The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2563 การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบำบัดยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น PARTICIPATION IN CIVIC POLITICAL ACTIVITIES AFFECTING DRUG TREATMENT ACTIVITIES OF PHUTTAKASEM TEMPLE, NAM PHONG DISTRICT, KHON KAEN PROVINCE พระจักรกฤษ จนฺทโชโต (จันทรโชติ)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบำบัดยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น PARTICIPATION IN CIVIC POLITICAL ACTIVITIES AFFECTING DRUG TREATMENT ACTIVITIES OF PHUTTAKASEM TEMPLE, NAM PHONG DISTRICT, KHON KAEN PROVINC

2563 การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบำบัดยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น PARTICIPATION IN CIVIC POLITICAL ACTIVITIES AFFECTING DRUG TREATMENT ACTIVITIES OF PHUTTAKASEM TEMPLE, NAM PHONG DISTRICT, KHON KAEN PROVINCE พระจักรกฤษ จนฺทโชโต (จันทรโชติ)

Keywords: 2563,การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบำบัดยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น PARTICIPATION IN CIVIC POLITICAL ACTIVITIES AFFECTING DRUG TREATMENT ACTIVITIES OF PHUTTAKASEM TEMPLE, NAM PHONG DISTRICT, KHON KAEN PROVINCE,พระจักรกฤษ จนฺทโชโต (จันทรโชติ)

๓๗

๑. การเลือกต้ัง (Voting) การเลือกต้ังเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่เห็นเด่นชัดท่ีสุด
สามารถท่ีจะแสดงให้เห็นถึงแรงสนบั สนุนจากประชาชนหรือกดดันใหร้ ัฐบาลปรับนโยบายเพ่ือให้ได้รับ
การสนับสนุนอีกคร้ังแต่ระหว่างประชาชนและผู้นําจะมีการส่ือสารกันน้อยมากการ แสดงออกของ
ประชาชนว่าพึงพอใจตอผู้สมัครคนใดนั้นจึงไม่ปรากฏชัดเจนซึ่งความนิยมของ ประชาชนและแรง
กดดันท่ีมีต่อผู้สมัคร จะเป็นผลทําให้ผู้สมัครแต่ละคนได้รับการคัดเลือกและจะเป็นเครื่องมือที่สําคัญ
ในการควบคมุ การทาํ งานของรัฐบาล

๒. การรณรงค์การเลือกตั้ง (Campaign activity) การรณรงค์การเลือกต้ังเป็นส่วน หนึ่ง
ในกระบวนการเลือกตั้ง ซ่งึ จะเปน็ การแสดงออกอย่างเดนชดั ของประชาชนวานยิ มหรอื ช่ืนชอบผสู้ มัคร
คนใดมากกวาคนอ่ืน ๆ และเป็นกิจกรรมที่มีความสลับซับซ้อนมากกวาการไปเลือกต้ังเพราะจะแสดง
ให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมในลักษณะของคามพึงพอใจ และจะทําให้ประชาชนได้ใกล้ชิดผู้สมัครรับ
เลือกตัง้ ไดม้ ากขึ้น

๓. การติดต่อในฐานะพลเมือง (Citizen – initiate contacts) ในการศึกษาการมีสวน ร่วม
ทางการเมือง โดยท่ัวไปมักจะมุ่งไปท่ีกิจกรรมในกระบวนการเลือกต้ังเทาน้ัน แต่หลังจาก เสร็จสิ้น
กจิ กรรมการเลือกต้ัง ก็จะพบว่าการมีส่วนร่วมทางการเมืองน้ันเราสามารถที่จะ พิจารณาได้จากกิจกรรม
บางอย่างที่แตกตา่ งออกไปจากกจิ กรรมในการเลือกตั้ง นั่นคอื การท่ีเข้าไปติดต่อกับหนว่ ยงานของรฐั โดย
นําเร่ืองราวต่าง ๆ ท่ีเห็นว่าน่าสนใจหรือควรปรับปรุงเข้าสู่วาระการประชุม ก็ถือเป็นการมีส่วนร่วม
ทางการเมือง ซง่ึ เรียกวา่ การตดิ ตอ่ ในฐานะพลเมือง โดยอาจจะแสดงออกในรปู แบบต่าง ๆ

๔. การเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มหรือองค์กร (Cooperative activity) เป็นกิจกรรมท่ี
ประชาชนเข้าไปรวมกันเป็นกลุ่ม หรือองค์กรเพ่ือแก้ไขปัญหาทางสังคมและทางการเมืองคล้าย กับ
การติดต่อในฐานะพลเมืองแต่จะแตกต่างท่ีเป็นการรวบรวมกลุ่มโดยกลุ่มอาจเริ่มจากคน เพียงไม่ก่ีคน
แต่ภายหลงั กจ็ ะมีคนอ่ืน ๆ ทเ่ี ห็นดว้ ยเขา้ มาร่วมกลุ่ม ท้ังน้ีอาจจะเนือ่ งมาจากการตระหนกั ถงึ ท่ีเกดิ ข้ึน
ลักษณะดําเนินงานของกลุ่มอาจจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการก็ได้ กิจกรรมการรวมกลุ่มถือเป็น
กิจกรรมทางการเมืองท่ีเห็นได้ชัดเจน จะมีพลังและมีผลมากกว่าการที่บุคคลเพียงคนเดียวท่ีจะเข้าไป
ติดต่อ ซึ่งสามารถที่จะแสดงความต้องการหรือความพึงพอใจของประชาชน ที่มีอิทธิพลต่อรัฐได้มาก
ย่ิงขนึ้

๕. การเข้ามีส่วนร่วมในบทบาทของผู้สื่อข่าวทางการเมือง (Communicator) หมายถึง
การติดตามข่าวสารทางการเมืองอยู่เสมอการส่งข่าวสารแสดงการสนับสนุนให้แก่ผู้นําทางการเมือง
เม่ือเขากระทําในส่ิงที่ถูกต้อง หรือส่งคําคัดค้านเม่ือเขากระทําในส่ิงที่เลวร้าย การร่วมถกปัญหาทาง
การเมืองการให้ข้อมูล ความรู้เก่ียวกับการเมืองแก่เพื่อนในชุมชน การให้ความสนใจกับทางราชการ
และการเขียนจดหมายหรือบทความถึงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ผู้ที่เข้ามา มีส่วนร่วมทางการเมืองใน
รูปแบบนี้มักเป็นพวกท่ีมีการศึกษาสูงมีข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองมากและมีความสนใจทางการเมืองมาก
ด้วย

๖. การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยผานกลุ่มผลประโยชนกลุ่มผลประโยชน์ (Interest
Group) หมายถึงกลุ่มใด ๆ ซึ่งต้องการประโยชน์เฉพาะอย่างประสงค์ท่ีจะรักษาผลประโยชน์ ของตน
ไว้หรือต้องการท่ีจะขยายผลประโยชน์ที่มีอยู่แล้วให้กว้างขวางต้องการที่จะหาหลักประกันให้กับ
ผลประโยชนข์ องตน หรือ ประสงค์ใหม้ กี ารสนับสนนุ เพิ่มพนู ผลประโยชนข์ องตนให้มากข้นึ

๓๘

๗. การแสดงประชามติ (Referendum) เป็นการให้ประชาชนเข้าร่วมในการพิจารณา
และตัดสินท่จี ะรบั หรือไม่รับกฎหมายทจ่ี ะออกมามีผลบังคับใช้แก่ตน โดยท่กี ฎหมายเหล่าน้ัน ผา่ นการ
พิจารณาของสภาในข้ันตนมาแล้ว ประชามติอาจจะมีท้ังแบบบังคับให้ประชาชนต้อง แสดงประชามติ
และไมบ่ งั คบั ตองแสดงประชามตกิ ไ็ ด้ขนึ้ อยู่กับความจําเปน็ วา่ มากน้อยเพียงใด

๘. การริเร่ิมเสนอกฎหมาย (Initiative) ได้แก่การชุมนุมของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อทําคํา
ร้องเสนอกฎหมาย และลงมติในบัตรเลือกต้ัง โดยมีวัตถุประสงค์ก็เพ่ือให้ประชาชนได้ผ่าน กฎหมาย
บางอย่างโดยไมต่ ้องฟังความคดิ เห็นของสภา

๙. การเลือกออก (Recall) หมายถึงการให้อํานาจประชาชนในการถอดถอนเจ้าหน้าท่ี
ฝ่ายบริหาร หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อเห็นว่าผู้น้ันไม่สามารถตอบสนองความต้องการของ
ประชาชนหรอื ปฏิบัตติ นไม่สมควร

๑๐. การร่วมแสดงความคิดเห็นและร่วมตัดสินใจ (Plebiscite) เป็นการเปิดโอกาสให้
ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นและร่วมตัดสินในปัญหาที่สําคัญเมื่อรัฐบาลไม่สามารถตัดสิน
ปญั หานั้นได้

๒.๒.๗ ปจั จยั ท่มี อี ิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง

พฤติกรรมเก่ียวกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นปรากฏการณ์ท่ีสลับซับซ้อนขึ้นอยู่ กับ
ปัจจัยหลายๆ อย่างโดยท่ีน้ําหนักหรือความสําคัญของปัจจัยแต่ละชนิดก็มากน้อยต่างกัน ซึ่งในการ
อธิบายเก่ียวกบั ลักษณะการเข้าร่วมหรือไม่เข้ารว่ มทางการเมอื งนัน้ ได้ใช้ปจั จัยในการอธิบาย ๓ ปจั จัย
คือ ๓๑

๑. ปัจจัยด้านส่ิงแวดล้อมทางสังคม ส่ิงแวดล้อมทางสังคมก็มีอาทิ ระดับการศึกษา อาชีพ
รายได้ เชื้อชาติ ศาสนา เพศ ระยะเวลาที่อาศัย และการเปลี่ยนแปลงชนช้ันทางสังคม กล่าวโดยท่ัวไป
บุคคลที่อยู่ในกลุ่มต่อไปน้ีมีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมทางการเมืองสูงกว่า คือ ผู้ท่ีมี ระดับการศึกษาสูง ผู้ท่ีมี
อาชีพที่ดีและรายได้สูง ผู้ที่อยู่ในวัยกลางคนหรืออายุ ๓๕-๕๕ ปีเมื่อ เทียบกับผู้มีอายุตํ่ากว่า ๓๕ ปี ผู้
ที่ต้ังหลักฐานเป็นหลักแหล่งเมื่อเทียบกับผู้เพ่ิงย้ายถ่ินมา ผู้ท่ีอยู่ ในเขตเมือง ผู้ท่ีเป็นสมาชิกของสังคม
ด้วยความสมัครใจ เพศชายเทียบกับเพศหญิงผู้ที่แต่งงาน เม่ือเทียบกับคนโสด อย่างไรก็ดีความสัมพันธ์
ระหว่างการเข้าร่วมทางการเมอื งโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในรปู ของการเลือกตั้ง มีความสัมพันธ์กับตวั แปรส่ิง
ต่าง ๆ ท่ีกล่าวมาแล้วในระดับต่ําและไม่ คงท่ีเสมอไป ท้ังน้ีข้ึนอยู่กับว่าการเข้าร่วมทางการเมืองอยู่
ภายใต้สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม และการเมือง เช่น ในสหรัฐอเมริการะดับการศึกษาและฐานะทาง
เศรษฐกิจกับการเข้ามีส่วน ร่วมทางการเมืองมีความสัมพันธ์สูงในขณะท่ีประเทศนอเวย์อยู่ในระดับต่ํา
มาก ในสหรัฐอเมริกา ผู้ท่ีอยู่ในเขตเมืองมักจะเข้าร่วมทางการเมืองในรูปการเลือกตั้งมากกว่าผู้ที่อยู่ใน
เขตชนบท

๓๑ สุพรรณี สายแก้ว, “การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในเขตเทศบาลตําบลเลา ขวัญ
อําเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี, วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการเมืองการปกครอง, (บัณฑิต
วิทยาลยั : มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, ๒๕๔๘).

๓๙

๒. ปัจจัยด้านจิตวิทยา พิจารณาในแง่ของจิตวิทยาแล้ว การเข้ามีส่วนร่วมทางการเมือง
จะยังคงมีอยู่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้าร่วมทางการเมืองน้ันให้ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนแก่ ผู้เข้าร่วม
อย่างไรบ้าง นักวิชาการท้ังหลายมักให้เหตุผลว่าการที่บุคคลเข้าร่วมทางการเมืองก็เพ่ือตอบสนอง
ความต้องการต่าง ๆ อาทิ ความต้องการมีอํานาจ ต้องการแข่งขัน ต้องการ ความสําเร็จ ต้องการไป
สัมพันธ์กับผู้อื่น ต้องการเงินทอง ศักด์ิศรี ต้องการสถานภาพที่สูงขึ้น ต้องการการยอมรับจากสังคม
เหลา่ น้เี ป็นตน้

๓. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมทางการเมือง ส่ิงแวดล้อมทางการเมืองมีความเกี่ยวข้อง สัมพันธ์
กับการเข้าร่วมทางการเมืองซ่ึงมักจะถูกนํามากล่าวอ้างอยู่เสมอ เช่น ในกรณีของ ประเทศสหรัฐอเมริกา
มักจะพูดกันเสมอๆ ว่าการที่บุคคลบางพวกบางกลุ่มไม่เข้าร่วมทาง การเมืองก็เพราะว่าระบบการเมือง
ของอเมริกามีลักษณะสลับซบั ซ้อนมากเกินไป การเลือกต้งั จงึ มีบอ่ ยเกินไป จาํ นวนตําแหนง่ ทตี่ ้องเลือกมี
มากตาํ แหน่งเกนิ ไปแมแ้ ตต่ วั บตั รเลอื กตั้งเองกม็ ี ความยาวเกนิ พอดไี ปเหลา่ น้ีเปน็ ตน้

สรปุ แนวคิดเกย่ี วกบั ความสาํ คญั ของการมีสว่ นร่วมทางการเมือง

นกั วชิ าการ สรปุ

สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, เรืองวิทย์ กิจกรรมการมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นการที่

เกษสุวรรณ, วสันต์ สวุ รรณ, สพุ รรณี สายแก้ว, กลุ่มประชาชนหรือขบวนการ ท่ีสมาชิกของ

ชุมชนที่กระทําการออกมาในลักษณะของการ

ทํางานร่วมกนั ท่ีจะแสดงให้เห็นถงึ ความตอ้ งการ

ร่วม ความสนใจร่วม มีความต้องการที่จะบรรลุ

ถึงเป้าหมายร่วมทางเศรษฐกิจและสังคมหรือ

การเมืองหรือการดําเนินการร่วมกันเพื่อให้เกิด

อิทธิพลต่อรองอํานาจมติชนไม่ว่าจะเป็นทางตรง

หรือทางอ้อม หรือการดําเนินการเพื่อให้เกิด

อิทธิพลต่อรองอํานาจทางการ เมือง เศรษฐกิจ

การปรับปรงุ สถานภาพทางสงั คมในกลุ่มชุมชน

๒.๓ แนวคิดเก่ียวกับการบําบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติด โดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง
(Community Based Treatment and care)

การบําบัดฟ้ืนฟูผู้ใช้ยาเสพติด โดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง เป็นการดูแลผู้ใช้ยาเสพติดให้
เกิดการบําบัดฟ้ืนฟูใกล้บ้านหรือภายในชุมชนอย่างต่อเนื่อง ต้ังแต่การค้นหา คัดกรอง บําบัดฟ้ืนฟู
การลดอันตรายจากยาเสพติด และการติดตามดูแลช่วยเหลือทางสังคม รวมถึงประสานการทํางาน
ร่วมกันของหนว่ ยงานดา้ นสขุ ภาพและสงั คม และคนื คนดีสูส่ ังคม๓๒

๓๒ ศูนย์อํานวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข, แนวทางการบําบัดฟื้นฟู
ผู้ใชย้ าเสพติด โดยใชช้ ุมชนเปน็ ศนู ยก์ ลาง, (สมุทรสาคร: บรษิ ทั บอร์น ทู บี พับลชิ ชิ่ง จํากัด, ๒๕๖๑), หน้า ๑๑.

๔๐

๒.๓.๑ ลักษณะสําคัญของการบําบัดฟ้ืนฟูผู้ใช้ยาเสพติด โดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง
การบําบดั ฟื้นฟูผ้ใู ชย้ าเสพติด โดยใชช้ มุ ชนเปน็ ศนู ยก์ ลาง

มีลักษณะสําคัญ ดังน้ี
๑. ตง้ั อย่ใู นชุมชน
๒. มีการเสริมสร้างศักยภาพ การระดมทรัพยากรเน้นการมีส่วนร่วมในการจัดการโดย
ชมุ ชน
๓. ใช้วธิ กี ารทางชวี วิทยา จติ วิทยา และสงั คมสงเคราะห์
๔. เป็นศนู ย์กลางรักษาและฟนื้ ฟใู นรปู แบบผสมผสานแบบผปู้ ว่ ยนอก
๕. ให้การดูแลอย่างต่อเน่ืองตั้งแต่พบจนสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมและหยุดใช้ยาได้ใน
ท่สี ุด
๖. มีการสนับสนุนและส่งต่อระหว่างการบริการทางสังคมและสุขภาพท้ังในและนอก
ชมุ ชน

นอกจากนี้ ลักษณะสําคัญของการบริการท่ีดี คือ การบูรณาการการบําบัดฟื้นฟูเข้าสู่การ
บรกิ าร ทางสงั คม และสขุ ภาพในชมุ ชน ให้มีความยง่ั ยืน และใหช้ มุ ชนตรวจสอบได้

๒.๓.๒ กระบวนการหลักของการบาํ บัดฟน้ื ฟผู ูใ้ ช้ยาเสพติด โดยใช้ชมุ ชนเป็นศนู ย์กลาง

การบาํ บัดฟ้ืนฟูผู้ใช้ยาเสพติด โดยใชช้ ุมชนเปน็ ศนู ยก์ ลาง มกี ระบวนการหลกั ในการบําบัด
ฟื้นฟู เพื่อเพ่ิมช่องทางการบําบัดฟื้นฟูท่ีมีคุณภาพตรงตามลักษณะ(ผู้ใช้/ผู้เสพ)และความต้องการ
(บําบัดโดยวิธี ทางการแพทย์หรือวธิ ีอนื่ ๆ) ของผู้ใช้ยาเสพตดิ ดงั น้ี

หลักการที่ ๑ บริการท่งี า่ ย ต่อการเขา้ ถงึ

การให้บริการบําบัดฟ้ืนฟู ท่ีสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย (ตั้งอยู่ในชุมชน) ราคาไม่แพง (ท้ัง
ค่าใช้จ่าย ของผู้รับบรกิ ารในการเดินทาง และผู้ให้บริการ (ชุมชน) ท่ีใช้การบําบัดฟื้นฟูในรูปแบบอ่ืนท่ี
ไม่เกี่ยวข้องกับ การใช้ยาทางการแพทย์หรือสารทดแทน) และได้รับการพิสูจน์โดยการศึกษาวิจัยแล้ว
ว่าผลการรักษามีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และประสิทธิผล คํานึงถึงความเหมาะสมตามบริบทพื้นท่แี ละ
ความตอ้ งการสนับสนุนของผู้ใช้ ยาเป็นหลกั

หลักการที่ ๒ การจาํ แนกลกั ษณะรายบุคคล

ใช้การคัดกรอง ประเมินผล ตรวจวินิจฉัย และวางแผนการฟ้ืนฟู เป็นรายบุคคล ท่ีจะทํา
ให้เข้าถงึ ความตอ้ งการของผ้ปู ่วยในแต่ละคน และสามารถช่วยผู้ป่วยใหม้ ีส่วนรว่ มในการรักษาได้

หลกั การที่ ๓ การบําบดั ฟื้นฟูผู้ใชย้ าเสพตดิ บนฐานข้อมูลและองค์ความรู้

การกําหนดวิธีการบําบัดฟ้ืนฟู ต้องมีข้อมูลรองรับในวิธีการปฏิบัติท่ีดี และความรู้ในเชิง
วทิ ยาศาสตร์

• ขอ้ มลู เฉพาะของผู้ใช้ยาแต่ละคน
• วิธกี ารดูแลที่ผ่านการพิสจู น์ทงั้ เปน็ และไมเ่ ปน็ ทางการวา่ ได้ผล

๔๑

หลักการที่ ๔ คาํ นึงถงึ สิทธมิ นุษยชน และศกั ด์ศิ รขี องผปู้ ่วย

กระบวนการฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติด โดยการสอดแทรกการให้คําปรึกษา และเป็นไปตามข้อ
ปฏิบัติตาม พันธกรณีสิทธิมนุษยชน ให้ผู้ใช้ยาเสพติดสมัครใจเข้ารับการรักษา และให้การรักษาฟื้นฟู
เป็นไปตามมาตรฐาน สุขภาพสูงสดุ ทร่ี า่ งกายจิตใจตนจะรับได้

หลักการท่ี ๕ คาํ นงึ ถงึ กลมุ่ เปา้ หมายเฉพาะ

การบําบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติด คํานึงถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษด้วย
ความเสมอภาค เช่น กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มผู้หญิง กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ กลมุ่ โรคจติ เวชร่วม กลุ่มกรรมกร กลุ่ม
ขายบริการทางเพศ กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย กลุ่มชาติพันธ์ กลุ่มไร้รัฐ ไร้สิทธิ ไร้ที่พ่ึง และ
แรงงานตา่ งด้าว

หลักการที่ ๖ ความยุติธรรมทางอาญา

ภายใต้การลดทอนความเปน็ อาญา โดยจําแนกลักษณะผู้ใชย้ าเสพติด เป็นผู้ใช้ ผ้เู สพ และ
ผู้ติด เนน้ การบําบัดฟื้นฟู มากกวา่ การเข้าสูร่ ะบบการจบั กมุ คมุ ขัง

หลกั การที่ ๗ การมีส่วนรว่ มของชุมชน

ส่งเสริมให้ชุมชนมีการเปล่ียนแปลง เกิดการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในท้องถิ่น
ตลอดจน การสนบั สนุนและการระดมทรพั ยากรในชุมชน

หลักการที่ ๘ การบรหิ ารจัดการอย่างเป็นระบบ

สิ่งสําคัญของการให้บริการบําบัดฟ้ืนฟู จะต้องมีการกําหนดข้อปฏิบัติที่ชัดเจน เช่น
นโยบาย วิธีการ รักษา ฟ้ืนฟู กระบวนการ/แนวทางการจัดการบทบาทหน้าท่ีของผู้กํากับดูแล และ
แหล่งงบประมาณสนบั สนุน

หลักการที่ ๙ การทํางานอย่างเป็นระบบ ระบบการรักษา การพัฒนานโยบาย การ
วางแผน เชิงกลยุทธแ์ ละการประสานการบรกิ าร

แนวทางปฏิบัติในเชิงนโยบายจากผู้บริหารระดับสูงอย่างเป็นระบบ ในเรื่องการใช้ยาเสพ
ติดและ ต่อบุคคลท่ีต้องการการรักษาจะมีประโยชน์สูงสุด แนวทางน้ีรวมถึงขั้นตอนการดําเนินงานท่ี
สมเหตุสมผล ตามลําดับขั้นตอน ท่ีสามารถแสดงความเชื่อมโยงระหว่างนโยบายกับการประเมินความ
ต้องการ การวางแผน การรกั ษา วธิ ีการดําเนินงาน และการติดตามประเมนิ ผล ได้แก่ ระบบการรักษา
ฟ้ืนฟูการพัฒนานโยบาย การวางแผนเชิงกลยุทธ์การประสานการบริการ และการสนับสนุน
งบประมาณ

๒.๓.๓ รูปแบบการจัดบริการบําบัดฟื้นฟผู ใู้ ชย้ าเสพตดิ โดยใช้ชุมชนเป็นศูนยก์ ลาง

ขอบเขตของการบําบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติด โดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง ครอบคลุม
กระบวนการ ดงั น้ี

๑. การค้นหา : โดยใช้รูปแบบท่ีเหมาะสม ตามบริบทของพ้ืนท่ี เช่น Outreach worker
อสม. และการประชาสัมพันธ์ รวมถึงเชิญชวน รณรงค์ สอดส่อง ส่งข่าว โดยคณะกรรมการฯ ประชา

๔๒

รัฐ ผ่านการทําความเข้าใจกับผู้ปกครองและคนใกล้ชิด แบบเครือญาติ เชิญชวน เข้าสู่การดูแล
ช่วยเหลอื

๒. การคดั กรอง : จัดบริการคัดกรองสุขภาพพืน้ ฐาน และซกั ประวตั กิ ารใชย้ าเสพตดิ
๓. การบาํ บดั ฟ้นื ฟู : บําบดั ฟนื้ ฟู ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสขุ
๔. การติดตาม : ตดิ ตามโดยรปู แบบทางการ และไมเ่ ปน็ ทางการอย่างตอ่ เนือ่ ง
๕. การส่งต่อ : ตั้งแตก่ ารคดั กรอง บาํ บัด ฟ้ืนฟู และติดตามดูแลช่วยเหลือ

๒.๓.๔ บทบาทภารกิจของหน่วยงาน/องค์กร ในการบําบัดฟ้ืนฟูผู้ใช้ยาเสพติด โดยใช้
ชมุ ชนเป็นศนู ย์กลาง

๑. องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน

กําหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทําหน้าที่ประสาน เช่ือมโยง ฝ่ายปกครองท้องท่ี
ผู้นําชุมชนผู้นําศาสนา ปราชญ์ชาวบ้าน สภาเด็กและเยาวชน และภาคีเครือข่าย/กลุ่มต่าง ๆ ในระดับ
ตําบลและหมู่บ้าน/ชุมชน เพ่ือร่วมขับเคลื่อนการดําเนินงาน บําบัดฟ้ืนฟูผู้ใช้ยาเสพติด โดยใช้ชุมชน
เป็นศนู ย์กลาง ดังตอ่ ไปน้ี

๑.๑ ดาํ เนนิ การให้เกิดการปรบั ทัศนคติในชมุ ชน ใน ๔ ประเด็นหลกั คือ
๑.๑.๑ ปรบั จากผ้รู บั ปัญหา เปน็ ศูนยก์ ลางของการแกป้ ญั หา
๑.๑.๒ เปล่ยี นการมองผู้ใชย้ าเสพติดเป็นภาระ ใหม้ องเปน็ ทนุ ของสังคม
๑.๑.๓ เปล่ยี นจากการใชน้ โยบายปราบปราม จับกุมผใู้ ช้ยาเสพตดิ เปน็ การดแู ล

แกไ้ ข ฟ้นื ฟู
๑.๑.๔ ลด ละ เลกิ การตตี ราผใู้ ชย้ าเสพติด

๑.๒ ร่วมสํารวจเพ่ือบ่งช้ีปัญหาในพ้ืนที่ เช่น การประชุมประชาคม เวทีเสวนา และ
วิเคราะห์สภาพปัญหาทีมี่อยู่ เป็นต้น เพื่อแยกระดับปัญหาและจัดทํา เป็นแผนปฏิบัติการร่วมกันให้
เหมาะสมกบั สภาพปญั หาทไ่ี ด้จากการสํารวจ

๑.๓ ร่วมดําเนินการค้นหาผู้ใช้ยาเสพติด พูดคุยทําความเข้าใจ ดูแลช่วยเหลือตาม
สภาพของแต่ละคนหรือส่งต่อให้เขา้ รบั การบาํ บัดรกั ษาตามอาการ

๑.๔ ร่วมติดตาม ดูแลช่วยเหลือในด้านอาชีพ การศึกษา และโอกาสทางสังคมให้แก่
ผูผ้ า่ นการบําบดั ฯ อย่างตอ่ เนือ่ ง เพื่อประคับประคองให้ปลอดภัยจากปัญหายาเสพตดิ

๑.๕ ร่วมสร้างกลไกเฝ้าระวังและป้องกันปัญหายาเสพติดและการใช้ยาในทางท่ีผิด
ในครอบครัวสถานศกึ ษา สถานประกอบการ ชุมชน ฯลฯ รวมทั้งการเฝา้ ระวังในสือ่ สงั คมออนไลน์

๑.๖ ร่วมสรุปบทเรียนการดําเนินงาน ถ่ายทอดให้แก่แกนนําชุมชนรุ่นต่อไปในพ้ืนท่ี
และพัฒนาเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการพัฒนา
คณุ ภาพชวี ติ ระดับอําเภอ

๑.๗ ร่วมขยายผล เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกับชุมชนพื้นที่อ่ืนในระดับต่าง ๆ เพื่อ
ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้สภาพปัญหา ช่วยกันเสนอแนวทางการแก้ไข และสนับสนุนการดําเนินงาน
ระหวา่ งกัน โดยประสานให้หน่วยงานวิชาการในพ้นื ทช่ี ่วยเหลอื ดา้ นองค์ความรูแ้ ละวิชาการ

๔๓

๒. ผู้นําชุมชน ประกอบด้วย กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน รวมถึงผู้นํา
ทางจิตวิญญาณ บทบาทหน้าที่

๒.๑ เฝ้าระวัง สร้างการรับรู้ความเข้าใจ ป้องกันปัญหายาเสพติด ค้นหา คัดกรอง
ติดตามเชอ่ื มโยงเครือขา่ ยในชมุ ชน

๒.๒ รับข้อมูล/เรื่องราวร้องทุกข์ ประชาคม ส่งต่อเพ่ือการคัดกรอง เฝ้าระวัง ด้าน
คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชนในระดับหมูบ่ ้าน และตําบล

๒.๓ ดําเนินการประชาคมหมู่บ้าน ภายใต้กฎหมายชุมชน หรือระเบียบ รองรับ ผ่าน
กลไกคณะกรรมการหมบู่ า้ น และกลไกการปกครอง หรอื ข้อตกลงของหมู่บ้านชุมชน

๒.๔ การดําเนินการตามข้อ ๒.๓ เพ่ือลดความเสียดทาน และการสูญเสีย
ผลประโยชน์ ผ่านกลไกการรับรองทางสังคม ซ่ึงเป็นการมอบหมายภารกิจให้สามารถดําเนินการเร่ือง
การปอ้ งกันแก้ไขปญั หายาเสพตดิ และชว่ ยเหลือผูเ้ สพ ผูต้ ิด

๒.๕ การคืนข้อมูล กลับคืนให้ชุมชน เพ่ือให้สมาชิกในชุมชนรับทราบข้อมูล
สถานการณ์ ที่เปน็ จริง

๒.๖ ส่งเสริมให้ชุมชนเกิดการจุดประกายด้านความคิด สู่การให้ข้อเสนอแนะ
วิเคราะห์ข้อมูลและกําหนดแนวทาง วางแผนร่วมกันในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด และการ
ชว่ ยเหลอื ผู้ใชย้ าเสพติด

๓. องค์กรชุมชน ประกอบด้วย องค์กรพัฒนาเอกชน (Non Governmental Organizations:
NGO) บทบาทหน้าที่ : เป็นไปตามแนวทางการลดอนั ตรายจากยาเสพตดิ และอ่นื ๆ เชน่

๓.๑ ค้นหาผ่าน Outreach worker ผู้ใชย้ าเสพตดิ ทงั้ ที่เปิดเผย และไม่เปิดเผย
๓.๒ คดั กรองขัน้ พื้นฐานสถานการณ์ปัญหาของผู้ใชย้ าเสพติดรายบุคคล
๓.๓ การสง่ ตอ่ ไปยังหนว่ ยบรกิ ารสุขภาพเมอ่ื จาํ เปน็
๓.๔ ส่งเสริมและสง่ ต่อการเข้ารับการบําบดั
๓.๕ มุ่งเน้นการป้องกันโดยการสนับสนุนอุปกรณ์ เช่น เข็มและอุปกรณ์ และถุงยาง
อนามัย
๓.๖ สง่ เสริมการเขา้ รบั บริการสุขภาพ
๓.๗ การสง่ เขา้ สู่สงั คม
๓.๘ การบริการฟนื้ ฟสู ภาพจติ ใจ ผ่านกิจกรรมในศูนย์บรกิ าร Drop in center
๓.๙ ตดิ ตามช่วยเหลอื ตลอดระยะเวลาทีอ่ ย่ใู นระบบการใหบ้ รกิ าร
๓.๑๐ พัฒนา ถ่ายทอด องค์ความรใู้ หแ้ ก่ชุมชน

๔. สาํ นักงานสาธารณสขุ อําเภอ

บทบาทหนา้ ท่ี

๔.๑ เป็นศูนย์ประสานงานกับภาคีเครือข่ายด้านการบําบัดฟื้นฟูในชุมชน เช่ือมต่อ
คณะกรรมการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ระดับอาํ เภอ (พชอ.) และศูนย์อํานวยการปอ้ งกันและปราบปรามยา
เสพติดระดบั อาํ เภอรวมถงึ ศนู ย์อาํ นวยการปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ระดบั จงั หวดั

๔๔

๔.๒ สนับสนุน วางแผนงาน (คน เงิน ของ การบําบัดฟ้ืนฟูในชุมชน) กํากับ ติดตาม
ประเมนิ ผลการดาํ เนินงานบําบัดฟืน้ ฟใู นชุมชน ให้มคี วามเหมาะสมตามบรบิ ท

๕. สถานบรกิ าร

ประกอบด้วย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตําบล และโรงพยาบาลระดับจังหวัด/
อําเภอ โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพระดบั ตาํ บล

บทบาทหน้าที่
๑) การให้บริการตรวจคัดกรองและให้คําปรึกษาสุขภาพกายและจิต โดยการ
ใหบ้ ริการตรวจสขุ ภาพเบื้องต้นและการบริการอ่นื ๆ
๒) กระตุ้นส่งเสริมผู้นําทุกภาคส่วนต่าง ๆ ในเครือข่ายที่รับผิดชอบของโรงพยาบาล
ส่งเสริมสุขภาพตําบล บูรณาการความร่วมมือ และเป็นเจ้าภาพให้เกิดกระบวนการเสริมพลัง
(Empowerment) ตนเอง และทีมงาน เพือ่ กระตนุ้ ใหเ้ กดิ กระบวนการบําบัดยาเสพติดโดยชมุ ชน
๓) ให้การบาํ บดั ฟ้นื ฟูตามศกั ยภาพ รว่ มกับการมีส่วนร่วมของชุมชน
๔) ประสานสง่ ต่อผปู้ ว่ ยทตี่ ้องไดร้ บั การดแู ลจากสถานพยาบาลที่มศี ักยภาพสูงกวา่

โรงพยาบาลระดบั จังหวัด/อาํ เภอ

บทบาทหน้าท่ี
๑) ให้บริการบําบัดฟ้ืนฟูผู้ใช้ยาเสพติด ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข การ
รักษาโรคร่วมจากการเสพยาเสพติด โรคติดเชื้อ และความผิดปกติทางจิตทีมีอาการทางจิตระดับ
ฉบั พลัน (Acute) และพฤตกิ รรมต่อต้านสงั คมทีร่ นุ แรง
๒) สนับสนุนพัฒนาองค์ความรู้ในการคัดกรอง บําบัดฟ้ืนฟูตามมาตรฐานกระทรวง
สาธารณสุขรวมถึงการลดอันตรายจากยาเสพตดิ
๓) กํากับ ติดตาม ประเมินเมินผล ผ่านการลงเยี่ยมเสริมพลัง การนิเทศ ให้
คําแนะนํา และคําปรึกษา รวมถึงการรายงานผลการดําเนินงานผ่านข้อมูลระบบรายงานยาเสพติด
บสต.

๖. อาสาสมคั รสาธารณสุขประจาํ หมู่บา้ น (อสม.)

บทบาทหนา้ ที่

๑) อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน (อสม.) ท่ีมีศักยภาพ ร่วมกิจกรรมค้นหา
และคัดกรองผู้มีพฤติกรรมเส่ียงท่ีอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (ยาเสพติด) ในพื้นที่ที่ตนเองรับผิดชอบ
ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและถกู ตอ้ งตามหลกั วิชาการใน ๓ กลุ่ม คือ กล่มุ ผู้ใช้ กลุ่มผูเ้ สพ และกลุ่มผ้ตู ดิ

๒) ร่วมวางแผนให้การชว่ ยเหลือ/สง่ ต่อ กลมุ่ ผใู้ ช้ กลุ่มผู้เสพ และกลมุ่ ผู้ติด
๓) อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมเป็นทีมติดตาม ดูแล ให้ความ
ชว่ ยเหลอื ประคบั ประคอง ให้คาํ แนะนาํ เสรมิ กําลงั ใจทงั้ ตวั ผ้ผู ่านการบาํ บัดฯ และครอบครัว ในชมุ ชน
ให้สามารถใชช้ วี ติ อยใู่ นสังคมได้ตามปกติ โดยไมก่ ลับไปเสพยาเสพตดิ อีก

๔๕

๗. หน่วยสวสั ดิการทางสงั คมและองค์กรพัฒนาเอกชน

ฐานะยากจน บทบาทหนา้ ที่
๑) ให้การศึกษา
๒) ให้คําปรกึ ษา
๓) ฝึกอาชีพ และทักษะ สร้างโอกาสในการหารายได้ให้สินเช่ือขนาดเล็กให้กับที่มี

๔) การสนบั สนุนทางจติ ใจและทางสงั คม อ่นื ๆ เปน็ ต้น

๒.๓.๕ กระบวนการบาํ บดั ฟน้ื ฟผู ู้ใช้ยาเสพติด โดยใช้ชมุ ชนเปน็ ศูนยก์ ลาง

ข้นั ตอนที่ ๑ การคน้ หา ผู้ใช้ยาเสพติดในชุมชน

• ผู้รับผิดชอบ: โดยทีมชุดชุมชน ประกอบด้วย ผู้นําชุมชน (กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน พนักงาน
ฝา่ ยปกครอง) หรือตํารวจ และผู้ชว่ ยนายอําเภอ อาสาสมัครสาธารณสุข อาสาสมัครภาคประชาสงั คม
องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ รวมถงึ ผู้ผ่านการบาํ บดั ฟ้นื ฟู

• กลไกการปฏิบัตงิ าน

ใช้กลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน ให้ปฏิบัติหน้าที่ในการค้นหาระบุตัวผู้ท่ีมีพฤติกรรม
เกยี่ วขอ้ งกับยาเสพติด เสี่ยงท่อี าจสง่ ผลกระทบต่อสุขภาพ ตลอดจนกําหนดแนวทางการปฏิบัตริ ว่ มกัน
ในการค้นหา ระบุกลุ่มคนดังกล่าว ระดับหมู่บ้าน ตําบล เช่น ในโรงเรียน สถานประกอบการ และ
ชมุ ชน

• ขนั้ ตอนการคน้ หา

การเตรียมการ
๑. ดําเนินการประชุมช้ีแจงแนวทางการดําเนินงาน และพัฒนาทีมชุดค้นหาในชุมชน ให้มี
ความรู้ความสามารถในการค้นหา ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวทางท่ีกระทรวงสาธารณสุข
กําหนด โดยอาศัยความรู้พ้ืนฐานด้านยาเสพติด การคัดกรองเบ้ืองต้นผู้ที่มีพฤติกรรมที่มีพฤติกรรม
เก่ียวข้องกับยาเสพติดเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ได้ถูกต้องตามหลักวิชาการ การส่งต่อเพื่อ
การบําบัดดูแล ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามบริบท รวมถึงป้องกันผู้ท่ีมีพฤติกรรมเส่ียงที่อาจส่งผล
กระทบต่อสุขภาพ (ยาเสพติด) รายใหม่และพฤติกรรมเสพติดซํ้าในผูผ้ ่านการบําบัด เพื่อรบั มอบหมาย
งาน กระจายความรับผิดชอบรว่ มกนั ในการปฏบิ ตั ิงานค้นหาใหเ้ กดิ ความชัดเจน
๒. นําแนวทางการดําเนินงานตาม ๙ ข้ันตอนสร้างชุมชนเข้มแข็งเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพ
ติดของชุดปฏิบัติการประจําตําบลมาประยุกต์ใช้ในการค้นหา รวมถึงผู้ประสานงานหมู่บ้าน/ชุมชนผู้
ประสานพลงั แผ่นดิน (๒๕ ตาสับปะรด) ตลอดจนชุดปฏิบัตกิ ารประจาํ ตําบล
๓. วางแผนเพื่อดําเนินการ X - ray (ค้นหาโดยชุมชน) ให้ครอบคลุมทั้งหมดในหมู่บ้าน
เพื่อลดวิธีการเฉพาะเจาะจง มุ่งเน้นข้อมูลเชิงคุณภาพ เพื่อจําแนกผู้ท่ีมีพฤติกรรมเสี่ยงท่ีอาจส่งผล
กระทบตอ่ สุขภาพ (ยาเสพตดิ และสารเสพตดิ ) รวมถงึ กาํ หนดกลยทุ ธใ์ นการคน้ หา

๔๖

๔. นําวิธีการจัดประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อให้ผู้นําชุมชน ชี้แจงข้ันตอนการค้นหา
และคัดกรองเบื้องต้น ผู้ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากข้อมูลดังน้ี ๑) ข้อมูลสํารวจสุขภาพ
(แฟ้มสุขภาพครอบครัว Family folder) ๒) ข้อมูลรายงานยาเสพติด (บสต.) ๓) ข้อมูล จปฐ. คือ
ข้อมูลในระดับครัวเรือนที่แสดงถึงสภาพความจําเป็นพ้ืนฐานของคนในครัวเรือนในด้านต่าง ๆ
เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตที่ได้กําหนดมาตรฐานข้ันตํ่า (กรมพัฒนาชุมชน) ๔) ข้อมูลจากข้อร้องเรียนจาก
ศูนย์ดํารงธรรม และแหล่งข่าวในหมู่บ้าน ๕) ข้อมูลอาชญากรรมท่ีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ๖) ข้อมูลผู้
พ้นโทษ ๗) ข้อมูลทุนชุมชนอื่นๆ เช่น วัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถ่ิน การรวมกลุ่ม ฯลฯ ๘) ข้อมูลจาก
ภาคประชาสังคม

ท้ังน้ี คณะกรรมการหมู่บ้าน ต้องให้ความสําคัญ ในข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากเป็นประเด็น
ปัญหาท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั ครอบครัว และชุมชน

การดาํ เนินการคน้ หา

รูปแบบไม่เปิดเผยตัวตน (เป็นรูปแบบท่ีเหมาะสมกับบริบทรูปแบบหน่ึง เช่น เพื่อนช่วย
เพอื่ นในกรณีผ้ใู ช้ยาเสพตดิ ที่ยังเลกิ ไมไ่ ด้ เพือ่ รณรงค์ จงู ใจ ให้เขา้ ถงึ ระบบบรกิ าร)

การค้นหาและเข้าถึงผู้ใช้ยาเสพติดเป็นเรื่องยาก เน่ืองจากทางด้านกฎหมายยังคงถือว่า
เป็นผู้กระทําผิดและทัศนคติของสังคมหรือคนรอบข้างที่สั่งสมความเชื่อที่ว่าผู้ใช้ยาเป็นคนไม่ดี
อันตราย ประกอบกับการโดยกระทําซ้ําของผู้ใช้ยาเอง จนทําให้คิดว่าตนเองเป็นเช่นน้ัน จึงทําให้ผู้ใช้
ยาหลบซ่อน ไม่เปิดเผยตัว จนถึงการสร้างเกราะป้องกันที่แสดงออกทางพฤติกรรมท่ีก้าวร้าวให้ตนเอง
รสู้ กึ ปลอดภัย

ดังน้ันในการเข้าถึงผู้ใช้ยาจะต้องอาศัยการทํางานในรูปแบบ “เพื่อนช่วยเพื่อน” ผ่าน
กลไกการทาํ งานของอาสาสมัครหรอื ทเ่ี รียกวา่ “Outreach worker” เปน็ สาํ คญั

การคน้ หาผู้ใช้ยาเสพติดมกี ระบวนการ/วิธกี ารดังนี้
๑. เปิดรับสมัครคนทํางานท่ีมีประสบการณ์การใช้ยา เนื่องจากเป็นผู้ท่ีเข้าใจพฤติกรรม รู้
แหลง่ รวมตวั รู้วธิ ใี นการเขา้ ถึง และทีส่ าํ คัญพดู ภาษาเดียวกนั
๒. พัฒนาศักยภาพคนทํางาน เร่ือง การสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย การลดอันตรายจากยา
เสพติดการทํางานกับกลุ่มเฉพาะ การส่งต่อและการติดตาม รวมถึงงานเอกสารต่าง ๆ เช่น การบันทึก
ข้อมูล เป็นต้น
๓. ลงพื้นท่ีแบบคู่บัดดี้ เพ่ือป้องกันการกับไปใช้ยาซํ้า เม่ือเจอกลุ่มเป้าหมายควรให้ข้อมูล
ต่าง ๆ ดังน้ี

๑) แนะนําตนเองวา่ เป็นใคร มาทาํ อะไร งานทที่ าํ มวี ตั ถุประสงคอ์ ะไร
๒) การช่วยเหลอื ทม่ี คี ืออะไร
๓) สามารถติดตอ่ ได้ทางไหนบา้ ง
๔) ศูนยบ์ ริการ Drop in center ตั้งอยู่ทีไ่ หน

๔๗

๔. พ้นื ที่ทีจ่ ะทําการคน้ หา ได้แก่
๑) แหล่งซื้อขายยาเสพติดท้ังผิด และถูกกฎหมาย เช่น ร้านขายยา และคลินิก

เอกชน เปน็ ต้น
๒) สถานทแี่ หลง่ รวมตัวใช้ในการใช้ยา
๓) ศูนยห์ รือหน่วยงานให้บรกิ ารบาํ บัดผตู้ ดิ ยาเสพตดิ
๔) สอบถามจากเพื่อนสมาชิกว่ามีเพ่ือนที่ใช้ยาด้วยกันหรือไม่ เพื่อแนะนําหรือพาไป

หา

๕. การวิเคราะหก์ ลมุ่ เปา้ หมายเพ่อื ใหบ้ ริการ และติดตาม
๑) จดั ทาํ ทะเบยี นสมาชิก โดยมเี นื้อหาสาํ คัญ ดงั น้ี
- ขอ้ มลู พื้นฐานท่ัวไป และจัดทําแผนท่ีสถานที่ท่สี ามารถพบเจอได้
- ข้อมลู ดา้ นสขุ ภาพ และสิทธกิ ารรกั ษา
- ขอ้ มลู การใชย้ า : ใช้ยาอะไร ใชว้ ิธีไหน ความถีใ่ นการใช้
- อื่นๆ เช่น สาเหตุการใช้ยา ประวัติการน็อคยา ความสัมพันธ์ในครอบครัว และ

ความสัมพันธก์ บั ชุมชน
๒) วเิ คราะหข์ ้อมลู สมาชิก เพือ่ วางแผนการใหบ้ ริการ โดยใชว้ ิธดี งั น้ี
- จําแนกโดยการจัดกลมุ่ สมาชิกที่ตนดูแลอยู่ ดงั น้ี
๑) กลมุ่ ที่มีปัญหาสุขภาพรนุ แรงสง่ ผลถงึ ชวี ิต
๒) กลุม่ ท่มี ีปญั หาสขุ ภาพแตไ่ ม่รุนแรง
๓) กลุ่มทม่ี ปี ญั หาครอบครวั และสังคม
๔) กลมุ่ ท่ีไม่มีปัญหา
- จัดทําแผนการทํางานประจําเดอื นในการทาํ งาน ตวั อย่างเช่น
๑. กลุ่มทม่ี ีปัญหาสุขภาพรนุ แรงส่งผลถงึ ชีวิต : อาจจําเป็นต้องพบทุกสัปดาห์
๒. กลุ่มท่ีมีปัญหาสุขภาพแต่ไม่รุนแรง : อาจพบเดือนละสองคร้ัง (สัปดาห์เว้น

สัปดาห)์
๓. กลุ่มที่มีปัญหาครอบครัว และสังคม : อาจพบเดือนละสองครั้ง (สัปดาห์เว้น

สปั ดาห์)
๔. กลมุ่ ทไ่ี ม่มปี ัญหา : อาจพบเดือนละหนง่ึ ถึงสองคร้งั
๕. ค้นหาสมาชิกใหม่ : ทุกวันท่ีไม่ได้พบสี่กลุ่มด้านบน โดยวางแผนตามสถานท่ีจาก

ขอ้ ๔ ดา้ นบน
๓) ติดตามงาน
- สรปุ ผลการทํางานสัปดาหล์ ะครง้ั
๑. เพื่อทราบถึงสถานการณ์ในพ้ืนท่ี เช่น การระบาดของยาในพื้นที่มีการเปล่ียนแปลง

หรอื ไม่
๒. ปญั หาของสมาชิกท่ีตอ้ งการการจัดการโดยเร่งดว่ นมีอะไรบ้าง
๓. วางแผนงานในสัปดาหต์ อ่ ไป

๔๘

- สรุปผลการทาํ งานประจาํ เดือน
๑. เพ่อื ทราบถงึ ผลการดําเนินงานในเดอื นนั้น ๆ ว่าเปน็ ไปตามแผนที่ไดว้ างไว้หรือไม่
๒. รวมหาทางแกไ้ ขในกรณที ่ีผ้ปู ฏิบตั ิงานไม่สามารถแก้ไขได้ดว้ ยตนเอง
๓. วางแผนงานท่จี ะทําในเดือนต่อไป

รปู แบบเปิดเผยตวั ตน

๑. สร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนถงึ นโยบายในการใหโ้ อกาสแก่ผใู้ ชย้ าเสพติดรวมถงึ เพิ่ม
ช่องทางการเข้าถึงบรกิ ารบําบัดฟ้นื ฟู ภายใตแ้ นวคิด“ผเู้ สพคือผ้ปู ่วย”

๒. ทีมชุดชุมชน ดําเนินการค้นหาโดยตรวจสอบข้อมูล ปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของ
แต่ละพ้ืนท่ี เช่น ผ่านกลไกประชารัฐ ๙ ขั้นตอน การประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน และเวทีประชุม
เชิงปฏิบตั ิการภาครัฐ ฯลฯ

๓. ทีมชุดชุมชน ชักชวน ให้คําแนะนํา ให้เข้ารับการบําบัดฟ้ืนฟูด้วยความสมัครใจ ตาม
ความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละรายในข้นั ตอนต่อไป

๔. ส่ิงที่ควรคํานึงถึงก่อนการคัดกรอง เพ่ือให้ผู้ใช้ยาเสพติดเกิดความไว้วางใจ และได้
คําตอบท่ีเป็นจริง ผูท้ าํ การคดั กรองควรปฏบิ ตั ิ ดงั นี้

๑) สร้างสัมพันธภาพกับผู้สัมภาษณ์ก่อน โดยการพูดคุยเรื่องทั่ว ๆ ไป ส้ัน ๆ แสดง
ท่าทีท่จี ริงใจเป็นมติ ร

๒) มีทัศนคตเิ ชิงบวกกบั ผู้ใช้ยาเสพติด ไม่ตัดสินถูกผิดในคําตอบท่ีไมเ่ ห็นด้วย
๓) แสดงทา่ ทใี หเ้ ห็นวา่ กําลงั ตง้ั ใจฟังในสงิ่ ที่เขาพดู
๔) ไวตอ่ อารมณ์ ความร้สู กึ ของผู้ถูกสมั ภาษณ์และแสดงความเห็นอก เห็นใจ
๕) แจ้งให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ทราบว่าข้อมูลที่ให้นี้ไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อผู้ถูกสัมภาษณ์
และเก็บรักษาไวเ้ ปน็ ความลับ

ข้นั ตอนท่ี ๒ การคัดกรอง ผ้ใู ช้ยาเสพตดิ ในชุมชน

• ผูร้ ับผดิ ชอบ: โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตาํ บล

• บทบาทหน้าที่: ดําเนินการซักประวัติ และประเมินความเจ็บป่วย ซึ่งรวมถึงการซัก
ประวัติและประเมินปัญหาท่ีเกิดจากการใช้ยาเสพติดท่ีผิดกฎหมาย ร่วมกับการประเมินพฤติกรรม
เสยี่ งอนื่ ๆ

ดังน้ัน การคัดกรองเบ้ืองต้นเป็นประโยชน์เพ่ือช่วยให้บุคลากรสาธารณสุข ได้ตั้งคําถามใน
การคัดกรองปญั หาและความผิดปกติท่เี กิดจากการใช้ยาเสพตดิ

กระทรวงสาธารณสุข กําหนดให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล (ท่ีมีความพร้อม)
ดําเนินการประเมินคัดกรองผู้เสพผู้ติดยาเสพติดเพื่อประเมินสภาพการเสพติด และนําเข้าสู่
กระบวนการบําบัดฟ้ืนฟูให้เหมาะสมกับประวัติและพฤติการณ์ของ ผู้เสพติด โดยใช้แบบคัดกรองและ
ส่งต่อผู้ป่วยท่ีใช้ยาเสพติดเพ่ือเข้ารับการบําบัดฟื้นฟู กระทรวงสาธารณสุข บคก.สธ. (V๒) แบ่งเป็น ๓
ระดับ

๔๙

คะแนน ๒ – ๓ แปลความหมาย กลมุ่ ผู้ใช้ (การเสพที่มคี วามเสีย่ งตํา่ )
คะแนน ๔ – ๒๖ แปลความหมาย กล่มุ ผเู้ สพ (การเสพทม่ี ีความเส่ยี งปานกลาง)
คะแนนมากกว่า หรือเท่ากับ ๒๗ ข้ึนไป แปลความหมาย กลุ่มผู้ติด (การเสพท่ีมีความ

เส่ยี งสงู )

ท้ังนี้ หากประเมินสภาพการเสพติด พบค่าคะแนนมากกว่า หรือเท่ากับ ๒๗ ขึ้นไป
หมายถึง กลุ่มผู้ติด ให้ประสานส่งต่อเพื่อการรักษาไปยังโรงพยาบาลระดับอําเภอท่ีเป็นโรงพยาบาล
เฉพาะทาง หากมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เพ่ือดําเนินการบําบัดฟน้ื ฟตู อ่ ไป

ขน้ั ตอนท่ี ๓ การบําบดั ฟนื้ ฟู และลดอนั ตรายจากยาเสพติดในชมุ ชน

• ผู้รับผิดชอบ: บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และบุคลากรด้านพัฒนาสังคม
ประกอบดว้ ย

• ทีมบาํ บัดฟ้ืนฟู:

เจ้าภาพหลัก คือ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในโรงพยาบาลระดับอําเภอและ
โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพระดบั ตําบล ที่ผ่านการฝึกอบรม

เจ้าภาพสนับสนุน คือ ภาครัฐ สํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัย (กศน.) ตําบล กระทรวงศึกษาธิการ (สถานศึกษาในพื้นท่ี) หรือกระทรวงการพัฒนาสังคม
และความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) กระทรวงยุติธรรม (ยุติธรรมชุมชน) และหน่วยงานพัฒนาฝีมือ
แรงงาน ผู้นําชุมชน ภาคประชาชน : ผู้นําศาสนา อาสาสมคั รสาธารณสขุ (อสม.) ปราชญช์ าวบ้านหรือ
ปราชญ์ชุมชน (ตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่) ภาคประชาสังคม อาสาสมัครแรงงาน (อสร.) อปพร.
อาสาสมัครตาํ รวจบ้าน ทผี่ า่ นการฝกึ อบรม

• กลไกการปฏิบัตงิ าน

ใชก้ ลไกการบรู ณาการทมี ด้านสขุ ภาพและสังคม ในการบาํ บัดฟ้นื ฟูผใู้ ชย้ าเสพติดในชุมชน

• การปฏิบตั งิ าน

ขนั้ ที่ ๑ การประเมินสภาพการเสพติด และวินจิ ฉัย
- ผู้รับผิดชอบ : ทีมบําบัดฟ้ืนฟู (บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โรงพยาบาล
ส่งเสริมสขุ ภาพตาํ บลท่ผี ่านการฝึกอบรม)
- ขั้นตอนการประเมินการวินิจฉัยภาวะพึ่งพิงสารเสพติด การประเมินผลกระทบต่อ
รา่ งกายจติ ใจ สังคม ทางคลินิกในผู้ใชย้ าเสพติด
๑.๑ ประวัตกิ ารเขา้ รับการรกั ษาในแตล่ ะครงั้ ท่ผี ่านมา
๑.๒ การตรวจร่างกายและสภาพจติ
๑.๓ การตรวจทางหอ้ งปฏิบัติการท่ีจาํ เปน็
๑.๔ การซักประวัติเพ่ิมเติมจากญาติ หรือบุคคลใกล้ชิดของผู้มารับบริการ ครอบคลุม
ประเด็นดา้ นต่าง ๆ ได้แก่ เหตุผล ปัญหา หรอื อาการทที่ ําให้มาโรงพยาบาล

๕๐

๑.๕ การประเมินแรงจูงใจ ความพร้อม และความเช่ือม่ันในสมรรถนะแห่งตนท่ีจะปรับ
พฤติกรรม แบบแผน การใช้สารเสพติด ความรุนแรงของภาวะติดสารเสพติด ปัญหา ผลกระทบหรือ
อนั ตรายทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับการใช้สารเสพตดิ ท้ังปัญหาดา้ นสุขภาพ จิตใจ สัมพันธภาพ หนา้ ทก่ี ารงานและ
กฎหมาย ปจั จัยในดา้ นครอบครวั และสิง่ แวดลอ้ มทางสงั คม

๑.๖ อธิบายวิธีการ ขั้นตอนการบําบัดฟื้นฟู เป็นการอธิบายให้ผู้เข้ารับการบําบัดในชุมชน
ทราบขั้นตอน วิธีการ ตลอดจน กฎระเบียบและการปฏิบัติตัวในการบําบัดฟื้นฟูในชุมชน รวมทั้ง
อธิบายการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่อาจทําให้ไม่มีความสบายขณะรับการรักษา เพื่อให้ผู้เข้ารับการ
บําบดั ในชุมชนเกิดการยอมรับและคลายความวติ กกังวล

ขั้นท่ี ๒ การบาํ บดั ฟนื้ ฟใู นชุมชน

- แนวคิดหลกั ของการบําบัดในชมุ ชน

การนําผู้ใชย้ าเสพติดเข้าสู่กระบวนการบําบัดฟื้นฟูเป็นกระบวนการที่มีความสําคัญต่อผู้ใช้
ยาเสพติด ซ่ึงต้องคํานึงถึงความต้องการของผู้ใช้ยาเสพติดเป็นหลัก ท้ังน้ี อาจพิจารณาถึงความจําเป็น
ในทางการแพทย์ประกอบด้วย เช่น มีอาการทางจิตรุนแรง เป็นต้น ซ่ึงสามารถแยกออกเป็น ๒
แนวทาง ดงั นี้

๑. การบําบัด : มีวัตถุประสงค์ เพ่ือรักษาอาการท่ีเกิดจากยาเสพติดส่งผลต่อร่างกาย และ
สมองส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาโดยวิธีทางการแพทย์ เช่น การให้สารทดแทน หรือการบําบัดทางจิต
ซึ่งจะใช้กบั กล่มุ ผ้เู สพและผูต้ ิด เปน็ หลัก

๒. การฟื้นฟู : มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อฟ้ืนฟูสมรรถภาพ ความคิด พฤติกรรม ของผู้ใช้ยา
เสพติดให้กลับมามีสภาพเหมือนหรือใกล้เคียงกับสภาพก่อนใช้ยามากที่สุด โดยสามารถทําได้ในทุก
ขั้นตอนตั้งแต่เมื่อพบเจอคร้ังแรก จนถึงสิ้นสุดสภาพการเป็นสมาชิก และทําได้กับทุกกลุ่ม คือ ผู้ใช้
และผูเ้ สพ เชน่ กนั

๒.๓.๖ การบูรณาการ และการดูแลดา้ นสังคม (Social Care)

แม้ว่าจะมีกระบวนการบําบัดฟ้ืนฟูผู้ใช้ยาเสพติดโดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง ดีเพียงใดก็
ตามหากหลังการบําบัดฟ้ืนฟูแล้ว กลุ่มผู้ผ่านการบําบัดฟ้ืนฟูฯ เหล่าน้ี กลับเข้าไปใช้ชีวิตแบบเดิมใน
ชุมชน รวมถึงคนในชุมชน ยังมีเจตคติเชิงลบกับผู้ใช้ยาเสพติด และขาดโอกาสท่ีพึงได้รับ เพ่ือบรรเทา
และแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ การเช่ือมประสานกระบวนการทํางานด้านการดูแลทางสังคม ให้เข้ามา
บูรณาการร่วมกันโดยการประสานการทํางานร่วมกับหน่วยที่เก่ียวข้องจากทุก ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามา
ดําเนินการในรูปของการให้ความช่วยเหลือแบบ “เครือข่าย” เพ่ือเป็นการดําเนินงานที่มีเป้าหมายใน
การส่งเสริม สนับสนุนและสร้างโอกาสท่ีดีในการดําเนินชีวิตให้กับผู้ใช้ยาเสพติดที่ผ่านกระบวนการ
บําบัดฟ้ืนฟูโดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง โดยหน่วยงานท่ีมีภารกิจเก่ียวข้องกับการช่วยเหลือ ภายใน
จังหวัด อําเภอ และตําบล ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งต้องมีการประสานเช่ือมโยงในการทํางาน
เพ่ือให้ผู้ผ่านการบําบัดฟื้นฟู ได้รับการดูแลช่วยเหลือและพัฒนาอย่างต่อเน่ือง ภายใต้ขอบเขตการให้
ความช่วยเหลอื ดา้ นสวัสดกิ ารทางสงั คม

๕๑

การดูแลด้านสังคม (Social Care) ผู้ผ่านการบําบัด เป็นการดูแลปัจจัยท่ีมีผลกระทบ/
เกี่ยวเนื่องกับภาวะสุขภาพ ผู้ป่วยและครอบครัว เป็นการนําแนวคิดทางสังคมวิทยา : อธิบาย
ปรากฏการณ์สุขภาพและความเจ็บป่วยของบคุ คล ทีม่ ีผลกระทบตอ่ กาย จิตใจ สงั คม และจติ วิญญาณ
ดูแลปรากฏการณ์ทางสังคม ปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การสนับสนุนกระบวนการคุ้มครองและพิทักษ์
สิทธิผู้รับบริการเป็นส่วนหน่ึงในกระบวนการดูแลแบบบรูณาการ ใช้กระบวนการกลุ่มชนและ ชุมชน
เป็นฐานในการสร้างแรงสนบั สนุนทางสังคม การมีส่วนร่วมทางสงั คมและการสร้างเครือข่ายทางสังคม
เพ่ือให้สามารถพ่ึงตนเองได้และทําหน้าที่ของตนเองในชุมชนได้ โดยพัฒนาสมรรถนะของบุคคลและ
การแนะนําในการเปล่ียนส่ิงแวดล้อมเพื่อให้คุณภาพชีวิตของผู้ใช้ยาเสพติดให้ดีข้ึน รวมถึงการ
สนับสนุนสวัสดิการสงั คมจากรัฐ ปัจจัยพ้ืนฐานท่ีมีความจาํ เป็น ประกอบด้วย ๗ ด้าน ได้แก่ ๑) ด้านท่ี
อยู่อาศัย ๒) ด้านการศึกษา ๓) ด้านอาชีพและรายได้ ๔) ด้านสาธารณสุข ๕) ด้านความม่ังคง
ปลอดภยั ๖) ดา้ นสนั ทนาการ ๗) ดา้ นบริการสงั คม

๑. หลักการสําคญั การดูแลด้านสงั คม (Social Care)
๑.๑ หลักการยอมรับ การยอมรับว่าคนทกุ คนมีคุณค่า มีศักด์ิศรีของความเป็นมนุษย์

เข้าใจและยอมรับในสภาพท่ีผูใ้ ชย้ าเสพติดเป็นอยู่ ยอมรับในความรู้สึกและทา่ ทีที่เขาแสดงออก เข้าใจ
ในความหมายและสาเหตแุ ละความคดิ ในการกระทําของเขาอย่างไม่มอี คติ

๑.๒ หลักสิทธิมนุษยชน สิทธิมนุษยชนเป็นหลักการพื้นฐานที่ผู้ปฏิบัติงานด้านสังคม
เช่ือมนั่ และยดึ ถอื โดยเชอ่ื วา่ มนุษยท์ ุกคนมีสทิ ธิขัน้ พนื้ ฐาน ทจ่ี ะตอ้ งได้รับการพทิ ักษค์ ุ้มครอง

๑.๓ หลักการตัดสินใจด้วยตนเอง ผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมต้องเคารพสิทธิในการ
ตัดสินใจด้วยตนเองของผู้ใช้ยาเสพติด ส่งเสริมโอกาสและสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ยาเสพติด
ผู้ปฏบิ ัติงานดา้ นสังคม ปฏบิ ตั ติ อ่ ผู้ใช้ยาเสพติด โดยคาํ นงึ ถึงสทิ ธิข้นั พน้ื ฐานตามหลักสิทธมิ นษุ ยชน

๑.๔ หลักการเคารพในศักด์ิศรีและคุณค่าของความเป็นมนุษย์ เช่ือว่ามนุษย์ทุกคนมี
ศักดิ์ศรีและมีคุณค่า ให้การ ยอมรับความเป็นปัจเจกบุคคล ท่ีมีความแตกต่างและมีอัตลักษณ์เฉพาะ
บุคคล กลุ่มและชุมชนโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่มีอคติ ไม่ตําหนิติเตียนและเสริมสร้างหลักประกันในการ
พิทักษ์และคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคล และเช่ือในความเป็นมนุษย์ท่ีเท่าเทียมกันของ
ทุกคน

๑.๕ หลักความเป็นธรรมทางสังคม เชื่อม่ันและส่งเสริมให้เกิดความเป็นธรรมทาง
สังคม และดําเนินการเพ่ือความเท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาสทางสังคม ส่งเสริมความเป็นธรรมทาง
สังคมในทุกระดับ ทั้งในระดับปัจเจกและระดับโครงสร้าง รวมทั้งคัดค้านการเลือกปฏิบัติ หรือการ
ปฏบิ ัติท่กี ่อใหเ้ กิดความไม่เป็นธรรมทุกรปู แบบ ทงั้ ดา้ นกฎหมาย นโยบาย มาตรการ กลไก การจดั สรร
และกระจายทรัพยากร บรู ณภาพทางวิชาชพี

๑.๖ หลักการความเป็นอยู่ท่ีดี มนุษย์ทุกคนมีสิทธิท่ีจะได้รับโอกาส และตอบสนอง
ความต้องการเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณ และ เช่ือว่า
ภาวะความยากจนและความยากลําบากท่ีเป็นผลกระทบจากสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และ
การเมือง เป็นสภาวะท่ีสามารถเปลี่ยนแปลงได้

๑.๗ หลักปัจเจกบุคคล คือ เข้าใจว่าคนแต่ละคนมีลักษณะที่แตกต่างกัน ใน
ความหมายนจี้ ะหมายรวมความแตกต่างของกลุม่ และชุมชนดว้ ย

๕๒

๑.๘ หลักการไมต่ ําหนิ การไม่ตําหนหิ รือประณามผู้ใชย้ าเสพติด แตม่ ีการประเมินใน
เร่ืองทัศนคติหรือการกระทํา เพื่อสะท้อนให้เขาเข้าใจตนเองและบรรลุเป้าหมายในการแก้ไขปัญหา
ของตนเอง ควรมองพฤตกิ รรมสังคมแบบกระทําหนา้ ทไี่ ดห้ รอื ไม่ได้มากกวา่ จะมองว่าถูกผดิ ดีเลว

๑.๙ หลักการมีส่วนร่วม ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ยาเสพติดมีส่วนร่วมในทุก
กระบวนการ เพอื่ ใหเ้ กดิ การแกไ้ ขปญั หาไดอ้ ย่างตรงตามปญั หาความต้องการ เกิดความรู้สกึ ภาคภมู ิใจ
ในตนเองมนั่ ใจ ในการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองมากยิง่ ขน้ึ

๑.๑๐ หลักการรักษาความลับ เพ่ือสร้างความไว้วางใจ รักษาความเป็นส่วนตัวและ
ความลับส่วนบคุ คล

๑.๑๑ หลักการพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิ เพื่อลดการตีตรา และเลือกปฏบิ ัติในผูใ้ ช้ยา
เสพติดให้สามารถเข้าถึงบริการสวัสดกิ ารสังคมและหลกั ประกันสุขภาพต่าง ๆ ตามสิทธิประโยชน์ทพ่ี ึง
ไดร้ บั

๑.๑๒ หลักการช่วยเหลือให้ช่วยตนเองได้ มนุษย์มีความสามารถและพัฒนาตนเอง
ได้ เปล่ยี นแปลงตนเองได้ หากไดร้ บั การชว่ ยเหลือและพัฒนาการเขา้ ถงึ บริการ

๒. การบูรณาการการทาํ งานดา้ นสังคมผูใ้ ช้ยาเสพติด ในชมุ ชนมกี ารดาํ เนินการดงั นี้
๒.๑ เช่ือมโยงประเด็นงาน ร่วมกันในระดับพื้นท่ีในชุมชน ตําบล อําเภอ จังหวัด

กําหนดประเด็นงานหลักในการทํางานแบบบรูณาการกับประเด็นกับกลุ่มอ่ืนในชุมชน อาทิ วัยรุ่นใน
ชุมชนไม่เสพ ไม่ท้อง ไม่รุนแรงไม่ติดเช้ือเอดส์ ด้านการป้องกัน ส่งเสริม การบําบัดในชุมชน การฟื้นฟู
สภาพ การติดตามดูแลทางสังคมครอบครัว เป็นต้น รวบรวมและให้ข้อมูลเบ้ืองต้น ประสานงานกับ
หน่วยงานท่ีบริการช่วยเหลือภายในและภายนอกชุมชน (นักบริหารสวัสดิการสังคม นักสังคม
สงเคราะห์ นักพัฒนาสังคม โรงเรียน ปกครองท้องถ่ินผู้นําชุมชน เอกชน)กําหนดประเด็นเร่ืองที่ต้อง
แก้ไขเร่งด่วน ร่วมกันในชุมชน ดําเนินการเชิงรุกสู่โรงเรียนและชุมชน การสร้างทัศนคติเชิงบวกและ
การพฒั นาระบบฐานขอ้ มูลและใชป้ ระโยชน์ร่วมกัน

๒.๒ สร้างกลไกการทํางาน ร่วมกันกําหนดกลไกการทํางานไปในทิศทางเดียวกันใน
ระดับชุมชน เช่นรว่ มประชุมคณะกรรมชุมชน ประชุมคณะกรรมการระดบั อําเภอ ประชุมคณะทํางาน
ทีมผู้ปฏิบัติงานจากตัวแทนสหวิชาชีพ ประชุมกําหนดนโยบายการทํางานในหน่วยงานหลัก
กระทรวงมหาดไทย สํานักงานตํารวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม กระทรวง
พัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน องค์การบริหารส่วน
จงั หวดั องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินฯลฯ

๒.๓ จัดกิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้ อย่างสม่ําเสมอในชุมชน จัดเวทีการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ การถอดบทเรียนจากการทํางานช่วยเหลือรายบุคคลและครอบครัว บทเรียนการทํางานใน
ระดับชุมชน บทเรียนการทํางานจากประสบการณ์นักวิชาชีพต่าง ๆ บทเรียนการทํางานของทีมสห
วชิ าชีพ บทเรยี นการทํางานของภาคีเครือข่ายทุกภาคสว่ น เป็นต้น

๒.๔ เช่ือมโยงคน/หน่วยงาน ให้สามารถปฏิบัติงานได้ กําหนดรูปแบบการส่งต่อ
ภารกิจการช่วยเหลือตลอดจนกําหนดภารกิจรับผิดชอบ หน่วยงานหลักในชุมชน การส่งต่อไปยัง
หน่วยงานอ่ืนๆ เช่น อาสาสมัครในชุมชนให้การติดตามดูแลเบ้ืองต้น หากมีปัญหาซับซ้อนให้ส่ง
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ใน

๕๓

ชุมชน ระดับตําบล ระดับอําเภอ ระดับจังหวัด ผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมาย พรบ.ท่ีเก่ียวข้องด้านสังคม
อาทิ เช่น พรบ.สุขภาพจิต พรบ.ส่งเสริมสวัสดิการสังคมพรบ.คุ้มครองเด็ก พรบ.คุ้มครองผู้ถูกกระทํา
รุนแรงในครอบครัว เปน็ ตน้

๒.๕ สรา้ งวิสัยทศั นแ์ ละเปา้ หมายหลกั รว่ มกัน ดงั น้ี
การทํางานช่วยเหลือผู้ใช้ยาเสพติดและครอบครัว แบบบูรณาการในชุมชน กําหนด
เป้าหมายหลักครอบคลุม ไดแ้ ก่
๑) การป้องกันและเฝ้าระวังปัญหาและปัจจัยเส่ียงทางสังคมอันมีผลให้เกิดปัญหายา
เสพติดในชุมชน เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ไม่พร้อม ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว
ปญั หาการตดิ เช้ือเอดส์ โดยเชื่อมโยงเครอื ข่ายชุมชนโรงเรยี น วัดหรือศาสนสถาน องคก์ รปกครองส่วน
ท้องถ่ินอาสาสมัครในชมุ ชน ผูน้ ํา แกนนาํ นักวชิ าชีพตา่ ง ๆ ในชมุ ชน เป็นตน้
๒) พัฒนาศักยภาพคนทํางานใหม้ ีสมรรถนะด้านความรู้ ความเขา้ ใจ ด้านทศั นคตเิ ชงิ
บวกในการดูแลผู้ใช้ยาเสพติดและครอบครัวในชุมชน เพื่อลดการตีตราของคนในชุมชนและสังคม
ตลอดจนฝึกฝนทักษะด้านการให้คําปรึกษาเบ้ืองต้น การช่วยเหลือด้านสังคมให้มีคุณภาพและ
ครอบคลุมในทุกมิติ ทางด้านกายจิต สังคม จิตวิญญาณ รวมถึงองค์ประกอบด้านส่ิงแวดล้อม
วัฒนธรรม และค่านยิ ม ความเช่ือ
๓) ฟื้นฟูและเยียวยาในชุมชน และการติดตามโดยแนวทางจากการสร้างกลไกการ
ทาํ งานร่วมกันในระดบั ชมุ ชน
๒.๖ การประสานงานทรัพยากร งบประมาณ คน วัสดุอุปกรณ์ ยานพานะ สถานท่ี
เครือข่ายสนับสนุนการปฏิบัติงานของอาสาสมัคร เจ้าหน้าท่ีหน่วยงานภาคีเครือข่ายหลักในชุมชน
สถานบริการสาธารณสุขทุกระดับ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน
สถานศึกษา องค์กรเอกชนทีมสหวิชาชีพ องค์กรภาคประชาชน สภาเด็กและเยาวชนตําบล บ้านพัก
เด็กและครอบครวั พัฒนาสงั คมและมน่ั คงของมนษุ ย์ เปน็ ตน้
๒.๗ การทาํ กิจกรรมรว่ มกันอย่างต่อเนอ่ื ง รวมถงึ กิจกรรมบริการรายบคุ คล กจิ กรรม
การประชุมกลุ่มกิจกรรมระดับชุมชน ระดับอําเภอ ระดับจังหวัด และกลุ่มจังหวัด (การทํา RAOD
SHOW) จัดทําศูนย์ข้อมูลเครือข่ายระดับจังหวัด ท่ีเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เผยแพร่
ประชาสัมพันธ์ การขยายผลไปยงั พนื้ ท่ีอื่น

๓. กลไกการใหค้ วามช่วยเหลือทางสังคม

ผู้ปฏิบัติงานด้านสังคม มีหน้าท่ีส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงสิทธิและพลังอํานาจของ
ตนสร้างความร่วมมือให้เกิดความตระหนักและเฝ้าระวังทางสังคม เพ่ือนําไปสู่การเปลี่ยนแปลงและ
พัฒนาชวี ติ ความเปน็ อยูใ่ หด้ ีขึน้

ผู้ใช้ยาเสพติดท่ีได้รับการบําบัดฟื้นฟูแล้ว มักประสบปัญหาการถูกเลือกปฏิบัติและไม่ได้
รับการยอมรับเน่ืองจากคนส่วนใหญ่ในสังคมยังมีทัศนคติเชิงลบต่อบุคคลเหล่าน้ี ส่งผลให้ผู้ผ่านการ
บําบัดฟ้ืนฟู ขาดโอกาสในการดํารงชีวิตและทํางานในระบบปกติ ไม่สามารถหารายได้เล้ียงดูตนเอง
และครอบครัว รวมถึงไม่สามารถปรับตัวกลับไปเป็นส่วนหน่ึงของสังคมได้ กลายเป็นความกดดันท่ี
ผลกั ดนั ใหผ้ ู้ผ่านการบําบดั ฟื้นฟบู างรายกลบั ไปใช้ยาเสพติดหรือกระทําความผิดซํา้ ภาครฐั ตระหนักถึง

๕๔

ความสําคัญในการช่วยเหลือแก่ผู้ผา่ นการบําบดั ฟื้นฟู จงึ มอบหมายใหศ้ ูนยเ์ พ่ือประสานการดูแลผูผ้ ่าน
การบําบัดฟ้ืนฟู ดูแลช่วยเหลือผู้ผ่านการบําบัดฟื้นฟู และจัดสรรความช่วยเหลือให้แก่ผู้ผ่านการบําบัด
ฟืน้ ฟอู ยา่ งเหมาะสม สอดคล้องกบั ความตอ้ งการและศักยภาพของแต่ละบุคคล เพอ่ื สนบั สนุนให้ผู้ผา่ น
การบําบัดฟื้นฟูมีความเข้มแข็งทั้งทางร่างกายและจิตใจลดอัตราการกลับไปเสพยาเสพติดซํ้า สามารถ
กลับไปอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรีและมีคุณภาพชีวิตท่ีดี ศูนย์เพื่อประสานการดูแลผู้
ผ่านการบําบัดฟ้ืนฟู มีหน้าท่ีในการอํานวยการให้ความช่วยเหลือผู้ผ่านการบําบัดฟ้ืนฟู โดยรวบรวม
ข้อมูล และวิเคราะห์ความต้องการการช่วยเหลือผู้ผ่านการบําบัดในด้านต่าง ๆท้ังที่เป็นตัวเงินและ
ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น การศึกษา อาชีพ สุขภาพ และความช่วยเหลืออ่ืนๆ จากน้ันประสานส่งต่อไปยัง
หน่วยงานท่ีรับผิดชอบเพื่อดําเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไปและแจ้งชุมชนโดยผ่านทางผู้นําชุมชน
กาํ นนั ผใู้ หญบ่ ้าน เพือ่ ประคับประคอง เฝ้าระวังและตดิ ตามในชุมชนถิน่ ทอ่ี ยู่ตอ่ ไป

๔. การตดิ ตามและดแู ลช่วยเหลือทางสงั คม

การติดยาเสพติดเป็นเร่ืองของการติดทางสังคมและจิตใจมากกว่าการติดทางร่างกาย
แมว้ ่าผู้ตดิ ยาเสพตดิ จะได้รบั การบําบดั รกั ษาและฟ้ืนฟูสมรรถภาพมาอย่างดีแลว้ แต่เม่อื กลับไปสู่สงั คม
และสิ่งแวดล้อมเดิม ก็อาจทําให้เขาหวนกลับไปใช้ยาเสพติดได้อีก จึงควรมีการส่งเสริมให้ผู้ผ่านการ
บําบัดรักษายาเสพติด กลับเข้าสู่ชุมชนและสังคม ท่ีปลอดภัยต่อปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อให้ดํารงชีวิตอยู่
ในสังคมได้อย่างปกติสุข โดยชุมชนและสังคมเข้าประคับประคองและเฝ้าระวัง จะช่วยให้ผู้ผ่านการ
บาํ บัด มีความเขม้ แขง็ และมีกําลงั ใจท่ีจะเลิกยาเสพตดิ ได้อย่างถาวร ซึ่งกลุ่มประคับประคองทางสังคม
สามารถดําเนินการโดยคนในชุมชน ได้แก่ ผู้นําชุมชน กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงาน NGO ในพื้นที่
เป็นต้น โดยเช่ือมต่อประสานกับกลไกหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ติดตาม ดูแล ช่วยเหลือผู้ผ่านการ
บาํ บัด ได้แก่ ศูนย์เพอ่ื ประสานฯ ระดับอําเภอ/เขตต้องปฏิบัติหน้าที่ในการส่งต่อผู้ผ่านการบําบดั รักษา
ตามเกณฑ์ที่กําหนดใหก้ ับชมุ ชนโดยผา่ นทางผู้นําชุมชน กาํ นัน ผใู้ หญบ่ ้านและเมื่อกลับเขา้ สสู่ ังคมแล้ว
ชมุ ชนเองก็ตอ้ งไม่ตตี ราผผู้ า่ นการบาํ บัด ใหโ้ อกาสในการกลบั เขา้ สู่ชุมชนและสงั คมอย่างแทจ้ ริง

วัตถปุ ระสงค์

๑. เพื่อตดิ ตามและการฟืน้ ฟสู ภาพทางสงั คมและจิตใจหลังบําบัดรักษา เป็นการสร้าง
ความเข้มแข็งภายใน สรา้ งเสรมิ ศกั ยภาพ พฒั นาความเช่ือมนั่ ในตนเองของผู้ใช้ยาเสพติด เพ่มิ พลังทาง
ปัญญาแก่ผู้ใช้ยาเสพติด โดยผู้ใช้ยาเสพติดมีความเป็นตัวของตัวเองและสามารถดูแลตัวเองได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ สามารถดูแลตนเองและเรียกร้องสิทธิ์ รวมถึงการสนับสนุนทางสังคม ปัจจัยพื้นฐานที่มี
ความจําเป็น ประกอบด้วย๗ ด้าน ได้แก่ ๑) ด้านที่อยู่อาศัย ๒) ด้านการศึกษา ๓) ด้านอาชีพและ
รายได้ ๔) ดา้ นสาธารณสขุ ๕) ดา้ นความมง่ั คงปลอดภยั ๖) ด้านสนั ทนาการ ๗) ดา้ นบริการสงั คม

๒. เพ่ือเพ่ิมทักษะทางสังคม เพ่ิมศักยภาพทางสังคม การเผชิญปัญหาทางด้านสังคม
และด้านจติ ใจและความสามารถในดําเนินชีวติ ในครอบครัว ชุมชน และสง่ิ แวดล้อม

๓. การลดตตี ราบาปและการแบ่งแยกในสังคม
๔. การลดอาการข้างเคียง โดยการลดหรือขจัดอาการทางกายหรือพฤติกรรมที่เกิด
จากการแก้ไขอาการทเี่ กดิ ข้นึ

๕๕

๕. บทบาทผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมในชุมชน ในการติดตามช่วยเหลือผู้ผ่านการฟื้นฟู
ผ้ปู ฏิบัติงานด้านสังคมในชุมชน ประกอบด้วย : บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุข และหรือผู้นํา
ชุมชนในท้องที่เช่น กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นําชุมชนในท้องถิ่น คือ นายก อบต. เจ้าหน้าท่ี อบต.
รวมถงึ หนว่ ยงาน NGO ในพ้นื ทมี่ ีหนา้ ท่ี ดงั น้ี

๕.๑ ให้คําปรึกษาแก่ผู้ใช้ยาเสพติดเป็นรายบุคคล เพ่ือให้เข้าใจตนเองพร้อมทั้ง
ยอมรบั ปัญหานั้น ๆ โดยพรอ้ มทจ่ี ะแกไ้ ขปญั หาด้วยตนเองโดยวธิ ีที่ถูกตอ้ ง

๕.๒ ให้คําปรึกษาครอบครัว รายครอบครัว เพื่อลดปัญหาด้านสัมพันธภาพและ
พฤติกรรมที่ขัดแย้งระหว่างบุคคลในครอบครัว และผู้ใช้ยาเสพติด ลดความตึงเครียดในครอบครัว
ส่งเสริม ให้เกิดการปรับเปลี่ยนแนวคิด ทัศนคติ และพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสม เพ่ิมความตระหนักใน
ปัญหารว่ มกัน และเสริมสรา้ งความสมั พนั ธท์ ี่ดี

๕.๓ ให้ความรู้กับผู้ใช้ยาเสพติดและครอบครัวในเรื่องต่าง ๆ เช่น บทบาทของ
ครอบครัวกับการช่วยเหลอื ผู้ใช้บริการในการเลิกยา ปฏิกิริยาของครอบครวั ในการเลิกยา เสน้ ทางการ
เลิกยา การป้องกันการกลับไปเสพซ้ํา การจัดการตัวกระตุ้นฯลฯ และกระตุ้นให้ครอบครัวและผู้มี
ปญั หาการใชย้ าเสพตดิ เหน็ ความสาํ คัญของการตดิ ตามผลหลังการบาํ บัดรักษา

๕.๔. แนะแนว และส่งต่อเพ่ือจัดสวัสดิการสังคม ด้านการศึกษา ที่อยู่อาศัย งาน
อาชีพและรายได้ให้ผู้ใช้ยาเสพติด ให้ความรู้เกี่ยวกับการสมัครงาน แหล่งงาน ลักษณะงาน สนับสนุน
ให้เกดิ ความม่นั คงปลอดภยั ในชวี ิตและทรัพย์สนิ สง่ ตอ่ ดูแลด้านสขุ ภาพกายและสุขภาพจิต สนบั สนุน
ให้พื้นที่ ชุมชน จัดพื้นที่สร้างสรรค์และสันทนาการ และประสานงานกับหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและ
เอกชน เพ่ือใหผ้ ูใ้ ชย้ าเสพติดและครอบครวั ได้รบั ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม

๕.๕ จัดกลุ่มปัญญาสังคม/กลุ่มสนับสนุนทางสังคม เพ่ือให้ผู้ใช้ยาเสพติดท่ีผ่านการ
บําบัดรักษาได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ช่วยเหลือ ประคับประคองซึ่งกันและกัน ให้ห่างไกล
จากยาเสพติด

๕.๖ เสริมกําลังใจแก่ผู้มีปัญหาการใช้ยาเสพติด เพื่อให้เขาเชื่อม่ันในตนเองว่าจะ
สามารถเลกิ ยาเสพติดได้

๕.๗ ในกรณีผู้ใช้ยาเสพติดกลับไปเสพซ้ํา (Relapse) ผู้ปฏิบัติงานสังคมต้องร่วมมือ
กับผู้ใช้ยาเสพติดและครอบครัว เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ท่ีทําให้กลับไปเสพซํ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้
ยาเสพติด กลับไปตดิ ยาซํา้

๕.๘ ประสานงาน ส่งต่อข้อมูลทางสังคมกับแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา ใน
หนว่ ยงาน ระหว่างการติดตามผลการบาํ บดั รักษา

๕๖

สรุปแนวคิดเกย่ี วกับความสาํ คัญของการมสี ่วนรว่ มทางการเมอื ง

นักวิชาการ สรปุ

ศูนย์อาํ นวยการป้องกนั และปราบปรามยาเสพตดิ การบําบดั ฟ้นื ฟผู ใู้ ชย้ าเสพติด โดยใช้ชุมชนเปน็

กระทรวงสาธารณสุข, ศนู ย์กลาง เปน็ การดูแลผูใ้ ชย้ าเสพตดิ ใหเ้ กดิ การ

บาํ บัดฟ้ืนฟใู กลบ้ ้านหรือภายในชมุ ชนอยา่ ง

ตอ่ เนอ่ื ง ตงั้ แต่การคน้ หา คดั กรอง บําบัดฟ้ืนฟู

การลดอนั ตรายจากยาเสพติด และการตดิ ตาม

ดแู ลช่วยเหลือทางสังคม รวมถงึ ประสานการ

ทํางานรว่ มกันของหน่วยงานด้านสขุ ภาพและ

สงั คม และคนื คนดสี ู่สังคม

๒.๔ หลักพุทธธรรมทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมอื งภาคพลเมือง

๒.๔.๑ ความหมายของสงั คหวตั ถุ ๔

สังคหวัตถุ ๔ เป็นหลักคุณธรรมในศาสนาพุทธ โดยเป็นภาษาบาลีแยกออกเป็น ๒ ศัพท์
คือ สังคห ๑ วัตถุ ๑ “สังคห” แปลเป็นภาษาไทยว่า สงเคราะห์ มีความหมายว่า ช่วยเหลืออุดหนุน
“วัตถุ” ในท่ีนี้หมายความว่า เรื่อง รวมท้ัง ๒ ศัพท์ มีความหมายว่า เรื่องความช่วยเหลือจะช่วยเหลือ
กันด้วยวิธีอย่างไรบ้าง ท่านได้วางไว้เป็น ๔ อย่าง จึงจะถือว่าเป็นเครื่องยึดเหน่ียวใจของผู้อ่ืนได้๓๓
สงั คหวัตถุ แปลว่า หลกั การสงเคราะห์ หรอื หลกั สังคมสงเคราะห์ หมายความวา่ เม่ือมนษุ ย์อยู่รวมกัน
เป็นหมู่ เป็นสังคม คนในสังคมจะต้องรู้จักสงเคราะห์ อนุเคราะห์กันตามฐานะ คนในสังคมจึงจะมี
ความรักใคร่ปรองดองกัน ซ่ึงจะทําให้สังคมราบรื่น มีความสงบ ธรรมที่เป็นหลักการสงเคราะห์น้ี มีอยู่
๔ อย่าง คอื

๑. ทาน เป็นการให้สิ่งของแก่คนท่ีควรให้ หมายความว่า คนเราเกิดมามีชีวิตอยู่ได้ก็
เพราะอาศัยการให้ จะเห็นได้ชัดก็คือ บิดา มารดา ให้ปัจจัยดํารงชีพทุกอย่างแก่บุตรธิดา ครู อาจารย์
ให้วิชาความรู้แก่ลูกศิษย์ ซึ่งการให้ของมีอยู่ ๒ อย่าง คือ อามิสทานให้วัตถุสิ่งของ กับ ธรรมทาน ให้
ธรรมหรือวิชาความรู้แก่ผอู้ ืน่ ซึง่ การแบ่งปนั วัตถุเพื่อเป็นปจั จัยร่วมกัน

๒. ปิยวาจา เจรจาด้วยถ้อยคําน่ารัก ไพเราะอ่อนหวาน หมายความว่า การพูดจาน่ารัก
พูดจาด้วยถ้อยคําที่ไพเราะ การพูดนอกจากจะเป็นวาจาที่ไพเราะอ่อนหวานแล้ว ต้องเป็นวาจาที่เป็น
สัจจะ และมปี ระโยชนแ์ กผ่ ูฟ้ ังแล้ว ยงั จะเปน็ ส่งิ ยดึ เหนย่ี วนํา้ ใจไดม้ ั่นคง

๓. อัตถจริยา ประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่ืน หมายความว่า การทําประโยชน์ แก่
คนอืน่ เชน่ การบําเพญ็ สาธารณประโยชน์

๓๓ สุทธิพงศ์ ปานเพ็ชร์, “การประยุกต์หลักพุทธธรรมกับวิถีชีวิตชุมชน”, รายงานการวิจัยอิสระ,
(มหาวทิ ยาลยั ธรุ กิจบัณฑิตย์, ๒๕๕๐), บทคดั ยอ่ .

๕๗

๔. สมานัตตตา ความเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ถือตัว ความเป็นคนเสมอต้นเสมอ
ปลาย คือ จิตใจคงเส้นคงวาต่อคนท่ัวไป รู้จักร่วมสุขร่วมทุกข์กับคนอื่น เห็นคนอื่นได้รับทุกข์ต้องไม่
ทอดท้ิง หรือรังเกียจ เห็นคนอื่นได้ดีมีความสุขก็ไม่ริษยาแรกคบเป็นอย่างไร ต่อไปก็เป็นอย่างน้ัน ไม่
เปล่ียนแปลง การวางตัวอยา่ งนี้ ย่อมเปน็ ทีร่ ักใครน่ ับถอื ของคนทว่ั ไป

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) ได้ให้ความหมายเกีย่ วกับสังคหวตั ถุ ๔ ไว้ว่า
เม่ือทุกคนต่างประพฤติสังคหวัตถุทั่วถึงกันแล้ว อย่าว่าแต่เฉพาะคน เฉพาะครอบครัว จะรักใคร่ นับ
ถืออยู่เป็นสุขสบายเลย ถึงคนท้ังหมู่บ้าน ท้ังเมือง ทั้งประเทศ ทั้งโลก ก็ต้องอยู่เป็นสุขสบาย ตลอดไป
เหมือนกัน เพราะฉะน้ันท่านจึงว่าสังคหวัตถุท้ัง ๔ อย่าง เป็นคุณสําหรับยึดเหน่ียวน้ําใจ ผู้อื่น ให้รัก
ใครน่ ับถอื ชว่ ยเหลือกัน อย่างวเิ ศษแท๓้ ๔

พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับสังคหวัตถุ ๔ ไว้ว่าสังคหวัตถุ ๔
เป็นหลักการสงเคราะห์ หรือเป็นธรรมเคร่ืองยึดเหนี่ยวจิตใจคน และประสานหมู่ชนไว้ในความ
สามัคคี

คูณ โทขันธ์ ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับสังคหวัตถุ ๔ ไว้ว่า เป็นหลักผูกใจคน เป็นเหมือน
มนตร์ ัก มนตเ์ สน่ห์หา เมตตา มหานยิ ม๓๕

ปรีชา นันตาภิวัฒน์ น.อ. (พิเศษ) ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับสังคหวัตถุ ๔ ไว้ว่า สังคหวัตถุ
๔ เปน็ ธรรมเครือ่ งยึดเหน่ยี วคือ ยดึ เหนยี่ วใจบุคคลและประสานหมชู่ นไวใ้ นสามคั คี ๓๖

บุญสิริ ชวลิตธํารง ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับสังคหวัตถุ ๔ ไว้ว่า เป็นธรรมอันเป็นท่ีตั้ง
แหง่ ความยดึ เหน่ียวจิตใจของกันและกนั อนั เป็นไปเพื่อการสงเคราะหก์ ัน ๓๗

อุดม เชยกีวงค์ และ กนิษฐาน แป้นสุวรรณ ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับสังคหวัตถุ ๔ ไว้ว่า
เป็นธรรมเคร่อื งผูกมดั น้าํ ใจ๓๘

๓๔ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาศน์ วาสโน), สังคหวัตถุ ๔, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหา
มกฏุ ราชวทิ ยาลัย, ๒๕๒๘), หน้า ๕๓.

๓๕ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต), ธรรมนูญชีวิต, พิมพ์ครั้งที่ ๔, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ สํานักงาน
พระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาต,ิ ๒๕๕๐), หนา้ ๑๑.

๓๖ คูณ โทขันธ์, พุทธศาสนากับชวี ิตประจําวัน, (กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์โอเดียนสโตร์, ๒๕๓๗),
หนา้ ๒๕-๒๘.

๓๗ ปรีชา นันตาภิวัฒน์ น.อ.(พิเศษ), พจนานุกรมหลักธรรมพระพุทธศาสนา, (กรุงเทพมหานคร:
สํานักพิมพ์ดวงแกว้ , ๒๕๔๔), หน้า ๑๔๓

๓๘ บุญสริ ิ ชวลติ ธาํ รง, ธรรมโอสถ, (กรุงเทพมหานคร: อมรนิ ทรก์ ารพมิ พ,์ ๒๕๒๙), หนา้ ๒๓-๓๑.

๕๘

สรปุ ความหมายหลกั พุทธธรรม สงั คหวัตถุ ๔

นกั วิชาการ สรุป

สุทธพิ งศ์ ปานเพช็ ร์, สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคต สังคหวตั ถุ ๔ หมายถงึ เครอ่ื งมอื หรือหลกั ธรรมที่
ญาณ (วาศน์ วาสโน), พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยตุ ฺ ช่วย ประสานคนหมูม่ ากใหอ้ ยรู่ ่วมกนั อย่างมี
โต), คูณ โทขนั ธ์, ปรีชา นนั ตาภวิ ัฒน์ น.อ. ความสขุ เปน็ เครอื่ งชว่ ยขจดั ความขัดแยง้ ท่ี
(พิเศษ), บุญสริ ิ ชวลิตธารง, อุดม เชยกวี งค์ และ เกิดขึ้นทาํ ใหค้ นอยู่ รว่ มกนั ด้วยความรกั สามารถ
กนิษฐาน แปน้ สวุ รรณ , ส .ม. (ไทย) ๑๙/๕/๒. นําไปใช้ไดต้ ้ังแต่ระดบั ครอบครัวจนถงึ ระดับสงั คม
เปน็ ธรรมอนั จะ ก่อให้เกดิ ความผาสุกในบ้านเมือง
และประเทศชาตนิ น่ั เอง

๒.๔.๒ ความสําคญั ของสงั คหวัตถุ ๔

หลักธรรมท่ีก่อให้เกิดความสามัคคีที่กล่าวไว้ในพุทธศาสนาเถรวาท ในแง่ของการมีมิตร
สหายหรือบริวารที่ดีจริง พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงความสําคัญของการมีมิตรสหายที่ดีไว้ในอุปัฑฒสูตร
ว่า “ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพ่ือนดี นี้เป็นพรหมจรรย์ท้ังส้ินทีเดียว” ๘ แต่การท่ีจะสร้างมิตร
หรือยึดเหน่ียวจิตใจของบุคคลที่เป็นมิตรสหายกันแล้วไว้ได้น้ันก็เป็นสิ่งที่สําคัญมากเหมือนกัน เพราะ
เป็นเครื่องยึดเหนีย่ วจติ ใจของมิตรหรือบรวิ ารเรียกวา่ หลกั สงั คหวตั ถุ ๙ ซ่ึงมดี ้วยกนั ๔ ประการ คือ

๑. ทาน การให้ปัน การเอ้ือเฟือ้ เผ่ือแผ่สิ่งของของตนแก่บุคคลอ่ืน ด้วยเห็นว่าสงิ่ ของที่ ตน
เสียสละไปนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ผู้รับ เป็นการแสดงความมีน้ําใจและเป็นการยึดเหนี่ยวจิตใจของ
มิตรสหายหรือบริวารไว้ได้พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการให้ไว้มากมา เช่น ผู้ให้ย่อมเป็นท่ีรัก๓๙ ผู้ให้
ย่อมผูกมิตรไว้ได้๔๐ เป็นต้น ผู้ที่มีความตระหนี่นั้นไม่สามารถท่ีจะผูกมิตรหรือยึดเหน่ียวจิตใจของมิตร
และบรวิ ารไวไ้ ด้

๒. ปิยวาจา หรือ เปยยวัชชะ การมีวาจาเป็นที่รัก เป็นท่ีดูดดื่มจิตใจของผู้ฟัง มีวาจา
สุภาพอ่อนหวานชวนฟัง เป็นวาจาที่ไม่หยาบคายและก่อให้เกิดประโยชน์ การมีปิยวาจานี้มี
ความสําคัญเป็นอย่างมากในการผูกมิตรหรือรักษานํ้าใจมิตร บุคคลที่ได้รับมอบหมายให้เป็นทูตหรือ
เป็นตัวแทนของประเทศในการเจรจาเรื่องราวต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประชาชนและ
ประเทศชาติ จะต้องมีเทคนิคในการใช้คําพูดอย่างดีเยี่ยม เพราะถ้าหากใช้คําพูดท่ีไม่ดีก็จะส่งผลให้
ประชาชนและประเทศชาติสูญเสียผลประโยชน์ได้

๓. อัตถจริยา การประพฤติตนเป็นประโยชน์ เช่น การช่วยเหลือผู้อื่นในเวลาท่ีจําเป็นไม่
เปน็ คนนิ่งดูดายในเม่อื ตนเองมกี ําลงั ความสามารถที่พอจะชว่ ยเหลือได้ ในการผกู สัมพันธไมตรีระหว่าง
ประเทศก็เช่นเดียวกนั จะต้องเปน็ ผู้ท่ีรู้จักให้การช่วยเหลือในเวลาทสี่ มควรช่วยเหลือ เช่น เมื่อถึงคราว

๓๙ อดุ ม เชยกีวงค์ และ กนิษฐาน แป้นสุวรรณ, พระธรรมคําสงั่ สอนของพระพุทธเจ้า, (กรุงเทพมหานคร:
สํานกั พิมพแ์ สงดาว, ๒๕๔๘), หน้า ๑๑๕

๔๐ สํ.ม. (ไทย) ๑๙/๕/๒.

๕๙

ท่ีมิตรประเทศต้องประสบกับภัยพิบัติต่าง ๆ ท่ีประเทศสัมพันธมิตรพอที่จะช่วยเหลือได้ก็ให้ช่วยเหลือ
ตามกาํ ลังความสามารถ เพอ่ื เปน็ การผกู สัมพนั ธไมตรีหรอื แสดงถึงความมีสัมพนั ธไมตรีอนั ดีต่อกนั

๔. สมานัตตตา ความมีตนเสมอต้นเสมอปลาย ไม่คบมิตรเพราะเห็นแกป่ ระโยชน์ส่วน ตน
มิใช่ว่าเม่ือเห็นว่ามิตรหมดประโยชน์สําหรับตนแล้วก็เร่ิมห่างเหิน หรือเลิกคบไป การคบหามิตร
จะต้องคบด้วยความจรงิ ใจและมคี วามเสมอต้นเสมอปลาย ทง้ั ในยามท่มี ิตรรุง่ เรอื งและในคราวตกต่ํา

สรุปได้ว่าวิธีการท้ัง ๔ นี้ เม่ือปฏิบัติได้ ย่อมให้เกิดความสามัคคีร่วมมือร่วมใจในกลุ่มชน
นั้น ๆ ถ้าไม่มีหลักปฏิบัติเช่นน้ี ผู้นั้นย่อมไม่เป็นที่รักของคนท่ัวไป ข้อนี้บางท่านจึงเรียกว่า มนต์ มหา
เสน่ห์ เพราะทําให้ตนเข้าไปน่ังในใจของผู้อื่นต่อไป จะได้พูดถึงความสําคัญของสังคหวัตถุธรรม ท่ีเป็น
ส่วนสาํ คญั ในการอยรู่ ว่ มกนั ดงั น้ี

สังคหวัตถุ ๔ เป็นหลักธรรมเพ่ือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซ่ึงการอยู่ร่วมกันในสังคม
หรือในหมู่คณะจําเป็นตอ้ งมีส่ิงท่จี ะมายึดเหนยี่ วจิตใจและ ประสานหมู่คณะไวใ้ ห้เกดิ ความสามคั คแี ละ
เพอ่ื ให้อยูด่ ว้ ยกันอยา่ งสงบสขุ ได้แก่ หลักสงั คหวตั ถุ ๔ ๔๑ ดังตอ่ ไปน้ี

๑. ทาน คือ การให้ปันส่ิงของตนแก่ผู้อื่นท่ีควรให้ คือการเอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่เสียสละแบ่งปัน
เฉลี่ยให้ ไม่ใช่ให้จนร่ํารวยหรือให้จนหมดเนื้อหมดตัว แต่เป็นการแบ่งปันให้เพื่อแสดงอัธยาศัยไมตรี
ผู้ให้ไม่จําเป็นต้องรํ่ารวยหรือมีฐานะดีกว่าผู้รับเสมอไป และยังรวมถึงการช่วยเหลือสงเคราะห์ด้วย
ปัจจยั สีท่ นุ หรือทรัพย์สินสิ่งของตลอดจนให้ความร้คู วามเขา้ ใจ

๒. ปิยวาจา พูดอย่างรักกัน คือกลา่ วคาํ สุภาพไพเราะน่าฟังชี้แจงแนะนําสิง่ ที่เป็น ประโยชน์
มีเหตุผล เป็นหลักฐานชักจูงในทางท่ีดีงาม หรือคําแสดงความเห็นอกเห็นใจให้กําลังใจรู้จัก พูดให้เกิด
ความเข้าใจดีสมานสามัคคีเกิดไมตรีทําให้รักใคร่นับถือช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ซึ่งแต่ละกลุ่มที่ได้ จัดตั้ง
ข้ึนมาจะมีการแบ่งหน้าที่กันและส่ิงท่ีขาดเสียไม่ได้คือฝ่ายประชาสัมพันธ์ หากฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดจา
ไมด่ ี ถึงโครงการหรือกจิ กรรมจะดแี คไ่ หนก็ไมส่ ามารถที่จะโน้มนา้ วจติ ใจของ สมาชิกกลุ่มได้

๓. อตั ถจริยา การทําประโยชน์คอื ช่วยเหลือด้วยแรงกายและขวนขวายช่วยเหลือ กิจการ
ต่าง ๆ บําเพ็ญสาธารณประโยชน์ท้ังช่วยแก้ไขปัญหาและช่วยปรับปรุงแก้ไขให้ดีข้ึนในด้าน คุณธรรม
จรยิ ธรรมเพ่ือเป็นแบบอยา่ งที่ดี

๔. สมานัตตตา วางตนเสมอต้นเสมอปลายให้ความเสมอภาคปฏิบัติสม่ําเสมอกันต่อคน ผู้
ที่เป็นสมาชิกกลุ่มและบุคคลท่ัวไปไม่เอาเปรียบบุคคลท่ีด้อยกว่า และเสมอในสุขทุกข์คือ ร่วมสุข ร่วม
ทุกขร์ ่วมรับรรู้ ว่ มแกไ้ ขปญั หาเพอื่ ใหเ้ กิดประโยชน์สุขร่วมกัน

สังคหวัตถุ ๔ เป็นเคร่ืองผูกใจคน การที่จะผูกมัดใจคนได้นั้นก็ต้องอาศัยธรรมะท่ีจะช่วย
ผูกมัดจิตใจคน จึงเป็นสิ่งท่ีจําเป็น มากจะเห็นได้จากการใช้หลักสังคหวัตถุ ๔ การแสดงพฤติกรรม
โต้ตอบระหว่างบุคคลหนึ่งไปยังอีก บุคคลหนึ่ง หรือไปยังกลุ่มบุคคลจะเกิดขึ้นในลักษณะพ่ึงพาอาศัย
ซ่ึงกันและกันเกิดความเข้าใจอันดี มี ทัศนคติที่ดีต่อกัน รู้จักการให้และการรับความช่วยเหลือหรือ

๔๑ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต), ธรรมนูญชีวิต, พิมพ์ครั้งท่ี ๔, (กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์
พระพุทธศาสนา, ๒๕๕๐), หนา้ ๑๓-๑๔

๖๐

คาํ แนะนําตา่ ง ๆ โดยท่ีบคุ คลสามารถให้ การช่วยเหลอื และสนบั สนุนเม่ือบุคคลอ่นื ต้องการ การปฏิบัติ
ตนหรือการแสดงออกต่อกัน เช่น ครูกับ นักเรียน ในลักษณะท่ีเป็นมิตรโดยให้การสนบั สนุน ช่วยเหลือ
สร้างความเข้าใจที่ดีตอ่ กันมีความใกล้ชดิ สนิทสนมโดยท่ีครูสามารถให้ความช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งได้
เมื่อนักเรียนต้องการในการเรียนการสอน นั้นเป็นส่ิงที่จะช่วยให้บรรยากาศในการเรียนเป็นไปอย่าง
ราบร่ืนโดยนักเรียนที่รับรู้ว่าครูปฏิบัติกับตน ด้วยความจริงใจให้ความรักเอาใจใส่ตนด้วยความจริงใจ
จะเป็นนักเรียนที่มีความรู้สึกที่ดีกับครูเข้าใจ และยอมรับในคําสอนของครูว่าเป็นส่ิงท่ีถูกต้อง เป็น
ประโยชน์แก่การนําไปปฏบิ ตั ิ

ลักษณะการปฏิบัติตนของครูกับนักเรียนจึงเป็นสิ่งสําคัญที่จะช่วยให้ นักเรียนยอมรับคํา
สอนของครู และนาํ สง่ิ ทีค่ รูสอนไปปฏิบตั ิได้ การสร้างความสัมพนั ธ์ที่ดกี บั นกั เรียนโดยอาศัยการปฏบิ ัติ
ต่อนักเรียนด้วยความจริงใจ ให้นักเรียนเกิดความรู้สึกที่ดีและยอมรับการปฏิบัติของครูน้ัน เป็นการ
เสริมสร้างลักษณะทางจิต และพฤติกรรมท่ีพึงปรารถนาของนักเรียน เช่น พฤติกรรมเอื้อต่อสังคม ซ่ึง
เป็นพฤติกรรมท่ีดีงามพฤติกรรมหนึ่งนั้น ครูสามารถปฏิบัติโดยให้ความสําคัญกับนักเรียนของตนเอง
เข้าใจความแตกต่างของนักเรียนแต่ละคน ทําตนเป็นกันเองกับเด็กไม่เข้มงวดหรือปล่อยปละละเลย
นักเรียนจนเกินไป ใหค้ วามยุติธรรมกับนกั เรียนทุกคน ยอมรับฟังความคิดเหน็ และเหตุผลของนกั เรยี น
และแสดงออกทางอารมณ์ที่เหมาะสมกับนักเรียน ลักษณะของครูเหล่าน้ีจะเป็นลักษณะที่ทําให้เกิด
ความสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างครูกับนักเรียน ซ่ึงจะช่วยให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบร่ืน ทําให้
นักเรียนเกดิ ทัศนคตทิ ี่ดตี ่อครู และยอมรบั คําสง่ั สอนของครไู ปปฏบิ ัตติ อ่ ไปได้๔๒

สังคหวัตถุ ๔ เป็นหลักสงเคราะห์ซ่ึงกันและกัน การให้เพื่อสงเคราะห์นี้หมายถึง การให้
เพ่ือยึดเหนี่ยวนํ้าใจ รอ้ ยรัดใจใหร้ วมกันเป็นหมู่ และเห็นอกเห็นใจกนั รักใคร่นับถือสนทิ สนมกันม่ันคง
จะเห็นได้จากมีกองทุนช่วยสมาชิกในชุมชน ยอมเสียสละเงินของทุกคนท่ีสมัครใจเข้าเป็นสมาชิก
กองทุนถือเป็นการช่วยเหลือกัน แสดงให้เห็นว่าทุกคนมีความคิดที่จะช่วยเหลือกันเอง ก่อนที่จะไป
ขอรับความช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันส่ิงของ ๆ ตนช่วยเหลือกันด้วยตลอดถึงให้ความรู้และ
แนะนําท้ังเสียสละ แรงกายและเวลาเพ่ือส่วนรวม และส่ิงที่มุ่งม่ันด้วยการพูดจาด้วยถ้อยคําท่ีไพเราะ
อ่อนหวาน วาจา เป็นท่ีรัก วาจาดูดด่ืมนํ้าใจ หรือวาจาซาบซึ้งใจ จะก่อให้เกิดความสมานสามัคคี เกิด
มิตรไมตรีและ ความรักใคร่นับถือ ตลอดถึงส่ิงท่ีทุกคนยอมรับในกฎกติกาที่ได้ตั้งขึ้นมาร่วมกัน ทําให้
แสดงถึงการ ประพฤติปฏิบัติร่วมกันและผลประโยชน์ท่ีจะได้รวมร่วมกันก็คือไมตรีที่ดีต่อกันท่ีทุกคน
จะได้รับร่วมกนั จึงเปน็ แรงจงู ใจในการแกไ้ ขปัญหาในการสงเคราะห์ซ่งึ กันและกนั

สังคหวัตถุ ๔ เป็นธรรมแห่งการแบ่งปันกันการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในการอยู่
ร่วมกนั อันเป็นไปเพ่อื ดูแลกัน ซึ่งหลักธรรมแห่งการแบ่งปันนี้ ประชาชนใน ชุมชน ได้ถือปฏิบัติรว่ มกัน
โดยใช้ศาสนามาเป็นเครื่องกล่อมเกลาจิตใจให้มีความเห็นอกเห็นใจกันใน ชุมชนวัดหนองสนม จงั หวัด
ระยอง มีการแบ่งปันเงินท่ีมีอยู่เพ่ือเข้าเป็นกองทุนชุมชน จึงถือเป็นการ แบ่งปันทรัพย์เพ่ือช่วยเหลือ
ดูแลซึ่งกันและกัน จึงเป็นการให้การเผื่อแผ่แก่กันซ่ึงเป็นข้อสําคัญเพราะว่า ทุก ๆ คนย่อมต้องการ

๔๒ พทุ ธทาสภกิ ขุ, บริหารธุรกจิ แบบพทุ ธ, (กรุงเทพมหานคร: อตัมมโย, ม.ป.ป.).

๖๑

ความชว่ ยเหลือจากกนั และกนั และการแบ่งปนั ไมไ่ ด้มีแต่ทรพั ย์สินเท่าน้ัน ยงั รวมถึงดา้ นจิตใจ ยงั ชว่ ย
ให้กําลังใจให้ความรู้ให้การแนะนําให้ข้อเสนอแนะนําต่าง ๆ ในส่ิงท่ีทํารว่ มกัน ในชุมชนแล้วผลที่จะได้

ตามมาจึงเป็นมูลเหตุให้ได้รับความร่วมมือ สามัคคีกัน ทุกคนจะได้รับความสุข ร่วมกันแต่ถ้าหาก
สมาชิกในชุมชนคิดเห็นแต่ประโยชน์ของตนเองมากกว่าส่วนร่วม การปฏิบัติหน้าก็ จะไม่สามารถ
สาํ เร็จได้ และสงั คหวตั ถุ ซึ่งเปน็ ธรรมแหง่ การแบ่งปนั กนั กจ็ ะใช้ไม่ได๔้ ๓

สังคหวัตถุ ๔ เป็นหลักแห่งการให้เพื่ออนุเคราะห์ หมายถึง การให้ความเกื้อหนุนโอบ
อ้อมอารีด้วยเมตตา และการให้อุดหนุนเอ้ือเฟ้ือ ช่วยเหลือกันด้วยความกรุณา คนที่มีทรัพย์คิด
ชว่ ยเหลอื คนอื่นให้ต้ังตวั ได้ ย่อมเป็นกาํ ลงั สําคัญของ ชุมชนเพ่อื ให้เกิดความเข้มแข็งและเพอ่ื เปน็ กําลัง
ทส่ี าํ คญั ของประเทศชาติ

ดังน้ัน การให้เกื้อหนุน โอบอ้อมอารีกันด้วยเมตตา และการให้อุดหนุนเอ้ือเฟ้ือช่วยเหลือ
กนั ดว้ ยความกรณุ าจงึ ถือว่าใหเ้ พอ่ื อนุเคราะห์ ๔๔

สรุปความหมายหลกั พุทธธรรม สังคหวัตถุ ๔

นกั วชิ าการ สรปุ

อุดม เชยกีวงค์ และ กนิษฐาน แปน้ สวุ รรณ, หลักสงั คหวัตถุ ๔ คอื ธรรมเปน็ เคร่ืองยึดเหนี่ยว
ส.ํ ม. (ไทย) ๑๙/๕/๒., พระพรหมคุณาภรณ์ จติ ใจ การสงเคราะหซ์ ึง่ กันและกนั หรอื หลกั
(ป.อ.ปยุตโฺ ต), พุทธทาสภกิ ข,ุ บญุ สิริ ชวลิตธารง, มนุษยสมั พันธท์ ่ดี ที ที่ ําให้คนในสังคมอยู่ร่วมกนั ได้
สจุ ติ รา รณรน่ื , อยา่ งสมคั ร สมานสามคั คีและมีความสุข

๒.๕ บรบิ ทพน้ื ที่วิจยั

๑) ประวัตคิ วามเป็นมา

เริ่มต้นจาก เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้ทําโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเยาวชนและผู้นํา
ชุมชนโดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อสังคม มีผู้ผ่านหลักสูตร จํานวน ๔๖๙ คน
ใน ขณะเดยี วกนั ไดท้ ําการคดั กรองผ้มู ีพฤตกิ รรม ติดยาเสพตดิ ผ้คู ้ายาเสพติด จํานวน ๑๖๓ คน ทาํ ให้
มี โครงการต่อเนอื่ ง ต้องนาํ มาบาํ บดั ฟน้ื ฟูเพือ่ คนื คนดีสสู่ ังคมจึงเป็นเหตุใหห้ าสถานท่ีจัดตั้งศนู ย์พฒั นา
คุณภาพชีวิตชุมชน อําเภอนํ้าพอง เพ่ือทําการบําบัดฟ้ืนฟูแก่บุคคลเหล่านี้ จึงได้ทําการซื้อที่ดิน
จํานวน ๖ ไร่ ๆ ละ ๕๐,๐๐๐ บาท โดยใช้เงินส่วนตัว หลังจากนั้นได้สร้างเรือนนอน ๑ หลัง เป็นโครง
ไม้ ยูคาลิปตัสหลังคามุงด้วยหญ้า พื้นปูด้วยผ้าใบ ต้ังช่ือว่า “ศูนย์คุณภาพชีวิตชุมชนอําเภอน้ําพอง”
หลังจากบําบัดแล้วกส็ ่งบคุ คลดงั กล่าวกลบั สชู่ มุ ชนและชมุ ชนเห็นวา่ พฤติกรรมดขี ้ึนมาก

๔๓ บุญสิริ ชวลิตธารง, ธรรมโอสถ, (กรงุ เทพมหานคร: อมรนิ ทร์การพมิ พ์, ๒๕๒๙), หนา้ ๒๓-๓๑.
๔๔ สุจิตรา รณรื่น, ศาสนาเปรียบเทียบ, (กรุงเทพมหานคร: บริษัทสหธรรมิก จํากัด, ๒๕๓๘), หน้า
๑๕.

๖๒

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะครูนํานักเรียน นักศึกษา เข้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพราะช่วง
นโยบายปราบยาเสพติด ซุมชน องคก์ รทั้งภาคเอกชนได้จัดทํากิจกรรมดังกล่าวทําให้อําเภอนํ้าพองมีผู้
ตดิ ยาเสพติดและคา้ ยาเสพตดิ ที่ได้ผ่านกระบวนการคัดกรองจาํ นวน ๑,๒๓๗ คนในปี พ.ศ.๒๕๕๘ ทาง
สํานักงานพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่นได้มีโครงการจัดปฏิบัติธรรม ของส่วนราชการเพ่ือเฉลิมพระ
เกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางสํานักงานพ้ืนที่การศึกษา ขอนแก่น เขต ๔ ได้เข้าร่วม
โครงการนําคณะครู ผู้บริหาร จํานวน ๒,๕๓๓ คน เข้าร่วมปฏิบัติธรรมทํา ให้ผลการปฏิบัติธรรมเป็น
ประโยชน์กับคณะครู จึงมีการประชาสัมพันธ์โดยอัตโนมัติทําให้ครูนําคณะ นักเรียนเข้าร่วมปฏิบัติ
ธรรม ซ่ึงแพรห่ ลายไปทัว่ ภาคอีสาน

ในปี พ.ศ.๒๕๔๘ มีกลุ่มเกษตรกรรัฐนาํ ชําระหน้ีให้เกษตรกรรายย่อย จํานวน ๔,๘๖๔ คน
ทําให้ผู้เข้าร่วมสามารถปรับพฤติกรรมตัวเองได้ เคยกินเหล้าและสูบบุหรี่สามารถเลิกได้ทําให้
ครอบครัว มีความสุขหลังจากน้ันหน่วยงานต่าง ๆ เห็นคุณค่าของการทําประโยชน์ของศูนย์พัฒนา
คุณภาพชีวิต ชุมชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ เข้าร่วมมาเป็นศูนย์จัดตั้ง
บริการทางสังคม แบบมีส่วนร่วม ธนาคารออมสินเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งท่ีให้การสนับสนุน ศูนย์เรียน
รู้คู่ชุมชน โดยได้ ดาํ เนินการสรา้ งอาคารให้ ๓ หลัง โยมผู้มีจิตศรทั ธาสร้างเรือนนอนหญิงให้ ๑ หลัง ผู้
ว่าฯ เจตน์ ธนวัฒน์ ให้การสนับสนุน หอประชุมพร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธา ๑ หลัง ทําให้เป็นสถานท่ีท่ี
กาํ ลงั จะ สมบรู ณ์ตามความจําเป็น

วตั ถุประสงค์

๑. เพ่ือฝึกกาย วาจา ใจ ให้ชุมชนดํารงตนอยู่ในหลักศาสนาธรรมของพระพุทธศาสนา
ไตรสิกขา คือ ศิล สมาธิ ปัญญา

๒. เพอื่ สรา้ งฐานองค์ความรู้ในการดาํ รงชีพและการอยูใ่ นสังคม
๓. เพอื่ ปูพน้ื ฐานทางวัฒนธรรมทางสังคมสร้างค่านิยมรูปแบบของพระพทุ ธศาสนา
๔. เพื่อเสริมสร้างทักษะและพัฒนาอาชีพแบบเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดําริ
ใหแ้ กช่ มุ ชนแบบยั่งยืนอย่างตอ่ เนื่อง
๕. เพ่ือปลูกจิตสํานึกให้ ลด ละ เลิก อบายมุข ดํารงตนในสังคมอย่าง เก่ง ดี มีอิสระ
วิสยั ทศั น์

ทุกคนมีความต้องการที่จะไดร้ ับความเติมเต็มตามความสามารถรายบุคคล จะไดพ้ ัฒนาใน
อัตตา และรูปแบบท่ีแตกต่างกันมีความปรารถนาตามธรรมชาติ ที่จะเรียนรู้อย่างอิสระ มีความขยัน
ประหยัด ซ่ือสัตย์ กตัญญ รู้วินัยห่างไกลอบายมุข มีความรับผิดชอบเช่ือม่ันในตนเอง มีความคิดแบบ
ประชาธิปไตย และมีทักษะที่จําเปน็ สําหรบั แก้ปัญหาในปัจจบุ ันและอนาคต นําพาตัวเองเข้าไปสู่การมี
ประสบการณ์เท่าทันความเป็นจริงแห่งการเรียนรู้เป็นอย่างดี มีความรับผิดชอบ นําไปสู่การ
เปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมในทางที่ดีโดยเป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่องที่เกิดข้ึนท้ังในหมู่บ้านชุมชน
และศูนย์ฯ

๖๓

พันธกจิ

ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนอําเภอนํ้าพองมีพันธกิจจะเสริมสร้างให้เป็นศูนย์เรียนรู้ของ
ผู้ เข้าขบวนการและชุมชน ด้วยความคาดหวังในการปฏิบัติของผู้ผ่านกระบวนการในระดับสูง เพื่อ
อาํ นวยความสะดวกให้เกิดประสบการณ์การเรียนรู้ และความมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม โดยแต่ละบุคคล
จะมีโอกาสไดต้ ระหนักถงึ การพัฒนาศักยภาพของมนุษยใ์ ห้เกิดสง่ิ ต่อไปนี้ คอื

๑. ความสามารถในการประเมนิ ตนเองไดข้ องแต่ละบคุ คล
๒. ทศั นคติในทางบวกของแต่ละบุคคลทม่ี ตี อ่ ตวั เขาเองและผอู้ ืน่
๓. ความสามารถพึง่ ตวั เองได้ และความสามารถของแต่ละบคุ คล
๔. ความรเิ ริ่มสร้างสรรคข์ องแตล่ ะบุคคล
๕. ความสามารถในการสรา้ งความเชอื่ มั่นในตนเอง
๖. ได้รับความรู้ท่ีสัมพันธ์กับความต้องการทั้งทางจิตใจและร่างกายและความสามารถของ
แตล่ ะบุคคล
๗. ความคิดวิพากย์ และความสามารถในการตัดสินใจของแต่ละบุคคล ๔. ความสามารถ
ของแต่ละบุคคลในการพัฒนาตนเองเพอื่ เปน็ สว่ นของสงั คม

เป้าประสงค์
๑. เพื่อเปิดโรงเรียนพุทธเกษมวิทยาลัยระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๖ ในการสร้างเด็กพันธ์
ใหม่ จํานวน ๕๐๐ คน
๒. เพอื่ ให้สวสั ดกิ ารคนชราในรูปแบบเปน็ บา้ นพักคนชรา
๓. เพือ่ จัดตง้ั ศูนยเ์ รียนรคู้ ูช่ มุ ชนในระบบสนเทศเช่ือมโยงอนิ เตอรเ์ นต็ ทัว่ โลก
๔. เพอื่ จดั ทาํ แปลงเกษตรสาธติ ตามแนวทฤษฎใี หมป่ ลอดจากสารเคมี
๕. เพือ่ จัดตัง้ รา้ นคา้ สาธิตชุมชน และธนาคารหมบู่ ้าน/ตลาดเกษตรปลอดสารพิษ
๖. เพ่ือจดั ตั้งศูนย์บําบดั ยาเสพติดชมุ ชนอําเภอน้ําพอง/ทว่ั ไป/โครงการ Tucar
๗. เพื่อจัดต้ังวัด เพ่ือให้เกิดวิถีชีวิตชุมชนชาวพุทธอย่างแท้จริงในการเป็นอยู่อย่างภูมิ
ปัญญาไทยอยา่ งแท้จรงิ
๘. เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอมรมคุณธรรม ศีลธรรม และศูนย์ฝึกอาชีพ ศูนย์เรียนรู้ประจําอําเภอ
นํ้าพอง

ความเปน็ มาของศูนย์บาํ บดั ยาเสพตดิ

ในปี ๒๕๕๕ รัฐบาลโดยการนําของ พณฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้เอา
นโยบายขบวนการเอาชนะยาเสพติดเข้าสู่ชุมชน เพื่อคัดกรองผู้เสพและผู้ค้า เพราะปัญหาเร่ืองยา
ลกุ ลามเขา้ ไปในทุกสงั คม รวมไปถงึ สังคมโรงเรียน ซ่ึงเปน็ สังคมของเยาวชนที่เป็นอนาคตของ ชาติ ทํา
ใหเ้ กิดปญั หาสารพดั ชมุ ชนเกดิ ความเดอื ดร้อน วนุ่ วาย ครอบครวั แตกแยก ยาเสพติด เตม็ เมือง ยงั ดีท่ี
ทางภาครัฐให้ความสนใจ และให้ความจริงใจในการแก้ไขปัญหา เพ่ือท่ีจะทําให้ชุมชน กลับมาสู่ความ
ปกติ ยาเสพติดลดน้อยลงในขณะเดียวกัน วัดพุทธเกษมได้จัดตั้ง ศูนย์พัฒนาคุณภาพ ชีวิตชุมชน
อําเภอนํ้าพอง เพ่ือช่วยแก้ปญั หาชมุ ชน โดยเฉพาะโครงการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมของชุมชน ทางด้าน
ความคิดและด้านพฤติกรรม โดยได้รับการสนับสนุนจากชุมชน รวมไปถึงหน่วยงานราชการ โดยมี

๖๔

เยาวชนที่มาจากโรงเรียนต่าง ๆ จํานวน ๕,๔๖๓ คน กํานันผู้ใหญ่บ้านและสมาชิกองค์การบริหาร
ส่วนตําบล จํานวน ๘๖๔ คน ประชาชนท่ัวไป ด.๔๙๑ คน รวมไปถึงกลุ่มเป้าหมายตามนโยบายของ
ทางภาครัฐในขณะน้ัน คือ เยาวชนท่ีติดยาเสพติด จํานวน ๓๓๖ คน ผู้ค้ายาเสพติด จํานวน ๔๖ คน
และยังมีประชาชนท่ีไม่ได้รับการอบรมในโครงการฯ ที่เป็นผู้เสพยาเสพติดจํานวนกว่า ๑,๓๕๗ คน
และผ้คู ้ายาเสพติดกวา่ ๗๔ คน ท่มี าขอรับการช่วยเหลือ ซ่ึงหลังจากการเข้ารับการอบรมแล้ว ปรากฏ
ว่าชุมชนมปี ญั หาดา้ นยาเสพตดิ ลดน้อยลง

สถานทตี่ ้งั

วัดพุทธเกษมต้ังอยู่เลขท่ี ๖๙ หมู่ที่ ๑๐ ตําบลหนองกุง อําเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแก่น
สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเน้ือท่ีวัด ๑๒ ไร่ ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดเม่ือปีพุทธศักราช ๒๕๕๖ เดิมวัด
พทุ ธเกษมเป็นสถานท่ตี ั้งศนู ย์พัฒนาคุณภาพชวี ิตชุมชนอําเภอน้าํ พอง (โดยการนําของเจา้ คณุ พระอุดม
ปัญญาภรณ์ เจ้าคณะอําเภอน้ําพอง เจ้าอาวสวัดชัยศรี ตําบลวังชัย อําเภอนํ้าพอง ปัจจุบันท่านได้
มรณภาพแล้ว) วัดพุทธเกษมเป็นศาสนสถานที่สําคัญแห่งหนึ่งของอําเภอน้ําพอง นอกจากเป็นที่พัก
อาศัยของพระสงฆ์ เป็นสถานประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นที่ศึกษาและปฏิบัติธรรม วัดพุทธ
เกษมยงั เป็นสถานทด่ี ําเนนิ กจิ กรรมต่าง ๆ ทสี่ าํ คญั ดังนี้

๑. เป็นท่ีตั้งศูนย์ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและความม่ันคงแห่งสถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ โดยดําเนินการจัดโครงการปรับเปล่ียนพฤติกรรมเยาวชนและผู้นําชุมชน ในพ้ืนที่
อําเภอนํ้าพอง และอําเภอใกล้เคยี ง

๒. เป็นทต่ี ง้ั โครงการลานบญุ ลานปญั ญา ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม
๓. จัดและบูรณาการดําเนินโครงการร่วมกับสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ขอนแก่น เขต ๔ จัดคณะครู และผบู้ รหิ าร เขา้ ปฏิบัติธรรม นาํ นักเรยี น เข้าอบรมคณุ ธรรมจริยธรรม
๔. เป็นท่ีต้ังโรงเรียนพุทธเกษมวิทยาลัย เปิดสอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และ
มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

วัดพุทธเกษมปัจจุบันมีพระครูสุตศาสนการ รองเจ้าคณะอําเภอนํ้าพอง เป็นเจ้าอาวาสวัด
พุทธเกษม ได้ให้ความสําคัญกบั เด็กและเยาวชนท่ีมปี ัญหาเป็นพิเศษ ท่านได้จัดใหม้ ีกิจกรรมคัดกรองผู้
มพี ฤติกรรมติดยาเสพตดิ ผคู้ ้ายาเสพตดิ ได้เขา้ มาบาํ บัดรักษา ทาํ ใหห้ น่วยงานทางราชการให้ความ

สนใจและเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนโครงการและกิจกรรมของวัดพุทธเกษม เช่น
ศูนย์บริการทางสังคม แบบมีส่วนร่วม ของกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศูนย์เรียนรู้คู่
ชมุ ชน ของธนาคารออม สิน ตลอดจนให้การสงเคราะห์เด็กกาํ พร้า และคนชรา เปน็ ต้น

๖๕

๒) พ้ืนท๔่ี ๕

ตําบลหนองกุง อยู่ทางทิศเหนือของจังหวัดขอนแก่น มีเน้ือที่ประมาณ ๖๒.๘๐ ตาราง
กิโลเมตร หรือประมาณ ๓๙,๒๕๐ ไร่ ห่างจากที่ว่าการอาํ เภอนํ้าพอง ๓ กิโลเมตร ห่างจากศาลากลาง
จงั หวดั ขอนแก่น ๔๓ กโิ ลเมตร มีสภาพภมู ิประเทศเปน็ เนินเขาและท่ีราบบางส่วนใช้เป็นทท่ี าํ กินและท่ี
อยู่อาศัย พื้นที่สาธารณประโยชน์ในแต่ละหมู่บ้าน รวม ๗๑๘ ไร่ ๔๑ งาน ๑,๙๘๖.๕ ตารางวา โดยมี
รายละเอยี ดดงั น้ี

๓) เขตพื้นท่ี ตดิ ตอ่ กบั ตําบลคํามว่ ง อาํ เภอเขาสวนกวาง
ทศิ เหนือ ตดิ ต่อกับ ตําบลท่ากระเสรมิ อําเภอนํ้าพอง
ทิศใต้ ตดิ ตอ่ กบั ตาํ บลพังทุย , ตําบลทรายมูล อาํ เภอน้ําพอง
ทิศตะวนั ออก ตดิ ตอ่ กบั ตําบลวงั ชยั อาํ เภอนํา้ พอง
ทศิ ตะวนั ตก

๔) แบง่ เขตการปกครอง เป็น ๑๐ หมบู่ า้ น

ชุมชนรอบข่าง แบ่งเขตการปกครอง เป็น ๑๐ หมู่บ้าน ประกอบด้วยหมู่บ้าน หมู่ ๑ บ้าน
หนองกุง, หมู่ ๒ บ้านนายม, หมู่ ๓ บ้านนาคู, หมู่๔ บ้านโสกแสง, หมู่๕ บ้านนาเรียง, หมู่ ๖ บ้าน
หนองนกเขียน, หมู่ ๗ บ้านบึงกลาง, หมู่ ๘ บ้านโนนสวรรค์, หมู่ ๙ บ้านนาเรียง, หมู่ ๑๐ บ้านหนอง
กุง

๕) จาํ นวนประชากรใน บา้ นหนองกุง

จํานวนประชากร (ตามทะเบียนราษฎร์) รวมทั้งส้ิน ๖,๑๖๔ คน แยกเป็น ชาย ๓,๐๖๗
คน หญงิ ๓,๐๙๗ คน แยกเปน็ รายหมูบ่ ้าน

๖) พระเณรจาํ พรรษาปี ๒๕๖๓ จํานวน

พระ ๕ รูป เณร ๙ รปู

๗) ประชากรในโรงเรียนวัดพุทธเกษมวิทยาลัย

ครู ๑๔ คน นกั เรียน ๒๒๙ คน

๘) ประชากรในเทคโนโลยีพทุ ธเกษม

ครู ๑๓ คน นกั เรยี น ๒๔๒ คน๔๖

๔๕ สุวิน ทองป้ัน, “รูปแบบการรักษาและป้องกันยาเสพติดตามแนวทางพระพุทธศาสนา : กรณีศึกษา
วัดพุพทธเกษม อําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแก่น”, รายงานการวิจัย, (มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
๒๕๕๘), หนา้ ๒๓-๒๕.

๔๖ สมั ภาษณ์ นายประทาน แสนสลี า, ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๓.

๖๖

๙) สาธารณูปโภค

การไฟฟา้

- ทกุ หมบู่ า้ นมไี ฟฟา้ ครบทุกครัวเรอื นคิดเปน็ จาํ นวนร้อยละ ๑๐๐ %

๑๐) การเดินทาง

มีเส้นทางการคมนาคมติดต่อกับทุกหมู่บ้านมีถนนลาดยางและถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก
ภายในหมบู่ า้ น ทุกหมบู่ า้ น๔๗

๑๑) ความปลอดภัยในชีวติ และทรัพยส์ นิ

- สถานีตาํ รวจ (ท่พี กั สายตรวจ)
- สถานีดับเพลงิ
- ตาํ รวจชุมชน ๒ นาย

สรุปได้ว่า วัดพุทธเกษมปัจจุบันเป็นท่ีตั้งศูนยพ์ ัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน และศูนย์บําบัดยา
เสพติด เพื่อส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และ เปน็ สถานทีร่ กั ษาพฤติกรรมผตู้ ิดยาเสพตดิ ผู้คา้ ยาเสพตดิ ได้เข้ามาบาํ บัดรักษาเพ่ือคนส่สู งั คม๔๘

๒.๕.๑ วิธกี ารรักษาและการป้องกันยาเสพติดของวดั พุทธเกษม

วัดพุทธเกษมมีวิธีการรักษาและการป้องกันยาเสพติด โดยนานโยบายจากรัฐบาลมาเป็น
ต้นแบบในขบวนการเอาชนะยาเสพติดเข้าสู่ชุมชน เพื่อคัดกรองผู้เสพและผู้ค้า เพราะปัญหาเร่ืองยา
เสพติดน้ันลุกลามเข้าไปในทุกสังคม รวมไปถึงสังคมโรงเรียน ซ่ึงเป็นสังคมของเยาวชนท่ีเป็นอนาคต
ของชาติ ทําให้เกิดปัญหามากมายตามมาขุมขนเก็บความเดือดร้อนวุ่นวาย ครอบครัวแตกแยก ยา
เสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง ภาครัฐได้ให้ความร่วมมือและความสนใจในการแก้ไขปัญหา เพ่ือท่ีจะทําให้
ชุมชนกลับมาสู่ความปกติและยาเสพติดลดน้อยลงในขณะท่ีวัดพุทธเกษมได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพ
ชวี ติ ชมุ ชนอําเภอนํา้ พอง เพ่ือชว่ ยแก้ปัญหาชุมชนโดยเฉพาะโครงการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมของขุมขน
ทางด้านความคิดและด้านพฤติกรรม โดยได้รับการสนับสนุนจากชุมชน รวมไปถึงหน่วยงานราชการ
และมีวิธกี ารรกั ษาและการปอ้ งกนั ยาเสพติดดงั มรี ายละเอียดต่อไปน้ี

๑) การจัดโครงการบําบดั ฟื้นฟสู มรรถภาพผู้ตดิ ยาเสพติด

โดยโครงการบําบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดใช้หลักสูตรในการบําบัดรักษาผู้ติดยา
เสพติด ๑๕ วัน หรอื ๖ เดือน หรือเปน็ ปขี น้ึ อยู่กบั อาการของแต่ละบคุ คล ซง่ึ มีรปู แบบการบําบดั รกั ษา
และวธิ กี ารเพอื่ ปอ้ งกนั ไม่ให้กลับไปเสพใหมด่ งั นี้

๔๗ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลหนองกงุ , แผนพฒั นาสุขภาพ ปี ๒๕๖๒, หน้า ๔.
๔๘ สุวิน ทองปั้น, “รูปแบบการรักษาและป้องกันยาเสพติดตามแนวทางพระพุทธศาสนา: กรณีศึกษา
วดั พุทธเกษม อําเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแกน่ ”, รายงานการวจิ ยั , หนา้ ๒๕-๒๘.

๖๗

(๑) รูปแบบการบําบดั
- เวชบาํ บัด บาํ บดั ดว้ ยสมุนไพร
- กายบาํ บัด โดยการออกกําลงั กาย เล่นกีฬา
- จิตบําบดั การไหว้พระสวดมนต์ น่ังสมาธิ
- อาชพี บาํ บัด โดยการฝกึ อาชพี ตามความสามารถของผูบ้ าํ บดั

(๒) ขน้ั ตอนในการบําบดั
- ลงทะเบยี นโดยการสอบประวตั ผิ ้ปู ่วย
- รบั ประทานยาสมุนไพรตามขนาดผปู้ ่วย
- การติดตามประเมินผลทุกวนั โดยการทานยา
- เขา้ โปรแกรมการฝึกอบรมตามหลกั สตู ร

(๓) หลักสตู ร
- เวชบําบัดใชเ้ วลา ๓ วนั หลงั จากผา่ นการรับประทานยาแลว้
- ทาํ การประเมนิ ผลการบาํ บัด
- การเข้าโปรแกรมหลักสูตรอบรมการบําบดั ฟื้นฟู
- การออกกําลังกาย
- การฝกึ สมาธเิ พื่อพัฒนาจติ ใจผู้บาํ บดั
- การแสดงโทษจากการติดยาเสพติด
- การดูกฎแหง่ กรรม

(๔) การบําบัดด้วยหลักธรรมทางพุทธศาสนา โดยใช้วิธีบําบัดรักษาทางพุทธศาสนา
ไปเลียงใจใช้เวลา ๗ วันถึง ๓ เดือน โดยฝึกอาชีพตามความสามารถของผู้บําบัด เช่น ทําการเกษตร
ช่างซอ่ มรถ ช่างไฟฟ้า ชา่ งวาดเขียน ช่างคอมพิวเตอร์ และชา่ งตัดผม

๒) การจัดโครงการเยาวชนรักษ์ป่าไม้ห่างไกลยาเสพติด ภายหลังจากการเข้าร่วม
โครงการเยาวชนไดใ้ ชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ โดยทาํ กจิ กรรม

ทางด้านสิ่งแวดล้อมอย่างสร้างสรรค์ ทําให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติด นอกจากนี้ ยังมีความ
มุ่งประการคือ เยาวชนจะมีจิตอาสาด้านสิ่งแวดล้อม มีเจตคติท่ีดีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ส่ิงแวดล้อม รวมทั้งรู้จักแหล่งอาหาร สมุนไพรจากธรรมชาติ สามารถนํามาประยุกต์ใช้ ชีวิตประจําวัน
อีกท้ังเป็นการเสริมสร้างความเป็นผู้นํา กล้าคิด กล้าแสดงออก และฝึกทํางานเป็นกลุ่ม ผ่าน
กระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมจากสถานการณ์ปัญหาจริงที่เกิดข้ึน ให้เกิดความรักความหวงแหน
ทรัพยากรธรรมชาติการเป็นลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ให้แก่เยาวชน ของชาติเพื่อให้เป็นต้นแบบท่ี
เติบโตด้วยคุณภาพ และเต็มเป่ียมด้วยคุณธรรม จริยธรรม สามัคคี และสามารถนําหลักคุณธรรมไปใช้
ในการดํารงชีวิตได้อย่างเหมาะสมรวมทั้งปลูกฝังทาง การดํารงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงมาให้เป็น
แนวทางในการปฏิบัติในชีวิตประจําวันได้ และในการร่วมโครงการครั้งนี้ได้ให้เยาวชนนั้นได้รู้จักโทษ
ของยาเสพตดิ และร่วมกันอนรุ กั ษ์ปา่ ไม้ดว้ ย

๖๘

สรุปได้ว่า วิธีการรักษาและการป้องกันยาเสพติดของวัดพุทธเกษมใช้โครงการบําบัดฟื้นฟู
สมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามหลักสูตรการบําบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ๑ เดือน ๑๕ วันหรือเป็นปี
ขน้ึ อยู่กับอาการของแต่ละบุคคลเช่นบําบัดด้วยสมนุ ไพร การออกกําลงั กาย เล่นกีฬา การไหวพ้ ระสวด
มนต์ น่ังสมาธิและมีวิธีการป้องกันยาเสพติดโดยจัดโครงการเยาวชนรักษ์ป่าไม้ห่างไกลยาเสพติด
เยาวชนจะมีจิตอาสาด้านสิ่งแวดล้อม เพ่ือให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และห่างไกลยาเสพ
ตดิ

๒.๖ งานวิจยั ทีเ่ กยี่ วข้อง

การวิจัย เรื่อง การมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมทางการเมอื งภาคพลเมืองที่สง่ ผลต่อกจิ การบําบัด
ยาเสพติดของ วดั พุทธเกษม อาํ เภอน้าํ พอง จังหวดั ขอนแกน่ ได้ศกึ ษางานวจิ ยั ที่เกย่ี วขอ้ งดงั ต่อไปนี้

อรพิน ปิยะสกุลเกียรติ๔๙ ได้ทําการวิจัยเรื่อง การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาคุณภาพ
ชวี ิตผู้สูงอายุในตําบลท่าแค จงั หวดั ลพบุรี ผลการวจิ ยั พบวา่ ตําบลท่าแคเป็นชุมชนเก่าแก่ทีม่ ีวฒั นธรรม
ที่มีคณุ ค่าต่อการสรา้ งการมีส่วนร่วมของชุมชน กระบวนการมีส่วนรว่ มของชมุ ชนมาจากการดําเนินงาน
ระหว่างภาคประชาชนและองค์การปกครองส่วนท้องถ่ินร่วมกันคิดพัฒนากิจกรรมเพ่ือนําไปใช้พัฒนา
คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต ความสัมพันธ์ทางสังคม และสภาพแวดล้อม แนว
ทางการมีส่วนร่วมของชุมชนจากการส่งเสริมขององค์การบริหารส่วนตําบลท่าแคและการตระหนักรู้
ของประชาชน โดยนําวัฒนธรรมท้องถิ่นมาสร้างจุดร่วมในการรวมพลังชุมชนอย่างเข้มแข็ง ใช้หลักการ
มีส่วนร่วมขับเคล่ือนการดําเนินงานโดยอาศัยจิตสํานึกรับผิดชอบต่อส่วนรวมของอาสาสมัครที่มีความ
พร้อมในการปฏิบัติงานเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในส่วนร่วมขับเคลื่อนการดําเนินงานโดยอาศัย
จิตสํานึกรับผิดชอบต่อส่วนรวมของอาสาสมัครที่มีความพร้อมในการปฏิบัติงานเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิต
ผูส้ ูงอายใุ นชมุ ชน

จินตนา กะตากูล ได้ทําวิจัยการมีส่วนร่วมการเลือกตั้งทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชน
ศกึ ษาเฉพาะกรณี หมูท่ ่ี ๔ ตาํ บลชา้ งซา้ ย อาํ เภอพระพรหม จงั หวดั นครศรีธรรมราช ผลการวิจยั พบว่า๕๐

๑. การมีส่วนร่วมการเลือกต้ังทางการเมืองท้องถ่ินของประชาชน โดยรวมท้ัง ๓ ด้าน อยู่
ในระดับปานกลาง เม่ือพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงลําดับตามค่าเฉลี่ยพบว่า ด้านการใช้สิทธิ
เลือกต้ังมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง ด้านการรับรู้ข่าวสารทางการเมือง มีค่าเฉล่ียอยู่ในระดับปาน
กลาง ดา้ นการรณรงคห์ าเสยี งเลอื กต้ัง มีค่าเฉล่ยี อยใู่ นระดบั น้อย

๒. ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมการเลือกตั้งทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชน ที่มี
เพศต่างกันไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ ท่ีมีระดับอายุต่างกันแตกต่างกันอย่าง

๔๙ อรพิน ปยิ ะสกุลเกียรต,ิ “การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผสู้ งู อายใุ นตําบลท่าแค
จังหวัดลพบุรี”, วารสารรม่ พฤกษ์ มหาวิทยาลัยเกรกิ , ปที ี่ ๓๖ ฉบับท่ี ๓ (กันยายน – ธนั วาคม ๒๕๖๑): ๔๖-๖๕.

๕๐ จินตนา กะตากูล, “การมีส่วนร่วมการเลือกตั้งทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชน ศึกษาเฉพาะ
กรณี หมู่ท่ี ๔ ตําบลช้างซ้าย อําเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช”, วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, ปีท่ี ๖
ฉบบั ที่ ๖ (สงิ หาคม ๒๕๖๒): ๒๘๖๐-๒๘๗๔.

๖๙

มนี ัยสําคัญทางสถิติท่รี ะดับ .๐๑ ท่ีมีอาชีพต่างกันแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติทร่ี ะดับ .๐๕ ที่
มรี ะดบั การศึกษาและรายไดเ้ ฉลย่ี ต่อเดอื นต่างกันแตกตา่ งกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิตทิ ร่ี ะดบั .๐๐๑

๓. ข้อเสนอแนะเก่ียวกับปัญหาและแนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมการเลือกต้ังทาง
การเมืองท้องถ่ินของประชาชน มีดังน้ี ประชาชนมีส่วนร่วมการเลือกต้ังทางการเมืองท้องถ่ินยังไม่มาก
เท่าท่ีควร อาจเป็นเพราะการรับรู้ข่าวสารทางการเมืองน้อย ตลอดจนประชาชนมีส่วนร่วมในการหาร
ณรงค์เสียงเลือกตั้งน้อย ควรเพิ่มการประชาสัมพนั ธ์ให้ประชาชนตระหนกั และเลง็ เห็นความสําคญั ของ
การมีส่วนรว่ มในการเลือกตั้งทางการเมืองท้องถิ่นมากยิ่งข้นึ

ธนิศร ยืนยง๕๑ ได้ทําวิจัยเร่ือง การมีส่วนร่วมของประชาชนท่ีส่งผลต่อการพัฒนาท้องถิ่น
ในจังหวัดนครนายก ผลการศกึ ษาพบว่า

๑. การมีส่วนร่วมของประชาชนท่ีส่งผลต่อการพัฒนาท้องถิ่นในจังหวัดนครนายก
ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงตามลําดับจากมากไปน้อย ดังน้ี การมีส่วน
ร่วมในการรับผลประโยชน์ อยู่ในระดับมาก การมีส่วนร่วมในการดาเนินงาน อยู่ในระดับมาก การมี
ส่วนร่วมในการประเมินผล อยู่ในระดับปานกลาง และการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ อยู่ในระดับปาน
กลาง ตามลําดบั

๒. การพัฒนาท้องถ่ินของประชาชนในจังหวัดนครนายก ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือ
พิจารณาเป็นรายด้านเรียงตามลําดับจากมากไปน้อย ดังนี้ การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม อยู่ในระดับมาก การเสริมสร้างศักยภาพชุมชนให้มีความเข้มแข็ง พัฒนาและส่งเสริม
ความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพให้สังคมมีความสงบสุข อยู่ในระดับมาก การส่งเสริมการ
บริการทางการแพทย์ ศูนย์สุขภาพแบบองค์รวม อยู่ในระดับมาก และการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว
แหล่งทอ่ งเทีย่ ว สิง่ อํานวยความสะดวก สนิ คา้ บริการ อยู่ในระดบั ปานกลาง ตามลําดบั

๓. การมีส่วนร่วมของประชาชนมีความสัมพันธ์กับการพัฒนาท้องถิ่น ในระดับสูง อย่างมี
นยั สําคญั ทางสถิติทร่ี ะดบั ๐.๐๑ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชนในการรบั ผลประโยชน์ ส่งผลต่อการ
พัฒนาท้องถ่ิน เปน็ อนั ดบั แรก คดิ เปน็ ร้อยละ ๘๔.๔๐

ไพรัตน์ ฉิมหาด ได้ทําวิจัยเรื่อง การเมืองภาคพลเมืองกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองใน
สงั คมไทย

ผลการศึกษาพบว่า การเมืองภาคพลเมืองกบั การมีส่วนร่วมทางการเมอื ง เป็นสถานการณ์
ที่ประชาชนมี สิทธิและเสรีภาพในการเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทางนโยบาย มีการกระจาย
อํานาจให้ ประชาชนสามารถกําหนดวิถีชีวิตของตนเองโดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อ่ืน ภายใต้กรอบของ
กฎหมาย โดยเน้ือหาจะกล่าวถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐท่ีอาจเกิดผลกระทบต่อ
ประชาชน ประชาชนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วม และประชาชนสามารถดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทาง
การเมืองได้ด้วยตนเอง ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ได้มี เจตนารมณ์

๕๑ ธนิศร ยืนยง, “การมีส่วนร่วมของประชาชนท่ีส่งผลต่อการพัฒนาท้องถ่ิน ในจังหวัดนครนายก”,
วารสารมหาจุฬานาครทรรศน,์ ปที ี่ ๕ ฉบบั ท่ี ๒ (พฤษภาคม – สิงหาคม ๒๕๖๑): ๑๑๙-๑๒๐.

๗๐

สําคัญในการเปลี่ยนการเมืองของนักการเมืองเป็นการเมืองของพลเมืองโดยส่งเสริม สิทธิและเสรีภาพ
ของประชาชน อีกทั้งประชาชนมีส่วนร่วมในการเมืองพลเมืองท่ีควบคู่ไปกับการดําเนินกิจกรรมทาง
การเมือง อีกท้ังการส่งเสริมการเมืองภาคพลเมืองให้มีประสิทธิผล ต้อง มีการสนับสนุนการติดตาม
และตรวจสอบกระบวนการปฏิรูปการเมือง การเกิดองค์กร ประชาชน การรณรงค์เพ่ือการเรียนรู้
ประชาธิปไตยของประชาชน การสร้างสํานึกพลเมือง เพ่ือ เสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย การให้
ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกต้ัง และการตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐ ทั้งนี้ ต้องมีการ
สนับสนุนท่ีเป็นรูปธรรมเช่น กฎหมายที่ ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของ
ประชาชนหรือการเมืองภาคพลเมือง เพื่อให้ประชาชนสามารถทํากิจกรรมการเมืองภาคพลเมืองได้
อย่างเต็มท่ี เข้มแข็ง ต่อเนื่อง อิสระ มีต้นทุนตํ่า และไม่เป็นภาระแก่ตนเองมากเกินจําเป็น ซึ่งสรุปได้
ว่าการมีส่วนร่วมทางการเมืองในการกําหนดนโยบายของรฐั บาล และเป็นกระบวนการช้ีวัดพัฒนาการ
ทางการเมืองใน ระบอบประชาธิปไตยของแต่ละประเทศ ดังน้ันประเทศ ที่พัฒนาการเมืองการ
ปกครองใน ระบอบประชาธิปไตยอยู่ในระดับท่ีดีแล้ว มักจะกําหนดให้ประชาชนทุกระดับ มีสิทธิใน
การมี ส่วนรว่ มทางการเมอื งตามกฎหมาย และมีผลในทางปฏิบัติอยา่ งเปน็ รปู ธรรม๕๒

รงค์ บุญสวยขวัญ ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง การเมืองภาคพลเมือง : ทบทวนวรรณกรรมเพ่ือ
สร้างตัวช้ีวัด หรือตัวบ่งบอกการเมืองของพลเมือง ผลการศึกษา พบว่า คุณลักษณะเชิงเนื้อหาท่ีเป็น
ตัวบ่งช้ีหรือตัวชี้วัด “การเมือง ภาคพลเมือง” ในบริบทประชาธิปไตยไทยมี ๔ ลักษณะ ประกอบด้วย
ประการแรก กลุ่ม องค์กร หรือขบวนการทางสังคม ประการท่ีสอง คุณลักษณะของผู้นํา แกนนํา
ประการทส่ี าม คุณลกั ษณะของสมาชกิ และประการสดุ ทา้ ย การเชือ่ มโยงเครอื ข่าย๕๓

กฤศ์ติญญาดา ผาสุข และ สุวิชา เป้าอารีย ได้ศึกษาวิจัยเร่ืองการเมืองภาคประชาชน
เพื่อแก้ไขปัญหา พื้นท่ีทับซ้อน : กรณีศึกษา ชุมชนตลาดบ่อบัว อําเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ผล
การศึกษา พื้นท่ีของชุมชนตลาดบ่อบวั เปน็ พื้นที่ในกรรมสิทธ์ิของรถไฟ แห่งประเทศไทย โดยเป็นพ้ืนท่ี
ท่ีถูกเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลเพ่ือจัดทําอาคาร พาณิชย์และห้างสรรพสินค้า ซึ่งการรถไฟแห่ง
ประเทศไทยมิได้มีส่วนร่วมในการ ช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขึ้น ส่งผลให้ประชาชนสูญเสียสิทธิ
ครอบครองในฐานะผู้เช่าอาศัยในที่อยู่ให้แก่นายทุน จึงก่อให้เกิด “การเมืองภาคประชาชน” ใน
ชุมชนตลาดบ่อบัวผ่านการรวมตัวและเรียกร้องความเป็นธรรมในเร่ืองท่ีอยู่อาศัยต่อ หน่วยงานของรัฐ
และผู้ท่ีมสี ว่ นเกยี่ วข้อง โดยในช่วงแรกของการเรยี กร้องมิได้ประสบ ความสาํ เร็จอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้
ส่งผลให้ความเช่ือม่ันภายในกลุ่มประชาชนลดลง และล้มเลิกความตั้งใจ อย่างไรก็ตามยังคงมีกลุ่ม
ประชาชนบางกลุ่มยังคงรวมตัวเพ่ือ เคลื่อนไหวอยู่ โดยเม่ือพิจารณาแล้วนั้น ลักษณะการเคล่ือนไหว
ภายในพ้ืนที่มีรูปแบบ ของการเคลื่อนไหวทางสังคมรูปแบบใหม่ (New Social Movement) เพ่ือ

๕๒ ไพรตั น์ ฉิมหาด, “การเมืองภาคพลเมอื งกับการมีสว่ นร่วมทางการเมอื งในสังคมไทย”, วารสารมหา
จุฬานาครทรรศน์, ปที ่ี ๗ ฉบบั ที่ ๕ (พฤษภาคม – สิงหาคม ๒๕๖๓): ๔๖-๔๗.

๕๓ รงค์ บุญสวยขวัญ, “การเมืองภาคพลเมือง : ทบทวนวรรณกรรมเพ่ือสร้างตัวชี้วัด หรือตัวบ่งบอก
การเมอื งของพลเมือง”, วารสารมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร,์ ปที ี่ ๖ ฉบบั ที่ ๒ (๒๕๕๘): ๑๒๑–๑๔๐.

๗๑

ปกป้อง ผลประโยชน์ของกลุ่มประชาชนในพ้ืนท่ี รวมท้ังมีการรวมกลุ่มเพื่อต้านอํานาจต่อ ผู้มีส่วนได้
ส่วนเสยี ในพืน้ ทีท่ ้งั หน่วยงานภาครัฐและกลมุ่ นายทุน๕๔

อาภาศิริ สุวรรณานนท์๕๕ ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง การศึกษารูปแบบการดําเนินงานด้านการ
บําบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยความสําเร็จของ ระบบสมัครใจ ได้แก่ การให้การ
สนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดและท้องถ่ินในการทํางาน ความสามารถและพลังของ
วิทยากรในคัดกรอง การอบรมและติดตามประเมินผล การใช้วิธีการแบบพูดคุยแบบไม่เป็นทางการ
และการใช้เทคโนโลยีในการประสานงาน กิจกรรมที่มีความน่าสนใจและมีความเหมาะสมกับสภาพ
พ้นื ที่และเป็นพลังใหก้ ับผบู้ าํ บัดสามารถกลบั มาดาํ รงชีวิตโดยไม่ใชย้ าเสพติด รวมทงั้ การมีสว่ นร่วมของ
ครอบครัวในการบําบัดรักษา ความเข้มแข็ง และความร่วมมือของชุมชน โรงเรียน การศึกษานอก
โรงเรียน สถานประกอบการในการทํางานสนับสนุนการทํางานของภาครัฐ ปัจจัยความสําเร็จของ
ระบบบังคับบําบัดรักษา ได้แก่ ความร่วมมือของพลังอาสาสมัครคุมประพฤติ ชุมชน ครอบครัว
เครือข่ายยุติธรรมชุมชนท่ีมีจิตอาสาในการร่วมมือในทุกระยะของการบําบัดรักษา การจัดกิจกรรมท่ีมี
ความหลากหลายและมีการแบ่งประเภทของผู้เสพยาเสพติดท่ีมีความชัดเจนช่วยให้การบําบัดรักษาได้
ถูกต้อง เหมาะสมส่งผลสัมฤทธิ์ต่อการบําบัดรักษา และผู้บริหารและเจ้าหน้าท่ีเข้าถึงการประสานงาน
ในชุมชนและการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ปัจจัยความสําเร็จของระบบต้องโทษ
ได้แก่ ความสามารถในการสร้างเครือข่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ สถานศึกษา สถานประกอบการและ
ภาคธุรกิจเอกชนผบู้ ริหารระดับสงู ใหค้ วามสาํ คญั กับการดาํ เนินงานและความรว่ มมอื ในการทํางานเป็น
ทีมของวิทยากรให้งานประสบความสําเร็จ การให้ความสําคัญกับครอบครัว/ชุมชนร่วมในทุกข้ันตอน
ของกระบวนการบําบัดรักษา ปัจจัยความสําเร็จในภาพรวม ได้แก่ รูปแบบการบําบัดรักษาที่มีความ
หลากหลาย มีความยืดหยุ่นเข้าถึงง่ายและการแบ่งประเภทของผู้บําบัดรักษาอย่างชัดเจน ทําให้การ
บําบัดรักษาประสบความสาํ เรจ็

การทํางานในพ้ืนที่ที่มีการทํางานเป็นทีมอย่างครบถ้วน ทั้งทีมการแพทย์ ทีมทางสังคม
และทีมทางกฎหมาย และการบําบัดรักษาที่มีความเหมาะสมสอดคล้องกับอายุ เพศ เช้ือชาติ และ
วัฒนธรรมของผู้เสพยาเสพติด การกํากับดูแลการบริหารงานการบําบัดรักษาที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่
ระดับนโยบาย หลักของภาครัฐ ระดับปฏิบัติการ และระดับชุมชนท้องถิ่น ความร่วมมือของหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทํางานไปในทิศทางเดียวกันอย่างมุ่งม่ันและต่อเน่ืองรวมท้ังการมีส่วนร่วมของ
ครอบครัวในการบําบัดรักษาในทุกระยะ การใช้ระบบอาสาสมัครและจิตอาสาในการทํางานด้านการ
บําบัดรักษาเพื่อให้คําปรึกษารายบุคคลและรายกลุ่ม การเสริมสร้างแรงจูง การให้กําลังใจและ
แลกเปลย่ี นประสบการณ์ทางบวกในการดําเนินชีวิตแกผ่ ู้เสพยาเสพตดิ ขอ้ เสนอแนะท่ีไดจ้ าการวิจยั ใน

๕๔ กฤศต์ ิญญาดา ผาสขุ และ สวุ ิชา เป้าอารีย, “การเมืองภาคประชาชนเพ่ือแก้ไขปัญหาพื้นที่ทบั ซ้อน:
กรณีศึกษา ชุมชนตลาดบ่อบัว อําเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา”, วารสารร่มพฤกษ์ มหาวิทยาลัยเกริก, ปีที่ ๓๖
ฉบบั ที่ ๓ (กันยายน–ธันวาคม ๒๕๖๑): ๙๘-๙๙.

๕๕ อาภาศิริ สุวรรณานนท์, “การศึกษารูปแบบการดําเนินงานด้านการบําบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด”,
วารสารวชิ าการบัณฑิตวิทยาลัยสวนดสุ ิต, ปีที่ ๑๑ ฉบบั ที่ ๒ (พฤษภาคม-สิงหาคม ๒๕๕๘): ๒๑๓-๒๑๔.

๗๒

การพัฒนาและขยายผลการดําเนินงาน ได้แก่ การใช้แนวคิดการแก้ปัญหา โดยชุมชน (Community
Based) เป็นแนวทางหลักในการบําบัดรักษา การให้ชมุ ชนเป็นศูนย์กลางในการบําบัดรักษาและดูแลผู้
บําบดั หลงั การบําบดั รักษา

การปรับนโยบายให้มีความยืดหยุ่นตามความเหมาะสมและความจําเป็นของพื้นที่ การ
พฒั นาหนว่ ยงาน รูปแบบและมาตรฐานการบําบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดให้มคี วาม
เหมาะสมโดยใช้ลักษณะผู้เสพยาเสพติดเป็นศูนย์กลาง (Client-Centered Approach) การจัดต้ัง
ศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้เสพยาเสพติดแบบเร่งด่วนและการสนับสนุนงบประมาณไปยังผู้ปฏิบัติงาน
โดยตรง การขยายการประสานงานกับหนว่ ยงานภาคเอกชนในพ้ืนที่ในการส่งต่อการฝึกงานและอบรม
วิชาชีพของผู้ผ่านการบําบัดรักษา และการจัดอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการและการพัฒนาองค์ความรู้
ด้านการบําบัดรักษาและฟ้ืนฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแก่ผู้ปฏิบัติงาน ทีมงานสหวิชาชีพ และ
อาสาสมัคร

นันทา ชัยพิชิตพันธ์๕๖ ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง การพัฒนารูปแบบการบําบัดฟื้นฟูสมรรถภาพ
ในผู้ป่วยเสพติดยาบ้า: การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม
ครั้งน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบในการบําบัดฟ้ืนฟูสมรรถภาพผู้ป่วยเสพติดยาบ้า โดยแบ่ง
ขัน้ ตอนการดําเนินงานวจิ ัยออกเปน็ ๓ ระยะ ดงั น้ี

ระยะท่ีหนึ่ง (การประเมินรูปแบบการบําบัดฟ้ืนฟูเดิม–FAST Model) ในข้ันตอนน้ี
ผู้เก่ียวข้องกับการบําบัดฟื้นฟูเดิม (FAST Model) จํานวน ๓๒ คน (บุคลากรทางสุขภาพ ๑๓ คน
ผปู้ ่วย ๑๐ คน ญาติผู้ป่วย ๙ คน) ได้เข้าร่วมสะท้อนปัญหา–อุปสรรคและมุมมองทีต่ ้องการให้เกิดการ
ปรับเปล่ียน ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกและการสนทนากลุ่ม
จากการวิเคราะห์เน้ือหาพบว่า สิ่งสําคัญท่ีควรได้รับการพัฒนาได้แก่ (๑) การจัดการผู้ป่วย (๒) การ
เพ่ิมบทบาทของครอบครัว (๓) ทักษะของผู้ให้บริการ (๔) การคํานึงถึงสิทธิผู้ป่วย และ (๕) ความ
เข้มแข็งของทมี สหวิชาชพี

ระยะที่สอง (การพัฒนารูปแบบการบําบัดฟื้นฟูใหม่ - CHF Model) ในการประชุมเชิง
ปฏิบัติการได้นํากระบวนการ A-I-C (Appreciation Influence Control) มาประยุกต์ใช้กับผู้เกี่ยวข้อง
จํานวน ๔๘ คน ประกอบด้วย พยาบาลหัวหน้าหอผู้ป่วย (๔ คน) พยาบาลวิชาชีพ (๖ คน) ทีมสหสาขา
วิชาชีพ (๕ คน) ผู้ป่วยเสพติดยาบ้า (๒๐ คน) และญาติผู้ป่วย (๑๓ คน) ด้วยการนําผลการศึกษาจาก
ระยะท่ี ๑ มาเสนอในเวทีการประชุมและร่วมกันอภิปรายผลจนตกผลึกเป็นแนวทางท่ีควรปรับเปล่ียน
เป็น CHF Model อันประกอบด้วย Case Management, Holistic Rehabilitation และ Family
Reward

ระยะท่ีสาม (การทดลองใช้กับผู้ป่วย) การทดลองใช้รูปแบบการบําบัดฟ้ืนฟูใหม่ CHF
Model (Study Group) ทําขนานไปกับผู้ป่วยในการบําบัดฟ้ืนฟูเดิม FAST Model (Control
Group) ด้วยวิธีการสุ่มเข้ากลุ่มศกึ ษาและกลุ่มควบคมุ กล่มุ ละ ๑๒ คน กลุ่มญาติของผปู้ ่วยแบ่งเป็น ๒

๕๖ อ้างแล้ว.

๗๓

กลุ่มๆ ละ ๑๒ คนเช่นเดียวกัน โดยก่อนและหลังการเข้าร่วมโครงการ ผู้ป่วยได้รับการประเมิน
ความเครียดและวัดคุณภาพชีวิต ขณะท่ีญาติได้รับการประเมินการทําหน้าท่ีครอบครัว ทัศนคติของ
ญาติต่อตัวผู้ป่วย และวัดดัชนีความสุขในชีวิต ทําการวิเคราะห์เปรียบเทียบประสิทธิผลของรูปแบบ
การบําบัดด้วยสถิติ Paired T-Test และ Independent T-Test ที่ระดับนัยสําคัญทางสถิติ ๐.๐๕
ผลการวิจัย พบว่า (๑) ค่าเฉลี่ยคะแนนความเครียดและค่าเฉลี่ยคะแนนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยกลุ่ม
ศึกษามีทิศทางดีขึ้นกว่าก่อนการทดลองและดีขึ้นกว่ากลุ่มควบคุม (๒) ผู้ป่วยกลุ่มศึกษามีอัตราการ
บําบัดครบเกณฑ์สูงถึงร้อยละ ๑๐๐ (๓) ผลการติดตามในระยะ ๑ เดือน พบว่า ผู้ป่วยท้ังสองกลุ่มมี
ค่าเฉล่ียคะแนนความเครียดและค่าเฉล่ียคะแนนคุณภาพชีวิตไม่แตกต่างกัน (๔) เม่ือติดตามระยะยาว
เป็นเวลา๓ เดือน พบว่า อัตราไม่กลับไปเสพซ้ําสูงถึงร้อยละ ๘๓.๓ ในกลุ่มศึกษา และสูงกว่ากลุ่ม
ควบคุม (ร้อยละ๕๘.๓) (๕) ญาติกลุ่มศึกษามีค่าเฉล่ียคะแนนการทําหน้าทีค่ รอบครัวดีขึน้ กว่าก่อนการ
ทดลอง และเม่ือติดตามระยะ ๑ เดือน พบว่า ญาติกลุ่มศึกษามีค่าเฉลี่ยคะแนนการทําหน้าที่
ครอบครัวและมคี า่ เฉลี่ยคะแนนดชั นีความสขุ ในชีวิตสงู กว่ากลมุ่ ควบคมุ

ผลการวิจัยคร้ังนี้สรุปได้ว่า CHF Model สามารถช่วยให้ผู้ป่วยเสพติดยาบ้ามีความเครียด
ลดลง มีคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น มีอัตราการบําบัดครบตามเกณฑ์ และอัตราการไม่กลับไปเสพซํ้าเพิ่มขึ้น
อีกท้ังยังสามารถช่วยให้ญาติมีการหน้าท่ีครอบครัวและมีความสุขในชีวิตดีข้ึน ซ่ึงกระบวนการบําบัด
ด้วย CHF Model สามารถบําบัดฟื้นฟูผู้ป่วยและเพ่ิมการมีส่วนร่วมของญาติได้ภายในเวลา ๓ เดือน
ขณะที่ FAST Model ต้องใช้เวลาบําบัดสูงถึง ๔ เดือน CHF Model ท่ีถูกตกผลึกและร่วมกันพัฒนา
จากภาคส่วนท่ีเก่ียวข้องตั้งแต่ผู้บริหาร ผู้ให้การบําบัด ทีมสหสาขาวิชาชีพ ผู้ป่วย และญาติ อาจเป็น
ทางเลือกหนึ่งในการนํามาประยุกต์ใช้ในการบําบัดฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติด เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเสพ
ตดิ ยาบ้าและครอบครัวตอ่ ไป

วัลภา ฐาน์กาญจนและคณะ๕๗ ได้ศึกษาวิจัยโครงการถอดบทเรียนกระบวนการของ
ชุมชนต่อการบําบัดฟื้นฟู ป้องกัน เยาวชนจากสารเสพติด สรุปผลการศึกษา พบว่า มีกลุ่มเยาวชนท่ี
เลิกยาได้ ๕ คน เป็นเยาวชนชาย อายุระหว่าง ๑๕-๒๖ ปี สารเสพติดที่ใช้ คือ กระท่อม ยาบ้า ยาไอซ์
และกัญชา ส่วนใหญ่เร่ิมใช้สารเสพติดในช่วงมัธยมศึกษาปีท่ี ๒-๔ สาเหตุของการติดยา คือ อยากลอง มี
ปัญหาครอบครัววิธีการบําบัด ได้แก่ เลิกด้วยตนเอง เลิกด้วยตนเองพร้อมแยกออกจากสังคมเดิม และ
บาํ บดั ท่ีคา่ ยภาพรวมปจั จัยสําคญั ของความสําเร็จในการบําบัด ฟ้ืนฟู และป้องกันเยาวชนจากสารเสพติด
ไดแ้ ก่ ๑) ดา้ นผู้นําชุมชน คอื ผใู้ หญ่บ้านมีความศรัทธาตอ่ หลกั ศาสนาอย่างลกึ ซึง้ มภี าวะผนู้ ําสงู ๒) ด้าน
ทีมงาน มีความรักลูกหลาน ไม่ดูดายต่อความไม่ถูกต้อง สมาชิกทีมงานมีความหลากกหลาย ๓) ด้านการ
บําบัดและฟ้ืนฟู ครอบครัวมีบทบาทสําคัญมาก พ่อแม่ให้ความรัก และติดตามถามไถ่อย่างสม่ําเสมอ
รองลงมาคอื กาํ ลังใจจากเพอ่ื น ๔) ด้านกระบวนการป้องกัน ไดแ้ ก่ การสอนเด็กในโรงเรียนคุรุสมั พันธท์ ั้ง
เรื่องจริยธรรม คุณธรรมและพิษภัยของยาเสพติด การตักเตือนในรูปแบบหลากหลาย การลาดตระเวน

๕๗ วัลภา ฐาน์กาญจนและ, “โครงการถอดบทเรียนกระบวนการของชุมชนต่อการบําบัดฟื้นฟู ป้องกัน
เยาวชนจากสารเสพติด, แผนงานภาคีวิชาการสารเสพติด (ภวส.)”, รายงานการวิจัย, (สํานักงานกองทุนสนับสนุน
การสรา้ งเสริมสุขภาพ (สสส.) ๒๕๕๘), บทคดั ย่อ.

๗๔

และกระบวนการของโค้ชฟุตบอลที่มีกติกาการฝึกซ้อมที่สอดคล้องกับการฟื้นฟูและป้องกันเยาชนจาก
สารเสพติดชุมชนพอใจกับผลงานในระดับหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสพัฒนาต่อ ได้แก่ ๑) การใช้ทุน
ของชุมชนทางดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติต่อการสนับสนนุ อาชพี และกิจกรรมแกเ่ ยาวชนใหม้ ากขนึ้ ๒) เพิ่ม
กจิ กรรมทสี่ ง่ เสริมความเขม้ แขง็ ของครอบครวั และกิจกรรมทเี่ กดิ จากการคดิ รเิ ร่มิ สรา้ งสรรคข์ องเยาวชน
๓) การจัดทําแผนการดําเนินงานท่ีชัดเจนท้ังการบําบัด ฟื้นฟู การป้องกัน และการติดตามผล ๔) การใช้
ความรูแ้ ละการทาํ งานกับนักวชิ าการ

สุวนิ ทองปั้น วิจัยเรื่องรูปแบบการรักษาและป้องกนั ยาเสพติตามแนวทางพระพุทธศาสนา:
กรณศี ึกษา วัดพุทธเกษม อาํ เภอน้าํ พอง จังหวัดขอนแก่น ผลการวจิ ัย

๑. วิธีการรักษาและการป้องกันยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อําเภอนํ้าพอง จังหวัด
ขอนแก่น โดยนํานโยบายจากรัฐบาลมาเป็นต้นแบบในขบวนการเอาชนะยาเสพติดเข้าสู่ชุมชน ใช้
โครงการบําบัดฟ้ืนฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามหลักสูตรการบําบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ๑๕ วัน
หรือ ๑ เดือน หรือเป็นปีขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล เช่น บําบัดด้วยสมุนไพร การออกกํา เล่น
กฬี า การไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ และมวี ิธกี ารป้องกนั ยาเสพติดโดยจดั โครงการบําบัด สมรรถภาพ
ผู้ติดยาเสพติด และโครงการเยาวชนรักษ์ป่าไม้ห่างไกลยาเสพติดเยาวชน เพ่ือให้เยาวชนใน เวลาว่าง
ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ ละห่างไกลยาเสพติด

๒. แนวคิดทฤษฎีการรักษาและการฟ้ืนฟูยาเสพติดและหลักธรรมในการรักษายาเสพติด
เป็นการปรับเปล่ียนความเคยชินในเรื่องการใช้ยาเสพติดให้สามารถเลิกพ่ึงยาเสพติด ๒ แนวคิดคือ มี
การปฏิบัติต่อผู้ติดยาเสพติดด้วยการลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมและเปล่ียนมาปฏิบัติต่อ เสพติด
เสมือนเป็นผู้เจ็บป่วยท่ีต้องได้รับการเยียวยารกั ษาท้ังทางด้านรา่ งกายและจติ ใจและการปฏบิ ัติต่อผู้ติด
ยาเสพติดเสมือนเป็นผู้ป่วยทางกายหลักธรรมในการรักษายาเสพโดยอาศัย คือ สัมมัปปธาน ๔ ศีล ๕
และภาวนา ๔ ซึ่งเป็นหลักธรรมพ้ืนฐานในการพากเพียร ต้ังใจที่จะลดเพื่อการรักษาละเลิก และการ
ปอ้ งกันยาเสพตดิ ออกจากชวี ิตได้อย่างมสี ติ

๓. รูปแบบการรักษาและแนวทางการป้องกันยาเสพติดของวัดพุทธเกษม โดยการใช้ยา
สมุนไพรเพื่อทําการรักษาผู้ติดยาเสพติด คือ การออกกําลังกาย การสวดมนต์ปฏิบัติธรรมการธรรมะ
และการทํากิจกรรมเพ่ือใช้รักษาผู้ติดยาเสพติด สําหรับแนวทางการป้องกันยาเสพติดขอ พุทธเกษม
โดยใช้หลักธรรมะเป็นแนวทางสําคัญเพ่ือป้องกันยาเสพติดคือศีล ๕ ได้แก่ ๑) งดเว้นจากการ ฆ่าสัตว์
หรือทําลายชีวิต ๒) งดเว้นจากการลักทรัพย์ ๓) งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๔) งดเว้นจากการ
กลา่ วเทจ็ และ ๕) งดเวน้ จากการดืม่ สุราและเมรยั อันเป็นท่ีตงั้ แหง่ ความประมาท๕๘

โกวิทย์ พวงงาม วิจัยเร่ือง รูปแบบการจัดโครงสร้างองค์กรป้องกันแก้ปัญหายาเสพติดท่ี
เหมาะสมในระดับจังหวัด กรณีศึกษาพ้ืนท่ี ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ พบว่า และอุปสรรคจากการ
ดําเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดส่วนใหญ่ยังยึดติดอยู่กับโครงสร้างองค์กรราชการที่มีกรอบความคิด
สั่งการมาจากส่วนกลาง ทําให้ขาดการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่าย จึงเสนอในการปรับฐานคิด ในการจัด

๕๘ สุวิน ทองปั้น, “รูปแบบการรักษาและป้องกันยาเสพติดตามแนวทางพระพุทธศาสนา : กรณีศึกษา
วัดพุพทธเกษม อาํ เภอนํา้ พอง จังหวดั ขอนแกน่ ”, รายงานการวจิ ยั , บทคดั ยอ่ .

๗๕

โครงสร้างในการแก้ปัญหายาเสพติด โดยการจัดโครงสร้างองค์กรแบบ ผสมผสานที่มีลักษณะเป็น
องค์กรแนวราบ หรือแบบเมตรกิ ท่ีมีความยืดหยุน่ เปิดโอกาสให้ชุมชน องค์กรปกครองท้องถิ่น องค์กร

พัฒนาเอกชน และองค์กรเอกชนรวมท้ังนักวิชาการ เข้ามามีส่วนร่วมหรืออาจจะเรียกว่ามีลักษณะ
องค์กรร่วมมือแบบไตรภาคีหรือเบญจภาคี หรือการใช้ประชาชน จังหวดั ในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา
ยาเสพติดโดยต้องคํานึงถึงสภาพพ้ืนท่ีและสภาพแวดล้อมและจังหวัดโดยปรับเปลี่ยนทัศนะคติหรือ

ฐานความคิดว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติด ควรเป็นหน้าทุกคน ทุกหน่วยงานท่ีจะต้องร่วมมือกันแก้ไข
ปญั หาในลกั ษณะประชาคมอาสา๕๙

ดังน้ัน ผู้วิจัยจึงเห็นประเด็นสําคัญในการกําหนดกรอบแนวคิดในการทําวิจัยท่ีเด่นชัด คือ
การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมือง ๔ ด้าน คือ ๑) ด้านการให้คาํ ปรึกษา ๒) ด้านการ
เปน็ วิทยากร ๓) ดา้ นศาสนสงเคราะห์ ๔) ด้านการสง่ เสริมอาชีพ

สรุปงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง

นกั วชิ าการหรอื แหล่งข้อมลู สรปุ แนวคดิ
อรพนิ ปิยะสกุลเกยี รติ (บทคดั ย่อ)
ผลการวจิ ยั พบว่ากระบวนการมีส่วนร่วมของ
จนิ ตนา กะตากลู (บทคดั ยอ่ ) ชมุ ชนมาจากการดาํ เนนิ งานระหว่างภาค
ประชาชนและองค์การปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ
ร่วมกนั คิดพฒั นากิจกรรมเพ่ือนาํ ไปใช้พฒั นา
คุณภาพชีวติ ผู้สูงอายดุ ้านสขุ ภาพกาย สขุ ภาพจิต
ความสมั พันธท์ างสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม แนว
ทางการมสี ่วนรว่ ม โดยนําวัฒนธรรมทอ้ งถิน่ มา
สร้างจดุ ร่วมในการรวมพลังชุมชนอยา่ งเขม้ แข็ง
ใชห้ ลกั การมีสว่ นรว่ มขบั เคลอื่ นการดําเนินงาน
โดยอาศยั จิตสาํ นึกรับผดิ ชอบต่อสว่ นรวม

ผลการวิจยั พบว่า ผลการเปรียบเทียบการมสี ่วน
รว่ มการเลือกตั้งทางการเมอื งทอ้ งถ่ินของ
ประชาชน ท่ีมีเพศตา่ งกันไม่แตกตา่ งกันอย่างมี
นัยสาํ คัญทางสถติ ทิ ร่ี ะดับ .๐๕ ทม่ี รี ะดับอายุ
ตา่ งกันแตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สําคัญทางสถิตทิ ี่
ระดบั .๐๑ ท่มี อี าชีพต่างกันแตกตา่ งกันอยา่ งมี
นยั สําคัญทางสถติ ทิ รี่ ะดับ .๐๕ ทม่ี ีระดบั
การศกึ ษาและรายไดเ้ ฉลย่ี ต่อเดือนต่างกัน

๕๙ โกวทิ ย์ พวงงาม, “รูปแบบการจดั โครงสรา้ งองคก์ รป้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพตดิ ทเี่ หมาะสม ใน
ระดับจังหวัด กรณีศึกษาพ้ืนที่ ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ”, รายงานการวิจัย, (สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและ
ปราบปรามยาเสพติด, ๒๕๔๑), บทคดั ย่อ.

นกั วชิ าการหรอื แหลง่ ขอ้ มูล ๗๖
ธนิศร ยนื ยง (บทคดั ย่อ)
สรปุ แนวคิด
ไพรตั น์ ฉิมหาด (บทคัดยอ่ ) แตกตา่ งกันอย่างมนี ัยสําคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั
รงค์ บญุ สวยขวญั (บทคัดย่อ) .๐๐๑
ผลการศกึ ษาพบว่า การมีสว่ นร่วมของประชาชน
ท่สี ง่ ผลต่อการพัฒนาทอ้ งถิน่ ในจงั หวดั นครนายก
การมีสว่ นร่วมในการรบั ผลประโยชน์ อย่ใู นระดบั
มาก การมีสว่ นรว่ มในการดาํ เนินงาน อยู่ในระดบั
มาก การมีส่วนร่วมในการประเมนิ ผล อยใู่ น
ระดับปานกลาง และการมีสว่ นรว่ มในการ
ตัดสินใจ อย่ใู นระดับปานกลาง ตามลําดบั การ
อนุรกั ษฟ์ ืน้ ฟทู รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม
อยใู่ นระดับมาก การเสริมสรา้ งศักยภาพชุมชนให้
มคี วามเขม้ แขง็ พัฒนาและสง่ เสริมความรู้และ
ทักษะในการประกอบอาชพี ให้สงั คมมีความสงบ
สุข อย่ใู นระดบั มาก การส่งเสริมการบรกิ ารทาง
การแพทย์ ศนู ย์สุขภาพแบบองคร์ วม อยู่ในระดับ
มาก และการพฒั นาเส้นทางทอ่ งเทย่ี ว แหลง่
ท่องเทย่ี ว ส่ิงอาํ นวยความสะดวก สินค้า บรกิ าร
อยใู่ นระดบั ปานกลาง ตามลาํ ดบั
ผลการศกึ ษาพบว่า การเมอื งภาคพลเมืองกบั การ
มสี ่วนรว่ มทางการเมอื ง เป็นสถานการณท์ ี่
ประชาชนมี สทิ ธิและเสรภี าพในการเขา้ มามสี ่วน
ร่วมในกระบวนการทางนโยบาย มกี ารกระจาย
อํานาจให้ ประชาชนสามารถกําหนดวถิ ีชีวิตของ
ตนเองโดยไม่ละเมิดสทิ ธขิ องผู้อืน่ ภายใตก้ รอบ
ของ กฎหมาย โดยเนื้อหาจะกล่าวถงึ กจิ กรรมที่
เกดิ ขึ้นจากนโยบายของรฐั ทอ่ี าจเกดิ ผลกระทบ
ต่อ ประชาชน ประชาชนจะต้องเขา้ มามสี ่วนรว่ ม
และประชาชนสามารถดาํ เนินกิจกรรมตา่ ง ๆ ทาง
การเมอื งไดด้ ว้ ยตนเอง
ผลการศึกษา พบว่า คณุ ลกั ษณะเชิงเนอื้ หาทเ่ี ป็น
ตวั บ่งชห้ี รอื ตวั ชี้วัด “การเมือง ภาคพลเมือง” ใน
บริบทประชาธิปไตยไทยมี ๔ ลักษณะ
ประกอบด้วย ประการแรก กลุ่ม องค์กร หรอื
ขบวนการทางสงั คม ประการท่สี อง คุณลักษณะ
ของผู้นาํ แกนนํา ประการที่ สาม คณุ ลักษณะ

นักวชิ าการหรอื แหล่งขอ้ มลู ๗๗
กฤศ์ตญิ ญาดา ผาสุข และ สวุ ิชา เปา้ อารีย
(บทคัดย่อ) สรปุ แนวคิด
อาภาศิริ สวุ รรณานนท์ (บทคดั ยอ่ ) ของสมาชกิ และประการสดุ ทา้ ย การเช่อื มโยง
เครือข่าย
นันทา ชัยพิชติ พันธ์ (บทคดั ยอ่ ) ผลการศกึ ษา ลกั ษณะการเคล่อื นไหวภายในพ้นื ท่ี
มีรปู แบบ ของการเคลอ่ื นไหวทางสังคมรูปแบบ
ใหม่ (New Social Movement) เพ่ือปกป้อง
ผลประโยชน์ของกลุ่มประชาชนในพ้ืนที่ รวมทงั้ มี
การรวมกลมุ่ เพอ่ื ต้านอํานาจต่อ ผมู้ ีสว่ นได้สว่ น
เสียในพน้ื ทท่ี ั้งหน่วยงานภาครฐั และกลมุ่ นายทนุ
ผลการวจิ ัยพบวา่ ปัจจยั ความสําเรจ็ ของ ระบบ
สมัครใจ ได้แก่ การใหก้ ารสนบั สนุนจากผบู้ รหิ าร
ระดบั สูงของจังหวดั และท้องถน่ิ ในการทํางาน
ความสามารถและพลงั ของวิทยากรในคดั กรอง
การอบรมและตดิ ตามประเมินผล การใชว้ ธิ ีการ
แบบพดู คุยแบบไมเ่ ป็นทางการและการใช้
เทคโนโลยีในการประสานงาน กจิ กรรมทมี่ คี วาม
น่าสนใจและมคี วามเหมาะสมกับสภาพพ้นื ทแี่ ละ
เป็นพลงั ใหก้ บั ผบู้ าํ บดั สามารถกลับมาดํารงชวี ติ
โดยไม่ใช้ยาเสพตดิ รวมทัง้ การมีสว่ นรว่ มของ
ครอบครัวในการบาํ บัดรกั ษา ความเขม้ แขง็ และ
ความร่วมมอื ของชุมชน โรงเรียน การศกึ ษานอก
โรงเรียน สถานประกอบการในการทํางาน
สนับสนนุ การทํางานของภาครัฐ
CHF Model สามารถชว่ ยใหผ้ ปู้ ่วยเสพตดิ ยาบา้ มี
ความเครียดลดลง มีคุณภาพชีวิตทด่ี ขี ้นึ มอี ตั รา
การบาํ บัดครบตามเกณฑ์ และอตั ราการไม่
กลับไปเสพซา้ํ เพิม่ ขึน้ อีกท้ังยงั สามารถช่วยให้
ญาติมกี ารหนา้ ทค่ี รอบครัวและมีความสขุ ในชวี ิต
ดขี น้ึ ซ่ึงกระบวนการบาํ บดั ด้วย CHF Model
สามารถบําบัดฟน้ื ฟูผูป้ ว่ ยและเพ่มิ การมีสว่ นรว่ ม
ของญาตไิ ด้ภายในเวลา ๓ เดอื นขณะที่ FAST
Model ต้องใช้เวลาบําบัดสงู ถงึ ๔ เดอื น CHF
Model ทถี่ ูกตกผลกึ และร่วมกันพัฒนาจากภาค
สว่ นที่เก่ยี วขอ้ งตงั้ แตผ่ ูบ้ ริหาร ผใู้ ห้การบําบัด
ทีมสหสาขาวชิ าชีพ ผู้ปว่ ย และญาติ อาจเปน็
ทางเลือกหนงึ่ ในการนํามาประยุกตใ์ ชใ้ นการ

นักวิชาการหรอื แหลง่ ขอ้ มลู ๗๘
วลั ภา ฐานก์ าญจนและคณะ (บทคัดยอ่ )
สุวิน ทองป้นั (บทคัดย่อ) สรุปแนวคิด
บําบดั ฟน้ื ฟูผู้ป่วยยาเสพตดิ เพ่ือดแู ลชว่ ยเหลือ
โกวิทย์ พวงงาม (บทคัดยอ่ ) ผ้ปู ่วยเสพตดิ ยาบา้ และครอบครวั ต่อไป
ผลการวจิ ยั พบวา่ ๑) การใช้ทนุ ของชุมชน
ทางดา้ นทรัพยากรธรรมชาติตอ่ การสนับสนนุ
อาชพี และกิจกรรมแกเ่ ยาวชนให้มากขน้ึ ๒) เพิ่ม
กจิ กรรมทส่ี ง่ เสรมิ ความเขม้ แขง็ ของครอบครัว
และกจิ กรรมทเี่ กดิ จากการคดิ รเิ ร่มิ สร้างสรรค์ของ
เยาวชน ๓) การจัดทาํ แผนการดําเนนิ งานที่
ชดั เจนทง้ั การบาํ บดั ฟ้นื ฟู การปอ้ งกัน และการ
ติดตามผล ๔) การใช้ความรูแ้ ละการทาํ งานกบั
นกั วชิ าการ
รปู แบบการรักษาและแนวทางการป้องกันยาเสพ
ติดของวัดพุทธเกษม โดยการใช้ยา สมุนไพรเพือ่
ทําการรักษาผตู้ ดิ ยาเสพติด คือ การออกกาํ ลงั
กาย การสวดมนตป์ ฏบิ ตั ิธรรมการธรรมะ และ
การทํากิจกรรมเพื่อใช้รกั ษาผูต้ ิดยาเสพตดิ
สาํ หรบั แนวทางการป้องกนั ยาเสพติดขอ พทุ ธ
เกษมโดยใชห้ ลักธรรมะเป็นแนวทางสาํ คญั เพอ่ื
ปอ้ งกันยาเสพติดคือศีล ๕ ไดแ้ ก่ ๑ ) งดเว้นจาก
การ ฆา่ สัตว์หรอื ท้าลายชีวิต ๒) งดเวน้ จากการ
ลกั ทรัพย์ ๓) งดเวน้ จากการประพฤตผิ ิดในกาม
๔) งดเว้นจากการกล่าวเท็จ และ ๕) งดเว้นจาก
การดื่มสรุ าและเมรัย อันเป็นท่ีต้ังแหง่ ความ
ประมาท
ผลการวจิ ยั พบวา่ การจัดโครงสร้างในการ
แก้ปญั หายาเสพติด โดยการจดั โครงสรา้ งองค์กร
แบบ ผสมผสานท่มี ลี ักษณะเปน็ องคก์ รแนวราบ
หรือแบบเมตริก ที่มคี วามยึดหยุน่ เปดิ โอกาสให้
ชุมชน องค์กรปกครองทอ้ งถ่ิน องค์กรพัฒนา
เอกชน และองค์กรเอกชนรวมท้งั นักวิชาการ เข้า
มามีส่วนรว่ มหรอื อาจจะเรียกว่ามีลกั ษณะองค์กร
รว่ มมือแบบไตรภาคหี รอื เบญจภาคี หรอื การใช้
ประชาชน จงั หวดั ในการมสี ว่ นรว่ มแก้ไขปญั หา
ยาเสพติดโดยตอ้ งคาํ นึงถึงสภาพพน้ื ที่และ
สภาพแวดลอ้ มและจังหวัดโดยปรบั เปลย่ี นทศั นะ

๗๙

นกั วชิ าการหรอื แหลง่ ขอ้ มูล สรปุ แนวคิด

คตหิ รอื ฐานความคดิ ว่าการแกไ้ ขปัญหายาเสพติด
ควรเปน็ หนา้ ทกุ คน ทกุ หนว่ ยงานท่จี ะต้องร่วมมือ
กนั แก้ไขปญั หาในลักษณะประชาคมอาสา

๒.๗ กรอบแนวคิดในการวิจัย

การวิจัยครั้งน้ีการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อกิจการบําบัด
ยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อําเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแก่น ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสาร แนวคิดทฤษฏี
และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องของ วัลภา ฐาน์กาญจน และคณะ โดยวิเคราะห์และสังเคราะห์วรรณกรรม
จนได้กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั ดงั นี้

ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม
(Independent Variable) (Dependent Variable)

ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม ใ น กิ จ ก ร ร ม ท า ง กิจการบําบัดยาเสพติดของวัดพุทธ
การเมอื งภาคพลเมือง เกษม อาํ เภอน้ําพอง จังหวดั ขอนแกน่

- การสง่ เสริมงบประมาณ - ดา้ นการให้คาํ ปรกึ ษา
- การระดมมวลชน - ดา้ นการเปน็ วิทยากร
- การสง่ เสรมิ เคร่ืองอปุ โภคบริโภค - ด้านศาสนสงเคราะห์
- ดา้ นการสง่ เสริมอาชพี
หลักธรรมสังคหวตั ถุ ๔
- ทาน
- ปยิ วาจา
- อัตถจริยา
- สมานตั ตา

ภาพท่ี ๒.๑ กรอบแนวคดิ ในการวิจยั

บทท่ี ๓

วิธีดําเนินการวจิ ยั

วิธีการดําเนินการวิจัยเร่ือง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผล
ตอ่ กจิ การบําบดั ยาเสพตดิ ของ วดั พทุ ธเกษม อําเภอนา้ํ พอง จงั หวดั ขอนแก่น

๓.๑ รปู แบบการวจิ ยั
๓.๒ ประชากร กล่มุ ตัวอย่าง และผู้ใหข้ ้อมลู สาํ คญั
๓.๓ เคร่อื งมือทใ่ี ชใ้ นการวิจัย
๓.๔ การเก็บรวบรวมข้อมลู
๓.๕ การวเิ คราะห์ขอ้ มูล

๓.๑ รูปแบบการวจิ ยั

การวิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการ
บําบัดยาเสพติดของ วัดพุทธเกษม อําเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแก่น” เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี
(Mixed Methods Researh) โดยการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิง
คุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้การวิจัยเชิงสํารวจ (Survey Researh) จากแบบสอบถาม
(Questionnaire) ประกอบการสัมภาษณ์เชิงลึก (Indepth Interview) กับผู้ให้ข้อมูลสําคัญ (Key
Informant) จํานวน ๑๖ รปู หรอื คน

๓.๒ ประชากร กล่มุ ตวั อยา่ ง และผูใ้ ห้ขอ้ มูลสําคญั

๓.๒.๑ ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง

งานวิจัยเร่ือง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบําบัด
ยาเสพติดของ วัดพุทธเกษม อําเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแก่น ประชากรท่ีใช้ในการศึกษาวิจัยในครั้งน้ี
ไดแ้ ก่ ประชนชนในตาํ บลหนองกงุ อําเภอนํา้ พอง จังหวัดขอนแกน่ จาํ นวน ๖,๑๖๔ คน

ขน้ั ท่ี ๑ ในการวจิ ัยคร้งั นี้ กลมุ่ ตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจยั ในครั้งน้ี ได้แก่ ประชนชนใน
ตําบลหนองกุง อําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแก่น จํานวน ๓๗๘ คน ได้กําหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง
โดยวธิ ีการของ Taro Yamane

n= ๑ ( )๒

๘๑

โดย N = จํานวนประชากรท้ังหมด
e = ความคลาดเคลอื่ นทย่ี อมรับได้ที่ ๐.๐๕
n = จํานวนกลุ่มตวั อย่าง

ประชากรทั้งหมด ๖,๑๖๔ คน เมอ่ื แทนคา่ ในสตู รจะไดด้ งั น้ี

N = ๑ ( )๒

n=๑ ๖,๑๖๔
๖,๑๖๔(๐.๐๕)๒

n =๓๗๘ คน

เพราะฉะนน้ั จํานวนกลุ่มตัวอย่าง เทา่ กบั ๓๗๘ คน

ขั้นท่ี ๒ ใช้เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มแบบช้ันภูมิ ( Stratified sampling)
ผู้วิจัยต้องการทําวิจัยเก่ียวกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการ
บําบัดยาเสพติดของ วัดพุทธเกษม อําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแก่นโดยใช้กลุ่มตัวอย่าง ๓๗๘ คน
ผู้วจิ ัย จงึ ทําการสุ่มตวั อย่างแบบชั้นภูมิ ดงั นี้
ตารางที่ ๓.๑ แสดงทมี่ าของกลมุ่ ตัวอย่างแต่ละหม่บู า้ น ตามสัดส่วนของประชากร

แผนภาพท่ี ๑ ตารางแสดงวธิ ีแบบชนั้ ภมู ิ๑

ชั้นภูมิที่ หมบู่ า้ น ประชากรทั้งหมด ขนาดกลมุ่ ตวั อยา่ ง
๑ หมทู่ ๒่ี (N๒) ๓๕๖ N๑ =(๓๕๖/๖๑๖๔)×๓๗๘=๒๑
๒ หมูท่ ่ี๓ (N๓) ๙๓๖ N๒ =(๙๓๖/๖๑๖๔)×๓๗๘=๕๗
๓ หมูท่ ๔่ี (N๔) ๙๐๘ N๓ =(๙๐๘/ ๖๑๖๔)×๓๗๘=๕๖
๔ หมทู่ ๕ี่ (N๕) ๖๓๔ N๔ =(๖๓๔/๖๑๖๔ )×๓๗๘=๓๙
๕ หมทู่ ี่๖ (N๖) ๖๘ N๕=(๖๘/๖๑๖๔)×๓๗๘=๕
๖ หมูท่ ี่๗ (N๗) ๗๔๔ N๖ =(๗๔๔ /๖๑๖๔)×๓๗๘=๔๖
๗ หมู่ที่๘ (N๘) ๖๓๒ N๗ =(๖๓๒ /๖๑๖๔)×๓๗๘=๓๙
๘ หม่ทู ๙ี่ (N๙) ๘๒๙ N๘ =(๘๒๙/๖๑๖๔)×๓๗๘=๕๑
๙ หมทู่ ๑ี่ ๐ (N๑๐) ๔๘๐ N๙=(๔๘๐ / ๖๑๖๔)×๓๗๘=๒๙

๑๐ หม่ทู ี่๑๑ (N๑๑) ๕๖๘ N๑๐ =( ๕๖๘/ ๖๑๖๔)×๓๗๘=๓๕
รวม ๖,๑๖๔๒ ๓๗๘

๑ ปัญญา คลายเดช, ระเบียบวิจัยทางรัฐศาสตร์, พิมพ์ครั้งที่ ๒, (ขอนแก่น: หจก.ขอนแก่นการพิมพ์,
๒๕๖๐), หน้า ๑๗๓.

๒ องค์การบริหารส่วนตําบลหนองกุง จังหวัดขอนแก่น, สภาพทั่วไป, [ออนไลน์], แหล่งท่ีมา:
www.nongkungnamphong.go.th©2014 [๑๐ กนั ยายน ๒๕๖๓].

๘๒

๓.๒.๒ ผ้ใู ห้ข้อมลู สําคัญ

ผู้วิจัยทําการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ผู้ให้ข้อมูลสําคัญในการวิจัยครั้งน้ี
กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการศึกษาวิจัยในคร้ังน้ี ได้แก่พระสังฆธิการ ๓ รูป ตัวแทนสมาคมสตรีแม่บ้าน
อําเภอนํ้าพอง ๑ คน สมาคมฌาปนกิจอาสาสมัครสาธารณะสุข อําเภอนํ้าพอง ๑ คนและ กํานัน
ผู้ใหญ่บ้าน จาํ นวน ๑๑ คน

๑. พระครสู ทิ ธิสารโสภณ (ทวีศกั ด์ิ ชโิ นรโส) เจา้ คณะอาํ เภอนํ้าพอง

๒. พระครฉู ันทสารคณุ (สมศักด์ิ เหลาเพง็ ) เจา้ คณะตาํ บลหนองกุง

๓. พระครสู ตุ ศาสนการ ดร. (ไพฑูรย์ เขมธโร) เจา้ อาวาสวัดพุทธเกษม

๔. นางมกุ ดา พงษส์ มบัติ นายกสมาคมสตรีแมบ่ า้ นอาํ เภอน้าํ พอง

๕. นายเขม็ ชาติ ชมุ แวงวาปี นายกสมาคมฌาปนกิจอาสาสมัครสาธารณะสขุ

๖. นายฉตั รชัย โลหะมาตย์ กาํ นันตําบลหนองกงุ

๗. นายสําราญ แก้วบญุ เรือง ผู้ใหญห่ มู่ ๒

๘. นายสาคร แกว้ แสนชยั ผู้ใหญ่หมู่ ๓

๙. นายจงจติ วงษายาง ผใู้ หญห่ มู่ ๔

๑๐. นายพริ ัชต์ พลชาลี ผู้ใหญห่ มู่ ๕

๑๑. นางพิทยา หาปญั นะ ผใู้ หญ่หมู่ ๖

๑๒. นายบญุ ชู เพชรพิมูล ผใู้ หญห่ มู่ ๗

๑๓. นายสมพงษ์ ศรีประเสรฐิ ผใู้ หญห่ มู่ ๘

๑๔. นายอุตมะพงษ์ โฮคําแก้ว ผู้ใหญ่หมู่ ๙

๑๕. นายสายยันตร์ สนทอง ผูใ้ หญห่ มู่ ๑๐

๑๖. นายโสภิต อิงสา ผใู้ หญห่ มู่ ๑๑๓

๓.๓ เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในการวิจัย

งานวิจัยเรื่องกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อกิจการบําบัดยาเสพติดของ วัด
พุทธเกษม อําเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแก่นงานวิจัยฉบับนี้ใช้เคร่ืองมือในการวิจัยแบบผสานวิธี
(Mixed Methods Research) คอื แบบสอบถาม (Questionnaire) และแบบสัมภาษณ์ (Interview)

๓.๓.๑ ลักษณะของเคร่อื งมอื แบบสอบถาม (Questionnaire)

ผู้วิจัยได้ศึกษาตามกรอบแนวคิดของกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการ
บาํ บดั ยาเสพตดิ ของ วดั พุทธเกษม อําเภอนํา้ พอง จังหวดั ขอนแก่นโดยแบ่งออกเป็น ๓ ข้นั ตอน ดังนี้

ตอนท่ี ๑ แบบสอบถามเก่ียวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ โดยใช้
แบบสอบถามชนดิ ตรวจรายการ (Checklist)

๓ สมั ภาษณ์ นายฉัตรชัย โลหะมาตย,์ กํานันตาํ บลหนองกงุ , ๑๖ กนั ยายน ๒๕๖๓.

๘๓

ตอนท่ี ๒ แบบสอบถามเก่ียวกบั การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผล
ต่อกิจการบําบัดยาเสพตดิ ของ วัดพุทธเกษม อําเภอนา้ํ พอง จังหวดั ขอนแก่น โดยใช้ แบบสอบถามชนิด
เลอื กตอบจําแนกเปน็ ดา้ น คอื ๑) ด้านการมีส่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมือง ๒) ด้านการ
บําบัดเสพติดของ วัดพุทธเกษม ซึ่งมีลักษณะเป็นมาตรส่วนประเมินค่า (Numerical Rating Scale) ๒
ตามวิธีของลิเคริร์ต (Likert Scale) มี ๕ ระดับ โดยกําหนดความ มากน้อยของระดับการส่งเสริมทักษะ
ดังนี้

๕ หมายถงึ ระดับการมสี ่วนรว่ มในระดบั มากทส่ี ดุ
๔ หมายถึง ระดับการมสี ว่ นร่วมในระดับมาก
๓ หมายถงึ ระดบั การมสี ว่ นร่วมในระดับปานกลาง
๒ หมายถึง ระดับการมสี ว่ นร่วมในระดับนอ้ ย
๑ หมายถงึ ระดบั การมีส่วนร่วมในระดบั น้อยท่สี ดุ

ตอนท่ี ๓ เป็นแบบสอบถามที่ให้ผู้ตอบแบบสอบถามได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมการมี
ส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบําบัดยาเสพติดของ วัดพุทธเกษม
อําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีลักษณะเป็นคําถามปลายเปิด (Open ended Questionnaire)
ใหต้ อบโดยเสรี

๓.๓.๒ การสรา้ งแบบสอบถาม (Questionnaire)

๑) ศึกษาหลักการและทฤษฎี ศึกษาเอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วน
ร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อกิจการบําบัดยาเสพติดของ วัดพุทธเกษม อําเภอ
นํ้าพอง จงั หวดั ขอนแก่น จากเอกสารและผลงาน การวิจยั ทเี่ คยมผี ดู้ าํ เนินการวจิ ัยเอาไว

๒) กาํ หนดกรอบแนวคิด ในการสรา้ งเคร่อื งมอื การวิจัย
๓) กําหนดวัตถุประสงค์ในการสร้างเคร่ืองมือการวิจัยโดยขอคําปรึกษาจากอาจารย์ที่
ปรกึ ษาวทิ ยานิพนธ์
๔) สร้างเครือ่ งมือวิจัยตามวัตถปุ ระสงค์
๕) นาํ เสนอร่างเครื่องมือการวจิ ัยตอ่ อาจารยท์ ป่ี รึกษาวิทยานพิ นธ์

๓.๓.๓ การตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมอื วิจยั แบบสอบถาม (Questionnaire)

ผูว้ จิ ัยได้นาํ เสนอแบบสอบถามเพือ่ หาคุณภาพแบบสอบถามโดยความเท่ยี งตรง (Validity)

และความเช่อื มั่น (Reliability) ดงั น้ี
๑. ขอคําแนะนําจากอาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์และผู้เช่ียวชาญ ตรวจสอบเครื่องมือท่ี
สรา้ งไว้
๒. หาค่าความเที่ยงตรง (Validity) โดยกําหนดแบบสอบถามที่สร้างเสร็จเสนอต่อ
ประธานและกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพื่อขอความเห็นชอบและนําเสนอต่อผู้เช่ียวชาญ แล้ว
นํามาปรับปรงุ แกไ้ ขให้เหมาะสม โดยนําเสนอผ้เู ช่ียวชาญ จาํ นวน ๕ ท่าน ประกอบด้วย

๑) พระครูสุตธรรมภาณี ผศ. ประธานหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่

๘๔

๒) ผศ.ดร.วิทยา ทองดี อาจารย์ประจําหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่

๓) ดร.สมควร นามสีฐาน อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณ ฑิต
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น

๔) ผศ.ประกอบ มีโคตร กรรมการหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น

๕) ดร. สุธพิ งษ์ สวัสดิ์ทา กรรมการและเลขนุการหลกั สูตรหลักสตู รรฐั ศาสตรบัณฑิต
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น

แล้วนํามาหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคําถามและวตั ถุประสงค์ (Index of Item
– Objective Congruence) ซึ้งคํานวนจากสตู ร ดังนี้

IOC = ∑
N

เมือ่ IOC แทน ดัชนีความเทยี่ งตรงเชงิ เน้ือหา (Index of Item – Objective Congruence)

∑ แทน ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผู้เชีย่ วชาญ
N แทน จํานวนผเู้ ช่ียวชาญ

กาํ หนดคะแนนของผู้เชยี่ วชาญเปน็ +๑ หรือ ๐ หรือ -๑ ดงั นี้
+๑ คือ ถ้าเป็นคาํ ขอวัดไดต้ รงจุดประสงค์
๐ คือ ถา้ ไมแ่ นใ่ จว่าข้อคําถามนน้ั ตรงจุดประสงค์หรอื ไม่ได้
-๑ คอื ถ้าขอ้ คําถามวัดไดไ้ มต่ รงจุดประสงค์

ข้อคําถามที่ดีควรมีค่า IOC ใกล้เคียง ๐.๕ - ๑.๐๐ ส่วนข้อท่ีมีค่า IOC ตํ่ากว่า ๐.๕
พิจารณาปรบั ปรงุ หรือตดั ท้ิง

๓. หาค่าความเช่ือม่ันของเคร่ืองมือ (Reliability) ผู้วิจัยนําแบบสอบถามที่ปรับปรุงแก้ไข

แล้วไปทดลองใช้ (Try out) กับกลุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยนี้ แต่
ไม่ใช่กลุ่มตวั อยา่ งจาํ นวน ๓๐ คน แลว้ นํามาหาความเช่อื ม่นั ของแบบสอบถาม โดยการวิเคราะห์หาค่า
สัมประสิทธ์ิแอลฟา (Alpha Coefficient) ตามวิธีการของครอนบาค (Cronbach)๔ ได้ค่าความ

เช่ือม่นั เท่ากับ ๐.๙๘ แสดงให้เห็นว่าแบบสอบถามมีความเชื่อม่ันอยู่ในระดับสูงสามารถนําไปแจกกับ
กลุม่ ตวั อย่างไดจ้ รงิ

๔ บญุ ชม ศรีสะอาด, การวิจัยเบื่องตน้ , พิมพ์ครง้ั ที่ ๗, (กรงุ เทพมหานคร: สุวรี ิยาสาสน์ , ๒๕๔๕), หน้า
๑๐๒.

๘๕

๔. นําแบบสอบถามท่ีได้รับการปรับปรุงแก้ไขเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพื่อ
ขอความเหน็ ชอบ และจดั พิมพแ์ บบสอบถามเปน็ ฉบบั สมบูรณ์ในการนาํ ไปใช้แจกกลลุ่มตวั อย่างในการ
วิจยั ต่อไป

๓.๓.๔ ลักษณะของเครอ่ื งมอื แบบสมั ภาษณ์ (Interview)

ผู้วิจัยได้ศึกษาตามกรอบแนวคิดของกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อกิจการ
บาํ บดั ยาเสพติดของ วัดพุทธเกษม อําเภอน้ําพอง จงั หวดั ขอนแกน่

๑) ศึกษาวิธีการสร้างแบบสัมภาษณ์ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ตําราและ
งานวจิ ยั ทีเ่ กย่ี วข้อง เพอ่ื เป็นแนวทางในการกาํ หนดกรอบความคิดในการสมั ภาษณ์

๒) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและเอกสารการวิจัยต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง โดยพิจารณาถึง
รายละเอียดต่าง ๆ เพื่อใหค้ รอบคลุมวตั ถุประสงค์ของการวิจยั ท่ีกาํ หนดไว้

๓) ขอคําแนะนําจากอาจารย์ท่ีปรกึ ษาเพอ่ื ใช้เป็นแนวทางในการสัมภาษณ์
๔) สร้างแบบสัมภาษณ์ให้ครอบคลุมวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อใช้เป็นเคร่ืองมือในการ
เก็บข้อมลู จากผูใ้ หข้ ้อมลู สําคัญ (Key Informants) เพอ่ื นํามาวิเคราะห์

๓.๓.๕ การสรา้ งแบบสัมภาษณ์ (Interview)

๑) ศึกษาหลักการและทฤษฎี ศึกษาเอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับกิจกรรม
ทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบําบัดยาเสพติดของ วัดพุทธเกษม อําเภอน้ําพอง จังหวัด
ขอนแกน่ จากเอกสารและผลงาน การวิจัยทีเ่ คยมผี ู้ดาํ เนนิ การวจิ ัยเอาไว้

๒) กาํ หนดกรอบแนวคดิ ในการสรา้ งเครอื่ งมือการวจิ ัย
๓) กําหนดวัตถุประสงค์ในการสร้างเคร่ืองมือการวิจัยโดยขอคําปรึกษาจากอาจารย์ท่ี
ปรึกษาวิทยานพิ นธ์
๔) สรา้ งเคร่อื งมือวจิ ัยตามวัตถุประสงค์
๕) นําเสนอร่างเคร่ืองมือการวจิ ยั ตอ่ อาจารย์ทปี่ รึกษาวทิ ยานิพนธ์

๓.๓.๖ การตรวจสอบคณุ ภาพเครอ่ื งมือวจิ ยั แบบสมั ภาษณ์ (Interview)

ผู้วิจัยได้นําเสนอแบบสัมภาษณ์เพ่ือหาคุณภาพแบบสัมภาษณ์โดยความเท่ียง (Validity)
และความเชอ่ื มนั่ (Reliability) ดงั นี้

๑) ขอคําแนะนําจากอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบเคร่ืองมือที่
สร้างไว้

๒) หาค่าความเท่ียง (Validity) โดยกําหนดแบบสอบถามที่สร้างเสร็จเสนอต่อประธาน
และกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพ่ือขอความเห็นชอบและนําเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ แล้วนํามา
ปรบั ปรงุ แก้ไขใหเ้ หมาะสม โดยนําเสนอผู้เชยี่ วชาญ จํานวน ๕ ทา่ น ประกอบด้วย

๑. พระครูสตุ ธรรมภาณี ผศ. ประธานหลักสตู รหลักสตู รรฐั ศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลยั
มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น

๒. ผศ.ดร.วิทยา ทองดี อาจารย์ประจําหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น

๘๖

๓. ดร.สมควร นามสีฐาน อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น

๔. ผศ.ประกอบ มีโคตร กรรมการหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัย
มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น

๕. ดร. สุธิพงษ์ สวสั ด์ิทา กรรมการและเลขนุการหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัยวิทยาเขตขอนแก่น

๓) นําแบบสอบถามที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพื่อ
ขอความเห็นชอบ และจัดพิมพ์แบบสมั ภาษณ์เป็นฉบับสมบูรณ์ในการนําไปใช้แจกกลุ่มตัวอย่างในการ
วจิ ัยต่อไป

๓.๔ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู

กิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อกิจการบําบัดยาเสพติดของ วัดพุทธเกษม
อําเภอน้าํ พอง จังหวัดขอนแก่น

๓.๔.๑ การเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากแบบสอบถาม

ในการวจิ ยั ครั้งนี้ ผู้วจิ ยั ดําเนนิ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ดงั น้ี
๑) ทําหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากศูนย์บัณฑิตศึกษา
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ถึง พระครูสตุ ศาสนการ ดร.เจ้าอาวาส
วัดพุทธเกษม ขออนุญาตเข้าทําการเก็บรวบรวมข้อมูลในวัดพุทธเกษม อําเภอนํ้าพอง จังหวัด
ขอนแก่น
๒) นําแบบสอบถามท่ีผ่านการปรับปรุงแก้ไขแล้วไปเก็บข้อมูล โดยนําแบบสอบถามไป
แจกใหก้ ับกลุ่มตวั อย่างจาํ นวน ๓๗๘ คน
๓) เม่ือได้แบบสอบถามกลับคืนมาแล้ว นํามาตรวจสอบความสมบูรณ์ จัดระเบียบข้อมูล
นาํ ขอ้ มลู ท่ีไดไ้ ปวเิ คราะห์และประมาณผลในโปรแกรมสาํ เร็จรูปทางสถิตติ อ่ ไป

๓.๔.๒ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากแบบสมั ภาษณ์

ในการวจิ ยั คร้งั น้ี ผู้วิจยั ดาํ เนินการเกบ็ รวบรวมข้อมูลมีขนั้ ตอน ดังน้ี

๑) ขอหนังสือจากศูนย์บัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น ถงึ ผูใ้ ห้ขอ้ มลู สําคัญ (Key Informants) เพ่อื สมั ภาษณต์ ามทกี่ ําหนดไว้

๒) ทาํ การนัดวนั เวลา และสถานท่ีกบั ผ้ใู ห้ขอ้ มูลสาํ คัญ (Key Informants) เพื่อสมั ภาษณ์
ตามที่กําหนดไว้

๓) ดําเนินการสัมภาษณ์ตามวัน เวลาและสถานท่ีท่ีกําหนดไว้ จนครบทุกประเด็นโดยขอ
อนญุ าตใช้วธิ กี ารจดบนั ทกึ และการบันทึกเสยี งประกอบการสัมภาษณ์

๔) นาํ ขอ้ มูลดิบที่ได้มารวบรวมเพอ่ื วเิ คราะห์โดยวธิ ีการท่ีเหมาะสมและนําเสนอตอ่ ไป


Click to View FlipBook Version