู้
สามารถเรียนรไู้ ด้ตลอดชวี ิตตามเจตนารมณท์ ่ีต้ังไว้
...........................................
ข
คาช้แี จง
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง การจาแนกและองคป์ ระกอบของสารบรสิ ทุ ธิ์ รายวชิ า
วิทยาศาสตร์ 1 รหัสวชิ า ว21101 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เน้อื หาแบ่งออกเป็นเรอ่ื งย่อย ทงั้ หมด 3 ชดุ ดงั นี้
ชุดท่ี 1 เร่ือง การจาแนกสารบรสิ ทุ ธิ์
ชดุ ที่ 2 เรอ่ื ง โครงสร้างอะตอม
ชดุ ที่ 3 เรอ่ื ง การจาแนกธาตแุ ละการใชป้ ระโยชน์
แตล่ ะชดุ ประกอบดว้ ย คานา คาช้แี จง คาแนะนาสาหรับครู คาแนะนาสาหรับนักเรยี น
จุดประสงค์การเรียนรู้ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ใบความรู้ กิจกรรม เฉลยกิจกรรม แบบทดสอบ
หลังเรียน เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น - หลงั เรยี น ซ่งึ จดั ทาขึ้นเพ่อื ใหน้ กั เรยี น
ใชเ้ รียนในห้องเรียน นักเรียนตอ้ งเรียนรู้ด้วยตนเองโดยใช้กระบวนการกลมุ่ ผ้สู อนคอยกากับ
ดูแล และชว่ ยเหลอื กระตุ้นใหผ้ ูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้ เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นได้แลกเปลี่ยนเรยี นรู้
ในขัน้ ตอนการจัดกิจกรรมการเรยี นรูต้ ามแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ผสู้ อนจดั ทาข้ึน
ค
สารบญั
เรอื่ ง หน้า
คานา .................................................................................................................... ก
คาชแ้ี จง ................................................................................................................ ข
สารบัญ ................................................................................................................. ค
คาแนะนาสาหรับครู ............................................................................................. 1
คาแนะนาสาหรับนักเรยี น .................................................................................... 3
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ .......................................................................................... 4
แบบทดสอบกอ่ นเรียน ......................................................................................... 5
ใบความรู้ ............................................................................................................. 7
กิจกรรมท่ี 1 ....................................................................................................... 12
กจิ กรรมท่ี 2 ....................................................................................................... 16
กิจกรรมที่ 3 ....................................................................................................... 18
กจิ กรรมที่ 4 ....................................................................................................... 21
เฉลยกิจกรรมท่ี 1 ............................................................................................... 22
เฉลยกจิ กรรมที่ 2 ............................................................................................... 24
เฉลยกิจกรรมท่ี 3 ............................................................................................... 26
เฉลยกจิ กรรมที่ 4 ............................................................................................... 29
แบบทดสอบหลังเรียน ......................................................................................... 30
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ................................................................................ 32
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ................................................................................ 33
บรรณานุกรม ...................................................................................................... 34
-1-
คาแนะนาสาหรับครู
การใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การจาแนกและองคป์ ระกอบของสารประสุทธิ์
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 1 รหัสวชิ า ว21101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ผู้สอนมบี ทบาทดังนี้
1. ศกึ ษาคู่มือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ เร่ือง การจาแนกและองคป์ ระกอบ
ของสารประสทุ ธ์ิ ให้เขา้ ใจ
2. เตรียมความพรอ้ มนกั เรยี นกอ่ นการเรยี นโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้
3. เตรียมชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ วัสดุ อปุ กรณ์ และสิง่ ของท่ีระบไุ ว้
ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้และแบบบันทึกกจิ กรรมประจาชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ให้พร้อม
4. แนะนาขัน้ ตอนการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวปฏิบัติ ให้นักเรียนรบั ทราบ
โดยละเอียด
5. กอ่ นการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์
ทางการเรียนกอ่ นเรยี น เร่อื ง การจาแนกและองค์ประกอบของสารประสุทธ์ิ จานวน 20 ข้อ
เพอ่ื วัดความรูพ้ ื้นฐานก่อนเรยี น
6. ครตู รวจแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนกอ่ นเรยี น แจง้ คะแนน
ใหน้ กั เรียนทราบ
7. จัดกิจกรรมการเรียนรใู้ ห้เปน็ ไปตามทกี่ าหนดในชุดกิจกรรมการเรียนรู้แตล่ ะชดุ
อย่างเคร่งครัด ครคู อยกากบั ดแู ลนักเรยี นอยา่ งใกล้ชิดขณะจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
8. หลงั จากทากจิ กรรมการเรียนรูเ้ สร็จแล้ว ให้นกั เรียนเก็บวัสดุ อุปกรณ์
ประกอบชดุ กิจกรรมการเรียนรใู้ หเ้ รียบรอ้ ย
9. บนั ทึกคะแนนจากการทากิจกรรมในชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ตามเกณฑ์การวัด
และประเมนิ ผลท่ีระบใุ นแผนการจดั การเรียนรู้
10. หลงั จากนักเรียนทากิจกรรมในชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง การจาแนกและ
องคป์ ระกอบของสารประสุทธิ์ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 1 รหสั วชิ า ว21101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ครบทง้ั 3 ชุด แล้วใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบ
วดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นหลังเรยี น เรอื่ ง การจาแนกและองคป์ ระกอบของสารประสทุ ธ์ิ จานวน
30 ขอ้
-2-
11. ครูตรวจแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นหลงั เรียน เรื่อง การจาแนก
และองค์ประกอบของสารประสุทธ์ิ เปรียบเทยี บคะแนนกอ่ นเรยี นและหลังเรียน แจง้ คะแนน
ให้นกั เรียนทราบ
12. ในกรณที ่นี ักเรียนทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่อื ง การจาแนก
และองคป์ ระกอบของสารประสุทธ์ิ ไมผ่ ่านเกณฑ์ประเมนิ รอ้ ยละ 80 ให้นักเรียนกลบั ไปศึกษา
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ ที่นักเรยี นยังพัฒนาไม่ถงึ เกณฑ์ แลว้ ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี น เรื่อง การจาแนกและองค์ประกอบของสารประสุทธ์ิ อกี ครงั้ จนนกั เรยี นผ่านเกณฑ์
-3-
คาแนะนาสาหรับนักเรยี น
1. ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง การจาแนกและองค์ประกอบของสารประสุทธ์ิ
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 1 รหัสวชิ า ว21101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ชดุ น้ี คอื ชุดท่ี 3 เรอ่ื ง การจาแนกธาตแุ ละการใช้ประโยชน์
2. ตรวจสอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้วา่ ครบถว้ นหรือไม่ ถ้าไมค่ รบถ้วนต้องแจง้
ครูผู้สอนทนั ที
3. ศกึ ษาจุดประสงค์การเรยี นรู้ของชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ กอ่ นที่จะเร่มิ ศกึ ษา
หาความรู้ในลาดบั ต่อไป
4. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น จานวน 10 ข้อ
5. ศึกษาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ยตนเองตามลาดบั ที่จัดไว้ในชุดกจิ กรรมการเรียนรู้
เม่ือเขา้ ใจแล้วทากจิ กรรมใหค้ รบทุกกิจกรรม
6. ศกึ ษาชุดกจิ กรรมการเรียนร้ดู ว้ ยความเอาใจใส่ และมีความซ่ือสตั ย์ไมเ่ ปิดดูเฉลยกอ่ น
7. เมอื่ ศึกษาเนื้อหาและทากจิ กรรมในชดุ กิจกรรมการเรียนรเู้ สร็จแล้ว ตรวจสอบ
ความถูกตอ้ งจากเฉลย
8. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน จานวน 10 ขอ้
9. ในกรณที ่นี ักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นไดไ้ ม่ถึง 8 ข้อ ใหน้ กั เรียนย้อนกลบั ไป
ศกึ ษาชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ชุดนใ้ี หม่ แล้วทาแบบทดสอบหลงั เรยี นอีกครัง้ จนกวา่ จะไดค้ ะแนน
ตามเกณฑ์
10. เม่ือมปี ญั หาใด ๆ เชน่ ไม่เข้าใจเน้ือหา สามารถขอคาแนะนาจากครูได้
ตลอดเวลา
-4-
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
เม่อื นกั เรยี นศึกษาเร่ือง การจาแนกธาตุและการใช้ประโยชน์ นักเรียนสามารถ
1. อธบิ ายสมบตั ทิ างกายภาพบางประการของธาตุโลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ
รวมทัง้ จดั กลุ่มธาตุเปน็ โลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะได้
2. วิเคราะห์และสรปุ ผลจากการใชธ้ าตโุ ลหะ อโลหะ กงึ่ โลหะ
และธาตุกมั มันตรงั สีได้
3. นาเสนอแนวทางการใช้ธาตุได้อย่างปลอดภัย และคมุ้ คา่
-5-
แบบทดสอบก่อนเรียน
เร่อื ง การจาแนกธาตแุ ละการใชป้ ระโยชน์
คาส่งั ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบท่ีถูกทีส่ ดุ เพยี งคาตอบเดียว แลว้ ทาเคร่อื งหมายกากบาท (X)
ลงในกระดาษคาตอบ
1. ขอ้ ใดไม่ใชส่ มบัตขิ องธาตโุ ลหะ
ก. เปราะ
ข. ดงึ เปน็ เสน้ ได้
ค. มีความมนั วาว
ง. นาไฟฟา้ และนาความร้อนไดด้ ี
2. ข้อใดไมถ่ ูกตอ้ งเกี่ยวกับการนาธาตไุ ปใช้
ก. ทองแดง เปน็ โลหะทใี่ ช้ทาสายไฟฟ้า เพราะนาไฟฟา้ ไดด้ ี
ข. ซิลคิ อน เปน็ โลหะที่ใชใ้ นอปุ กรณอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์ เพราะมีสมบตั เิ ปน็ สารก่ึงตวั นา
ค. เหลก็ เป็นโลหะท่ีใชท้ าเคร่อื งจกั ร เพราะรับนา้ หนักไดแ้ ละคงทนต่อการสึกหรอ
ง. ไนโตรเจน เปน็ อโลหะทใ่ี ชใ้ นปุ๋ยเรง่ ผลผลติ ทางการเกษตร เพราะเป็น
ส่วนประกอบท่ีสาคัญของพืช
3. แคลเซยี มเป็นของแขง็ มจี ุดหลอมเหลว 842 องศาเซลเซียส มีจุดเดอื ด 1,484
องศาเซลเซียส นาไฟฟา้ ไดด้ ี แคลเซยี มจัดเป็นธาตกุ ลุม่ ใด
ก. โลหะ
ข. อโลหะ
ค. กงึ่ โลหะ
ง. สารประกอบ
4. ข้อใดบอกประโยชนข์ องธาตุกัมมันตรังสีไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. I-131 ใชท้ าลายเซลลม์ ะเร็ง
ข. C-14 ใช้คานวณหาอายวุ ัตถโุ บราณ
ค. U-235 ใชต้ รวจความผดิ ปกติของตอ่ มไทรอยด์
ง. Co-60 ใช้เปน็ เชอื้ เพลิงในโรงงานไฟฟ้านวิ เคลียร์
-6-
5. “เปน็ แก๊สท่มี ีความสาคญั ในการหายใจของสิ่งมชี ีวติ และช่วยในการเผาไหม้” ขอ้ ความ
ขา้ งตน้ กล่าวถงึ แก๊สทีเ่ กิดจากธาตใุ นขอ้ ใด
ก. H
ข. N
ค. O
ง. He
6. ธาตุในขอ้ ใดตอ่ ไปนส้ี ามารถตีเป็นแผ่นหรือยดื เปน็ เสน้ ได้
ก. ออกซเิ จน
ข. ไฮโดรเจน
ค. ฟอสฟอรัส
ง. ลิเทียม
7. ขอ้ ใดต่อไปน้ีไมถ่ กู ตอ้ งเก่ยี วกับธาตุอโลหะ
ก. เคาะแล้วไมด่ งั กงั วาน
ข. มคี วามหนาแนน่ ตา่
ค. ขดั ผวิ เปน็ มันวาว
ง. มีทงั้ 3 สถานะอณุ หภูมิปกติ
8. ข้อใดไมใ่ ชล่ กั ษณะสาคญั ของธาตุกัมมนั ตรงั สี
ก. เปน็ ธาตทุ สี่ ามารถแผ่รังสีได้
ข. เปน็ ธาตุทีม่ ีพลังงานสงู
ค. เปน็ ธาตุทไี่ ม่เสถียร
ง. เปน็ ธาตุที่มีขนาดใหญ่
9. ปรากฎการณ์ท่ธี าตุแผร่ งั สอี อกมา เรียกว่าอะไร
ก. ธาตุกัมมันตรังสี
ข. สารกัมมนั ตรังสี
ค. กมั มันตภาพรังสี
ง. สารกัมมันตภาพรงั สี
10. ขอ้ ใดตอ่ ไปนถ้ี ูกตอ้ ง
ก. I-131 ใชต้ รวจตบั และไขกระดูก
ข. Na-24 ใช้ตรวจอตั ราการไหลเวียนของเลือด
ค. C-14 ใช้วินิจฉยั โรคเก่ยี วกับตอ่ มไทรอยด์
ง. Co-60 ใช้หาอายุวัตถโุ บราณ
-7-
ใบความรู้
ภาพท่ี 1 สายไฟทองแดงและสายไฟอะลูมเิ นียม
ที่มา : หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 สสวท.
สายไฟบางชนิดทาจากธาตทุ องแดง บางชนิดทาจากอะลมู เิ นียม เนือ่ งจากธาตุทงั้ สอง
มีสมบตั กิ ารนาไฟฟา้ ความแข็งแรงและเหนยี วใกล้เคยี งกัน แตแ่ ตกตา่ งกนั ที่ความหนาแน่นและราคา
เมื่อขนาดหรือปริมาตรเท่ากนั สายไฟอะลูมิเนยี มจะมนี ้าหนกั เบาเปน็ คร่งึ หนึ่งของสายไฟทองแดง และ
มรี าคาถกู กว่า จงึ นยิ มใช้สายไฟอะลมู ิเนยี มภายนอกอาคารท่ตี อ้ งใช้สายไฟยาวๆ ส่วนสายไฟทองแดง
นยิ มใชใ้ นอาคาร
ธาตุแต่ละชนดิ มสี มบตั บิ างประการที่เหมือนกัน และบางประการแตกต่างกัน จงึ สามารถ
ใชส้ มบัติเหลา่ นั้นเป็นเกณฑ์ในการจาแนกธาตไุ ด้ โดยธาตุทม่ี ีสมบตั ิคล้ายกนั จะจดั อยู่ในกล่มุ เดียวกัน
โดยทั่วไปธาตทุ ่มี ีพ้ืนผวิ มนั วาว นาไฟฟา้ และนาความร้อนได้ดี จดุ เดือดและจุดหลอมเหลวสงู เหนียว
สามารถตแี ผ่เปน็ แผน่ หรอื ยืดเป็นเสน้ ได้ จัดเป็นธาตุโลหะ (metal) ส่วนธาตุท่มี พี ้นื ทผี่ วิ ไมม่ ันวาว
นาไฟฟา้ และนาความรอ้ นไดไ้ ม่ดี จุดเดอื ดและจุดหลอมเหลวต่า เปราะ ทุบแลว้ แตก จัดเป็น
ธาตุอโลหะ (non-metal)
การจาแนกธาตเุ ปน็ โลหะ อละอโลหะ พิจารณาจากสมบตั ทิ างกายภาพและสมบัติ
ทางเคมอี ่ืนๆ ร่วมกนั อาจมีธาตุบางชนดิ ที่มสี มบัตสิ ่วนมากเหมอื นธาตุในกลุม่ หนึ่ง แต่มสี มบัติ
เพยี งสว่ นนอ้ ยทีต่ ่างออกไป เชน่ ปรอท มคี วามมันวาว นาไฟฟา้ และการนาความร้อนได้ดี
เหมือนธาตโุ ลหะ แม้จะมจี ุดเดือดและจุดหลอมเหลวตา่ และมีสถานะเปน็ ของเหลว ณ อุณหภมู ิห้อง
ในขณะที่โลหะชนดิ อ่ืนเปน็ ของแขง็ แตน่ ักวิทยาศาสตรย์ งั จดั กลุ่มปรอทเปน็ ธาตุโลหะ ส่วนถ่านไม้
ซึง่ เป็นคารบ์ อนรปู หน่งึ ไม่มันวาว เปราะ ไม่นาไฟฟ้า และไมน่ าความร้อนเหมือนธาตอุ โลหะ แม้จะมี
จุดเดอื ดและจุดหลอมเหลวสงู แตน่ ักวทิ ยาศาสตรย์ ังจดั คารบ์ อนเป็นธาตุอโลหะ เชน่ เดียวกันกับ
แกรไฟต์ ซง่ึ เปน็ คารบ์ อนอีกรปู หนึ่ง สามารถนาความร้อนและนาไฟฟ้าได้ นอกจากนีโ้ ลหะส่วนมาก
มคี วามหนาแนน่ สงู และอโลหะมคี วามหนาแน่นต่า แตโ่ ลหะบางชนดิ มีความหนาแนน่ ต่า เช่น
อะลูมิเนียม โซเดียม
-8-
ภาพท่ี 2 ภาพธาตุโลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะบางชนดิ
ทม่ี า : หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 สสวท.
ธาตบุ างชนิดมีสมบตั ิบางอยา่ งเหมอื นโลหะ และสมบตั บิ างอย่างเหมือนอโลหะ เช่น
พลวง มคี วามมันวาว นาไฟฟ้าเหมือนโลหะ แตเ่ ปราะ และนาความรอ้ นไดไ้ ม่ดี เหมือนอโลหะ
จึงจดั ธาตุที่มสี มบัติกา้ กึง่ ระหว่างโลหะและอโลหะ เป็นก่ึงโลหะ (metalloid) นอกจากพลวงแลว้
ยังมีธาตุกึ่งโลหะอื่นๆ อกี เช่น โบรอน ซลิ ิคอน เจอร์เมเนียม สารหนู และเทลลเู รยี ม ซึ่งธาตุเหลา่ นี้
นาไฟฟ้าไดด้ กี วา่ อโลหะ แต่ไมเ่ ทา่ โลหะ เม่ืออณุ หภูมสิ งู ข้ึนธาตุก่งึ โลหะจะนาไฟฟ้าได้ดีขน้ึ ในขณะที่
โลหะนาไฟฟา้ ไดล้ ดลง ธาตกุ ง่ึ โลหะจึงนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการเป็นสารก่งึ ตัวนา ในวงจรอิเล็กทรอนกิ ส์
นอกจากการจาแนกธาตโุ ดยใช้สมบตั ทิ างกายภาพเปน็ เกณฑ์แลว้ ยงั สามารถจาแนกธาตุ
โดยใช้สมบัติการแผร่ ังสีเป็นเกณฑ์ไดอ้ กี ด้วย ธาตุโลหะ อโลหะ หรอื ก่งึ โลหะบางชนดิ สามารถ
แผ่รังสไี ด้ ธาตุเหล่านเี้ รยกว่า ธาตุกัมมันตรงั สี (radioactive element) เชน่ ยูเรเนยี ม เรดอน
พอโลเนยี ม และการทธ่ี าตแุ ผ่รงั สีออกมาอยา่ งต่อเนื่อง เรียกวา่ กัมมันตภาพรงั สี (radioactivity)
-9-
รังสี หมายถงึ พลังงานทีแ่ ผ่ออกมาจากต้นกาเนดิ
รังสมี ที ้งั ทมี่ องเหน็ ได้ เช่น แสงสีตา่ งๆ และทม่ี องไม่เห็น เชน่
รงั สอี ัลตราไวโอเลต อินฟราเรด คล่ืนวิทยุ และไมโครเวฟ
แหล่งรงั สที ี่สาคัญคือ ดวงอาทติ ย์ ซ่งึ แผ่รังสีมายังโลก
เปน็ แสงสีต่างๆ รังสีอัลตราไวโอเลต และรงั สอี นิ ฟาเรด
ส่วนกัมมันตภาพรงั สี เป็นการแผร่ ังสทื ม่ี ตี ้นกาเนิดจากอะตอม
ของธาตกุ มั มันตรงั สี
ในชวี ติ ประจาวนั มกี ารนาธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ และธาตกุ มั มนั ตรงั สใี ชป้ ระโยชน์
ในด้านต่างๆ ดงั นี้
ธาตุ การใช้ประโยชน์
- ใชใ้ นเครือ่ งจักร อาคาร ภาชนะหงุ ต้ม เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้า
โลหะ - อาจใช้เป็นโลหะผสม เช่น เหลก็ กลา้ ไรส้ นมิ
หรือสเตนเลส สตลี ล์ สารดิ ทองเหลือง
- คารบ์ อน ออกซเิ จน ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั
อโลหะ เป็นสว่ นประกอบสาคญั ของสิ่งมชี ีวิต และเปน็
สว่ นประกอบของป๋ยุ
ก่ึงโลหะ - ใช้ในอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์
ธาตกุ มั มนั ตรังสี โดยเฉพาะซลิ ิคอน
- เปน็ สารกึ่งตัวนา (semiconductor) ซ่ึงนาไฟฟา้ ได้
ไมด่ ที ่อี ุณหภูมหิ อ้ ง แตน่ าไฟฟา้ ไดด้ เี มื่ออณุ หภูมสิ งู ขนึ้
- ใชใ้ นแบตเตอรี่รถยนต์ สารดับเพลงิ แผงเซลล์
แสงอาทติ ย์ แผน่ ซีดี ดวี ีดี และบลเู รย์
- ใช้ทางการแพทย์ เชน่ ใชใ้ นการรักษาโรคมะเร็ง
การถ่ายภาพอวยั วะภายในเพือ่ วนิ ิจฉยั โรค
- ใช้ทางการเกษตร เชน่ การฉายรังสอี าหารเพอื่ ทาลาย
แมลงหรือจุลนิ ทรีย์
- ใชใ้ นอุตสาหกรรม เช่น การตรวจสอบรอยรา้ วในโลหะ
การฉายรังสอี ญั มณี เพ่อื ให้มสี ีสวย เพม่ิ มูลค่า
-10-
นอกจากประโยชนใ์ นดา้ นตา่ งๆ แล้ว ธาตุบางชนิดยังอาจเปน็ อันตรายตอ่ สง่ิ มีชวี ติ
และส่ิงแวดลอ้ มได้ เช่น โลหะบางชนดิ ท่ีใช้ในอุตสาหกรรม เชน่ ตะกวั่ แคดเมยี ม ปรอท ถ้าปนเปือ้ น
ในส่งิ แวดล้อมแล้วเขา้ สรู่ า่ งกายในปริมาณมาก อาจกอ่ ใหเ้ กิดอันตรายต่อ ตบั หัวใจ ไต และ
ธาตุกงึ่ โลหะบางชนิดอาจก่ออันตรายตอ่ รา่ งกาย เช่น สารหนู มีพิษรุนแรงถึงชวี ติ การสูดหายใจ
เอาฝนุ่ ซลิ กิ าซ่ึงประกอบด้วยธาตซุ ลิ คิ อน เป็นสาเหตุของอาการปอดอกั เสบท่พี บในคนงานเหมืองหนิ
ทไ่ี มส่ วมหนา้ กากป้องกนั ขณะปฏิบตั ิงาน
ธาตกุ ัมมนั ตรังสีแต่ละชนดิ ใหร้ งั สที ี่มีพลงั งานแตกต่างกัน บางชนดิ มพี ลงั งานสูง
สามารถผา่ นโลหะได้ บางชนิดไมส่ ามารถผ่านโลหะแตส่ ามารถผ่านรา่ งกายของส่งิ มีชวี ิตได้
บางชนดิ ไมส่ ามารถผ่านรา่ งกายของส่ิงมชี ีวติ หรือแผ่นกระดาษบางๆ ได้ ผู้เช่ยี วชาญ
ทางรังสีจะควบคมุ ปรมิ าณของรังสีดว้ ยความระมดั ระวงั และมกี ารติดสัญลักษณ์เตอื นภัย
เกยี่ วกบั กัมมันตรงั สีในกรณที ่พี บวตั ถหุ รือสถานทท่ี ่มี ีสัญลกั ษณด์ ังกล่าว ควรอย่ใู หห้ ่างจาก
บริเวณทม่ี กี ารแผ่รงั สี หรือกาบังด้วยวสั ดุทก่ี ันรงั สี เช่น แผ่นตะกว่ั คอนกรีต
นักวิทยาศาสตร์จัดกลุ่มธาตุตามสมบตั ิทางกายภาพเปน็ โลหะ อโลหะ
และกึง่ โลหะ ธาตโุ ลหะ มผี ิวมนั วาว นาความรอ้ นและนาไฟฟา้ ไดด้ ี เหนียว
มีจดุ เดอื ดและจุดหลอมเหลวสงู อาจมีความหนาแน่นสงู หรอื ต่า ธาตุอโลหะ มีผิวไมม่ ันวาว
ไม่นาความรอ้ น ไม่นาไฟฟ้า เปราะ มีจดุ เดือดจุดหลอมเหลวตา่ และมคี วามหนาแน่นตา่
ธาตุกึ่งโลหะ มสี มบตั ิบางประการเหมอื นโลหะ และสมบตั ิบางประการเหมอื นอโลหะ
สมบตั ิ โลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ
การนาไฟฟ้า นาไฟฟ้าได้ นาไฟฟ้า
และนาความรอ้ น และนาความร้อนไดด้ ี และนาความร้อนไมด่ ี สมบัตบิ างอยา่ ง
เหมอื นโลหะ บางอย่าง
จดุ เดอื ด สูง ต่า
จดุ หลอมเหลว (ยกเวน้ ปรอท) (ยกเว้น คารบ์ อน) เหมอื นอโลหะ
ความเปราะ เหนียว ไมป่ ราะ เปราะ
ความมันวาว มันวาว ไม่มันวาว
ความหนาแนน่ สงู และต่า ต่า
ธาตุโลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ และธาตุกัมมนั ตรังสี สามารถนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ดแ้ ตกต่างกนั
และการใช้ธาตบุ างชนดิ อาจกอ่ ใหเ้ กิดอนั ตรายตอ่ สิง่ มชี วี ิตหรอื สิ่งแวดลอ้ ม
-11-
ธาตโุ ลหะหายาก
ธาตุโลหะหายาก เชน่ อติ เทรยี ม สแกนเดียม แลนทานัม นโี อตเิ มียม เป็นโลหะ
ทม่ี ปี รมิ าณนอ้ ยเกนิ กวา่ จะมกี ารลงทนุ ทาเหมอื งเพอ่ื สกดั แรเ่ หล่าน้โี ดยเฉพาะ สว่ นมากพบธาตโุ ลหะ
หายากอยู่ร่วมกับโลหะอ่นื หรือธาตกุ ัมมนั ตรงั สี การสกัดแรโ่ ลหะหายากมาใช้มักมผี ลกระทบ
ต่อส่งิ แวดลอ้ ม ในปจั จุบนั เรมิ่ มีการใชธ้ าตุโลหะหายากมากข้นึ ในอุปกรณส์ ่ือสาร เชน่ จอสี
วงจรอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ลาโพง ระบบสัน่ ของสมารต์ โฟน แม่เหลก็ สาหรบั กังหันลมทผี่ ลิตกระแสไฟฟา้
สายไฟเบอรอ์ อพติกสาหรบั อนิ เทอร์เน็ต โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เลเซอร์ ขีปนาวุธ เลนสก์ ล้อง
หลอดไฟฟลูออเรสเซนส์ หลอด LED รถยนต์ไฮบรดิ
เนอ่ื งจากใช้ธาตโุ ลหะหายากในปริมาณมากขน้ึ อาจเกิดการขาดแคลนธาตเุ หลา่ นี้
ในอนาคต นกั เทคโนโลยจี งึ ไดพ้ ฒั นาอุปกรณ์สอ่ื สารใหใ้ ชธ้ าตุโลหะหายากในปริมาณน้อยลง ปรบั ปรงุ
กระบวนการนากลับมาใช้ใหม่ (recycle) ประกอบกบั มกี ารเปดิ เหมืองแรเ่ พ่ิมข้นึ เพ่ือหลกี เล่ียง
วิกฤติการขาดแคลนธาตุโลหะหายาก
ภาพที่ 3 สมารต์ โฟนใชธ้ าตุโลหะหายากอย่างน้อย 8 ธาตุ เป็นส่วนประกอบสาคญั
ของจอสี ลาโพงและระบบส่ัน
ท่มี า : https://bestreview.asia/the-best-android-tablet/
-12-
กิจกรรมที่ 1 เราจาแนกธาตุได้อย่างไร
วัตถุประสงค์ของกจิ กรรม
ทดสอบและเปรียบเทียบสมบตั ิทางกายภาพของธาตุ เพื่อใช้ในการจาแนกธาตุ
วัสดุและอปุ กรณ์
1. ตัวอย่างธาตตุ ่างๆ ได้แก่ อะลมู เิ นยี ม 5. คอ้ นยางขนาดเล็ก
เหลก็ ทองแดง สังกะสี กามะถัน ถ่านไม้ 6. ถงุ พลาสตกิ ขนาดเลก็
7. แว่นตานิรภยั
2. หลอดไฟ 2.5 V 8. กระดาษทราย
3. สายไฟ พร้อมคลปิ ปากจระเข้
4. แบตเตอร่ี 1.5 V
วธิ กี ารดาเนนิ กจิ กรรม
1. สังเกตลักษณะภายนอกของธาตุ รวมท้ังความมันวาว โดยใชก้ ระดาษทรายขดั พื้นผวิ
ตัวอย่างธาตบุ ริเวณเลก็ ๆ และบนั ทึกผลในตารางท่ีออกแบบไว้
2. ทดสอบการนาไฟฟา้ ของธาตตุ า่ งๆ โดยตอ่ กบั วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ดังภาพ บนั ทึกผล
ภาพการต่อวงจรเพอ่ื ทดสอบการนาไฟฟา้
3. ทดสอบความเหนียวของธาตุ โดยบรรจตุ ัวอย่างธาตุในถงุ พลาสติกขนาดเล็ก
แล้วทบุ ด้วยค้อนยาง สงั เกตการณเ์ ปลีย่ นแปลง บันทึกผล
4. คดั ลอกข้อมูลจดุ เดือด จดุ หลอมเหลว และการนาความร้อน จากหนังสือเรยี น
ลงในตารางบนั ทึกผล
5. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพของธาตุตา่ งๆ ในตาราง บันทึกผล
-13-
ตารางจดุ เดือด จุดหลอมเหลว ความหนาแนน่ และการนาความรอ้ นของธาตุต่างๆ
ที่ ธาตุ จุดเดอื ด (0C) จุดหลอมเหลว (0C) การนาความร้อน
1 อะลูมิเนยี ม 2,467 660 นาความรอ้ นได้ดี
2 เหลก็ 2,750 1,535 นาความร้อนได้ดี
3 ทองแดง 2,567 1,083 นาความร้อนได้ดี
4 สงั กะสี 907 420 นาความร้อนไดด้ ี
5 กามะถัน 445 113 ไมน่ าความรอ้ น
6 ถ่านไม้ - 3,500 ไม่นาความร้อน
6. จาแนกธาตุโดยใช้สมบัตทิ างกายภาพตอ่ ไปนีเ้ ปน็ แกณฑร์ ่วม ได้แก่ ความมันวาว
การนาไฟฟ้า ความเหนยี ว จดุ เดือด จดุ หลอมเหลว และการนาความร้อน บนั ทึกผล
-14-
แบบบันทึกกจิ กรรมท่ี 1 เราจาแนกธาตไุ ดอ้ ย่างไร
ตารางบันทึกผลการทากจิ กรรม
ชอ่ื ธาตุ ลักษณะภายนอก ผลการสังเกต จดุ การนา
หลอม ความ
อะลมู เิ นียม สถานะ สี ความ การนา ความ จุดเดอื ด เหลว ร้อน
เหล็ก มันวาว ไฟฟา้ เหนยี ว
ทองแดง
สงั กะสี
กามะถนั
ถ่านไม้
คาถามทา้ ยกิจกรรม
1. ธาตใุ ดบ้างทีม่ ีสมบัตคิ วามมนั วาว การนาไฟฟ้า และความเหนยี ว เหมือนกัน
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
2. เม่อื จาแนกธาตโุ ดยใชส้ มบตั ติ อ่ ไปนี้เปน็ เกณฑร์ ่วมกัน ไดแ้ ก่ ความมันวาว การนาไฟฟา้
ความเหนยี ว จดุ เดือด จุดหลอมเหลว และการนาความร้อน จะได้ผลการจาแนกเปน็ อยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
1. วิเคราะห์สตู รของ
สารแล้วระบปุ ระเภทของสารประกอบวา่ เปน็ กรด เบส หรอื เกลือ กรณีทเี่ ปน็ สารประเภทกรดใหร้ ะบุ
-15-
สรปุ ผลการทากจิ กรรม
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
-16-
กจิ กรรมท่ี 2 การนาธาตุไปใช้มีผลอยา่ งไรบ้าง
วัตถุประสงค์ของกิจกรรม
รวบรวม วเิ คราะหข์ อ้ มูล และนาเสนอผลจากการใช้ธาตบุ างชนิด
วิธีการดาเนนิ กจิ กรรม
1. อา่ นข้อมูลการทาเหมอื งแรโ่ พแทซเพอ่ื นาธาตุโพแทสเซียมไปใชใ้ นการผลิตปุย๋ เคมี
ในแผนภาพ
2. รวบรวมและวิเคราะหข์ อ้ มลู เพ่ือสรปุ และนาเสนอแนวทางการใชธ้ าตอุ ย่างปลอดภยั คมุ้ ค่า
การทาเหมืองแรโ่ พแทซเพ่ือนาธาตโุ พแทสเซียมไปใช้ในการผลิตปุ๋ยเคมี
1. ถา้ บรษิ ทั ได้รับอนญุ าตใหท้ าเหมือง บริษัทจะต้องจา่ ยเงินใหร้ ฐั บาลเพอื่ ไปใช้พัฒนาทอ้ งถิ่น
ข้อดี .......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
ขอ้ เสยี ...................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
2. การขุดเหมืองและจา้ งงาน
บรษิ ัทเหมอื งแร่จา้ งคนงานและใช้เครือ่ งจกั รจานวนมาก เพ่ือขุดเหมืองและลาเลยี งแร่
ออกมาจากป่าไม้
ข้อดี .......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
ขอ้ เสีย ...................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
3. การใช้ดิน
บริษัทเหมอื งแรจ่ ้างคนงานและใช้เครอ่ื งจกั รจานวนมาก เพ่ือขุดเหมอื งและลาเลียงแร่
ออกมาจากป่าไม้
ข้อดี .......................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
ข้อเสีย ...................................................................................................................................
...................................................................................................................................... .........................
-17-
4. การใช้นา้ และพลงั งานไฟฟ้า
เหมืองแร่ใชน้ ้าและพลงั งานไฟฟ้าในการลา้ งแร่ และใช้ในท่ีอยอู่ าศัยของคนงาน ควรมกี าร
จดั การน้าใช้กอ่ นปลอ่ ยคืนสแู่ หลง่ น้า และการวางแผนการจา่ ยไฟฟ้าใหเ้ พียงพอ
ข้อดี .......................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
ข้อเสีย ...................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
5. โรงงาน
เม่อื แร่มาถงึ โรงงาน จะถูกนาไปผลติ เปน็ ปุ๋ยเคมี ทาให้เกษตรกรไดใ้ ชป้ ุย๋ ดี ราคาถูก และปุ๋ย
บางส่วนอาจสง่ ออกไปขายต่างประเทศ
ขอ้ ดี .......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
ขอ้ เสยี ...................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
คาถามทา้ ยกจิ กรรม
1. จากข้อมูลขา้ งต้น จะเสนอแนะแนวทางการใชธ้ าตุอย่างปลอดภยั คุ้มค่า ได้อยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
สรปุ ผลการทากจิ กรรม
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
-18-
กจิ กรรมท่ี 3 ตรวจสอบความเข้าใจ
เร่ือง การจาแนกธาตุและการใช้ประโยชน์
ให้นักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้
1. จากภาพแทง่ เหลก็ แทง่ ทองแดง และแท่งทองคาท่มี ีขนาดและปริมาตร 10 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร
เท่ากนั จงเขียนเครอื่ งหมาย หน้าขอ้ ท่ถี กู ต้อง
เม่อื ต่อแท่งทองแดงในวงจรไฟฟา้ ทาใหห้ ลอดไฟในวงจรสวา่ ง แสดงวา่ ทองแดงนาไฟฟ้าได้
เหลก็ มคี วามหนาแน่นสงู กวา่ ทองแดงและทองคา
เมอ่ื ให้ความรอ้ นจนมอี ุณหภมู สิ ูงขึน้ เร่อื ยๆ แท่งทองคาจะหลอมเหลวกอ่ นแทง่ ทองแดง
และแท่งเหลก็
2. ให้นักเรียนเติมขอ้ มลู เกี่ยวกบั การใชป้ ระโยชน์ธาตุ ลงในตารางให้สมบูรณ์
ธาตุโลหะ ธาตุอโลหะ ธาตกุ ่ึงโลหะ ธาตกุ ัมมนั ตรงั สี
.................................... .................................... .................................... ....................................
.................................... .................................... .................................... ....................................
.................................... .................................... .................................... ....................................
.................................... .................................... .................................... ....................................
.................................... .................................... .................................... ....................................
.................................... .................................... .................................... ....................................
3. ธาตโุ ลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ และธาตกุ มั มันตรังสอี าจก่ออนั ตรายได้อย่างไรบา้ ง
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
-19-
4. จับคู่ธาตแุ ละการใช้ประโยชน์ใหถ้ กู ต้อง โดยใชแ้ ต่ละตวั เลอื กเพยี งครง้ั เดียว
…….. 1. รักษาโรคมะเรง็ บางชนดิ ก. ทองแดง (โลหะ)
…….. 2. ชนิ้ ส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ข. โพแทสเซยี ม (โลหะ)
…….. 3. สายไฟภายในอาคาร ค. ซลิ ิคอน (ธาตกุ ง่ึ โลหะ)
…….. 4. ปุย๋ เคมี ง. เรเดียม (ธาตุกมั มนั ตรังสี)
5. นาขอ้ ความตอ่ ไปน้ีใส่ในชอ่ งว่างของผังมโนทศั น์ใหถ้ กู ตอ้ งและครบถว้ น
ธาตุ สารประกอบ อโลหะ โลหะ ก่ึงโลหะ สารบรสิ ทุ ธิ์
6. ธาตใุ นแตล่ ะกลุ่มมีสมบตั ิทางกายภาพเหมือนหรอื แตกตา่ งกันอย่างไร เขียนอธบิ ายโดยใช้
แผนผังเวนนด์ ังภาพ
สมบตั ิของโลหะ สมบตั ขิ องอโลหะ
7. ให้นักเรยี นเขียนเคร่อื งหมาย หน้าข้อความที่ถูก และเครอื่ งหมาย หนา้ ข้อความที่ผิด
และแกไ้ ขข้อความทผี่ ิดให้ถกู ตอ้ ง
7.1 ธาตตุ า่ งกันรวมตวั กนั เปน็ สารประกอบทาใหไ้ ดส้ ารใหมท่ ี่มสี มบัตแิ ตกตา่ ง
จากธาตุเดิม
…………………………………………………………………………………………………………………………….
-20-
7.2 ธาตุทีส่ ามารถแผ่รงั สีได้ เรียกวา่ ธาตกุ ัมมนั ตรงั สี
…………………………………………………………………………………………………………………………….
7.3 คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน เปน็ สารบรสิ ทุ ธทิ์ ี่ไมส่ ามารถแยกโดยวิธีทางเคมไี ด้อีก
…………………………………………………………………………………………………………………………….
7.4 มลพิษทางอากาศ ได้แก่ แกส๊ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) แกส๊ คาร์บอนมอนอกไซด์
(CO) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นสารประกอบทัง้ สนิ้
…………………………………………………………………………………………………………………………….
7.5 นิกเกลิ มีความมนั วาว แข็ง สามารถนาไฟฟ้า และนาความรอ้ นไดด้ ี จดั เปน็ ธาตุโลหะ
…………………………………………………………………………………………………………………………….
7.6 ปรอทเป็นโลหะ เพราะปรอทไมม่ คี วามมันวาว ไม่นาความรอ้ น และไม่นาไฟฟ้า
…………………………………………………………………………………………………………………………….
7.7 โบรมนี มสี มบัตินาความรอ้ นและนาไฟฟ้าไม่ดี มสี ถานะของเหลว จัดเป็นธาตโุ ลหะ
…………………………………………………………………………………………………………………………….
8. การผลิตกระปอ๋ งน้าอัดลมโดยการรีไซเคลิ อะลูมิเนียม ใช้พลงั งานนอ้ ยกว่าการผลติ กระป๋องจากแร่
ที่สกัดใหมถ่ ึง 20 เท่า แนวทางการใชธ้ าตุอะลูมิเนียมโดยการรีไซเคลิ เป็นผลดตี อ่ มนษุ ย์อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
9. จากสตู รเคมีตอ่ ไปน้ี จัดกลมุ่ วา่ สารใดเป็นธาตุ สารใดเป็นสารประกอบ เพราะเหตุใด
O3 H2O H2 N2 H2O2 CO2 NO2 NaCl HCl I4
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
-21-
กิจกรรมที่ 4 แผนผงั ความคิด
เรอ่ื ง การจาแนกธาตแุ ละการใชป้ ระโยชน์
ชื่อ____________________________________________ชั้น__________เลขท่ี__________
หลังจากเรยี น เรอ่ื ง การจาแนกธาตแุ ละการใช้ประโยชน์ แล้ว เรามาชว่ ยกนั เขยี น
แผนผงั ความคิดนะคะ
-22-
แบบบนั ทึกกจิ กรรมที่ 1 เราจาแนกธาตุไดอ้ ย่างไร
ตารางบันทกึ ผลการทากจิ กรรม
ผลการสังเกต
ชื่อธาตุ ลักษณะภายนอก การนา ความ จดุ จดุ การนา
ไฟฟ้า เหนยี ว เดือด หลอม ความร้อน
สถานะ สี ความ เหลว
มันวาว
อะลมู เิ นียม ของแขง็ เทาอ่อน มนั วาว นา บดิ งอได้ 2,467 660 นาความ
ไฟฟา้ ทบุ ไม่แตก รอ้ นได้ดี
เหล็ก ของแขง็ เทาอ่อน มนั วาว นา บิดงอได้ 2,750 1,535 นาความ
ไฟฟา้ ทุบไม่แตก ร้อนได้ดี
ทองแดง ของแข็ง ทองแดง มนั วาว นา บิดงอได้ 2,567 1,083 นาความ
ไฟฟา้ ทบุ ไมแ่ ตก ร้อนไดด้ ี
สังกะสี ของแขง็ เทาออ่ น มนั วาว นา บดิ งอได้ 907 420 นาความ
กามะถนั ไฟฟา้ ทุบไมแ่ ตก รอ้ นไดด้ ี
ถา่ นไม้
ของแขง็ เหลอื ง ไม่ ไมน่ า เปราะ 445 113 ไมน่ าความ
ออ่ น มนั วาว ไฟฟา้ แตกง่าย ร้อนได้ดี
ของแขง็ ดา ไม่ ไมน่ า เปราะ - สูงมาก ไมน่ าความ
มันวาว ไฟฟ้า แตกง่าย (>3,600) รอ้ นได้ดี
คาถามทา้ ยกจิ กรรม
1. ธาตุใดบ้างทีม่ ีสมบัติความมนั วาว การนาไฟฟ้า และความเหนยี ว เหมือนกนั
ธาตอุ ะลูมเิ นียม เหลก็ ทองแดง สงั กะสี และพลวง มคี วามมันวาว
การนาไฟฟา้ ไดด้ ี และเหนียวเหมือนกนั สว่ นธาตกุ ามะถันและถา่ นไม้
ไม่มนั วาว นาไฟฟา้ ไดไ้ มด่ ี และไมเ่ หนียวเหมอื นกัน
1. วเิ คราะห์สตู รของ
-23-
2. เม่อื จาแนกธาตุโดยใชส้ มบตั ติ ่อไปน้เี ป็นเกณฑร์ ่วมกัน ได้แก่ ความมันวาว การนาไฟฟา้
ความเหนียว จุดเดอื ด จุดหลอมเหลว และการนาความรอ้ น จะได้ผลการจาแนกเป็นอยา่ งไร
เม่ือใช้สมบตั ติ ่างๆ เป็นเกณฑ์รว่ มกัน สามารถจาแนกธาตุเป็น 2 กลุ่ม โดย
- กลุ่มท่ี 1 มคี วามมันวาว นาไฟฟ้าได้ดี เหนยี ว จุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง
นาความรอ้ นไดด้ ี ไดแ้ ก่ อะลูมเิ นียม เหลก็ ทองแดง สังกะสี
- กลมุ่ ที่ 2 ไม่มนั วาว นาไฟฟา้ ได้ไม่ดี ไม่เหนียว จุดเดอื ดและจดุ หลอมเหลวตา่
นาความร้อนได้ไม่ดี ได้แก่ กามะถนั และถา่ นไม้
สรุปผลการทากิจกรรม
ธาตแุ ตล่ ะชนิดอาจมีสมบัติทีเ่ หมือนหรือแตกต่างกนั สามารถใชส้ มบัติเหล่าน้ี
เปน็ เกณฑใ์ นการจาแนกธาตุได้ ธาตทุ ม่ี ีพื้นผวิ มันวาว นาไฟฟา้ และนาความรอ้ นไดด้ ี
จุดเดือดและจุดหลอมเหลวสงู ไม่เปราะ เหนยี ว จัดเปน็ กลมุ่ หน่ึง สว่ นธาตุท่มี ีพ้ืนผิว
ดา้ น ไมม่ นั วาว นาไฟฟ้าและนาความรอ้ นได้ไมด่ ี จุดเดือดและจุดหลอมเหลวต่า
เปราะ ไมเ่ หนยี ว จัดเป็นอีกกลุ่มหนงึ่
-24-
กจิ กรรมท่ี 2 การนาธาตไุ ปใชม้ ผี ลอยา่ งไรบ้าง
วัตถุประสงคข์ องกิจกรรม
รวบรวม วิเคราะหข์ อ้ มูล และนาเสนอผลจากการใช้ธาตบุ างชนดิ
วธิ ีการดาเนนิ กจิ กรรม
1. อ่านขอ้ มลู การทาเหมืองแรโ่ พแทซเพ่ือนาธาตโุ พแทสเซียมไปใช้ในการผลิตปุ๋ยเคมี
ในแผนภาพ
2. รวบรวมและวเิ คราะห์ข้อมูล เพ่อื สรปุ และนาเสนอแนวทางการใช้ธาตอุ ย่างปลอดภัย คุม้ ค่า
การทาเหมืองแรโ่ พแทซเพอื่ นาธาตุโพแทสเซยี มไปใช้ในการผลิตปุ๋ยเคมี
1. ถา้ บริษทั ไดร้ บั อนญุ าตใหท้ าเหมอื ง บริษทั จะต้องจ่ายเงนิ ใหร้ ฐั บาลเพ่อื ไปใชพ้ ัฒนาทอ้ งถิ่น
ขอ้ ดี รัฐบาลมเี งนิ งบประมาณสาหรับพฒั นาประเทศมากข้นึ
ขอ้ เสยี เงินงบประมาณทีไ่ ดอ้ าจนาไปใช้พฒั นาในส่วนอืน่ ของประเทศ แต่ใชพ้ ัฒนาท้องถิน่
ที่ทาเหมอื งเพยี งสว่ นน้อย
2. การขุดเหมอื งและจ้างงาน
บรษิ ทั เหมอื งแรจ่ ้างคนงานและใชเ้ คร่ืองจักรจานวนมาก เพื่อขุดเหมอื งและลาเลียงแร่
ออกมาจากปา่ ไม้
ข้อดี คนในชุมชนมงี านทาจากการทาเหมอื ง
ข้อเสยี ในชมุ ชนอาจมกี ารประกอบอาชพี อนื่ ๆ นอ้ ยลง อาจเสยี พน้ื ท่ีปา่ ไม้
3. การใช้ดิน
บรษิ ทั เหมืองแรจ่ ้างคนงานและใช้เคร่ืองจักรจานวนมาก เพอ่ื ขดุ เหมืองและลาเลยี งแร่
ออกมาจากป่าไม้
ข้อดี มีการวางแผนจดั การทีด่ นิ ท่ีดีข้นึ แทนที่จะปลอ่ ยที่ให้รกรา้ งวา่ งเปลา่
ข้อเสยี มฝี ุ่นละอองในอากาศ อาจมพี ้นื ที่สาหรับทาการเกษตรนอ้ ยลง เนอ่ื งจากใชพ้ ื้นท่ี
ในการทาเหมือง
-25-
4. การใชน้ า้ และพลังงานไฟฟ้า
เหมืองแร่ใชน้ า้ และพลังงานไฟฟ้าในการลา้ งแร่ และใช้ในท่อี ยู่อาศัยของคนงาน ควรมกี าร
จัดการนา้ ใชก้ ่อนปลอ่ ยคืนสแู่ หลง่ นา้ และการวางแผนการจา่ ยไฟฟา้ ใหเ้ พยี งพอ
ข้อดี มีการวางแผนการจดั การน้าและผลิตกระแสไฟฟา้ ทด่ี ี
ข้อเสยี ถา้ ขาดการจัดการน้าทด่ี ีอาจมีปรมิ าณนา้ สะอาด สาหรบั การอุปโภค บรโิ ภค
ไมเ่ พยี งพอ หรอื อาจมปี ัญหาน้าเสีย หรือผลติ กระแสไฟฟ้าไดไ้ ม่เพยี งพอ
5. โรงงาน
เมอื่ แรม่ าถงึ โรงงาน จะถกู นาไปผลิตเป็นป๋ยุ เคมี ทาให้เกษตรกรได้ใชป้ ุ๋ยดี ราคาถูก และปยุ๋
บางสว่ นอาจส่งออกไปขายตา่ งประเทศ
ข้อดี เกษตรกรไดใ้ ช้ปยุ๋ ดี ราคาถูก มีรายได้จากการส่งออกปยุ๋ ไปขายตา่ งประเทศ
ขอ้ เสีย ถา้ มกี ารใช้ปุ๋ยเคมีมากขน้ึ อาจมกี ารใช้ปยุ๋ อินทรยี ห์ รอื ปุ๋ยชีวภาพนอ้ ยลง
คาถามท้ายกจิ กรรม
1. จากขอ้ มูลข้างต้น จะเสนอแนะแนวทางการใช้ธาตอุ ย่างปลอดภัย คมุ้ ค่า ได้อยา่ งไร
นักเรยี นตอบไดต้ ามความคดิ เหน็ โดยอาศัยหลักฐานจากขอ้ มลู ทีร่ วบรวมได้
เช่น ควรอนญุ าตใหม้ กี ารทาเหมอื งแรด่ งั กล่าว โดยมเี งอ่ื นไขใหป้ ฏบิ ัติ
ตามระเบียบ กฎหมายและมาตรการด้านสิ่งแวดลอ้ ม จดั การดา้ นการใช้นา้
ถนน และทรัพยากรอ่ืนๆ รว่ มกับชมุ ชนอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ และนาเงินรายได้
จากผลประโยชนจ์ ากเหมอื งแร่มาพัฒนาชมุ ชนในรูปของกองทนุ
ด้านสิ่งแวดลอ้ ม กองทุนสขุ ภาพของประชาชน และพฒั นาถนนหรอื ทางรถไฟ
สรปุ ผลการทากิจกรรม
การทาเหมืองแร่โพแทซเพ่ือนาธาตุโพแทสเซียมไปใชใ้ นการผลิตปุ๋ยเคมี มผี ลดี
และผลเสียในแตล่ ะขน้ั ตอน เช่น การขดุ เหมืองแรจ่ ้างคนงาน มีขอ้ ดีคอื เพ่มิ รายได้
ให้กบั คนงานในทอ้ งถิน่ แต่อาจมีขอ้ เสยี จากการทค่ี นงานอพยพยา้ ยไปอยบู่ รเิ วณนนั้
มากเกนิ ไป หรือการใชเ้ ครอ่ื งจกั รจานวนมากอาจเกิดเสียงดัง
-26-
กิจกรรมที่ 3 ตรวจสอบความเขา้ ใจ
เรอ่ื ง การจาแนกธาตแุ ละการใช้ประโยชน์
ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี
1. จากภาพแทง่ เหลก็ แท่งทองแดง และแท่งทองคาที่มขี นาดและปริมาตร 10 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร
เท่ากนั จงเขยี นเครื่องหมาย หน้าข้อทีถ่ กู ต้อง
เม่ือตอ่ แทง่ ทองแดงในวงจรไฟฟา้ ทาใหห้ ลอดไฟในวงจรสว่าง แสดงวา่ ทองแดงนาไฟฟ้าได้
เหล็กมีความหนาแน่นสงู กว่าทองแดงและทองคา
เม่ือใหค้ วามร้อนจนมอี ณุ หภูมสิ งู ข้นึ เรอ่ื ยๆ แท่งทองคาจะหลอมเหลวกอ่ นแท่งทองแดง
และแท่งเหล็ก
2. ให้นักเรยี นเตมิ ขอ้ มลู เก่ยี วกบั การใช้ประโยชน์ธาตุ ลงในตารางให้สมบรู ณ์
ธาตโุ ลหะ ธาตุอโลหะ ธาตุกึง่ โลหะ ธาตุกัมมนั ตรังสี
ใชใ้ นเครอื่ งจกั ร ธาตอุ โลหะ ใชใ้ นอปุ กรณ์ ใชใ้ นการแพทย์
เครื่องใช้ไฟฟา้ เป็นองค์ประกอบ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ การเกษตร
ภาชนะหุงต้ม ของปุ๋ย เป็นสารกง่ึ ตัวนา อุตสาหกรรม เชน่
แบตเตอรร่ี ถยนต์ การรักษาโรคมะเรง็
แผงเซลล์แสงอาทติ ย์ การฉายรงั สอี าหาร
แผน่ ซีดี การตรวจสอบรอยร้าว
ในโลหะ
3. ธาตุโลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ และธาตกุ ัมมันตรงั สอี าจกอ่ อันตรายได้อย่างไรบา้ ง
โลหะบางชนิดทีใ่ ช้ในอุตสาหกรรม อาจก่อให้เกดิ อนั ตรายตอ่ ตบั หัวใจ ไต
ธาตกุ ึ่งโลหะบางชนดิ เป็นพษิ ตอ่ ร่างกาย เช่น สารหนู ซิลคิ อน
-27-
4. จับคธู่ าตุและการใช้ประโยชน์ใหถ้ ูกตอ้ ง โดยใช้แต่ละตัวเลือกเพยี งครง้ั เดยี ว
ง 1. รกั ษาโรคมะเรง็ บางชนดิ ก. ทองแดง (โลหะ)
ค 2. ชน้ิ ส่วนอิเลก็ ทรอนิกส์ ข. โพแทสเซยี ม (โลหะ)
ก 3. สายไฟภายในอาคาร ค. ซลิ ิคอน (ธาตุกึง่ โลหะ)
ข 4. ปุย๋ เคมี ง. เรเดยี ม (ธาตุกัมมันตรงั ส)ี
5. นาขอ้ ความตอ่ ไปนใี้ ส่ในช่องว่างของผงั มโนทศั น์ใหถ้ กู ต้องและครบถ้วน
ธาตุ สารประกอบ อโลหะ โลหะ กึง่ โลหะ สารบริสทุ ธ์ิ
6. ธาตุในแต่ละกล่มุ มีสมบัตทิ างกายภาพเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เขียนอธิบายโดยใช้
แผนผังเวนน์ดงั ภาพ
7. ใหน้ ักเรยี นเขียนเครื่องหมาย หน้าขอ้ ความทถี่ กู และเครอื่ งหมาย หนา้ ขอ้ ความทผี่ ิด
และแก้ไขขอ้ ความท่ผี ดิ ใหถ้ กู ต้อง
7.1 ธาตตุ ่างกนั รวมตวั กันเปน็ สารประกอบทาใหไ้ ดส้ ารใหมท่ ี่มสี มบัตแิ ตกตา่ ง
จากธาตุเดิม
…………………………………………………………………………………………………………………………….
-28-
7.2 ธาตทุ ่สี ามารถแผร่ ังสีได้ เรยี กว่า ธาตุกัมมันตรงั สี
…………………………………………………………………………………………………………………………….
7.3 คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน เปน็ สารบริสทุ ธ์ิที่ไม่สามารถแยกโดยวิธีทางเคมไี ด้อีก
…………………………………………………………………………………………………………………………….
7.4 มลพิษทางอากาศ ไดแ้ ก่ แกส๊ ซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ (SO2) แกส๊ คาร์บอนมอนอกไซด์
(CO) แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) เป็นสารประกอบทง้ั สนิ้
…………………………………………………………………………………………………………………………….
7.5 นิกเกิลมคี วามมันวาว แขง็ สามารถนาไฟฟ้า และนาความรอ้ นได้ดี จัดเป็นธาตโุ ลหะ
…………………………………………………………………………………………………………………………….
7.6 ปรอทเป็นโลหะ เพราะปรอทไม่มคี วามมันวาว ไม่นาความรอ้ น และไม่นาไฟฟ้า
ปรอทจดั เปน็ โลหะ เพราะ มีความมันวาว และนาไฟฟา้ ได้ดี
7.7 โบรมนี มสี มบัตนิ าความรอ้ นและนาไฟฟา้ ไม่ดี มสี ถานะของเหลว จดั เป็นธาตุโลหะ
โบรมีนเปน็ อโลหะ
8. การผลิตกระป๋องน้าอดั ลมโดยการรไี ซเคิลอะลูมเิ นียม ใชพ้ ลังงานน้อยกวา่ การผลติ กระปอ๋ งจากแร่
ท่สี กดั ใหมถ่ ึง 20 เทา่ แนวทางการใช้ธาตอุ ะลมู เิ นียมโดยการรีไซเคลิ เปน็ ผลดตี ่อมนษุ ย์อย่างไร
แนวทางการผลิตกระป๋องนา้ อดั ลมโดยการรีไซเคิลอะลูมิเนยี ม เปน็ การประหยดั
พลังงาน ประหยดั ต้นทนุ และทรัพยากรธรรมชาติ และลดการเกิดขยะจากการผลติ
กระปอ๋ งจากอะลมู เิ นยี มสกัดใหม่
9. จากสูตรเคมตี อ่ ไปนี้ จัดกลมุ่ วา่ สารใดเป็นธาตุ สารใดเปน็ สารประกอบ เพราะเหตุใด
O3 H2O H2 N2 H2O2 CO2 NO2 NaCl HCl I4
O3 H2 N2 I4 เป็นธาตุ เนอื่ งจากมีอะตอมเพียงชนิดเดยี ว สว่ น H2O
H2O2 CO2 NO2 NaCl HCl เป็นสารประกอบ เนื่องจาก มีธาตุตั้งแต่
2 ชนิดขน้ึ ไป รวมตวั กันดว้ ยอตั ราส่วนคงที่
-29-
กจิ กรรมที่ 4 แผนผังความคิด
เรือ่ ง การจาแนกธาตุและการใชป้ ระโยชน์
ชื่อ____________________________________________ชั้น__________เลขท่ี__________
หลังจากเรียน เร่อื ง การจาแนกธาตุและการใชป้ ระโยชน์ แลว้ เรามาชว่ ยกนั เขียน
แผนผังความคิดนะคะ
พิจารณาจากผลงานของนกั เรยี น
สามารถเขยี นได้หลากหลายตามความคิดของแต่ละคน
-30-
แบบทดสอบหลงั เรียน
เร่ือง การจาแนกธาตุและการใช้ประโยชน์
คาส่งั ใหน้ ักเรยี นเลอื กคาตอบทีถ่ กู ทสี่ ดุ เพยี งคาตอบเดียว แลว้ ทาเครอื่ งหมายกากบาท (X)
ลงในกระดาษคาตอบ
1. “เป็นแกส๊ ท่ีมีความสาคญั ในการหายใจของส่งิ มีชวี ิตและช่วยในการเผาไหม้” ข้อความ
ขา้ งต้นกล่าวถึงแกส๊ ทเ่ี กดิ จากธาตใุ นขอ้ ใด
ก. H
ข. N
ค. O
ง. He
2. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีถูกตอ้ ง
ก. I-131 ใช้ตรวจตบั และไขกระดกู
ข. Na-24 ใช้ตรวจอตั ราการไหลเวียนของเลอื ด
ค. C-14 ใชว้ นิ ิจฉยั โรคเกย่ี วกบั ตอ่ มไทรอยด์
ง. Co-60 ใชห้ าอายวุ ตั ถโุ บราณ
3. ข้อใดไมถ่ กู ตอ้ งเกีย่ วกบั การนาธาตุไปใช้
ก. ทองแดง เปน็ โลหะทใ่ี ช้ทาสายไฟฟ้า เพราะนาไฟฟา้ ได้ดี
ข. ซิลิคอน เปน็ โลหะทใ่ี ช้ในอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ เพราะมสี มบตั ิเป็นสารก่ึงตวั นา
ค. เหล็ก เป็นโลหะที่ใชท้ าเครอ่ื งจกั ร เพราะรบั นา้ หนกั ไดแ้ ละคงทนตอ่ การสกึ หรอ
ง. ไนโตรเจน เป็นอโลหะทใี่ ชใ้ นปยุ๋ เรง่ ผลผลติ ทางการเกษตร เพราะเปน็
สว่ นประกอบท่ีสาคญั ของพชื
4. แคลเซียมเปน็ ของแข็งมีจดุ หลอมเหลว 842 องศาเซลเซยี ส มีจุดเดอื ด 1,484
องศาเซลเซยี ส นาไฟฟา้ ได้ดี แคลเซียมจัดเปน็ ธาตกุ ล่มุ ใด
ก. โลหะ
ข. อโลหะ
ค. ก่ึงโลหะ
ง. สารประกอบ
5. ปรากฎการณท์ ่ีธาตแุ ผร่ ังสอี อกมา เรียกว่าอะไร
ก. ธาตกุ ัมมันตรังสี
ข. สารกมั มนั ตรงั สี
ค. กมั มันตภาพรังสี
ง. สารกมั มนั ตภาพรงั สี
-31-
6. ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ มบตั ิของธาตุโลหะ
ก. เปราะ
ข. ดึงเป็นเสน้ ได้
ค. มคี วามมนั วาว
ง. นาไฟฟา้ และนาความรอ้ นไดด้ ี
7. ข้อใดไมใ่ ชล่ กั ษณะสาคัญของธาตุกมั มันตรงั สี
ก. เปน็ ธาตุทส่ี ามารถแผร่ งั สีได้
ข. เปน็ ธาตุทมี่ ีพลังงานสูง
ค. เป็นธาตทุ ่ไี ม่เสถียร
ง. เป็นธาตุทีม่ ขี นาดใหญ่
8. ขอ้ ใดบอกประโยชนข์ องธาตกุ มั มันตรงั สีได้ถูกต้อง
ก. I-131 ใช้ทาลายเซลลม์ ะเรง็
ข. C-14 ใชค้ านวณหาอายุวตั ถโุ บราณ
ค. U-235 ใชต้ รวจความผิดปกตขิ องต่อมไทรอยด์
ง. Co-60 ใชเ้ ปน็ เชอื้ เพลิงในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์
9. ขอ้ ใดต่อไปน้ีไมถ่ ูกต้องเกี่ยวกับธาตุอโลหะ
ก. เคาะแลว้ ไม่ดังกงั วาน
ข. มีความหนาแนน่ ตา่
ค. ขดั ผิวเปน็ มันวาว
ง. มที ง้ั 3 สถานะอณุ หภูมปิ กติ
10. ธาตใุ นข้อใดตอ่ ไปน้ีสามารถตเี ป็นแผน่ หรือยดื เปน็ เส้นได้
ก. ออกซิเจน
ข. ไฮโดรเจน
ค. ฟอสฟอรัส
ง. ลเิ ทียม
-32-
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
เรื่อง การจาแนกธาตุและการใชป้ ระโยชน์
คาช้แี จง
1. เกณฑก์ ารประเมนิ แบบทดสอบมจี านวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน ดงั น้ี
2. ระดับคุณภาพ ดี หมายถึง ไดค้ ะแนน 8 - 10 คะแนน
พอใช้ หมายถงึ ได้คะแนน 5 - 7 คะแนน
ปรบั ปรุง หมายถึง ได้คะแนน 0 - 4 คะแนน
ขอ้ คาตอบ
1ก
2ข
3ก
4ข
5ค
6ง
7ค
8ง
9ค
10 ข
-33-
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
เร่ือง การจาแนกธาตุและการใชป้ ระโยชน์
คาช้แี จง
1. เกณฑก์ ารประเมนิ แบบทดสอบมีจานวน 10 ข้อ ขอ้ ละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน ดงั น้ี
2. ระดับคุณภาพ ดี หมายถึง ไดค้ ะแนน 8 - 10 คะแนน
พอใช้ หมายถงึ ได้คะแนน 5 - 7 คะแนน
ปรับปรุง หมายถึง ได้คะแนน 0 - 4 คะแนน
ข้อ คาตอบ
1ค
2ข
3ข
4ก
5ค
6ก
7ง
8ข
9ค
10 ง
-34-
บรรณานกุ รม
สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย,ี กระทรวงศกึ ษาธิการ. คู่มอื ครู รายวิชาพ้นื ฐาน
วิทยาศาสตร์ เลม่ 1 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1. กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2562.
. หนงั สือเรยี น รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ เลม่ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1. กรุงเทพฯ :
จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย, 2562.
โลหะหายาก. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://bestreview.asia/the-best-android-tablet/.
26 พฤษภาคม 2564.