- ๕๑ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๒) ในกรณีมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ให้ออกคําสั่งฟ้องและฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล
สํานกั ถง้าานไมค่เณหะ็นกชรรอมบกดา้วรกยฤกษ็ใฎหีก้สา่ังไม่ฟ้อง สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ในกรณีหนึ่งกรณใี ดขา้ งตน้ พนักงานอัยการมีอาํ นาจ
ส(กาํ น)ักสง่ังาตนาคมณทะเี่กหรน็รมคกวารรกใหฤ้พษฎนีกักางานสอบสวนสดําํานเนกั งินากนาครณสะอกบรรสมวกนาเรพกิ่มฤเษตฎิมีกหารือส่งพยาน
คนใดมาให้ซกั ถามเพอ่ื ส่งั ต่อไป
สํานกั งานคณะกรรมการก(ขฤ)ษฎวิีกนาิจฉัยว่าควรปสลําน่อักยงผานู้ตค้อณงหะการรปมลก่อารยกชฤั่วษคฎรกี าาว ควบคุมไวส้ าํ หนรักืองาขนอคใณหะ้ศการรลมขกังารกฤษฎกี า
แล้วแต่กรณี และสจใาํนัดนคกกั ดางราีฆนหาครตอืณกสะร่ังกรกรมรามรซใก่ึงหาผรเ้ ู้ปตกฤา็นยษไปถฎูกตีกาเาจม้านพนั้ นักงานซสึ่งําอน้าักงงวาน่าปคณฏิบะกัตริรรามชกการากรฤตษาฎมีกหาน้าท่ีฆ่าตาย
สาํ นกั หงรานือคตณายะกในรรรมะกหาวร่ากงฤอษยฎู่ใีกนาความควบคุมสขําอนงกั เงจา้านพคนณักะงการนรมซก่ึงาอร้ากงฤวษ่าฎปกีฏาิบัติราชการตาสมาํ นหักนง้าาทนคี่ อณธะิบกดรีรกมรกมารกฤษฎกี า
อยั การหรือผู้รกั ษาการแทนเทา่ นนั้ มีอาํ นาจออกคาํ สงั่ ฟอ้ งหรอื ไมฟ่ อ้ ง
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๔๔ ในกรณีที่พนักงานอัยการมีคําส่ังฟ้อง ถ้าความผิดนั้นเป็นความผิดซึ่ง
สํานักองาาจนเคปณระียกบรเรทมียกบารไกดฤ้ ถษ้าฎเีกหาน็ สมควรพนักสงําานนักองัยานกคาณรมะีอกรํารนมากจารดกังฤตษอ่ ฎไปกี านี้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๑) สั่งให้พนักงานสอบสวนพยายามเปรียบเทียบคดีนั้น แทนการที่จะส่งผู้ต้องหา
ไปยังพนกั งานอัยสกําานรักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๒) เมื่อผู้ต้องหาถูกส่งมายังพนักงานอัยการแล้ว ส่ังให้ส่งผู้ต้องหาพร้อมด้วยสํานวน
สํานกั กงลานับคไณปะยกังรพรมนกักางรากนฤสษฎอีกบาสวนให้พยายสาํามนักเปงารนียคบณเะทกียรบรมคกดาีนรก้ันฤษหฎรกี ือาถ้าเห็นสมควสรําจนะักสงา่ังนใคหณ้พะนกักรรงมากนารกฤษฎีกา
สอบสวนอ่ืนท่มี ีอสาํ นํานากัจงจาัดนกคาณระเกปรรรียมบกเาทรียกบฤษใหฎก้ีกไ็าด้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๑๔๕๙๐ ในกสํารนณักีทงาี่มนีคคําณสะั่งกไรมร่ฟม้อกางรกแฤลษะฎคีกําาสั่งนั้นไม่ใช่ขอสงาํ อนธักิบงาดนีกครณมะอกัยรรกมากรารกฤษฎกี า
ถ้าในนครหลวงกรุงเทพธนบุรี ให้รีบส่งสํานวนการสอบสวนพร้อมกับคําสั่งไปเสนออธิบดีกรมตํารวจ
รองอธิบดีกรมตําสรําวนจักหงารนือคผณู้ชะ่วกยรอรมธิบกาดรีกกรฤมษตฎําีกราวจ ถ้าในจังหสวําัดนอกั ื่นงาในหค้รณีบะสก่งรสรํามนกวานรกกฤาษรฎสกีอาบสวนพร้อม
กับคําสั่งไปเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ทั้งน้ี มิได้ตัดอํานาจพนักงานอัยการที่จะจัดการอย่างใดแก่
สํานักผงู้ตาน้อคงหณาะดกงัรบรมัญกญารัตกิไฤวษใ้ นฎีกมาาตรา ๑๔๓ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ในกรณีที่อธิบดีกรมตํารวจ รองอธิบดีกรมตํารวจหรือผู้ช่วยอธิบดีกรมตํารวจในนคร
หลวงกรุงเทพธนบสาํุรนี หกั งราือนผคู้วณ่าะรการชรกมากราจรังกหฤษวัดฎใกี นาจังหวัดอ่ืนแยส้งําคนํากั สงาั่งนขคอณงพะกนรักรงมากนารอกัยฤกษาฎรีกใาห้ส่งสํานวน
พร้อมกับความเห็นท่ีแย้งกันไปยังอธิบดีกรมอัยการเพ่ือชี้ขาด แต่ถ้าคดีจะขาดอายุความหรือมีเหตุ
สํานักองยาน่าคงอณ่ืนะอกรันรจมํากเาปร็นกฤจษะตฎ้ีกอางรีบฟ้อง ก็ใหส้ฟํา้อนักงคงาดนีนค้ันณตะากมรรคมวกาามรเกหฤ็นษขฎอกี งาอธิบดีกรมตําสราํ วนจักงราอนงคอณธะิบกดรีกรมรกมารกฤษฎีกา
ตาํ รวจ ผชู้ ่วยอธิบสดาํ กีนรกั มงาตนาํ ครณวจะกหรรรมอื กผาูว้ ร่ากรฤาษชฎกกี าารจังหวดั ไปกอ่ สนํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
บทบัญญัติในมาตรานี้ ให้นํามาบังคับในการท่ีพนักงานอัยการจะอุทธรณ์ ฎีกา หรือ
สํานักถงอานนคฟณอ้ ะงกถรรอมนกอาุทรกธฤรษณฎแ์ กี ลาะถอนฎีกาโดสยําอนนักโุ งลามนคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตกั รงาาน๑คณ๔๕ะก/ร๑ร๙ม๑การสกําฤหษรฎับีกกาารสอบสวนซสึ่งําอนยกั ู่ใงนานคควณามะกรรับรผมิดกาชรอกบฤขษอฎงีกเาจ้าพนักงาน
ตาํ รวจในกรณที ่มี ีคาํ สงั่ ไม่ฟอ้ งและคําสัง่ นัน้ ไมใ่ ชค่ ําสงั่ ของอัยการสูงสุด ถา้ ในกรุงเทพมหานครให้รีบส่ง
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๙๐ มาตรา ๑๔๕ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี ๓๓๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๓
ธันวาคม ๒๕๑๕ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๙๑ มาตรา ๑๔๕/๑ เพ่ิมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๑๕/๒๕๕๗ เรื่อง
สํานกั แงกาไ้นขคเพณ่ิมะเกตริมรปมรกะามรวกลฤกษฎฎหกีมาายวธิ ีพจิ ารณาคสวําานมกั องาาญนาคลณงะวกันรทรี่ ม๒ก๑ารกกรฤกษฎาฎคีกมา พทุ ธศักราช ๒ส๕าํ ๕น๗ักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๕๒ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานวนการสอบสวนพร้อมกับคําส่ังเสนอผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ
สาํ นกั หงรานือคผณู้ชะ่วกยรผรู้บมักญาชรกาฤกษารฎตกี ําารวจแห่งชาตสิ ําถน้ากั ใงนานจคังหณวะัดกรอรื่นมใกหา้รรกีบฤสษ่งฎสกีําานวนการสอบสสาํ วนนักพงารน้อคมณกะับกครรํามสกั่งารกฤษฎกี า
เสนอผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ
แต่ท้ังน้ี มิได้ตัดอสําาํนนากั จงพานนคักณงาะนกอรรยั มกกาารรทก่ีจฤะษจฎดักี กาารอยา่ งใดแกสผ่ํานู้ตัก้องงาหนาคดณงั ะบกัญรรญมตักไิาวรใ้กนฤมษาฎตีกราา ๑๔๓
ในกรณีท่ีผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ หรือผู้ช่วย
สาํ นกั ผงู้บานัญคณชาะกกรารรมตกําารรกวฤจษแฎหีก่างชาติในกรุงเสทํานพกั มงหานาคนณคะรกรหรมรกือาผรู้บกฤัญษชฎาีกกาารหรือรองผสู้บํานัญักงชาานกคาณระซก่ึงรเรปม็กนารกฤษฎีกา
ผสู้ําบนังวคนับพบรัญ้อชมากขับอสคงาํ วพนาักนมงักเาหงนา็นคนณทสี่แะอกยรบ้งรไสมปวกยนาังรผอกู้รฤัยับษกผฎาิดกีรชสาอูงสบุดในเพจื่อังชหี้ขวาัดสดําอนื่นแกั แตงาย่ถน้ง้าคคคณําดะสีจก่ังะรขขรอมางกดพาอรนากักยฤุคงษาวฎนากี มอาัยหกราือรมใหีเห้สต่งุ
สาํ นกั องยาน่าคงณอื่นะกอรันรมจกําาเปรก็นฤจษะฎตกี ้อา งรีบฟ้อง ก็ใสหําน้ฟัก้องงานคคดณีนะั้นกตรรามมกคาวรากมฤษเหฎ็นีกาของผู้บัญชากสาาํ นรตักงําารนวคจณแะหก่งรชรมากตาิ รกฤษฎีกา
รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการ
ดังกลา่ วแลว้ แตก่ รสณํานไี กั ปงกาน่อคนณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
บทบัญญัติในมาตรานี้ ให้นํามาบังคับในการที่พนักงานอัยการจะอุทธรณ์ ฎีกา หรือ
สํานกั ถงอานนคฟณอ้ ะงกถรอรนมอกุทารธกรฤณษแ์ฎลกี ะาถอนฎีกาโดยสอํานนโุักลงมานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตกั งราานค๑ณ๔ะ๖กรรใมหก้แารจก้งฤคษําฎสกี ั่งาเด็ดขาดไม่ฟส้อํานงักคงดาีในหค้ผณู้ตะก้อรงรหมากแารลกะฤผษู้รฎ้อกี งาทุกข์ทราบ
ถ้าผู้ต้องหาถูกควบคุมหรือขังอยู่ ใหจ้ ัดการปลอ่ ยตัวไปหรือขอให้ศาลปล่อย แลว้ แตก่ รณี
สํานกั งานคณะกรรมการกเมฤื่อษพฎกีนาักงานอัยการสมําีคนํากั สงาั่งนเดคณ็ดขะการดรไมมก่ฟาร้อกงฤแษลฎ้วีกาผู้เสียหาย ผู้ตส้อาํ งนหักงาานหครณือะผกู้มรีสรม่วกนารกฤษฎีกา
ไสดอ้เบสสียวมนีสแิทลธะิรพ้อนงขกัสอํางนาตนกั ่องอพายั นนกคักาณงราะในนกรกอราัยมรกกสาา่ังรรคกเพดฤ่ืีอษขฎทอกี้ังนทา ี้รภาาบยสใรนุปกพาํ หยสานํานดนหอักลางยาักนุคฐควาณานมะพกฟรรอ้้อรงมมรกคอ้ าวงรา๙กม๒ฤเษหฎ็นกี ขาองพนักงาน
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๑๔๗ เมื่อมีคําสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีแล้ว ห้ามมิให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับ
บุคคลน้ันในเรื่องสเดาํ นียักวงกาันนคนณ้ันะอกีกรรเมวก้นาแรตก่จฤษะไฎดกี ้พา ยานหลักฐาสนําในหักมง่อานันคสณําคะกัญรแรมกก่คาดรกี ซฤ่ึงษนฎ่าีกจาะทําให้ศาล
ลงโทษผ้ตู อ้ งหาน้นั ได้ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกวฤรรษคฎสกี อาง๙๓ (สภาไมสอ่ ํานนมุักงตั าิ)นคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหมวด ๒ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา การชนั สตู รพลิกศพ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการก๙๒ฤษมฎาตีกราา ๑๔๖ วรรคสสอํางนกัเพงิ่ามนโดคยณพะรกะรรรามชกบาัญรญกฤัตษิแฎก้ไีกขาเพิ่มเติมประมวสลํากนฎักหงมานายควณิธีะพกิจรารรมณกาารกฤษฎกี า
ความอาญา (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๔๗
ส๙าํ ๓นมกั ีพงารนะครณาชะบกรัญรญมกัตาิไรมก่อฤนษุมฎัตกี ิพาระราชกําหนดสแํากน้ไักขงเาพนิ่มคเณตะิมกปรรระมมกวาลรกกฤฎษหฎมีกาายวิธีพิจารณา
ความอาญา พุทธศักราช ๒๔๘๗ พุทธศักราช ๒๔๘๗ เป็นเหตุให้มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมาย
สํานกั วงิธาีพนิจคาณรณะการครวมากมาอรากญฤาษฎซงึ่กี แาก้ไขเพ่ิมเติมโดยสพํานระักรงาาชนกคําณหะนกดรแรกม้ไกขาเพรกิ่มฤเตษิมฎปกี ราะมวลกฎหมายวสิธาํ ีพนิจักางราณนาคคณวะากมรอรามญกาารกฤษฎีกา
พุทธศักราช ๒๔๘๗ เป็นอันตกไป (มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซ่ึงแก้ไข
เพิ่มเติมโดยพระราสชาํกนําักหงนาดนแคกณ้ไขะเกพริ่มรเมตกิมาปรรกะฤมษวฎลีกวาิธีพิจารณาความสอํานาญักงาานพคุทณธศะักกรรารชมก๒า๔รก๘ฤ๗ษบฎัญกี าญัติว่า “เมื่อมี
คําสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีแล้ว ห้ามมิให้พนักงานอัยการฟ้องคดีน้ัน เว้นแต่จะได้มีการสอบสวนตามบทบัญญัติในวรรค
สํานกั กง่อานนคหณรือะไกดรม้ รีคมาํ กสาั่งรใกหฤฟ้ ษ้อฎงขีกอางอธบิ ดกี รมอัยสกําานร”ัก)งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๕๓ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๑๔๘ เมื่อปรากฏแน่ชัด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลใดตายโดยผิด
สาํ นกั ธงรารนมคชณาะตกิรหรมรกือาตรากยฤใษนฎรีกะาหว่างอยู่ในคสวําานมักคงวานบคคณุมะขกอรงรเมจก้าาพรกนฤักษงฎากีนา ให้มีการชันสสูตาํ นรักพงลาิกนคศณพะเกวร้นรมแกตา่ รกฤษฎีกา
ตายโดยการประหารชีวิตตามกฎหมาย๙๔
สกาํ านรักตงาานยโคดณยะผกดิ รธรมรรกมารชกาฤตษินฎ้ันีกาคอื สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๑) ฆ่าตวั ตาย สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษถฎูกีกผา อู้ น่ื ทําให้ตายสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ส((๔๓ําน))กั ตถงกูาานยสคโตั ดณวย์ทะอกําุบรรรตั้ามยิเหกตาตารุยกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการก(๕ฤ)ษตฎากี ยาโดยยงั มิปราสกําฏนเกัหงตาุนคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตักรงาาน๑ค๔ณ๙ะกรครมวากมารตกาฤยษผฎิดกี ธารรมชาติเกิดมสีขําน้ึนกั งณานทค่ีใณดะกใหรร้เปมก็นาหรนกฤ้าษทฎ่ีขกีอางสามี ภริยา
ญาติ มติ รสหายหรือผู้ปกครองของผูต้ ายท่ีรูเ้ รอื่ งการตายเช่นนัน้ จัดการ ดังตอ่ ไปนี้
สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๑ฤ)ษเฎกีกบ็ าศพไว้ ณ ที่ซสึ่งพํานบกั นง้ันานเอคงณเพะกยี รงรเมทก่าาทรี่จกะฤทษฎําไกี ดา้ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๒) ไปแจ้งความแกพ่ นักงานฝา่ ยปกครองหรือตํารวจโดยเร็วทสี่ ุด
สหาํ นนกั้าทงาี่ดนังคกณละ่ากวรใรนมวกรารรคกตฤ้นษฎนีกั้นามีตลอดถึงผู้อสื่นํานซกั ่ึงงไาดน้พคบณศะพกรใรนมทก่ีซา่ึงรไกมฤ่มษีสฎาีกมาีภริยา ญาติ
มติ รสหาย หรอื ผปู้ กครองของผู้ตายอยใู่ นทีน่ ้ันด้วย
สาํ นกั งานคณะกรรมการกผฤู้ใษดฎลีกะาเลยไม่กระทสําําหนนกั ้างาทนี่ดคังณบะัญกรญรมัตกิไาวร้ใกนฤมษาฎตกี ารานี้ ต้องระวสาาํ งนโักทงษานปครณับะไกมร่รเกมิกนารกฤษฎกี า
หนึ่งพันบาท๙๕ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกีาา๑๕๐๙๖ ในกสํารนณักีทงาี่จนะคตณ้อะงกมรีรกมากราชรันกสฤษูตฎรพีกาลิกศพ ให้พนสักาํ งนาักนงสานอคบณสะวกนรแรมหก่งารกฤษฎกี า
ท้องที่ที่ศพนั้นอยู่กับแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์ซ่ึงได้รับวุฒิบัตรหรือได้รับหนังสืออนุมัติจากแพทยสภา
ทําการชันสูตรพลสิกาํ นศกัพงโาดนยคเณร็วะกถร้ารแมพกาทรยก์ทฤษางฎนกี ิตาิเวชศาสตร์ดสังํากนลกั ่างวาไนมค่มณีหะรกือรรไมม่กอาารจกปฤฏษิบฎัตกี าิหน้าท่ีได้ ให้
แพทย์ประจําโรงพยาบาลของรัฐปฏิบัติหน้าท่ี ถ้าแพทย์ประจําโรงพยาบาลของรัฐไม่มีหรือไม่อาจ
สํานักปงฏานิบคัตณิหะนก้ารทรม่ีไกดา้ใรหก้แฤพษทฎยกี ์ปา ระจําสํานักงสาํานนสักงาาธนาครณณะสกุขรจรมังหกาวรัดกปฤฏษิบฎกีัตาิหน้าท่ี ถ้าแพทสาํยน์ปักรงะานจคําสณําะนกักรรงมากนารกฤษฎกี า
สาธารณสุขจังหวัดไม่มีหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้แพทย์ประจําโรงพยาบาลของเอกชนหรือแพทย์
ผู้ประกอบวิชาชีพสเําวนชักกงรานรมคทณี่ขะกึ้นรทระมเกบาียรกนฤเปษฎ็นีกแาพทย์อาสาสมสัคํารนตักางมานรคะณเบะียกบรรขมอกงากรรกะฤทษรฎวีกงาสาธารณสุข
ปฏิบัติหน้าท่ี และในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ให้แพทย์ประจําโรงพยาบาลของเอกชนหรือแพทย์
สาํ นกั ผงู้ปานรคะณกะอกบรรวมิชกาาชรีพกฤเวษชฎกกี รารมผู้นั้น เป็นสเําจน้าักพงานนักคงณาะนกตรารมมกปารระกมฤษวลฎกีกาฎหมายอาญาสํานทักั้งงนา้ีนใคหณ้พะนกักรรงมากนารกฤษฎีกา
สอบสวนและแพทสาํยนด์ กั งั งกาลนา่ควณทะาํ กบรนัรมทกกึ ารรากยฤลษะฎเกีอาียดแห่งการชันสําสนูตกั รงพานลคิกณศะพกทรันรมทกี าแรลกะฤใษหฎ้แกี พาทย์ดังกล่าว
ทํารายงานแนบท้ายบันทึกรายละเอียดแห่งการชันสูตรพลิกศพด้วยภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้ง
สาํ นักเงราื่อนงคณถ้าะมกรีครวมากมาจรกําฤเปษ็นฎใกี หา้ขยายระยะเสวําลนากั องอานกคไปณไะดก้ไรมร่เมกกินารสกอฤงษคฎรกีั้งาครั้งละไม่เกินสสํานาักมงสาิบนควันณะแกตรร่ตม้อกงารกฤษฎีกา
บันทึกเหตุผลและความจําเป็นในการขยายระยะเวลาทุกครั้งไว้ในสํานวนชันสูตรพลิกศพ รายงาน
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๙๔ มาตรา ๑๔๘ วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
สํานักวงิธาีพนิจคาณรณะการครวมากมาอรากญฤาษฎ(ฉกี บาับท่ี ๖) พ.ศ. ๒ส๔ํา๙น๙กั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๙๕ มาตรา ๑๔๙ วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอสาญํานาัก(งฉาบนับคทณ่ี ะ๒ก๑ร)รพม.กศา.ร๒ก๕ฤษ๔ฎ๒ีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๙๖ มาตรา ๑๕๐ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกับาทรี่ก๒ฤ๑ษ)ฎพีก.ศา. ๒๕๔๒ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๕๔ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ดังกล่าวให้ถือเป็นส่วนหน่ึงของสํานวนชันสูตรพลิกศพ และในกรณีที่ความตายมิได้เป็นผลแห่งการ
สํานักกงรานะทคณําผะิดกรอรามญกาารใกหฤ้พษนฎักีกางานสอบสวนสสํา่งนสักํางนาวนนคชณันะสกรูตรรมพกลาิกรกศฤพษไฎปกี ยาังพนักงานอัยกสําานรักเมงา่ือนเสครณ็จะสก้ินรรกมากรารกฤษฎกี า
ชันสูตรพลิกศพโดยเร็วและให้พนกั งานอัยการดาํ เนินการต่อไปตามมาตรา ๑๕๖
สใําหน้เกัปง็นานหคนณ้าทะก่ีขรอรงมพกนารักกงฤาษนฎสีกอาบสวนแจ้งแกส่ผํานู้มกัีหงนาน้าทคณ่ีไปะทกรํารกมากราชรันกสฤูษตฎรพีกาลิกศพทราบ
และก่อนการชันสูตรพลิกศพ ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้สามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้แทน
สาํ นักโงดายนชคอณบะกธรรรรมมกผาร้อู กนฤุบษาฎลกี าหรือญาตขิ องสผํา้ตู นาักยงอานยค่างณนะ้อกยรรหมนก่งึ าครกนฤทษรฎาบกี าเท่าท่ีจะทาํ ไดส้ ํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ตามหน้าที่หรือตาสใยํานนใกนกั รงรณาะนหีทควี่มณ่าีคะงวกอารยมรู่ใมตนกาคายวรเกากมฤิดษคขฎวึ้นบกี โาดคยุมกขาอรงกเจร้าะพทนําสขักํานองกัางนงเจาซน้า่ึงพคอณน้าะักงกวงร่าารนปมซฏกึ่งิบาอรัตก้าิรงฤาวษช่าฎกปีกาฏาริบตัตาิรมาหชนก้าาทรี่
สาํ นกั ใงหา้พนคนณักงะกานรรอมัยกกาารกรแฤษละฎพีกานักงานฝ่ายปสกําคนรกั องงาตนําคแณหะนกร่งรตมั้งกแาตร่รกะฤดษับฎปกี าลัดอําเภอหรือสเําทนียักบงเาทน่าคขณึ้นะไกปรรแมหก่งารกฤษฎีกา
ท้องท่ีท่ีศพนั้นอยู่เป็นผู้ชันสูตรพลิกศพร่วมกับพนักงานสอบสวนและแพทย์ตามวรรคหน่ึง และให้นํา
บทบญั ญตั ใิ นวรรสคาํสนอักงงมาานใคชณ้บะังกครบั รมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
เมื่อได้มีการชันสูตรพลิกศพตามวรรคสามแล้ว ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้พนักงาน
สํานกั องัยานกคาณรเะขก้ารรร่วมมกการับกพฤษนฎักีกงาานสอบสวนทสําําสนําักนงาวนนคชณันะสกูตรรรมพกลาริกกศฤพษใฎหีก้เาสร็จภายในสาสมาํ นสักิบงวาันนคนณับะแกตร่วรันมกทา่ี รกฤษฎกี า
ได้รับแจง้ ถา้ มคี วามจาํ เป็นใหข้ ยายระยะเวลาออกไปได้ไม่เกินสองคร้ัง ครั้งละไม่เกินสามสิบวันแต่ต้อง
บันทกึ เหตุผลและสคํานวาักมงาจนาํ คเปณน็ ะใกนรรกมากรขารยกาฤยษรฎะกียาะเวลาทกุ ครงั้ สไวําน้ในกั สงาํานนควณนะชกนั รสรมตู กรพารลกิกฤศษพฎีก๙๗า
เม่ือได้รับสํานวนชันสูตรพลิกศพแล้ว ให้พนักงานอัยการทําคําร้องขอต่อศาลชั้นต้น
สํานกั แงหาน่งคทณ้อะงกทร่ีทร่ีศมพกานรั้นกฤอษยฎู่ เกี พา่ือให้ศาลทํากสาํารนไักตง่สาวนนคแณละกะรทรํามคกําาสรก่ังแฤษสฎดกีงวา่าผู้ตายคือใคสรํานตักายงาทน่ีไคหณนะกเมรร่ือมใกดารกฤษฎกี า
และถึงเหตุและพสฤาํ ตนิกกั างารนณค์ทณ่ีตะากยรรถม้ากตารากยฤโษดฎยีกคานทําร้ายให้กลส่าํานววกั ่างาในคครณเปะ็นกผรรู้กมรกะาทรํการฤ้าษยฎเีกทา่าที่จะทราบ
ได้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับสํานวน ถ้ามีความจําเป็น ให้ขยายระยะเวลาออกไปได้ไม่เกิน
สาํ นกั สงอานงคครณั้งะกครรร้งั มลกะาไรมก่เฤกษนิ ฎสีกาามสิบวัน แต่ตส้อํางนบกั ันงทานึกคเหณตะุกผรลรแมลกะาครกวฤาษมฎจําีกเาป็นในการขยาสยาํ นระักยงาะนเควลณาะทกรุกรคมรก้ังารกฤษฎีกา
ไว้ในสาํ นวนชันสตู รพลิกศพ
สใาํนนกักางารนปคฏณิบะัตกิรหรนม้ากทารี่ตกาฤมษวฎรีกราคหนึ่ง วรรคสสํานามกั งาวนรครณคะสก่ี รแรลมะกวารรกรฤคษหฎ้าีกาให้พนักงาน
สอบสวนปฏบิ ัติตามคาํ สั่งของพนักงานอยั การ
สาํ นักงานคณะกรรมการกในฤกษาฎรกี ไาต่สวนตามวรสรําคนหกั ้างาในหค้ศณาะลกปริดรมปกราะรกกาฤศษแฎจีก้งากําหนดวันท่ีจสะาํ ทนํักากงาานรคไตณ่สะวกนรรไมวก้ทาี่ รกฤษฎกี า
ศาล และให้พนักงานอัยการย่ืนคําร้องต่อศาลขอให้ศาลส่งสําเนาคําร้องและแจ้งกําหนดวันนัดไต่สวน
ให้สามี ภริยา ผู้บสุพํานกกั างราีนผคู้สณืบะสกันรรดมากนารผกู้แฤทษฎนกีโดา ยชอบธรรมสผํานู้อักนงุบานาลคณหะรกือรรญมากตาิรขกอฤงษผฎู้ตกี าายตามลําดับ
อย่างน้อยหนึ่งคนเท่าที่จะทาํ ได้ทราบก่อนวันนัดไต่สวนไม่น้อยกว่าสิบห้าวันและให้พนักงานอัยการ
สาํ นกั นงําานพคยณานะกหรลรักมกฐาารนกทฤ้ังษปฎวกี งาที่แสดงถึงการสตํานายกั งมาานสคบื ณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สเาํมนื่อักศงาานลคไดณ้ปะกิดรปรรมะกการากศฤแษจฎ้งีกกาําหนดวันท่ีจะสทํานํากักงาารนไคตณ่สะวกนรแรมลก้วารแกลฤะษกฎ่อกี นาการไต่สวน
เสร็จสิ้น สามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือญาติของผู้ตายมีสิทธิ
สาํ นักยงื่นานคคําณร้อะกงตรร่อมศกาาลรกขฤอษเขฎ้ากี มาาซักถามพยาสนํานทัก่ีพงนานักคงณานะกอรัยรกมากรานรกําฤสษืบฎแีกลาะนําสืบพยานสหาํ นลักักงฐาานนคอณ่ืนะไกดร้รดม้วกยารกฤษฎกี า
เพ่อื การนี้ สามี ภริยา ผบู้ พุ การี ผสู้ ืบสนั ดาน ผูแ้ ทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือญาติของผู้ตายมีสิทธิ
แตง่ ต้งั ทนายควาสมําดนํากั เนงาินนกคาณระแกทรนรมไดกา้ หรกาฤกษไมฎ่มีกาีทนายความทสี่ไดําน้รักับงกาานรคแณตะ่งกตรั้งรจมากกาบรกุคฤคษลฎดีกังากล่าวเข้ามา
ในคดใี หศ้ าลต้งั ทนายความขน้ึ เพื่อทาํ หน้าทท่ี นายความฝา่ ยญาตผิ ้ตู าย
สํานักงานคณะกรรมการกเมฤ่ือษศฎีกาลา เห็นสมควรสเพําน่ือักปงารนะคโยณชะกนร์แรหม่งกคารวกาฤมษยฎุตกี ิธารรม ศาลจะสเราํ ีนยักกงพานยคาณนทะกี่นรํารสมืกบารกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๙๗ มาตรา ๑๕๐ วรรคสี่ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
สํานกั วงิธาีพนิจคาณระณการครวมากมาอรากญฤษาฎ(ฉีกบาบั ที่ ๒๗) พ.ศ.ส๒ํา๕น๕ัก๐งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๕๕ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาแล้วมาสืบเพิ่มเติมหรือเรียกพยานหลักฐานอื่นมาสืบก็ได้ และศาลอาจขอให้ผู้ทรงคุณวุฒิหรือ
สํานกั ผงู้เาชนี่ยควณชะากญรรมมากใาหรก้คฤวษาฎมกี เาห็นเพื่อประกสอําบนกักงาารนไคตณ่สะวกนรรแมลกะาทรกําฤคษําฎสีกั่งา แต่ท้ังนี้ ไม่ตสําัดนสักิทงาธนิขคอณงะผกู้นรํารสมืกบารกฤษฎีกา
พยานหลักฐานตามวรรคแปดที่จะขอให้เรียกผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เช่ียวชาญอื่นมาให้ความเห็นโต้แย้ง
หรอื เพิม่ เตมิ ความสเําหน็นกั ขงาอนงคผณูท้ ะรกงรครณุ มกวาฒุ ริหกฤรษือฎผเู้กี ชายี่ วชาญดังกลสา่ ําวนกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
คําสั่งของศาลตามมาตราน้ีให้ถึงท่ีสุด แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิฟ้องร้อง และการ
สาํ นกั พงิจานารคณณาะพกรพิ รามกกษาารคกดฤขีษอฎงีกศาาล หากพนกั งสาํานนอกั ยั งกาานรคหณระอื กบรคุรคมลกอารนื่ กไฤดษ้ฟฎ้อกี งาหรือจะฟอ้ งคดสเี าํกนี่ยักวงกาบันกคาณระตการยรนมน้ั การกฤษฎกี า
แก่พนักงานสอบสสเวาํมนนือ่ กัดศงําาาเลนนไคินดณกม้ ะาคี กรํารตสร่อมั่งไแกปลาร้วกใฤหษ้สฎ่งกี สาํานวนการไต่สสวํานนักขงอางนศคาณละไกปรยรังมพกนารักกงฤาษนฎอกี ัยาการ เพ่ือส่ง
สํานกั งานคณะกรรมการกแฤพษทฎยีก์ตาามวรรคหน่ึงสเําจน้าักพงานนักคงณานะกผรู้ไรดม้ทกําากรกาฤรษชฎันกีสาูตรพลิกศพ แลสาํะนผักู้ทงรานงคคุณณะวกุฒริหรมรกือารกฤษฎีกา
ผู้เชี่ยวชาญที่ศาลขอให้มาให้ความเห็นตามมาตรานี้มีสิทธิได้รับค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ
ค่าพาหนะเดินทสาํางนแักลงาะนคค่าณเชะ่ากทรร่ีพมักกาตรากมฤษระฎเกี บาียบที่กระทรวสงํายนุตกั งิธารนรคมณกะํากหรนรมดกโดารยกคฤวษาฎมีกเาห็นชอบของ
กระทรวงการคลังส่วนทนายความท่ีศาลต้ังตามมาตราน้ี มีสิทธิได้รับเงินรางวัลและค่าใช้จ่าย
สํานักเงชาน่ นเคดณยี ะวกกรบั รทมนกาารยกคฤวษาฎมกี ทา่ศี าลต้งั ตามมสาําตนรักาง๑าน๗ค๓ณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตักรงาาน๑ค๕ณ๐ะกทรรวมิ๙ก๘ารผกู้ใฤดษกฎรีกะาทําการใด ๆ สแํากน่ศักพงาหนรคือณสะภการพรมแกวาดรลกฤ้อษมฎในีกบา ริเวณที่พบ
ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทําให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดี
สํานกั เงปาลน่ียคณนแะกปรลรมงไกปารกเวฤ้นษแฎตีกา่จําเป็นต้องกสรําะนทกั ํางเาพน่ืคอณปะ้อกงรกรันมกอาันรตกฤรษายฎแกี าก่อนามัยของสปาํ รนะักชงาานชคนณหะรกือรรเพมกื่อารกฤษฎีกา
ประโยชน์สาธารสณาํ ะนอักยงา่านงคอณื่นะกตร้อรงมรกะาวรากงฤโษทฎษีกจาําคุกตั้งแต่หกสําเดนือกั งนาถนึงคสณอะงกปรรี หมกรืาอรปกรฤับษตฎ้ังกี แาต่หน่ึงหมื่น
บาทถึงส่หี มืน่ บาท หรอื ทง้ั จาํ ทงั้ ปรับ
สาํ นักงานคณะกรรมการกถฤ้าษกฎารีกการะทําความผสิดํานตกัางมาวนรครณคะหกนรรึ่งมเปก็นารกกาฤรษกฎรกี ะาทําโดยทุจริตหสํารนือักเงพาื่อนอคําณพะกรารรงมคกดาี รกฤษฎีกา
ผู้กระทําตอ้ งระวางโทษเป็นสองเทา่ ของโทษทก่ี ําหนดไว้สําหรับความผิดนนั้
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๕๑ ในเม่ือมีการจําเป็นเพื่อพบเหตุของการตาย เจ้าพนักงานผู้ทําการ
สํานกั ชงันานสคูตณรพะกลริกรศมกพามรีอกฤํานษฎาจีกสา่ังให้ผ่าศพแลส้วํานแกัยงกาธนาคตณุสะ่วกนรใรดมกหารรกือฤจษะฎใหกี ้สา ่งทั้งศพหรือบสาํานงสักง่วานนไคปณยะังกแรพรมทกยา์ รกฤษฎกี า
หรอื พนักงานแยกธาตุของรฐั บาลก็ได้
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๕๒ ให้แพทยห์ รอื พนักงานแยกธาตุของรัฐบาลปฏบิ ัตดิ ังนี้
สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๑ฤ)ษทฎกีาํ ราายงานถงึ สภสาําพนขักองงาศนคพณหะรกือรรสมว่ กนาขรอกงฤศษพฎตีกาามท่พี บเหน็ หรสือํานตักางมาทนป่ีคณราะกกฏรรจมากการกฤษฎีกา
การตรวจพร้อมทสง้ั ําคนวักางมาเนหค็นณในะกเรรรอ่ื มงกนาั้นรกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๒) แสดงเหตุที่ตายเท่าทีจ่ ะทําได้
สํานักงานคณะกรรมการก(๓ฤ)ษลฎงีกวาันเดือนปีและสลํานายักมงาือนชค่ือณใะนกรรารยมงกาานรกแฤลษ้วฎจกี ัดาการส่งไปยังเจสํา้านพักนงักานงาคนณผะู้ทกรํารกมากรารกฤษฎกี า
ชันสูตรพลิกศพ
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๑๕๓ ถา้ ศพฝังไวแ้ ล้ว ให้ผชู้ นั สูตรพลกิ ศพจัดให้ขดุ ศพขึ้นเพื่อตรวจดู เว้นแต่
สํานกั จงะานเหค็นณวะา่ กไรมร่จมาํ กเาปร็นกหฤษรอืฎจกี ะาเปน็ อันตรายสแํากนอ่ักนงาานมคัยณขะอกงรปรรมะกชารากชฤนษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๙๘ มาตรา ๑๕๐ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาญะการร(ฉมบกับารทกี่ ๒ฤษ๑ฎ) พกี า.ศ. ๒๕๔๒ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๕๖ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๑๕๔ ให้ผู้ชันสสํานูตกั รงพานลคิกณศพะกทรํารคมวกาามรกเหฤษ็นฎเปีก็นาหนังสือแสดงสเาํหนตักุแงาลนะคพณฤะตกิกรารรมณกา์ รกฤษฎกี า
ที่ตาย ผู้ตายคือใคร ตายท่ีไหน เม่ือใด ถ้าตายโดยคนทําร้าย ให้กล่าวว่าใครหรือสงสัยว่าใครเป็น
ผูก้ ระทําผิดเทา่ ท่จีสาํะนทกั รงาาบนไคดณ้ ะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา ๑๕๕ ให้นสําําบนทักงบาัญนคญณัตะิกในรรปมรกะารมกวฤลษกฎฎีกาหมายนี้อันว่าสดาํ น้วักยงกานารคสณอะกบรสรมวนการกฤษฎีกา
มาใช้แก่การชันสสใูตําหนร้นักพํางลบานิกทคศบณพัญะโกญดรยัตรมอิในกนามุโราลกตมฤรษาฎกี๑า๗๒ ตรี มาใชส้บํานังคกั งับาโนดคยณอะนกุโรลรมมกแากร่กกาฤรษไฎตกี ่สาวนของศาล
สํานกั ตงาามนคมณาตะรการร๑ม๕กา๐รกใฤนษคฎดีกีทาีพ่ ยานเป็นเด็กสอํานาักยงไุ ามน่เกคณินสะกิบรแรปมดกปารี๙ก๙ฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตักรงาาน๑คณ๕ะ๕ก/ร๑รม๑๐ก๐ารกกฤาษรฎสกีอาบสวนในกรณสีทํานี่มกั ีคงวาานมคตณาะยกเรกรมิดกขาึ้นรโกดฤยษกฎาีกรากระทําของ
เจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของ
สํานกั เงจา้านพคณนัะกกงรารนมกซาึ่งรอก้าฤงษวฎ่ากี ปาฏิบัติราชกาสรําตนาักมงหานนค้าณทะี่ กหรรรือมกในารกกรฤณษฎีทกีี่ผาู้ตายถูกกล่าวสหาํ นาวัก่างาตน่อคสณู้ขะัดกขรรวมากงารกฤษฎีกา
เจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้พนักงานอัยการ
เข้าร่วมกับพนักสงาํานนกั สงาอนบคสณวะนกรใรนมกกาารรกทฤาํ ษสฎาํ กีนาวนสอบสวนสํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
การทําสํานวนสอบสวนตามวรรคหน่ึง ให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้รับผิดชอบโดย
สาํ นักพงนานกั คงณานะกอรยั รกมากราอรากจฤใษหฎ้คีกาํ าแนะนํา ตรวจสสํานอักบงพานยคานณหะกลรักรฐมากนารถกาฤมษปฎากี กาคํา หรือสั่งใหส้ถําานมักปงาานกคคณําะบกุครครมลกทาี่ รกฤษฎกี า
เกี่ยวข้องได้ตั้งแสตาํ ่เนรัก่ิมงกานารคทณําะกสรํารนมวกนารสกอฤบษสฎีกวานนับแต่โอกาสสํานแกัรงกาเนทค่าณทะ่ีจกะรรพมึงกการรกะฤทษําฎไดกี า้ ท้ังน้ี ตาม
หลักเกณฑแ์ ละวิธีการที่กาํ หนดในกฎกระทรวง
สํานักงานคณะกรรมการกในฤษกฎรณกี าีจําเป็นเร่งด่วสนําแนลักะงามนีเคหณตุะอกันรครมวรกไามรก่อฤาษจฎรอีกาพนักงานอัยกสาราํ นเขัก้างราน่วคมณในะกกรารรมทกําารกฤษฎีกา
สํานวนสอบสวนให้พนักงานสอบสวนทาํ สาํ นวนต่อไปได้ แต่ต้องบันทึกเหตุที่ไม่อาจรอพนักงานอัยการ
ไว้ในสํานวนและถสอืํานวา่กั เงปาน็นคกณาระทกราํ รสมํากนาวรนกสฤษอฎบกีสาวนทีช่ อบด้วยสกําฎนหักงมาานยคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๑๕๖ ให้ส่งสสําํานนักวงนานชคันณสะูตกรรพรมลกิกาศรพกฤในษกฎรกี ณา ีที่ความตายสมําิไนดัก้เปงา็นนผคลณแะหกร่งรกมากรารกฤษฎีกา
กระทาํ ผิดอาญาไปยังข้าหลวงประจําจังหวัด
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ภาค ๓ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สวําิธนีพักิจงาารนณคณาใะนกศรรามลกชา้นั รตก้นฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงาลนักคษณณะกะรร๑มการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ฟ้องคดอี าญาและไตส่ วนมูลฟอ้ ง
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๙๙ มาตรา ๑๕๕ วรรคสอง เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทสี่ ๒าํ น๐ัก) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๔กร๒รมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๐๐ มาตรา ๑๕๕/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นักคงวาานมคอณาญะการร(ฉมบกับารทกี่ ๒ฤษ๗ฎ) พกี า.ศ. ๒๕๕๐ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๕๗ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๕๗ การฟ้องคดีอาญาให้ยื่นฟ้องต่อศาลใดศาลหนึ่งท่ีมีอํานาจตาม
สาํ นกั บงทานบคัญณญะกตั ริแรหมง่กปารรกะฤมษวฎลกีกาฎหมายน้ีหรือสกําฎนหักงมาานยคอณื่นะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตกั รงาาน๑ค๕ณ๘ะกรฟร้อมกงตาร้อกงฤทษาํ ฎเปกี ็นา หนังสอื และสมํานี กั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๑) ชอื่ ศาลและวนั เดอื นปี สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษคฎดกี ารี ะหว่างผู้ใดโจสทํานกัก์ผงใู้ าดนจคาํ ณเละยกรแรลมะกฐารากนฤคษวฎาีกมาผดิ
อายุ ท่ีอยู่ ชาตแิ ลส(ะํา๓บน)ังักตคงาําบั นแคหณนะ่งกพรนรมักกงาารนกอฤัยษกฎาีกราผู้เป็นโจทก์ สถํา้านรกั างษาฎนครณเปะ็นกโรจรมทกกา์ใรหก้ใฤสษ่ชฎ่ือกี ตาัว นามสกุล
สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๔ฤ)ษชฎื่อีกตา วั นามสกลุ สทําอี่ นยกั ู่ งชาานตคิแณละะกบรังรคมกับาขรอกงฤจษาํ ฎเลกี ยา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๕) การกระทําทั้งหลายท่ีอ้างว่าจําเลยได้กระทําผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่
เก่ียวกับเวลาและสสาํ นถกัางนาทนี่คซณ่ึงเะกกิดรกรมารกการรกะฤทษําฎนีกั้นา ๆ อีกทั้งบุคสคําลนหกั งราือนสค่ิงณขะอกงรทรม่ีเกก่ียารวกขฤ้อษงฎดกี้วายพอสมควร
เท่าทจี่ ะใหจ้ าํ เลยเขา้ ใจข้อหาได้ดี
สํานักงานคณะกรรมการกฤษใฎนกี คาดีหมิ่นประมสาําทนกั ถงา้อนยคคณําะพกูดรรมหกนาังรสกฤือษภฎีกาพา ขีดเขียนหรสือําสนิ่งักองื่นานอคันณเะกกี่ยรวรกมกับารกฤษฎกี า
ข้อหม่ินประมาท ใหก้ ลา่ วไวโ้ ดยบรบิ ูรณห์ รือติดมาท้ายฟ้อง
ส(๖ําน)ักอง้าานงมคาณตะรการใรนมกกฎารหกมฤาษยฎซกี ึ่งาบญั ญัติวา่ การสกํารนะกั ทงาาํ นเชคน่ณนะกั้นรเรปมน็ กคาวรกามฤษผฎดิ กี า
(๗) ลายมือช่อื โจทก์ ผเู้ รียง ผู้เขียนหรอื พมิ พ์ฟอ้ ง
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมาํ านตกั รงาานค๑ณ๕ะ๙กรรถม้ากจาํารกเลฤยษเฎคกี ยาต้องคําพิพาสกําษนาักใงหาน้ลคงณโทะกษรเรพมรกาาะรกไดฤษ้กฎรีกะาทําความผิด
มาแล้ว เมอื่ โจทก์ต้องการใหเ้ พมิ่ โทษจาํ เลยฐานไมเ่ ข็ดหลาบ ให้กลา่ วมาในฟ้อง
สาํ นักงานคณะกรรมการกถฤ้าษมฎิไดกี ้ขา อเพิ่มโทษมสาําในนกั ฟง้อานงคกณ่อะนกรมรีคมํากพาริพกาฤกษษฎากี ศาาลช้ันต้น โจสทาํ กน์จักงะายนื่นคคณําะรก้อรรงมขกอารกฤษฎกี า
เพ่มิ เติมฟอ้ ง เม่ือศาลเหน็ สมควรจะอนญุ าตกไ็ ด้
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๖๐ ความผิดหลายกระทงจะรวมในฟ้องเดียวกันก็ได้ แต่ให้แยกกระทง
สาํ นักเงรายี นงคเปณน็ ะลกราํ รดมับกกาันรกไปฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ความผิดแตล่ ะกระทงจะถือวา่ เป็นขอ้ หาแยกจากข้อหาอื่นก็ได้ ถ้าศาลเห็นสมควรจะ
สั่งให้แยกสํานวนสพาํ ิจนาักรงณานาคคณวะากมรผริดมกกราระกทฤงษใฎดีกหารือหลายกระทสํางนตัก่างงาหนาคกณะแกลระรจมะกสารั่งกเชฤ่นษนฎี้กกี า่อนพิจารณา
หรือในระหว่างพจิ ารณากไ็ ด้ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตักรงาาน๑ค๖ณ๑ะกรถร้มาฟกา้อรงกไฤมษ่ถฎูกกี ตา้องตามกฎหมสาํายนกั ใงหา้ศนาคลณสะั่งกโรจรทมกก์แารกก้ฟฤ้อษงฎใกี หา้ถูกต้องหรือ
ยกฟอ้ งหรือไม่ประทับฟอ้ ง
สํานักงานคณะกรรมการกโจฤทษกฎ์มีกีอา าํ นาจอทุ ธรณสําค์ นาํ ักสง่งั าเนชคน่ ณนะนั้ กขรอรมงศกาารลกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตกั รงาาน๑ค๖ณ๒ะกรถรา้มฟกอ้ารงกถฤูกษตฎอ้ กี งาตามกฎหมายสแําลนว้ กั งใหานศ้ คาณละจกัดรกรามรกสาั่งรตกอ่ฤษไปฎนกี ้ีา
(๑) ในคดีราษฎรเป็นโจทก์ ให้ไต่สวนมูลฟ้อง แต่ถ้าคดีนั้นพนักงานอัยการได้ฟ้อง
สํานักจงําาเนลคยณโดะกยรขร้อมหกาาอรกยฤา่ ษงเฎดีกยี าวกันด้วยแลว้ สใําหนจ้ักดังากนาครณตะากมรอรนมุมกาารตกรฤาษ(ฎ๒กี )า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๒) ในคดีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ ไม่จําเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้อง แต่ถ้าเห็นสมควร
จะสง่ั ให้ไต่สวนมูลสฟาํ นอ้ กั งงกาอ่ นนคกณไ็ ะดก้ รรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกในฤษกฎรกีณาีท่ีมีการไต่สวสนํานมกั ูลงาฟน้อคงณดะังกกรลรม่ากวาแรลก้ฤวษถฎ้าีกจาําเลยให้การสราํับนสักางารนภคาณพะใกหร้ศรมากลารกฤษฎกี า
- ๕๘ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ประทบั ฟ้องไว้พิจารณา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๖๓ เม่ือมีเหตุอันควร โจทก์มีอํานาจยื่นคําร้องต่อศาลขอแก้หรือเพิ่มเติม
ฟ้องก่อนมีคําพิพสําานกกั ษงาานศคาณละชกัร้นรตม้นการถก้าฤศษาฎลกี เาห็นสมควรจสะํานอักนงุญานาคตณหะรกืรอรจมะกสารั่งกใฤหษ้ไฎตกี ่สาวนมูลฟ้อง
เสียก่อนก็ได้ เมื่ออนุญาตแล้วให้ส่งสําเนาแก้ฟ้องหรือฟ้องเพ่ิมเติมแก่จําเลยเพ่ือแก้ และศาลจะส่ัง
สํานกั แงยานกคสณาํ นะกวนรรพมิจกาารรณกฤาษฟฎ้อกี งาเพิม่ เตมิ นน้ั ก็ไสดํา้นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พพิ ากษา ถ้าศาลเสเหาํมน็น่ือักสมงมีเาหคนตวครุอณอันะนกคุญรวรรามตจกาํากรเใ็ ลกหฤยส้ ษอง่ ฎาสจกี าํ ยาเน่ืนาคแํากรโ่้อจงทขกอ์ แสกําน้หกั รงือาเนพคิ่มณเตะกิมรครํามใกหา้กรกาฤรษขฎอีกงเาขาก่อนศาล
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๖๔ คําร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องนั้น ถ้าจะทําให้จําเลยเสียเปรียบในการ
ต่อสู้คดี ห้ามมิใหส้ศํานาักลงอานนุญคณาตะกแรรตม่กกาารรแกฤกษ้ฐฎานกี าความผิดหรือสรําานยกั ลงะานเอคียณดะซกรึ่งรตม้อกงาแรถกฤลษงใฎนกี ฟา ้องก็ดี การ
เพม่ิ เติมฐานความผิดหรือรายละเอยี ดซึ่งมิได้กล่าวไว้ก็ดี ไม่ว่าจะทําเช่นนี้ในระยะใดระหว่างพิจารณาใน
สาํ นกั ศงาาลนชคน้ัณตะก้นรมรใิ มหก้ถาอืรกวา่ฤทษาํฎใกี หาจ้ าํ เลยเสียเปรสยีํานบักเงวา้นนแคตณ่จะํากเรลรยมไกดา้หรลกฤงตษอ่ฎสกี ใู้านขอ้ ที่ผิดหรือสทํา่ีมนไิักดง้กานลค่าณวไะวกน้ ร้ันรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตกั รงาาน๑ค๖ณ๕ะก๑ร๐ร๑มกใานรคกดฤีซษ่ึงฎพกี นา ักงานอัยการสเําปน็นักโงจานทคกณ์ ใะนกวรันรมไตก่สารวกนฤมษูลฎฟกี ้อาง ให้จําเลย
มาหรือคุมตัวมาศาล ให้ศาลส่งสําเนาฟ้องแก่จําเลยรายตัวไป เม่ือศาลเชื่อว่าเป็นจําเลยจริงแล้ว ให้
สาํ นักอง่าานนคแณละะกอรธริบมากยารฟก้อฤงษใฎหีก้ฟาัง และถามว่าสไําดน้กกั รงาะนทคําณผะิดกจรรริงมหกรารือกไฤมษ่ จฎะกี ใาห้การต่อสู้อยส่าาํ งนไักรงบา้านงคณคําะกใหรร้กมากรารกฤษฎีกา
ของจาํ เลยใหจ้ ดไสวํา้ ถน้าักจงาาํ นเลคยณไะมกย่ รอรมมใกหาร้กกาฤรษกฎใ็ หกี ศ้า าลจดรายงาสนําไนวัก้ แงลานะคดณาํ เะนกินรรกมากราตรอ่ กไฤปษฎีกา
จําเลยไม่มีอํานาจนําพยานมาสืบในช้ันไต่สวนมูลฟ้อง แต่ทั้งนี้ไม่เป็นการตัดสิทธิใน
สาํ นกั กงาารนทคีจ่ณําะเกลรยรจมะกมารที กนฤาษยฎมกี าาช่วยเหลอื สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ในคดีราษฎรเป็นโจทก์ ศาลมีอํานาจไต่สวนมูลฟ้องลับหลังจําเลย ให้ศาลส่งสําเนา
ฟอ้ งแก่จาํ เลยรายสตําวันไกั ปงากนับคแณจะง้กวรนัรมนกดั าไรตก่สฤวษนฎใีกหา้จําเลยทราบสจําํานเักลงยาจนะคมณาะฟกังรกรมารกไาตรก่สฤวษนฎมกี ูลาฟ้อง โดยตั้ง
ทนายให้ซักคา้ นพยานโจทกด์ ้วยหรอื ไมก่ ไ็ ด้ หรอื จาํ เลยจะไม่มา แตต่ ง้ั ทนายมาซักค้านพยานโจทก์ก็ได้
สาํ นักหง้าานมคมณใิ หะศ้กรารลมถกาามรคกําฤใษหฎ้กกี าารจําเลย และสกําอ่ นนกั ทงาศ่ี นาคลณปะรกะรทรบัมฟกาอ้ รงกมฤิใษหฎถ้ กี ือาวา่ จาํ เลยอยใู่ นสาํฐนาักนงะาเนชค่นณนะั้นกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตกั รงาาน๑คณ๖ะ๖กรรถม้ากโาจรทกกฤ์ไษมฎ่มกี าาตามกําหนดสนําัดนกั ใงหา้ศนาคลณยะกกรฟร้อมงกเาสรียกฤแษตฎ่ถีก้าาศาลเห็นว่า
มีเหตุสมควรจงึ มาไม่ได้ จะส่ังเลอื่ นคดีไปกไ็ ด้
สาํ นกั งานคณะกรรมการกคฤดษีทฎี่ศีกาาลได้ยกฟ้องดสําังนกกั ลง่าาวนแคณล้วะกถรร้ามโจกทารกก์มฤษารฎ้อีกางภายในสิบหส้าําวนันักงนานับคแณตะ่วกันรศรมากลารกฤษฎกี า
ยกฟ้องน้ัน โดยแสสําดนงักใงหาศ้นาคลณเะหกน็ รไรดมว้ กา่ ามรกีเหฤตษสุฎมีกคา วรจงึ มาไม่ไดส้ํากน็ใักหง้ศานาลคยณกะคกรดรนี มัน้ กขาร้นึ กไฤตษส่ ฎวีกนามลู ฟ้องใหม่
ในคดีท่ศี าลยกฟอ้ งดังกลา่ วแล้ว จะฟอ้ งจาํ เลยในเรอ่ื งเดียวกันน้ันอีกไม่ได้ แต่ถ้าศาล
สํานกั ยงกานฟค้อณงเะชก่นรรนมี้ใกนาครกดฤีซษ่ึงฎรากี ษา ฎรเท่านั้นเปส็นํานโจกั ทงากน์ คไมณ่ตะัดกรอรํามนกาาจรกพฤนษักฎงกี าานอัยการฟ้องคสาํดนีนัก้ันงาอนีกคณเวะ้นกแรตรม่จกะารกฤษฎกี า
เปน็ คดีความผิดตอ่ สว่ นตัว
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๖๗ ถ้าปรากฏว่าคดีมีมูล ให้ศาลประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไปเฉพาะ
สาํ นกั กงราะนทคณงทะี่มกรีมรูลมกถา้ารคกดฤีไษมฎ่มกี มี าูล ใหพ้ พิ ากษสาํายนกกั ฟง้อานงคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๐๑ มาตรา ๑๖๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกับาทร่ีก๖ฤ)ษพฎ.ศกี .า๒๔๙๙ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๕๙ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกีาา๑๖๘ เมื่อศสาํานลักปงราะนทคณับะฟก้อรรงมแกลา้วรกใฤหษ้สฎ่งีกสาําเนาฟ้องให้แสํากน่จักํางเาลนยครณาะยกตรรัวมไกปารกฤษฎีกา
เว้นแต่จําเลยจะได้รับสาํ เนาฟ้องไว้ก่อนแล้ว
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๑๖๙ เม่ือศาลประทับฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัวจําเลยมา ให้ศาลออก
สํานกั หงมานาคยณเระียกกรหรมรือกาหรมกาฤยษจฎบั กี มาาแลว้ แต่ควรสอํายนา่ กั งงใาดนเคพณอื่ ะพกิจรารรมณกาารตก่อฤไษปฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมําานตกั รงาาน๑คณ๗ะ๐กรรคมํากสาั่งรขกอฤงษศฎาีกลาที่ให้คดีมีมูลสยํา่อนมักเงดาน็ดคขณาดะกแรรตม่คกําาสรั่กงทฤษี่วฎ่าคกี าดีไม่มีมูลน้ัน
สํานักโงจาทนกค์มณีอะาํกนรรามจกอาุทรธกรฤณษฎฎ์ กี ีกาาไดต้ ามบทบสัญําญนักัตงิวาา่นดค้วณยะลกักรษรมณกะาอรกทุ ฤธษรฎณกี ์ฎาีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ถา้ โจทกร์ ้องขอศาลจะขังจาํ เลยไว้หรอื ปล่อยช่ัวคราวระหวา่ งอทุ ธรณ์ฎีกาก็ได้
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๗๑ ให้นําบทบัญญัติว่าด้วยการสอบสวนและการพิจารณาเว้นแต่มาตรา
สํานกั ๑ง๗าน๕คณมะากบรังรคมับกแารกก่กฤาษรฎไตกี ส่าวนมลู ฟ้องโดสยําอนนักโุงลานมคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ให้นาํ บทบญั ญัติในมาตรา ๑๓๓ ทวิ และมาตรา ๑๗๒ ตรี มาใช้บังคับโดยอนุโลมแก่
การไต่สวนมูลฟ้อสงาํ ในนกั คงดานีทคี่พณยะากนรเรปม็นกเาดร็กกฤอษาฎยุไีกมา่เกินสิบแปดปสําี ทนกัั้งใงนานคคดณีทะ่ีรการษรมฎกราเปรก็นฤโษจฎทีกกา์และในคดีท่ี
พนักงานอยั การเป็นโจทก์๑๐๒
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี ลาักษณะ ๒ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
การพิจารณา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตักรงาาน๑คณ๗ะ๒กรรกมากราพริจกฤารษณฎีกาาและสืบพยานสใํานนศกั งาาลนคใหณ้ทะกํารโรดมยกเาปริดกเฤผษยฎตีก่อาหน้าจําเลย
เวน้ แต่บัญญัติไว้เป็นอยา่ งอ่นื
สาํ นักงานคณะกรรมการกเมฤื่อษโฎจกี ทา ก์หรือทนายสโําจนทักกงา์แนลคะณจะํากเรลรยมมกาารอกยฤู่ตษ่อฎหีกาน้าศาลแล้ว แสาํลนะักศงาานลคเชณื่อะวก่ารรเปมก็นารกฤษฎีกา
จําเลยจริง ให้อ่านและอธิบายฟ้องให้จําเลยฟัง และถามว่าได้กระทําผิดจริงหรือไม่ จะให้การต่อสู้
อย่างไรบ้าง คําสใหําน้กกั างรานขคอณงจะกํารเรลมยกใาหรก้จฤดษไฎวกี้ ถา้าจําเลยไม่ยสอํานมักใงหา้นกคาณร ะกก็ใรหรม้ศกาาลรกจฤดษรฎาีกยางานไว้และ
ดาํ เนินการพจิ ารณาตอ่ ไป
สํานักงานคณะกรรมการกในฤษกฎารีกสาืบพยาน เมื่อสไําดน้พกั ิงเคานรคาณะหะก์ถรึงรเมพกศารอกาฤยษุ ฎฐกีาานะ สุขภาพอนสําานมักัยงาภนาควณะะแกหรร่งมจกิตารกฤษฎีกา
ของพยานหรือควสาาํ มนเกั กงรางนกคลณัวะทก่ีพรรยมากนามรกีตฤ่อษจฎํากีเลายแล้ว จะดําเสนําินนักกงาารนโคดณยไะมก่ใรหรม้พกยาารนกเฤผษชฎิญีกหา น้าโดยตรง
กับจําเลยก็ได้ซ่ึงอาจกระทําโดยการใช้โทรทัศน์วงจรปิด ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีอื่นตามท่ีกําหนดใน
สํานักขงอ้านบคงั ณคับะกขรอรงมปกราะรธกาฤนษศฎาีกลาฎกี า และจะสใหําน้สักองบานถคามณผะา่กนรรนมักกจาิตรกวฤทิ ษยฎากี นาักสังคมสงเครสาําะนหักง์ หานรคือณบะุคกครลรมอก่ืนารกฤษฎีกา
ท่ีพยานไวว้ างใจด้วยกไ็ ด้๑๐๓
สใาํนนกักางราสนืบคณพะยการนรมใกหา้มรีกกาฤรษบฎันีกาทึกคําเบิกควาสมํานพกัยงาานนโคดณยะใกชร้วริธมีกกาารรบกฤันษทฎึกีกลางในวัสดุ ซ่ึง
สามารถถา่ ยทอดออกเปน็ ภาพและเสยี งซงึ่ สามารถตรวจสอบถึงความถกู ตอ้ งของการบันทึกได้ และให้
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๐๒ มาตรา ๑๗๑ วรรคสอง เพ่มิ โดยพระราชบัญญตั ิแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบบั ทสี่ ๒ําน๐กั) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๔กร๒รมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๐๓ มาตรา ๑๗๒ วรรคสาม เพ่ิมโดยพระราชบัญญตั แิ กไ้ ขเพิม่ เติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นกั คงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทร่ีก๒ฤ๘ษ)ฎพีก.ศา. ๒๕๕๑ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๖๐ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ศาลอทุ ธรณ์ศาลฎีกาใช้การบันทึกดงั กล่าวประกอบการพิจารณาคดีด้วย ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
สํานักแงลานะคเงณื่อะนกไรขรทม่ีกกําาหรกนฤดษใฎนีกขา้อบังคบั ของปสรําะนธักางนาศนาคลณฎะีกการร๑ม๐๔การกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาตามวรรคสามและวรรคสี่ เม่ือได้รับความเห็นชอบ
จากทปี่ ระชุมใหญสข่ าํ นอกังศงาานลคฎณีกะากแรลระมปกราระกกฤาษศฎในีกราาชกิจจานุเบสกําษนากั แงลาน้วคใหณ้ใะชกบ้ รังรคมบักาไรดก้๑ฤ๐ษ๕ฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกีาา๑๗๒ ทวิ๑๐๖สําภนาักยงาหนลคังณทะ่ีศการลรมไดก้ดารํากเฤนษินฎกกี าารตามมาตรา ส๑าํ ๗นัก๒งาวนรครณคะ๒กรรแมลก้วารกฤษฎกี า
แเมลื่อะศสาืบลพเหยน็านเปล็นบั กหสาาํลรนังสักจมงําาคเนลวคยรณไดเะพใ้กนื่อรกใรหมร้กณกาาี รรดกดังฤําตษเอ่ นฎไินกีปกานาี้ รพิจารณาเสปํา็นนไกั ปงาโนดคยณไมะ่ชกักรรชม้ากศารากลฤมษีอฎํากี นาาจพิจารณา
สาํ นักงานคณะกรรมการก(๑ฤ)ษ๑ฎ๐๗ีกาในคดีมีอัตราสโําทนษกั จงาํานคคุกณอะยก่ารงรสมูงกไามร่เกกฤินษสฎิบีกปา ี จะมีโทษปรสับํานดัก้วงยาหนรคือณไะมก่กร็ตรมากมารกฤษฎกี า
หรือในคดีมีโทษปรับสถานเดียว เมื่อจําเลยมีทนายและจําเลยได้รับอนุญาตจากศาลที่จะไม่มาฟังการ
พจิ ารณาและการสสาํ ืบนพักงยาานนคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๒) ในคดีที่มีจําเลยหลายคน ถ้าศาลพอใจตามคําแถลงของโจทก์ว่า การพิจารณา
สํานักแงลานะคกณาระสกืรบรพมยกาารนกตฤาษมฎทกี ่ีโาจทก์ขอให้กรสะําทนํากั ไงมาน่เกค่ียณวะแกกรร่จมํากเลารยกคฤนษใฎดีกาศาลจะพิจารณสาํานแักลงะานสคืบณพะยการนรมลกับารกฤษฎกี า
หลงั จาํ เลยคนน้นั ก็ได้
ส(าํ๓น)กั ใงนานคคดณีทะี่มกีจรํรามเลกยารหกลฤาษยฎคีกนา ถ้าศาลเห็นสสํามนคกั งวารนจคะณพะิจการรรมณกาาแรกลฤะษสฎืบีกพายานจําเลย
คนหน่ึง ๆ ลับหลังจาํ เลยคนอ่ืนก็ได้
สาํ นกั งานคณะกรรมการกในฤคษดฎทีีกาศ่ี าลพิจารณาสแําลนะักสงบื านพคยณานะกตรารมมก(๒าร)กหฤษรือฎกี (๓า ) ลับหลังจําเสลํายนคักนงาในดคไณมะ่วก่ารกรรมณกาี รกฤษฎกี า
จะเป็นประการใสดํานหกั ้างมานมคิใหณ้ศะการลรรมับกฟารังกกฤาษรฎพกี ิจาารณา และกสาํารนสักืบงาพนยคาณนะกทร่ีกรมรกะาทรํากลฤับษฎหีกลาังนั้นเป็นผล
เสียหายแกจ่ าํ เลยคนนัน้
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๑๗๒ ตรี๑๐๘ เว้นแต่ในกรณีท่ีจําเลยอ้างตนเองเป็นพยาน ในการสืบพยานท่ี
เป็นเด็กอายุไม่เกสินาํ นสกัิบงแานปคดณปะี กใหรร้ศมากลาจรกัดฤใหษฎ้พีกยาานอยู่ในสถาสนําทน่ีทักง่ีเาหนมคาณะะสกมรสรมํากหารรับกฤเดษ็กฎีกแาละศาลอาจ
ปฏิบัตอิ ยา่ งใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
สํานกั งานคณะกรรมการก(๑ฤ)ษฎศกีาาลเป็นผู้ถามพสยําานนักเงอางนคโดณยะกแรจร้งมใกหา้พรกยฤาษนฎนีกั้นาทราบประเด็สนาํแนลักะงขาน้อคเทณ็จะกจรรริงมซก่ึงารกฤษฎีกา
ต้องการสบื แล้วใหพ้ ยานเบิกความในข้อนน้ั ๆ หรอื ศาลจะถามผา่ นนกั จิตวิทยาหรอื นกั สังคมสงเคราะห์ก็ได้
ส(๒ําน)ักใงหา้คนคูค่ ณวาะมกถรรามมกถารากมฤคษ้าฎนีกหา รือถามตงิ ผ่าสนํานนักกั งจาติ นวคทิ ณยะากหรรรอืมกนาักรสกงัฤคษมฎสกี งาเคราะห์
ในการเบิกความของพยานดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง ให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียง
สํานกั ไงปายนังคหณ้อะงกพริจรมารกณารากดฤว้ ษยฎแกี าละเปน็ หน้าที่ขสอํานงศักางลานทคี่จณะตะก้อรงรแมจกง้ าใรหก้นฤักษจฎติ ีกวาทิ ยาหรือนกั สสงั คาํ นมักสงงาเนคครณาะะหก์ทรรรมากบารกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๐๔ มาตรา ๑๗๒ วรรคสี่ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทร่ีก๒ฤ๘ษ)ฎพีก.ศา. ๒๕๕๑ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๐๕ มาตรา ๑๗๒ วรรคห้า เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบบั ทส่ี ๒ําน๘ัก) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๕กร๑รมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๐๖ มาตรา ๑๗๒ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นักคงวาานมคอณาญะการร(ฉมบกับารทก่ี ๖ฤษ) พฎ.กี ศา. ๒๔๙๙ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๐๗ มาตรา ๑๗๒ ทวิ (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอสาญาํ นาัก(งฉาบนับคทณ่ี ะ๑ก๕ร)รพม.กศา.ร๒ก๕ฤษ๒ฎ๗กี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๐๘ มาตรา ๑๗๒ ตรี แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
สํานกั วงิธาีพนิจคาณระณการครมวากมารอกาฤญษาฎ(กี ฉาบับที่ ๒๖) พ.สศํา. น๒กั ๕ง๕าน๐คณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๖๑ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ก่อนการสืบพยานตามวรรคหนึ่ง ถ้าศาลเห็นสมควรหรือถ้าพยานที่เป็นเด็กอายุ
สํานักไงมา่เนกคินณสะิบกรแรปมดกปารีหกรฤือษคฎู่คีกวาามฝ่ายใดฝ่ายสําหนนกั ่ึงงรา้อนงคขณอะโกดรยรมมกีเหารตกุผฤลษอฎันกี สามควรซ่ึงเมื่อพสําิจนาักรงณานาคแณล้วะกเหรร็นมวก่าารกฤษฎีกา
จะเป็นผลร้ายแก่เด็กถ้าไม่อนุญาตตามท่ีร้องขอ ให้ศาลจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงคําให้การ
ของผู้เสียหายหรือสพํานยักานงาทน่ีเคปณ็นะเกดร็กรอมากยาุไรมก่เฤกษินฎสกี ิบาแปดปีท่ีได้บันสทํานึกักไงวา้ในนคชณ้ันะสกอรบรสมวกนารตกาฤมษมฎากีตารา ๑๓๓ ทวิ
หรือชั้นไต่สวนมูลฟ้องตามมาตรา ๑๗๑ วรรคสอง ต่อหน้าคู่ความและในกรณีเช่นนี้ให้ถือส่ือภาพและ
สาํ นกั เงสาียนงคคณําะใกหร้กรามรกขาอรกงฤพษยฎากีนาดังกล่าวเป็นสส่วํานนกัหงนาน่ึงขคอณงะคกํารรเบมิกกาครวกาฤมษขฎอีกงาพยานนั้นในชสั้นาํ นพักิจงาารนณคณาขะอกรงรศมากลารกฤษฎีกา
ทโด่ีศยาใลหเค้หู่ค็นวสามมคถวารมสพาํ นยกั างนาเนพค่ิมณเตะกิมรรถมากมาคร้ากนฤษหฎรือกี าถามติงพยานไสดํา้นักทงั้งานนี้คเทณ่าะทกรี่จรํามเปกา็นรแกลฤะษภฎากี ยาในขอบเขต
สํานกั งานคณะกรรมการกในฤกษรฎณกี าีทไี่ มไ่ ดต้ ัวพยาสนํานมกัางเบานิกคคณวะากมรตรามมกวารรรกคฤษหฎนีก่ึงาเพราะมีเหตุจําสเําปน็นักองายน่าคงณย่ิงะใกหรร้ศมากลารกฤษฎีกา
รับฟังส่ือภาพและเสียงคําให้การของพยานน้ันในชั้นสอบสวนตามมาตรา ๑๓๓ ทวิ หรือช้ันไต่สวนมูลฟ้อง
ตามมาตรา ๑๗๑สวาํ นรรกั คงาสนอคงณเะสกมรอื รนมหกานร่งึกเฤปษ็นฎคีกําาเบิกความของสพํานยกัางนานน้ันคณในะชก้ันรรพมิจกาารรณกฤาษขฎอกี งาศาล และให้
ศาลรับฟังประกอบพยานอืน่ ในการพจิ ารณาพิพากษาคดีได้
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๑๗๒ จัตวา๑๐๙ ให้นําบทบัญญัติในมาตรา ๑๗๒ ตรี มาใช้บังคับโดยอนุโลม
แก่การสืบพยานนสอํานกักศงาาลนใคนณคะดกที รีพ่รมยกาานรเกปฤน็ ษเฎดกี็กาอายุไมเ่ กนิ สบิ สแําปนดักงปาีนคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๑๗๓๑๑๐ ในสคํานดักีทงี่มาีนอคัตณราะโกทรรษมปกราะรกหฤาษรฎชีกีวิาต หรือในคดีทสี่จําํนาเักลงยานมคีอณายะกุไมรร่เมกกินารกฤษฎีกา
สิบแปดปีในวันทสี่ถาํ ูกนฟัก้องางนตค่อณศะากลรรกม่อกนารเกรฤิ่มษพฎิจกี าารณาให้ศาลถสาํามนจักํางเาลนยควณ่าะมกีทรรนมากยาครกวฤาษมฎหีกราือไม่ ถ้าไม่มี
ก็ให้ศาลตั้งทนายความให้
สํานักงานคณะกรรมการกในฤคษดฎีทีกาี่มีอัตราโทษจําสคํานุกักกงา่อนนคเณร่ิมะกพริจรามรกณารากใฤหษ้ศฎาีกลาถามจําเลยว่ามสาํีทนนักางยานคควณามะหกรรรือมไกมา่ รกฤษฎีกา
ถ้าไม่มีและจาํ เลยตอ้ งการทนายความ กใ็ หศ้ าลตัง้ ทนายความให้
สใําหนศ้ ักางลานจคา่ ยณเะงกินรรรามงกวาลั รแกลฤะษคฎ่ากี ใาช้จา่ ยแกท่ นาสยําคนวกั างมาทนคี่ศณาละตกรัง้ รตมากมามรากตฤรษาฎนีก้ี าโดยคํานึงถึง
สภาพแห่งคดีและสภาวะทางเศรษฐกิจ ท้ังนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม
สาํ นกั กงาําหนคนณดโะดกยรรคมวกาามรเกหฤ็นษชฎอกี บาจากกระทรวสงํากนาักรงคาลนงัคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมําานตักรงาาน๑ค๗ณ๓ะก/๑รร๑ม๑ก๑ารเกพฤื่อษใฎหีก้กาารพิจารณาเปสํา็นนไักปงดา้วนยคคณวะากมรรรมวดกาเรร็วกฤตษ่อฎเกีนาื่อง และเป็น
ธรรมในคดีที่จําเลยไม่ให้การหรือให้การปฏิเสธ เม่ือคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอหรือศาลเห็นสมควร
สาํ นกั ศงาานลคอณาจะกกํารรหมนกดาใรหกฤ้มษีวฎันกีตารวจพยานหลสักําฐนากั นงกาน่อคนณกะํากหรนรมดกวาันรนกัดฤษสฎืบีกพายานก็ได้ โดยสแาํจน้งักใงหา้คนู่คควณาะมกทรรรมากบารกฤษฎีกา
ลว่ งหนา้ ไมน่ อ้ ยกสวํา่านสกัิบงสาวี่นนัคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ก่อนวนั ตรวจพยานหลักฐานตามวรรคหน่ึงไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ให้คู่ความยื่นบัญชีระบุ
สํานักพงยานาคนณต่อะกศรารลมพกราร้อกมฤสษาํ ฎเนกี าาในจํานวนทเ่ี สพําียนงักพงอานเคพณื่อะใกหรค้ ร่คูมวกาามรกฝฤา่ ษยฎอีกื่นารับไปจากเจา้ พสํานนักักงงาานนศคณาละแกลรระมถก้าารกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๐๙ มาตรา ๑๗๒ จัตวา เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทรี่ก๒ฤ๐ษ)ฎพกี .ศา. ๒๕๔๒ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๑๐ มาตรา ๑๗๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบบั ทส่ี ๒าํ น๒กั) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๔กร๗รมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๑๑ มาตรา ๑๗๓/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาญะการร(ฉมบกับารทกี่ ๒ฤษ๒ฎ) พกี า.ศ. ๒๕๔๗ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๖๒ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
คู่ความฝ่ายใดมีความจํานงจะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ให้ยื่นต่อศาลก่อนการตรวจพยานหลักฐาน
สํานักเงสารนจ็ คสณิน้ ะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
การย่ืนบญั ชรี ะบุพยานเพม่ิ เติมเมื่อล่วงพ้นระยะเวลาตามวรรคสองจะกระทําได้ต่อเมื่อ
ได้รับอนุญาตจากสศําานลักงเามนื่อคผณู้ระ้อกงรขรอมแกสารดกงฤเษหฎตกีุอาันสมควรว่าไมส่สํานาักมงาารนถคทณระากบรถรมึงกพายรากนฤหษฎลีกักาฐานน้ันหรือ
เปน็ กรณจี ําเปน็ เพอ่ื ประโยชนแ์ หง่ ความยตุ ิธรรม หรอื เพอื่ ใหโ้ อกาสแก่จาํ เลยในการต่อสูค้ ดอี ยา่ งเต็มท่ี
สาํ นกั งานคณะกรรมการกถฤ้าษพฎยีกาานเอกสารหรสือําพนยักางานนวคัตณถะุใกดรอรยมู่ใกนารคกวฤาษมฎคีกราอบครองของสบําุคนักคงลาภนาคยณนะกอรกรมใกหา้ รกฤษฎกี า
คผูู้่คครวอามบทคี่ปรอรงะโสดงยสคยํา์จน่ืนะักคองําา้าขนงอคอตณิง่อะขศกอารใรลหมพ้กศราา้อรลมกมฤกีษคับฎํากสีกาาั่งรเยร่ืนียบกัญพชยีราะนบสเุพอํานยกักาสงนาานรเพหคณื่อรใือะหกพ้ไรดยรม้พากนยาาวรนัตกเฤถอษุดกฎังสีกกาาลรห่าวรือมพาจยาานก
สํานกั วงตั านถคุนณ้ันมะการกร่อมนกวารันกตฤรษวฎจีกพายานหลกั ฐานสหํารนือกั วงันานทค่ีศณาะลกกราํ รหมนกดารกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตักรงาานค๑ณ๗ะ๓ก/ร๒รม๑ก๑๒ารกใฤนษวฎันกี ตารวจพยานหสลําักนฐักางนานคใหณ้คะกู่ครวรามมกสาร่งกพฤยษาฎนีกเาอกสารและ
พยานวัตถุท่ียังอยู่ในความครอบครองของตนต่อศาลเพ่ือให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตรวจสอบ เว้นแต่ศาล
สาํ นักจงะานมคีคณําะสกั่งรเรปม็กนาอรกยฤ่าษงฎอีก่ืนาอันเนื่องจากสําสนภกั างาพนแคลณะะกครวรามมกาจรํากเฤปษ็นฎแีกาห่งพยานหลัสกาํ ฐนาักนงานนั้นคเณอะงกรหรมรกือารกฤษฎกี า
พยานหลักฐานนั้นเป็นบันทึกคําให้การของพยาน หลังจากนั้นให้คู่ความแต่ละฝ่ายแถลงแนวทางการ
เสนอพยานหลักสฐําานนกั ตง่าอนศคาณละกแรลระมใกหาร้ศกาฤลษสฎอีกบาถามคู่ความสถําึงนคักวงาามนคเกณี่ยะวกขรร้อมงกกาับรกปฤรษะฎเดีกา็นและความ
จาํ เป็นท่ีต้องสืบพยานหลักฐานที่อ้างอิงตลอดจนการยอมรับพยานหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง เสร็จแล้ว
สาํ นักใงหา้ศนาคลณกะํากหรรนมดกวาันรกสฤืบษพฎยีกาาน และแจ้งใหสํา้คนู่คักวงาามนทคณราะบกรลร่วมงกหานรก้าฤไมษ่นฎ้อกี ายกว่าเจ็ดวัน ใสนํากนักรณงาีนทค่ีโจณทะกกร์ไมรม่มกาารกฤษฎีกา
ศาลในวนั ตรวจพสยาํานนกั หงลานักคฐณานะใกหรรน้ มํากบาทรกบฤัญษญฎีกตั าิมาตรา ๑๖๖สมําานใักชงบ้ านงั คคบัณโะดกยรอรมนกุโลารมกฤษฎีกา
ในกรณีจําเป็นเพ่ือประโยชน์แห่งความยุติธรรม เมื่อศาลเห็นสมควรหรือคู่ความฝ่าย
สาํ นักหงนานึ่งคฝณ่ายะกใดรรรม้อกงาขรอกฤศษาฎลีกจาะมีคําสั่งให้สืบสําพนยักางนานหคลณักะฐการนรทม่ีเกกาี่ยรกวฤกษับฎปกี ราะเด็นสําคัญในสําคนดักีไงวา้ลน่วคงณหะนก้ารกรม่อกนารกฤษฎกี า
ถึงกําหนดวันนัดสบื พยานก็ได้
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๗๔ ก่อนนําพยานเข้าสืบ โจทก์มีอํานาจเปิดคดีเพ่ือให้ศาลทราบคดีโจทก์
สาํ นกั คงือานแคถณละงกถรึงรลมักกษารณกะฤขษอฎงกี ฟา้อง อีกทั้งพยสาํานนหักงลาักนฐคาณนะทก่ีจรระมนกําาสรืบกฤเพษื่อฎพีกาิสูจน์ความผิดขสําอนงักจงําาเนลคยณเสะรก็จรรแมลก้วารกฤษฎีกา
ให้โจทก์นาํ พยานเขา้ สืบ
สเํามน่ือักสงืบานพคยณาะนกโรจรทมกก์แารลก้วฤจษําฎเีกลายมีอํานาจเปิดสําคนดักีเงพา่ือนใคหณ้ศะากลรทรมรกาาบรคกดฤีจษําฎเีกลาย โดยแถลง
ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายซ่ึงตั้งใจอ้างอิง ท้ังแสดงพยานหลักฐานท่ีจะนําสืบ เสร็จแล้วให้จําเลยนํา
สํานกั พงยานาคนณเขะา้ กสรืบรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สเาํมน่ือกั สงืบานพคยณาะนกจรํารเมลกยาเรสกรฤ็จษแฎลีก้วา โจทก์และจําสเําลนยกั มงีอานําคนณาจะกแรถรลมงกปาิดรกคฤดษีขฎอกี งาตนด้วยปาก
หรือหนังสอื หรือทงั้ สองอย่าง
สํานักงานคณะกรรมการกในฤรษะฎหีกวา่างพิจารณา สถํา้านศกั างลานเหค็นณวะ่ากไรมรม่จํกาเาปรก็นฤตษ้อฎงีกสาืบพยานหรือทสําํากนาักรงอานะคไรณอะีกกจรระมสก่ังารกฤษฎีกา
งดพยานหรือการนน้ั เสยี กไ็ ด้
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๑๗๕ เม่ือโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว ถ้าเห็นสมควรศาลมีอํานาจเรียกสํานวน
สาํ นักกงาารนสคอณบะสกวรรนมจกาากรพกฤนษกั ฎงากี นา อัยการมาเพส่ือําปนรักะงกานอคบณกะากรรวรนิ มิจกฉายัรกไดฤ้ษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๑๒ มาตรา ๑๗๓/๒ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาะญการร(ฉมบกับารทกี่ ฤ๒ษ๒ฎ) กี พา.ศ. ๒๕๔๗ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๖๓ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๑๗๖๑๑๓ ในสําชน้ันกั พงาิจนาครณณะการถรม้ากจาํารเกลฤยษใฎหกี ้กาารรับสารภาสพําตนักางมาฟน้อคณง ะศการลรมจกะารกฤษฎีกา
พิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ เว้นแต่คดีที่มีข้อหาในความผิดซึ่งจําเลยรับสารภาพนั้น
กฎหมายกําหนดสอําัตนรักางโาทนษคอณยะ่ากงรตรมํ่ากไวา้ใรหกฤ้จษําคฎุกีกาตั้งแต่ห้าปีข้ึนสไําปนหกั รงือานโทคณษสะกถรารนมทกี่หารนกักฤกษวฎ่ากี นาั้น ศาลต้อง
ฟังพยานโจทกจ์ นกวา่ จะพอใจวา่ จําเลยไดก้ ระทําผดิ จรงิ
สํานักงานคณะกรรมการกในฤษคฎดีกีทา่ีมีจําเลยหลายสําคนนกั งแาลนะคจณําะเกลรยรบมกาางรคกนฤรษับฎสกี าารภาพ เม่ือศาสลาํ นเหักง็นาสนมคคณวะรกจรระมสก่ังารกฤษฎกี า
จําหน่ายคดี สําหสราํับนจกั ํางเาลนยคทณ่ีปะฏกริเสรมธกเพารื่อกใฤหษ้โจฎทีกาก์ฟ้องจําเลยทสี่ปํานฏักิเสงาธนนค้ันณะเปกร็นรคมดกีใาหรกมฤ่ภษาฎยกีในา เวลาที่ศาล
กาํ หนดก็ได้
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๗๗ ศาลมีอํานาจสั่งให้พิจารณาเป็นการลับ เม่ือเห็นสมควรโดยพลการ
หรือโดยคําร้องขอสําขนอักงงคาู่คนวคาณมะฝก่ารยรมใดกาแรกตฤ่ตษ้อฎงกีเพา่ือประโยชน์แสหําน่งกัคงวาานมคสณงะบกเรรรียมบกรา้อรกยฤหษรฎือกี ศาีลธรรมอันดี
ของประชาชน หรือเพือ่ ปอ้ งกันความลับอนั เก่ียวกับความปลอดภัยของประเทศมใิ ห้ล่วงรถู้ ึงประชาชน
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๗๘ เม่ือมีการพิจารณาเป็นการลับ บุคคลเหล่าน้ีเท่านั้นมีสิทธิอยู่ในห้อง
พจิ ารณาได้ คือ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๑) โจทก์และทนาย สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษจฎาํกี เาลยและทนายสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ส(๓ําน)กั ผงู้คานวคบณคะมุ กตรัวรจมาํ กเาลรยกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๔) พยานและผูช้ ํานาญการพเิ ศษ
สาํ นักงานคณะกรรมการก(๕ฤ)ษลฎ่ากี มา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๖) บุคคลผู้มีประโยชนเ์ ก่ยี วขอ้ งและได้รับอนุญาตจากศาล
ส(๗ําน)ักพงานนกั คงณานะกศรารลมแกลาะรกเจฤา้ษหฎนกี า้าท่ีรักษาความสปําลนอักดงาภนยั คแณกะ่ศการลรมแกลาว้ รแกตฤจ่ษะฎเกีหาน็ สมควร
สาํ นกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกี าา ๑๗๙ ภายสใําตน้บักังงาคนับคแณหะก่งรปรรมะกมารวกลฤกษฎฎหกี ามายน้ีหรือกฎสําหนมักางายนอคื่นณะศการลรมจกะารกฤษฎีกา
ดาํ เนนิ การพจิ ารณาตลอดไปจนเสรจ็ โดยไมเ่ ลือ่ นก็ได้
สถํา้านพักงยาานนคไณมะ่มการรหมรกือารมกีเฤหษตฎุอีกื่นา อันควรต้องสเลํานื่อักนงกานาครณพิะจการรรณมกาารกก็ใฤหษ้ศฎากี ลาเล่ือนคดีไป
ตามที่เหน็ สมควร สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมาํ านตกั รงาาน๑ค๘ณ๐ะกรใรหม้นกําาบรกทฤบษญั ฎญกี าัติเร่อื งรักษาคสวําานมักเงราียนบครณ้อะยกใรนรศมากลารใกนฤปษรฎะีกมาวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพ่งมาบังคับแก่การพิจารณาคดีอาญาโดยอนุโลม แต่ห้ามมิให้สั่งให้จําเลยออกจาก
สํานกั หง้อานงคพณจิ าะรกณรรามกเวาน้รกแฤตษจ่ ฎํากีเลายขดั ขวางกาสรําพนจิ กั างราณนคาณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตักรงาาน๑ค๘ณ๑ะกรใรหม้นกาําบรกทฤบษญั ฎญกี าตั ิในมาตรา ๑ส๓ําน๙กั แงาลนะคณ๑ะ๖ก๖รรมมากบารังกคฤับษแฎกีก่กาารพิจารณา
โดยอนุโลม
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๑๓ มาตรา ๑๗๖ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทรี่ก๖ฤ)ษพฎ.ศีก.า๒๔๙๙ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๖๔ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ลกั ษณะ ๓ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สําคนํากั พงพิานาคกณษะากแรลระมคกาําสรกั่งฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๘๒๑๑๔ คดีที่อยู่ในระหว่างไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา ถ้ามีคําร้อง
สาํ นกั รงะาหนคว่ณางะพกิจรรามรกณาารกขฤึ้นษมฎากี ใาห้ศาลส่ังตามสทําี่เนหัก็นงาคนวครณเะมก่ือรกรมากรพาริจกาฤรษณฎาีกเาสร็จแล้ว ให้พสิพาํ นาักกงษาานหครณือะสก่ังรรตมากมารกฤษฎีกา
รปู ความ สใําหนอ้ กั า่ งนานคคําณพพิะการกรษมากหารรกือฤคษําฎสีกั่งาในศาลโดยเปสิดําเนผักยงใานนวคันณเสะกรร็จรกมากราพริกจฤารษณฎกีาาหรือภายใน
สํานักเงวาลนาคสณามะกวรนั รนมบักาแรตก่เฤสษรฎ็จีกคาดี ถา้ มีเหตุอนั สสํามนคกั วงารนจคะณเะลก่ือรนรไมปกอาร่ากนฤวษันฎอกี ื่นาก็ได้ แตต่ อ้ งจสดาํ รนาักยงงาานนคเณหะตกุนร้ันรมไวก้ ารกฤษฎีกา
เมื่อศาลอ่านให้คู่ความฟังแล้ว ให้คู่ความลงลายมือชื่อไว้ ถ้าเป็นความผิดของโจทก์ท่ี
ไม่มา จะอ่านโดยสโาํจนทกั กงา์ไนมค่อณยู่กะก็ไดรร้ ใมนกการรกณฤีทษี่จฎําีกเาลยไม่อยู่ โดยสไํามน่มกั ีเงหานตคุสณงสะัยกรวร่ามจกําาเลรกยฤหษลฎบกี หานีหรือจงใจ
ไม่มาฟัง ก็ให้ศาลรอการอ่านไว้จนกว่าจําเลยจะมาศาล แต่ถ้ามีเหตุสงสัยว่าจําเลยหลบหนีหรือจงใจ
สาํ นกั ไงมา่มนคาฟณังะกใรหร้ศมกาาลรอกอฤกษฎหีกมาายจับจําเลยสเํามนื่อักงไาดน้อคอณกะหกมรรามยกจาับรกแฤลษ้วฎไีกมา่ได้ตัวจําเลยมสาาํ ภนักางยาในนคหณนะึ่งกเรดรือมกนารกฤษฎกี า
นับแต่วันออกหมายจับ ก็ให้ศาลอ่านคําพิพากษาหรือคําสั่งลับหลังจําเลยได้ และให้ถือว่าโจทก์หรือ
จาํ เลย แล้วแตก่ รสณาํ นี ไักดงฟ้ านงั คคําณพะพิกรารกมษกาาหรกรฤือษคฎําสีกางั่ น้ันแลว้ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ในกรณีท่ีคําพิพากษาหรือคําส่ังต้องเลื่อนอ่านไปโดยขาดจําเลยบางคน ถ้าจําเลยท่ี
สาํ นักองยานูจ่ คะณถกูะกปรลร่อมยกาใรหกศ้ ฤาษลฎมกี ีอาาํ นาจปลอ่ ยชสัว่ ําคนรกั างวานระคหณวะา่กงรรรอมอกา่ารนกคฤําษพฎิพีกาากษาหรือคําสส่งั นาํ นัน้ ักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๘๓ คําพิพากษา หรือคําสั่งหรือความเห็นแย้งต้องทําเป็นหนังสือลง
สํานักลงาานยคมณือะชกื่อรผรมู้พกิพารากกฤษษาฎซีก่ึงานั่งพิจารณาสผํานู้พกั ิพงาานกคษณาะใกดรทรี่นมกั่งาพริจกาฤรษณฎีกาาถ้าไม่เห็นพ้อสงําดน้ักวงยานมคีอณําะนการจรมทกําารกฤษฎกี า
ความเหน็ แย้ง คําแยง้ นใี้ ห้รวมเขา้ สํานวนไว้
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๘๔ ในการประชุมปรึกษาเพื่อมคี ําพพิ ากษาหรือคําส่ัง ให้อธิบดีผู้พิพากษา
สํานกั ขง้าานหคลณวงะยกุตรริธมรกรามรกหฤัวษหฎนีก้าาผู้พิพากษาในสําศนากั ลงนานั้นคหณระือกเรจร้ามขกอางรสกําฤนษวฎนีกาเป็นประธาน สถําานมักผงู้พานิพคาณกะษการทรม่ีนก่ังารกฤษฎีกา
พิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็นสุดท้าย การ
วินิจฉัยให้ถือตามสเําสนียักงงขาน้าคงมณาะกกรถรม้าใกนารปกัญฤษหฎากีใดามีความเห็นแสยําน้งกกั งันาเนปค็นณสะอกงรฝรม่ากยาหรรกือฤเษกฎินกี กาว่าสองฝ่าย
ขึ้นไป จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จําเลยมากยอมเห็นด้วย
สาํ นกั ผงู้พานิพคาณกะษการซรมึ่งกมาีครวกาฤมษเฎหกี ็นาเป็นผลร้ายแสกําน่จกัาํ เงลานยคนณ้อะยกกรวร่มาการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๘๕ ถ้าศาลเห็นว่าจําเลยมิได้กระทําผิดก็ดี การกระทําของจําเลยไม่เป็น
สํานักคงวานามคผณดิ ะกกรด็ รี มคกดาีขรากดฤอษาฎยีกุคาวามแล้วก็ดี มสเีําหนตกั ตุงาานมคกณฎะหกมรรามยกทาีจ่ รํากเฤลษยฎไมกี า่ควรต้องรับโทสษาํ กน็ดักีงใาหน้ศคาณละยกกรฟรม้อกงารกฤษฎกี า
โจทกป์ ลอ่ ยจาํ เลยไป แตศ่ าลจะสั่งขงั จาํ เลยไวห้ รอื ปล่อยช่ัวคราวระหว่างคดียังไม่ถงึ ท่สี ุดก็ได้
สเาํมนื่อักศงาานลคเหณ็นะกวร่ารจมํากเาลรยกไฤดษ้กฎรกี ะาทําผิด และไสมํา่มนีกกั างารนยคกณเวะ้นกรโรทมษกตารากมฤกษฎฎหกี มา าย ให้ศาล
ลงโทษแก่จําเลยตามความผิด แต่เม่ือเห็นสมควรศาลจะปล่อยจาํ เลยชั่วคราวระหว่างคดียังไม่ถึงท่สี ุด
สํานกั กง็ไาดน้คณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๑๔มาตรา ๑๘๒ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทร่ีก๖ฤ)ษพฎ.ศีก.า๒๔๙๙ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๖๕ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๑๘๖ คาํ พิพสาํากนษกั างหานรคอื ณคาํะสกรงั่ รตมอ้ กงามรีขก้อฤสษาํฎคกี ญั า เหล่านี้เปน็ อสยําา่ นงักนงอ้ ายนคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๑) ช่อื ศาลและวนั เดือนปี
ส(๒าํ น)กั คงดานีรคะณหวะก่างรใรคมรกโาจรทกฤกษ์ใคฎรกี จาาํ เลย สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๓) เรื่อง
สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๔ฤ)ษขฎ้อกี หา าและคาํ ใหก้ สาํารนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ส((๖๕ําน))กั เขงห้อาตนเทุผคจ็ลณจใะนรกกิงรซารงึ่มรพตกัดจิาราสกรินฤณทษา้งัฎไใกีดนา้คปวัญาหมาขอ้ เท็จสจํารนงิ กั แงลานะคขณ้อกะกฎรหรมมากยารกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการก(๗ฤ)ษบฎกีทามาตราท่ียกข้ึนสําปนรกั ับงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๘) คาํ ช้ขี าดใหย้ กฟอ้ งหรือลงโทษ
ส(๙าํ น)ักคงาํานวินคณิจฉะกัยรขรอมงกศาารลกใฤนษเฎรอ่ืกี างของกลางหรสอื ําในนกั เรงา่อื นงคฟณอ้ ะงกทรารงมแกพา่งรกฤษฎกี า
คําพิพากษาในคดีทีเ่ กีย่ วกับความผิดลหโุ ทษ ไม่จําต้องมอี นมุ าตรา (๔) (๕) และ (๖)
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๘๗ คาํ สง่ั ระหวา่ งพิจารณาอย่างน้อยต้องมี
ส(๑ําน)กั วงันานเดคอื ณนะปกรี รมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๒) เหตผุ ลตามกฎหมายในการสัง่
สํานักงานคณะกรรมการก(๓ฤ)ษคฎํากี สา่ัง สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๑๘๘ คาํ พิพากษาหรือคาํ ส่งั มผี ลตั้งแต่วนั ท่ไี ด้อา่ นในศาลโดยเปดิ เผยเป็นตน้ ไป
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๘๙ เมื่อจําเลยซึ่งต้องคําพิพากษาให้ลงโทษเป็นคนยากจนขอสําเนา
คาํ พิพากษาซ่ึงรับสราํ นอกังงวา่านถคูกณตะ้อกงรรใมหก้ศารากลฤคษัดฎสีกาํ าเนาให้หน่ึงฉสบําับนโกั ดงยานไมค่ณคิดะกคร่ารธมรกรามรกเนฤียษมฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๑๙๐ ห้ามมสิใหําน้แกักง้ไาขนคคาํ ณพะพิ การกรมษกาาหรรกือฤคษําฎสกี ั่งาซึ่งอ่านแล้ว นสอํานกักจงาากนแคกณ้ถะ้อกยรครมํากทา่ี รกฤษฎกี า
เขยี นหรอื พิมพ์ผิดพลาด
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๙๑ เม่ือเกิดสงสัยในการบังคับตามคําพิพากษาหรือคําส่ัง ถ้าบุคคลใดที่มี
สํานักปงรานะคโยณชะนก์เรกรีย่มวกขาร้อกงฤรษอ้ ฎงตีก่อาศาลซึง่ พิพากสษํานากัหงราอื นสคงั่ ณใะหกศ้รรามลกนาัน้ รกอฤธษบิ ฎายีกใาห้แจ่มแจง้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตกั รงาาน๑ค๙ณ๒ะก๑๑รร๕มกหา้ารมกมฤิใษหฎ้พกี พิา ากษา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หรือสั่ง เกนิ คาํ ขอ หรอื ที่มไิ ด้กลา่ วในฟ้อง
สาํ นักงานคณะกรรมการกถฤ้าษศฎาีกลาเห็นว่าข้อเท็จสจํานริงกั ตงาานมคทณี่ปะรการกรมฏกใานรกกาฤรษพฎิจกี าารณาแตกต่างสกํานับักขง้อานเทค็จณจะรกิงรดรมังกทาี่ รกฤษฎีกา
กล่าวในฟ้อง ให้ศาลยกฟ้องคดีน้ัน เว้นแต่ข้อแตกต่างน้ันมิใช่ในข้อสาระสําคัญและทั้งจําเลยมิได้หลง
ต่อสู้ ศาลจะลงโทสษํานจกัาํ เงลานยคตณามะขกอ้รรเทมกจ็ าจรรกงิ ฤทษ่ไี ฎดีก้คาวามนัน้ ก็ได้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ในกรณีที่ข้อแตกต่างนั้นเป็นเพียงรายละเอียด เช่น เก่ียวกับเวลาหรือสถานที่กระทํา
สาํ นักคงวานามคณผิดะกหรรรือมตก่าารงกกฤันษรฎะกี หาว่างการกระสทําํานผักิดงฐานาคนณละักกทรรรัพมกยา์ รกกรฤรษโฎชีกการีดเอาทรัพยส์ ําฉน้อักโงกางนคโณกงะเกจร้ารหมกนา้ี รกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๑๕ มาตรา ๑๙๒ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นกั คงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทร่ีก๑ฤ๐ษ)ฎพีก.ศา. ๒๕๒๒ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๖๖ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ยักยอก รับของโจร และทําให้เสียทรัพย์ หรือต่างกันระหว่างการกระทําผิดโดยเจตนากับประมาท
สํานักมงิใาหนค้ถณือวะก่ารตร่ามงกกาันรใกนฤขษ้อฎสกี าาระสําคัญ ท้ังสมําิในหกั ้ถงือานวค่าณข้อะกทรี่พริจมากราณรกาฤไษดฎ้คกี วาามนั้นเป็นเร่ือสงาํเนกักินงคาํานขคอณหะรกือรรเปมก็นารกฤษฎีกา
เร่ืองที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ เว้นแต่จะปรากฏแก่ศาลว่าการที่ฟ้องผิดไปเป็นเหตุให้จําเลยหลงต่อสู้
แต่ท้งั น้ี ศาลจะลงสโาํ ทนษกั งจาํานเลคณยเะกกินรอรมตั กราารโกทฤษษทฎก่ี กี ฎาหมายกําหนดสไําวน้สกั าํงหานรคบั ณคะวการมรผมิดกทารโ่ี กจฤทษกฎฟ์ กี ้อางไมไ่ ด้๑๑๖
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงบางข้อดังกล่าวในฟ้อง และตามที่ปรากฏในทางพิจารณา
สาํ นกั ไงมาใ่นชค่เปณ็นะกเรรือ่รมงทกาีโ่ รจกทฤกษป์ ฎรีกะาสงคใ์ หล้ งโทษสําหนา้ กั มงมานใิ หคณศ้ าะลกรลรงมโทกาษรจกาํฤเษลฎยีกในา ข้อเทจ็ จริงนส้ันํานๆักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตราผิด ศาลมีอสถาําํ ้านนศักาาจงลาลนเงหคโท็นณษวะ่ากจขราํ ร้อเมลเทกยาต็จราจกมรฤฐิงษตาฎนากี มคาฟวา้อมงผนิดั้นทโจ่ถี ทูกตกส้อ์สํางืบนไักสดงม้ านแคตณ่โจะกทรกร์อม้ากงาฐรกานฤษคฎวกีามา ผิดหรือบท
สาํ นกั งานคณะกรรมการกถฤ้าษคฎวากี มาผิดตามท่ีฟ้อสงํานนั้นกั รงวานมคกณาระกกรระรมทกําาหรลกาฤยษอฎยีก่าาง แต่ละอย่างสอําานจักเงปา็นนคคณวาะมกรผริดมไกดา้ รกฤษฎกี า
อยใู่ นตวั เอง ศาลจะลงโทษจําเลยในการกระทําผิดอยา่ งหน่งึ อยา่ งใดตามทพี่ ิจารณาได้ความกไ็ ด้
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ภาค ๔
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานอักงุทาธนรคณณ์ ะแกลระรฎมกกี าารกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ลกั ษณะ ๑ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานอคุทณธะรกณรร์ มการกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานหคมณวะดกร๑รมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หลักทัว่ ไป
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกี าา ๑๙๓ คดีอสุทํานธักรงณาน์คคําณพะิพกรารกมษกาารหกรฤือษคฎํากี สาั่งศาลชั้นต้นสใาํนนขัก้องาเนทค็จณจะรกิงรแรมลกะารกฤษฎีกา
ขอ้ กฎหมายให้อุทธรณ์ไปยงั ศาลอทุ ธรณ์ เว้นแต่จะถูกห้ามอทุ ธรณ์โดยประมวลกฎหมายนหี้ รอื กฎหมายอื่น
สอาํ ทุนธักรงาณน์ทคุกณฉะบกรับรตมอ้ กงารระกบฤษขุ ฎอ้ ีกเทา็จจริงโดยยอ่ หสํารนือักขงอ้ านกคฎณหะมการยรทม่ียกการขก้ึนฤอษา้ ฎงกีอางิ เปน็ ลําดบั
สาํ นกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกีาา๑๙๓ ทวิ๑๑๗สําหน้าักมงามนิใคหณ้อะุทกธรรรมณก์คาํารกพฤิพษาฎกีกษาาศาลชั้นต้นใสนําปนัักญงหานาคขณ้อเะทก็รจรจมรกิงารกฤษฎีกา
ในคดีซึ่งอัตราโทษสอาํ นยัก่างงาสนูงคตณามะกทรกี่ รฎมกหามรากยฤกษําฎหีกนาดไว้ให้จําคุกไสมําน่เกกั ินงาสนาคมณปะี กหรรรือมปกราับรกไฤมษ่เกฎินีกหา กหม่ืนบาท
หรือท้งั จําท้ังปรบั เวน้ แต่กรณีตอ่ ไปน้ีใหจ้ ําเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจรงิ ได้
สาํ นักงานคณะกรรมการก(๑ฤ)ษจฎาํีกเาลยตอ้ งคําพิพสาํากนษกั างใาหนล้คงณโะทกษรจรมาํ คกากุ รหกรฤือษใฎหกี ล้ างโทษกักขงั แทสนํานโทักงษาจนําคคณกุ ะกรรมการกฤษฎีกา
(๒) จาํ เลยตอ้ งคําพพิ ากษาใหล้ งโทษจาํ คุก แต่ศาลรอการลงโทษไว้
ส(๓าํ น)ักศงาานลคพณพิ ะากกรษรามวก่าาจรกาํ เฤลษยฎมีกีคาวามผิด แตร่ อสกํานาักรกงาาํ นหคนณดะโกทรษรมไวก้ าหรรกอืฤษฎกี า
(๔) จําเลยต้องคําพพิ ากษาให้ลงโทษปรบั เกนิ หนึง่ พันบาท
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๑๖ มาตรา ๑๙๒ วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณสาาํ คนวกั างมาอนาคญณาะ(กฉรบรับมทกี่า๑ร๗กฤ) ษพฎ.ศีก.า๒๕๓๒ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๑๗ มาตรา ๑๙๓ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
สํานกั วงิธาีพนิจคาณระณการครมวากมารอกาฤญษาฎ(ีกฉาบับที่ ๑๗) พ.สศํา. น๒กั ๕ง๓าน๒คณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๖๗ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๑๙๓ ตรี๑๑๘สําในนกั คงดานีซคึ่งตณ้อะกงหรร้ามมกอาุทรกธฤรษณฎ์ตีกาามมาตรา ๑๙๓สํานทักวงิ าถน้าคผณู้พะิพการกรมษกาารกฤษฎีกา
คนใดซึ่งพิจารณาหรอื ลงช่ือในคําพิพากษาหรือทาํ ความเห็นแย้งในศาลชนั้ ตน้ พิเคราะห์เห็นว่าข้อความ
ที่ตัดสินน้ันเป็นปสัญํานหักางสาํานคคัญณอะกันรครวมรกสารู่ศกาฤลษอฎุทกี ธารณ์และอนุญสาําตนใักหงา้อนุทคธณระณก์หรรรมือกอาธรกิบฤดษีกฎรกี มาอัยการหรือ
พนักงานอยั การซ่งึ อธบิ ดกี รมอัยการได้มอบหมายลงลายมือชือ่ รับรองในอุทธรณ์ว่า มีเหตอุ นั ควรที่ศาล
สํานกั องุทานธครณณะ์จกะรไรดม้วกินาจิรกฉฤัยษกฎ็ใหีก้ราับอทุ ธรณน์ น้ั สไําวนพ้ ักจิ งาารนณคณาตะกอ่ รไรปมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมํานาตกั งราานค๑ณ๙ะก๔รรมถก้าารมกีอฤุทษฎธกีราณ์แต่ในปัญหสําานขกั ้องากนฎคหณมะการยรมใกนารกกาฤรษวฎินกี ิจา ฉัยปัญหา
สาํ นักขง้อานกคฎณหะมการยรนม้ันกาๆรกศฤาษลฎอีกุทาธรณ์จะต้องฟสังําขน้อกั งเทาน็จคจณริงะตการรมมทกี่ศาารลกชฤษั้นฎตีก้นาวินิจฉัยมาแล้วสจาํ นากักงพายนาคนณหะลกักรรฐมากนารกฤษฎีกา
ในสํานวน
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๑๙๕ ขอ้ กฎหมายทงั้ ปวงอนั คู่ความอทุ ธรณ์รอ้ งอา้ งองิ ให้แสดงไว้โดยชัดเจน
สาํ นกั ใงนาฟนค้อณงอะทุกรธรรมณก์ าแรตก่ตฤษ้องฎเกีปาน็ ข้อท่ไี ด้ยกขสึน้ ํามนากั วงา่านกคนั ณมาะกแรลร้วมแกตา่ใรนกศฤษาลฎชีกัน้า ตน้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ข้อกฎหมายท่ีเก่ียวกับความสงบเรียบร้อย หรือท่ีเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตาม
บทบัญญัติแห่งปรสะํานมักวงลากนฎคหณมะการยรนม้ีอกันารวก่าฤดษ้วฎยกีอาุทธรณ์ เหล่านสี้ผํานู้อักุทงธารนณคณ์หะรกือรศรามลกยารกกขฤ้ึนษอฎ้าีกงาได้ แม้ว่าจะ
ไม่ไดย้ กขึ้นในศาลช้ันต้นก็ตาม สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตักรงาาน๑คณ๙ะ๖กรรคมํากสาั่งรรกะฤหษวฎ่ากี งาพิจารณาที่ไมสํา่ทนํากั ใงหา้คนคดณีเสะรก็จรรสมํากนาวรนกฤหษ้าฎมีกมา ิให้อุทธรณ์
คําส่ังนั้นจนกว่าจะมีคําพิพากษาหรือคําส่ังในประเด็นสําคัญและมีอุทธรณ์คําพิพากษาหรือคําส่ังนั้น
สาํ นกั ดง้วานยคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมาํ านตกั รงาาน๑ค๙ณ๗ะกรเรหมตกุทารมี่ กอี ฤุทษธฎรกีณา์คาํ พิพากษาหสรํานอื ักคงาํ าสนั่งคฉณบะับกหรรนม่ึงกแาลร้วกฤหษาฎเปกี า็นผลตัดสิทธิ
ผ้อู ื่นซึ่งมสี ิทธอิ ทุ ธรณ์ จะอุทธรณ์ดว้ ยไม่
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๑๙๘๑๑๙ การยื่นอุทธรณ์ ให้ย่ืนต่อศาลช้ันต้นในกําหนดหน่ึงเดือนนับแต่วัน
อ่าน หรอื ถอื ว่าไดสอ้ าํ ่านนกั คงาาํ นพคพิ ณาะกกษรารมหกราอื รคกาํ ฤสษ่งั ฎใหกี า้ค่คู วามฝ่ายทอ่ีสําทุ นธักรงณานฟ์ คังณ๑๒ะ๐กรรมการกฤษฎกี า
ให้เป็นหน้าที่ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์ว่าควรจะรับส่งขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์หรือไม่
สํานักตงาานมคบณทะบกัญรรญมักตาิแรหก่งฤปษฎระีกมา วลกฎหมายสนํา้ีนถกั ้างเาหน็นคณว่าะไกมร่ครมวกรารรับกใฤหษ้จฎดกี เาหตุผลไว้ในคําสสําน่ังักขงอางนศคาณละนกั้นรรโมดกยารกฤษฎกี า
ชดั เจน สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ในกรณีท่ีตามคําพิพากษาจําเลยต้องรับโทษจําคุกหรือโทษสถานที่หนักกว่าน้ันและ
สาํ นกั จงําาเนลคยณไะมก่ไรดร้ถมูกกคารุมกขฤังษฎจํกีาเาลยจะยื่นอุทธสรํานณกั ์ไงดา้ตนค่อณเมะ่ือกแรรสมดกงาตรนกฤตษ่อฎเจีก้าาพนักงานศาลสใาํ นนขักณงานะคยณ่ืนอะกุทรธรรมณกา์ รกฤษฎกี า
มิฉะนั้น ให้ศาลมีคําส่ังไม่รับอุทธรณ์ ท้ังนี้ ประธานศาลฎีกาอาจออกข้อบังคับกําหนดหลักเกณฑ์
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๑๘ มาตรา ๑๙๓ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาญะการร(ฉมบกับารทก่ี ๘ฤษ) พฎ.ีกศา. ๒๕๑๗ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๑๙ มาตรา ๑๙๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบบั ทส่ี ๘ําน) กัพง.ศาน. ๒ค๕ณ๑ะ๗กรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๒๐ มาตรา ๑๙๘ วรรคหน่ึง แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
สํานกั วงิธาีพนิจคาณรณะการครวมากมาอรากญฤาษ(ฎฉกีบาับที่ ๑๗) พ.ศ. ส๒ํา๕น๓ัก๒งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๖๘ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
วิธีการ และเงื่อนไขการแสดงตนของจําเลยก็ได้ ข้อบังคับนั้น เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
สาํ นกั ใงหา้ในชค้บณังะคกับรรไดม๑้ก๒า๑รกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ความในวรรคสามมิให้ใช้บังคับแก่กรณีท่ีจําเลยได้รับการรอการลงโทษจําคุก หรือรับโทษ
จําคกุ ตามคาํ พพิ าสกาํ ษนาักคงารนบคถณว้ ะนกแรลร้วม๑ก๒า๒รกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๑๙๘ ทวิ๑๒๓สําเมน่อืักงศาานลคชณนั้ ะตกน้ รรปมฏกเิ าสรธกไฤมษ่ยฎอกี มารับอุทธรณ์ ผสู้อําุทนธักรงณาน์อคาณจะอกุทรธรรมณกา์ รกฤษฎีกา
สเปิบ็นหค้าําวรัน้อนงับอแุทตธ่วรันณสําฟ์คนังํากั คสงําา่ังนสขค่ังอณงแศะลกา้วรลใรนหมั้้นศกาตาลร่อกนศฤั้นาษลรฎีบอีกุสทา่งธครําณร์ไ้อดง้ เคชํา่นรวส้อ่าํางนนเชั้นกั ่นงไาปนนยี้ใคหังณศ้ยะาื่นกลทรอรี่ศุทมาธกลราชรณ้ันก์พฤตษร้น้อฎภมกี าาดย้วใยนอกุทําหธรนณด์
สํานักแงลานะคคณาํ พะกิพรารกมษกาาหรกรฤือษคฎาํ กีสาง่ั ของศาลชนั้ ตส้นําน๑๒ัก๔งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
เม่ือศาลอุทธรณ์เห็นสมควรตรวจสํานวนเพ่ือส่ังคําร้องเร่ืองน้ัน ก็ให้ส่ังศาลช้ันต้นส่ง
มาให้ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคําร้องนั้นแล้วมีคําสั่งยืนตามคําปฏิเสธของศาลชั้นต้น
สํานักหงรานือคมณีคะาํ กสร่ังรใมหก้ราับรกอฤุทษธฎรกี ณา์ คาํ ส่ังน้ีใหเ้ ปส็นํานทักี่สงุดาแนลค้วณสะ่งกไรปรใมหก้ศารากลฤชษั้นฎตีก้นาอา่ น สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตกั รงาาน๑คณ๙ะ๙กรรผมู้อกุทาธรกรฤณษ์ซฎ่ึงกี ตา้องขังหรือต้อสงําจนําักคงุกานอคยณู่ในะกเรรืรอมนกจาํารกอฤาษจฎยีก่ืนาอุทธรณ์ต่อ
พศั ดภี ายในกําหนดอายอุ ุทธรณ์ เมื่อไดร้ ับอุทธรณ์นน้ั แลว้ ใหพ้ ศั ดอี อกใบรับใหแ้ ก่ผู้ยื่นอุทธรณ์ แล้วให้
สํานักรงีบานสค่งอณทุ ะธกรรรณมน์ กั้นารไกปฤยษงั ฎศีกาาลชั้นตน้ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สอาํ ทุนธักรงาณนฉ์ คบณบั ะใกดรทรมยี่ ก่นื าตรกอ่ ฤพษศั ฎดีกสี า่งไปถึงศาลเมสอ่ื ําพน้นักกงาาํ นหคนณดะอการยรุอมทุกาธรรกณฤษแ์ ลฎว้กี ถา้าปรากฏว่า
การส่งชักช้านั้นมิใช่เป็นความผิดของผู้ยื่นอุทธรณ์ ให้ถือว่าเป็นอุทธรณ์ท่ีได้ย่ืนภายในกําหนดอายุ
สาํ นกั องทุานธครณณะ์ กรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมําานตักรงาาน๒ค๐ณ๐ะก๑ร๒ร๕มกใาหร้ศกาฤลษสฎ่งกี สาําเนาอุทธรณส์ใหําน้แกั กง่อานีกคฝณ่ายะกหรนรึ่งมแกการ้ภกาฤยษในฎกีกาําหนดสิบห้า
วันนับแตว่ ันทไ่ี ดร้ ับสําเนาอทุ ธรณ์
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๐๑๑๒๖ เม่ือศาลส่งสําเนาอุทธรณ์แก่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้เพราะหาตัวไม่พบ
หรือหลบหนี หรือสจํานงใักจงไามน่รคับณสะํากเรนรมาอกุทารธกรฤณษ์ฎหกี ราือได้รับแก้อุทสธํารนณกั ง์แาลน้วคณหะรกือรพรม้นกกาํารหกนฤษดฎแกีกา้อุทธรณ์แล้ว
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๒๑ มาตรา ๑๙๘ วรรคสาม เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทสี่ ๓าํ น๒กั) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๕กร๙รมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๒๒ มาตรา ๑๙๘ วรรคสี่ เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทรี่ก๓ฤ๒ษ)ฎพีก.ศา. ๒๕๕๙ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๒๓ มาตรา ๑๙๘ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทส่ี ํา๘น)กั พง.าศน.ค๒ณ๕ะ๑ก๗รรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๒๔ มาตรา ๑๙๘ ทวิ วรรคหน่ึง แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล
สาํ นักกงฎาหนมคาณยะวกิธรพี ริจมากรณารากคฤวษามฎอีกาาญา (ฉบบั ท่ี ๑๗ส)ํานพกั.ศง.า๒น๕ค๓ณ๒ะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๒๕ มาตรา ๒๐๐ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทสี่ ๑าํ น๗กั) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๓กร๒รมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๒๖ มาตรา ๒๐๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกับาทรี่ก๖ฤ)ษพฎ.ศีก.า๒๔๙๙ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๖๙ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ใหศ้ าลรบี ส่งสาํ นวนไปยังศาลอทุ ธรณเ์ พอ่ื ทําการพิจารณาพิพากษาตอ่ ไป
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๐๒ ผู้อุทธรณ์มีอํานาจย่ืนคําร้องขอถอนอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นก่อนส่ง
สํานวนไปศาลอุทสําธนรักณงา์ นในคณกระกณรีเรชม่นกานร้ีศกฤาลษฎชั้ีกนาต้นส่ังอนุญาสตําไนดัก้ งเามน่ือคสณ่งะสกํารนรมวกนาไรปกแฤษล้ฎวใีกหา้ย่ืนต่อศาล
อุทธรณ์หรอื ตอ่ ศาลชั้นตน้ เพอื่ สง่ ไปยังศาลอทุ ธรณเ์ พ่ือสัง่ ทั้งน้ี ต้องก่อนอ่านคาํ พพิ ากษาศาลอุทธรณ์
สาํ นักงานคณะกรรมการกเมฤ่ือษถฎอกี นา ไปแล้ว ถ้าคสู่คํานวาักมงาอนีกคฝณ่าะยกหรรนม่ึงกมาิไรดก้อฤุทษธฎรีกณา ์ คําพิพากษสาหาํ นรักืองคานําสค่ัณงขะอกงรรศมากลารกฤษฎีกา
คชั้นําพตพิ้นายก่อษมาเดห็ดรอืขคาสดําาํ สนเฉ่งักั พศงาาานละคชผณ้ันู้ถตะอก้นนรรถม้ากอาีกรกฝฤ่าษยฎหีกนา่ึงอุทธรณ์ จะสเดําน็ดกั ขงาาดนตค่อณเะมก่ือรครมดกีถาึงรทก่ีสฤุษดฎโดกี ยาไม่มีการแก้
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมวด ๒
สาํ นักงานกคาณระพกจิ รารรมณกาารกคฤําษพฎิพีกาากษาและคําสส่งั ชําน้นั กั ศงาาลนอคุทณธะรกณรร์ มการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๐๓ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาโดยเปิดเผยเฉพาะแต่ในกรณีท่ีนัดหรือ
อนุญาตให้คูค่ วามสมําานพักงราอ้ นมคกณนั ะกหรรรือมมกกีารากรฤสษบื ฎพกี ยาาน สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒๐๔ เมื่อจสะํานพกัิจงาารนณคณาใะนกรศรามลกโาดรกยฤเปษิฎดกีเผาย ให้ศาลอุทสธาํ รนณักง์อานอคกณหะมการยรนมกัดารกฤษฎกี า
กําหนดวนั พจิ ารณสาาํ นไปักยงาังนคค่คู ณวาะกมรใรหม้ทกราารบกฤลษ่วงฎหีกนา ้าอย่างนอ้ ยไสมํา่ตนํา่ กั กงวาา่นหค้าณวะันกรรมการกฤษฎกี า
การฟังคําแถลงการณ์น้ันห้ามมิให้กําหนดช้ากว่าสิบห้าวันนับแต่วันรับสํานวน ถ้ามี
สาํ นักเงหาตนุพคิเณศะษกจระรมชก้าากรวกา่ ฤนษั้นฎกกี ็ไาด้แตอ่ ยา่ ใหเ้ กสินําสนอกั งงาเดนือคนณะเกหรตรุทมต่ีกา้อรงกชฤา้ ษใหฎีกศ้ าาลรายงานไว้ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมําานตกั งราานค๒ณ๐ะ๕กรรคมํกาารร้อกงฤขษอฎแีกถา ลงการณ์ด้วสยํานปกั างกานใหค้ณติดะกมรารกมับกาฟร้กอฤงษอฎุทีกธารณ์หรือแก้
อทุ ธรณ์
สํานกั งานคณะกรรมการกคฤาํ ษแฎถลกี างการณ์เปน็ หนสําังนสกัอื งใาหน้ยคน่ื ณกะ่อกนรรวมันกศาารลกอฤทุษธฎรกี ณา ์พพิ ากษา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
คําแถลงการณ์ด้วยปากหรือหนังสือก็ตาม มิให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของอุทธรณ์
ให้นับว่าเป็นแตค่ สาํ าํ อนธักบิ งาานยคขณอ้ อะกุทรธรรมณกา์หรรกอื ฤแษกฎอ้ กี ทุา ธรณเ์ ทา่ นัน้ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
คําแถลงการณเ์ ป็นหนงั สือจะยน่ื ตอ่ ศาลชน้ั ตน้ หรือต่อศาลอทุ ธรณก์ ไ็ ด้
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตกั รงาาน๒ค๐ณ๖ะกรรระมเกบายี รบกฤแษถฎลีกงกาารณด์ ้วยปากสมํานดี กั งั งนา้ีนคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๑) ถ้าคู่ความฝ่ายใดขอแถลงการณ์ ให้ฝ่ายนั้นแถลงก่อน แล้วให้อีกฝ่ายหนึ่งแถลง
สาํ นักแงกาน้ เคสณร็จะกแรลร้วมฝก่าายรแกถฤษลงฎกกี อ่านแถลงแก้ไดส้อํากี นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๒) ถ้าคู่ความท้ังสองฝ่ายขอแถลงการณ์ ให้ผู้อุทธรณ์แถลงก่อน แล้วให้อีกฝ่ายหนึ่ง
แถลงแก้ เสร็จแลส้วาํในหัก้ผง้อู าทุนคธณรณะกแ์ รถรลมงกแากรก้ไดฤอ้ษกีฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๓) ถ้าคู่ความทั้งสองฝ่ายขอแถลงการณ์และเป็นผู้อุทธรณ์ทั้งคู่ ให้โจทก์แถลงก่อน
สํานักแงลาน้วใคหณ้จะํากเรลรยมแกถาลรกงฤเษสฎร็จีกาแล้วโจทก์แถลสงําแนกักไ้งดาน้อคีกณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมําานตกั รงาาน๒ค๐ณ๗ะกรเรมมื่อกมารีอกุทฤธษรฎณีก์คา ําพิพากษา ศสาํานลักองุทาธนรคณณ์มะกีอรํารนมากจารสกั่งฤใหษ้ฎศกีาลา ช้ันต้นออก
สํานักหงมานาคยณเระียกกรรหมรกือาจรกับฤจษําฎเลกี ยา ซึ่งศาลน้ันปสําลน่อกั ยงตานัวคไปณแะกลร้วรมมกาาขรังกหฤรษือฎปีกาล่อยช่ัวคราวรสะําหนักวง่าางนอคุทณธะรกณรร์กม็ไกดา้ รกฤษฎกี า
- ๗๐ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
หรอื ถา้ จาํ เลยถูกขังอย่รู ะหวา่ งอุทธรณ์จะส่งั ใหศ้ าลชั้นตน้ ปล่อยจาํ เลยหรอื ปล่อยช่ัวคราวกไ็ ด้
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๐๘ ในการพิจารณาคดีอุทธรณ์ตามหมวดนี้
ส(ํา๑น)กั ถงา้านศคาณละอกุทรธรมรณกา์เรหก็นฤษว่าฎคกี วารสืบพยานเพสํา่ิมนเกัตงิมานใคหณ้มะีอกํารนรมากจาเรรกียฤกษพฎยกี าานมาสืบเอง
หรอื สัง่ ศาลชนั้ ตน้ สบื ให้ เมอื่ ศาลชน้ั ต้นสืบพยานแลว้ ให้สง่ สํานวนมายงั ศาลอุทธรณ์เพอ่ื วนิ ิจฉัยตอ่ ไป
สํานักงานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษถฎา้กี ศาาลอุทธรณ์เหสน็ ํานเปกั ็นงากนาครณจําะกเปรร็นมเกนา่ือรกงฤจษากฎศกี าาลชั้นต้นมิได้ปสฏาํ นิบักัตงิใาหน้ถคูกณตะ้อกรงรตมากมารกฤษฎกี า
กระบวนพจิ ารณาสาํกนใ็ กัหงพ้ านิพคาณกษะการสรงั่ มใกหา้ศรากลฤชษน้ัฎตกี ้นา ทาํ การพจิ ารสณํานาักแงลาะนพคพิณาะกกษรรามหกราอืรสกฤั่งใษหฎมีก่ตาามรปู คดี
สาํ นกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒๐๘ ทวิ๑๒ส๗ํานถัก้างาอนธคิบณดะีผกู้พรริพมากการษกาฤศษาฎลีกาอุทธรณ์เห็นสสมาํ นคักวงรานจคะณใะหก้มรีรกมากรารกฤษฎีกา
วนิ จิ ฉัยปญั หาใด ในคดเี รอ่ื งใด โดยทป่ี ระชมุ ใหญก่ ไ็ ด้
สทํา่ีปนกัรงะาชนุมคใณหะญกร่ใรหม้ปกราะรกกฤอษบฎดกี ้วายผู้พิพากษาสทําุกนคกั นงาซนึ่งคอณยะู่ปกฏรริบมัตกิหารนก้าฤทษี่ ฎแกี ตา่ต้องไม่น้อย
กวา่ กงึ่ จาํ นวนผ้พู ิพากษาแห่งศาลนั้น และให้อธบิ ดีผู้พิพากษาศาลอทุ ธรณเ์ ป็นประธาน
สาํ นักงานคณะกรรมการกกฤาษรวฎินีกาิจฉัยในท่ีประสชําุมนใักหงญาน่ใคหณ้ถะือกเรสรียมงกขาร้ากงฤมษาฎกีกถา้าในปัญหาใดสมํานีคักวงาามนเคหณ็นะแกยร้งรมกกันารกฤษฎีกา
เป็นสองฝ่าย หรือเกินสองฝ่ายขึ้นไป จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซ่ึงมีความเห็นเป็นผลร้าย
แก่จาํ เลยมากยอมสเําหน็นกั งดาว้ นยคผณู้พะิพการรกมษกาาซร่งึกมฤีคษวฎากี มาเหน็ เปน็ ผลรา้สยํานแกักงจ่ าํานเคลณยนะกอ้ รยรกมวก่าารกฤษฎีกา
ในคดีซึ่งที่ประชุมใหญ่ได้วินิจฉัยปัญหาแล้ว คําพิพากษาหรือคําสั่งต้องเป็นไปตาม
สาํ นกั คงําาวนินคิจณฉะัยกขรรอมงกทาี่ปรรกะฤชษุมฎใีกหาญ่ และต้องรสะําบนุไักวง้ดา้วนยควณ่าปะกัญรหรมากขา้อรใกดฤไษดฎ้วินีกาิจฉัยโดยที่ประสชาํ ุมนักใหงาญน่คผณู้พะิพการกรมษกาารกฤษฎีกา
ที่เขา้ ประชุม แมม้ สใิ าํชนเ่ ปักง็นาผนู้นคั่งณพะจิการรรณมกาารกกใ็ หฤษม้ ฎอี กีาํ านาจพิพากษาสทําาํนคกั ํางสานง่ั คหณระอื กทรํารคมวกาามรกเหฤ็นษแฎยกี ้งาในคดีนน้ั ได้
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกีาา๒๐๙ ให้ศาสลําอนุทกั งธารนณค์พณิพะการกรษมกาาโดรกยฤมษิชฎักกี ชา้า และจะอ่านสาํคนําักพงิพานาคกณษะากทร่ีศรมากลารกฤษฎีกา
อุทธรณ์ หรอื ส่งไปให้ศาลชนั้ ต้นอา่ นกไ็ ด้
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๑๐ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องอุทธรณ์มิได้ยื่นในกําหนด ให้พิพากษา
สํานกั ยงกานฟค้อณงอะกุทรธรรมณกา์นร้ันกฤเสษียฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตักรงาาน๒ค๑ณ๑ะกรเรมม่ือกมารีอกุทฤธษรฎณีก์าคัดค้านคําพิพสาํากนษกั างาในนคปณระะกเดรร็นมสกําาครักญฤแษลฎะกี คาัดค้านคําส่ัง
ระหวา่ งพจิ ารณาด้วย ศาลอุทธรณ์จะพพิ ากษาโดยคาํ พพิ ากษาอนั เดียวกันก็ได้
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมาํ านตกั รงาาน๒คณ๑ะ๒กรรคมดกีทารี่จกําฤเษลฎยกีอาุทธรณ์คําพิพสาํากนษักงาาทน่ีใคหณ้ละงกโรทรษมกหาร้ากมฤมษิใฎหกี ้ศาาลอุทธรณ์
พิพากษาเพมิ่ เติมโทษจําเลย เวน้ แตโ่ จทก์จะไดอ้ ทุ ธรณใ์ นทํานองนนั้
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๑๓ ในคดีซึ่งจําเลยผู้หน่ึงอุทธรณ์คัดค้านคําพิพากษา ซ่ึงให้ลงโทษจําเลย
หลายคนในความสผาํ ิดนฐกั างานนเดคณียวะกกรันรหมรกือารตก่อฤเษนฎื่อีกงากัน ถ้าศาลอุทสํธานรกัณง์กานลคับณหะรกือรแรมกก้คาํารพกิพฤษากฎษกี าาศาลชั้นต้น
ไม่ลงโทษหรือลดโทษให้จําเลย แม้เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์มีอํานาจพิพากษา
สาํ นกั ตงลานอคดณไปะถกรึงรจมํากเลายรกอฤน่ื ษทฎมี่ ีกิไาดอ้ ุทธรณ์ ใหม้สําติ น้อกั งงถากูนรคบั ณโะทกษรรหมรกอืารไกดฤ้ลษดฎโทกี ษา ดุจจาํ เลยผู้อสุทําธนรักณงา์ นคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๒๗ มาตรา ๒๐๘ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานักคงวาานมคอณาญะการร(ฉมะกบาับรกทฤี่ ๒ษ)ฎพกี .าศ. ๒๔๘๗ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๗๑ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกีาา๒๑๔ นอกจสาํานกกัมงีขา้อนคคณวาะมกรซร่ึงมตก้อางรมกฤีในษฎคีกําาพิพากษาศาลสชํา้ันนตัก้นงานคคําณพะิพการกรมษกาารกฤษฎกี า
ศาลอุทธรณต์ อ้ งปรากฏขอ้ ความดังตอ่ ไปนดี้ ว้ ย
ส(๑ําน)ักนงาานมคหณรอืะกตรํารแมหกนารง่ กขฤอษงฎผีกอู้ าทุ ธรณ์ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๒) ข้อความว่า ยนื ยก แก้หรอื กลบั คาํ พิพากษาศาลชนั้ ต้น
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ว่าด้วยคาํ พิพากษสมาําแานตลักระงาาคนาํ ๒คสณ๑ั่งศะ๕การลรนชมอ้ันกกตาจร้นกามฤกาษทบฎี่บังกี ัญคาับญใัตนิมชาั้นแศลา้วลอใสุทหํานธ้นักรําณงบาท์นดค้วบยณัญโะดญกยรัตอริวมน่ากุโดาล้วรมกยฤกษาฎรพกี าิจารณาและ
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ลกั ษณะ ๒
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมวด ๑
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี หาลกั ทว่ั ไป สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมําานตักรงาาน๒คณ๑ะ๖ก๑ร๒ร๘มกภารากยฤใษตฎ้บกี ังาคับแห่งมาตรสาําน๒กั ง๑า๗นคถณึงะก๒ร๒รม๑กาครู่คกฤวษาฎมีกมาีอํานาจฎีกา
คัดค้านคําพิพากษา หรือคําสั่งศาลอุทธรณ์ภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันอ่าน หรือถือว่าได้อ่าน
สํานกั คงําานพคิพณาะกกษรรามหกราือรคกําฤสษ่งัฎนกี ้ันาใหค้ ่คู วามฝ่าสยําทน่ีฎักกีงาานฟคังณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ฎีกานั้น ให้ยื่นต่อศาลชั้นต้น และให้นําบทบัญญัติในมาตรา ๑๙๘ มาตรา ๒๐๐
และมาตรา ๒๐๑สาํมนาักใงชา้บนงัคคณบั ะโกดรยรอมนกาุโรลกมฤ๑ษ๒๙ฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๒๑๗ ในคดสีซํา่ึงนมกั ีขง้อานจคําณกัดะกวร่ารมใหก้คารู่คกวฤาษมฎฎีกีกาาได้แต่เฉพาะสปาํ นัญักหงาานขค้อณกะฎกหรรมมากยารกฤษฎีกา
ข้อจาํ กดั นใี้ หบ้ งั คบั แก่คู่ความและบรรดาผทู้ ี่เก่ยี วข้องในคดดี ว้ ย
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๑๘ ในคดีท่ีศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไข
สํานกั เงลา็กนนค้อณยะกแรลรมะกใหาร้ลกงฤโษทฎษีกจาําคุกจําเลยไมส่เํากนินักงหา้านปคีณหะรกือรปรมรกับาหรกรือฤษทฎ้ังจกี าําท้ังปรับแต่โทสษาํ นจักํางคาุกนไคมณ่เะกกินรหรม้ากปาี รกฤษฎีกา
หา้ มมิใหค้ ู่ความฎสีกาํ านใกันงปานญั คหณาะขก้อรเรทม็จกจารรกงิ ฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยและ
สํานกั ใงหาน้ลคงณโทะกษรจรมํากคาุกรจกฤําษเลฎยีกาเกินห้าปี ไม่สว่ําานจกั ะงมาีนโทคษณอะกยร่ารงมอกื่นารดก้วฤยษหฎรีกือาไม่ ห้ามมิให้สโจํานทักกง์ฎานีกคาณในะกปรัญรมหกาารกฤษฎีกา
ขอ้ เทจ็ จริง๑๓๐
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๒๘ มาตรา ๒๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทร่ีก๖ฤ)ษพฎ.ศีก.า๒๔๙๙ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๒๙ มาตรา ๒๑๖ วรรคสอง แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญสาํา(นฉบกั ับงาทน่ี ค๓ณ๒)ะกพร.ศร.ม๒ก๕าร๕ก๙ฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๓๐ มาตรา ๒๑๘ วรรคสอง เพมิ่ โดยพระราชบญั ญตั แิ ก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกับาทร่ีก๑ฤ๗ษ)ฎพกี .ศา. ๒๕๓๒ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๗๒ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๒๑๙๑๓๑ ในสคําดนที ักศ่ีงาานลคชณัน้ ะตก้นรพรมพิ กาากรษกฤาใษหฎล้ กี งาโทษจาํ คกุ จาํ เสลาํ ยนไักมง่เากนินคสณอะงกปรีหรมรกือารกฤษฎีกา
ปรับไม่เกินส่ีหม่ืนบาท หรือท้ังจําทั้งปรับ ถ้าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจําเลยไม่เกินกําหนดที่ว่ามานี้
ห้ามมิให้คู่ความฎสีกําานใกั นงปานัญคหณาะขก้อรรเทมก็จาจรรกิงฤษแตฎ่ขีกา้อห้ามนี้มิให้ใชส้แํานกัก่จงําาเนลคยณในะกกรรรณมีทกาี่ศรากลฤอษุทฎธีกราณ์พิพากษา
แก้ไขมากและเพ่มิ เติมโทษจาํ เลย
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ข้อเท็จจริงในปญั สหมําาานเรตกั ่ืองรางานวคธิ ๒กีณ๑าะรก๙เรพรทือ่มวคกิ๑วาร๓าก๒มฤปษหลฎ้อากี ดมาภมยัิใแหต้ค่อู่คยวา่ างมเดสฎียําีนกวกั าแงคามันดค้ คคดณ้าีนะน้ันกคจระํรามไพมกิพ่ตาร้อากงกฤหษษ้าาฎมหีกฎารกี ือากคต็ําาสม่ังใน
สํานกั งานคณะกรรมการกในฤษกฎากีรนา ับกําหนดโทสษํานจกั ํางคาุนกคตณามะกครวรามมกใานรกมฤาษตฎรีกาา ๒๑๘ และ ส๒ํา๑น๙ักงานนั้นคณหะ้ากมรรมมิใกหา้ รกฤษฎกี า
คํานวณกาํ หนดเวลาท่ีศาลมคี าํ พพิ ากษาหรอื คําสง่ั เกยี่ วกับวธิ ีการเพื่อความปลอดภัยรวมเขา้ ดว้ ย
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๑๙ ตรี๑๓๓ ในคดีท่ีศาลช้นั ตน้ ลงโทษกักขงั แทนโทษจาํ คุก หรอื เปล่ียนโทษ
สาํ นักกงักานขคังณเปะ็นกรโรทมษกจารํากคฤุกษฎหีกราือคดีที่เกี่ยวกสับํานกักางรากนักคขณังะแกทรรนมคก่าาปรกรฤับษฎหีกราือกักขังเกี่ยวกสับาํ นกักางรารนิบคณทะรกัพรยร์สมกินารกฤษฎีกา
ถ้าศาลอุทธรณ์มิได้พพิ ากษากลบั คําพิพากษาศาลชน้ั ต้น หา้ มมใิ หค้ คู่ วามฎกี าในปัญหาขอ้ เท็จจริง
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๒๐๑๓๔ ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ศาลช้ันต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษา
สาํ นักยงกานฟค้อณงโะจกทรรกม์ การกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๒๑ ในคดีซ่ึงห้ามฎีกาไว้โดยมาตรา ๒๑๘, ๒๑๙ และ ๒๒๐ แห่งประมวล
สํานักกงฎานหคมณาะยกนร้ีรถม้ากผารู้พกิพฤษากฎษกี าาคนใดซ่ึงพิจสาํารนณกั งาานหครณือะลกงรชร่ือมใกนารคกําฤพษิพฎาีกกาษาหรือทําควสําานมักเหงา็นนแคยณ้งะใกนรศรมากลารกฤษฎีกา
ช้ันต้นหรือศาลอุทธรณ์พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสําคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและ
อนุญาตให้ฎีกา หสราํ นือักองธาิบนคดณีกระกมรอรัยมกกาารรกลฤงษลฎากียามือช่ือรับรองสใํานนฎักีกงาานวค่าณมีะเหกรตรุอมันกคารวกรฤทษี่ศฎาีกลาสูงสุดจะได้
วินิจฉัย ก็ให้รับฎีกาน้นั ไว้พิจารณาต่อไป
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๒๒ ถ้าคดมี ีปัญหาแตเ่ ฉพาะข้อกฎหมาย ในการวนิ จิ ฉัยปัญหาข้อกฎหมาย
นั้น ศาลฎกี าจะตสอ้ ํางนฟกั งั งขาอ้นเคทณ็จะจกรรงิ รตมากมาทรกี่ศฤาษลฎอีกทุ าธรณ์ได้วนิ จิ ฉสัยํามนากั แงลานว้ จคาณกะพกรยรามนกหาลรกักฤฐษานฎีกในาสํานวน
สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒๒๓ ให้เปส็นําหนนัก้งาาทนี่ศคาณละชกั้นรรตม้นกตารรกวฤจษฎฎีกกี าาว่าควรจะรับสส่งํานขักึ้นงไาปนยคังณศะากลรฎรมีกกาารกฤษฎกี า
หรอื ไม่ตามบทบญั สญาํ นัตักแิงาหนง่ คปณระะกมรวรลมกกฎารหกมฤาษยฎนีก้ี าถ้าเห็นว่าไม่คสวํารนรักับงาในหค้จณดะเกหรตรุผมลกไาวร้ใกนฤคษําฎสกี ั่งาของศาลน้ัน
โดยชัดเจน
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๓๑ มาตรา ๒๑๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบบั ทสี่ ๑าํ น๗กั) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๓กร๒รมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๓๒ มาตรา ๒๑๙ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นกั คงวาานมคอณาญะการร(ฉมบกับารทกี่ ๘ฤษ) พฎ.กี ศา. ๒๕๑๗ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๓๓ มาตรา ๒๑๙ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทส่ี ํา๘น)กั พง.าศน.ค๒ณ๕ะ๑ก๗รรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๓๔ มาตรา ๒๒๐ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทรี่ก๑ฤ๗ษ)ฎพกี .ศา. ๒๕๓๒ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๗๓ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒๒๔๑๓๕ เมส่ือําศนากั ลงาชน้ันคตณ้นะไกมร่ยรมอกมารรับกฤฎษีกฎาีกผาู้ฎีกาอาจฎีกาสเําปน็นักคงาํานรค้อณงอะกุทรธรรมณกา์ รกฤษฎีกา
คําสั่งของศาลน้ันต่อศาลฎีกาได้ คําร้องเช่นนี้ให้ย่ืนที่ศาลชั้นต้นภายในกําหนดสิบห้าวันนับแต่วันฟัง
คําสั่ง แล้วให้ศาลสนําน้ันักรงีบานสค่งณคําะรก้อรรงมเชก่นารวก่าฤนษ้ันฎไีกปายังศาลฎีกาพสรํา้นอกัมงดา้วนยคฎณีกะกาแรรลมะกคาํารกพฤิพษาฎกีกษาาหรือคําส่ัง
ของศาลชั้นต้นและศาลอทุ ธรณ์
สํานักงานคณะกรรมการกเมฤ่ือษศฎาีกลาฎกี าเหน็ สมคสวํารนตักรงวาจนสคําณนะวกนรเรพมือ่ กสางั่รคกําฤรษ้อฎงีกเราอ่ื งน้ัน ก็ให้สง่ั สศําานลักชงัน้านตคน้ ณสะ่งกมรารใมหก้ ารกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกาหมวด ๒ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา การพจิ ารสณํานาักคงาํานพคิพณาะกกษรารแมลกะารคกําฤสษ่ังฎชกี้ันาฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๒๕ ให้นําบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณา และว่าด้วยคําพิพากษาและ
สาํ นกั คงําาสนงั่คชณั้นะอกทุรรธมรกณารม์ กาฤบษงั ฎคกีบั าในชัน้ ฎีกาโดยสอํานนักุโลงามนคเวณน้ ะแกตรรห่ มา้ กมามริใกหฤ้ทษําฎคีกวาามเห็นแยง้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกาภาค ๕ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า พยานหลักฐาน สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมวด ๑
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานหคลณกั ทะก่วั รไรปมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๒๖ พยานวัตถุ พยานเอกสาร หรอื พยานบุคคลซ่ึงน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจําเลย
สํานักมงีผานิดคหณระือกบรรรมิสกุทาธรกิ์ ใฤหษ้อฎ้ากี งาเป็นพยานหสลําักนฐกั างนานไคดณ้ แะกตร่ตร้อมงกเาปรก็นฤพษยฎากี นาชนิดที่มิได้เกสิดํานขักึ้นงจานาคกณกาะกรรจรูงมใกจารกฤษฎีกา
มีคํามั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวงหรือโดยมิชอบประการอ่ืน และให้สืบตามบทบัญญัติแห่งประมวล
กฎหมายนี้หรอื กฎสหํานมักางยาอน่ืนคณอันะกวร่ารดม้วกยากรากรฤสษืบฎพีกายาน สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกี าา ๒๒๖/๑๑๓๖สํานในกั งการนณคณีทะี่คกวรรามมกปารรกาฤกษฏฎแกี กา่ศาลว่า พยาสนาํ นหักลงาักนฐคาณนะใกดรเรปม็กนารกฤษฎีกา
พยานหลักฐานทส่ีเกาํ นิดักขงึ้นานโดคยณชะกอรบรแมตก่ไาดรก้มฤาษเนฎ่ืีกอางจากการกระสทํานําักโดงายนมคิชณอะบกรหรมรกือาเรปก็นฤพษยฎาีกนา หลักฐานท่ี
ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยมิชอบ ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานนั้น เว้นแต่การ
สาํ นักรงับานฟคังณพะยการนรมหกลาักรกฐฤาษนฎนกี ั้นาจะเป็นประโสยําชนนกั ์งตา่อนกคาณระอกํารนรมวกยาครกวฤามษฎยกีุตาิธรรมมากกว่าสผํานลักเงสาียนอคันณเะกกิดรรจมากการกฤษฎกี า
ผลกระทบตอ่ มาตรฐานของระบบงานยตุ ิธรรมทางอาญาหรือสทิ ธเิ สรีภาพพ้นื ฐานของประชาชน
สใํานนกักางราในชค้ดณุละพกินรริจมรกับาฟรกังฤพษยฎาีกนาหลักฐานตามสวํารนรกั คงหานนคึ่งณใะหก้ศรรามลกพาิจรการฤณษฎาีกถาึงพฤติการณ์
ทง้ั ปวงแหง่ คดี โดยต้องคํานงึ ถงึ ปจั จัยตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปนี้ดว้ ย
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๓๕ มาตรา ๒๒๔ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทสี่ ๑ําน๗กั) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๓กร๒รมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๓๖ มาตรา ๒๒๖/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาญะการร(ฉมบกับารทกี่ ๒ฤษ๘ฎ) พีกา.ศ. ๒๕๕๑ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๗๔ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๑) คุณค่าในเชงิ พิสจู น์ ความสําคญั และความน่าเช่ือถือของพยานหลกั ฐานนน้ั
สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษพฎีกฤาตกิ ารณ์และคสวําานมักรง้าายนแครณงะขกอรงรคมวกาามรกผฤิดษในฎคีกดา ี สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๓) ลกั ษณะและความเสยี หายท่ีเกิดจากการกระทาํ โดยมิชอบ
ส(๔าํ น)กั ผงู้ทาน่ีกครณะะทกํารกรามรกโาดรยกมฤษิชฎอีกบาอันเป็นเหตุใหส้ไําดน้พกั งยาานนคหณละักกฐรรามนกมาารนกั้ฤนษไดฎ้รกี ับาการลงโทษ
หรอื ไม่เพียงใด สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ความผิดคร้ังอื่น สๆมําานหตกั รงรือาานคคว๒ณา๒มะ๖กปร/รร๒ะมพ๑ก๓ฤา๗รตกิใฤหนษ้ทาฎมากี งมาเิใสหื่อ้ศมาเสลียรขับอฟงสังจําพํานเยักลงายานนเหคพณลื่อักะพกฐิสรารูจนมนทก์วา่ีเ่ารกจกี่ยําฤวเษลกฎยับีกเาปก็นารผกู้กรระะททํําา
สํานกั คงวานามคผณดิ ะใกนรครมดกที า่ถีรกกู ฤฟษ้อฎงกี เาวน้ แต่พยานหสลําักนฐกั างนานอคยณ่างะหกรนรงึ่ มอกยาา่รงกใฤดษดฎังกี ตาอ่ ไปน้ี สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๑) พยานหลกั ฐานท่ีเก่ยี วเนอ่ื งโดยตรงกับองคป์ ระกอบความผดิ ของคดีท่ฟี ้อง
ส(๒ําน)ักพงายนาคนณหะลกักรฐรมานกาทรี่แกสฤดษงฎถกี ึงาลักษณะ วิธี สหํารนือักรงูปานแคบณบะเฉกรพรามะกใานรกกาฤรษกฎรีกะาทําความผิด
ของจําเลย
สํานกั งานคณะกรรมการก(๓ฤษ) ฎพีกยาานหลักฐานสทําน่ีหกัักงลาน้าคงณข้อะกกรลร่มาวกาอร้ากงฤขษอฎงีกจาําเลยถึงการสกํารนะักทงาํานคหณระือกครวรมากมารกฤษฎีกา
ประพฤติในส่วนดีของจาํ เลย
สคําวนาักมงาในนควณรระคกหรรนม่ึงกไามร่หกฤ้ามษฎกกีารานําสืบพยานสหําลนักกั ฐงาานนคดณังกะกลร่ารวมกเพาร่ือกใฤหษ้ศฎาีกลาใช้ประกอบ
ดลุ พินจิ ในการกําหนดโทษหรือเพ่ิมโทษ
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตกั รงาาน๒ค๒ณ๖ะก/๓รร๑ม๓ก๘ารขก้อฤคษวฎากี มาซึง่ เป็นการบอสํากนเลกั ง่าาทน่ีพคยณาะนกบรรุคมคกลาใรดกนฤษํามฎาีกเาบิกความต่อ
ศาลหรอื ท่ีบนั ทึกไว้ในเอกสารหรอื วัตถุอื่นใดซ่ึงอ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาล หากนําเสนอเพื่อพิสูจน์
สาํ นักคงวานามคจณระงิ กแรหรม่งขกอ้ารคกวฤาษมฎนกี นั้ า ใหถ้ อื เปน็ พยสาํานนักบงอานกคเลณา่ ะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ห้ามมใิ หศ้ าลรับฟงั พยานบอกเลา่ เวน้ แต่
ส(ํา๑น)กั ตงาานมคสณภะากพรรลมักกษารณกฤะษแฎหีกลา่งท่ีมา และขส้อําเนทัก็จงจานรคิงแณวะดกรลร้อมมกขารอกงฤพษยฎาีกนาบอกเล่าน้ัน
น่าเช่ือว่าจะพสิ จู น์ความจริงได้ หรอื
สํานักงานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษฎมีกีเหาตุจําเป็น เน่ืสอํางนจักางกาไนมค่สณาะมการรรถมนกาํารบกุคฤคษลฎซีกา่ึงเป็นผู้ที่ได้เหส็นาํ นไักดง้ยาินนคหณระือกทรรรมากบารกฤษฎกี า
ขอ้ ความเกยี่ วในเรอ่ื งทจ่ี ะให้การเป็นพยานน้ันด้วยตนเองโดยตรงมาเป็นพยานได้ และมีเหตุผลสมควร
เพอ่ื ประโยชน์แหสง่ คํานวกัามงายนุตคธิ ณระรกมรทรีจ่มะกรารบั กฟฤงั ษพฎยีกาานบอกเล่าน้ันสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ในกรณีที่ศาลเห็นว่าไม่ควรรับไว้ซ่ึงพยานบอกเล่าใด และคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องร้อง
สํานักคงัดานคค้าณนะกก่อรนรมทกี่ศาารลกฤจษะฎดกีําาเนินคดีต่อไปสใําหน้ศักงาาลนจคดณระากยรงรามนกราระกบฤุนษาฎมกี าหรือชนิดและสลาํ นักักษงณานะคขณอะงกพรยรมากนารกฤษฎกี า
บอกเล่า เหตุผลทสาํ่ีไนมัก่ยงอานมครัณบะแกลรระมขก้อาครกัดฤคษ้าฎนกี ขาองคู่ความฝ่าสยําทนี่เกั กง่ียานวขค้ณองะไกวร้ รสม่วกนารเหกฤตษุผฎลีกทาี่คู่ความฝ่าย
คดั ค้านยกขึ้นอา้ งน้นั ให้ศาลใชด้ ุลพนิ จิ จดลงไวใ้ นรายงานหรือกําหนดให้คู่ความฝ่ายน้ันย่ืนคําแถลงต่อ
สาํ นักศงาาลนเคพณ่อื ะรกวรมรไมวกใ้ านรสกําฤนษวฎนีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๓๗ มาตรา ๒๒๖/๒ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทส่ีํา๒น๘กั ง) าพน.คศณ. ๒ะก๕ร๕ร๑มการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๓๘ มาตรา ๒๒๖/๓ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาะญการร(ฉมบกับารทกี่ ฤ๒ษ๘ฎ) กี พา.ศ. ๒๕๕๑ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๗๕ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๒๖/๔๑๓๙ ในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ ห้ามมิให้จําเลยนําสืบด้วย
สํานักพงายนาคนณหะลกักรรฐมากนาหรกรฤือษถฎากีมาค้านด้วยคําถสาํามนอกั ังนาเนกค่ียณวะกกับรรพมฤกตาิกรกรฤรษมฎทกี าางเพศของผู้เสสียาํ นหักางยากนับคณบุคะกครลรมอกื่นารกฤษฎกี า
นอกจากจาํ เลย เว้นแตจ่ ะได้รบั อนญุ าตจากศาลตามคาํ ขอ
สศําานลกั จงะานอคนณุญะากตรตรมากมาครํากขฤอษใฎนีกวารรคหนึ่ง เฉพสาําะนใักนงกานรณคณีทะ่ีศการลรเมหก็นารวก่าฤจษะฎกีก่อาให้เกิดความ
ยตุ ิธรรมในการพจิ ารณาพพิ ากษาคดี สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ฟังบันทึกคําเบิกคสมวําานาตักมรงใาานน๒ชค้ัน๒ณไ๖ะตก/่ส๕รวร๑มน๔ก๐มาูลรใฟกนฤ้อชษงน้ั ฎหพกีรจิาือาบรันณทาึกหคากําเมบีเสหิกําตคนุจวกั ําางาเมปนข็นคอณหงระพกือยรเาหรนมตกทุอา่ีเันรบกสิกฤมคษควฎวาีกรมาศไวา้ใลนอคาดจีอรั่ืบน
สํานกั ปงรานะคกณอบะกพรยรามนกหารลกักฤฐษาฎนีกอาืน่ ในคดไี ด้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตักงราานค๒ณ๒ะ๗กรรใมหก้ศารากลฤใษชฎ้ดีกุลาพินิจวินิจฉัยสชํานั่งนกั ง้ําาหนนคณักพะกยรารมนกหาลรกักฤฐษาฎนกี ทาั้งปวง อย่า
พิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทาํ ผิดจริงและจําเลยเป็นผู้กระทําความผิดน้ัน
สํานักงานคณะกรรมการกเมฤื่อษฎมกีีคาวามสงสัยตาสมําสนกัมงคาวนรควณ่าะจกํารเรลมยกไาดรก้กฤรษะฎทีกําาผิดหรือไม่ ใหสํา้ยนกักปงารนะคโณยะชกนร์แรมหก่งารกฤษฎกี า
ความสงสัยน้ันให้จําเลย
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๒๗/๑๑๔๑ ในการวินิจฉัยชั่งนํ้าหนักพยานบอกเล่า พยานซัดทอด พยานท่ี
สํานกั จงําานเลคยณไะมก่มรีโรอมกกาารสกถฤาษมฎคกี ้าาน หรือพยานสําหนลกั ักงาฐนาคนณทะ่ีมกีขร้อรมบกกาพรกรฤ่อษงฎปกี ราะการอื่นอันอสาําจนกักรงาะนทคบณถะึงกครรวมากมารกฤษฎีกา
น่าเชื่อถือของพสยํานากันงหานลคักณฐะากนรรนม้ันการศกาฤลษจฎะกี ตา ้องกระทําดส้วํานยักคงวานาคมณระะกมรัรดมรกะาวรกังฤแษฎลกีะาไม่ควรเชื่อ
พยานหลักฐานนั้นโดยลําพังเพื่อลงโทษจําเลย เว้นแต่จะมีเหตุผลอันหนักแน่น มีพฤติการณ์พิเศษแห่ง
สํานกั คงดานี หครณอื ะมกีพรรยมากนาหรกลฤักษฐฎานกี าประกอบอ่ืนมสาําสนนักบั งาสนนคุนณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
พยานหลักฐานประกอบตามวรรคหนึ่ง หมายถึง พยานหลักฐานอื่นที่รับฟังได้ และมี
แหล่งที่มาเป็นอิสสราํ นะกัตง่าางนหคาณกะจการกรมพกยาารนกฤหษลฎักกี ฐาานที่ต้องการสพํายนากั นงาหนลคักณฐะากนรรปมรกะากรกอฤบษนฎั้นีกาทั้งจะต้องมี
คุณค่าเชงิ พิสจู น์ท่ีสามารถสนบั สนนุ ให้พยานหลักฐานอนื่ ทไ่ี ปประกอบมคี วามน่าเชอื่ ถือมากขึ้นดว้ ย
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๒๘ ระหว่างพิจารณาโดยพลการหรือคู่ความฝ่ายใดร้องขอ ศาลมีอํานาจ
สืบพยานเพมิ่ เตมิ สจํานะกัสงบื าเนอคงณหะรกอื รสรง่ มปกราะรเกดฤ็นษกฎไ็ กี ดา้ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกีาา๒๒๙ ศาลเปสํา็นนผักู้สงืาบนพคยณาะนกรจระมสกืบารใกนฤศษาฎลีกหารือนอกศาลกส็ไาํ ดน้ ักแงลา้วนแคตณ่เะหก็นรรคมวกรารกฤษฎีกา
ตามลกั ษณะของพสํายนากันงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๓๙ มาตรา ๒๒๖/๔ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาะญการร(ฉมบกับารทกี่ ฤ๒ษ๘ฎ) กี พา.ศ. ๒๕๕๑ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๔๐ มาตรา ๒๒๖/๕ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทสี่ํา๒น๘ักง) าพน.คศณ. ๒ะก๕ร๕ร๑มการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๔๑ มาตรา ๒๒๗/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นกั คงวาานมคอณาะญการร(ฉมบกับารทก่ี ฤ๒ษ๘ฎ) ีกพา.ศ. ๒๕๕๑ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๗๖ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๒๙/๑๑๔๒ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๗๓/๑ ในการไต่สวนมูลฟ้องหรือการ
สํานักพงจิานาครณณะากโรจรทมกกาต์ ร้อกงฤยษนื่ ฎบกี ัญา ชีระบพุ ยานสหําลนักกั ฐงาานนคโณดะยกแรสรดมงกถารงึ กปฤรษะฎเภีกทาและลักษณะสขําอนงักวงัตาถนุคสณถะากนรทรี่พมกอารกฤษฎีกา
สงั เขป หรอื เอกสารเท่าท่จี ะระบุได้ รวมทงั้ รายชอ่ื ทอี่ ยูข่ องบคุ คลหรือผู้เชยี่ วชาญ ซ่งึ โจทก์ประสงค์จะ
นําสืบ หรือขอใหส้ศาํ านลกั ไงปานตครณวจะกหรรรือมแกตาร่งกตฤ้ังษตฎ่อกี ศาาลไม่น้อยกวส่าําสนิบักหงา้านวคันณกะ่อกนรรวมันกไาตร่สกวฤนษฎมกีูลาฟ้องหรือวัน
สืบพยาน พร้อมท้ังสําเนาบัญชีระบุพยานหลักฐานดังกล่าวในจํานวนที่เพียงพอเพ่ือให้จําเลยรับไป
สํานักสงว่านนคจณาํ เะลกยรใรหมย้ กื่นารบกัญฤษชีรฎะีกบาุพยานหลกั ฐสานํานพักรงอ้ านมคสณําเะนการกรอ่มนกาวรนั กสฤืบษพฎกียาานจําเลย สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ให้บุคคลท่ีเกี่ยวขสใ้อาํนนงกักยาง่ืนราบนไตคัญ่สณชวะีรนกะกรบรรมุพณกยีราา้อรนกงฤขหษอลฎคักกีืนฐาขานองตก่อลศาางลทไี่ศมสา่นําลน้อสกัยั่งงกราิบวน่าหคเณรจือะ็ดกกวรรันรณมกีรก่อ้อานรงวกขันฤอษไใตฎห่สกี้ศาวานลพริบรท้อมรัพทย้ัง์
สาํ นักสงาําเนนคาณบะญั กชรรรี มะกบาุพรกยฤาษนฎหีกลาักฐานดังกลา่ วสใํานนจักาํงนานวคนณทะ่ีเพกรยี รงมพกอารเกพฤ่ือษใฎหีก้บาุคคลท่เี ก่ยี วข้อสงาํ นอัก่ืนงาถน้าคมณี ระบั กไรปรมการกฤษฎกี า
เมื่อระยะเวลาที่กําหนดให้ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง
แล้วแตก่ รณี ไดส้ น้ิสาํสนดุ ักลงงานถค้าณคะคู่ กวรารมมหกรารอื กบฤุคษคฎลกี ทาีเ่ กี่ยวข้องซ่งึ ไสดําย้นืน่กั บงาญั นคชณรี ะะบกุพรรยมากนาหรกลฤกั ษฐฎาีกนาไวแ้ ลว้ มเี หตุ
อันสมควรแสดงได้ว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนําพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบ หรือไม่ทราบว่า
สํานักพงยานาคนณหะลกักรฐรามนกบารากงฤอษยฎา่ งกี ไาด้มีอยู่ หรอื มสีเหํานตกัุสงมาคนวครณอะื่นกใรดรมหกราอืรกถฤ้าษคฎ่คู กีวาามหรือบุคคลทสํา่ีเกน่ียักงวาขน้อคงณฝะ่ากยรใรดมซก่ึงารกฤษฎีกา
มิได้ย่ืนบัญชีระบุพยานหลักฐานเช่นว่าน้ันแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลได้ว่า มีเหตุอันสมควรที่ไม่
สามารถย่นื บญั ชรี สะําบนกัุพงยาานนคหณละักกรฐรามนกตาารมกกฤษําหฎนกี าดเวลาดังกล่าสวําไนดกั้ คงาู่คนวคาณมหะกรรือรบมุคกคารลกเฤชษ่นฎวกี่าาน้ัน อาจร้อง
ขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานดังกล่าวต่อศาล พร้อมกับบัญชีระบุพยานหลักฐานและสําเนาบัญชีระบุ
สํานกั พงายนาคนณหะลกักรฐรมานกานรั้นกฤไมษ่วฎ่ากี เาวลาใด ๆ ก่อสนําเนสักรง็จานสค้ินณกะากรรสรืบมพกายรากนฤขษอฎงีกฝา่ายนั้นสําหรับสกํานรักณงีาทน่ีคคู่คณวะากมรหรมรกือารกฤษฎีกา
บุคคลเช่นว่านั้นไสดํา้ยน่ืนักงบาัญนคชณีระะกบรุพรมยกาานรหกลฤษักฎฐาีกนา ไว้แล้ว หรือสกํา่อนนกั งเสานรค็จณสิ้นะกกรารรมพกิจารากรฤณษาฎสีกําาหรับกรณีท่ี
คู่ความหรือบุคคลเช่นว่านั้นไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานและถ้าศาลเห็นว่าจําเป็นจะต้องสืบ
สํานักพงยานาคนณหะลกักรฐรามนกดารังกกฤลษ่าฎวีกเาพ่ือให้การวินสิจําฉนัยักชงี้ขานาดคขณ้อะสกรํารคมัญกแารหก่งฤปษรฎะีกเดา ็นเป็นไปโดยสเทําน่ียักงงธารนรคมณใะหก้ศรรามลกมาี รกฤษฎีกา
อํานาจอนุญาตให้สบื และรบั ฟังพยานหลักฐานเชน่ ว่านั้นได้
สหํา้นามักงมาิในหค้ศณาะลกรอรนมุญกาารตกฤใหษ้ฎสืกีบาและรับฟังพสยําานนักหงาลนักคฐณาะนกรใรดมซกึ่งาครู่กคฤวษาฎมกี หารือบุคคลท่ี
เก่ียวข้องซึ่งอ้างพยานหลักฐานนั้นมิได้แสดงความจํานงจะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นตามวรรคหนึ่ง
สาํ นักวงรารนคคสณอะงกรหรรมือกวารรกรคฤษสฎามกี าหรือตามมาตสรําานกั๑ง๗าน๓ค/ณ๑ะวกรรรรมคกสาอรงกหฤรษือฎวีกรารคสาม แต่ถ้าสศาํ านลักเงหาน็นควณ่าจะํากเรปร็นมกทา่ี รกฤษฎีกา
จะต้องคุ้มครองพยาน หรือจะต้องสืบพยานหลักฐานดังกล่าวเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสําคัญแห่ง
ประเด็นเป็นไปโดสยํานเทักี่ยงางนธครรณมะกหรรรมือกเพารื่อกใฤหษ้โฎอกีกาาสแก่จําเลยใสนํากนาักรงตาน่อคสณู้คะดกีอรยร่ามงกเาตร็มกทฤษี่ ใฎหีก้ศาาลมีอํานาจ
อนญุ าตใหส้ บื และรับฟังพยานหลกั ฐานเชน่ ว่านนั้ ได้
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตกั รงาาน๒คณ๓ะ๐ก๑ร๔ร๓มกเามรก่ือฤคษู่คฎวกี าามที่เก่ียวข้องสรํา้อนงกั ขงอานหครณือะเกมร่ือรศมากลารเกหฤ็นษเฎปกี็นาการสมควร
ศาลอาจเดินเผชิญสืบพยานหลักฐาน หรือเมื่อมีเหตุจําเป็นไม่สามารถนําพยานหลักฐานมาสืบท่ีศาล
สาํ นักนง้ันานแคณละะกกรารรมสกืบาพรกยฤาษนฎหีกลาักฐานโดยวิธสีอําื่นนไักมง่สานามคณาระถกกรรรมะกทาํารไกดฤ้ ษศฎากีลามีอํานาจส่งปรสะาํ นเดัก็นงาในหค้ศณาะลกอร่ืนรมสกืบารกฤษฎกี า
พยานหลักฐานแทน ให้ศาลท่ีรับประเด็นมีอํานาจและหน้าท่ีดังศาลเดิม รวมท้ังมีอํานาจส่งประเด็น
ตอ่ ไปยงั ศาลอื่นไดส้าํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ภายใต้บงั คับมาตรา ๑๗๒ และมาตรา ๑๗๒ ทวิ ให้สง่ สาํ นวนหรือสําเนาฟ้อง สําเนา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๔๒ มาตรา ๒๒๙/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทส่ีาํ ๒น๘กั ง) าพน.คศณ. ๒ะก๕ร๕ร๑มการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๔๓ มาตรา ๒๓๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทรี่ก๒ฤ๘ษ)ฎพกี .ศา. ๒๕๕๑ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๗๗ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
คําให้การและเอกสารหรือของกลางเท่าท่ีจําเป็นให้แก่ศาลที่รับประเด็นเพ่ือสืบพยานหลักฐาน หาก
สาํ นกั จงําาเนลคยณตะ้อกงรขรังมอกยาู่ใรนกฤระษหฎวีก่าางพิจารณาใหส้ผําู้คนุมกั งขาังนสค่งณตัวะกจรํารเมลกยาไรปกยฤังษศฎาีกลาท่ีรับประเด็น สแําตน่ถัก้างจานําคเลณยะใกนรกรรมณกาี รกฤษฎกี า
ตามมาตรา ๑๗๒ ทวิ ไม่ติดใจไปฟังการพิจารณาจะย่ืนคําถามพยานหรือคําแถลงขอให้ตรวจ
พยานหลกั ฐานกไ็ สดาํ ้ นใหักง้ศาานลคสณืบะพกยรรามนกหาลรกกั ฤฐษานฎไกี ปาตามนัน้ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เม่ือสืบพยานหลกั ฐานตามที่ได้รับมอบหมายเสร็จส้ินแล้ว ให้ส่งถ้อยคําสํานวนพร้อม
สาํ นักทงั้งานเอคกณสะากรรหรรมือกขารอกงฤกษลฎาีกงคา ืนศาลเดิม สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตกั รงาาน๒ค๓ณ๐ะก/ร๑ร๑ม๔ก๔ารใกนฤกษรฎณกี าีที่มีเหตุจําเป็นสอําันนกัไมงา่อนาคจณนะํากพรยรามนกมารากเบฤษิกฎคกีวาามในศาลได้
สํานกั เงมา่ือนคคู่ณควะกามรรรม้อกงาขรกอฤหษรฎือกี ศาาลเห็นสมควสรํานศักางลานอคาณจะอกนรุญรมากตาใรหก้ฤพษยฎากีนาดังกล่าวเบิกคสาํวนาักมงทานี่ศคาณละอกื่นรหรมรกือารกฤษฎีกา
สถานทีท่ ําการของทางราชการหรอื สถานท่ีแห่งอื่นนอกศาลน้ัน โดยจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียง
ในลักษณะการปรสะํานชักุมงทานางคจณอะภการพรมไกดา้ รทกฤ้ังนษฎี้ ภีกาายใต้การควบสคําุมนขกั องางนศคาณลทะก่ีมรีเรขมตกอาํรากนฤาษจฎเหีกนา ือท้องที่น้ัน
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกําหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา โดยได้รับความเห็นชอบจากที่
สํานกั ปงรานะคชณมุ ใะหกญรร่ขมอกงาศรกาฤลษฎฎีกีกาาและประกาศใสนํารนาักชงกานิจคจณานะกเุ บรรกมษกาาแรลกว้ฤษใฎหีก้ใชา้บงั คบั ได้ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
การเบิกความตามวรรคหนึ่งให้ถือเสมอื นว่าพยานเบิกความในหอ้ งพิจารณาของศาล
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๓๐/๒๑๔๕ ในกรณีท่ีไม่อาจสืบพยานตามมาตรา ๒๓๐/๑ ได้ เมื่อคู่ความ
สาํ นกั รงอ้ างนขคอณหะรกอืรรศมากลาเรหก็นฤสษมฎคกี วาร ศาลอาจอนสญุํานาักตงใาหน้เคสณนะอกบรนัรมทกกึ าถรอ้กฤยษคฎาํ ยีกนืา ยนั ขอ้ เท็จจรสิงําหนรักืองคานวคาณมเะหก็นรรขมอกงารกฤษฎกี า
ผู้ให้ถ้อยคําซึ่งมีถสิ่นาํ นทักี่องยานู่ในคณต่าะงกปรรรมะกเาทรศกตฤษ่อฎศีกาาลแทนการนําสพํานยกัางนาบนุคคณคละกมรารเมบกิกาครกวฤาษมฎตีก่อาหน้าศาลได้
แต่ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิผู้ให้ถ้อยคาํ ท่ีจะมาศาลเพ่ือให้การเพ่ิมเติม
สํานกั งานคณะกรรมการกบฤันษทฎึกกี ถาอ้ ยคาํ ตามวรสรคํานหักนงงึ่านใคหณ้มะรี การยรกมากราดรังกตฤ่อษไฎปีกนาี้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๑) ช่อื ศาลและเลขคดี
ส(๒าํ น)ักวงันานเคดณอื ะนกรปรี มแกลาะรสกถฤาษนฎทีกท่ีา ีท่ ําบนั ทึกถ้อสยําคนาํกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๓) ช่ือและสกลุ ของคูค่ วาม
สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๔ฤ)ษชฎือ่ีกาสกลุ อายุ ทอี่ สยํานู่ แกั ลงะานอคาณชพีะกขรอรงมผก้ใู าหรถ้กอ้ฤษยฎคํากี าและความเก่ยี สวําพนนัักงกาบั นคค่คูณวะากมรรมการกฤษฎกี า
(๕) รายละเอยี ดแห่งข้อเท็จจริง หรอื ความเห็นของผ้ใู ห้ถ้อยคํา
ส(๖ําน)ักลงาานยคมณอื ชะก่อื รขรอมงกผาใู้รหก้ถฤอ้ษยฎคีกาํา และคูค่ วามสฝํา่านยักผงเู้ าสนนคอณบะันกทรรกึ มถกอ้ ายรกคฤําษฎีกา
สาํ หรับลายมือชื่อของผู้ให้ถ้อยคําให้นํามาตรา ๔๗ วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมาย
สาํ นักวงิธาพีนคิจณาระณกรารคมวกาามรแกพฤษง่ ฎมีกาาใช้บังคับโดยอสนํานโุ ลักมงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สหาํ ้านมักงมาิในหค้แณกะ้ไกขรเรพมิ่มกาเรตกิมฤบษันฎทีกาึกถ้อยคําท่ีไดส้ยําื่นนกัไวงา้แนลค้วณตะ่อกศรรามลกาเรวก้นฤแษตฎ่เกีปา็นการแก้ไข
ขอ้ ผิดพลาดหรือผดิ หลงเลก็ นอ้ ย
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๓๑ เม่ือคู่ความหรือผู้ใดจะต้องให้การหรือส่งพยานหลักฐานอย่างหน่ึง
อยา่ งใด ดงั ต่อไปนสาํ้ี นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๑) เอกสารหรือขอ้ ความทย่ี ังเปน็ ความลบั ในราชการอยู่
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๔๔ มาตรา ๒๓๐/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทส่ี าํ๒น๘ัก)งพาน.ศค.ณ๒ะ๕ก๕รร๑มการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๔๕ มาตรา ๒๓๐/๒ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นกั คงวาานมคอณาญะการร(ฉมบกับารทกี่ ๒ฤษ๘ฎ) พีกา.ศ. ๒๕๕๑ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๗๘ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๒) เอกสารหรอื ขอ้ ความลับ ซง่ึ ได้มาหรอื ทราบเน่อื งในอาชีพหรือหนา้ ที่ของเขา
สํานักงานคณะกรรมการก(๓ฤ)ษวฎิธีกกี าาร แบบแผนสหํารนือักงงาานนคอณย่าะงกอรื่นรมซกึ่งากรฎกหฤษมฎายีกคา ้มุ ครองไม่ยอสมาํ ในหักเ้ ปงาิดนเคผณยะคกู่ครรวมากมารกฤษฎีกา
หรือบุคคลน้ันมีอํานาจไม่ยอมให้การหรือส่งพยานหลักฐาน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าท่ีหรือ
บคุ คลทเ่ี กี่ยวขอ้ งสกําบั นคักวงาานมคลณับนะก้นั รรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ถ้าคู่ความหรือบุคคลใดไม่ยอมให้การ หรือไม่ส่งพยานหลักฐานดังกล่าวแล้ว ศาลมี
สาํ นกั องําานนคาณจหะกมรารยมเกราียรกกฤเจษ้าฎหกี าน้าที่หรือบุคคสลํานผักู้เงกาี่ยนวคขณ้อะงกกรรับมคกวาารกมฤลษับฎนีกั้นา มาแถลงต่อศสาํานลักงเพานื่อควณินะิจกฉรรัยมวก่าารกฤษฎกี า
นกาัน้ รไม่ยอมนั้นมีเสหําตนุผกั ลงาคนาํ้ คจณนุ หะกรรือรไมมก่ าถรา้ กเฤหษ็นฎวกีา่ าไรเ้ หตุผล ใหศ้ สาําลนบกั งังาคนบั คใณหะ้ ๆกรกรมารกหารรกือฤสษ่งฎพีกยาานหลักฐาน
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมวด ๒
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎพกี ายานบุคคล สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๓๒ ห้ามมิให้โจทกอ์ ้างจาํ เลยเปน็ พยาน
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๓๓๑๔๖ จําเลยอาจอ้างตนเองเป็นพยานได้ ในกรณีที่จําเลยอ้างตนเองเป็น
สาํ นกั พงายนาคนณศะการลรจมะกใาหรก้เขฤษ้าสฎืบีกาก่อนพยานอื่นสําฝน่ากั ยงจานําคเลณยะกก็รไดรม้ ถกา้ารคกําฤเษบฎิกกี คาวามของจําเลสยาํ นนัก้ันงาปนรคักณปะรกํารหรมรกือารกฤษฎกี า
เสียหายแก่จําเลยสอาํ ืน่นกั จงาําเนลคยณอะื่นกนร้ันรมซกกั าคร้ากนฤษไดฎ้ ีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ในกรณีท่ีจําเลยเบิกความเป็นพยาน คําเบิกความของจําเลยย่อมใช้ยันจําเลยนั้นได้
สาํ นกั แงลานะคศณาละอการรจมรกบั าฟรกังคฤาํษเฎบกี กิ าความนนั้ ประสกําอนบักพงายนาคนณหะลกกัรรฐมากนาอร่ืนกขฤอษงฎโกี จาทกไ์ ด้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมําานตกั รงาาน๒ค๓ณ๔ะกรพรมยกาานรไกมฤ่ตษ้อฎงีกตาอบคําถามซึ่งสโดํานยกัตงรางนหครณือะอก้อรมรมอกาาจรกจฤะษทฎํากีใหา ้เขาถูกฟ้อง
คดอี าญา เมอื่ มีคาํ ถามเชน่ นัน้ ใหศ้ าลเตอื นพยาน
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๓๕ ในระหว่างพิจารณา เม่ือเห็นสมควร ศาลมีอํานาจถามโจทก์จําเลย
หรือพยานคนใดไสดํา้ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ห้ามมิให้ถามจําเลยเพื่อประโยชน์แต่เฉพาะจะเพ่ิมเติมคดีโจทก์ซ่ึงบกพร่อง เว้นแต่
สํานกั จงําาเนลคยณจะะกอรา้ รงมตกนาเรอกงฤเษปฎ็นกี พายาน สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๓๖ ในระหว่างพิจารณาศาลมีอํานาจส่ังให้ผู้ท่ีจะเป็นพยานซ่ึงมิใช่จําเลย
สํานักองอานกคไปณอะยกนู่รรอมกกหารอ้ กงฤพษิจฎาีกราณาจนกวา่ จะเสขําา้นมกั างเาบนิกคคณวะากมรรอมนกา่ึงรเมก่ือฤษพฎยีกาานเบิกความแลส้วาํ จนะักใงหาน้รอคอณยะู่ใกนรรหม้อกงารกฤษฎีกา
พจิ ารณาก่อนกไ็ ด้
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๓๗๑๔๗ บันทึกคําเบิกความพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณานั้น
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๔๖ มาตรา ๒๓๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทสี่ ๒าํ น๘กั) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๕กร๑รมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๔๗ มาตรา ๒๓๗ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทรี่ก๒ฤ๘ษ)ฎพกี .ศา. ๒๕๕๑ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๗๙ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ให้ศาลอ่านให้พยานฟังต่อหน้าจาํ เลย เวน้ แต่ในกรณดี งั บัญญัตไิ ว้ในมาตรา ๑๖๕ วรรคสาม
สํานกั งานคณะกรรมการกในฤกษรฎณกี าีที่คู่ความตกลสงํากนันกั งศานาลคณอาะจกอรรนมุญกาารตกใฤหษ้ถฎือกี เอา าบันทึกคําเบสิกํานคักวงาามนพคยณาะนกใรนรมชก้ันารกฤษฎกี า
ไต่สวนมูลฟ้องเป็นคําเบิกความพยานในชั้นพิจารณา โดยพยานไม่ต้องเบิกความใหม่หรือให้พยาน
เบิกความตอบคําสถําานมักคงา้านนคขณอะงกจรํารเมลกยาไรปกทฤันษฎทีกีไดา้ เว้นแต่ในข้อสหํานากั คงวาานมคผณิดะทกรี่กรฎมหกมารากยฤกษําฎหีกนาดอัตราโทษ
อยา่ งตํา่ จําคกุ ต้งั แตห่ ้าปขี ึน้ ไปหรือโทษสถานทห่ี นกั กวา่ นัน้
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
เดินทางออกไปนอสมกําานรตัการงชาาอนา๒คณ๓ณา๗ะจกกัทรรรวมิ๑ไก๔มา๘ม่ รกีทกฤ่ีอ่อษยนฎู่เปฟกี ็น้าองหคลดักีตแ่อหศลา่งลหสเรํามอืน่ือเักมปงีเาน็ หนบตคคุ ุอณคันะลกคมรวีถรรม่นิเชกท่ือาอี่รไกยดฤ่หู้วษ่า่าฎพงไีกยกาาลนจบากุคศคาลลจทะี่
สํานักพงจิานาครณณะากครดรีมหกราือรกมฤีเหษตฎุอกี ันา ควรเชื่อว่าจสะํามนีกักางรายนุ่งคเณหะยกิงรกรับมพกายรากนฤนษ้ันฎไีกมา่ว่าโดยทางตรสงาํหนรักืองทานาคงอณ้อะมกรหรมรกือารกฤษฎกี า
มีเหตุจําเป็นอ่ืนอันเป็นการยากแก่การนําพยานนั้นมาสืบในภายหน้า พนักงานอัยการโดยตนเองหรือ
โดยได้รบั คาํ ร้องขสอําจนาักกงผานเู้ สคยีณหะากยรหรมรกอื าจรากกฤพษนฎกัีกางานสอบสวนสจําะนยกั ่ืนงาคนําครณ้อะงกโดรรยมรกะาบรุกกาฤรษกฎรีกะาทําท้ังหลาย
ที่อ้างว่าผู้ต้องหาได้กระทําผิดต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคําส่ังให้สืบพยานน้ันไว้ทันทีก็ได้ ถ้ารู้ตัวผู้กระทํา
สาํ นักคงวานามคผณิดะกแรลรมะกผาู้นร้ันกฤถษูกฎคีกวาบคุมอยู่ในอําสนําานจักพงนานักคงณานะกสรอรบมสกาวรนกหฤรษือฎพกี นา ักงานอัยการสาํในหัก้พงนานักคงาณนะอกัยรรกมากรารกฤษฎกี า
นาํ ตัวผู้นน้ั มาศาล หากถกู ควบคุมอยใู่ นอาํ นาจของศาล ใหศ้ าลเบิกตวั ผู้น้นั มาพิจารณาตอ่ ไป
สเํามนื่อกั ศงาานลคไณด้ะรกับรครมํารก้อารงกเฤชษ่นฎวีก่าานั้น ให้ศาลสสืบํานพักยงาานนคนณั้นะทกัรนรทมีกใานรกกฤาษรฎนกีี้ าผู้ต้องหาจะ
ซักค้านหรือต้ังทนายความซักค้านพยานน้นั ดว้ ยกไ็ ด้
สํานักงานคณะกรรมการกในฤกษรฎณีกาตี ามวรรคสองสําถน้าักเงปา็นนกครณณะกีทรี่ผรู้ตม้อกงารหกาฤนษ้ันฎถีกูกากล่าวหาว่ากรสะาํ นทักํางคาวนาคมณผะิดกอรารญมกาารกฤษฎีกา
ซึ่งหากมีการฟ้อสงาํ คนดักีงจาะนเคปณ็นะคกรดรีซม่ึงกศารากลฤจษะฎตีก้อางตั้งทนายคสวําานมกั ใงหาน้ คหณระือกจรํารมเลกยารมกีสฤิทษฎธิกีขาอให้ศาลต้ัง
ทนายความให้ตามมาตรา ๑๗๓ กอ่ นเรม่ิ สบื พยานดงั กล่าว ใหศ้ าลถามผู้ตอ้ งหาว่ามีทนายความหรอื ไม่
สํานักใงนากนครณณะีทกี่ศรรามลกตา้อรกงตฤษั้งทฎีกนาายความให้ ถส้ําานศักางลาเนหค็นณวะ่ากตรรั้งมทกนาารกยฤคษวฎากีมาให้ทันก็ให้ต้ังสทํานนัากยงาคนวคาณมะใกหร้แรมลกะารกฤษฎีกา
ดําเนินการสืบพยานน้ันทันที แต่ถ้าศาลเห็นว่าไม่สามารถตั้งทนายความได้ทันหรือผู้ต้องหาไม่อาจต้ัง
ทนายความไดท้ ันสกาํ น็ใหักง้ศาานลคซณกั ะถการมรมพกยาารนกนฤนั้ษฎใหีกแ้าทน สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
คําเบิกความของพยานดังกล่าวให้ศาลอ่านให้พยานฟัง หากมีตัวผู้ต้องหาอยู่ในศาล
สํานกั ดง้วานยแคณล้วะกกรใ็รหม้ศกาาลรกอฤ่าษนฎคีกาํ าเบกิ ความดังกสลําา่นวกั ตงอ่านหคนณ้าะผกู้ตร้อรงมหกาารกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ถ้าต่อมาผู้ต้องหานั้นถูกฟ้องเป็นจําเลยในการกระทําความผิดอาญานั้น ก็ให้รับฟัง
คาํ พยานดังกล่าวสใํานนกกั างราพนคจิ าณระณกรารคมดกนี าน้ัรกไฤดษ้ ฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ในกรณีที่ผู้ต้องหาเห็นว่า หากตนถูกฟ้องเป็นจําเลยแล้ว บุคคลซึ่งจําเป็นจะต้อง
สํานกั นงําานมคาณสืบะกเปรร็นมพกายรากนฤขษอฎงีกตานจะเดินทางสอํานอักกงไาปนนคอณกะรการชรมอกาาณรกาฤจษักฎรีกไาม่มีท่ีอยู่เป็นหสลํานักักแงหานลค่งณหะรกือรรเปมก็นารกฤษฎีกา
บุคคลมีถิ่นที่อยู่หส่าาํ งนไกักงลาจนาคกณศะากลรทรมี่พกิจาารรกณฤษาฎคีกดาี หรือมีเหตุอันสําคนวักรงเาชนื่อควณ่าะจกะรมรีกมากรารยกุ่งฤเหษยฎิงีกกาับพยานนั้น
ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือมีเหตุจําเป็นอื่นอันเป็นการยากแก่การนําพยานนั้นมาสืบใน
สํานักภงาานยคหณนะ้ากผรรู้ตม้อกงาหรกานฤษั้นฎจกีะายื่นคําร้องต่อศสําานลกัโดงายนแคสณดะงกเรหรตมุผกลารคกวฤาษมฎจกีําาเป็น เพ่ือให้ศาสลํานมักีคงําาสน่ังคอณนะุญกรารตมใกหา้ รกฤษฎกี า
สืบพยานบคุ คลนนั้ ไว้ทนั ทกี ็ได้
สเาํมนื่อกั ศงาานลคเณห็นะกสรมรมคกวารรกใฤหษ้ศฎาีกลามีคําส่ังอนุญสาําตนใักหงา้สนืบคพณยะการนรนม้ันกาแรลกะฤษแฎจกี้งาให้พนักงาน
สอบสวนและพนักงานอัยการที่เกี่ยวข้องทราบ ในการสืบพยานดังกล่าว พนักงานอัยการมีสิทธิที่จะ
สํานกั ซงักานคค้าณนพะกยรารนมนกนั้ารไกดฤ้ ษแลฎะีกใาห้นําความในสวํารนรักคงสาานมคณวระรกครรสมี่ แกาลระกวฤรษรฎคีกหาา้ มาใชบ้ งั คับสโดาํ นยักองนาุโนลคมณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๔๘ มาตรา ๒๓๗ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
สํานกั วงิธาีพนิจคาณระณการครมวากมารอกาฤญษาฎ(กี ฉาบับท่ี ๒๐) พ.สศํา. น๒ัก๕ง๔าน๒คณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๘๐ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ให้นําบทบัญญัติในมาตรา ๑๗๒ ตรี มาใช้บังคับโดยอนุโลมแก่การสืบพยานที่เป็น
สํานักเงดา็กนอคาณยะุไกมรเ่ รกมินกสาบิรกแฤปษดฎปกี ี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมาํ านตักรงาาน๒ค๓ณ๗ะกตรรรม๑ี ๔ก๙ารกใหฤษน้ ฎําคีกาวามในมาตราส๒ําน๓กั ๗งานทควณิ มะากใรชร้บมังกคารับกโฤดษยฎอกีนาุโลมแก่กรณี
การสืบพยานผู้เชี่ยวชาญ และพยานหลักฐานอ่ืน และแก่กรณีท่ีได้มีการฟ้องคดีไว้แล้วแต่มีเหตุจําเป็น
สาํ นักทงตี่านอ้ คงณสืบะกพรยรามนกหารลกักฤฐษาฎนีกไาวก้ ่อนถึงกําหนสําดนเวักลงาานสคบื ณพะยการนรมตกามารปกกฤตษติฎากี มามาตรา ๑๗๓ส/๒ํานักวรงารนคคสณอะงกดรว้ รยมการกฤษฎกี า
สาํ คัญในคดไี ด้ หรสใอืํานนมกกั เี รหงณาตนีทอุ คนั่ีพณคยะวากรนรเรหชมอ่ืลกวักา่ารฐกาหฤนาษทกฎามกี งกี าวาิทรยเนา่ินศชา้าสกตวร่า์จสจําะะนสนกั างาํ มาพานยรคาถณนพะหิสกลูรจักรนมฐ์ใกาหาน้เรหทก็นาฤงถษวึงฎิทขกี ย้อาาเทศา็จสจตรริงอ์อัันน
สํานกั สงําาคนคัญณมะากสรืบรมในกภารากยฤหษนฎ้ากี พายานหลักฐานสนํานั้นกั จงะานสคูญณเสะกียรไรปมหกราือรกเปฤ็นษกฎากี รายากแก่การตสรําวนจักพงิสานูจคนณ์ ผะู้ตก้อรรงมหกาารกฤษฎีกา
หรอื พนักงานอัยการโดยตนเองหรือเมือ่ ไดร้ บั คาํ รอ้ งจากพนักงานสอบสวนหรือผู้เสียหาย จะย่ืนคําร้อง
ขอ ให้ศาลส่ังให้ทสําํานกกั างราตนครวณจะพกริสรูจมนก์ทารากงฤวษิทฎยีกาาศาสตร์ตามคสวํานามักงใานนมคาณตะรการร๒ม๔กา๔ร/ก๑ฤษไฎวกี้กา่อนฟ้องก็ได้
ท้งั นี้ ใหน้ ําบทบัญญตั ิในมาตรา ๒๓๗ ทวิ มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
หมวด ๓
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎพกี ยาานเอกสาร สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตักรงาาน๒ค๓ณ๘ะกรตรม้นกฉาบรับกฤเอษกฎสีกาารเท่านั้นท่ีอ้าสงําเนปัก็นงพานยคาณนไะดก้รถร้ามหกาารตก้นฤฉษบฎับีกาไม่ได้ สําเนา
ทรี่ ับรองวา่ ถกู ตอ้ งหรอื พยานบุคคลท่ีรู้ข้อความก็อ้างเปน็ พยานได้
สํานกั งานคณะกรรมการกถฤ้าษอฎ้างีกหา นังสือราชกาสรําเนปัก็นงาพนยคาณนะกแรมร้ตม้นกาฉรบกับฤษยฎังมกี ีอา ยู่จะส่งสําเนสาําทนี่เักจง้าาหนนค้าณทะ่ีรกับรรรมอกงารกฤษฎีกา
วา่ ถกู ตอ้ งกไ็ ด้ เวน้ แตใ่ นหมายเรียกจะบ่งไวเ้ ปน็ อย่างอนื่
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๓๙ เอกสารใดซ่ึงคู่ความอ้าง แต่มิได้อยู่ในความยึดถือของเขา ถ้าคู่ความ
สาํ นักนงั้นานแคจณง้ ถะึงกลรักรมษกณาระกแฤลษะฎทกี อ่ี าย่ขู องเอกสารสตําอ่ นศักางลานใคหณศ้ าะลกรหรมมากยาเรรกียฤกษบฎคุ กี คาลผยู้ ดึ ถอื นําเอสกําสนาักรงนานั้นคมณาสะกง่ รศรามลการกฤษฎกี า
สมําานตักรงาาน๒ค๔ณ๐ะก๑ร๕ร๐มกใานรกกรฤณษฎีทีกี่ศาาลมิได้กําหนสดําในหัก้มงาีวนันคตณระวกจรพรยมากนารหกลฤักษฐฎากี นาตามมาตรา
๑๗๓/๑ เมื่อคู่ความประสงค์จะอ้างเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของตนเป็นพยานหลักฐาน ให้ย่ืน
สํานักพงยานาคนณเอะกกสรรามรนกาน้ั รตก่อฤศษาฎลีกกา่อนวนั ไตส่ วนสมํานูลักฟงอ้ างนหครณอื ะวกนั รสรมืบกพายรกานฤษไมฎ่นีก้อา ยกว่าสิบห้าวสันํานเักพงื่อาในหค้คณู่คะวการมรมอกีการกฤษฎีกา
ฝ่ายหน่ึงมีโอกาสสตาํ รนวกั จงแานลคะณขะอกครัดรมสกําาเนรกาฤเอษกฎสกี าารดังกล่าวไดส้กํา่อนนักทงา่ีจนะคนณําะสกืบรรพมยกาานรกเอฤกษสฎากี ราน้ัน เว้นแต่
เอกสารที่คู่ความประสงค์จะอ้างอิงนั้นเป็นบันทึกคําให้การของพยาน หรือเป็นเอกสารท่ีปรากฏช่ือ
สาํ นกั หงรานือคทณี่อะยกู่ขรอรมงกพายรกานฤษหฎรกี ือา ศาลเห็นสมสคําวนรักสงั่างนเปค็นณอะกยร่ารงมอกื่นารอกันฤเษนฎ่ือีกงาจากสภาพแลสะาํ นคักวงาามนจคําณเะปก็นรแรมหก่งารกฤษฎีกา
เอกสารนน้ั
สใาํ นนกกั งราณนคีทณ่ีไะมก่อรยรมู่ใกนาบรกังฤคษับฎตกี ้อา งส่งเอกสาสรําตนาักมงาวนรครณคะหกนรร่ึงมกเามรื่อกฤมษีเอฎกีกาสารใช้เป็น
พยานหลักฐานในชั้นศาล ให้อ่านหรือส่งให้คู่ความตรวจดู ถ้าคู่ความฝ่ายใดต้องการสําเนา ศาลมี
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๔๙ มาตรา ๒๓๗ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทส่ี ํา๒น๘ัก)งพาน.ศค.ณ๒ะ๕ก๕รร๑มการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๕๐ มาตรา ๒๔๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทรี่ก๒ฤ๘ษ)ฎพีก.ศา. ๒๕๕๑ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๘๑ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
อาํ นาจส่ังใหฝ้ า่ ยท่อี า้ งเอกสารนน้ั สง่ สําเนาใหอ้ กี ฝา่ ยหนงึ่ ตามทเี่ ห็นสมควร
สํานกั งานคณะกรรมการกถฤ้าษคฎู่คกี วาามฝ่ายใดไมส่สํา่งนเกั องกานสคาณรตะการมรวมรกรารคกหฤนษ่ึงฎหีการือสําเนาเอกสสาํ านรักตงาานมควณระรกครสรมอกงารกฤษฎีกา
หรือไม่ส่งพยานเอกสารหรือพยานวัตถุตามมาตรา ๑๗๓/๒ วรรคหน่ึง ให้ศาลมีอํานาจไม่รับฟัง
พยานหลักฐานนสั้นาํ นเกัวง้นาแนตค่ศณาะลกรเหรม็นกวา่ารเกปฤ็นษกฎรีกณา ีเพ่ือประโยชสํานน์แกั หงา่งนคควณามะกยรุตริธมรกรามรกฤหษรฎือกีกาารไม่ปฏิบัติ
ดงั กลา่ วมิได้เป็นไปโดยจงใจและไม่เสียโอกาสในการดาํ เนินคดขี องคู่ความอีกฝ่ายหน่งึ
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี พาหยมาวนดวตั ๔ถุ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตกั รงาาน๒ค๔ณ๑ะกรสร่งิมใกดาใรชกเ้ ฤปษน็ ฎพกี ยาานวัตถุต้องนสําํามนากั ศงาาลนคณะกรรมการกฤษฎีกา
ในกรณีท่ีนํามาไม่ได้ ให้ศาลไปตรวจจดรายงานยังที่ที่พยานวัตถุนั้นอยู่ตามเวลาและ
สาํ นักวงิธาซีนงึ่คศณาะลกเรหรน็ มสกมารคกวฤรษตฎากีมาลกั ษณะแห่งพสยํานากันงวาตั นถคุ ณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตักรงาาน๒ค๔ณ๒ะกรใรนมรกะาหรกวฤ่างษสฎอีกบาสวน ไตส่ วนสมําลู นฟัก้องางนหครณือพะกิจรารรมณกาารสกฤิ่งขษอฎงกี ซา่ึงเป็นพยาน
วัตถตุ อ้ งใหค้ ูค่ วามหรือพยานตรวจดู
สาํ นักงานคณะกรรมการกถฤ้าษมฎีกกีาราแก้ห่อหรือทสําําลนากัยงตารนาคณกาะกรหรร่อมหกราือรกตฤีตษรฎาีกใหาม่ให้ทําต่อหนส้าาํ คนักู่คงวาานมคหณระือกพรรยมากนารกฤษฎีกา
ทเ่ี กี่ยวขอ้ งน้นั สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงาหนมควณดะก๕ร๑ร๕ม๑การกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ผเู้ ชย่ี วชาญ
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒๔๓๑๕๒ ผู้ใสดํานโดกั ยงาอนาคชณีพะหกรรือรมมกิใาชร่กก็ตฤาษมฎกี มาีความเชี่ยวชาสญาํ นใักนงกานารคใณดะกๆรรเมชก่นารกฤษฎกี า
ในทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะ ฝีมือ พาณิชยการ การแพทย์ หรือกฎหมายต่างประเทศ และซึ่งความเห็น
ของผู้น้ันอาจมีปสรําะนโักยงชานน์คในณกะากรรรวมินกิจาฉรกัยฤคษดฎี ใกี นาการสอบสวสนํานไตัก่งสาวนนคมณูละฟกร้อรงมหกรารือกพฤิจษาฎรกี ณา า อาจเป็น
พยานในเร่ืองต่าง ๆ เป็นต้นว่า ตรวจร่างกายหรือจิตของผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือจําเลย ตรวจลายมือ
สํานกั ทงําานกคารณทะดกลรรอมงกหารรอืกกฤจิษกฎากี ราอย่างอืน่ ๆ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สผําู้เนชัก่ียงวาชนาคญณอะการจรทมํากคาวรกาฤมษเหฎ็นกี เาป็นหนังสือก็ไสดํา้แนตักง่ตา้อนงคสณ่งะสกํารเรนมากหานรกังสฤษือฎดีกังกาล่าวให้ศาล
และคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งทราบ และต้องมาเบิกความประกอบหนังสือนั้น เว้นแต่มีเหตุจําเป็น หรือ
สาํ นกั คงู่คานวคาณมไะมก่ตรริดมใกจาซรักกถฤษามฎผกี ู้าเชี่ยวชาญนั้นสศํานากัลงจาะนใคหณ้ระับกฟรรังมคกวาารมกเฤหษ็นฎเกีปา็นหนังสือดังกสลํา่านวักโงดายนผคู้เณชะี่ยกวรชรามญการกฤษฎีกา
ไม่ต้องมาเบิกความประกอบก็ได้
สใาํนนกักรงณานีทค่ีผณู้เะชกี่ยรวรชมากญารตก้อฤงษมฎากี เาบิกความประสกําอนบักงใาหน้คสณ่งสะํากเรนรามหกานรังกสฤือษดฎังีกกาล่าวต่อศาล
ในจาํ นวนท่เี พยี งพอลว่ งหน้าไม่นอ้ ยกว่าเจ็ดวันกอ่ นวันเบกิ ความเพอ่ื ใหค้ ่คู วามอีกฝ่ายหนึง่ มารบั ไป
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๕๑ หมวด ๕ ผู้เชี่ยวชาญ มาตรา ๒๔๓ ถึง มาตรา ๒๔๔/๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ
แกไ้ ขเพิม่ เติมประมวสลาํ กนฎักหงามนาคยวณธิ ะีพกจิ รารรมณกาาครวกาฤมษอฎาญกี าา (ฉบับที่ ๒๘) สพํา.ศน.ัก๒งา๕น๕ค๑ณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๕๒ มาตรา ๒๔๓ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกับาทรี่ก๒ฤ๘ษ)ฎพีก.ศา. ๒๕๕๑ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๘๒ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ในการเบิกความประกอบ ผเู้ ชย่ี วชาญจะอา่ นข้อความทเ่ี ขยี นมาก็ได้
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๔๔๑๕๓ ถ้าศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจชั้นผู้ใหญ่เห็นจําเป็น
เน่ืองในการไต่สวสนํามนักูลงฟา้อนคงณพะิจการรรณมกาารหกรฤือษสฎอีกบา สวน ที่จะต้อสํางนตักรงวาจนศคพณะแกมรร้วม่ากจาะรไกดฤ้บษรฎรีกจาุหรือฝังแล้ว
ก็ตาม ให้มีอํานาจสั่งให้เอาศพนั้นให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจได้ แต่การกระทําตามคําส่ังดังกล่าวจะต้อง
สาํ นักคงาํานนคึงถณึงะหกลรรกั มทกาางรศกาฤสษนฎาีกแาละไม่ก่อใหเ้ กสิดําอนันักงตารนาคยณรา้ะกยรแรรมงกอายร่ากงฤอษ่ืนฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตกั งราานค๒ณ๔ะก๔ร/ร๑ม๑ก๕า๔รกฤใษนฎกีกราณีความผิดอสาํานญักางาทน่ีมคีอณัตะกรรารโมทกษารจกําฤคษุกฎีกหาากมีความ
สาํ นักจงําาเนปค็นณตะ้อกรงรใมชก้พายรากนฤษหฎลกี ักาฐานทางวิทยสาําศนาักสงาตนรค์เพณื่อะกพริสรมูจกนา์ขร้อกเฤทษ็จฎจีกราิงใดที่เป็นปรสะําเนดัก็นงสานําคคณัญะแกหร่รงมคกดาี รกฤษฎกี า
ให้ศาลมีอาํ นาจส่งั ใหท้ ําการตรวจพิสจู นบ์ ุคคล วตั ถุ หรือเอกสารใด โดยวิธีการทางวิทยาศาสตรไ์ ด้
สใํานนกักรงณานีทคี่กณาะรกตรรรวมจกพาริสกูจฤนษ์ตฎาีกมาวรรคหนึ่ง จํสาเําปน็นักงตา้อนงคตณระวกจรเรกม็บกตาัรวกอฤยษ่าฎงเกี ลาือด เนื้อเยื่อ
ผิวหนัง เส้นผมหรือขน น้ําลาย ปัสสาวะ อุจจาระ สารคัดหลั่ง สารพันธุกรรมหรือส่วนประกอบของ
สํานกั รง่าางนกคาณยะจการกรคม่คู กวารากมฤหษรฎือีกบาุคคลใด ให้ศาสลํามนีอักํางานนาคจณสะั่งกใหรร้แมพกทารยก์หฤรษือฎผีกู้เาชี่ยวชาญดําเนสินํากนาักรงาตนรควณจดะกังกรรลม่ากวารกฤษฎีกา
ได้ แต่ต้องกระทําเพียงเท่าที่จําเป็นและสมควรโดยใช้วิธีการที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดน้อยท่ีสุดเท่าท่ี
จะกระทําได้ทั้งจสะําตน้อักงงไามน่เคปณ็นะอกันรรตมรกาายรตก่อฤรษ่าฎงีกกาายหรืออนามสัยําขนอกั งงาบนุคคคณละนก้ันรรมแกลาะรคกู่คฤษวาฎมกี หา รือบุคคลท่ี
เกี่ยวข้องต้องให้ความยินยอม หากคู่ความฝ่ายใดไม่ยินยอมหรือกระทําการป้องปัดขัดขวางมิให้บุคคล
สํานักทง่ีเากนี่ยควณขะ้อกงรใรหม้คกวารากมฤยษินฎยีกอามโดยไม่มีเหตสุอํานันักสงมานคควณร ะใกหร้สรันมนกาิษรฐกาฤนษไฎวกี ้เบา ้ืองต้นว่าข้อเสทํา็จนจักรงิงาเนปค็นณไะปกตรารมมกทาี่ รกฤษฎีกา
คู่ความฝา่ ยตรงข้าสมาํ นกักลง่าาวนอค้าณงะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ในกรณีที่พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่อาจ
สํานกั ทงําานใหค้ศณาะลกรวรินมิจกฉาัยรกชฤ้ีขษาฎดีกคาดีได้โดยไม่ต้อสงํานสกัืบงพานยคานณหะกลรักรฐมากนารอกื่นฤอษีกฎกี หารือมีเหตุอันคสวํารนเักชง่ือาวน่าคหณาะกกมรรีกมากรารกฤษฎีกา
เน่ินช้ากว่าจะนําพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อันสําคัญมาสืบในภายหน้าพยานหลักฐานน้ันจะ
สญู เสียไปหรือยาสกาํแนกกั ่กงาานรตครณวะจกพรริสมูจกนา์รเกมฤื่อษคฎู่คกี วาามฝ่ายใดฝ่ายสหํานนัก่ึงงรา้อนงคขณอะหกรรือรเมมก่ือารศกาฤลษเหฎ็นีกาสมควร ศาล
อาจสั่งให้ทําการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ตามความในวรรคหนึ่งและวรรคสองได้ทันทีโดยไม่จําต้อง
สาํ นักรงอาในหคถ้ ณึงะกกํารหรนมดกวารนั กสฤบื ษพฎยกี าานตามปกติ ทสั้งํานนี้กั ใงหาน้นคําบณทะกบรญั รมญกตั าิใรนกมฤาษตฎรีกาา๒๓๗ ทวิ มาใสชําบ้นักงั คงาับนโคดณยอะกนรโุ รลมมการกฤษฎกี า
ค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ตามมาตรานี้ให้สั่งจ่ายจากงบประมาณตามระเบียบที่
คณะกรรมการบรสหิ ําานรักศงาานลคยณตุ ิธะรกรรมรมกกาํ าหรนกฤดษโดฎยีกคาวามเหน็ ชอบสจําานกักกงรานะคทณรวะงกกรารมรคกลารงั กฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคภณาคะก๖รรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณกะากรรบรมงั คกาับรตกาฤมษคฎําีกพาพิ ากษาและคส่าําธนรักรงมานเนคียณมะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
หมวด ๑
สํานักงานคณะกรรมกากรการฤบษงัฎคีกับาตามคาํ พิพากสษํานากั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๕๓ มาตรา ๒๔๔ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทส่ี ๒ําน๘ัก) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๕กร๑รมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๕๔ มาตรา ๒๔๔/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานักคงวาานมคอณาญะการร(ฉมบกับารทก่ี ๒ฤษ๘ฎ) พกี า.ศ. ๒๕๕๑ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๘๓ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกีาา๒๔๕๑๕๕ ภาสยํานใตัก้บงาังนคคับณแะหก่งรมรมากตารรากฤ๒ษ๔ฎ๖ีก,า๒๔๗ และ ๒ส๔ําน๘ักงเามนื่อคคณดะีถกึงรทรมี่สกุดารกฤษฎกี า
แล้ว ให้บงั คบั คดีโดยไม่ชกั ชา้
สศําานลักชงา้ันนตค้นณมะีกหรนร้ามทก่ีตาร้อกงฤสษ่งฎสกี ําานวนคดีท่ีพิพสาํากนษักงาาในหค้ลณงะโทกรษรปมกระารหกาฤรษชฎีวกี ิตา หรือจําคุก
ตลอดชีวิต ไปยังศาลอุทธรณ์ในเมื่อไม่มีการอุทธรณ์คําพิพากษานั้น และคําพิพากษาเช่นว่านี้จะยัง
สาํ นักไงมา่ถนึงคทณี่สะุดกรเรวม้นกแาตรก่ศฤาษลฎอีกุทาธรณจ์ ะไดพ้ พิ สาํากนษักางยานนื คณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมาํ นาตกั งราานค๒ณ๔ะก๖ร๑ร๕ม๖การเกมฤื่อษจฎําีกเาลย สามี ภรสิยํานากั ญงาานตคิณขอะกงรจรํามเกลายรกฤพษนฎักีกงาานอัยการ
สํานกั ผงู้าบนัญคณชะากกรรามรกเารรือกฤนษจฎํากี าหรือเจ้าพนักสงํานานกั งผาู้มนีคหณนะ้ากทรี่จรมัดกกาารรกตฤษาฎมีกหามายจําคุกร้อสงําขนอักงาหนรคือณเะมกื่อรศรมากลารกฤษฎกี า
เห็นสมควร ศาลมีอํานาจสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จําคุกไว้ก่อนจนกว่าเหตุอันควรทุเลาจะหมดไป
ในกรณีต่อไปน้ี สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๑) เม่ือจาํ เลยวิกลจรติ
สาํ นักงานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษเฎมกี อ่ื าเกรงวา่ จาํ เลยสจํานะกัถงึงาอนันคตณระากยรแรกมช่กวีารติ กถฤ้าษตฎอ้ ีกงาจาํ คกุ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๓) ถา้ จาํ เลยมคี รรภ์
ส(๔ําน)ักถง้าานจาํคเณละยกครลรอมดกาบรตุ กรฤแษลฎ้วกี ยาังไม่ถึงสามปีสแําลนะักจงําานเลคยณตะอ้ กงรเรลมยี้ กงาดรูบกฤุตษรฎนีก้ันา
ในระหว่างทุเลาการบังคับอยู่น้ันศาลจะมีคําสั่งให้บุคคลดังกล่าวอยู่ในความควบคุม
สาํ นกั ใงนาสนถคาณนะทกรี่อรันมคกวารรกนฤอษกฎจกี าากเรือนจําหรสือําสนถกั างนานทค่ีทณี่กะํากหรนรมดกไาวร้ใกนฤหษมฎากี ยาจําคุกก็ได้ แลสะํานใหักง้ศาานลคกณําะหกนรรดมใกหา้ รกฤษฎีกา
เจ้าพนักงานผมู้ ีหสนาํ า้ นทกั จ่ี งัดานกคาณรตะากมรรหมมกาายรนกฤน้ั ษเปฎ็นีกผา มู้ หี นา้ ทแ่ี ละสรําับนผักดิ งชานอคบณในะกกรารรมดกําาเรนกนิ ฤกษาฎรกี ตาามคําสงั่
ลักษณะของสถานท่ีอันควรตามวรรคสองให้เป็นไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง ซ่ึง
สาํ นกั ตง้อานงกคํณาหะนกรดรวมิธกีกาารรกคฤวษบฎคกี าุมและบําบัดรสักําษนากั ทงาี่เหนคมณาะะสกรมรกมับกสารภกาฤพษขฎอกี งาจําเลย และมสาาํตนรักกงาารนเคพณ่ือะปก้อรรงมกกันารกฤษฎกี า
การหลบหนี หรอื ความเสียหายทีอ่ าจเกิดข้ึนด้วย
สเาํมน่ือักศงาานลคมณีคะํากสร่ังรตมากมารวกรฤรษคฎหกี นา่ึงแล้ว หากภสาํานยกัหงลานังจคํณาเะลกยรไรมม่ปกาฏริบกฤัตษิตฎาีกมาวิธีการหรือ
มาตรการตามวรรคสามหรือพฤติการณ์ได้เปล่ียนแปลงไป ให้ศาลมีอํานาจเปล่ียนแปลงคําสั่งหรือให้
สํานักดงําาเนนคินณกะากรรตรามมกหารมกาฤยษจฎาํ ีกคากุ ได้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ให้หักจํานวนวันที่จําเลยอยู่ในความควบคุมตามมาตรานี้ออกจากระยะเวลาจําคุก
ตามคําพิพากษา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎราีกา๒๔๗ คดีท่ีจสําําเนลกัยงตา้อนงคปณระะกหรรามรกชาีวริตกฤหษ้าฎมีกมาิให้บังคับตามสคําํานพักิพงาานกคษณาะจกนรรกมวก่าารกฤษฎีกา
จะได้ปฏบิ ตั ติ ามบสทาํ นบักัญงญานตั คใิ ณนะปกรระรมมวกลารกกฎฤหษมฎาีกยานวี้ า่ ด้วยอภัยสโําทนษกั แงาลน้วคณะกรรมการกฤษฎีกา
หญิงใดจะต้องประหารชีวิต ถ้ามีครรภ์อยู่ ให้รอไว้จนพ้นกําหนดสามปีนับแต่คลอด
สาํ นกั บงุตานรคแณละ้วกรใหรม้ลกดาโรทกฤษษปฎรกี ะาหารชีวิตลงเหสําลนือกั จงําานคคุกณตะลกอรดรมชกีวาิตรกเฤว้ษนฎแกีตา่เม่ือบุตรถึงแกส่ําคนวักางมานตคายณกะก่อรนรพมก้นารกฤษฎกี า
กําหนดเวลาดังกล่าว ในระหว่างสามปีนับแต่คลอดบุตร ให้หญิงนั้นเลี้ยงดูบุตรตามความเหมาะสม
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๕๕ มาตรา ๒๔๕ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบบั ทส่ี ๖ําน) กัพง.ศาน. ๒ค๔ณ๙ะ๙กรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๕๖ มาตรา ๒๔๖ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทร่ีก๒ฤ๕ษ)ฎพีก.ศา. ๒๕๕๐ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๘๔ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ในสถานที่ท่ีสมควรแก่การเล้ียงดูบุตรภายในเรือนจํา๑๕๗
สํานกั งานคณะกรรมการกกฤาษรปฎรีกะาหารชวี ติ ให้ปสรําะนหักางรานณคณตะาํ กบรลรมแกลาะรเกวฤลษาทฎีกเี่ จาา้ หน้าที่ในการสนํานั้นักจงะาเนหค็นณสะมกครรวมรการกฤษฎกี า
สมาํ านตักรงาานค๒ณ๔ะ๘กรรถม้ากบารุคกคฤลษซฎ่ึงกี ตา้องคําพิพากสษําานใกั หงา้ปนรคะณหะากรรชรมีวกิตาเรกกิดฤวษิกฎลีกจาริตก่อนถูก
ประหารชวี ิต ให้รอการประหารชีวิตไว้ก่อนจนกวา่ ผู้นั้นจะหาย ขณะทุเลาการประหารชีวิตอยู่นั้น ศาล
สํานกั มงอีานําคนณาจะยกกรรมมากตารรากฤ๔ษ๖ฎกีวารรค (๒) แหง่ สกําฎนหกั มงาานยคลณักะษกณรระมอกาาญรกาฤมษาบฎีกังคาับ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ชวี ิตลงเหลอื จาํ คกุ สถตํา้านลผักอู้วงดิกาชนลีวคจติณริตะกนรั้นรหมกาายรภกาฤยษหฎลีกังาปีหน่ึงนับแตส่วําันนคักํางพานิพคาณกะษการถรึงมทก่ีาสรุดกใฤหษ้ลฎดกี โาทษประหาร
สาํ นกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒๔๙๑๕๘ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
คําพิพากษาหรือคําสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สิน ค่าสินไหม
ทดแทนหรอื ค่าธรสรํามนเกั นงียานมคนณน้ั ะใกหรร้บมงั กคาบั รตกาฤมษบฎทีกาบญั ญัติแหง่ ปสรํะานมกั วงลากนฎคหณมะการยรวมธิ กีพาิจรากรฤณษฎาคีกาวามแพง่
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒๕๐๑๕๙ ถส้าําคนํากั พงาิพนาคกณษะการมริไมดก้ราะรกบฤุไษวฎ้เปีก็านอย่างอื่น บสุคาํ คนลักทงาั้งนปควณงะซกึ่งรตรม้อกงารกฤษฎกี า
คําพิพากษาใหล้ งโทษโดยไดก้ ระทําความผิดฐานเดยี วกัน ตอ้ งรับผิดแทนกนั และตา่ งกันในการคืนหรือ
ใชร้ าคาทรัพยส์ นิ หสาํรนือักใงชาค้ นา่ คสณินะไกหรมรทมกดาแรทกนฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกีาา๒๕๑๑๖๐ ถส้าําตน้อักงงยานึดคทณระัพกยร์รสมินกคารรกาฤวษเดฎียกี วากันสําหรับใชส้คาํ น่าักธงรารนมคเณนะียกมรศรมากลารกฤษฎกี า
ค่าปรับราคาทรัพสยําน์สักินงาหนครือณคะก่ารสรินมไกหารมกทฤดษแฎทีกนา แต่ทรัพย์สสินําขนอกั งงาจนําคเณลยะกไมรร่พมอกใาชรก้คฤรษบฎทีกุกาอย่างให้นํา
จํานวนเงนิ สุทธิของทรพั ย์สนิ นน้ั ใช้ตามลําดับดงั ตอ่ ไปนี้
สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๑ฤ)ษคฎา่กี ธารรมเนียม สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๒) ราคาทรัพยส์ นิ หรือคา่ สนิ ไหมทดแทน
ส(๓ําน)กั คง่าานปครณับะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานหคมณวะดกร๒รมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
คา่ ธรรมเนยี ม
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๒๕๒ ในคดีอสาํานญกั างทานั้งหคลณาะยกหรร้ามมกมาใิ รหก้ศฤาษลฎยีกุตาธิ รรมเรยี กคา่ สธํารนรักมงเานนียคมณนะอกกรรจมากการกฤษฎีกา
ท่ีบญั ญตั ไิ วใ้ นหมสวดาํ นนักี้ งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๕๗ มาตรา ๒๔๗ วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาสญาํ นากั (งฉาบนับคทณี่ ๒ะก๕ร)รพม.กศา. ร๒ก๕ฤ๕ษ๐ฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๕๘ มาตรา ๒๔๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทร่ีก๒ฤ๔ษ)ฎพกี .ศา. ๒๕๔๘ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๕๙ มาตรา ๒๕๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบบั ทส่ี ๒ําน๔กั) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๔กร๘รมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๖๐ มาตรา ๒๕๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สํานกั คงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทร่ีก๒ฤ๔ษ)ฎพีก.ศา. ๒๕๔๘ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๘๕ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๕๓๑๖๑ ในคดีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ซ่ึงมีคําร้องให้คืนหรือใช้ราคา
สาํ นักทงารนัพคยณ์สะินกตรริดมมกาากรกับฤฟษ้อฎงีกอาาญาตามมาสตํารนาักง๔าน๓คณหะรกือรมรีคมกําาขรอกขฤอษงฎผีกู้เาสียหายขอใหส้บาํ นังักคงับานจคําเณละยกชรรดมใกชา้ รกฤษฎีกา
ค่าสินไหมทดแทนมิให้เรียกค่าธรรมเนียม เว้นแต่ในกรณีท่ีศาลเห็นว่าผู้เสียหายเรียกเอาค่าสินไหม
ทดแทนสูงเกินสมสคํานวักรงหานรคือณดําะกเนรรินมคกดาีโรดกยฤไษมฎ่สีกุจาริต ให้ศาลมีอสําํานนกั างจาสนั่งคใณหะ้ผกู้เรสรียมหกาารยกชฤําษรฎะคีกา่าธรรมเนียม
ท้ังหมดหรือแต่เฉพาะบางส่วนภายในระยะเวลาท่ีศาลกําหนดก็ได้ และถ้าผู้เสียหายเพิกเฉยไม่ปฏิบัติ
สาํ นกั ตงาามนคคณําสะั่งกศรารมลกใาหร้ถกฤอื ษว่าฎเีกปา็นการทง้ิ ฟอ้ งสในํานคกั ดงสี าว่นนคแณพะก่งนรรน้ั มการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ตามวรรคหนึ่ง ถส้าใํานศนกาักลรงณยานังีทตคี่มณ้อคี งะําจกพัดรรพิ กมาากกราษอรกะาหฤไรษรอือฎีกคกี เาําพสื่อ่ังกใหา้ครบืนหังครับือสใําชผน้รู้ทกั าี่งจคาะนาไทคดณร้รัพัะบกยคร์สืนรินมทกหราัพรรือกยฤค์สษ่าินสฎหินกี ราไือหรมาทคดาแหทรนือ
สํานักคง่าานสคินณไหะกมรทรดมแกทารนกฤจษกั ฎตกี อ้ างเสยี ค่าธรรมสเนํานียักมงดานงั คคดณแี ะพกร่งรสมาํ กหารรบั กกฤาษรฎตกี ่อาไปน้ัน สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมําานตกั งราานค๒ณ๕ะ๔กร๑ร๖ม๒กาภรกายฤษใตฎ้บีกาังคับแห่งมาตสรํานากั ๒งา๕น๓คณวะรกรรครมหกนารึ่งกใฤนษคฎดกี าีที่ผู้เสียหาย
เรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สิน หรือใช้ค่าสินไหมทดแทนซ่ึงติดมากับฟ้องคดีอาญา หรือท่ีฟ้อง
สํานักเงปาน็นคคดณแี ะพกร่งรโมดกยาลราํ กพฤังษฎใหกี เ้ารียกคา่ ธรรมเสนํายีนมกั ดงางั นคคดณีแะพก่งรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
คดีในส่วนแพ่งตามวรรคหน่ึง ถ้าผู้เสียหายซ่ึงเป็นโจทก์ประสงค์จะขอยกเว้น
ค่าธรรมเนียมศาสลาํ ในนักศงาานลคชณ้ันะตก้นรรชมั้กนาอรุทกฤธษรฎณกี ์ าหรือชั้นฎีกา สใําหน้ยัก่ืนงาคนําคขณอะตก่อรรศมากลาชร้ันกฤตษ้นฎทีกี่ไาด้ยื่นฟ้องไว้
พร้อมกับคําฟ้อง คําฟ้องอุทธรณ์ หรือคําฟ้องฎีกา แล้วแต่กรณี หากศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีอาญาท่ี
สาํ นกั ฟงา้อนงคมณีมะูลกแรลรมะกกาารรกเฤรษียฎกกีเอาาค่าสินไหมทสดํานแักทงนานนค้ันณไะมก่เรกรินมกสามรคกวฤรษแฎลกี ะาเป็นไปด้วยคสวาํ านมักสงุจานรคิตณใะหก้ศรรามลกมาี รกฤษฎีกา
คาํ สัง่ อนญุ าตตามสคําํานขกั องาแนตค่ถณา้ ะศการลรมมกคี าาํ รสกั่งฤยษกฎเีกวาน้ ค่าธรรมเนยี สมําศนาักลงใาหนแ้คกณโ่ ะจกทรรกม์แกตา่เรฉกพฤาษะฎบีกาางส่วนหรือมี
คําส่ังยกคําขอ ก็ให้ศาลกําหนดเวลาให้โจทก์ชําระค่าธรรมเนียมดังกล่าว คําส่ังของศาลชั้นต้นที่ให้
สํานักยงกานเวค้นณคะก่ารธรรมรกมาเรนกียฤษมฎศกี าาลหรือยกคําขสอํานใหักง้มาีนผคลณสํะากหรรรับมกกาารรกดฤําษเฎนีกินาคดีตั้งแต่ช้ันศสาํานลักซงึ่งานคคดณีนะ้ันกอรรยมู่ใกนารกฤษฎกี า
ระหว่างพิจารณาไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เว้นแต่ในกรณีท่ีพฤติการณ์แห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลที่
พิจารณาคดีจะแกส้ไาํ ขนเักปงลา่ียนนคณแปะกลรงรคมํากสา่ังรนก้ันฤษไดฎ้ตกี าามทีเ่ ห็นสมควสรํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
หา้ มมใิ ห้อทุ ธรณ์หรือฎกี าคําสงั่ ของศาลตามวรรคสอง
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒๕๕ ในคดีดงั บญั ญัติในมาตรา ๒๕๓ วรรค ๒ และมาตรา ๒๕๔ ถ้ามีคําขอ
ศาลมีอาํ นาจสัง่ ใหส้ฝํานา่ ยักงทาี่แนพคค้ณดะกีใชร้ครมา่ กธรารรกมฤเนษฎียมีกาแทนอกี ฝ่ายหสนําึง่นไกัดง้ านคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒๕๖๑๖๓ ใหส้ศํานาลกั งจา่านยคคณ่าะพการหรมนกะารคก่าฤปษ่วฎยีกกาาร และค่าเชส่าาํ ทน่ีพักงักาทนี่จคําณเะปก็นรแรมลกะารกฤษฎีกา
สมควรแก่พยานซส่ึงํานมกัางศาานลคตณาะมกหรรมมากยาเรรกียฤกษฎตีกาามระเบียบท่ีคสณําะนกักรงารนมคกณาะรกบรรริหมากรารศกาฤลษยฎุตกี ิธารรมกําหนด
โดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
สาํ นักงานคณะกรรมการกพฤยษาฎนกี ทาี่ได้รับค่าพาสหํานนักะงาคน่าคปณ่วะยกกรรามรกาหรรกือฤษคฎ่าีกเชา่าที่พักในลักสษํานณักะงาเดนคียณวกะกันรตรมากมารกฤษฎีกา
กฎหมายอืน่ แลว้ ไมม่ สี ิทธไิ ด้รับตามมาตรานอ้ี กี
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๖๑ มาตรา ๒๕๓ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นกั คงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกับาทรี่ก๒ฤ๔ษ)ฎพีก.ศา. ๒๕๔๘ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๖๒ มาตรา ๒๕๔ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบบั ทสี่ ๒าํ น๔ัก) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๔กร๘รมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๖๓ มาตรา ๒๕๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทรี่ก๒ฤ๘ษ)ฎพกี .ศา. ๒๕๕๑ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๘๖ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎราีกา๒๕๗๑๖๔ (ยกสเําลนกิกั )งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมาํ านตกั รงาาน๒ค๕ณ๘ะ๑ก๖ร๕รมใกหาร้นกําฤบษทฎบกี ญั า ญัตแิ หง่ ประสมําวนลักกงฎานหคมณายะกวริธรีพมิจกาารรณกฤาษคฎวาีกมาแพ่งว่าด้วย
คา่ ฤชาธรรมเนยี มมาใชบ้ ังคบั โดยอนุโลม
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานอคภณัยะโกทรษรมเกปาลรกยี่ ฤนษโทฎษกี าหภนาักคเป๗น็ โทษสเบํานากั แงลานะคลณดโะทกษรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมาํ านตักงราานค๒ณ๕ะ๙กร๑ร๖ม๖กาผรู้กตฤ้อษงฎคกี ําาพิพากษาใหส้รําับนโกั ทงาษนอคยณ่าะงกใรดรมๆกาหรกรฤือษผฎู้ทีกี่มา ีประโยชน์
เกี่ยวข้อง เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้าจะทูลเกล้าฯ ถวายเร่ืองราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทาน
สาํ นักองภานัยคโทณษะกจระรมยกื่นาตรอ่กรฤฐัษมฎนีกตา รวี ่าการกระทสํารนวักงงยาตุ นิธครณรมะกกร็ไรดม้ การกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตกั รงาาน๒ค๖ณ๐ะก๑ร๖ร๗มกผาู้ถรวกาฤยษเฎรีกื่อางราวซ่ึงต้องจสําําคนุกกั องยานู่ในคณเระือกนรจรมํากจาะรกยฤื่นษเรฎื่อกี งาราวต่อพัศดี
หรือผู้บัญชาการเรือนจําก็ได้ เม่ือได้รับเรื่องราวน้ันแล้ว ให้พัศดีหรือผู้บัญชาการเรือนจําออกใบรับ
สํานกั ใงหา้แนกคผ่ณยู้ ะน่ืกรเรร่ือมงกราารวกฤแษลฎว้ ีกใาห้รีบสง่ เร่ืองราสวํานนัก้นั งไาปนยคงั ณรัฐะกมรนรตมรกวีา่ารกกฤาษรกฎรีกะาทรวงยุติธรรมสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมาํ านตกั งราานค๒ณ๖ะ๑กร๑ร๖ม๘การรัฐกมฤษนฎตีกราีว่า ก สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ารกระทรวงยุติธรรมมีหน้าท่ีถวายเร่ืองราวต่อ
สาํ นกั พงรานะคมณหาะกกรษรัตมรกิยารพ์ กรฤ้อษมฎทีกงั้ าถวายความเหสน็ ําวน่าักคงาวนรคพณระะกรารรชมทกาานรอกภฤษัยฎโทีกษา หรอื ไม่ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดถวายเรื่องราว ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเห็นเป็นการ
สมควร จะถวายคสาํ ําแนนักะงานนาํ คตณ่อะพกรระรมมหกาารกกษฤตัษรฎิยกี ์ขาอให้พระราชสทําานนักองภานัยคโทณษะกแรกรผ่มตู้กอ้ารงกคฤาํ ษพฎิพีกาากษานน้ั กไ็ ด้
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎราีกา๒๖๑ ทวิ๑๖๙สําในนกั กงราณนคีทณี่คะณกระรรมัฐกมานรกตฤรษีเหฎ็นกี เาป็นการสมควสราํจนะักถงวาานยคคณําะแกนรระมนกําารกฤษฎกี า
ต่อพระมหากษัตรยิ ์ขอใหพ้ ระราชทานอภัยโทษแกผ่ ตู้ ้องโทษกไ็ ด้
สกําานรกั พงารนะคราณชะทการรนมอกภาัยรกโทฤษษฎตกีามา วรรคหน่ึง ใหสํา้ตนรกัางเปาน็นคพณระะกรรารชมกกฤาษรกฎฤกี ษาฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๖๔ มาตรา ๒๕๗ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบับทสี่ าํ๒น๘ัก)งพาน.ศค.ณ๒ะ๕ก๕รร๑มการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๖๕ มาตรา ๒๕๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นักคงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกับาทร่ีก๒ฤ๔ษ)ฎพีก.ศา. ๒๕๔๘ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๖๖ มาตรา ๒๕๙ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบบั ทส่ี ๒ําน๓กั) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๔กร๘รมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๖๗ มาตรา ๒๖๐ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นกั คงวาานมคอณาญะการ(รฉมบกบั าทร่ีก๒ฤ๓ษ)ฎพกี .ศา. ๒๕๔๘ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๖๘ มาตรา ๒๖๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา (ฉบบั ทส่ี ๒ําน๓ัก) งพา.นศค. ๒ณ๕ะ๔กร๘รมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๖๙ มาตรา ๒๖๑ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นักคงวาานมคอณาญะการร(ฉมบกับารทก่ี ๙ฤษ) พฎ.กี ศา. ๒๕๑๗ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๘๗ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒๖๒ ภายใสตํา้บนังักคงาับนแคหณ่งะมการตรมรกาา๒รก๔ฤ๗ษฎแีกลาะ ๒๔๘ เมื่อคสําดนีถักึงงทานี่สคุดณผะู้ใกดรรตม้อกงารกฤษฎกี า
คาํ พิพากษาให้ประหารชีวิต ให้เจ้าหน้าท่ีนําตัวผู้นั้นไปประหารชีวิตเม่ือพ้นกําหนดหกสิบวันนับแต่วัน
ฟังคําพิพากษา เสวํา้นนแกั ตง่าในนคกณรณะกีทร่ีรมมีกกาารรถกวฤาษยฎเีกรา่ืองราวหรือคําสแํานนกั ะงนานําขคอณใะหก้พรรรมะกราารชกทฤษานฎกีอาภัยโทษตาม
มาตรา ๒๖๑ ก็ให้ทุเลาการประหารชีวิตไว้จนกว่าจะพ้นกําหนดหกสิบวันนับแต่วันที่รัฐมนตรีว่าการ
สํานักกงรานะคทณรวะกงยรรุตมิธกรารรมกถฤษวาฎยีกเาร่ืองราวหรือสคําํานแกั นงะานนคําณขึ้ะนกไรปรนม้ันการแกตฤ่ถษ้าฎทกี รางยกเรื่องราวสนํา้ันนเักสงียานกค็ใณหะ้จกัดรรกมากรารกฤษฎกี า
ประหารชีวติ ก่อนสกเํารํานื่อหักงนงราดานนวคหไ้ี ณดร้๑ะือก๗ค๐รํรามแกนาะรนกฤําษขฎอีกพาระราชทานอสภําัยนักโทงาษนแคกณ่ผะู้ตก้รอรงมคกําาพรกิพฤาษกฎษีกาาให้ประหาร
สาํ นกั ชงีวาตินคใณหะถ้ กวรารยมไกดาแ้ รตกค่ฤษร้งัฎเกีดาียวเท่านน้ั สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมาํ านตักรงาาน๒ค๖ณ๓ะกรเรหมตกุทารม่ี กเี รฤ่ือษงฎรกี าาวขอพระราชทสาํานนกัองภานยั โคทณษะใกนรโรทมษกาอรยก่าฤงษอฎ่นื กี นาอกจากโทษ
ประหารชีวิต ไม่เป็นผลให้ทเุ ลาการลงโทษนั้น
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒๖๔ เร่ืองราวขอพระราชทานอภัยโทษอย่างอื่นซึ่งมิใช่โทษประหารชีวิต
ถ้าถกู ยกหนหนึ่งแสลาํ นว้ ักจงะานยคืน่ ณใหะมกร่อรีกมไกมาไ่ รดก้จฤนษกฎวกี า่ าจะพน้ สองปนี สับํานแกัตง่วาันนถคกู ณยะกกครรรม้งั กกาอ่ รนกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎราีกา๒๖๕ ในกรณสําีทนี่มักงีกาานรคอณภะัยกโรทรมษกเดาร็ดกขฤาษดฎโีกดายไม่มีเงื่อนไขสหาํ น้ามักงมาิในหค้บณังะคกับรรโทมกษารกฤษฎกี า
นนั้ ถ้าบังคบั โทษสไปาํ นบกั ้างงาแนลค้วณใหะก้หรยรุดมทกานั รทกฤี ถษ้าฎเปีกาน็ โทษปรบั ท่ีชสําํารนะักแงลาน้วคใณห้คะกืนรคร่ามปกรารบั กใฤหษไ้ ปฎีกทา้งั หมด
ถ้าการอภัยโทษเป็นแต่เพียงเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบาหรือลดโทษ โทษที่เหลืออยู่
สาํ นกั กง็ใาหน้คบณังคะกับรไรปมไกดา้รกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
แต่การได้รับพระราชทานอภัยโทษ ไม่เป็นเหตุให้ผู้รับพ้นความรับผิดในการต้องคืน
หรือใชร้ าคาทรพั ยสส์าํ นินักหงรานอื คคณา่ ทะกดรแรทมนกตารากมฤคษาํ ฎพีกพิ าากษา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกี าา๒๖๖ เมื่อผสําู้ไนดัก้รงับานพครณะะรการชรทมกาานรอกภฤษัยฎโทีกาษเนื่องจากกสาํารนกักรงะานทคําณคะวการมรมผกิดารกฤษฎกี า
อย่างหนึ่งถูกฟ้องว่ากระทําความผิดอีกอย่างหนึ่ง อภัยโทษน้ันย่อมไม่ตัดอํานาจศาลที่จะเพ่ิมโทษ
หรอื ไมร่ อการลงอสาาํ ญนักางตาานมคกณฎะหกมรรามยกลากั รษกฤณษะฎอกี าาญาวา่ ดว้ ยกระสทํานําักผงดิ าหนคลณายะคกรรรงั้ มไมกเ่าขร็ดกฤหษลฎาบีกาหรือว่าด้วย
รอการลงอาญา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตักงราานค๒ณ๖ะ๗กรรบมกทาบรกัญฤญษฎัตกีิใานหมวดนี้ ใหส้นํานําักมงาาบนัคงคณับะกโรดรยมอกนารุโกลฤมษแฎกีก่เาร่ืองราวขอ
พระราชทานเปลีย่ นโทษหนกั เปน็ เบาหรือลดโทษ
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๗๐ มาตรา ๒๖๒ วรรคหน่ึง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
สํานกั วงิธาีพนิจคาณรณะการครวมากมาอรากญฤาษ(ฎฉีกบาับท่ี ๒๓) พ.ศ. ส๒ํา๕น๔ัก๘งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๘๘ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
บัญชีแนบท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา๑๗๑
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งคานวาคมณผะดิกใรนรมกกฎาหรมกฤายษลฎกักี ษา ณะอาญา ทสี่มําานตกั รงาาน๗ค๙ณะอกา้ รงรถมึงการกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ซงึ่ ราษฎรมอี ํานาจจับไดโ้ ดยไม่ต้องมหี มาย
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ประทษุ ร้ายตอ่ พรสะาํ บนรกั มงารนาคชณตระกะรกรลู มการกฤษฎีกา สํานักงานคณมะากตรรราม๙กา๗รกแฤลษะฎีก๙า๙
สํานักขงบานถคภณายะกในรรพมรกะารรากชฤอษาฎณีกาาจกั ร สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๑๐ส๑ํานถักงึ งา๑น๐ค๔ณะกรรมการกฤษฎกี า
ขบถภายนอกพระราชอาณาจกั ร มาตรา ๑๐๕ ถงึ ๑๑๑
ความผิดต่อทางพสราํ ะนรกั างชาไนมคตณระีกกบั รตรมา่ งกปารรกะฤเทษศฎีกา สํานกั งานคณมะากตรรราม๑กา๑ร๒กฤษฎกี า
ทาํ อันตรายแกธ่ ง หรอื เคร่อื งหมายของต่างประเทศ มาตรา ๑๑๕
สํานักคงวานามคผณดิ ะตกร่อรเมจา้กพารนกักฤงษาฎนกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๑๑ส๙ํานถักงึ งา๑น๒ค๒ณะกรรมการกฤษฎกี า
และ ๑๒๗
หลบหนีจากทีค่ มุ สขําังนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณมะากตรรราม๑กา๖ร๓กฤถษึงฎีก๑า๖๖
ความผิดตอ่ ศาสนา มาตรา ๑๗๒ และ ๑๗๓
สํานักกงอ่านกคารณจะลการจรมลการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา ๑๘ส๓าํ นแักลงะาน๑ค๘ณ๔ะกรรมการกฤษฎีกา
กระทาํ ให้เกิดภยันสตํานรักางยาแนกค่สณาะธการรรณมชกานรกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
กระทําใหส้ าธารณชนปราศจากความสะดวก
สาํ นักใงนากนาครณไปะกมรารแมลกะารกกาฤรษสฎ่งขีกา่าวและของถึงสกํานั นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
และกระทําใหส้ าธารณชนปราศจากความสขุ สบาย มาตรา ๑๘๕ ถึง ๑๙๔, ๑๙๖,
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณ๑ะ๙ก๗รรแมลกะาร๑กฤ๙ษ๙ฎกี า
ปลอมแปลงเงินตรา มาตรา ๒๐๒ ถึง ๒๐๕ และ
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๒๑๐ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ขม่ ขืนกระทําชาํ เรา มาตรา ๒๔๓ ถึง ๒๔๖
ประทุษรา้ ยแก่ชีวสติ ํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณมะากตรรราม๒กา๔ร๙กฤถษงึ ฎีก๒า๕๑
ประทุษร้ายแกร่ า่ งกาย มาตรา ๒๕๔ ถึง ๒๕๗
สํานกั คงวานามคผณดิ ะฐการนรมกกราะรทกําฤใษหฎ้เีกสาอื่ มเสียอิสรภาสพํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๒๖ส๘าํ ,น๒ักง๗า๐นคแณละะกร๒ร๗ม๖การกฤษฎกี า
ลกั ทรัพย์ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณมะากตรรราม๒กา๘ร๘กฤถษึงฎกี๒า๙๖
วิ่งราว ชิงทรพั ย์ ปลน้ ทรพั ย์ และโจรสลัด มาตรา ๒๙๗ ถึง ๓๐๒
สํานักกงรารนโคชณกะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๓๐ส๓าํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๗๑ บัญชีแนบท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติ
สํานกั แงกา้ไนขคเพณิ่มะเกตรมิ รปมรกะามรวกลฤกษฎฎหีกมาายวธิ พี ิจารณาคสวําานมักองาาญนาค(ณฉบะกับรทร่ี ม๖ก) าพร.กศฤ. ษ๒ฎ๔ีก๙า๙ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๘๙ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พระราชบัญญตั แิ กไ้ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๓๑๗๒
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒ ใหใ้ ชพ้ ระราชบัญญัตนิ ้ตี ้ังแต่วันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเป็นตน้ ไป
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
พระราชบัญญัติแกไ้ ขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา พทุ ธศักราช ๒๔๘๓ น้ี มีหลักการ
สํานกั งานคณะกรรมการก๑ฤ.ษแฎกีก้ไาขเพ่ิมเติมตําสแําหนนกั ่งงเาจน้าคพณนะกักรงรามนกทาร่ีเปกฤ็นษพฎนกี ักางานฝ่ายปกคสรํานอักงหงารนือคตณําะรกวรจรมชก้ันารกฤษฎกี า
แผลู้ใหะญเพ่บือ่ าใงหตเ้ ปําแน็ หกนาสร่งาํ เนหแกั มลงาะานะเทสคียมณบยะกิ่งยขรศรึ้นตมํากราวรจกฤบษาฎงอีกยา่างเพ่ือให้ตรสงกํานับกั ตงําานแคหณนะ่งกรรารชมกกาารรขกอฤงษตฎําีกราวจท่ีเป็นอยู่
สาํ นกั งานคณะกรรมการก๒ฤ.ษใฎหกี้อาธิบดีกรมตํารสวําจนปกั รงะานกคาศณแะตกร่งรตมั้งกขา้ารรกาฤชษกฎาีกราตํารวจที่มียศไสมําน่ตักํ่างกาวน่าคชณ้ันะนการยรมสกิบารกฤษฎกี า
ตํารวจในราชกิจจานุเบกษา เป็นพนักงานสอบสวนได้ด้วย ท้ังน้ี เพ่ือให้การสอบสวนได้ดําเนินไป
ด้วยดีและรวดเรว็ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั พงรานะคราณชะกกํารหรมนกดาแรกกฤไ้ ขษเฎพกี ิ่มาเตมิ ประมวลกสําฎนหกั มงาานยควณิธีพะกจิ รารรมณกาาครกวฤามษอฎากี ญา า พทุ ธศกั ราสชาํ น๒ัก๔ง๘าน๗ค๑ณ๗๓ะกรรมการกฤษฎีกา
สมําานตกั รงาานค๒ณะพกรรระมรกาาชรกกําฤหษฎนกีดานี้ให้ใช้บังคับสตํานั้งแักงตา่วนันคปณระะกรกรามศกใานรกรฤาษชฎกกีิจาจานุเบกษา
เป็นต้นไป สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พพุทระธรศาักชรบาชัญ๒ญ๔ัต๘ิไสม๗ํา่นอพักนุทงุมาธันตศคิพกั ณรระะากรชราร๒ชม๔กกํ๘าารห๗กน๑ฤ๗ดษ๔แฎกกี ้าไขเพ่ิมเติมปรสะํานมักวงลากนฎคณหะมการยรวมิธกีพาริจกาฤรษณฎีกาาความอาญา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๓ ไม่อนุมัติพระราชกําหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา พทุ ธสศาํ ักนรกั างชาน๒ค๔ณ๘ะก๗รรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักพงรานะรคาณชะบกัญรรญมตักาิแรกกไ้ ฤขษเพฎ่ิมกี เาติมประมวลกสฎําหนมกั างยานวคธิ พีณจิะการรณรมากคาวรากมฤอษาฎญกี าา (ฉะบบั ที่ ๒)สพาํ .นศัก.ง๒าน๔ค๘ณ๗ะ๑ก๗ร๕รมการกฤษฎกี า
สมาํ านตกั รงาาน๒คณะพกรระรรมากชารบกัญฤษญฎัตกี ินาี้ให้ใช้บังคับไสดํา้ตน้ังักแงตาน่วคันณปะรกะรกรมาศกาใรนกรฤาษชฎกีกิจาจานุเบกษา
เปน็ ตน้ ไป สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พระราชบญั ญตั ิแกสไ้าํ ขนเกั พงม่ิานเตคมิ ณปะรกะรมรมวลกการฎกหฤมษาฎยกี วาิธพี ิจารณาควสาํามนอกั างญานาค(ฉณะะบกรบั รทม่ี ก๓า)รกพฤ.ศษ.ฎ๒ีก๔า๙๐๑๗๖
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎราีกา๒ พระราชบสญั ํานญักัตงินานีใ้ หคณใ้ ชะ้บกงัรครมบั กเมารือ่ กพฤน้ษกฎําีกหานดสามสิบวันสํานนับักแงาตนว่ คนั ณปะรกะรกรมาศการกฤษฎีกา
ในราชกิจจานเุ บกษาเป็นต้นไป
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการก๑๗ฤ๒ษฎราีกชากิจจานุเบกษา สเลํา่มนัก๕ง๗าน/-ค/หณนะ้ากร๕ร๐ม๑ก/า๘รกตฤุลษาคฎมกี า๒๔๘๓ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๗๓ ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๖๑/ตอนที่ ๒๓/หน้า ๓๙๔/๑๑ เมษายน ๒๔๘๗
ส๑ํา๗น๔กั รงาาชนกคิจณจาะนกเุรบรกมษกาารเกลฤ่มษ๖ฎ๑ีก/าตอนที่ ๕๖/หนสา้ ํา๗น๘ัก๐งา/น๑ค๐ณกะันกยรารยมนก๒าร๔ก๘ฤ๗ษฎีกา
๑๗๕ ราชกิจจานุเบกษา เลม่ ๖๑/ตอนที่ ๗๙/หน้า ๑๒๑๐/๓๑ ธันวาคม ๒๔๘๗
สํานักงานคณะกรรมการก๑๗ฤ๖ษฎรากี ชากิจจานุเบกษา สเลํา่มนัก๖ง๔าน/ตคอณนะทก่ี ร๓ร/มหกนาา้ ร๑ก๑ฤษ๘ฎ/๑ีก๔า มกราคม ๒๔๙ส๐าํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๙๐ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักพงรานะรคาณชะบกญั รรญมัตกาิแรกกไ้ ฤขษเพฎ่ิมีกเาติมประมวลกสฎําหนมกั างยานวคธิ พีณิจะการรณรมากคาวรากมฤอษาฎญกี าา (ฉบับท่ี ๔) พส.าํศน.ัก๒ง๔าน๙ค๓ณ๑ะ๗ก๗รรมการกฤษฎกี า
สมําานตักรงาาน๒คณพะรกะรรรามชกบาัญรกญฤัตษินฎี้ใีกหา้ใช้บังคับตั้งแตสํา่วนันักถงัดาจนาคกณวะันกปรรระมกกาาศรกในฤรษาฎชกี กาิจจานุเบกษา
เป็นตน้ ไป สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พระราชบญั ญตั แิ กสไ้ําขนเักพงม่ิานเตคิมณปะรกะรมรมวลกการฎกหฤมษาฎยกี วาธิ ีพจิ ารณาควสาํามนอกั างญานาค(ฉณบะกับรทร่ีม๕ก)าพรก.ศฤ.ษ๒ฎ๔กี า๙๖๑๗๘
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาตษรฎากี า๒ พระราชบัญสญํานัตักินงาี้ในหค้ใชณ้บะังกครัรบมตก้ังาแรตก่วฤันษถฎัดีกจาากวันประกาศสใํานนรักางชากนิจคจณานะกุเบรรกมษกาารกฤษฎกี า
เปน็ ตน้ ไป
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
พระราชบญั ญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา (ฉบบั ที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๙๙๑๗๙
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเม่ือพ้นกําหนดหกสิบวัน นับแต่วันประกาศ
ในราชกจิ จานเุ บกสษาํ นาเกั ปง็นานตคน้ ณไปะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักหงมานาคยณเหะตกุร:ร-มเกหาตรุผกลฤษในฎกีกาารประกาศใช้สพํารนะักรงาาชนบคัญณะญกัตริฉรมบกับานรก้ี คฤือษฎเกีพา่ือให้คดีลุล่วงไสปําโนดักยงเาหนมคาณะะสกมรรแมลกะารกฤษฎีกา
รวดเรว็ ยงิ่ ขนึ้ กับสเพํานื่อกั แงกา้ขนอ้คขณัดะขกร้อรงมขกอางรศกาฤลษฎเจกี า้ าพนกั งาน แลสะําคนู่คกั วงาามนใคนณกะากรรดรํามเกนานิ รกกฤรษะบฎีกวานพิจารณาที่
สําคญั บางประการ และแก้บญั ชแี นบทา้ ยประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญาใหเ้ หมาะสมยิง่ ข้ึน
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๐๑๑๘๐
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
สาํ นกั เปงา็นนตค้นณไะปกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
หมายเหตุ :- เหตสุผาํ ลนกัในงากนาครณปะรกะรกรามศกใาชรก้พฤรษะฎรีกาาชบัญญัติฉบับสนํานี้ คักืองานเนค่ือณงะจการกรมพกราะรรกาฤชษบฎัญกี าญัติระเบียบ
บริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงการจัดระเบียบบริหารราชการ
สาํ นกั สงว่านนคภณูมะิภการครใมหกมาร่ โกดฤยษใฎหกี ้มาีแต่จังหวัดแลสะําอนํากั เงภาอนคสณ่วะนกภรารคมกยาุบรเกลฤิกษไฎปกี ตาําแหน่งผู้ว่ารสาชํานกักางราภนาคคณะรกอรงรผมู้วก่าารกฤษฎีกา
ราชการภาค ผชู้ ว่ สยําผนูว้ กั า่ งราานชคกณาระภกรารคมแกลาระกมฤหษาฎดกี ไทา ยภาค ซึ่งเป็นสําตนํากัแงหานนค่งปณระะกจรํารภมกาคารจกึงฤยษุบฎเลกี ิกา ตามไปด้วย
ประกอบกับสมควรจะให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองบางตําแหน่งซ่ึงมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวน
สํานกั คงดานีอคาณญะากใรนรสม่วกนารภกูมฤิภษาฎคีกาเป็นพนักงานสฝํา่านยักปงกานคครณองะหกรรรือมตกําารรวกจฤชษ้ันฎผกี าู้ใหญ่ จึงจําเปส็นาํ ตน้อักงงาแนกค้ไณขเะพกิ่รมรเมตกิมารกฤษฎกี า
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเฉพาะที่เกี่ยวกับคําว่า “พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจ
ชั้นผใู้ หญ”่ เสียใหสมําน่ ักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๗๗ ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๖๗/ตอนที่ ๖๐/หน้า ๙๗๙/๗ พฤศจิกายน ๒๔๙๓
ส๑ํา๗น๘กั รงาาชนกคิจณจาะนกุเรบรกมษกาารเกลฤม่ ษ๗ฎ๐ีก/าตอนที่ ๑๐/หนสา้ ํา๑น๙กั ๘งา/น๓คกณมุ ะภการพรันมธก์ ๒าร๔ก๙ฤ๖ษฎีกา
๑๗๙ ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๗๓/ตอนท่ี ๑๖/หนา้ ๑๒๖/๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๙
สาํ นักงานคณะกรรมการก๑๘ฤ๐ษฎรากี ชากจิ จานุเบกษา สเลําม่นกั ๗ง๕าน/ตคอณนะทก่ี ร๗ร๘ม/กหานรา้ ก๕ฤษ๒ฎ๑กี/๗า ตลุ าคม ๒๕๐๑สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๙๑ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั ปงรานะคกณาศะขกอรรงมคกณาระกปฤฏษวิ ฎตั ีกิ าฉบับที่ ๓๓๓ สลํางนวกันั งทานี่ ๑ค๓ณะธกันรวรามคกมารกพฤุทษธฎศกี กั าราช ๒๕๑๕๑๘ส๑าํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สโําดนยกั ทง่ีคานณคะณปะฏกิรวรัตมิพกิจาารกรณฤษาฎเหกี ็นา ว่า ในปัจจุบสันํานน้ีภกั งาารนะคขณอะงกอรธริบมดกีการรกมฤตษําฎรกีวาจ รองอธิบดี
กรมตํารวจ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีปริมาณเพิ่มข้ึนเป็นอันมาก ตลอดท้ัง
สาํ นักวงิธากีนาครณชะนั กสรตูรมรกพาลริกกศฤษพฎกีกไ็ มา่สะดวกและเสหํามนากั ะงสานมคสณมะคกรวรรมแกกาไ้ รขกกฤรษณฎีดีกังากล่าว สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สขํา้อนัก๓งานกคาณระชกันรสรมูตกราพรกลฤิกษศฎพีกการณีที่การตายสําเกนิดักงขาึ้นนโคดณยะกการรรมกกราะรทกําฤขษอฎงกี เาจ้าพนักงาน
สํานักซงึ่งาอน้าคงณวะ่ากปรฏรมิบกัตาิรรากชฤกษาฎรีกตาามหน้าท่ี หรสือําตนากั ยงาในนคระณหะกวร่ารงมอกยาู่ใรนกคฤวษาฎมกี คาวบคุมของเจ้าสพํานนักักงงาานนคณซะึ่งกอร้ารงมวก่าารกฤษฎกี า
ปฏิบัติราชการตามหน้าที่ที่ได้เริ่มทําการชันสูตรพลิกศพไว้ก่อนวันประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้
บังคับ ให้ดําเนินสกาํานรกั ตง่อานไปคตณาะมกรบรทมบกาัญรกญฤัตษิแฎหกี ่งาประมวลกฎสหํามนาักยงวานิธคีพณิจะากรรณรมาคกาวรากมฤอษาฎญกี าาซ่ึงใช้อยู่ใน
ขณะน้ัน
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ข้อ ๔ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราช
กจิ จานุเบกษาเปน็ สตาํ น้นกั ไงปานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั พงรานะรคาณชะบกญั รรญมัตกาแิ รกก้ไฤขษเพฎ่ิมกี เาติมประมวลกสฎําหนมกั างยานวคิธพีณิจะากรรณรมากคาวรากมฤอษาฎญกี าา (ฉบบั ที่ ๘) พส.ําศน.ัก๒ง๕าน๑ค๗ณ๑ะ๘ก๒รรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับเม่ือพ้นกําหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศ
สาํ นกั ใงนารนาคชณกะิจกจรารนมเุกบากรกษฤาษเปฎ็นกี าต้นไป สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมายเหตุ :- เหตสุผาํ ลนใักนงกานาครณประกะรกรามศกใาชร้พกฤระษรฎากี ชาบัญญัติฉบับนสํา้ี นคักืองาเพนคื่อณใหะ้ปกรรระมชกาาชรนกฤในษเฎขีกตาอํานาจศาล
แขวงและศาลจังหวัดมีสิทธิในการอุทธรณ์โดยเท่าเทียมกัน และเพ่ือให้การพิจารณาพิพากษาคดีใน
สํานกั ศงาาลนอคุทณธะรกณรรแ์ มลกะาศรกาลฤษฎฎกี กีาลาุล่วงไปโดยเหสมําานะักสงมานแคลณะระวกดรเรรม็วกยา่งิ รขกนึ้ ฤษจฎงึกี จาาํ เปน็ ตอ้ งตราสพํารนะักรงาาชนบคัญณญะกตั รินรม้ีขกนึ้ ารกฤษฎีกา
พระราชบญั ญัติแกสไ้ําขนเกั พงม่ิานเตคิมณปะรกะรมรมวลกการฎกหฤมษาฎยีกวาิธพี ิจารณาควสาํามนอักางญานาค(ฉณบะกับรทรี่ม๙ก)าพรก.ศฤ.ษ๒ฎ๕ีกา๑๗๑๘๓
สาํ นกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกีาา๒ พระราชสบําัญนกัญงัตานินค้ีใณหะ้ใกชร้บรังมคกับารตกั้งฤแษตฎ่วีกันาถัดจากวันปรสะํานกักางศาในนครณาะชกกรริจมจกาารกฤษฎีกา
นุเบกษาเปน็ ตน้ ไปสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักหงมานาคยณเหะตกุร:ร-มเกหาตรุผกฤลษในฎกกี าารประกาศใชส้พํารนะกั รงาาชนบคณัญะญกัตรริฉมบกับารนกี้ ฤคษือฎเีกนา่ืองด้วยการพรสะํานราักชงาทนาคนณอะภกัยรรโทมกษารกฤษฎกี า
ซง่ึ บญั ญัตไิ ว้ในภาค ๗ ว่าด้วยอภัยโทษเปล่ียนโทษหนักเป็นเบา และลดโทษ แห่งประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาสญํานากั งยาังนมคิไณดะ้กกํารหรมนกดาวริธกีกฤษารฎขกี อา พระราชทานสําอนภกั ัยงาโนทคษณใหะก้แรกร่ผมู้กตา้อรงกโฤทษษฎทีก่ัวาไป สมควร
กาํ หนดให้คณะรฐั มนตรีถวายคาํ แนะนาํ ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวขอพระราชทานอภัยโทษ
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ส๑าํ ๘น๑กั รงาาชนกคิจณจาะนกเุรบรกมษกาารเกลฤม่ ษ๘ฎ๙ีก/าตอนที่ ๑๙๐/ฉบสําบั นพกั เิ ศงาษนหคนณ้าะก๑ร๖ร๗ม/ก๑า๓รกธฤนั ษวฎาคีกมา ๒๕๑๕
๑๘๒ ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๙๑/ตอนท่ี ๒๐๒/ฉบับพิเศษ หนา้ ๑/๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๑๗
สํานักงานคณะกรรมการก๑๘ฤ๓ษฎราีกชากิจจานุเบกษา สเลํา่มนัก๙ง๑าน/ตคอณนะทกี่ ร๒ร๒ม๕ก/าฉรบกบั ฤพษเิ ฎศกีษาหน้า ๘/๒๙ ธนั สวาํ านคักมงา๒น๕ค๑ณ๗ะกรรมการกฤษฎีกา
- ๙๒ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
แกผ่ ู้ต้องโทษท่ัวไปดังกล่าวได้ และโดยท่ีการพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องโทษทั่วไปได้เคยกระทําใน
สํานกั รงูปานพครณะะรการชรกมฤกษารฎกีกฤาษเฎสีกมาอมา แต่เน่ือสงจํานาักกงราัฐนธครณระมกนรูรญมแกหาร่งกรฤาษชฎอีกาาณาจักรไทย พสาํุทนธักศงักานรคาณชะ๒กร๕ร๑มก๗ารกฤษฎกี า
มาตรา ๑๙๒ ได้บัญญัติว่า “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซ่ึงพระราชอํานาจในการตราพระราชกฤษฎีกา
ตามที่กําหนดไว้ใสนาํ นรกััฐงธารนรคมณนะูญกรหรมรือกากรฎกฤหษมฎาีกยาอื่น” สมควรสกําํานหกั นงาดนใคหณ้กะากรรพรมรกะารรากชฤทษฎานีกาอภัยโทษได้
กระทําในรูปพระราชกฤษฎีกาดังที่ได้เคยปฏิบัติมา จึงจําเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธี
สํานักพงจิานาครณณะากครวรามมกอาารญกฤาษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พระราชบญั ญตั แิ กสไ้าํ ขนเักพงิม่านเตคมิ ณปะรกะรมรมวลกการฎกหฤมษาฎยกี วาิธพี จิ ารณาควสาํามนอกั างญานาค(ฉณบะกับรทรี่ม๑ก๐าร) กพฤ.ศษ.ฎ๒กี า๕๒๒๑๘๔
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับเม่ือพ้นกําหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศ
ในราชกิจจานุเบกสษาํ นาเักปง็นานตค้นณไปะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักหงามนาคยณเหะกตรุ ร:ม- กเหารตกุผฤษลฎในกี กา ารประกาศสใชําน้พกั รงะานรคาณชบะกัญรรญมัตกิฉารบกับฤษนฎ้ี คกี ืาอ โดยท่ีบทบสัญํานญักัตงิแานหค่งณปะรกะรมรมวกลารกฤษฎีกา
กฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญาทใ่ี ช้บงั คบั อยู่ในปัจจุบันมิได้ให้อํานาจศาลช้ันต้นอย่างชัดแจ้งในการท่ี
จะสัง่ คาํ รอ้ งขอใหสป้ าํ นลักอ่ งยาผน้ตู คอ้ ณงะหการหรมรือกาจรํากเลฤษยฎชว่ักี คา ราว ในกรณสีทําศ่ี นาักลงชาน้ันคตณ้นะไดกรอ้ รา่ มนกคาํารพกฤิพษาฎกีกษาาแล้ว ทั้งใน
การที่ศาลจะสั่งคําร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวในกรณีความผิดที่มีอัตราโทษจําคุกอย่างสูงเกินสิบปี
สาํ นักศงาานลคจณะตะก้อรงรถมากมาพรกนฤักษงฎานกี าสอบสวน พนสักํางนาักนงอานัยคกณาระกหรรรือมโกจาทรกกฤ์วษ่าฎจีกะาคัดค้านประกาสรํานใดักหงารนือคไณม่ทะกุกรกรรมณกาี รกฤษฎีกา
ไป ทําให้ศาลไม่สสําานมักางรานถคมณีคะํากสรั่งรไมดก้โาดรยกรฤวษดฎเีกรา็ว สมควรใหส้อําํานนกั างาจนศคาณละชก้ันรตรม้นกสาั่งรกคฤําษร้ฎอีกงขา อให้ปล่อย
ผู้ต้องหาหรือจําเลยช่ัวคราวในกรณีที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคําพิพากษาแล้ว และให้อํานาจศาลที่จะงดการ
สาํ นกั ถงาามนพคณนะักกงรารนมสกอาบรกสฤวษนฎพีกานักงานอยั การสําหนรกั ืองโาจนทคกณใ์ ะนกกรรรมณกที าร่ีไมกฤอ่ ษาจฎถีกาามได้โดยมีเหตสุอาํ นันักคงวารนคเพณื่อะใกหรร้ศมากลารกฤษฎีกา
สามารถมีคําสั่งคําร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวได้โดยรวดเร็วและเพื่อให้ผู้ต้องหาหรือจําเลยท่ีถูกขังได้รับ
การคุ้มครองสิทธสิแาํ นลกั ะงเาสนรคีภณาะพกมรรามกกยาิ่งรกขฤึ้นษฎสกี่วานการที่ศาลจสะํามนีคักงําาพนิพคณากะกษรารนมั้นการสกมฤคษวฎรกี กาําหนดไว้ว่า
ถา้ ข้อเทจ็ จริงตามท่ปี รากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังท่ีกล่าวในฟ้องเพียงรายละเอียดที่
สํานักเงกาี่ยนวคกณับะกเวรลรมากหารรกือฤสษถฎาีกนา ท่ีกระทําควสาํามนผักิดงาหนรคือณตะ่ากงรกรมันกราะรหกฤวษ่าฎงกีกาารกระทําควาสมํานผักิดงฐานานคณลักะกทรรรัพมกยา์ รกฤษฎกี า
กรรโชก ฉ้อโกง ยักยอก รับของโจร หรือต่างกันระหว่างการกระทําผิดฐานโดยเจตนาและประมาท
มิใหถ้ อื ว่าตา่ งกนั ใสนาํ ขน้อกั งสาานรคะณสะาํ กครัญรมอกนั าจระกเฤปษ็นฎเีกหาตใุ หศ้ าลยกฟส้อํางนคักดงีนานัน้ คณทะั้งกนรี้ รเพมกื่อาใรหก้เฤกษิดฎคีกวาามเป็นธรรม
แก่ผทู้ เ่ี ก่ียวข้อง จงึ จําเปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญัติน้ขี ้ึน สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
พระราชบัญญัตแิ กสไ้ําขนเักพง่ิมานเตคมิ ณปะรกะรมรมวลกการฎกหฤมษาฎยกี วาธิ ีพิจารณาควสาํามนอักางญานาค(ฉณบะกับรทรี่ม๑ก๑าร) กพฤ.ศษ.ฎ๒กี า๕๒๓๑๘๕
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๒ พระราชบสัญํานญักัตงาินน้ีใคหณ้ใชะก้บรังรคมับกเามรื่อกฤพษันฎกีกําาหนดสามสิบวสันาํ นนับักงแาตน่วคันณปะรกะรรกมากศารกฤษฎกี า
ในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ต้นไป
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระธรรมนูญศาลยุติธรรม
สํานักซงึ่งาแนกค้ไณขะเกพร่ิมรเมตกิมาโรดกยฤษพฎรีกะาราชบัญญัติแกส้ไําขนเักพง่ิมานเตคิมณพะกรระรธมรกรามรนกูญฤษศฎาีกลายุติธรรม (ฉบับสําทน่ี ัก๗ง)านพค.ศณ.ะ๒กร๕ร๒มก๒ารกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๘๔ ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ ๙๖/ตอนท่ี ๖๔/ฉบบั พิเศษ หน้า ๑/๒๘ เมษายน ๒๕๒๒
สาํ นกั งานคณะกรรมการก๑๘ฤ๕ษฎราีกชากิจจานุเบกษา สเลําม่นกั ๙ง๗าน/ตคอณนะทกี่ ร๑ร๐ม๙ก/าฉรบกบั ฤพษเิ ฎศีกษาหน้า ๑/๑๖ กรสกาํ ฎนาักคงมาน๒ค๕ณ๒ะ๓กรรมการกฤษฎีกา
- ๙๓ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ได้แก้ไขเพ่ิมเติมอํานาจในการพิจารณาพิพากษาคดีอาญาของศาลแขวงโดยเพ่ิมจํานวนค่าปรับให้
สํานกั สงูงานขคึ้นณจะากกรหรมกกพาันรกบฤาษทฎเีกปา็นหกหมื่นบาสทํานักเหงา็นนสคมณคะกวรรรแมกก้ไาขรกเพฤษิ่มฎเตกี าิมประมวลกฎสหํานมักางยานวคิธณีพะิจการรรณมกาารกฤษฎกี า
ความอาญา ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ๗)
พ.ศ. ๒๕๒๒ เพสื่อาํ นใหกั ้งคาดนีอคาณญะการขรอมงกศารากลฤจษังฎหีกวาัดและศาลแขสําวนงักทง่ีหาน้าคมณอะุทกธรรรณมก์คาํารกพฤิพษาฎกีกษาาในปัญหา
ขอ้ เทจ็ จริงมอี ัตราโทษเท่าเทียมกันอันจะเป็นผลทําให้ประชาชนที่อยู่ในเขตอํานาจศาลแขวงและใน
สํานักเงขาตนอคําณนะากจรศรมากลาจรังกหฤวษัดฎมีกีสาิทธิในการอุทสธํานรณกั ง์โาดนยคเณทะ่ากเทรรียมมกการันกฤแษลฎะกีไดา้รับผลปฏิบัตสิทําานงักคงดานีเชค่นณเะดกียรวรมกกันารกฤษฎกี า
จึงจําเปน็ ตอ้ งตราสพํารนะักรงาานชคบณัญะญกัตรรนิ มี้ขกึน้ ารกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักพงรานะรคาณชะบกัญรรญมตักาแิ รกก้ไฤขษเพฎ่มิีกเาติมประมวลกสฎําหนมักางยานวคธิ ีพณจิะากรรณรมากคาวรากมฤอษาฎญีกาา (ฉบับที่ ๑๒)สพําน.ศัก.ง๒าน๕ค๒ณ๓ะ๑ก๘ร๖รมการกฤษฎกี า
สมาํ านตักรงาาน๒คณะพกรระรมรกาชารบกัญฤษญฎัตกี ินา ี้ให้ใช้บังคับตสําั้งนแกั ตง่วาันนคถณัดะจการกรวมันกปารรกะฤกษาฎศีกใานราชกิจจา
นเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เน่ืองจากประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๓๓๓ ข้อส๒าํ นกัไดงา้ยนกคเณลิกะกครวรามมกใานรกมฤาษตฎรีกาา๑๕๐ แห่งปสรําะนมักวงลานกคฎณหะมการยรมวกิธาีพริจกฤารษณฎกี าาความอาญา
ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๖)
สาํ นกั พงา.ศน.ค๒ณ๔ะก๙ร๙รมกโดารยกใฤหษ้เหฎีกตาุผลว่าวิธีการชสําันนสักูตงารนพคลณิกะศกพรรไมมก่สาะรดกฤวษกฎแีกลาะเหมาะสม แสตําน่เมักื่องาปนรคะณกะากศรรขมอกงารกฤษฎกี า
คณะปฏิวัติฉบับสนํานี้ปักรงะากนคาศณใะชก้แรรลม้วกาปรรกาฤกษฎฏีกวา่าเจ้าพนักงานสําทน่ีมักีองาํานนคาณจะตการรมมกกฎารหกมฤาษยฎบีกาางแห่งได้ใช้
ตําแหน่งหน้าท่ีในทางมิชอบ เช่น เม่ือยิงราษฎรตายหรือทําร้ายราษฎรถึงแก่ความตายแล้วมักจะทํา
สํานกั เงปา็นนวคิสณาะมกัญรรฆมากตากรกรฤรษมฎแกี ลาะสรุปสํานวนสสําน่งใกั หงา้อนธคิบณดะีกกรรมรอมักยากรากรฤวษินฎิจกี ฉาัยโดยไม่ต้องใสหํา้ศนาักลงทานําคกณาระไกตร่สรมวกนารกฤษฎกี า
ก่อน ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมข้ึนแก่ผู้ตาย ซึ่งญาติผู้ตายไม่สามารถนําพยานเข้าสืบเป็นการให้
อํานาจพนักงานสสอํานบกั สงวานนคมณากะกเกรินรมไปการจกฤึงสษมฎคีกาวรยกเลิกประสกํานาศักงขาอนงคคณณะกะรปรฏมิวกัตาริ กฉฤบษับฎทีก่ี า๓๓๓ ข้อ ๒
และให้บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๐ ที่ถูกยกเลิกมีผลใช้
สํานักบงงัานคคบั ณตอ่ะกไปรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พระราชบัญญัติแกสไ้าํ ขนเกั พง่ิมานเตคมิ ณปะรกะรมรมวลกการฎกหฤมษาฎยกี วาธิ ีพจิ ารณาควสาํามนอักางญานาค(ฉณบะกบั รทร่ีม๑ก๓าร) กพฤ.ศษ.ฎ๒กี า๕๒๕๑๘๗
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒ พระราชสบําัญนักญงัตานินค้ีใณหะ้ใกชร้บรังมคกับารตก้ังฤแษตฎ่วีกันาถัดจากวันปรสะํานกักางศาในนครณาะชกกรริจมจกาารกฤษฎกี า
นเุ บกษาเป็นตน้ ไปสาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักหงามนาคยณเหะกตรุ ร:ม- กเหารตกุผฤษลฎในกี กา ารประกาศสใชําน้พกั รงะานรคาณชบะกัญรรญมัตกิฉารบกับฤษนฎ้ี คกี ืาอ โดยที่บทบสัญํานญักัตงิแานหค่งณปะรกะรมรมวกลารกฤษฎกี า
กฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญาทใี่ ชบ้ ังคับอยใู่ นปจั จบุ นั
ส(ํา๑น)กั องานนุญคณาตะกใหรร้มมีกกาารรปกฤลษ่อฎยีกชา่ัวคราวโดยไมส่ตําน้อกั งงมาีปนครณะกะกันรไรดม้เกฉาพรากะฤษคฎดกีีทา่ีมีอัตราโทษ
จาํ คุกอยา่ งสูงไม่ถึงหน่งึ ปี และ
สํานกั งานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษมฎกีิไดา้กําหนดอย่างสชําัดนกัแงจา้งนวค่าณใะนกกรรรณมกีทาี่ศรกาฤลษชฎั้นีกตา้นอ่านคําพิพาสกําษนาักแงาลน้วคหณาะกกมรรีกมากรารกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๘๖ ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๙๗/ตอนท่ี ๑๑๓/ฉบบั พเิ ศษ หน้า ๑/๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๓
สํานกั งานคณะกรรมการก๑๘ฤ๗ษฎรากี ชากจิ จานเุ บกษา สเลํา่มนัก๙ง๙าน/ตคอณนะทก่ี ร๘ร๐ม/กฉาบรบั กพฤเิ ษศฎษีกหานา้ ๔/๑๑ มิถุนสาาํ ยนนัก๒งา๕น๒ค๕ณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๙๔ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ย่ืนคําร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวต่อศาลช้ันต้นก่อนส่งสํานวนไปยังศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาและศาล
สาํ นักชง้ันานตค้นณเหะก็นรไรมม่สกมารคกวฤรษอฎนีกุญาาต ศาลชั้นตส้นํานจกัะงตา้อนงคณ“ระกีบร”รมสก่งาครํากรฤ้อษงฎพีกรา้อมสํานวนไปสใําหน้ศักางลานอคุทณธะรกณร์หรมรกือารกฤษฎกี า
ศาลฎีกาเพ่ือส่ัง แล้วแต่กรณี เหมือนกับที่ได้กําหนดอย่างชัดแจ้งในกรณีท่ีมีการย่ืนคําร้องขอให้ปล่อย
ช่ัวคราวต่อศาลชส้ัาํนนตกั ้นงาเนมค่ือณสะ่งกสรํารนมวกนารไกปฤยษังฎศกี าาลอุทธรณ์หรสือํานศักางลาฎนีคกณาแะกลร้วรมทกําาใรหกฤ้สษิทฎธกี ิเาสรีภาพของ
ผู้ต้องหาและจําเลยในการได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวไม่ได้รับความคุ้มครองเท่าที่ควร และ
สํานกั บงทานบคัญณญะกตั ริขรอมงกกาฎรกหฤมษาฎยกี ใานเร่ืองอยา่ งเดสยี ําวนกกั นังาไนมค่สณอดะกครลรอ้มงกเาปร็นกฤอษยฎา่ งีกเาดียวกัน สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มีประกันได้มากสขสาํึ้นมนคักแงวลารนะแคใกหณ้ไข้บะกเทพรบริ่มมัญเตกญาิมรใัตกหิขฤ้มษอีกฎงากีกราฎอหนมุญาายตดใหังก้ปลลส่า่อํานวยมกั ชงีคั่วาวคนารคมาณวสะใอกนรดครคดมลีทก้อาี่ไรมงกเ่รฤป้าษ็ยนฎแอกี รยาง่าโงดเยดไียมว่ตก้อันง
สํานักจงึงาจนําคเณปะ็นกตร้อรมงตการรากพฤรษะฎรีกาาชบัญญตั นิ ้ี สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พระราชบญั ญัติแกสไ้าํ ขนเักพง่ิมานเตคมิ ณปะรกะรมรมวลกการฎกหฤมษาฎยกี วาธิ ีพจิ ารณาควสาํามนอักางญานาค(ฉณบะกับรทรี่ม๑ก๔าร) กพฤ.ศษ.ฎ๒กี า๕๒๕๑๘๘
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒ พระราชสบําัญนกัญงัตานินค้ีใณหะ้ใกชร้บรังมคกับารตกั้งฤแษตฎ่วีกันาถัดจากวันปรสะํานกักางศาในนครณาะชกกรริจมจกาารกฤษฎีกา
นุเบกษาเป็นตน้ ไป สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เพื่อให้การสอบสวนและคดีลุล่วงไป
สาํ นักโงดายนรควณดะเรก็วรแรมลกะาเหรกมฤาษะฎสีกมาย่ิงข้ึน กับเพ่ือสใําหน้สักองดานคคลณ้อะงกกรับรหมลกัการกกาฤรษสฎืบีกสาวนและสอบสสวํานนจักนงไาดน้คควณาะมกแรนรม่ชกัดารกฤษฎีกา
ก่อนจับกมุ ผูต้ อ้ งหสาาํ นกัจงึงาจนาํ คเปณน็ะกตรอ้ รงมแกกา้ไรขกเฤพษิ่มฎเีกตาิมประมวลกฎสหํามนาักยงวานธิ พีคณิจาะรกณรรามคกวาารมกฤอษาญฎีกาา
สาํ นักพงรานะรคาณชะบกญั รรญมัตกาิแรกก้ไฤขษเพฎมิ่ีกเาตมิ ประมวลกสฎําหนมักางยานวคธิ พีณิจะการรณรมากคาวรากมฤอษาฎญกี าา (ฉบับท่ี ๑๕)สพําน.ศัก.ง๒าน๕ค๒ณ๗ะ๑ก๘ร๙รมการกฤษฎกี า
สมําานตกั รงาาน๒คณพะรกะรรรามชกบาัญรกญฤัตษินฎี้ใกี หา้ใช้บังคับต้ังแตสํา่วนันักถงัดาจนาคกณวะันกปรรระมกกาาศรกในฤรษาฎชีกกาิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่บทบัญญัติแห่งประมวล
กฎหมายวธิ พี ิจารสณํานาคกั งวาานมคอณาญะการทรมใี่ ชก้บารังกคฤับษอฎยกี ู่ใานปจั จุบัน สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
(๑) มิได้ให้สิทธิแก่ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาที่จะพบและปรึกษาทนายสองต่อสอง สิทธิท่ี
สํานักจงะานไดค้รณับะกกรารรมเยกี่ายรมกแฤลษะฎสีกิาทธิที่จะได้รับสกําานรกั รงักานษคาณพะยการบรามลกโาดรกยฤเรษ็วฎีกทาําให้ผู้ถูกจับหสรําือนักผงู้ตา้อนงคหณาะมกิไรดรม้รกับารกฤษฎีกา
ความคมุ้ ครองตามสาํสนมักคงวานรคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๒) มิได้ให้สิทธิแก่ผู้ต้องหาหรือจําเลยท่ีจะอุทธรณ์คําสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้ปล่อย
สาํ นักชง่ัวาคนคราณวะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(๓) มิได้ให้ศาลมีอํานาจพิจารณาและสืบพยานลับหลังจําเลยในคดีที่มีอัตราโทษ
จําคุกอย่างสูงเกสินํานสักางมานปคีแณตะ่ไกมร่เรกมินกสาริบกปฤษี หฎีกรืาอปรับเกินห้าสพํานันักบงาานทคณหะรกือรทรมั้งกจาํารทกฤั้งษปฎรีกับา ทําให้ศาล
ไม่สามารถเรง่ รัดการพิจารณาพิพากษาคดดี ังกลา่ วให้แล้วเสรจ็ ไปโดยรวดเรว็ ได้
สํานักงานคณะกรรมการก(๔ฤ)ษฎมกีิไดา้ให้ศาลต้ังทนสาํายนคกั วงาานมคใณห้แะกกร่จรํามเกลายรใกนฤคษดฎีทีก่ีมา ีอัตราโทษจําสคาํ ุกนอักยงา่านงคสณูงเะกกินรหรม้ากปาี รกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๘๘ ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม ๙๙/ตอนที่ ๑๐๘/ฉบบั พเิ ศษ หน้า ๑/๖ สงิ หาคม ๒๕๒๕
สํานักงานคณะกรรมการก๑๘ฤ๙ษฎรากี ชากิจจานเุ บกษา สเลําม่นกั ๑ง๐าน๑ค/ตณอะนกทร่ีร๑ม๒ก๗า/รฉกบฤับษพฎิเกีศาษ หน้า ๑/๒๐ กสนั าํ นยาักยงนาน๒ค๕ณ๒ะ๗กรรมการกฤษฎีกา
- ๙๕ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
แต่ไมถ่ ึงสบิ ปี ทาํ ให้จําเลยที่ยากจนในคดดี งั กลา่ วไม่มีทนายในการตอ่ สูค้ ดี
สํานกั งานคณะกรรมการก(๕ฤ)ษมฎิไกี ดา้ให้อํานาจศาลสําสนืบักพงยานาคนณบะุคกครลรซม่ึงกจาะรกเดฤินษทฎาีกงาออกไปนอกรสาชาํ นอักางณานาจคักณระอกันรรยมากการกฤษฎกี า
แก่การนําพยานมาสืบในภายหน้าไว้ทันทีก่อนฟ้องคดีต่อศาล ทําให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการ
พิจารณาพพิ ากษาสคํานดกั ี งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อให้ผู้เสียหาย
สํานกั ผงู้ถานูกคจณับะผกตู้รรอ้ มงกหาารกแฤลษะฎจกี ําาเลยไดร้ บั ควาสมําคนุ้มกั คงรานอคงณแะลกะรใรหม้กกาารรพกฤิจษาฎรณีกาาพิพากษาคดสีอาํ านญักางาดนําคเนณินะไกปรรดม้วกยารกฤษฎกี า
ชค่ววยาเมหรลวือดทเรา็งวกสฎาหสมํามานรากั ยถงใอานนํากคนาณวรยะดกคํารเวรนามินมกคสาดระกมี ดฤาวษกกฎขคกีน้ึ วาาจมึงยจุตําิเธปร็นรตม้อสตงําตนลรกัอางดาพจนรคนะณใรหาะชก้จรบํารเัญมลญกยาทัตรินกี่ยฤ้ีาษกฎจีกนาได้รับความ
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑๖)สพําน.ศัก.ง๒าน๕ค๒ณ๙ะ๑ก๙ร๐รมการกฤษฎีกา
พระราชบัญญัตแิ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา
สาํ นักนงุเาบนกคษณาะเกปรน็รมตกน้ าไรปกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมายเหตุ :- เหตสุผาํ นลกั ใงนากนาครณปะรกะรรกมากศาใรชก้พฤษรฎะีกราาชบัญญัติฉบสับํานน้ีักคงาือนคเนณื่อะงกจรรามกกไาดร้มกีกฤษารฎแกี กา้ไขเพ่ิมเติม
กฎหมายว่าด้วยการเปรียบเทียบคดีอาญา เพ่ือให้พนักงานสอบสวนมีอํานาจเปรียบเทียบได้มากข้ึน
สํานักโงดายนเคปณระียกบรเรทมียกาบรใกนฤคษดฎีทกี ่ีมา ีโทษปรับสถสาํานนเกั ดงียานวคอณย่าะงกสรรูงมไมก่เากรกินฤหษนฎึ่งกี หาม่ืนบาทได้ สสมาํ คนวักรงแานกค้ไณขเะพก่ิมรรเมตกิมารกฤษฎีกา
บทบัญญัติว่าด้วยสคาํ นดกั ีองาาญนคาณเละิกกกรรันมใกนาปรกรฤะษมฎวีกลากฎหมายวิธีพสิจํานาักรณงานาคควณาะมกอรรามญกาาเรพกฤื่อษใหฎ้สีกาอดคล้องกัน
จึงจาํ เป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั นิ ี้
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
พระราชบญั ญตั ิแก้ไขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒๑๙๑
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศ
สาํ นักใงนารนาคชณกะจิ กจรารนมเุกบากรกษฤาษเปฎน็กี าต้นไป สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมายเหตุ :- เหตสุผําลนใักนงกานาครณประกะรกรามศกใาชร้พกฤรษะรฎาีกชาบัญญัติฉบับสนํา้ี นคักืองาโนดคยณทะ่ีเปกร็นรกมากราสรกมฤคษวฎรกีแาก้ไขเพ่ิมเติม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อให้ผู้ต้องหาที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยพนักงาน
สํานกั สงอานบคสณวนะกหรรรอื มพกนารักกงฤาษนฎอีกัยาการได้รับความสําเปน็นกั งธารนรคมณในะกกรารรมดกําาเนรกินฤคษดฎีเพีกาื่อให้ศาลตั้งทนสาาํ ยนใักหง้จาํานเคลณยใะนกรทรุกมกๆารกฤษฎีกา
คดีท่ีมีอัตราโทษปสราํ นะกัหงาารนชคีวณิตะถก้ารจรํามเกลายรยกังฤไษมฎ่มกี ีทานาย และใหส้ศําานลักตง้ังาทนคนณายะกใหรร้จมํากเลารยกใฤนษคฎดีกีทาี่มีอัตราโทษ
จาํ คุกอย่างสงู ต้ังแตส่ ามปีข้ึนไปแต่ไมถ่ งึ สบิ ปี ถา้ จาํ เลยไม่มที นายและตอ่ สู้คดโี ดยแถลงต่อศาลก่อนเร่ิม
สาํ นักพงิจานาครณณาะกว่ารรจมํากเลายรกยฤากษจฎนีกแาละตอ้ งการทสนําานยกั งเพาน่อื คกณําจะกดั รปรัญมกหาารขกอ้ ฤกษฎฎหกี มาายเกย่ี วกบั กาสราํ พนพิักงาากนษคาณเกะนิกครราํ มขกอารกฤษฎกี า
และเพ่ือให้การพิจารณาพิพากษาคดีในศาลช้ันต้น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาลุล่วงไปโดยเหมาะสม
รวดเร็วยงิ่ ขนึ้ จงึ สจาํ ํานเักปงน็ าตนอ้คงณตะรการพรมระกรารากชฤบษญั ฎญีกาตั นิ ี้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั พงรานะรคาณชะบกญั รรญมัตกาิแรกกไ้ ฤขษเพฎม่ิีกเาตมิ ประมวลกสฎําหนมกั างยานวคธิ พีณจิะการรณรมากคาวรากมฤอษาฎญกี าา (ฉบบั ที่ ๑๘)สพําน.ศัก.ง๒าน๕ค๓ณ๕ะ๑ก๙ร๒รมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๙๐ ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ๑๐๓/ตอนท่ี ๒๑๕/หนา้ ๑๔๗/๔ ธนั วาคม ๒๕๒๙
สํานักงานคณะกรรมการก๑๙ฤ๑ษฎรากี ชากจิ จานเุ บกษา สเลํา่มนัก๑ง๐าน๖ค/ตณอะนกทรี่ร๑ม๔ก๙า/รฉกบฤบัษพฎิเีกศาษ หน้า ๔/๘ กันสยาํ านยักนงา๒น๕ค๓ณ๒ะกรรมการกฤษฎกี า
- ๙๖ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒ พระราชสบําัญนกัญงัตานินคี้ใณหะ้ใกชร้บรังมคกับารตก้ังฤแษตฎ่วกี ันาถัดจากวันปรสะาํ นกักางศาในนครณาะชกกรริจมจกาารกฤษฎกี า
นุเบกษาเป็นตน้ ไป
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีมีการกําหนดช่ือตําแหน่งใน
สํานักกงรามนคตณําระวกจรขรม้ึนกใหารมก่ตฤาษมฎพีกราะราชกฤษฎีกสาําแนบัก่งงสาน่วคนณราะชกรกรามรกการรมกตฤําษรฎวกี จากระทรวงมหสาาํดนไักทงยาน(ฉคบณับะกทรี่ ร๑ม๕ก)ารกฤษฎกี า
แพก.ศ้ไ.ข๒เพ๕ิ่ม๓เ๒ติมมดางั นตสําั้นรนากัเพ๒งาอื่ น(ม๑คิใณ๗ห)เ้ะกกแดิรหรปม่งญั ปกหารราะกใมฤนวษกลฎากกีรฎบาหริหมาารยงวาิธนีพขิจอสางํารกนณรักมางตคานําวคราวณมจอะกากรญรระมาทเกฉราพรวกงาฤมะษหทฎาี่เกีกดาี่ยไทวยกับสนมิยคาวมร
สํานักคงาําวน่าคณ“พะกนรกัรมงากนารฝก่าฤยษปฎกีกคารองหรอื ตาํ รวสจํานชักั้นงผาูใ้นหคญณ่”ะกเรสรียมใกหามร่กฤจษึงจฎํากี เาปน็ ตอ้ งตราพรสะาํ นราักชงาบนัญคญณะตั กนิ ร้ี รมการกฤษฎีกา
พระราชบญั ญัติแกส้ไําขนเักพง่ิมานเตคมิ ณปะรกะรมรมวลกการฎกหฤมษาฎยกี วาิธพี จิ ารณาควสาํามนอักางญานาค(ฉณบะกบั รทร่ีม๑ก๙าร) กพฤ.ศษ.ฎ๒ีกา๕๓๙๑๙๓
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๒ พระราชสบําัญนกัญงัตานินค้ีใณหะ้ใกชร้บรังมคกับารตกั้งฤแษตฎ่วีกันาถัดจากวันปรสะาํ นกักางศาในนครณาะชกกรริจมจกาารกฤษฎีกา
นเุ บกษาเปน็ ต้นไป
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๘ บรรดาบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งแก้ไข
สํานกั เงพาิ่มนเคตณิมะโกดรยรพมกราะรรกาฤชษบฎัญีกาญัตินี้ ไม่ใช้บังสคํานับกั แงกาน่กคาณรดะํากเรนรมินกกาารรกขฤอษงฎพีกนา ักงานสอบสวสนาํ นพักงนาักนคงาณนะอกัยรรกมากรารกฤษฎกี า
หรือศาล ในคดีทส่ีพาํ นนักักงงาานนคสณอบะกสรวรนมกพารนกักฤงษาฎนีกอาัยการ หรือศาสลํานแกั ลง้วานแคตณ่กระณกรี รไมดก้ดาํารเกนฤินษกฎากี ราไปก่อนวันท่ี
พระราชบัญญัติน้ีใชบ้ งั คบั
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๙ ให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ
รฐั มนตรีวา่ การกรสะาํ ทนักรวงางนยคุตณธิ ระรกมรรรมกั กษาารกกาฤรษตฎาีกมาพระราชบัญญสําัตนนิ ักี้ งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักหงมานาคยณเหะตกุร:ร-มเกหาตรุผกฤลษในฎกีกาารประกาศใชส้พํารนะักรงาาชนบคณัญะญกัตรริฉมบกับารนกี้ ฤคษือฎโกี ดายที่ประมวลกสฎาํ นหักมงาายนวคิธณีพะิจการรรณมกาารกฤษฎีกา
ความอาญาท่ีใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันยังมีบทบัญญัติบางประการที่เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน
ดําเนินคดี อันเป็นสาํผนลกั ใงหาน้กคาณรสะอกรบรสมวกนารดกําฤเนษฎินีกคาดีเป็นไปโดยลส่าํานชกั้างแานลคะณทะํากใรหร้ผมู้เกสาียรหกฤาษยฎผกี ู้ตา้องหา หรือ
จําเลยได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกันและไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ สมควรแก้ไขเพิ่มเติม
สํานักปงรานะคมณวละกกรฎรหมมกาารยกวฤิธษีพฎิจีกาารณาความอาสญํานาโกั ดงยานกคําณหะนกดรใรหม้พกานรักกงฤาษนฎสกี อาบสวน พนักงสาาํนนอักัยงากนาครณหะรกือรรศมากลารกฤษฎีกา
จัดหาล่ามให้แก่ผสู้เสาํ นียักหงาายนคผณู้ต้อะกงรหรามจกาํารเลกยฤษหฎรกี ือาพยานที่ไม่สาสมําานรกั ถงพานูดคหณรือะกเขร้ารใมจกภารากษฤาษไทฎยีกแาละไม่มีล่าม
ลดระยะเวลาที่ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจควบคุมตัวผู้ถูกจับในกรณีที่มีเหตุจําเป็นลงเหลือ
สํานักไงมา่เนกคินณสะากมรวรันมกแาลรกะฤกษําฎหกีนาดให้พนักงานสสําอนบกั สงาวนนคมณีอะํากนรารจมรก้อารงกขฤอษตฎ่อกี ศาาลให้สั่งขังผู้ตส้อาํ งนหักางาไนว้คณณะสกถรารนมกทา่ี รกฤษฎกี า
ท่พี นกั งานสอบสวนกาํ หนดตามระยะเวลาทีศ่ าลเห็นสมควร รวมท้ังกําหนดให้ศาลต้องถามจําเลยก่อน
เร่ิมการพิจารณาวส่าาํ นมักีทงนาานยคคณวะากมรหรมรกือาไรมก่ ฤหษาฎกีกไมา่มีและจําเลยสตํา้อนงกั กงาานรกค็ใณหะ้ศการลรมตก้ังาทรนกาฤยษคฎวีกาามให้สําหรับ
คดีทมี่ ีอตั ราโทษจาํ คกุ หรือคดีที่จําเลยมีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันท่ีถูกฟ้อง ท้ังน้ี เพื่อให้การสอบสวน
สาํ นักดงําานเนคินณคะดกรีลรุลม่วกงาไรปกโฤดษยฎรีกวาดเร็ว และเพสื่อําในหกั ้ผงาู้เนสคียณหะากยรรผมู้ตก้อางรกหฤาษแฎลกี ะาจําเลยได้รับคสาํวนาักมงชา่วนยคเณหะลกือรรทมากงารกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๙๒ ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ ๑๐๙/ตอนที่ ๓๒/หน้า ๑๐/๑ เมษายน ๒๕๓๕
สํานกั งานคณะกรรมการก๑๙ฤ๓ษฎราีกชากิจจานเุ บกษา สเลําม่นัก๑ง๑าน๓ค/ตณอะนกทรี่ร๖ม๑กากร/กหฤนษา้ ฎ๖ีก/า๑๗ พฤศจกิ ายนสาํ๒น๕ัก๓ง๙านคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๙๗ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
กฎหมายโดยเทา่ เทยี มกัน และจาํ เลยไดม้ โี อกาสตอ่ สู้คดอี ย่างเต็มที่ จงึ จาํ เปน็ ต้องตราพระราชบัญญตั นิ ้ี
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
พระราชบัญญัติแกไ้ ขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ๒๐) พ.ศ. ๒๕๔๒๑๙๔
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดหน่ึงปีนับแต่วันถัดจากวัน
สํานักปงรานะคกณาศะใกนรรรามชกการจิ กจฤาษนฎเุ บกี ากษาเป็นตน้ ไปสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมายเหตุ :- เหตสุผําลนใักนงกานาครปณระะกกรรามศกใชาร้พกรฤะษรฎาีกชาบัญญัติฉบับนสี้ําคนือักงเานน่ือคงณจะากกรใรนมปกัจารจกุบฤันษกฎากี ราถามปากคํา
สํานกั เงดา็กนอคาณยะุไกมร่เรกมินกาสริบกแฤษปฎดกีปาีในฐานะเป็นสผําู้เนสกั ียงหานาคยณหะรกือรพรมยกานารใกนฤชษั้นฎสีกอา บสวน และกสาาํ นรักสงืบาพนคยณานะกบรุครมคกลารกฤษฎกี า
ซึ่งเป็นเด็กในชั้นศาลนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากําหนดวิธีปฏิบัติไว้เช่นเดียวกับ
กรณีของผู้ใหญ่ สโาํดนยกั ใงนานชค้ันณสะอกบรรสมวกนารพกฤนษักฎงีกาานสอบสวนยสังํามนีคกั วงาานมคชณําะนการญรมใกนาดรก้าฤนษจฎิตกี วาิทยาเด็กไม่
เพียงพอ รวมท้ังมิได้คํานึงถึงสภาพร่างกายและจิตใจของเด็กที่อ่อนแอเท่าที่ควรและการใช้ภาษากับ
สาํ นักเงดาก็ นยคังณไมะก่เหรรมมากะาสรมกฤอษนั ฎเกีปาน็ เหตุใหก้ ารถสาํามนปกั างากนคคาํ ณเดะ็กกสรร่งมผกลากรรกะฤทษบฎตีกา่อสภาพจิตใจขสอาํ นงเักดง็กานแคลณะสะก่งผรรลมใกหา้ รกฤษฎกี า
การสอบสวนคลาดเคลื่อน ส่วนการสืบพยานในชั้นศาลน้ัน นอกจากเด็กจะต้องเผชิญหน้ากับจําเลยใน
ห้องพิจารณาแลสะาํตนอักบงาคนําคถณาะมกซร้ํารกมับกาใรนกชฤ้ันษสฎอีกบา สวนเสมือนสหํานนึ่งกั ตงา้อนงคตณกะเปกร็นรเมหกยาื่รอกซฤํ้าษอฎีกีกคารั้งหนึ่งแล้ว
คําถามที่ใช้ถามเด็กยังอาจเป็นคําถามท่ีตอกยํ้าจิตใจของเด็กซึ่งบอบช้ําให้เลวร้ายย่ิงข้ึน และยังส่งผล
สํานักใงหา้ขน้อคณเทะ็จกจรรรมิงทกา่ีไรดก้จฤาษกฎกีกาารสืบพยานคลสาํานดักเคงาลน่ือคนณอะีกกเรชร่นมกกาันรกนฤอษกฎจกี าากนั้นในการจสดาํ บนันักทงาึกนคคําณระ้อกงรทรมุกกขา์ รกฤษฎีกา
การชันสูตรพลิกศสพาํ นกกั างารนไตค่สณวะนกมรรูลมฟก้อารงกแฤลษะฎกกี าารพิจารณาคดสีทําน่ีเกักี่งยาวนกคับณเดะก็กรกร็อมากจารจกะฤเกษิดฎผกี ลา ในลักษณะ
ทํานองเดียวกันได้ ฉะน้ัน สมควรแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในเรื่องดังกล่าวให้มี
สํานักกงรานะบคณวนะกกรารรมถกาามรปกฤาษกฎคีกําแา ละสืบพยานสสําํานหกั รงับานเดค็กณเะปก็นรรพมิเกศาษรกเฤพษ่ือฎใหกี า้เหมาะสมยิ่งขสึ้นําแนลักะงาสนอคดณคะลก้อรรงมกกับารกฤษฎกี า
มาตรฐานตามข้อ ๑๒ แห่งอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ค.ศ. ๑๙๘๙ และบทบัญญัติในมาตรา ๔ และ
มาตรา ๕๓ วรรคสหาํ นนักึ่งงขานอคงรณัฐะธกรรรรมมนกาูญรกแฤหษ่งฎราีกชาอาณาจักรไทสยํานแกั ลงะานโดคยณทะก่ีเปรร็นมกกาารรสกมฤคษวฎรกี ปารับปรุงเหตุ
และวิธีการเก่ียวกับการสืบพยานไว้ก่อนการฟ้องคดีต่อศาล และสมควรให้นําวิธีสืบพยานสําหรับเด็ก
สาํ นักองาายนไุคมณเ่ กะกนิ รสรบิมแกปารดกปฤีใษนฎชกี ั้นาศาลไปใชก้ ับสกําานรกัสงบื านพคยณานะกไวรร้กม่อกนากรการฤฟษฎ้องกี คาดีต่อศาลด้วยสาํ นจักึงจงาํานเปค็นณตะก้อรงรตมรกาารกฤษฎกี า
พระราชบัญญตั ินี้สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพม่ิ เติมประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ๒๑) พ.ศ. ๒๕๔๒๑๙๕
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมําานตกั รงาาน๒คณพะกรระรรมากชาบรัญกฤญษัตฎินีกี้ใาห้ใช้บังคับเมสื่อําพน้นกั กงาํานหคนณดะหกนรรึ่งมรก้อายรแกปฤดษสฎิบกี าวันนับแต่วัน
ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ต้นไป
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๖ บรรดาบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซ่ึงแก้ไข
เพิ่มเติมโดยพระรสาําชนบกั งัญานญคัตณินะ้ีไกมร่ใรชม้บกังาครกับฤแษกฎ่กกี าารชันสูตรพลิกสศํานพักแงลานะกคณาระไกตร่สรมวนกาสรํากหฤรษับฎกกี าารตายท่ีได้มี
การแจ้งต่อเจ้าพนักงานไว้แล้วก่อนวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและให้ใช้กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ใน
สาํ นกั วงันานทคีไ่ ดณ้แะจก้งรตรมอ่ กเจา้ารพกฤนษกั ฎงกีานา ไปบงั คบั แก่กสาํารนชกั นังาสนูตครณพะลกกิ รศรมพกแาลระกกฤาษรฎไตกี าส่ วนจนกว่าศาสลาํ จนะักมงีคานาํ คสณ่งั ถะงึกทร่สีรมุดการกฤษฎกี า
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๙๔ ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๑๑๖/ตอนท่ี ๘๑ ก/หนา้ ๓๐/๑๔ กันยายน ๒๕๔๒
สาํ นักงานคณะกรรมการก๑๙ฤ๕ษฎรากี ชากิจจานเุ บกษา สเลําม่นกั ๑ง๑าน๖ค/ตณอะนกทร่ีร๑ม๓ก๗ารกก/ฤหษนฎา้ กี ๑า๗/๓๐ ธันวาคมสาํ๒น๕ัก๔ง๒านคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๙๘ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๗ ภายในห้าสปํานีนกั ับงาแนตค่วณันะทกี่พรรรมะกราารชกบฤัญษฎญีกัตาิน้ีใช้บังคับ ในสํากนรักณงาีทนี่ตค้อณงะชกันรรสมูตกรารกฤษฎีกา
พลิกศพตามมาตรา ๑๔๘ (๓) และ(๔) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ถ้าแพทย์ตาม
มาตรา ๑๕๐ วรสํารนคักหงานนึ่งคณแหะก่งรปรมรกะามรวกลฤษกฎฎกี หามายวิธีพิจาสรําณนักางคาวนาคมณอะการญรมากซาร่ึงกแฤกษ้ไฎขีกเาพ่ิมเติมโดย
พระราชบัญญัตินี้ มีเหตุจําเป็นไม่สามารถไปตรวจชันสูตรพลิกศพในท่ีเกิดเหตุได้ แพทย์ดังกล่าวอาจ
สาํ นกั มงอานบคหณมะากยรใรหมเ้ กจาา้ รหกนฤา้ษทฎ่ขีีกอางโรงพยาบาลสําหนรกั ืองาเจนา้คหณนะา้กทรรีใ่ มนกสางั รกกดั ฤสษําฎนีกกั างานสาธารณสสําุขนจักังงหาวนัดคทณี่ผะ่ากนรรกมากรารกฤษฎีกา
อทบรารบมโทดายงเนริต็วิเวเพชสศื่อําาดนสําักตเงนรา์ิไนนปคกรณา่วระมตกตรารรมมวมจกาชาตรันกรสฤาูตษ๑รฎพ๕กี ลา๐ิกศวรพรใคนหทนี่เกึ่งิดสแเําหหนตกั่งุใปงนารนเะบคมณื้อวงะลตกก้นรรฎมแหกลมา้วรารกยีบฤวรษิธาฎีพยกีิจงาาานรณใหา้แคพวทามย์
สํานกั องาาญนคาณซะง่ึ กแรกรมไ้ ขกเาพริ่มกฤเตษิมฎโีกดายพระราชบัญสญํานัตกั นิ งี้าตนอ่ คไณปะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
ความในวรรคหนึ่ง มิให้ใช้บังคับแก่การปฏิบัติหน้าท่ีของแพทย์ประจําโรงพยาบาล
ของเอกชนหรอื แพสําทนยัก์ผงาปู้ นรคะณกะอกบรวรชิมากชารพี กเฤวชษกฎรกี รามทขี่ ้ึนทะเบยี สนํานเปักน็งาแนพคทณยะ์อการสรมากสามรคั กรฤษฎกี า
ให้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามวรรคหนึ่งได้รับค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ
สาํ นกั คง่าานพคาณหะนกะรเรดมินกทารากงฤแษลฎะกี คา ่าเช่าที่พัก ตสาํามนรักะงเาบนียคบณทะก่ีกรรระมทกรารวกงฤยษุตฎิธกีรารมกําหนดโดยสคาํ นวักางมาเนหค็นณชะอกบรรขมอกงารกฤษฎกี า
กระทรวงการคลัง สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๘ ให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการ
สาํ นักกงรานะคทณรวะกงมรรหมากดารไทกฤยษรฎัฐีกมานตรีว่าการกสรํานะักทงราวนงคยณุตะิธกรรรรมมกราัฐรกมฤนษตฎรกี ีวา่าการกระทรวสงํานสักางธาานรคณณสะุขกรแรมลกะารกฤษฎกี า
รฐั มนตรวี า่ การทบสําวนงักมงหาานวคทิ ณยะากลรยัรมรกกั าษรกาฤกษาฎรตีกาามพระราชบัญสญํานตั กั ินงาี้ นคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นักหงมานาคยณเหะตกุร:ร-มเกหาตรุกผฤลษในฎกกี าารประกาศใชส้พํารนะักรงาานชคบณัญะญกรัตริฉมบกับารนก้ี ฤคษือฎเีกนาื่องจากในทางสปาํ นฏักิบงัตานิ กคาณระชกันรรสมูตกรารกฤษฎีกา
พลิกศพมักกระทําโดยพนักงานสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขประจําท้องท่ีหรือ
แพทย์ประจําตําสบาํ ลนแักงทานนคแณพะทกยร์รซมึ่งกอารากจฤทษําฎใีกหา้ระบบการตสรําวนจักสงอานบคพณยะากนรรหมลกัการฐกาฤนษทฎาีกงานิติเวชไม่มี
ประสทิ ธิภาพเพยี งพอ และอาจกอ่ ใหเ้ กิดความผดิ พลาดในการวินิจฉัยถึงสาเหตุและพฤติการณ์ที่ทําให้
สาํ นักเงกาิดนกคาณระตการยรนมก้ันารอกีกฤทษ้ังฎกกี าารชันสูตรพลิกสศํานพกั ใงนากนรคณณีทะก่ีครวรามมกตารากยฤเกษิดฎขีกา้ึนโดยการกระสทาํ ํานขักองางนเจค้าณพะนกักรรงมากนารกฤษฎกี า
ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าท่ีหรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซ่ึงอ้างว่า
ปฏิบัติราชการตาสมาํ หนกันง้าาทนี่คยณังะขการดรกมากราตรกรฤวษจฎสกีอาบและถ่วงดุลสกําันนขักองางนผคู้รณ่วมะกทรํารกมากราชรันกฤสษูตฎรกีพาลิกศพอย่าง
แท้จริง นอกจากนี้ วิธีการในการชันสูตรพลิกศพและการไต่สวนการตายของบุคคลยังเป็นไปอย่าง
สาํ นกั ลง่าานชค้าแณละกะรมริไมดก้คาุ้มรกคฤรษอฎงีกสาิทธิของผู้ท่ีเก่ียสําวนขัก้องงาเนปค็นณญะการตริขมอกงาผรกู้ตฤาษยฎอกี ยา่างเพียงพอ ฉสาํะนนัก้ันงาสนมคณควะรกแรรกม้ไกขารกฤษฎกี า
ประมวลกฎหมายสําวนิธักีพงิจานารคณณาะกครวรามมกอาารกญฤาษใฎนีกเราื่องดังกล่าว โสดํานยกักงําาหนนคดณตะักวรบรุคมคกลารผกู้รฤ่วษมฎทกี ําาการชันสูตร
พลิกศพเสียใหม่ กล่าวคือ ให้พนกั งานสอบสวนทําการชันสูตรพลิกศพร่วมกับแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์
สาํ นักแงพานทคยณ์ปะรกะรจราํมโกรางรพกยฤาษบฎากี ลา และแพทย์ปสรําะนจกั ํางสานําคนณักะงกานรรสมากธาารรกณฤษสฎุขกีจาังหวัด ตามลําสดําับนักแงลาะนใคหณ้พะนกักรรงมากนารกฤษฎกี า
อยั การและพนักงานฝ่ายปกครองเขา้ รว่ มทาํ การชนั สตู รพลิกศพดว้ ยในกรณีทคี่ วามตายเกิดขึ้นโดยการ
กระทําของเจ้าพนสักํานงกัางนาซน่ึงคอณ้าะงกวร่ารปมฏกิบารัตกิรฤาษชฎกีกาารตามหน้าที่หสรําือนตักางยานในคณระะหกรวร่ามงอกายรู่ใกนฤคษวฎากี มาควบคุมของ
เจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าท่ี รวมทั้งปรับปรุงวิธีการในการชันสูตรพลิกศพและการ
สํานกั ไงตา่สนวคนณกะากรรตรมากยาโรดกยฤศษาฎลกี าเพื่อให้เป็นไปสดํา้วนยกั คงวานาคมณรวะดกรเรร็วมกราอรบกฤคษอฎบีกามีประสิทธิภาพสาํ นแักลงะาคนุ้มคคณระอกงรสรมิทกธาิ รกฤษฎกี า
ของผู้ท่ีเกี่ยวข้องเป็นญาติของผู้ตายมากยิ่งข้ึน และโดยที่เป็นการสมควรกําหนดลักษณะความผิดข้ึน
ใหม่ท่ีทําให้การชสันาํ นสักูตงรานพคลณิกะศกพรรหมรกือารผกลฤทษาฎงีกคาดีเปลี่ยนแปสลํางนไักปงาอนีกคทณั้งะสกมรรคมวกราแรกกฤ้ไษขฎอีกัตาราโทษตาม
สาํ นักบงทานบคัญณญะกตั รทิ ร่ีเมกก่ียาวรขก้อฤษงเฎพกี อื่ าใหม้ อี ตั ราโทษสําสนอักดงคานลค้อณงกะันกรรจมึงกจาํารเกปฤน็ ษตฎอ้ ีกงาตราพระราชบสญัํานญักัตงาินน้ี คณะกรรมการกฤษฎกี า
- ๙๙ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักพงรานะรคาณชะบกัญรรญมตักาแิ รกกไ้ ฤขษเพฎมิ่ีกเาตมิ ประมวลกสฎําหนมักางยานวคิธีพณิจะการรณรมากคาวรากมฤอษาฎญีกาา (ฉบบั ที่ ๒๒)สพําน.ศัก.ง๒าน๕ค๔ณ๗ะ๑ก๙ร๖รมการกฤษฎีกา
สมําานตกั รงาาน๒คณะพกรระรมรกาชารบกัญฤษญฎัตีกินา ้ีให้ใช้บังคับตสํา้ังนแกั ตง่วาันนคถณัดะจการกรวมันกปารรกะฤกษาฎศีกใานราชกิจจา
นุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่บทบัญญัติมาตรา ๑๓๔/๑ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
สาํ นักคงวานาคมณอาะกญรารมซกึ่งาแรกกฤ้ไษขฎเพีกิ่มา เติมโดยพระสรําานชักบงาัญนคญณัตะินกี้รใรหม้ใกชา้บรกังฤคษับฎเกีมาื่อพ้นกําหนดหสํานนึ่งักรง้อานยคแณปะดกสริบรมวกันารกฤษฎกี า
นับแต่วันถัดจากวสันาํ นปักรงะากนาคศณในะกรรารชมกกิจาจรกานฤษุเบฎกกี ษา าเป็นต้นไป สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎราีกา๔๖ ในระหวส่าํางนทกั ีย่ งงัาไนมค่มณรี ะะกเรบรยี มบกคารณกะฤกษรฎรกี มาการบรหิ ารศาสลํานยักตุ งิธารนรคมณทะี่กกํารหรมนกดารกฤษฎีกา
เก่ยี วกบั การใหศ้ าลจ่ายเงินรางวัลและคา่ ใชจ้ ่ายแกท่ นายความท่ศี าลต้งั ตามมาตรา ๑๗๓ แห่งประมวล
กฎหมายวิธีพิจาสรําณนากั คงาวนาคมณอะากญรรามซกาึ่งรแกกฤ้ไษขฎเกีพา่ิมเติมโดยพรสะํารนากั ชงบานัญคญณัตะกินรี้ รใมหก้นาํารกรฤะษเบฎียีกบา ซ่ึงกําหนด
เกี่ยวกับเรื่องน้ีท่ีใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติน้ีประกาศในราชกิจจานุเบกษามาใช้บังคับ ท้ังนี้
สาํ นักตง้อานงดคณําเะนกินรรกมากราอรอกกฤรษะฎเีกบาียบคณะกรรมสกํานาักรงบารนิหคาณระศการลรมยกุตาิธรรกรฤมษดฎังกี กาล่าวให้แล้วเสสรํา็จนภักางยานในคณเกะ้ากสริบรมวกันารกฤษฎกี า
นับแต่วันทพ่ี ระราชบญั ญัติน้มี ีผลใชบ้ ังคับ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๔๗ ให้ประธานศาลฎีกาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รักษาการ
สํานักตงาามนคพณระะรการชรมบกญั ารญกัตฤนิษี้ฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
สาํ นักไงดา้บนัญคณญะัตกิรรับรมรกอางรแกลฤะษคฎุ้มีกคารองสิทธิของสผําู้ถนูกักจงาับนคผณู้ต้อะกงรหรามกแาลระกจฤําษเฎลีกยาในคดีอาญาไวส้หําลนาักยงาปนรคะณกะากรรอรมากทาิ รกฤษฎกี า
เช่น การจับกุมหรือคุมขังบุคคลและการค้นในท่ีรโหฐานจะกระทํามิได้ เว้นแต่มีคําสั่งหรือหมายของ
ศาล หรือมีเหตุจสําาํ เนปัก็นงาอน่ืนคณๆะตกรารมมทก่ีการฎกหฤมษฎายีกาบัญญัติ และผสํู้าตน้อักงงหานาคแณละะกจรํารเมลกยายร่กอฤมษมฎีสีกิทาธิได้รับการ
สอบสวนหรือการพิจารณาคดีด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรม รวมทั้งมีสิทธิได้รับ
สํานกั คงวานาคมณช่ะวกยรเรหมลกือารจกาฤกษรฎัฐกีดา้วยการจัดหาสทํานนากั ยงาคนวคาณมะใกหร้ รสมมกคาวรกรฤทษี่จฎะีกไดา ้แก้ไขเพิ่มเตสิมําปนรักะงมานวคลณกะฎกหรมรมากยารกฤษฎกี า
วิธีพิจารณาความอาญาให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว จึงจําเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตนิ สี้ ํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักพงรานะคราณชะบกญัรรญมกัตาใิ รหกใ้ ฤชษป้ ฎรีกะามวลกฎหมายสวําิธนพี ักิจงาานรณคณาคะกวรารมมอกาาญรกาฤ(ษฉฎบกี ับาที่ ๒) พ.ศ. ๒๕สาํ ๔น๘ัก๑งา๙น๗คณะกรรมการกฤษฎีกา
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา
สํานกั นงเุาบนกคษณาะเกปรน็รมตก้นาไรปกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมําานตกั รงาาน๔คณะบกรรรรดมากการฎกกฤรษะฎทกี ราวงซึ่งออกตาสมํานคกัวงาามนใคนณพะรกะรรรามชกบารัญกฤญษัตฎิใีกหา้ใช้ประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช ๒๔๗๗ ท่ีใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ
สาํ นกั ใงหา้นยคังณคงะใกชรร้บมังกคาับรกไฤดษ้ตฎ่อีกไาปโดยอนุโลมสเําพนียกั งงาเนทค่าณทะี่ไกมร่ขรัดมกหารรือกฤแษยฎ้งีกกาับพระราชบัญสําญนัตักิงใาหน้ใคชณ้ปะรกะรมรมวกลารกฤษฎีกา
สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๑๙๖ ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพเิ ศษ ๗๙ ก/หนา้ ๑/๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๗
สาํ นักงานคณะกรรมการก๑๙ฤ๗ษฎราีกชากจิ จานเุ บกษา สเลํา่มนัก๑ง๒าน๒ค/ตณอะนกทร่ีร๖มกก/าหรกนฤา้ ษ๑ฎ๔กี /า๑๘ มกราคม ๒ส๕าํ๔น๘ักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- ๑๐๐ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา
-
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช ๒๔๗๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติน้ี จนกว่า
สํานกั จงะานมคีกณาระอกอรรกมขกอ้ าบรกังคฤษับฎหกีราือกฎกระทรวงสขํานึน้ ักใหงามนใ่ คชณบ้ ะังกครบั รแมทกานรกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สมาํ านตกั รงาาน๕คณใะหก้รปรรมะกธาารนกฤศษาลฎฎกี าีกา นายกรัฐมสนํานตักรีงรานัฐมคณนตะกรรีวร่ามกกาารรกกรฤะษทฎรกี วางมหาดไทย
และรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยตุ ธิ รรม รกั ษาการตามพระราชบัญญตั นิ ้ี
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
รหามชาอยาเณหาตจุ ั:กร- ไเทหสยําตนุผมักลางาตในนรคากณา๒ะรก๗ปร๕รรมะกกกําาารหศกนฤใดชษใ้พฎหกีร้สาะํารนาักชงบาัญนศญาัตลสิฉยํานบุตักัิธบงรนารนี้ มคคเณือปะ็นกเหนรร่ืนอม่วงกดยา้รงวกายฤนรษอัฐฎิสธกี รราะรขมึ้นนตูญรแงตห่อ่ง
สาํ นกั ปงรานะคธาณนะศการลรมฎกีกาารกแฤลษะฎโกีดายที่พระราชบสัญําญนักัตงิปานรับคณประกุงกรรรมะกทารรวกงฤษทฎบกี วาง กรม พ.ศ. ๒ส๕าํ น๔ัก๕งานไดค้กณําะหกนรรดมใกหา้ รกฤษฎีกา
สํานักงานอยั การสงู สุดเปน็ สว่ นราชการทอี่ ย่ใู นบังคับบัญชาของรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยุติธรรม และ
สํานักงานตํารวจแสหํานง่ กัชงาาตนเิ คปณ็นะสก่วรนรรมากชากรกาฤรทษฎ่ีอกียา่ใู นบงั คบั บัญชสาําขนอักงงนานายคกณระัฐกมรรนมตกราี รกดฤังษนฎั้นกี สามควรแก้ไข
เพ่ิมเติมพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช ๒๔๗๗ โดยกําหนด
สาํ นกั เงพาิ่มนเคตณิมะใกหร้ปรรมะกธาารนกฤศษาฎลีกฎาีกาและนายกรสฐัํานมกันงตารนีรคักณษะากกรารรมใกนาสรก่วฤนษทฎีเ่ กีกีย่าวกบั อํานาจหสนํานา้ ทักงข่ี าอนงคตณนะกเพรร่ือมใกหา้ รกฤษฎีกา
สอดคลอ้ งกับสภาพการณด์ งั กลา่ ว จึงจําเปน็ ต้องตราพระราชบญั ญัตินี้
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พระราชบัญญัตแิ ก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๓) พ.ศ. ๒๕๔๘๑๙๘
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สมาํ านตกั รงาาน๒คณะพกรระรมรกาชารบกัญฤษญฎัตกี ินา ี้ให้ใช้บังคับตสําั้งนแกั ตง่วาันนคถณัดะจการกรวมันกปารรกะฤกษาฎศีกใานราชกิจจา
นุเบกษาเป็นต้นไป
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
มาตรา ๕ บรรดาเร่ืองราวการขอรับพระราชทานอภัยโทษใด ๆ ท่ีได้ส่งไปยัง
รัฐมนตรีว่าการสกาํ รนะักทงารนวคงณมะหกรารดมไกทารยกกฤ่อษนฎกีวาันท่ีพระราชสบําัญนกัญงัาตนินค้ีใณชะ้บกัรงรคมับกแารลกะฤรษัฐฎมีกานตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทยยังมิได้ถวายเร่ืองราวต่อพระมหากษัตริย์ ให้โอนมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
สํานกั ยงุตานธิ ครรณมะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
การถวายเรื่องราว การถวายความเห็น หรือการถวายคําแนะนําขอให้พระราชทาน
อภยั โทษท่ีรฐั มนตสรําีวน่ากั กงาานรกครณะะทกรรรวมงมกาหรากดฤไษทฎยกี ไาด้กระทําไปก่อสนํานวักันงทานี่พครณะระากชรรบมัญกญารัตกินฤษี้ใชฎ้บีกังาคับให้ถือว่า
เป็นการถวายเรื่องราว การถวายความเห็น หรือการถวายคําแนะนําขอให้พระราชทานอภัยโทษโดย
สํานักรงัฐามนนคณตระกีวร่ารกมากรากรรกะฤทษรฎวกี งายุติธรรมตามสปํารนะักมงาวนลคกณฎะหกมรรามยกวาิธรีพกิจฤาษรฎณกี าาความอาญาซส่ึงาํ นแักกง้ไาขนเพคณิ่มะเตกิมรรโมดกยารกฤษฎกี า
พระราชบญั ญตั ินส้ี าํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกีาา๖ ให้รัฐมนสตํารนีวัก่างากนาครณกะรกะรทรมรวกางรมกหฤาษดฎไีกทายและรัฐมนตสํารนีวัก่างกาานรคกณระะกทรรรมวกงารกฤษฎีกา
ยตุ ธิ รรมรกั ษาการตามพระราชบัญญตั นิ ี้
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยท่ีพระราชบัญญัติปรับปรุง
สาํ นักกงรานะทคณรวะงกรทรบมกวงารกกรฤมษฎพีก.าศ. ๒๕๔๕ กําสหํานนกัดงใาหน้โคอณนะกกรรมรรมากชาทรกัณฤฑษฎ์ ซกี ่ึงามีภารกิจและสอําํานนักางจาหนคนณ้าทะกี่ในรรกมากรารกฤษฎกี า
ดําเนินการเก่ียวกับการขอพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องขังในคดีอาญาไปสังกัดกระทรวงยุติธรรม
สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
สํานักงานคณะกรรมการก๑๙ฤ๘ษฎราีกชากิจจานุเบกษา สเลําม่นัก๑ง๒าน๒ค/ตณอะนกทร่ีร๑ม๔กากร/กหฤนษ้าฎ๓กี ๐า/๘ กุมภาพนั ธ์ ส๒ํา๕น๔ัก๘งานคณะกรรมการกฤษฎกี า