The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การจำแนกและองค์ประกอบของสารบริสุทธิ์ ม.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kru Bo Nitchayanan, 2022-04-06 23:47:48

การจำแนกสารบริสุทธิ์

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การจำแนกและองค์ประกอบของสารบริสุทธิ์ ม.1

Keywords: สารบริสุทธิ์



คานา

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง การจาแนกและองคป์ ระกอบของสารบรสิ ทุ ธ์ิ รายวิชา
วทิ ยาศาสตร์ 1 รหัสวชิ า ว21101 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ได้จดั ทาข้นึ ให้สอดคลอ้ งกับธรรมชาตขิ องวชิ าและสอดคล้องกับการจัด
กิจกรรมการเรยี นรูก้ ลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหลกั สตู รการศกึ ษา
ขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) เพ่ือใหน้ ักเรียนสามารถนาไปใช้ได้
อยา่ งเหมาะสม ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ชดุ น้ี ผู้สอนได้จัดทาข้นึ เพอ่ื เปน็ คู่มือในการจดั กิจกรรม
การเรยี นรู้โดยใช้ร่วมกับแผนการจัดการเรยี นรู้ เพอ่ื ใหน้ ักเรียนใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์
สบื เสาะหาความร้แู ละสรา้ งความรใู้ หม่ สามารถคดิ วิเคราะห์ สื่อสารให้เข้าใจตรงกนั
มีจติ วิทยาศาสตร์ ตลอดจนเชือ่ มโยง และนาความรไู้ ปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้

การจดั ทาชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง การจาแนกและองคป์ ระกอบของสารบรสิ ุทธิ์
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 1 รหสั วิชา ว21101 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เสรจ็ สมบรู ณไ์ ด้ เพราะไดร้ บั ความอนุเคราะห์จากผเู้ ชย่ี วชาญหลายท่านทไี่ ด้
ใหค้ าปรึกษา แนะนา จึงขอขอบพระคณุ ไว้ ณ โอกาสนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งวา่ ชุดกิจกรรม
การเรยี นรู้ชุดน้ี จะช่วยพัฒนานักเรียนโรงเรยี น................................ ใหเ้ ป็นบคุ คลแห่งการเรียนรู้
สามารถเรยี นรู้ไดต้ ลอดชีวิตตามเจตนารมณ์ทตี่ งั้ ไว้

.......................................



คาชี้แจง

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง การจาแนกและองค์ประกอบของสารบริสทุ ธ์ิ รายวชิ า
วิทยาศาสตร์ 1 รหัสวิชา ว21101 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เนื้อหาแบง่ ออกเป็นเรื่องยอ่ ย ท้ังหมด 3 ชดุ ดงั น้ี

ชุดที่ 1 เรือ่ ง การจาแนกสารบรสิ ทุ ธ์ิ
ชดุ ท่ี 2 เรื่อง โครงสรา้ งอะตอม
ชดุ ท่ี 3 เรอ่ื ง การจาแนกธาตุและการใช้ประโยชน์
แต่ละชุดประกอบด้วย คานา คาชี้แจง คาแนะนาสาหรับครู คาแนะนาสาหรบั นักเรียน
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ แบบทดสอบก่อนเรยี น ใบความรู้ กจิ กรรม เฉลยกจิ กรรม
แบบทดสอบหลงั เรียน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรยี น ซึง่ จดั ทาข้ึนเพือ่ ใหน้ ักเรยี น

ใชเ้ รยี นในหอ้ งเรียน นักเรียนต้องเรียนรดู้ ว้ ยตนเองโดยใช้กระบวนการกลมุ่ ผู้สอนคอยกากับ
ดแู ล และช่วยเหลอื กระตุ้นให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ เปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นไดแ้ ลกเปลี่ยนเรียนรู้
ในข้ันตอนการจดั กิจกรรมการเรยี นรูต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ทีผ่ ูส้ อนจัดทาข้นึ



สารบญั

เรอื่ ง หน้า

คานา .................................................................................................................... ก
คาชแ้ี จง ................................................................................................................ ข
สารบัญ ................................................................................................................. ค
คาแนะนาสาหรับครู ............................................................................................. 1
คาแนะนาสาหรับนักเรยี น .................................................................................... 3
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ .......................................................................................... 4
แบบทดสอบกอ่ นเรียน ......................................................................................... 5
ใบความรู้ ............................................................................................................. 7
กิจกรรมท่ี 1 ....................................................................................................... 15
กจิ กรรมท่ี 2 ....................................................................................................... 16
กิจกรรมที่ 3 ....................................................................................................... 20
กจิ กรรมที่ 4 ....................................................................................................... 22
เฉลยกิจกรรมท่ี 1 ............................................................................................... 23
เฉลยกจิ กรรมที่ 2 ............................................................................................... 24
เฉลยกิจกรรมท่ี 3 ............................................................................................... 26
เฉลยกจิ กรรมที่ 4 ............................................................................................... 28
แบบทดสอบหลังเรียน ......................................................................................... 29
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ................................................................................ 31
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ................................................................................ 32
บรรณานุกรม ...................................................................................................... 33

-1-

คาแนะนาสาหรับครู

การใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การจาแนกและองคป์ ระกอบของสารประสุทธิ์
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 1 รหัสวชิ า ว21101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ผู้สอนมบี ทบาทดังนี้

1. ศกึ ษาคู่มือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ เร่ือง การจาแนกและองคป์ ระกอบ
ของสารประสทุ ธ์ิ ให้เขา้ ใจ

2. เตรียมความพรอ้ มนกั เรยี นกอ่ นการเรยี นโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้
3. เตรียมชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ วัสดุ อปุ กรณ์ และสิง่ ของท่ีระบไุ ว้
ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้และแบบบันทึกกจิ กรรมประจาชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ให้พร้อม
4. แนะนาขัน้ ตอนการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวปฏิบัติ ให้นักเรียนรบั ทราบ
โดยละเอียด
5. กอ่ นการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์
ทางการเรียนกอ่ นเรยี น เร่อื ง การจาแนกและองค์ประกอบของสารประสุทธ์ิ จานวน 20 ข้อ
เพอ่ื วัดความรูพ้ ื้นฐานก่อนเรยี น
6. ครตู รวจแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนกอ่ นเรยี น แจง้ คะแนน
ใหน้ กั เรียนทราบ
7. จัดกิจกรรมการเรียนรใู้ ห้เปน็ ไปตามทกี่ าหนดในชุดกิจกรรมการเรียนรู้แตล่ ะชดุ
อย่างเคร่งครัด ครคู อยกากบั ดแู ลนักเรยี นอยา่ งใกล้ชิดขณะจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
8. หลงั จากทากจิ กรรมการเรียนรูเ้ สร็จแล้ว ให้นกั เรียนเก็บวัสดุ อุปกรณ์
ประกอบชดุ กิจกรรมการเรียนรใู้ หเ้ รียบรอ้ ย
9. บนั ทึกคะแนนจากการทากิจกรรมในชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ตามเกณฑ์การวัด
และประเมนิ ผลท่ีระบใุ นแผนการจดั การเรียนรู้
10. หลงั จากนักเรียนทากิจกรรมในชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง การจาแนกและ
องคป์ ระกอบของสารประสุทธิ์ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 1 รหสั วชิ า ว21101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ครบทง้ั 3 ชุด แล้วใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบ
วดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นหลังเรยี น เรอื่ ง การจาแนกและองคป์ ระกอบของสารประสทุ ธ์ิ จานวน
30 ขอ้

-2-

11. ครูตรวจแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นหลงั เรียน เรื่อง การจาแนก
และองค์ประกอบของสารประสุทธ์ิ เปรียบเทยี บคะแนนกอ่ นเรยี นและหลังเรียน แจง้ คะแนน
ให้นกั เรียนทราบ

12. ในกรณที ่นี ักเรียนทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่อื ง การจาแนก
และองคป์ ระกอบของสารประสุทธ์ิ ไมผ่ ่านเกณฑ์ประเมนิ รอ้ ยละ 80 ให้นักเรียนกลบั ไปศึกษา
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ ที่นักเรยี นยังพัฒนาไม่ถงึ เกณฑ์ แลว้ ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี น เรื่อง การจาแนกและองค์ประกอบของสารประสุทธ์ิ อกี ครงั้ จนนกั เรยี นผ่านเกณฑ์

-3-

คาแนะนาสาหรบั นักเรยี น

1. ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง การจาแนกและองค์ประกอบของสารประสุทธิ์
รายวิชาวิทยาศาสตร์ 1 รหสั วิชา ว21101 กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ชุดนี้ คือ ชดุ ที่ 1 เรือ่ ง การจาแนกสารบริสทุ ธิ์

2. ตรวจสอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้วา่ ครบถว้ นหรอื ไม่ ถา้ ไมค่ รบถว้ นตอ้ งแจง้
ครูผสู้ อนทันที

3. ศกึ ษาจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูข้ องชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ กอ่ นที่จะเร่ิมศกึ ษา
หาความรใู้ นลาดับต่อไป

4. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น จานวน 10 ขอ้
5. ศกึ ษาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ดว้ ยตนเองตามลาดบั ทจ่ี ดั ไว้ในชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้
เมอื่ เข้าใจแลว้ ทากิจกรรมให้ครบทกุ กจิ กรรม
6. ศึกษาชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ด้วยความเอาใจใส่ และมคี วามซือ่ สตั ยไ์ มเ่ ปดิ ดูเฉลยก่อน
7. เมื่อศึกษาเน้ือหาและทากิจกรรมในชุดกจิ กรรมการเรียนรเู้ สร็จแล้ว ตรวจสอบ
ความถกู ตอ้ งจากเฉลย
8. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น จานวน 10 ข้อ
9. ในกรณีท่นี ักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียนได้ไม่ถงึ 8 ขอ้ ให้นักเรียนยอ้ นกลับไป
ศกึ ษาชดุ กิจกรรมการเรยี นรูช้ ดุ น้ใี หม่ แลว้ ทาแบบทดสอบหลงั เรยี นอีกครง้ั จนกว่าจะไดค้ ะแนน
ตามเกณฑ์
10. เม่ือมีปัญหาใด ๆ เชน่ ไมเ่ ขา้ ใจเนอื้ หา สามารถขอคาแนะนาจากครไู ด้
ตลอดเวลา

-4-

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

เมอ่ื นักเรียนศึกษาเรื่อง การจาแนกสารบริสทุ ธ์ิ นักเรียนสามารถอธบิ ายความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งอะตอม ธาตุ และสารประกอบได้

-5-

แบบทดสอบกอ่ นเรียน
เร่อื ง การจาแนกสารบริสทุ ธ์ิ

คาส่งั ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบทีถ่ กู ที่สดุ เพยี งคาตอบเดียว แลว้ ทาเครือ่ งหมายกากบาท (X)
ลงในกระดาษคาตอบ

1. จากข้อมลู ข้อใดเปน็ ลกั ษณะของสารเนือ้ เดียว
1. มองเห็นเน้อื สารเป็นเปน็ เน้ือเดยี วกัน
2. สารทเี่ ป็นสว่ นประกอบของสารอาจมเี พยี งอยา่ งเดยี วหรอื หลายอยา่ งกไ็ ด้
3. สารที่เปน็ สว่ นประกอบของสารอาจมไี ดห้ ลายสถานะ

ก. ขอ้ 1, 2
ข. ข้อ 1, 3
ค. ขอ้ 2, 3

ง. ขอ้ 1, 2, 3
2. สารเนอื้ เดียวในขอ้ ใดทมี่ ีองค์ประกอบของสารเพียงอยา่ งเดยี ว

ก. น้าเช่อื ม
ข. ทองคา
ค. นา้ กะทิ
ง. นา้ แอมโมเนีย
3. ข้อใดเป็นสารเนือ้ เดียวทง้ั หมด
ก. น้าเตา้ หู้ นา้ เกลือ พริกกบั เกลือ
ข. น้าแป้งสกุ นา้ เชื่อม น้ามันพืช

ค. น้านม น้ากะทิ น้าโคลน
ง. นา้ เกลอื พริกป่น น้าอบไทย
4. เมอื่ บอกว่า “กล้วยบวชชเี ป็นสาร มองไมเ่ ห็นเปน้ เน้ือเดยี ว” เปน็ การใชส้ มบตั ใิ นขอ้ ใด
ต่อไปนเ้ี ปน็ เกณฑใ์ นการจาแนกสาร
ก. ชนดิ
ข. รสชาติ
ค. สถานะ
ง. ลักษณะเน้ือสาร

-6-

5. เม่อื จดั “น้าเชอ่ื มเป็นของเหลว” เป็นการใช้สมบัติในขอ้ ใดเป็นเกณฑจ์ าแนกสาร

ก. ชนดิ
ข. รสชาติ
ค. สถานะ
ง. ลักษณะเนอื้ สาร
6. เมือ่ เทน้ามันพืชลงในแกว้ ท่ีมีนา้ แลว้ เขย่า ของเหลวในแกว้ เปน็ สารในข้อใด
ก. สารบรสิ ุทธ์ิ
ข. สารเนื้อผสม
ค. สารเนื้อเดยี ว
ง. สารประกอบ

7. ตัวเลือกใดถกู ต้องที่สดุ เกี่ยวกับ สารละลาย สารคอลลอยด์ และสารแขวนลอย
ก. สารละลาย สารคอลลอยด์ และสารแขวนลอย เป็นสารเนอ้ื ผสม
ข. สารคอลลอยด์ และสารแขวนลอย อยู่ในสถานะของเหลวเทา่ นน้ั
ค. สารแขวนลอยมอี นภุ าคใหญท่ ่ีสุด
ง. อนภุ าคของสารละลายถูกแยกออกจากกนั ไดโ้ ดยการกรองดว้ ยกระดาษกรอง

8. ของเหลว 2 ชนิด คือ สาร A และสาร B เมือ่ ตั้งทิ้งไว้สักระยะหนึง่ จะมองเห็นสาร B
ตกตะกอน สาร B น่าจะเป็นสารตามขอ้ ใด

ก. สารแขวนลอย
ข. สารละลาย

ค. สารคอลลอยด์
ง. สารละลายและสารคอลลอยด์
9. เมอื่ นาสาร A มาทาการทดลอง ปรากฏว่าสาร A สามารถลอดผา่ นรขู องกระดาษกรอง
ไปได้แต่ไม่สามารถผ่านเซลโลเฟน สาร A ควรจดั เปน็ สารตามขอ้ ใด
ก. สารละลาย
ข. สารคอลลอยด์
ค. สารแขวนลอยด์
ง. สารละลายและสารคอลลอยด์
10. จาการทดลองการตรวจสอบขนาดอนุภาคของสารตอ้ งใช้เซลโลเฟน ตัวแปรต้นได้แก่
นา้ โคลน น้านม แบะนา้ หวานสแี ดง จากการทดลองครงั้ น้นี กั เรยี นสามารถใช้สารตามข้อใด

แทนน้าหวานสแี ดงได้
ก. น้ากะทิ
ข. ครีมทาผิว
ค. นา้ เตา้ หู้
ง. นา้ โคก้ สดี า

-7-

ใบความรู้

ภาพท่ี 1 เพชรและแกรไฟต์

เพชรและแกรไฟต์ เปน็ สารบรสิ ุทธ์ทิ มี่ ีสมบัติเฉพาะตัวแตตกต่างกนั เพชรมสี มบตั ิโปรง่ ใส
เม่อื เจียระไนใหแ้ ววาวนยิ มใช้เป็นเครือ่ งประดบั นอกจากนั้นเพชรยังมีความแข็ง ใชท้ าดอกสวา่ น
เพ่อื เจาะวัสดแุ ข็งๆ ได้ เชน่ แก้ว คอนกรีต ฟนั ส่วนแกรไฟตม์ ีสมบัตทิ ึบแสง และมีความเปราะ
ใช้เป็นสว่ นประกอบในการทาไสด้ นิ สอ ถ้าสามารถทาใหเ้ พชรและแกรไฟต์มีขนาดเลก็ ลงเรื่อยๆ
จนกระทง่ั ไดอ้ นภุ าคทเ่ี ล็กท่ีสดุ ทแ่ี บ่งตอ่ ไปอีกไม่ได้ จะพบว่าอนภุ าคท่เี ล็กทสี่ ดุ ของเพชรกับแกรไฟต์
เหมอื นกัน แตก่ ารจัดเรียงตวั ของอนภุ าคแตกตา่ งกัน ทาให้เพชรและแกรไฟตม์ สี มบัติแตกตา่ งกนั
นักวทิ ยาศาสตรส์ ามารถเปล่ียนแกรไฟตใ์ ห้เป็นเพชรไดโ้ ดยใช้ความดนั และอุณหภูมทิ สี่ ูงมาก

ภาพท่ี 2 สารบรสิ ทุ ธิ์ทพ่ี บในชวี ิตประจาวัน

-8-

สารบริสทุ ธิ์มีจดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลว และความหนาแนน่ คงที่ ซ่ึงเป็นสมบตั เิ ฉพาะตวั
ของสารบรสิ ุทธิ์แตล่ ะชนิด รอบตัวเรามสี ารบรสิ ทุ ธ์หิ ลายชนิด เชน่ เอทานอล ผงตะไบเหล็ก ทองแดง
ไอน้า

สารบรสิ ุทธบ์ิ างชนดิ สามารถแยกสลายเปน็ องค์ประกอบมากกว่า 1 ชนิด ท่มี สี มบตั ิ
ต่างจากเดมิ เมอ่ื ได้รบั พลงั งานทเี่ หมาะสม เชน่ เมื่อแยกนา้ ซึง่ เป็นสารบรสิ ทุ ธิ์ดว้ ยไฟฟ้า จะได้
แกส๊ ออกซเิ จนและแก๊สไฮโดเจนในอตั ราส่วนคงท่ี แสดงวา่ นา้ มีองคป์ ระกอบ 2 ชนดิ รวมตวั กัน สาร
บรสิ ทุ ธิท์ ่สี ามารถแยกสลายเป็นองคป์ ระกอบมากกวา่ 1 ชนิด เรียกวา่ สารประกอบ (compound)
สว่ นสารบริสุทธบิ์ างชนดิ ทีไ่ มส่ ามารถแยกสลายให้สารใหมโ่ ดยวธิ ีทางเคมีได้ เพราะมอี งคป์ ระกอบ
เพียงชนิดเดยี ว เชน่ ออกซิเจน และไฮโดรเจน เรยี กวา่ ธาตุ (element)

ภาพที่ 3 น้ามอี งค์ประกอบเป็นอนุภาค 2 ชนิดแตกต่างกนั
เม่ือแยกน้าด้วยไฟฟ้าจะทาให้อนุภาคไฮโดรเจน และอนภุ าคออกซิเจนแยกออกจากกัน

และรวมกนั เป็นแก๊สไฮโดรเจน และแกส๊ ออกซิเจน

สารบริสทุ ธ์ริ อบตัวบางชนิดเปน็ ธาตุ เชน่ ทองคา เพชร แกรไฟต์ ทองแดง ปรอท แกส๊
ไนโตรเจน บางชนิดเปน็ สารประกอบ เชน่ เกลอื แกง น้าตาล โปรตีน คาร์โบไฮเดรต

สารประกอบเปน็ สารบริสทุ ธิท์ ่ีมีองคป์ ระกอบเป็นธาตอุ ยา่ งน้อย 2 ชนิดรวมตัวกันดว้ ย
อัตราสว่ นคงที่ สารประกอบแตล่ ะชนิดมสี มบัตเิ ฉพาะตวั ท่ีแตกต่างจากสมบัตทิ ่ีเป็นองคป์ ระกอบ เชน่
นา้ เป็นสารประกอบท่เี ปน็ ของเหลวใส ไมม่ ีสี มีองค์ประกอบเปน็ ออกซเิ จนและไฮโดรเจน โดยทว่ั ไป
ธาตุออกซเิ จนทอ่ี ยรู่ วมกันโดยไม่มีธาตอุ ่นื อย่ดู ว้ ย มสี มบัติเปน็ แก๊ส ไม่มีสี ชว่ ยให้ไฟตดิ
สว่ นธาตุไฮโดรเจน มสี มบตั ิเปน็ แก๊ส ไมม่ ีสี และตดิ ไฟได้ สารประกอบดงั กลา่ วมีอตั ราส่วนของธาตุ
ท่เี ป็นองค์ประกอบคงที่ เชน่ น้ามอี ัตราสว่ นระหว่างออกซเิ จนและไฮโดรเจน 1 : 2 สารประกอบ
ที่พบในชีวติ ประจาวันอกี ชนิดหน่งึ คอื เกลือแกง หรือโซเดยี มคลอไรด์ ประกอบดว้ ยโซเดยี ม และ
คลอรนี ในอัตราส่วน 1 : 1 โดยโซเดียมคลอไรด์เป็นของแข็งสขี าว รับประทานได้ สว่ นธาตโุ ซเดยี ม
เปน็ ของแข็งทมี่ สี เี งินวาว ส่วนธาตุคลอรีนเป็นแกส๊ สีเหลอื งอ่อนแกมขยี ว มพี ษิ

-9-

ภาพท่ี 4 สารประกอบเกลือแกงหรอื โซเดยี มคลอไรด์ (ภาพซา้ ย) มีองค์ประกอบ 2 ชนิด
ซง่ึ มสี มบัติแตกต่างกันคอื โซเดยี ม (ภาพกลาง) และคลอรีน (ภาพขวา)

ธาตทุ กุ ชนดิ เปน็ สารบรสิ ุทธิ์ทป่ี ระกอบด้วยอนภุ าคขนาดเล็ก เรยี กวา่ อะตอม (atom)
อะตอม คือ หน่วยท่ีเล็กทสี่ ุดของธาตุ อะตอมของธาตุแตล่ ะชนดิ มีสมบตั ิแตกต่างกัน ในธรรมชาติ
ธาตอุ าจอยเู่ ปน็ อะตอมเดีย่ ว หรอื อาจมอี ะตอมของธาตุชนดิ เดยี วกนั หลายๆ อะตอมอยูร่ วมกัน เชน่
แกส๊ ออกซิเจน ประกอบด้วย อะตอมของออกซเิ จน 2 อะตอม แก๊สไฮโดรเจน ประกอบด้วย อะตอม
ของไฮโดรเจน 2 อะตอม

ส่วนสารประกอบเปน็ สารบรสิ ทุ ธิท์ ี่ประกอบด้วยอะตอมของธาตุต่างชนดิ กันรวมตวั กนั
ในอตั ราส่วนจานวนอะตอมคงที่ เชน่ น้า ประกอบดว้ ยอะตอมของไฮโดรเจน 2 อะตอม และอะตอม
ของออกซเิ จน 1 อะตอม คงที่ โดยมีอัตราสว่ นมวลของออกซเิ จนตอ่ ไฮโดรเจน 8 : 1

กลุ่มของอะตอมท่อี ยรู่ วมกัน
ทางเคมี เรยี กว่า โมเลกุล

โมเลกลุ เป็นหนว่ ยท่ีเล็กที่สดุ
ของสารแตล่ ะชนดิ ที่อยูใ่ นธรรมชาติ
โดยโมเลกลุ ของธาตอุ าจเปน็ อะตอมเด่ยี ว
หรือมอี ะตอมชนิดเดยี วกันตั้งแต่
2 อะตอมขนึ้ ไป

-10-

ตาราง 1 สารประกอบและธาตทุ เ่ี ปน็ องคป์ ระกอบ

ชอื่ สาร ธาตทุ ี่เป็นองคป์ ระกอบ อตั ราส่วนจานวนอะตอม
ขององค์ประกอบ
นา้ ไฮโดรเจน และออกซิเจน
2:1
แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ คาร์บอน และออกซิเจน
แก๊สไนโตรเจนไดออกไซด์ ไนโตรเจน และออกซเิ จน 1:2
1:2
กลูโคส คารบ์ อน ไฮโดรเจน และออกซเิ จน
6 : 12 : 6
เกลือแกง หรอื โซเดียมคลอไรด์ โซเดียม และคลอรีน
1:1
มเี ทน คาร์บอน และไฮโดรเจน
แอมโมเนีย ไนโตรเจน และไฮโดรเจน 1:4
1:3

ภาพท่ี 5 สารบริสทุ ธิ์แบง่ ไดเ้ ป็น ธาตุ และสารประกอบ ธาตุประกอบดว้ ยอะตอม
เพียงชนดิ เดียว โดยธาตอุ าจอยเู่ ปน็ อะตอมเด่ยี ว หรือมตี ัง้ แต่ 2 อะตอมขนึ้ ไปอย่รู วมกนั

ส่วนสารประกอบ ประกอบด้วยอะตอมตา่ งชนดิ กนั อยู่รวมกนั

สญั ลกั ษณข์ องธาตุและสูตรเคมี

ปัจจุบนั นักวิทยาศาสตร์คน้ พบธาตแุ ล้วอยา่ งนอ้ ย 118 ชนดิ บางชนดิ เกดิ ข้ึนเอง
ตามธรรมชาติ เช่น ไฮโดรเจน คาร์บอน ทองแดง บางชนิดเกิดจากการสังเคราะห์ เช่น ไอนส์ ไตเนียม
รทั เทอร์ฟอรเ์ ดียม นฮิ อนเนียม เนอื่ งจากธาตุมหี ลายชนดิ นักวทิ ยาศาสตร์จึงกาหนดสญั ลักษณ์
ของธาตุ (chemical symbol) แทนการเขียนชอื่ ธาตุ เพอื่ ให้เกดิ ความสะดวกและเขา้ ใจตรงกนั
เป็นสากล

การกาหนดสญั ลกั ษณข์ องธาตุ ส่วนใหญม่ าจากช่อื ธาตุในภาษาองั กฤษ โดยใช้ตวั อกั ษร
ตัวแรกของช่อื ธาตุเป็นตวั พมิ พ์ใหญ่ ในกรณีที่ตวั อกั ษรตวั แรกของชอื่ ธาตซุ า้ กันใหต้ ามดว้ ยช่ือตวั อักษร
ตัวพมิ พเ์ ล็กตัวอนื่ นอกจากนส้ี ญั ลกั ษณข์ องธาตบุ างชนดิ กาหนดมาจากชอื่ ธาตใุ นภาษาละติน
ดังตาราง 2

-11-

ตาราง 2 สัญลักษณ์ของธาตุบางชนดิ

ชอื่ ภาษาไทย ชื่อภาษาองั กฤษ ชอ่ื ภาษาละติน สญั ลกั ษณข์ องธาตุ
- H
ไฮโดรเจน Hydrogen - He
- C
ฮเี ลียม Helium - N
- O
คาร์บอน Carbon - Al
- Ca
ไนโตรเจน Nitrogen - S
Ag
ออกซเิ จน Oxygen Argentum Cu
Cuprum Na
อะลมู ิเนยี ม Aluminium Natrium

แคลเซยี ม Calcium

กามะถนั Sulphur

เงนิ Silver

ทองแดง Copper

โซเดยี ม Sodium

สตู รเคมี (chemical formula)

สูตรเคมี เปน็ กล่มุ สัญลกั ษณ์ท่เี ขยี นแทนธาตุและสารประกอบ ประกอบด้วยสญั ลกั ษณ์
ของธาตแุ ละอัตราสว่ นจานวนอะตอมของธาตุท่ีเปน็ องคป์ ระกอบในสารนั้น เชน่ น้าประกอบด้วย
ธาตุไฮโดรเจนและธาตออกซิเจนในอตั ราสว่ นคงที่ 2 : 1 มีสตู รเคมี H2O

ตาราง 3 สตู รเคมขี องธาตุและสารประกอบ สูตรเคมี
ช่ือสาร
H2
แก๊สไฮโดรเจน O2
แก๊สออกซิเจน O3
I2
โอโซน S8
ไอโอดีน H2O
กามะถัน CO2
NO2
นา้ C6H12O6
แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ NaCl
แกส๊ ไนโตรเจนไดออกไซด์

กลูโคส
เกลอื แกงหรอื โซเดยี มคลอไรด์

-12-

สารบริสุทธจิ์ ัดกลมุ่ ตามองคป์ ระกอบไดเ้ ปน็ ธาตแุ ละสารประกอบ ซ่ึงธาตุแต่ละชนิด
มีอนภุ าคท่เี ลก็ ที่สุด คอื อะตอม สารบริสทุ ธิ์ ทปี่ ระกอบด้วยอะตอมเพงี ชนิดเดียวเป็นธาตุ
ส่วนสารบรสิ ุทธทิ์ ปี่ ระกอบด้วยอะตอมมากกว่า 1 ชนดิ รวมกันในอัตราส่วนคงทีเ่ ป็นสารประกอบ
ซงึ่ ธาตแุ ละสารประกอบเขียนแทนได้ดว้ ยสญั ลกั ษณ์ของธาตุและสูตรเคมี

การจาแนกสารโดยใชส้ มบัติทางกายภาพ (ใช้เนอ้ื สารเปน็ เกณฑ์)

สมบตั ทิ างกายภาพ หมายถึง สมบัติทแี่ สดงถึงลักษณะภายนอกของสาร สามารถ
สังเกตเห็นได้ เช่น สถานะ รปู รา่ ง สี กลน่ิ รส การละลาย จุดเดอื ด จุดหลอมเหลว การนาความรอ้ น
การนาไฟฟา้ ความร้อนแฝง ความหนาแนน่

เนือ้ สาร เป็นสมบัติทางกายภาพอย่างหนึ่งของสาร การจาแนกสารโดยใช้เนอ้ื สาร
เป็นเกณฑ์ เปน็ วิธกี ารที่นิยมกันมาก เน่อื งจากสามารถแสดงรายละเอยี ดเกย่ี วกบั สารต่างๆ
ไดม้ ากกว่าวิธีอ่นื ๆ โดยสามารถแยกสารออกไดเ้ ป็น 2 กลมุ่ ใหญๆ่ คือ

1. สารเน้ือเดยี ว คอื สารทีม่ องเห็นเปน็ เนื้อเดยี วกนั ตลอด อาจมเี พยี งชนิดเดียว หรือ
มากกว่าสองชนดิ ผสมอยู่อยา่ งกลมกลนื อาจมีหลายสถานะ และจะแสดงสมบัติเหมือนกนั ทกุ ประการ
เช่น จุดเดือด จุดเยอื กแขง็ จดุ หลอมเหลว แบ่งเปน็ สองชนดิ คือ สารบรสิ ุทธ์ิ กับสารละลาย

สารบริสุทธิ์ คือ สารเนอ้ื เดยี วทีป่ ระกอบไปด้วยสารเพยี งชนดิ เดียว แบ่งออกเปน็ ธาตุ
และสารประกอบ สารบริสุทธ์มิ ีสมบัติ คือ มจี ุดหลอมเหลว และจุดเดอื ดคงที่ เช่น ทองคา ไฮโดรเจน
เกลอื (NaCl) เปน็ ตน้

สารละลาย คอื สารเนอื้ เดยี วทเ่ี กิดจากสารบรสิ ุทธิ์สองชนดิ ขึน้ ไปผสมกนั
โดยไมเ่ กิดปฏิกิริยาเคมี ทาใหจ้ ดุ เดอื ดและจดุ หลอมเหลวไม่คงท่ี ตัวอย่างเชน่ นา้ เกลือ นา้ เชอื่ ม
อากาศ (แก๊สออกซเิ จน รวมกบั แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ และแก๊สอื่นๆ) เปน็ ต้น

2. สารเนื้อผสม วสั ดผุ สม หรือ ของผสม (composite) คือ สารทป่ี ระกอบข้นึ จาก
สาร 2 ชนดิ ข้นึ ไปผสมกนั โดยเน้ือไม่สามารถผสมเข้ากนั ไดต้ ลอด แตบ่ างครง้ั อาจมองเหน็ ไมช่ ดั
ในการจาแนกชนิดของสารเนื้อผสมจะพิจารณาจากขนาดของอนภุ าคท่ปี นอย่ใู นสารเนือ้ ผสมน้นั

การจาแนกสารโดยใชส้ มบัติทางกายภาพ (ใชข้ นาดอนภุ าคเป็นเกณฑ)์

หากใชอ้ นภุ าคของสารเป็นเกณฑ์ จะสามารถแยกสารออกเปน็ 3 ประเภท คือ
สารคอลลอยด์ สารแขวนลอย และสารละลาย

สารคอลลอยด์ (Colloide) คือ สารทีเ่ กิดจากอนุภาคท่มี ขี นาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางระหว่าง
10-7 – 10-4 ซม. ลอยกระจายในตวั กลางหน่งึ ซ่ึงตวั กลางอาจเปน็ ของแข็ง ของเหลว หรอื แกส๊ กไ็ ด้
เราสามารถพบคอลลอยด์ทัว่ ไปได้ในชวี ิตประจาวัน เช่น ฝุ่นละอองในอากาศ เมฆ หมอก ควันไฟ
แก๊สพิษตา่ งๆ จากท่อไอเสยี บางชนดิ มลี กั ษณะเหนียวหนดื เนื่องจากอนภุ าคถกู ยดึ อยูใ่ นตัวการที่เปน็

-13-

ของเหลวอย่างเหนยี วแน่น เมือ่ ระเหยตวั กลางออกไปบางส่วนหรือทาให้เยน็ ลง สารจึงเข้มข้นมากขึ้น
จนเปน็ ของแข็ง เชน่ วนุ้ เจลลี่ แปง้ เปียก เปน็ ตน้

สารแขวนลอย (Suspension) คอื สารท่ีมอี นุภาคทีม่ ขี นาดเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางใหญ่กวา่
10-4 ซม. (100 ไมครอน) ลอยกระจัดกระจายอยู่ โดยทอี่ นภุ าคอยใู่ นของผสมนั้นมีขนาดใหญ่

จึงมองเห็นอนุภาคในของผสมไดอ้ ยา่ งชดั เจน เมือ่ ตั้งทิ้งไว้อนภุ าคจะตกกะกอน และสามารถ
แยกอนุภาคออกจากของผสมได้โดยการกรอง ตัวอย่างเช่น นา้ ปูนใส นา้ แป้ง พรกิ น้าสม้ เปน็ ต้น

สารละลาย คือ สารเนอื้ เดียวท่เี กดิ จากสารลรสิ ุทธิ์สองชนิดข้นึ ไปผสมกนั โดยไม่เกิดปฏิกริ ิยา
ทาใหจ้ ดุ เดอื ดและจดุ หลอมเหลวไม่คงท่ี มีอนุภาคท่ีมขี นาดเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางน้อยกวา่ 10-7 ซม.
ตัวอยา่ งเชน่ นา้ เกลือ นา้ เช่อื ม อากาศ เป็นตน้

ตาราง เปรยี บเทียบของผสม 10-7 – 10-4 cm มากกว่า 10-4 cm
น้อยกวา่ 10-7 cm
ขนาดอนภุ าค คอลลอยด์ สารแขวนลอย
ผา่ นไดเ้ ฉพาะ ผ่านไมไ่ ด้
ชนดิ สารละลาย
กระดาษกรอง ทง้ั กระดาษกรองและ
การกรอง ผ่านกระดาษกรอง กระดาษเซลโลเฟน

และกระดาษ

เซลโลเฟน

การจาแนกสารโดยใชส้ มบตั ิทางกายภาพ (ใช้สถานะของสารเป็นเกณฑ์)

สถานะของสาร มี 3 สถานะ โดยใช้แรงยึดเหนยี่ วเกาะกนั ของโมเลกลุ เป็นเกณฑ์ ดังน้ี
1. ของแข็ง (solid ; s) หมายถงึ สารหรือสสารทีม่ ีขนาดและรปู รา่ งแน่นอน เน่อื งจาก
โมเลกุลยดึ เหนยี่ วกนั อยา่ งหนาแนน่ เปลีย่ นแปลงรูปรา่ งไดย้ าก ปริมาตรไมเ่ ปล่ียนแปลงเม่ือไดร้ บั แรง
กดดนั สูง ไมม่ กี ารแพร่ เช่น เหล็ก หนิ
2. ของเหลว (liquid ; l) หมายถงึ สารหรือสสารทีม่ ขี นาดและรูปรา่ งไม่แนน่ อน
เนื่องจากโมเลกลุ ยดึ เหนี่ยวกันอย่างหลวมๆ เปลย่ี นแปลงรูปร่างตามภาชนะ ปรมิ าตรเปลีย่ นแปลง
เมือ่ ได้รบั แรงกดดันและอุณหภูมิ มีการแพร่ เช่น ปรอท น้า ฯลฯ
3. แก๊ส (gas ; g) หมายถึง สารหรือสสารทีม่ ีขนาดและรูปร่างไม่แนน่ อน เนื่องจาก
โมเลกุลยดึ เหน่ียวกันน้อยมาก และฟงุ้ กระจายอย่อู ย่างอิสระ เปลี่ยนแปลงรูปรา่ งตามภาชนะ
ปริมาตรสามารถเปลี่ยนแปลงเมอ่ื ไดร้ ับแรงกดดนั และอณุ หภูมสิ งู มีการแพร่ เช่น ไฮโดรเจน
ฮเี ลียม ฯลฯ

-14-

ภาพท่ี 6 อนภุ าคของสารในสถานะตา่ งๆ
สมบัตทิ างเคมี หมายถึง สมบตั ิท่ีแสดงลักษณะภายในองค์ประกอบของสาร เช่น
องค์ประกอบภายในอะตอม โมเลกุล การเกิดปฏิกิริยาเคมี เช่น การเกดิ สารใหม่ การเผาไหม้ การ
สลายตวั ของสารให้สารใหม่ การเกดิ สนิมของโลหะ
การเปลยี่ นแปลงสถานะของสาร

การเปลย่ี นแปลงสถานะของสาร แบ่งเปน็ 2 ประเภท
1. การเปลย่ี นแปลงทางเคมี หมายถงึ การเปลี่ยนแปลงสมบัตทิ างเคมี และภายหลัง
การเปลี่ยนแปลงจะได้สารใหม่เกดิ ข้นึ เสมอ เชน่ การเผาไหม้ การเกดิ สารประกอบ การสลายตวั
ของสารประกอบ การย่อยอาหาร การเกิดสนมิ เหล็ก
2. การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพ หมายถงึ การเปลย่ี นแปลงสมบัติทางกายภาพของสาร
เชน่ การเปลย่ี นสถานะ การละลาย การเดือด การหลอมเหลว ภายหลังการเปลยี่ นแปลงยงั คง
ไดส้ ารเดิม การเปลี่ยนสถานะของสาร

1) การเปลยี่ นสถานะของสารจากของแข็งเป็นของเหลว เน่ืองจากไดร้ บั ความรอ้ น
ทาให้อนุภาคมีพลังงานจลน์ (ไดจ้ ากการเคล่อื นที่) เกิดการเคลื่อนไหวเรว็ ข้นึ มีการถา่ ยเทพลังงาน
จลน์ใหก้ ันและกัน เม่ือถึงจุดจดุ หน่งึ โมเลกุลก็จะเคลื่อนท่ีหา่ งออกจากกนั แรงยดึ เหนีย่ วนอ้ ยลง
เรยี กวา่ การละลาย การหลอมเหลว หรือ การหลอมละลาย

2) การเปลยี่ นสถานะจากของเหลวเป็นแก๊ส เกดิ จากอนภุ าคไดร้ ับความรอ้ น
พลงั งานจลนเ์ พม่ิ ขน้ึ อนุภาคห่างกนั จนไม่มีแรงยดึ เหนยี่ วระหว่างกนั เรียกว่า การระเหย

3) การเปลีย่ นสถานะจากของแข็งเปน็ แก๊ส เกิดจากอนุภาคได้รับความรอ้ นสงู
จนแรงยดึ เหนยี่ วหลดุ จากกนั เรยี กวา่ การระเหิด

-15-

กจิ กรรมท่ี 1 การจาแนกประเภทของสารบรสิ ุทธ์ิ
เขยี นเคร่อื งหมาย  หนา้ คาตอบท่ีเป็นสารบริสุทธ์ิ

 เกลอื แกง  นา้ ตาล  น้าปลา

 นา้ เชื่อม  พรกิ กับเกลือ  น้า

 แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์  แก๊สออกซเิ จน

 แก๊สไนโตรเจน  อากาศ

-16-

กจิ กรรมท่ี 2 สารบริสทุ ธ์ิมอี งค์ประกอบอะไรบ้าง

วตั ถปุ ระสงคข์ องกิจกรรม

นกั เรียนสามารถแยกนา้ ด้วยไฟฟา้ และอธบิ ายผลที่ไดจ้ ากการแยกนา้ ด้วยไฟฟ้าได้

วสั ดุอปุ กรณ์ 5. ธูป
1. เบคกิง้ โซดา 6. เครือ่ งแยกนา้ ดว้ ยไฟฟ้า
2. น้า 7. ชอ้ นตกั สาร เบอร์ 1
3. แบตเตอรี่ ขนาด 9 V 8. สายไฟพร้อมคลปิ ปากจระเข้
4. ไฟแชก็

วิธกี ารดาเนินกจิ กรรม

1. ใสน่ า้ ในถ้วยพลาสตกิ ของเครื่องแยกน้าดว้ ยไฟฟา้ จนเกือบเต็ม เตมิ เบคกิง้ โซดา
1 ช้อนเบอร1์ รอใหล้ ะลายจนหมดแลว้ เปิดฝาครอบท่ีมีหลอดแกว้ และข้ัวไฟฟา้

2. ใช้ปลายนวิ้ ปิดรรู ะบายอากาศทฝ่ี าครอบแลว้ คว่าถว้ ยพลาสตกิ เพือ่ ให้น้าเข้าในหลอดแก้ว
จนเต็ม แล้วหงายถ้วยพลาสติกขึน้ โดยไม่ใหม้ ฟี องอากาศในหลอด

-17-

3. ต่อสายไฟจากแบตเตอรข่ี นาด 9 โวลต์ เข้ากับเครอ่ื งแยกน้าดว้ ยไฟฟ้าให้ครบวงจร
สังเกตการเปลี่ยนแปลงในหลอดแกว้ ท้ังสอง บันทึกผล

4. เมื่อระดบั น้าในหลอดใดหลอดหนึง่
ลดลงเกือบหมดหลอด ถอดสายไฟออก ทาเครือ่ งหมาย
แสดงระดบั น้าท่ีเหลอื อยูใ่ นแต่ละหลอดและแสดงว่า
แต่ละหลอดมาจากขั้วใด

5. ระมัดระวังใหป้ ากหลอดยังควา่ อยู่ใต้นา้
ตลอดเวลา จนกวา่ จะทดสอบสารทอ่ี ยู่ในหลอด
คอ่ ยๆ ดันหลอดและจุกยางออกทางดา้ นล่างของฝาครอบ เกบ็ ขัว้ ไฟฟา้

6. ทดสอบสารในหลอดจากขั้วบวก โดยใชป้ ลายน้วิ ชีป้ ดิ ปากหลอดให้แนน่ ตงั้ แต่
ปากหลอดยังอยู่ใตน้ า้ หงายมือขึ้นโดยยงั ไมเ่ ปดิ ปากหลอด แล้วใช้ธปู ท่ลี ุกเป็นเปลวไฟจอ่ ลงใน
ปากหลอดทันทที ีป่ ลายน้วิ ขยับเปดิ ปากหลอด สังเกตการเปลีย่ นแปลง บนั ทึกผล

7. ทดสอบสารในหลอดจากข้ัวลบ
โดยวิธีเดียวกันกบั ข้อ 6 สงั เกตการเปลีย่ นแปลง
บนั ทกึ ผล

8. ทาซ้าตง้ั แตข่ อ้ 1-5 แล้วทดสอบ
สารในหลอดจากขัว้ บวกและขัว้ ลบ โดยใชธ้ ปู
ท่ีเป็นถ่านแดงจอ่ ลงในหลอดทนั ทีทป่ี ลายน้วิ
ขยับเปดิ ปากหลอด สังเกตการเปล่ียนแปลง
บันทึกผล

-18-

แบบบันทกึ กิจกรรมที่ 2 สารบริสทุ ธ์ิมอี งคป์ ระกอบอะไรบา้ ง

ตารางบนั ทกึ ผลการทากิจกรรม ระดับนา้ ปริมาณสาร ผลทดสอบ ผลทดสอบ
ทีเ่ หลือ ที่เกดิ ขึน้ ดว้ ยธปู ที่มี ด้วยธูปท่ตี ดิ
สิ่งที่สังเกตได้ การ ในหลอด ในหลอด เปลวไฟ ถา่ นแดง
เปล่ยี นแปลง

ชุดทดลอง ทีส่ ังเกตได้

สารใน
หลอดแก้ว
ท่ีขัว้ บวก

สารใน
หลอดแกว้
ทข่ี ัว้ ลบ

คาถามทา้ ยกจิ กรรม
1. เมอ่ื ต่อสายไฟจากแบตเตอรี่เข้ากับเครื่องแยกนา้ ดว้ ยไฟฟ้าให้ครบวงจร ในหลอดแกว้ จากข้วั บวกและ
ขวั้ ลบมกี ารเปลยี่ นแปลงเหมอื นหรือตา่ งกนั อยา่ งไร

ตอบ .............................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
.............................................................................................................. ......................................................
2. เมอื่ เปรียบเทยี บปริมาณสารท่ีเกิดข้ึนในหลอดจากขว้ั บวกและขัว้ ลบ มอี ตั ราส่วนประมาณเทา่ ใด

ตอบ .............................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................
3. เมอ่ื ทดสอบสารในหลอดจากขวั้ บวกและขว้ั ลบโดยใชธ้ ูปทล่ี ุกเปน็ เปลวไฟ และธปู ทเ่ี ป็นถา่ นแดง
สังเกตการเปล่ียนแปลงแตกตา่ งกันหรอื ไม่ อยา่ งไร

ตอบ .............................................................................................................................................
............................................................................................................................................................ ........
....................................................................................................................................................................

-19-

4. สารในหลอดจากขว้ั บวกและขัว้ ลบเปน็ สารชนิดเดยี วกนั หรอื ไม่ ทราบได้อยา่ งไร
ตอบ ........................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
5. น้าเป็นสารบรสิ ุทธิ์หรอื สารผสม ทราบไดอ้ ย่างไร

ตอบ ........................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

สรุปผลการทากิจกรรม
............................................................................................................................. ..................................
............................................................................................................................... ................................
...............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
...............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
............................................................................................................................. ..................................
...............................................................................................................................................................

-20-

กจิ กรรมท่ี 3 ตรวจสอบความเขา้ ใจ เรอื่ ง การจาแนกสารบรสิ ทุ ธ์ิ
1. จากแผนภาพจาลองอนภุ าคของสารบรสิ ุทธ์ิ ใหน้ ักเรยี นระบุแผนภาพใดเป็นแบบจาลองของธาตุ
และแผนภาพใดเป็นแบบจาลองของสารประกอบ

ตอบ ........................................................................................................................................
....................................................................................................................... ........................................
2. แก๊สไนโตรเจน ประกอบดว้ ยไนโตรเจน 2 อะตอม

2.1) แกส๊ ไนโตรเจนเปน็ ธาตหุ รือสารประกอบ
ตอบ ........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
2.2) วาดลกู ศรชอ้ี ะตอมไนโตรเจนในภาพ

แกส๊ ไนโตรเจน
3. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ประกอบด้วย คาร์บอน 1 อะตอม และออกซเิ จน 2 อะตอม

3.1) แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์เป็นธาตหุ รือสารประกอบ
ตอบ ........................................................................................................................................
............................................................................................................................................................ ...
3.2) วาดลูกศรชีอ้ ะตอมคาร์บอนและอะตอมออกซเิ จนในภาพ

แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์

-21-

4. อาร์กอน (Argon) โคบอลต์ (Cobalt) และนีออน (Neon) ควรมสี ญั ลักษณธ์ าตอุ ยา่ งไร
ตอบ ........................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................
5. สารประกอบชนดิ หน่ึงประกอบด้วยอะตอมของกามะถนั และออกซิเจนในอัตราส่วน 1 : 2 สตู รเคมี
ของสารนเี้ ขยี นได้อย่างไร

ตอบ ........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
6. สารประกอบแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ หรอื CO2 มอี ะตอมของธาตุใดเปน็ องคป์ ระกอบบ้าง
และมีอัตราสว่ นของอะตอมแตล่ ะชนิดเท่าใด

ตอบ ........................................................................................................................................
............................................................................................................................................................ ...
............................................................................................................................. ..................................
............................................................................................................................. ..................................

-22-

กจิ กรรมท่ี 4 แผนผังความคดิ
เรอื่ ง การจาแนกสารบรสิ ทุ ธ์ิ

ชื่อ____________________________________________ชั้น__________เลขท่ี__________

หลังจากเรียน เร่อื ง การจาแนกสารบรสิ ุทธิ์ แลว้ เรามาชว่ ยกนั เขยี นแผนผงั ความคิด
นะคะ

-23-

กจิ กรรมท่ี 1 การจาแนกประเภทของสารบรสิ ุทธ์ิ
เขยี นเคร่อื งหมาย  หนา้ คาตอบท่ีเป็นสารบริสุทธ์ิ

 เกลอื แกง  นา้ ตาล  น้าปลา

 นา้ เชื่อม  พรกิ กับเกลือ  น้า

 แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์  แก๊สออกซเิ จน

 แก๊สไนโตรเจน  อากาศ

-24-

แบบบนั ทึกกิจกรรมที่ 2 สารบริสุทธิม์ ีองค์ประกอบอะไรบา้ ง

ตารางบันทึกผลการทากิจกรรม

สิ่งท่ีสังเกตได้ การ ระดับนา้ ปริมาณสาร ผลทดสอบ ผลทดสอบ
ทเ่ี หลอื ทีเ่ กดิ ขนึ้ ด้วยธปู ท่ีมี ด้วยธูปท่ตี ดิ
เปลี่ยนแปลง ในหลอด ในหลอด เปลวไฟ ถ่านแดง
ชดุ ทดลอง ที่สังเกตได้ 6 cm
3 cm มีเปลวไฟสวา่ ง ธปู จะวาบเป็น
มีฟองแก๊ส 3 cm จากเดมิ เปลวไฟสวา่ ง

ไมม่ สี ีขนาด เพยี งเลก็ น้อย
ไมม่ เี สียง
สารใน เล็กผุดข้ึน

หลอดแก้ว และสะสม

ท่ีข้ัวบวก ทปี่ ลาย

ดา้ นบน

ของหลอด

มฟี องแกส๊ 6 cm สารท่อี ยูใ่ น ไมม่ ีการ
หลอดตดิ ไฟ เปลี่ยนแปลง
ไมม่ สี ขี นาด เกิดเปลวไฟ
ลุกไหม้
สารใน เลก็ ผดุ ขึน้
จานวนมาก และมเี สียง
หลอดแกว้
ทีข่ วั้ ลบ และสะสม
ที่ปลาย

ด้านบน

ของหลอด

คาถามทา้ ยกิจกรรม
1. เมื่อต่อสายไฟจากแบตเตอรเี่ ข้ากบั เครอ่ื งแยกนา้ ดว้ ยไฟฟา้ ให้ครบวงจร ในหลอดแก้วจากขวั้ บวกและ
ข้วั ลบมีการเปล่ียนแปลงเหมือนหรอื ต่างกันอยา่ งไร

ตอบ หลอดแก้วทัง้ สองเกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนกนั โดยมฟี องแก๊สขนาดเล็กผดุ ข้ึน
จากขดลวดข้นึ ไปแทนทีป่ ลายด้านบนของหลอดทดลองทั้งสอง ทาให้ระดบั น้าในหลอดทดลองลดลง
แตต่ ่างกันตรงทีป่ ริมาณแกส๊ ท่เี กดิ ขึน้ ในแต่ละหลอด โดยในหลอดทาตอ่ กับขั้วลบมีมากกว่าในหลอด
ทีต่ ่อกับข้ัวบวก
2. เมอ่ื เปรียบเทยี บปรมิ าณสารทีเ่ กิดขน้ึ ในหลอดจากขั้วบวกและข้วั ลบ มอี ตั ราส่วนประมาณเท่าใด

ตอบ ปรมิ าณสารทเี่ กดิ ขึ้นในหลอดจากขั้วบวกและขั้วลบ มอี ัตราสว่ นประมาณ 1 : 2

-25-

3. เมอ่ื ทดสอบสารในหลอดจากข้ัวบวกและขั้วลบโดยใชธ้ ูปท่ลี กุ เปน็ เปลวไฟ และธูปทีเ่ ปน็ ถา่ นแดง
สงั เกตการเปลย่ี นแปลงแตกตา่ งกนั หรือไม่ อย่างไร

ตอบ สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงแตกตา่ งกนั เมือ่ ทดสอบดว้ ยธูปท่ลี ุกเปน็ เปลวไฟ ในหลอด
จากขวั้ บวกมีเปลวไฟสวา่ งจากเดมิ เพียงเลก็ น้อย ไมม่ ีเสยี ง สว่ นในหลอดจากขว้ั ลบเกดิ เปลวไฟลุกไหม้
และมเี สยี ง เมื่อทดสอบด้วยธูปทีต่ ิดไฟเป็นถ่านแดง ในหลอดจากข้วั บวกจะเกิดเปลวไฟลกุ สว่างข้นึ
ส่วนในหลอดจากขว้ั ลบ จะไม่มกี ารเปล่ียนแปลง
4. สารในหลอดจากขว้ั บวกและขั้วลบเปน็ สารชนิดเดยี วกันหรือไม่ ทราบไดอ้ ยา่ งไร

ตอบ สารในหลอดจากขว้ั บวกและขว้ั ลบไม่ใช่สารชนดิ เดยี วกนั ทราบไดจ้ ากผลการทดสอบ
ด้วยธปู ซ่ึงได้ผลต่างกนั โดยแก๊สในหลอดจากขัว้ บวกที่ชว่ ยใหไ้ ฟติด สว่ นแก๊สในหลอดจากขั้วลบ
ติดไฟได้ และสามารถทราบได้จากปรมิ าณแก๊สท่ีเกดิ ข้ึนอีกด้วย โดยแกส๊ ที่หลอดจากขว้ั บวกมปี รมิ าณ
น้อยกว่าแก๊สทหี่ ลอดจากขั้วลบประมาณครง่ึ หนงึ่
5. นา้ เป็นสารบรสิ ทุ ธิ์หรือสารผสม ทราบไดอ้ ยา่ งไร

ตอบ นา้ เปน็ สารบรสิ ทุ ธ์ิ ทราบไดจ้ ากสมบัติของน้า ซง่ึ มจี ดุ เดือดคงท่ีและอณุ หภมู ิท่นี า้
เริ่มหลอมเหลว และหลอมเหลวจนหมดเป็นอณุ หภูมิเดยี วกนั

สรุปผลการทากจิ กรรม
การผา่ นกระแสไฟฟ้าลงไปในนา้ ซ่งึ เป็นสารบริสุทธิ์ ทาให้น้าสลายตวั

ไดเ้ ป็นแก๊สที่มีสมบตั ิแตกต่างกนั 2 ชนิด คือ แก๊สทีช่ ่วยใหไ้ ฟติดและแกส๊ ท่ตี ิดไฟได้
ในอตั ราส่วน 1 : 2 ซงึ่ แกส๊ ทั้งสองมสี มบตั แิ ตกตา่ งจากสมบัตขิ องนา้ ซ่ึงเป็นของเหลว
ไม่มสี ี

-26-

กจิ กรรมท่ี 3 ตรวจสอบความรู้ เรือ่ ง การจาแนกสารบริสุทธิ์
1. จากแผนภาพจาลองอนภุ าคของสารบริสุทธ์ิ ใหน้ ักเรียนระบุแผนภาพใดเปน็ แบบจาลองของธาตุ
และแผนภาพใดเปน็ แบบจาลองของสารประกอบ

ตอบ 1 และ 3 เปน็ ธาตุ เพราะแตล่ ะสารมีอะตอมทเ่ี ปน็ องค์ประกอบเพียงชนิดเดยี ว
สว่ น 2 และ 4 เป็นสารประกอบ เพราะแต่ละสารมอี ะตอมทีเ่ ปน็ องคป์ ระกอบตั้งแต่ 2 อะตอม
2. แกส๊ ไนโตรเจน ประกอบด้วยไนโตรเจน 2 อะตอม

2.1) แกส๊ ไนโตรเจนเปน็ ธาตหุ รือสารประกอบ
ตอบ แกส๊ ไนโตรเจนเปน็ ธาตุ
2.2) วาดลูกศรช้ีอะตอมไนโตรเจนในภาพ

3. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ประกอบด้วย คาร์บอน 1 อะตอม และออกซิเจน 2 อะตอม
3.1) แก๊สคารบ์ อนไดออกไซดเ์ ปน็ ธาตหุ รอื สารประกอบ
ตอบ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซดเ์ ปน็ สารประกอบ
3.2) วาดลกู ศรชี้อะตอมคารบ์ อนและอะตอมออกซเิ จนในภาพ

-27-

4. อาร์กอน (Argon) โคบอลต์ (Cobalt) และนีออน (Neon) ควรมีสญั ลกั ษณธ์ าตอุ ย่างไร
ตอบ อารก์ อน Ar โคบอลต์ Co นอี อน Ne

5. สารประกอบชนดิ หนง่ึ ประกอบดว้ ยอะตอมของกามะถนั และออกซเิ จนในอัตราสว่ น 1 : 2 สตู รเคมี
ของสารน้ีเขยี นได้อยา่ งไร

ตอบ สตู รเคมี คือ SO2 เพราะสญั ลักษณ์ธาตขุ องกามะถัน คอื S และสญั ลักษณธ์ าตุ
ของออกซิเจน คือ O โดยมอี ตั ราสว่ นระหว่างกามะถันและออกซิเจน 1 : 2
6. สารประกอบแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 มอี ะตอมของธาตุใดเป็นองค์ประกอบบ้าง
และมอี ตั ราสว่ นของอะตอมแต่ละชนดิ เท่าใด

ตอบ สารประกอบแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ มอี ะตอมอยู่ 2 ชนดิ คือ คาร์บอน และ
ออกซเิ จน โดยมอี ตั ราสว่ นระหวา่ งอะตอมคารบ์ อนและออกซเิ จน 1 : 2

-28-

กิจกรรมที่ 4 แผนผงั ความคิด
เรอื่ ง การจาแนกสารบรสิ ุทธิ์
ชื่อ____________________________________________ชั้น__________เลขที่__________
หลงั จากเรียน เรอ่ื ง การจาแนกสารบริสุทธ์ิ แลว้ เรามาช่วยกนั เขยี นแผนผังความคิด
นะคะ

พิจารณาจากผลงานของนกั เรียน
สามารถเขยี นได้หลากหลายตามความคดิ ของแตล่ ะคน

-29-

แบบทดสอบหลงั เรียน
เรือ่ ง การจาแนกสารบริสุทธ์ิ

คาสง่ั ใหน้ กั เรียนเลอื กคาตอบทถ่ี กู ที่สดุ เพยี งคาตอบเดยี ว แลว้ ทาเครื่องหมายกากบาท (X)
ลงในกระดาษคาตอบ
1. ของเหลว 2 ชนดิ คอื สาร A และสาร B เม่ือต้ังท้งิ ไว้สกั ระยะหนึง่ จะมองเหน็ สาร B

ตกตะกอน สาร B น่าจะเปน็ สารตามข้อใด
ก. สารแขวนลอย
ข. สารละลาย
ค. สารคอลลอยด์
ง. สารละลายและสารคอลลอยด์

2. เมื่อจดั “น้าเช่ือมเปน็ ของเหลว” เปน็ การใชส้ มบตั ิในข้อใดเป็นเกณฑ์จาแนกสาร
ก. ชนดิ
ข. รสชาติ
ค. สถานะ
ง. ลักษณะเนอื้ สาร

3. จากขอ้ มลู ข้อใดเป็นลักษณะของสารเนือ้ เดียว
1. มองเห็นเนอ้ื สารเปน็ เป็นเน้อื เดียวกนั
2. สารท่ีเปน็ ส่วนประกอบของสารอาจมีเพียงอยา่ งเดยี วหรอื หลายอยา่ งกไ็ ด้
3. สารที่เป็นสว่ นประกอบของสารอาจมไี ด้หลายสถานะ

ก. ขอ้ 1, 2
ข. ข้อ 1, 3
ค. ขอ้ 2, 3
ง. ข้อ 1, 2, 3
4. เมื่อเทนา้ มนั พืชลงในแก้วท่ีมีน้าแล้วเขย่า ของเหลวในแก้วเป็นสารในขอ้ ใด

ก. สารบริสุทธ์ิ
ข. สารเนื้อผสม
ค. สารเนอ้ื เดยี ว
ง. สารประกอบ

-30-

5. จาการทดลองการตรวจสอบขนาดอนภุ าคของสารต้องใชเ้ ซลโลเฟน ตัวแปรต้น

ไดแ้ ก่ นา้ โคลน นา้ นม แบะนา้ หวานสีแดง จากการทดลองครัง้ น้ีนักเรยี นสามารถใช้สารตามข้อใด
แทนน้าหวานสแี ดงได้

ก. น้ากะทิ
ข. ครีมทาผวิ
ค. นา้ เตา้ หู้
ง. น้าโคก้ สีดา
6. เม่ือบอกวา่ “กล้วยบวชชีเปน็ สาร มองไมเ่ หน็ เป็นเน้ือเดียว” เป็นการใช้สมบตั ิ
ในขอ้ ใดตอ่ ไปนีเ้ ปน็ เกณฑใ์ นการจาแนกสาร
ก. ชนดิ

ข. รสชาติ
ค. สถานะ
ง. ลักษณะเนอ้ื สาร
7. เมื่อนาสาร A มาทาการทดลองปรากฏว่าสาร A สามารถลอดผ่านรขู องกระดาษกรอง
ไปได้แตไ่ มส่ ามารถผา่ นเซลโลเฟน สาร A ควรจัดเป็นสารตามขอ้ ใด
ก. สารละลาย
ข. สารคอลลอยด์
ค. สารแขวนลอยด์
ง. สารละลายและสารคอลลอยด์

8. สารเนือ้ เดียวในข้อใดทม่ี อี งค์ประกอบของสารเพยี งอย่างเดียว
ก. นา้ เช่ือม
ข. ทองคา
ค. น้ากะทิ
ง. น้าแอมโมเนยี

9. ตวั เลือกใดถกู ตอ้ งทสี่ ดุ เกี่ยวกับ สารละลาย สารคอลลอยด์ และสารแขวนลอย
ก. สารละลาย สารคอลลอยด์ และสารแขวนลอย เปน็ สารเนื้อผสม
ข. สารคอลลอยด์ และสารแขวนลอย อยู่ในสถานะของเหลวเทา่ น้นั
ค. สารแขวนลอยมีอนุภาคใหญท่ ส่ี ดุ
ง. อนภุ าคของสารละลายถกู แยกออกจากกันได้โดยการกรองดว้ ยกระดาษกรอง

10. ข้อใดเปน็ สารเน้อื เดียวทง้ั หมด
ก. นา้ เตา้ หู้ น้าเกลือ พริกกบั เกลอื
ข. นา้ แปง้ สุก นา้ เชื่อม น้ามนั พชื
ค. น้านม นา้ กะทิ น้าโคลน
ง. น้าเกลอื พรกิ ปน่ น้าอบไทย

-31-

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
เรื่อง การจาแนกสารบริสทุ ธ์ิ

คาช้แี จง

1. เกณฑ์การประเมนิ แบบทดสอบมจี านวน 10 ขอ้ ขอ้ ละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน ดังนี้

2. ระดบั คุณภาพ ดี หมายถึง ได้คะแนน 8 - 10 คะแนน

พอใช้ หมายถึง ไดค้ ะแนน 5 - 7 คะแนน

ปรับปรุง หมายถงึ ไดค้ ะแนน 0 - 4 คะแนน

ขอ้ คาตอบ

1ง
2ข
3ข
4ง
5ค
6ข
7ค
8ก
9ข
10 ง

-32-

เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
เรอื่ ง การจาแนกสารบรสิ ทุ ธิ์

คาช้แี จง

1. เกณฑ์การประเมนิ แบบทดสอบมจี านวน 10 ขอ้ ขอ้ ละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน ดังนี้

2. ระดบั คุณภาพ ดี หมายถงึ ได้คะแนน 8 - 10 คะแนน

พอใช้ หมายถึง ได้คะแนน 5 - 7 คะแนน

ปรับปรุง หมายถึง ไดค้ ะแนน 0 - 4 คะแนน

ข้อ คาตอบ

1ก
2ค
3ง
4ข
5ง
6ง
7ข
8ข
9ค
10 ข

-33-

บรรณานกุ รม

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย,ี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. คู่มอื ครู รายวชิ าพน้ื ฐาน
วทิ ยาศาสตร์ เลม่ 1 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1. กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2562.
. หนงั สอื เรียน รายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เลม่ 1 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1. กรงุ เทพฯ :

จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2562.

การจาแนกประเภทของสาร. [ออนไลน์] เขา้ ถึงได้จาก http://www.trueplookpanya.com.
. 20 พฤษภาคม 2564.

สสารและการจาแนก. [ออนไลน]์ เขา้ ถึงได้จาก http://www.kksci.com. 20 พฤษภาคม
2564.

องค์ประกอบของสารบริสุทธิ์. [ออนไลน์] เขา้ ถึงไดจ้ าก proj14.ipst.ac.th/m1/m1-sci
book1/sci-m1b1-011. 20 พฤษภาคม 2564.


Click to View FlipBook Version