การมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองทสี่ ง่ ผลตอ่ กจิ การ
บําบัดยาเสพตดิ ของวัดพุทธเกษม อําเภอน้ําพอง จังหวดั ขอนแก่น
PARTICIPATION IN CIVIC POLITICAL ACTIVITIES AFFECTING DRUG
TREATMENT ACTIVITIES OF PHUTTAKASEM TEMPLE,
NAM PHONG DISTRICT, KHON KAEN PROVINCE
พระจกั รกฤษ จนทฺ โชโต (จันทรโชต)ิ
วทิ ยานพิ นธน์ ี้เปน็ สว่ นหนึง่ ของการศึกษา
ตามหลกั สูตรปรญิ ญารัฐศาสตรมหาบณั ฑติ
บัณฑติ วทิ ยาลัย
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓
การมสี ่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมอื งภาคพลเมอื งทส่ี ่งผลตอ่ กิจการ
บาํ บัดยาเสพติดของวัดพทุ ธเกษม อาํ เภอน้ําพอง จงั หวัดขอนแก่น
พระจักรกฤษ จนทฺ โชโต (จนั ทรโชต)ิ
วิทยานพิ นธน์ ้ีเป็นส่วนหนง่ึ ของการศกึ ษา
ตามหลักสตู รปริญญารฐั ศาสตรมหาบณั ฑติ
บัณฑติ วิทยาลัย
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั
พุทธศกั ราช ๒๕๖๓
(ลิขสทิ ธิเ์ ป็นของมหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย)
The Participation in Civic Political Activities Affecting Drug
Treatment Activities of Phuttakasem Temple,
Nam Phong District in Khon Kaen Province
Phra Jakkrit Jandajoto (Jantrachot)
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of
the Requirements for the Degree of
Master of Political Science Program
Graduate School
Mahachulalongkornrajavidyalaya University
C.E. 2020
(Copyright by Mahachulalongkornrajavidyalaya University)
ก
ชอื่ วทิ ยานพิ นธ์ : การมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมทางการเมอื งภาคพลเมืองที่ส่งผลตอ่ กจิ การ
บาํ บัดยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อําเภอนํา้ พอง จังหวัดขอนแก่น
ผู้วจิ ยั : พระจกั รกฤษ จนทฺ โชโต (จนั ทรโชติ)
ปรญิ ญา : รฐั ศาสตรมหาบณั ฑิต
คณะกรรมการควบคุมวทิ ยานิพนธ์
: ดร.ปรัชญา มีโนนทองมหาศาล, น.บ. (นิตศิ าสตร)์ , น.ม. (นติ ศิ าสตร)์ ,
ศศ.ม. (รัฐศาสตร์), Ph.D. (Political Science)
: ผศ. ดร.ชาญชยั ฮวดศร,ี พธ.บ. (สังคมศกึ ษา), M.A. (Political Science),
Ph.D. (Political Science)
วันสําเรจ็ การศึกษา : ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๔
บทคัดยอ่
การวิจัยเรื่องน้ีวัตถุประสงค์เพ่ือ ๑) ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ภาคพลเมือง และระดับกิจการบําบัดยาเสพติด ๒) เพ่ือศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองกับกิจการบาํ บัดยาเสพติด ๓) เพ่ือศึกษาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งการ
มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองกับกิจการบําบัดยาเสพตดิ ตามหลักสังคหวัตถุ ๔ และ
๔) เพื่อศึกษาแนวทางการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองต่อกิจการบําบัดยาเสพติด
ของวัดพุทธเกษม อําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแก่น เป็นวิธีการวิจัยแบบผสานวิธี ได้แก่เชิงเชิงปริมาณ
และเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างจํานวน ๓๗๘ คน โดยใช้แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ในการเก็บ
รวบรวมข้อมูลวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ, ค่าเฉล่ีย และ ค่า
เบ่ียงเบนมาตรฐาน สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์สหสัมพันธ์อย่างง่าย ผู้ให้ข้อมูลสําคัญ
จาํ นวน ๑๖ รปู /คน
ผลการวิจัยพบวา่
๑. ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบําบัดยา
เสพติดของวัดพทุ ธเกษม อําเภอนํ้าพอง จงั หวัดขอนแก่น โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ดา้ นการ
ให้คําปรึกษา ด้านการส่งเสริมงบประมาณ ด้านการเป็นวิทยากร และด้านการส่งเสริมเคร่ืองอุปโภค
บรโิ ภค
๒. ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบําบัดยา
เสพติด ของวัดพุทธเกษม อําเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแก่น ตามหลักสังคหวัตถุ ๔ โดยภาพรวมอยู่ใน
ระดบั มาก ได้แก่ ทาน ปยิ วาจา อตั ถจริยา และสมานตั ตา
๓. ผลการวิเคราะห์การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เพ่ือศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง
ปัจจัยพื้นฐาน ด้านการส่งเสริมงบประมาณ หลักทาน หลักปิยวาจา หลักอัตถจริยา และหลักสมานัตตา
มีความสมั พนั ธก์ บั การมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมอื งทส่ี ง่ เสริมกจิ การบําบัดยาเสพติด
อย่างมีนยั สาํ คัญทางสถิตทิ ่รี ะดับ ๐.๐๕
ข
๔. แนวทางการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งเสริมกิจการบําบัดยา
เสพติด ของวัดพุทธเกษม อําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแก่น ประชาชนควรเป็นผู้มีส่วนร่วมสนับสนุน
การส่งเสริมงบประมาณ การให้คําปรึกษา การส่งเสริมเคร่ืองอุปโภคบริโภค และการเป็นวิทยากร
และยึดหลกั สังคหวัตถุ ๔ ได้แก่ ทาน ปยิ วาจา อตั ถจริยา และสมานตั ตา
ค
Thesis Title : The Participation in Civic Political Activities Affecting Drug
Treatment Activities of Phuttakasem Temple, Nam Phong
District in Khon Kaen Province
Researcher : Phra Jakkrit Jandajoto (Jantrachot)
Degree : Master of Political Science
Thesis Supervisory Committee
: Dr. Pruchya Meenonthongmahasan, Bachelor of Laws,
Master of Laws, M.A. (Political science),
Ph.D. (Political science)
: Asst. Prof. Chanchai Huadsri, B.A. (Social Study),
M.A. (Political Science), Ph.D. (Political Science)
Date of Graduation : March 18, 2021
Abstract
The objectives of this research were: 1) to study the level of participation
in civic political activity and the effecting drug treatment activities. 2) to study
relationship between participation in civic political activity with the effecting drug
treatment activities. 3) to study relationship between participation in civic political
activity with the effecting drug treatment activities according Saṅgahavatthu
Dhammas. 4) to study the way of participation in civic political activity and the
effecting drug treatment activities. This study was carried out by means of the mixed
research method (quantitative and qualitative). The research sample consisted of 378
people. The research tools were: questionnaires and interviews to collect research
data. The statistics used were: descriptive statistics: Percentage, Mean and Standard
Deviation and Inferential Statistics: Simple Correlation Analysis. The key informants
included 16 people.
The research results were as follows:
1) The level of participation in civic political activities affecting drug
treatment activities of Phuttakasem Temple, Nam Phong District, Khon Kaen Province
in overall was at a high level. This included the aspects of consulting, budget
support, acting as a speaker and promotion of consumer goods.
2) The level of civic participation in drug treatment activities of
Phuttakasem Temple according to the Four Saṅgahavatthu Dhammas, in overall was
ง
at a high level. This included Dāna (Giving), Piyavācā (Kindly Speech), Atthacariyā
(Useful Conduct) and Samānattatā (Equality Consisting in Impartiality).
3) The analysis of correlation analysis to study the relationship between
fundamental factors: in terms of budget support, the principles of Dāna, Piyavācā,
Atthacariyā and Samānattatā had a relationship with participation in civic political
activities promoting drug treatment activities with statistical significance at the level
of 0.05.
4) The guidelines for participation in civic political activities promoting drug
treatment activities of Phuttakasem Temple, Nam Phong District, Khon Kaen Province:
people should be a contributor of budget support, consultation, promotion of
consumer goods and being a speaker and adhere to the Four Saṅgahavatthu
Dhammas: Dāna, Piyavācā, Atthacariyā and Samānattatā.
จ
กติ ติกรรมประกาศ
วิทยานิพนธ์ฉบับน้ีสําเร็จลงได้ ด้วยความช่วยเหลือจากบุคคลหลายฝ่าย ต้องเจริญพร
ขอบคุณผู้ท่ีมีสว่ นสําคัญย่ิง คือ ดร.ปรัชญา มีโนนทองมหาศาล ประธานกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์
ผศ.ดร.ชาญชัย ฮวดศรี กรรมการ ที่ได้เสียสละเวลาเพ่ือให้ความรู้คอยชี้แนะแนวทางตลอดท้ังตรวจดู
ใหอ้ ยา่ งละเอยี ด กระตุ้นเตือน และเป็นกาํ ลังใจแก่ศิษยด์ ว้ ยดจี นสําเรจ็ ลลุ ว่ งไปด้วยดี
ขอเจริญพรขอบคุณ ผศ.ดร.ยุทธนา ประณีต ประธานกรรมการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์
และ ผศ.ดร.วินิจ ผาเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิ และ กรรมการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ และขอกราบพระคุณ
พระครูสุตธรรมภาณี ผศ. ประธานหลักสูตรรัฐศาสตร ผศ.ดร.วิทยา ทองดี อาจารย์ประจําหลักสูตร
รัฐศาสตรมหาบัณฑิต ผศ. ประกอบ มีโคตร อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต ดร.สุธิพงษ์
สวัสดิ์ทา อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต และดร.สมควร นามสีฐาน อาจารย์ประจํา
หลักสตู รรฐั ศาสตรมหาบณั ฑติ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่ ท่ีกรุณา
เสียสละเวลาเป็นผ้เู ชยี่ วชาญในการตรวจสอบคณุ ภาพเคร่อื งมือในการทําวจิ ยั
กราบขอบพระคุณในเมตราของท่าน พระครูสิทธิสารโสภณ เจ้าคณะอําเภอน้ําพอง พระ
ครูฉันทสารคุณ เจ้าคณะตําบลหนองกุง พระครูสุตศาสนการ ดร.เจ้าอาวาสวัดพุทธเกษม และ เจริญ
พรขอบคุณ นางมุกดา พงษ์สมบัติ นายกสมาคมสตรีแม่บ้านอําเภอนํ้าพอง นายเข็มชาติ ชุมแวงวาปี
นายกสมาคมฌาปนกิจอาสาสมัครสาธารณะสุข นายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กํานันตําบลหนองกุง นาย
สําราญ แก้วบุญเรือง ผู้ใหญ่หมู่ ๒ นายสาคร แก้วแสนชัย ผู้ใหญ่หมู่ ๓ นายจงจิต วงษายาง
ผู้ใหญ่หมู่ ๔ นายพิรัชต์ พลชาลี ผู้ใหญ่หมู่ ๕ นางพิทยา หาปัญนะ ผู้ใหญ่หมู่ ๖ นายบุญชู เพชรพิมูล
ผู้ใหญ่หมู่ ๗ นายสมพงษ์ ศรีประเสริฐ ผู้ใหญ่หมู่ ๘ นายอุตมะพงษ์ โฮคําแก้ว ผู้ใหญ่หมู่ ๙ นายสาย
ยันตร์ สนทอง ผใู้ หญ่หมู่ ๑๐ นายโสภิต อิงสา ผูใ้ หญ่หมู่ ๑๑ ที่ใหค้ วามอนเุ คราะห์เก็บข้อมูลในการทํา
วิจัย ตลอดถึงช่วยติดต่อประสานงาน ให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ในการทํางานวิจัย และขอขอบคุณผู้ตอบ
แบบสอบถามทุกทา่ น
กราบขอบพระคุณ คุณบิดา มารดา และครอบครัว ที่ได้สนับสนนุ ส่งเสริมและเป็นกําลังใจ
ด้วยดีเสมอมา ท่ีได้ให้ความรู้และกําลังใจมาโดยตลอด สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณเพ่ือนนิสิตทุกท่านที่ให้
ความช่วยเหลือและให้กําลังใจ คุณค่าและประโยชน์ใด ๆ อันพึงมีจากวิจัยฉบับน้ี ผู้วิจัยขอมอบบูชา
เป็นกตเวทิตาคุณ แด่คุณบิดามารดา บูรพาจารย์ และผู้มีพระคุณทุกท่าน ซ่ึงถือได้ว่าทุกท่านได้ร่วม
สรรคส์ รา้ งวิจัยเล่มนี้ให้แกผ่ ้วู ิจยั จนประสบความสาํ เร็จเปน็ อยา่ งดยี ่ิง
พระจกั รกฤษ จนทฺ โชโต (จนั ทรโชติ)
๑๘ มนี าคม ๒๕๖๔
ฉ
สารบญั
เรอ่ื ง หนา้
บทคดั ยอ่ ภาษาไทย ก
บทคัดยอ่ ภาษาอังกฤษ ค
สารบัญ ฉ
สารบัญตาราง ซ
สารบญั ภาพ ฌ
คาํ อธบิ ายสัญลกั ษณแ์ ละคาํ ยอ่ ญ
บทที่ ๑ บทนํา ๑
๑.๑ ความเป็นมาและความสาํ คัญของปญั หา ๑
๑.๒ คําถามการวจิ ัย ๔
๑.๓ วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจยั ๔
๑.๔ ขอบเขตของการวิจัย ๔
๑.๕ สมมตฐิ านของการวิจัย ๕
๑.๖ นยิ ามศัพท์ทใี่ ชเ้ ฉพาะในการวิจยั ๖
๑.๗ ประโยชน์ทีไ่ ด้รับจากการวจิ ัย ๗
บทท่ี ๒ แนวคดิ ทฤษฎี และงานวิจยั ทเ่ี กย่ี วข้อง ๘
๒.๑ แนวคิดเกยี่ วกับการมสี ว่ นร่วมของชมุ ชน ๘
๒.๒ แนวคิดเกย่ี วกบั กิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมอื ง ๒๙
๒.๓ แนวคิดเก่ียวกับการบําบัดฟ้ืนฟูผู้ใช้ยาเสพติด โดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง
(Community Based Treatment and care) ๓๙
๒.๔ หลักพุทธธรรมท่ีเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาค
พลเมือง ๕๖
๒.๕ บรบิ ทพน้ื ท่วี จิ ยั ๖๑
๒.๖ งานวจิ ัยทเ่ี กีย่ วข้อง ๖๘
๒.๗ กรอบแนวคิดในการวจิ ัย ๗๙
บทที่ ๓ วธิ ีดาํ เนนิ การวจิ ยั ๘๐
๓.๑ รูปแบบการวิจัย ๘๐
๓.๒ ประชากร กลุ่มตวั อยา่ ง และผใู้ หข้ อ้ มลู สําคญั ๘๐
๓.๓ เครือ่ งมือที่ใช้ในการวจิ ยั ๘๒
๓.๔ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ๘๖
ช
๓.๕ การวิเคราะหข์ ้อมลู ๘๗
บทท่ี ๔ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ๘๙
๔.๑ สัญลกั ษณท์ ใ่ี ช้ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู ๘๙
๔.๒ ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู ตามวัตถปุ ระสงค์ของการวิจยั ๘๙
๔.๓ องค์ความรู้ใหม่จากการวจิ ัย ๑๐๙
บทท่ี ๕ สรปุ อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ ๑๑๐
๕.๑ สรุปผลการวจิ ยั ๑๑๐
๕.๒ อภปิ รายผลการวิจัย ๑๑๖
๕.๓ ขอ้ เสนอแนะ ๑๒๑
ภาคผนวก ๑๒๗
ภาคผนวก ก แบบสอบถามเพื่อการวิจยั ๑๒๘
ภาคผนวก ข หนังสอื ขอความอนเุ คราะหเ์ ป็นผูเ้ ชี่ยวชาญตรวจสอบเครือ่ งมอื การวิจยั
หนังสอื ขออนญุ าตทดลองแจกแบบสอบถามเพื่อการวิจัย Try out ๑๔๑
หนังสือขออนุญาตเกบ็ ข้อมลู และสัมภาษณ์เพอื่ การวิจยั ๑๖๒
ภาคผนวก ค ผลการวเิ คราะหค์ ่า IOC หรือผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ๑๖๕
ภาคผนวก ง ค่าเฉล่ียของผ้ตู อบแบบสอบถาม ๓๐ ชดุ (Try Out) ๑๖๗
ภาคผนวก จ ภาพประกอบการสัมภาษณก์ ารวจิ ยั
๑๗๑
ประวตั ผิ วู้ จิ ยั
ซ
สารบญั ตาราง
ตารางท่ี หน้า
ตารางท่ี ๔.๑ จํานวนรอ้ ยละขอ้ มลู สถานภาพของผ้ตู อบแบบสอบถาม ๙๐
ตารางที่ ๔.๒ จํานวนและร้อยละการมสี ่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมอื งภาคพลเมือง ๙๑
ตารางที่ ๔.๓ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานระดับกิจการบําบัดยาเสพติด ของวัด
พทุ ธเกษม อาํ เภอน้าํ พอง จังหวัดขอนแก่น ๙๒
ตารางที่ ๔.๔ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานระดับกิจการบําบัดยาเสพติด ของวัด
พทุ ธเกษม อาํ เภอน้ําพอง จังหวัดขอนแก่น ด้านการให้คําปรึกษา ๙๓
ตารางท่ี ๔.๕ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมืองภาคพลเมือง ด้านการเปน็ วทิ ยากร ๙๔
ตารางที่ ๔.๖ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมืองภาคพลเมือง ด้านศาสนสงเคราะห์ ๙๕
ตารางที่ ๔.๗ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมอื งภาคพลเมอื ง ดา้ นการสง่ เสรมิ อาชีพ ๙๖
ตารางที่ ๔.๘ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อกิจการบําบัดยาเสพติด ของวัดพุทธเกษม
อาํ เภอน้าํ พอง จงั หวดั ขอนแก่น ตามหลกั สงั คหวัตถุ ๔ ๙๗
ตารางท่ี ๔.๙ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบําบัดยาเสพติด ของวัดพุทธเกษม
อําเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแก่นตามหลักสังคหวัตถุ ๔ ด้านทาน เป็นการให้ส่ิง
ทีค่ วรให้ ๙๘
ตารางท่ี ๔.๑๐ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบําบัดยาเสพติด ของวัดพุทธเกษม
อาํ เภอน้ําพอง จังหวัดขอนแกน่ ตามหลักสงั คหวัตถุ ๔ ดา้ นปิยวาจา ๙๙
ตารางที่ ๔.๑๑ ค่าเฉลี่ย และเบ่ียงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบําบัดยาเสพติด ของวัดพุทธเกษม อําเภอนํ้า
พอง จังหวดั ขอนแก่นตามหลกั ธรรมสงั คหวัตถุ ๔ ดา้ นอตั ถจรยิ า ๑๐๐
ตารางท่ี ๔.๑๒ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบําบัดยาเสพติด ของวัดพุทธเกษม
อาํ เภอนํ้าพอง จงั หวดั ขอนแกน่ ตามหลกั ธรรมสังคหวตั ถุ ๔ สมานตั ตตา ๑๐๑
ตารางท่ี ๔.๑๓ ความสัมพันธ์ระหว่าง ตัวแปรต้นกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งเสริม
กิจการบําบัดยาเสพติดแยกตามรายด้านได้แก่ ด้านการส่งเสริมงบประมาณ
ด้านการให้คําปรึกษา ด้านการส่งเสริมเคร่ืองอุปโภคบริโภค ด้านการเป็น
วิทยากร ๑๐๒
ฌ
สารบญั ภาพ
ภาพท่ี หน้า
ภาพที่ ๒.๑
ภาพท่ี ๔.๒ กรอบแนวคิดในการวิจยั ๗๙
รูปแบบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อกิจการ
บาํ บดั ยาเสพติด ของวดั พุทธเกษม อําเภอนา้ํ พอง จงั หวดั ขอนแกน่ ๑๐๙
ญ
คาํ อธิบายสัญลกั ษณแ์ ละคําย่อ
อักษรย่อในวิทยานิพนธ์คร้ังน้ี ใช้อ้างอิงจากพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย การอ้างอิงระบุ เล่ม/ข้อ/หน้า หลังอักษรย่อชื่อคัมภีร์ ให้ใช้อักษรย่อตัวพ้ืนปกติ เช่น
ท.ี สี.(ไทย) ๙/๒๗๖/๙๘. หมายถึง ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ภาษาไทย เล่ม ๙ ข้อ ๒๗๖ หน้า ๙๘ ฉบับ
มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ๒๕๓๙
ก. คํายอ่ ชื่อคมั ภรี ์พระไตรปฎิ ก
พระสุตตนั ตปฎิ ก
คาํ ย่อ ชื่อคัมภีร์ ภาษา
ส.ํ ม. (ไทย) = สุตตันตปฎิ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค (ภาษาไทย)
บทที่ ๑
บทนาํ
๑.๑ ความเปน็ มาและความสําคัญของปัญหา
สถานการณ์ยาเสพติดโลก ของสํานักงานด้านยาเสพติดและอาชญากรรมขององค์การ
สหประชาชาติ พบว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ มีประชากรใช้ยาเสพติดจํานวนประมาณ ๒๕๕ ล้านคน คิด
เป็น ร้อยละ ๕.๓ของประชากรโลกในช่วงอายุ ๑๕ – ๖๔ ปี หรือในประชากรทุก ๒๐ คน จะมีผู้ใช้ยา
เสพติดอยู่ ประมาณ ๑ คน โดยในจํานวนน้ีมีผู้ที่ประสบปัญหาจากยาเสพติดด้านสุขภาพทางกายและ
จิตใจที่อาจก่อ ให้เกิดอันตรายและนําไปสู่ภาวะการเสพติดจนต้องได้รับการรักษา จํานวนประมาณ
๒๙.๕ ล้านคน คิดเป็น เกือบร้อยละ ๑๒ ของผู้ใช้ยาเสพติด และคิดเป็นร้อยละ ๐.๖ ของประชากร
ผู้ใหญ่ท่ัวโลก ซึ่งในแต่ละปีผู้ใช้ ยาเสพติดท่ัวโลก มีเพียง ๑ ใน ๖ คนที่เข้าถึงการบําบัดรักษาจากการ
ติดยาเสพติด โดยยาเสพติดในกลุ่ม อนุพันธ์ของฝิ่น เป็นยาเสพติดท่ีก่อให้เกิดอันตรายกับสุขภาพมาก
ท่ีสุด ก่อให้เกิดความเส่ียงต่อชีวิตในกรณี ใช้ยาเกินขนาด อีกทั้งมีความเสี่ยงต่อการติดเช้ือโรคร้ายแรง
เช่น ไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบชนิด บี หรือ ซี ท่ีเกิดจากการใช้เข็มฉีดยาท่ีไม่สะอาด และเสี่ยงต่อ
การเป็นโรคร่วมด้านกายและจติ อกี ด้วย อันตรายหรือ ผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดจากการใชย้ าเสพติด
จึงเป็นประเด็นท่ีต้องป้องกันแก้ไข ทั้งนี้ แนวโน้มจํานวนผู้ใช้ ยาเสพติดของประชากรโลกจากการ
ประมาณการ กเ็ พิ่มสูงข้ึน เมือ่ เทียบในช่วงระหวา่ งปี ๒๕๔๙ ถงึ ๒๕๕๘๑
ประเทศไทยได้มีการสํารวจครัวเรือนเพื่อคาดประมาณจํานวนประชากรผู้ใช้สารเสพติด
ของประเทศ ปี ๒๕๕๙ โดยคณะกรรมการบริหารเครือข่ายองค์กรวิชาการสารเสพติด พบว่ามี
ประชากรที่ใช้สารเสพตดิ ในปี ๒๕๕๙ ประมาณ ๑.๔ ล้านคน และในจาํ นวนน้ี อนุมานวา่ ประมาณ ๓
แสนคน เป็นกลุ่มที่จําเป็นต้อง ได้รับ การดูแลรักษา กลุ่มวัยท่ีพบว่ามีการแพร่ระบาดของยาเสพติด
เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทํางาน ช่วงอายุ ๑๒ - ๔๔ ปี มีการกระจายของยาเสพติดไปถึงหมู่บ้าน/ชุมชน
ที่เป็นรากฐานสําคัญของสังคม หากไมม่ ีการ ดําเนินการป้องกันและแก้ไขอย่างจริงจังและเร่งด่วนแล้ว
จะก่อให้เกิดผลเสียต่อประเทศทั้งในด้านสาธารณสุข ด้านสังคม และด้านเศรษฐกิจ ด้านสาธารณสุข
จากข้อมูลการสํารวจโดยสํานักระบาดวิทยา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ พบว่า กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดติด
เช้ือไวรัสตับอักเสบซี ร้อยละ ๗๑ ติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ ๒๒ ติดเชื้อไวรัส ตับอักเสบบี ร้อยละ ๑๒
และมีอัตราตายประมาณร้อยละ ๓ ต่อปี ในกลุ่มเยาวชนท่ีใช้ยาบ้า พบว่ามีความชุก ของเชื้อโรคติดต่อ
๑ ศูนย์กลางในการ ปอ้ งกันและการแกไ้ ขปญั หายาเสพตดิ , รายงานเอกสารสําหรับการประชุมสมัชชา
สขุ ภาพแหง่ ชาติ ครั้งที่ ๑๐ ประเด็นชุมชนเป็นศนู ยก์ ลางในการ ป้องกันและการแกไ้ ขปัญหายาเสพติด, ๒๕๖๓.
๒
ทางเพศสัมพันธส์ ูงถึงกว่าร้อยละ ๒๐ มีภาวะติดสุราร่วมด้วย ทาํ ให้มีภาวะซึมเศร้าสงู ถึง กว่าหนง่ึ ในสาม
นอกจากนน้ั ยังพบการระบาดของโรคจิตจากสารเมทแอมเฟตามีนตามหลังการระบาดของ ยาบ้าตัง้ แต่ปี
พ.ศ.๒๕๓๙ เม่ือติดตามผู้ป่วยกลุ่มน้ีไปประมาณ ๖ ปี พบว่ามีการตายประมาณร้อยละ ๘.๒ โดยสาเหตุ
การตายหลกั คอื การฆา่ ตวั ตาย อุบัตเิ หตแุ ละการเปน็ โรคเอดส๒์
จากผลการดําเนินงานนโยบายโลกที่ปลอดจากยาเสพติด ไม่สามารถลดปริมาณโดยรวม
และการค้า ยาเสพติดลงไปได้ในประเทศไทย ก่อให้เกิดปัญหาผู้ต้องขังล้นคุก ซ่ึงปัจจุบันประเทศไทย
อยู่ในอันดับ ๑๐ จํานวนผู้ต้องขังสูงสุดในอันดับโลก และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
เกี่ยวกับยาเสพติด ประเทศไทยมีการปรับเปล่ียนนโยบายดําเนินงานยาเสพติดในประเทศไทย ตาม
แนวทาง UNGASS ๒๐๑๖ คือ สังคมที่ปราศจากการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด และดําเนินการบําบัดผู้
เสพยาเสพติดท่ีไม่มีคดีอาญาอ่ืน ร่วมด้วย โดยถือว่า “ผู้เสพคือผู้ป่วย ไม่ใช่อาชญากร” เน่ืองจากเดิม
การบําบัดมีผู้เข้ารับการบําบัดฟ้ืนฟู ปีละ ประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ราย ในระบบสมัครใจ บังคับบําบัด
และตอ้ งโทษ ปัญหา คือ ระบบสมคั รใจไม่ใชก่ าร สมคั รใจท่ีแท้จริง เป็นการบังคับกึง่ สมัครใจ ผู้เขา้ รับ
การบําบัดฟ้ืนฟูเข้ารับการบําบัดไม่ครบตามเกณฑ์เวลา ที่กําหนดท้ังในระบบสมัครใจและบังคับบําบัด
แบบไม่ควบคุมตัว รวมถึงการติดตามในชุมชน ไม่สามารถดําเนินการ ได้อย่างมีประสิทธิผลทั้งในเชิง
ปริมาณและคุณภาพ ปัญหายาเสพติด ถูกยกให้เป็นวาระแห่งชาติยาวนานกว่าสองทศวรรษท่ีทุก
รัฐบาลได้กําหนด นโยบายและกลยุทธ์ต่อยาเสพติด ทั้งเชิงป้องกันและแก้ไขในรูปแบบราษฎร์ - รัฐ
ร่วมใจ เป็น “ภาระร่วม” ระหว่างภาครัฐและท้องถ่ินชุมชนในการป้องกัน เฝ้าระวัง บําบัดแก้ไข และ
ฟ้ืนฟูดูแลสงเคราะห์ผู้มีปัญหายาเสพติดแบบองค์รวมท้ังกาย - จิต - สังคม ในมุมมองท่ีเปลี่ยนจากผู้
เสพเป็นอาชญากร สู่ผู้เสพ เป็นผู้ป่วย การเสพ/ติดยาเสพติดนั้น รักษาได้แต่ต้องใช้เวลา โดยเฉพาะ
รูปแบบการบําบัดรักษาที่ใกลบ้ ้าน ภายในชมุ ชน โดยชมุ ชนมีส่วนรว่ มนั้น ให้ผลคุ้มค่าทีส่ ดุ
ในปี ๒๕๕๕ รัฐบาลโดยการนําของ พณฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้เอา
นโยบายขบวนการเอาชนะยาเสพติดเข้าสู่ชุมชน เพื่อคัดกรองผู้เสพและผู้ค้า เพราะปัญหาเร่ืองยา
คคนนลุกลามเข้าไปในทุกสังคม รวมไปถึงสังคมโรงเรียน ซ่ึงเป็นสังคมของเยาวชนที่เป็นอนาคตของ
ชาติ ทําให้เกิดปัญหาสารพัด ชุมชนเกิดความเดือดร้อน วุ่นวาย ครอบครัวแตกแยก ยาเสพติด เต็ม
เมือง ยังดีท่ีทางภาครัฐให้ความสนใจ และให้ความจริงใจในการแก้ไขปัญหา เพื่อท่ีจะทําให้ชุมชน
กลับมาสู่ความปกติ ยาเสพติดลดน้อยลงในขณะเดียวกัน วัดพุทธเกษมได้จัดต้ัง ศูนย์พัฒนาคุณภาพ
ชีวิตชุมชนอําเภอนํ้าพอง เพ่ือช่วยแก้ปัญหาชุมชน โดยเฉพาะโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของ
ชุมชน ทางด้านความคิดและด้านพฤติกรรม โดยได้รับการสนับสนุนจากชุมชน รวมไปถึงหน่วยงาน
ราชการ โดยมีเยาวชนท่ีมาจากโรงเรียนต่าง ๆ จํานวน ๕,๔๖๓ คน กํานันผู้ใหญ่บ้านและสมาชิก
องค์การบริหาร ส่วนตําบล จํานวน ๘๖๔ คน ประชาชนท่ัวไป ด.๔๙๑ คน รวมไปถึงกลุ่มเป้าหมาย
ตามนโยบายของ ทางภาครัฐในขณะน้ัน คือ เยาวชนที่ติดยาเสพติด จํานวน ๓๓๖ คน ผู้ค้ายาเสพติด
จํานวน ๔๖ คน และยังมปี ระชาชนทีไ่ มไ่ ด้รบั การอบรมในโครงการฯ ที่เป็นผ้เู สพยาเสพตดิ จาํ นวนกว่า
๒ กระทรวงสาธารณสุข, แนวทางการบําบัดฟ้ืนฟูผู้ใช้ยาเสพติด โดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง
(Community Based Treatment and care), (สมทุ รปราการ: บรษิ ัท บอรน์ ทู บี พับลชิ ชงิ่ จาํ กัด, ๒๕๖๑).
๓
๑,๓๕๗ คน และผูค้ ้ายาเสพตดิ กวา่ ๗๔ คน ที่มาขอรับการช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากการเข้ารับการอบรม
แล้ว ปรากฏว่าชุมชนมีปญั หาดา้ นยาเสพติดลดน้อยลง
นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพ้ืนท่ี
ชายแดนภาคใต้ จะให้ความสําคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนและบังคับใช้กฎหมาย
อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ในการปราบปรามแหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายา
เสพติด ฟ้ืนฟูดูแลผู้เสพผ่านกระบวนการทางสาธารณสุข สร้างโอกาส สร้างอาชีพ รายได้ และการ
ยอมรับของสังคม นอกจากน้ี จะเร่งสร้างความสงบสุขในพื้นท่ีจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยน้อมนํา
ยุทธศาสตร์พระราชทานเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เป็นหลักในการทํางานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของ
ประชาชน เร่งรัดการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ และจัดสวัสดิการที่
เหมาะสมสาํ หรบั เจ้าหน้าทข่ี องรัฐในพน้ื ท่ี๓
วัดพุทธเกษมปัจจุบันมีพระครูสุตศาสนการ รองเจ้าคณะอําเภอนํ้าพอง เป็นเจ้าอาวาสวัด
พทุ ธเกษม ได้ให้ความสําคัญกบั เด็กและเยาวชนท่ีมีปัญหาเป็นพิเศษ ท่านได้จัดใหม้ ีกิจกรรมคัดกรองผู้
มีพฤติกรรมติดยาเสพติด ผู้ค้ายาเสพติด ได้เข้ามาบําบัดรักษา ทําให้หน่วยงานทางราชการให้ความ
สนใจและเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนโครงการและกิจกรรมของวัดพุทธเกษม เช่น ศูนย์บริการทาง
สังคม แบบมีส่วนร่วม ของกรมพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ศูนย์เรียนรู้คู่ชุมชน ของ
ธนาคารออม สิน ตลอดจนให้การสงเคราะห์เด็กกําพร้า และคนชรา เป็นต้น สรุปได้ว่า วัดพุทธเกษม
ปัจจุบันเป็นท่ีต้ังศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน และศูนย์บําบัดยาเสพติด เพื่อส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรมและความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ เป็นสถานที่รกั ษาพฤติกรรม
ผู้ติดยาเสพติด ผู้ค้ายาเสพติด ได้เข้ามาบําบัดรักษาเพื่อคนสู่สังคม ทางด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง
สรา้ งสรรค์ ทําให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติด นอกจากน้ียังมีความมุ่ง ประการคือ เยาวชนจะมีจิตอาสา
ด้านส่ิงแวดล้อม มีเจตคติท่ีดีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม รวมทั้งรู้จักแหล่ง
อาหาร สมุนไพรจากธรรมชาติ สามารถนํามาประยุกต์ใช้ชีวิตประจําวัน อีกทง้ั เปน็ การเสริมสร้างความ
เป็นผู้นํา กล้าคิด กล้าแสดงออก และฝึกทํางานเป็นกลุ่ม ผ่านกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมจาก
สถานการณ์ปัญหาจริงที่เกิดข้ึน ให้เกิดความรักความหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติการเป็นปลูกฝัง
คุณธรรม จริยธรรม ให้แก่เยาวชน ของชาติ เพ่ือให้เป็นต้นแบบที่เติบโตด้วยคุณภาพ และเต็มเปี่ยม
ดว้ ยคณุ ธรรม จริยธรรม สามัคคี และสามารถนําหลักคณุ ธรรมไปใช้ในการดํารงชีวิตได้อย่างเหมาะสม
รวมท้ังปลูกฝังทาง การดํารงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงมาให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติใน
ชีวิตประจําวันได้ และในการรว่ มโครงการครัง้ น้ี ได้ให้เยาวชนน้ันได้รู้จักโทษของยาเสพติดและร่วมกัน
อนุรักษ์ป่าไม้ดว้ ย สรุปไดว้ ่า วธิ ีการรักษาและการป้องกนั ยาเสพติดของวัดพุทธเกษมใชโ้ ครงการบําบัด
ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามหลักสูตรการบําบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ๑ เดือน ๑๕ วันหรือเป็น
ปีข้ึนอยู่กับอาการของแต่ละบุคคลเช่นบําบัดด้วยสมุนไพร การออกกําลังกาย เล่นกีฬา การไหว้พระ
สวดมนต์ น่ังสมาธิและมีวิธีการป้องกันยาเสพติดโดยจัดโครงการเยาวชนรักษ์ป่าไม้ห่างไกลยาเสพติด
๓ รัฐบาลไทย, นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด, [ออนไลน์], แหล่งที่
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/22011 [๑๐ กนั ยายน ๒๕๖๓].
๔
เยาวชนจะมีจิตอาสาด้านสิ่งแวดล้อม เพ่ือให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และห่างไกลยาเสพ
ติด
จากความเป็นมาและความสําคัญของปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยในฐานะผู้อยู่ในเขตพื้นท่ี
ดังกล่าว จึงมีความสนใจท่ีจะศึกษาการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อ
กิจการบําบัดยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแก่น เพื่อให้ทราบถึงการมีส่วน
ร่วมของชุมชนในการบําบัดรักษาเป็นอย่างไร ซึ่งในแต่ละชุมชนมีกระบวนการและวิธีการบําบัดรักษา
ต่างกันอย่างไร แนวทางและปัญหามีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและการ
บาํ บดั รกั ษาทางสงั คมและสขุ ภาวะของผูเ้ สพยาเสพติดอยา่ งแท้จริง
๑.๒ คาํ ถามการวจิ ยั
๑.๒.๑ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมือง ท่ีส่งผลต่อกิจการบําบัด
ยาเสพติดของวดั พุทธเกษม อําเภอนา้ํ พอง จงั หวัดขอนแก่น เป็นอยา่ งไร
๑.๒.๒ ความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผล
ตอ่ กจิ การบาํ บัดยาเสพตดิ ของวดั พุทธเกษม อาํ เภอน้าํ พอง จงั หวัดขอนแกน่ เป็นอยา่ งไร
๑.๒.๓ ความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผล
ต่อกิจการบําบัดยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อําเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแก่น ตามหลักสังคหวัตถุ ๔
เป็นอยา่ งไร
๑.๒.๔ แนวทางการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อกิจการ
บําบดั ยาเสพตดิ ของวัดพทุ ธเกษม อําเภอน้าํ พอง จงั หวดั ขอนแก่น มีแนวทางทเี่ หมาะสมอย่างไร
๑.๓ วตั ถุประสงค์ของการวิจัย
๑.๓.๑ เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อ
กิจการบําบดั ยาเสพตดิ ของวัดพุทธเกษม อําเภอนํา้ พอง จงั หวัดขอนแก่น
๑.๓.๒ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาค
พลเมืองกับการบําบัดยาเสพติดของวัดพทุ ธเกษม อําเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแก่น
๑.๓.๓ เพ่ือศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมือง
กบั การบําบัดยาเสพตดิ ของวดั พทุ ธเกษม อําเภอนาํ้ พอง จงั หวดั ขอนแกน่ ตามหลกั สงั คหวัตถุ ๔
๑.๓.๔ เพ่ือศึกษาแนวทางการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อ
กิจการบาํ บดั ยาเสพตดิ ของวัดพุทธเกษม อาํ เภอนํา้ พอง จังหวดั ขอนแกน่
๑.๔ ขอบเขตของการวจิ ยั
การวิจัยเรื่อง การมีส่วนร่วมกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบําบัดยา
เสพติดของวัดพุทธเกษมอําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแก่น ผู้วิจัยจะได้กําหนดขอบเขตของการวิจัยไว้
ดังนี้
๕
๑.๔.๑ ขอบเขตดา้ นเน้ือหา
เน้ือหาที่ใช้ในการวิจัยคร้ังนี้เป็นการมีส่วนร่วมกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผล
ต่อกิจการบําบัดยาเสพตดิ ของวัดพทุ ธเกษมอําเภอน้าํ พอง จังหวัดขอนแกน่
๑.๔.๒ ตวั แปรในการวิจยั
การวิจัยเรื่องการมีส่วนร่วมกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่ส่งผลต่อกิจการบําบัดยา
เสพตดิ ของวัดพทุ ธเกษมอําเภอนา้ํ พอง จังหวัดขอนแกน่ ดังนี้
ตัวแปรต้น ได้แก่ ด้านการส่งเสริมงบประมาณ ด้านระดมมวลชน ด้านการส่งเสริมเคร่ือง
อุปโภคบรโิ ภค
ตัวแปรตาม ได้แก่ กิจการบําบัดยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อําเภอน้ําพอง จังหวัด
ขอนแก่น ด้านการใหค้ าํ ปรึกษา ดา้ นการเปน็ วิทยากร ด้านศาสนสงเคราะห์ ดา้ นการสง่ เสริมอาชพี
๑.๔.๓ ขอบเขตดา้ นประชากร
การวิจัยเรื่อง การมีส่วนร่วมกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อกิจการบําบัดยา
เสพตดิ ของวดั พุทธเกษมอําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแกน่ ดังน้ี
๑.๔.๓.๑ ประชากร/กล่มุ ตวั อย่าง
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ ได้แก่ ประชาชนในชุมชนในตําบลหนองกุง
อําเภอน้าํ พอง จงั หวัดขอนแกน่ ใน ๑๐ หมบู่ ้าน ประชากร จํานวน ๖,๑๖๔ คน
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชนในชุมชนในตําบลหนองกุง อําเภอนํ้าพอง จังหวัด
ขอนแกน่ ใน ๑๐ หม่บู า้ น จํานวน ๓๗๘ คน
กลุ่มเป้าหมาย/ผู้ให้ข้อมูลสําคัญ ได้แก่ พระสังฆธิการ ๓ รูป ตัวแทนสมาคมสตรี
แม่บ้านอําเภอน้ําพอง ๑ คน สมาคมฌาปนกิจอาสาสมัครสาธารณะสุข อําเภอนํ้าพอง ๑ คนและ
กาํ นันผ้ใู หญบ่ ้าน จาํ นวน ๑๑ คน รวมท้ังหมด ๑๖ รูปหรอื คน
๑.๔.๔ ขอบเขตด้านสถานที่การศกึ ษา
ชมุ ชนในตําบลหนองกุง อําเภอน้าํ พอง จังหวัดขอนแก่น
๑.๔.๕ ขอบเขตดา้ นระยะเวลา
ตั้งแต่เดอื น กนั ยายน ๒๕๖๓ – ธันวาคม ๒๕๖๓
๑.๕ สมมติฐานของการวิจยั
๑.๕.๑ การส่งเสริมงบประมาณ มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมกิจกรรมทางการเมือง
ภาคพลเมืองกบั กจิ การบาํ บดั ยาเสพติดของวดั พทุ ธเกษม อาํ เภอนํ้าพอง จงั หวดั ขอนแก่น
๑.๕.๒ การระดมมวลชน มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมกิจกรรมทางการเมืองภาค
พลเมืองกับกจิ การบาํ บัดยาเสพตดิ ของวัดพุทธเกษม อําเภอนํ้าพอง จงั หวดั ขอนแกน่
๖
๑.๕.๓ การส่งเสริมเครื่องอุปโภคบริโภค มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมกิจกรรม
ทางการเมืองภาคพลเมอื งกบั กจิ การบาํ บดั ยาเสพติดของวัดพทุ ธเกษม อาํ เภอน้ําพอง จังหวดั ขอนแกน่
๑.๕.๔ การมีส่วนร่วมทางการเมืองภาคพลเมืองความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมกิจกรรม
ทางการเมอื งภาคพลเมอื งกบั กจิ การบําบัดยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อําเภอนํา้ พอง จังหวดั ขอนแก่น
๑.๖ นยิ ามศพั ทท์ ่ใี ชเ้ ฉพาะในการวจิ ยั
ตัวแปรต้น ได้แก่ การส่งเสริมงบประมาณ การระดมมวลชน การส่งเสริมเคร่ืองอุปโภค
บริโภค
ตัวแปรตาม ได้แก่ กิจการบําบัดยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อําเภอน้ําพอง จังหวัด
ขอนแก่น
๑.๖.๑ การมสี ว่ นร่วม หมายถึง การมีส่วนร่วมทางการเมอื งภาคพลเมอื งความสมั พันธ์กับ
การมีส่วนร่วมกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองกับกิจการบําบัดยาเสพติดของวัดพุทธเกษม อําเภอ
น้ําพอง จังหวัดขอนแก่น ทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่ ด้านการส่งเสริมงบประมาณ ด้านระดม
มวลชน ด้านการส่งเสริมเคร่ืองอุปโภคบรโิ ภค
๑.๖.๒ กิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมือง หมายถึง การมีส่วนร่วมในการส่งเสริม
ขบวนการทางการเมืองของประชาชน (Political Movement) ให้มีการดําเนินกิจกรรมอย่างเป็น
รูปธรรมและมีการปฏิสัมพันธ์ร่วมกันกับส่วนอ่ืนของสังคม การส่งเสริมเครือข่ายทางการเมืองของ
ประชาชน (Political Network) ให้มีการเชื่อมโยงและการช่วยเหลือสนับสนุนซ่ึงกันและกันภายนอก
มีการแบ่งงานกนั ทําและมกี ารยดึ โยงกบั ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ อยา่ งใกลช้ ิด การสง่ เสรมิ การสอื่ สารทาง
การเมืองของประชาชนให้แพร่หลาย (Political Communication) ประกอบด้วย ด้านการให้
คาํ ปรกึ ษา ด้านการเปน็ วิทยากร ดา้ นศาสนสงเคราะห์ ดา้ นการสง่ เสริมอาชพี
๑.๖.๓ การบําบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด หมายถึง รูปแบบการบําบัดในเชิงบูรณาการด้าน
การอยู่ดี มีความสุข การดําเนินชีวิตตามแบบศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น และตามหลัก
เศรษฐกิจพอเพียง
๑.๖.๔ ผู้เสพยาเสพตดิ หมายถงึ ผเู้ สพสง่ิ เสพติด ๕ ประเภท ได้แก่
ประเภทที่ ๑ ยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง เป็นยาที่ไม่มีการนํามาใช้ในทางการแพทย์
และทําให้เกดิ การเสีย่ งตอ่ การติดยาของประชากรในระดบั รุนแรง เช่น เฮโรอีน ยาบา้ ยาอี
ประเภทที่ ๒ ยาเสพติดให้โทษทั่วไป เป็นยาท่ีมีประโยชน์ในการรักษาโรคในระดับน้อย
จนถึงมาก และทําให้เกิดการเสี่ยงต่อการติดยาของประชากรในระดับที่ต้องพึงระวัง เช่น มอร์ฟีน
โคเคน โคเดอีน
ประเภทท่ี ๓ ยาเสพติดให้โทษท่ีมียาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ เป็นส่วนผสมอยู่ด้วย
ตามท่ีได้ขึ้นทะเบียนตํารับไว้ เป็นยาที่ทําให้เกิดการเส่ียงต่อการติดยาของประชากรน้อย แต่ยังคงมี
อันตราย และมีประโยชน์ มากในการรกั ษาโรคเช่น ยาแก้ไอผสมโคเดอีน
๗
ประเภทที่ ๔ สารเคมีท่ีใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ หรือประเภท ๒ เช่น
อาเซตคิ แอนไฮไดรด์ (Acetic Anhydride) อาเซตลิ คลอไรด์ (Acetyl Chloride)
ประเภทที่ ๕ ยาเสพติดให้โทษท่ีมิได้อยู่ในประเภทที่๑ ถึงประเภทที่๔เช่น กัญชา พืช
กระทอ่ ม เห็ดขีค้ วาย
๑.๖.๕ ประชาชน หมายถึง ประชนผู้ท่ีมีภูมิลําเนาในชุมชนบ้านหนองกุง อําเภอน้ําพอง
จงั หวดั ขอนแก่น
๑.๖.๖ ชุมชน หมายถงึ ชุมชนบ้านหนองกุง อําเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแก่น
๑.๗ ประโยชนท์ ่ีไดร้ บั จากการวจิ ยั
๑.๗.๑ ทําให้ทราบระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อ
กิจการบาํ บัดยาเสพตดิ ของวัดพุทธเกษม อําเภอนา้ํ พอง จงั หวดั ขอนแกน่
๑.๗.๒ ทําให้ทราบความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาค
พลเมอื งกับการบาํ บัดยาเสพติดของวัดพทุ ธเกษม อําเภอนา้ํ พอง จงั หวดั ขอนแก่น
๑.๗.๓ ทําให้ทราบความสัมพันธ์ระหว่างการมีสว่ นร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมือง
กับการบําบดั ยาเสพติดของวดั พุทธเกษม อําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแก่น ตามหลกั สังคหวตั ถุ ๔
๑.๗.๔ ทําให้ได้แนวทางการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองท่ีส่งผลต่อ
กิจการบาํ บัดยาเสพติดของวัดพทุ ธเกษม อาํ เภอน้าํ พอง จงั หวัดขอนแกน่
๑.๗.๕ ทําให้ได้ข้อมูลสารสนเทศการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองที่
ส่งผลตอ่ กจิ การบาํ บดั ยาเสพติดของวดั พุทธเกษม อาํ เภอน้ําพอง จงั หวัดขอนแกน่
บทที่ ๒
แนวคดิ ทฤษฎี และงานวิจัยทเ่ี ก่ียวข้อง
การศึกษาวจิ ัยเรื่อง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองภาคพลเมืองทีส่ ่งผลต่อกิจการ
บาํ บดั ยาเสพติดของ วัดพทุ ธเกษม อําเภอนาํ้ พอง จังหวัดขอนแกน่
๒.๑ แนวคดิ เก่ียวกับการมสี ่วนร่วมของชุมชน
๒.๒ แนวคิดเกย่ี วกบั กจิ กรรมทางการเมอื งภาคพลเมอื ง
๒.๓ แนวคิดเก่ยี วกบั การบําบดั รักษาทางสังคมและสุขภาวะของผ้เู สพยาเสพตดิ
๒.๔ หลักพทุ ธธรรมท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมทางการเมอื งภาคพลเมอื ง
๒.๕ ประวัติความเป็นมาของวดั พุทธเกษม อาํ เภอนาํ้ พอง จงั หวัดขอนแก่น
๒.๖ งานวจิ ัยทเ่ี กีย่ วข้อง
๒.๗ กรอบแนวคิดในการวจิ ัย
๒.๑ แนวคดิ เก่ียวกับการมีสว่ นรว่ มของชมุ ชน
๒.๑.๑ ความหมายของการมสี ่วนร่วม
การมีส่วนร่วมของประชาชน (Participation) ถือได้ว่าเป็นข้ันตอน และกระบวนการท่ี
สําคัญท่ีพลังส่งผลให้การดําเนินโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐประสบผลสําเร็จอย่างเป็น
รูปธรรมและได้รับการยอมรับจากประชาชน รวมถึงประชาชนมีความสํานึกร่วมในการเป็นเจ้าของ
โครงการด้วย ซึ่งกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนท่ีเข้ามา ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ แก้ไขปัญหา
ร่วมกันพัฒนานน้ั ไดม้ นี ักวิชาการ ได้ให้นยิ ามความหมายของการมสี ว่ นร่วมเป็นจาํ นวนมาก ดังนี้
การมีส่วนร่วมของประชาชน คือ กระบวนการซึ่งประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีโอกาส
แสดงทัศนะ และเข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงการนํา
ความคิดเห็นไปประกอบการพิจารณากําหนดนโยบายและตัดสินใจของภาครัฐ การมีส่วนร่วมของ
ประชาชน เป็นการสื่อสารสองทาง คืออย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการซ่ึงประกอบด้วย การแบ่ง
สรรข้อมลู ร่วมกนั ระหว่างผทู้ ่ีมสี ่วนไดส้ ่วนเสยี และเป็นการเสริมสร้างความสามัคคใี นสงั คม ท้งั นเี้ พราะ
การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นการเพ่ิมคุณภาพของการตัดสินใจ การลดค่าใช้จ่ายและการสูญเสีย
เวลา เป็นการสร้างฉันทามติ และทําให้ง่ายต่อการนําไปปฏิบัติอีกท้ังหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าใน กรณี
ที่ร้ายแรงท่ีสุดช่วยให้เกิดความน่าเชื่อถือและความชอบธรรม และช่วยให้ทราบความห่วงกังวลของ
ประชาชนและค่านิยมของสาธารณชน รวมท้ังเป็นการพัฒนาความเชียวชาญและความคิดสร้างสรรค์
ของสาธารณชน
๙
สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ๑ ได้ให้ความหมายของการมีส่วนร่วมของ
ประชาชน ดังน้ี
๑. กระบวนการซ่ึงประชาชน หรือผู้ทีมีส่วนได้เสียท่ีเกี่ยวข้องมีโอกาสเข้าร่วมใน
กระบวนการหรือขั้นตอนต่าง ๆ ของการบริหาร ต้ังแต่การรับรู้ข้อมูลการปฏิบัติงาน การร่วมแสดง
ทัศนะแสดงความคิดเห็น การร่วมเสนอปัญหาและความต้องการของชุมชนและท้องถิ่น การร่วมคิด
แนวทางแก้ไขปัญหา การรว่ มในกระบวนการตัดสินใจ การร่วมในการดําเนินการ และการรว่ มติดตาม
ประเมินผล รวมทัง้ การร่วมรบั ผลประโยชน์จากการพฒั นา
๒. กระบวนการสานสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน เพ่ือสร้างความความ
เข้าใจร่วมและเพื่อให้การพัฒนานโยบายและบริการสาธารณะเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
และสนองความตอ้ งการของประชาชนมากข้ึนโดยเน้นท่ีกระบวนการทเ่ี ปิดโอกาสใหป้ ระชาชนเข้ามามี
ส่วนเก่ียวข้องในการตัดสินใจของรัฐ กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นวิธีการท่ีภาครัฐ ภาค
ประชาสังคม และผู้ที่เก่ียวข้อง มีโอกาสเรียนรู้ทําความเข้าใจประเด็นนโยบายสาธารณะร่วมกัน
ปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อแสวงหาทางเลือกท่ีดีที่สุด ทุกฝ่ายยอมรับมากที่สุด และมีผลกระทบเชิงลบ
นอ้ ยท่สี ุด
๓. กระบวนการท่ีประชาชนและผู้มีส่วนเก่ียวข้องทุกภาคส่วนเข้าร่วมในการหาวิธีแก้ไข
ปัญหาท่ียุ่งยากซับซ้อน ร่วมกันหาทางออกสําหรับการแก้ปัญหาต่าง ๆ ในทางสันติเป็นที่ยอมรับหรือ
เป็นฉันทามติของประชาสังคม และมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ โดยนําความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของประชาชนและผู้ท่ีเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนมาเป็นองค์ประกอบสําคัญในการตัดสินใจ
และกําหนดแนวทางหรือนโยบายสาธารณะที่ภาครัฐจะดําเนินการ๒
ความหมายของการมีส่วนร่วมของประชาชนเปลี่ยนแปลงไปตามบริบททางสังคมและ
การเมือง ในอดตี การมีสว่ นร่วมของประชาชนมกั หมายถึงการมสี ่วนรว่ ม
ทางการเมือง แต่ปัจจุบันสังคมให้ความสําคัญกับประชาธิปไตยทางตรง ส่งผลให้
ความหมายของการมีส่วนร่วมของประชาชนมีขอบเขตกว้างขึ้น การมีส่วนร่วมของประชาชน (Public
Participation)หมายถึง การท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเปิดให้ประชาชนเข้าไปร่วมในการกําหนด
กฎเกณฑ์นโยบาย กระบวนการบริหารและตัดสินใจของท้องถ่ินเพื่อผลประโยชน์ ของประชาชนโดย
ส่วนรวมอย่างแท้จริง ท้ังน้ี ต้องอยู่บนพ้ืนฐานของการท่ีประชาชนจะต้องมีอิสระทางความคิด โดย
หลักการการมสี ่วนร่วมของประชาชนจะต้องมีลักษณะการเข้าร่วมอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นจนถึงสิน้ สุด
ไมใ่ ชเ่ ป็นการจดั เวทีการมีส่วนรว่ มครงั้ เดยี ว ซึ่งมีขน้ั ตอน ดังตอ่ ไปน้ี
๑ ถวิลวดี บุรีกุล, การมีส่วนร่วม แนวคิด ทฤษฎีและกระบวนการ, (กรุงเทพมหานคร: สถาบัน
พระปกเกลา้ , ๒๕๔๘), หนา้ ๕.
๒ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ พ.ศ.
๒๕๕๑-๒๕๕๕, [ออนไลน์], แหล่งที่มา: http://opdc.go.th//special.php?spc_id=2&content_id=156 [๑
สิงหาคม ๒๕๖๓].
๑๐
(๑) การเกิดจิตสํานึกในตนเองและถือเป็นภาระหน้าที่ของตนในฐานะท่ีเป็นส่วนหนึ่งของ
สงั คมหรือชมุ ชนท่ตี นอยู่
(๒) ร่วมกันคิดเรื่องสาเหตุปัญหาของชุมชน และลําดับความสําคัญของปัญหากําหนด
เป้าหมาย และควรลําดับความสาํ คัญกบั ปัญหาก่อนหลัง
(๓) ร่วมมือวางแผนการดําเนินงานในการจัดกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ และแบ่งงานกัน
ทาํ ในเรอ่ื งกําหนดงบประมาณ การจัดหางบประมาณ และมอบหมายใหม้ ีผู้ดูแลรกั ษา
(๔) ให้ประชาชนเข้าร่วมดําเนินกิจกรรมด้วยความเต็มใจ ด้วยความรู้ความสามารถของ
ตนเอง
(๕) ร่วมติดตาและประเมินผล ในการตรวจสอบปัญหาอุปสรรคและร่วมกันในการหา
ทางแก้ไขปัญหา ตลอดเวลาท่ีทํางานร่วมกันกับประชาชน เพ่ือให้งานหรือภารกิจสามารถสําเร็จลุล่วง
ตามเป้าหมาย
(๖) ร่วมรับผลประโยชน์ ประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมของชุมชนแล้วย่อมที่จะ
ได้รบั
(๗) เร่ิมตั้งแต่การมีจิตสํานึกในตนเองและถือเป็นภาระหน้าที่ของตนในฐานะที่เป็นส่วน
หนงึ่ ของสังคมหรอื ชมุ ชนที่ตนอยู่
(๘) ร่วมกันคดิ ถึงสาเหตุของปัญหาชุมชน ว่ามีสาเหตุเกิดจากอะไร และลําดับความสําคัญ
ของปัญหา พรอ้ มกําหนดเปา้ หมาย และดาํ เนนิ การแก้ไขกบั ปญั หากอ่ นหลงั
(๙) ร่วมวางแผนในการดําเนินกิจกรรม การแบ่งงานกันทํา กํากําหนดงบประมาณจะ
จดั หาแหล่งงบประมาณ และมอบหมายผู้ดูแลรกั ษา
(๑๐) ประชาชนจะต้องเข้าร่วมดําเนินกิจกรรมด้วยความเต็มใจ ด้วยกําลังความรู้
ความสามารถของประชาชนเอง
(๑๑) ร่วมติดตามประเมินผล ในการตรวจสอบถึงปัญหาอุปสรรคและร่วมกันในการหา
แนวทางแก้ไขปัญหาตลอดเวลาที่ทํางานร่วมกันประชาชน เพ่ือให้งานหรอื ภารกิจสามารถสําเร็จลุล่วง
ตามเปา้ หมาย
(๑๒) ประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมของชุมชนสมควรที่จะได้รับผลประโยชน์
ร่วมกัน ซึ่งอาจไม่จาํ เป็นจะต้องอยู่ในรูปของเงิน วัตถุสิ่งของ แต่อาจเป็นความสบายใจ ความพึงพอใจ
ในสภาพของความเปน็ อยู่ท่ีดีขึน้ ก็ได้๓
การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทํางานน้ัน จําเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องคํานึงถึง
เง่ือนไขหรือหลักการสําคัญ ๓ ประการ คือการมีส่วนร่วมต้องเกิดจากความเต็มใจและความต้ังใจที่จะ
เข้าร่วม เพราะจะทําให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนหน่ึงของชุมชนในการแก้ไขปัญหาตัดสินใจในเรื่องนั้นๆ
กระบวนการมีส่วนร่วมน้ันต้องตั้งอยู่บนพ้ืนฐานของความเสมอภาค และขีดความสามารถของแต่ละ
บุคคลที่จะเข้ามามีส่วนร่วมการมีส่วนร่วมต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของเสรีภาพ อิสรภาพที่จะตัดสินใจว่า
๓ อรทัย ก๊กผล, คู่คิด คู่มือการมีส่วนร่วมของประชาชน สําหรับนักบรหิ ารท้องถิ่น, (กรุงเทพมหานคร:
จรัญสนิทวงศ์ารพิมพ์, ๒๕๕๒), หนา้ ๑๗-๑๙.
๑๑
จะเลอื กหรือจดั ใหม้ ีการมีส่วนรว่ มหรือไม่ ข้อสําคัญคือ การมสี ่วนร่วมน้ันตอ้ งไมเ่ กิดจากการบงั คบั หรือ
ขู่เข็ญจากผู้ท่ีเหนือกว่าเมื่อพิจารณาจากความหมายท่ีองค์การระหว่างประเทศ บุคคลผู้มีบทบาท
ทางด้านการพัฒนาสังคมท้ังในและต่างประเทศ รวมทั้งนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศที่ได้กล่าวถึง
ลักษณะของการมีส่วนร่วมหรือได้ให้ความหมายหรือได้ให้นิยามคําว่าการมีส่วนร่วมไว้หลากหลาย
ข้างต้นแล้วเห็นว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชนนั้นข้ันแรกจะต้องเกิดข้ึน
จากจิตสํานึกของประชาชนในชุมชนที่จะร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มใจเต็มกําลังตามความรู้
ความสามารถของตนเองในการเข้าแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึนแก่ชุมชน โดยร่วมกันวางแผน จัดรูปแบบ
วางเป้าหมายรวมถึงการจัดหางบประมาณในการแก้ไขปัญหาของชุมชนตนเองตลอดจนร่วมรับ
ผลประโยชน์ทีไ่ ด้เข้าไปมีส่วนรว่ มกิจกรรมของชุมชน
สรุปความหมายของการมีสว่ นรว่ ม สรปุ
นักวิชาการ การมสี ่วนรว่ มของประชาชนในกจิ กรรมต่าง ๆ
ถวลิ วดี บรุ ีกลุ , สาํ นักงานคณะกรรมการพฒั นา ของชุมชนน้นั ขั้นแรกจะตอ้ งเกดิ ขึ้นจากจิตสาํ นกึ
ระบบราชการ, ของประชาชนในชุมชนท่ีจะรว่ มมือรว่ มใจกนั อยา่ ง
เต็มใจเตม็ กาํ ลงั ตามความรคู้ วามสามารถของ
ตนเองในการเข้าแกไ้ ขปญั หาท่เี กดิ ขน้ึ แก่ชุมชน
โดยรว่ มกนั วางแผน จดั รปู แบบวางเป้าหมาย
รวมถงึ การจัดหางบประมาณในการแกไ้ ขปญั หา
ของชมุ ชนตนเองตลอดจนรว่ มรับผลประโยชนท์ ี่
ไดเ้ ข้าไปมีสว่ นร่วมกิจกรรมของชุมชน
๒.๑.๒ รูปแบบของการมีส่วนรว่ มของประชาชน
นักวิชาการและผู้ท่ีเคยทําการศึกษาวิจัยเรื่องการมีส่วนร่วมได้กล่าวถึงรูปแบบของการมี
ส่วนร่วมของประชาชน ดงั น้ี
องค์การสหประชาชาติ ไดร้ วบรวมรูปแบบของการมสี ่วนรว่ มไว้ ดังน้ี
๑) การมีส่วนร่วมแบบเป็นไปเอง เป็นไปโดยการอาสาสมัครหรือการรวมตัวกันขึ้นเองเพ่ือ
แก้ไขปัญหาในกลุ่มของตนเองโดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากภายนอก โดยมีรูปแบบที่เป็น
เปา้ หมาย
๒) การมีส่วนร่วมแบบชักนํา เปน็ การเขา้ ร่วมโดยตอ้ งการความเหน็ ชอบหรือการสนบั สนุน
จากรฐั บาล ซงึ่ เป็นรปู แบบโดยท่วั ไปในประเทศทก่ี ําลังพฒั นา
๓) การมีส่วนร่วมแบบบังคับ ซ่ึงเป็นผู้มีส่วนร่วมภายใต้การดําเนินนโยบายของรัฐบาล
ภายใต้การดําเนินงานโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือการบังคับโดยตรง รูปแบบน้ีเป็นรูปแบบที่ผู้ดําเนินการ
ได้รบั ผลทนั ทีแต่ไม่ไดร้ บั ผลระยะยาวและมีผลเสีย คอื ไม่ได้รบั การสนับสนนุ จาก
๑๒
ประชาชน๔ ไดส้ รุปรูปแบบการมสี ่วนร่วมของประชาชนไว้ ๓ ดา้ น ดังนี้
๑) ต้องมีวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน การให้ประชาชนเข้าร่วมในกิจกรรมหนึ่ง ๆ
จะต้องมีวัตถุประสงคแ์ ละเป้าหมายทีช่ ัดเจนวา่ เปน็ ไปเพ่ืออะไร ผู้เข้าร่วมจะไดต้ ัดสินใจถูกว่าควรเข้าร่วม
หรอื ไม่
๒) ต้องมีกิจกรรมเป้าหมาย การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมต้องระบุลักษณะของ
กิจกรรมว่ามีรูปแบบและลักษณะอยา่ งไร เพือ่ ท่ีประชาชนจะได้ตดั สินใจว่าควรจะเข้ารว่ มหรือไม่
๓) ต้องมีบุคคลหรือกลุ่มเป้าหมายการให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมจะต้องระบุกลุ่มเป้าหมาย
อย่างไรก็ตามโดยท่ัวไปกลุ่มบุคคลเป้าหมายมักถูกจํากัดโดยกิจกรรม และวัตถุประสงค์ของการมีส่วน
รว่ มอยแู่ ลว้ โดยพนื้ ฐาน
เมื่อพิจารณาจากความเห็นที่องค์การระหว่างประเทศนักวิชาการและผู้ที่ทําวิจัยได้
กลา่ วถงึ รูปแบบของการมสี ่วนรว่ มข้างตน้ แลว้ เห็นว่าการมีสว่ นรว่ มของประชาชนนน้ั แบ่งออกเป็น
๑. การที่ประชาชนเข้าไปมีสว่ นร่วมโดยความสมคั รใจและรว่ มเขา้ ไปแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
๒. การเข้าไปมสี ่วนร่วมโดยมีบคุ คลอ่ืนมาชกั จูงและบังคับแล้วจงึ จะเข้าไปมีส่วนร่วม ไม่ว่า
จะเปน็ การเขา้ ไปมีส่วนร่วมโดยตรงหรอื ผา่ นองค์กรผู้แทนหรือกรรมการกลมุ่ หรอื ชมุ ชน
๒.๑.๓ เง่ือนไขของการมสี ่วนร่วม
การท่ีประชาชนจะเข้าไปมีบทบาทหรือมีส่วนร่วมหรือไม่เข้าร่วมน้ัน มีเง่ือนไขหลาย
ประการท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเข้ามามีส่วนร่วม ซ่ึงอาจเป็นไปด้วยความสมัครใจ หรือถูกบังคับ หรือ
ผลักดันให้เข้าไปมีส่วนร่วม ดังนั้น เงื่อนไขในการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนจึงมีอยู่หลาย
ประการ๕
ได้เสนอว่าบริบทหรือเง่ือนไขแวดล้อมของการมีส่วนร่วมประกอบด้วย ๑) ลักษณะของ
โครงการ โดยพิจารณาจากความสลบั ซบั ซ้อนของเทคโนโลยี ทรัพยากรท่ีต้องการ ลักษณะประโยชน์ท่ี
จะไดร้ ับ ความเชื่อมโยงของโครงการ ความยืดหยุ่นของโครงการการเข้าถึงการบริหารจัดการโครงการ
และการครอบคลมุ เน้อื หาการบรหิ ารงานโครงการ ๒) ภาพแวดลอ้ มของงานหรอื กจิ กรรมตามโครงการใน
๔ United Nation, Popular Participation In Decision Making For Development, (New
York: United Notwess Publication, 1998), อ้างถึงใน สิริพัฒน์ ลาภจิตร, “ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจมีส่วน
ร่วมของประชาชนในการสนับสนุนการบรหิ ารงานองค์การบริหารส่วนตําบลอําเภอวารินชําราบ จังหวัดอุบลราชธานี,”
วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์, (คณะรัฐศาสตร์: จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลยั , ๒๕๕๐), หนา้ ๓๑.
๕ ถวิลวดี บุรกี ุล, การมสี ว่ นรว่ ม แนวคดิ ทฤษฎีและกระบวนการ, หน้า ๔.
๑๓
ปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ ปัจจัยทางกายภาพและชีวภาพ เศรษฐกิจการเมือง สังคม วัฒนธรรม และด้าน
ประวัติศาสตร์๖
องค์การสหประชาชาติ๗ เสนอเงอ่ื นไขเบอื้ งต้นของการมสี ว่ นรว่ มไว้ ๕ ประการ คือ
๑) รัฐบาลจะต้องมีการยอมรับในแนวคิดการมีส่วนร่วมของประชาชนก่อนในเบ้ืองต้น
และได้บรรจหุ ลกั การนไี้ วใ้ นแผนหรือนโยบายในระดบั ตา่ ง ๆ
๒) ประชาชนต้องมีพื้นฐานองค์กรประชาชนสามารถเป็นตัวแทนในการเจรจาต่อรองกับ
กลุ่มผลประโยชนแ์ ละบุคคลอ่นื ๆได้
๓) ประชาชนต้องมีอิสระในความคิดริเร่ิมและในการตัดสินใจในระดับท้องถิ่นเพ่ือกําหนด
กจิ กรรมของตนเอง
๔) ชุมชนต้องมีการไหลเวียนของข่าวสารและความรู้ใหม่ ๆ โดยเฉพาะหลักการและ
ปรัชญาของการพัฒนา เทคนิค วิธีการในการจัดสรรทรัพยากร และความรู้ทางการบริหาร และ๕)
ชุมชนจะต้องไดร้ ับการสนบั สนนุ ทางดา้ นส่งิ ของและความคดิ เทคนิคท่จี าํ เป็นโดยเฉพาะในระยะแรก
เงอื่ นไขข้ันพืน้ ฐานของประชาชนในการเขา้ ไปมีสว่ นร่วมในการพฒั นามี ๓ ประการ คือ
๑) ต้องมีอิสรภาพ หมายถึง มีอิสระที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมก็ได้ การเข้าร่วมต้อง
เปน็ ไปโดยความสมัครใจ การถูกบงั คบั ให้รว่ มไม่ว่าจะในรปู แบบใด ไมถ่ อื วา่ เป็นการมีส่วนรว่ ม
๒) ต้องมีความเสมอภาค ประชาชนเข้าร่วมในกิจกรรมใดจะต้องมีสิทธิเท่าเทียมกับ
ผเู้ ขา้ ร่วมคนอ่นื ๆ
๓) ต้องมีความสามารถ ประชาชนหรือกลุ่มเป้าหมายจะต้องมีความสามารถพอที่จะเข้า
ร่วมในกจิ กรรมนั้น แม้กิจกรรมบางอย่างจะมีการกําหนดผู้เข้าร่วมท่ีมีเสรีภาพและความเสมอภาค แต่
กิจกรรมท่ีกําหนดไว้มีความซับซ้อนเกินความสามารถของกลุ่มเป้าหมาย การมีส่วนร่วมย่อมเกิดขึ้น
ไมไ่ ด้๘
มีเง่ือนไขอยู่บางประการท่ีจะทําให้ประชาชนไม่เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองเท่าที่ควร
ด้วยเหตุผลดงั ต่อไปน้ี
๑) ทัศนะของประชาชนท่ีมีต่อการเมือง คิดว่าการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว ไม่ตอบสนอง
ความตอ้ งการของคนในท้องถนิ่ มองการเมืองเป็นเร่ืองของนักการเมอื ง ไมใ่ ชเ่ ร่ืองของประชาชน
๖ Cohen. J., M. and Uphoff, N. T., Rural development participation: Conceptand
measures for project design, implementation and evaluation, (New York: Cornell University,
1977).
๗ United Nation, Popaler Participation In Decision Making For Development, อ้างถึงใน
สิริพัฒน์ ลาภจิตร, “ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการตัดสินใจมีส่วนร่วมของประชาชนในการสนับสนุนการบริหารงานองค์การ
บริหารส่วนตําบลอําเภอวารนิ ชาํ ราบ จังหวดั อุบลราชธานี,” วทิ ยานิพนธร์ ัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา
รฐั ประศาสนศาสตร,์ หนา้ ๓๕.
๘ ถวิลวดี บุรีกุล, การมสี ่วนร่วม แนวคิด ทฤษฎีและกระบวนการ, หนา้ ๓.
๑๔
๒) ความรู้สึกของประชาชนท่ีมีต่อท้องถ่ินและความเป็นท้องถ่ินกล่าวคือ คนไทยขาด
Civic Culture ขาดความรู้สึกผูกพันกับท้องถ่ิน ไม่สนใจติดตามตรวจสอบหรือกํากับดูแล ให้องค์กร
ปกครองสว่ นท้องถน่ิ ทําหนา้ ท่ตี อบสนองความต้องการและพฒั นาทอ้ งถนิ่ ใหก้ า้ วหน้า
๓) วิถีชีวิตของประชาชนในแต่ละท้องถิ่น คือ ชาวบ้านจะมีความประนีประนอมสูงเพราะ
มคี วามสัมพันธใ์ นเครอื ญาติ และมคี วามเกรงใจ ประกอบกบั ชาวบา้ นมกี ารพูดคุยกนั เมื่อเกิดปัญหา
๔) วัฒนธรรมการยึดตัวบุคคล เป็นผลมาจากสังคมเป็นระบบอุปถัมภ์ ประชาชน ขาด
ความรู้ที่แท้จริง ทําให้ถูกช้ีนําและขาดอิสระในการตัดสินใจเมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขของการมีส่วน
ร่วมที่นักวิชาการท้ังในและต่างประเทศท่ีได้กล่าวถึงเง่ือนไขของการมีส่วนร่วมไว้หลากหลายข้างต้น
แล้วเห็นว่าเงื่อนไขของการเข้าไปมีสว่ นร่วมในการทํากิจกรรมต่าง ๆ ของประชาชนน้ันจะต้องเกิดจาก
ความพร้อม ความเต็มใจ ความรู้สึกผูกพันกับท้องถ่ิน วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความกระตือรือร้นของ
ประชาชนทจ่ี ะเขา้ ไปมสี ่วนรว่ มในการทํากิจกรรมเพื่อแกไ้ ขปญั หาต่าง ๆ ของชุมชนตนเอง๙
๒.๑.๔ ขนั้ ตอนของการมีสว่ นร่วมของประชาชน
นักวิชาการและผู้ที่เคยทําการศึกษาวิจัยเร่ืองการมีส่วนร่วมได้กล่าวถึงขั้นตอนของ การมี
ส่วนรว่ มของประชาชน ดังนี้
กล่าวถึงขั้นตอนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่วมกันเข้ามาแก้ไขปัญหาของชุมชน
มีดังนี้
๑) การมีสว่ นร่วมในการตัดสนิ ใจ มีการกําหนดความตอ้ งการและจดั ลําดบั ความสาํ คญั
๒) การมสี ว่ นร่วมในการดาํ เนนิ งาน
๓) การมีส่วนรว่ มในการรับผลประโยชนแ์ ละ
๔) การมสี ว่ นร่วมในการติดตามและประเมนิ ผลงาน๑๐
กล่าวถึงข้ันตอนของการมีส่วนร่วมในการดําเนินงานเรื่องให้บรรลุวัตถุประสงค์ และ
นโยบายการพฒั นาท่ีกาํ หนดไว้ ๗ ประการ คอื
๑) รว่ มทําการศกึ ษาค้นควา้ ปัญหาและสาเหตขุ องปัญหาทีเ่ กิดขึ้นในองค์การ
๒) ร่วมคิดหรือสร้างรูปแบบวิธีการพัฒนาเพื่อแก้ไขและลดปัญหาขององค์การ หรือเพื่อ
สรา้ งสรรค์ส่งิ ใหม่ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ต่อองค์การ หรอื สนองความต้องการขององค์การ
๓) ร่วมวางนโยบายหรือแผนงานหรือโครงการ หรือกิจกรรมเพ่ือขจัดหรือแก้ไขและสนอง
ความตอ้ งการขององคก์ าร
๔) ร่วมตัดสนิ ใจการใช้ทรัพยากรท่ีมีจํากัดใหเ้ ป็นประโยชนต์ อ่ สว่ นรวม
๙ วุฒิสาร ตันไชย, การกระจายอํานาจและการปกครองท้องถิ่น, (กรุงเทพมหานคร: ธรรมดาเพรส
,๒๕๔๕), หน้า ๑๐๕-๑๑๒.
๑๐ ธีระพงษ์ แก้วหาวงษ์, กระบวนการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ประชาคม ประชาสังคม,(ขอนแก่น:
โครงการจัดต้ังมูลนิธิเสริมสร้างชุมชนเข็มแขง็ ชมรมนักวิชาการสาธารณสขุ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ, ๒๕๔๓), หน้า
๑๔๙-๑๖๓.
๑๕
๕) ร่วมจดั หรอื ปรับปรงุ ระบบบรหิ ารงานพัฒนาให้มีประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล
๖) ร่วมการลงทนุ โครงการของชุมชน ตามขดี ความสามารถของตนเองและของหนว่ ยงาน
๗) ร่วมปฏบิ ตั ติ ามนโยบาย
แผนงาน โครงการและกิจกรรมให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ร่วมควบคุม ติดตามประเมินผล
และรว่ มบํารงุ รกั ษาโครงการและกจิ กรรมที่ทาํ ไว้ ท้งั ภาครัฐและเอกชนใหเ้ กดิ ประโยชน์ได้ตลอดไป๑๑
ได้แบ่งขั้นตอนในการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาของชุมชน
ออกเป็น ๔ ข้ันตอน คอื
๑) การค้นหาปัญหา สาเหตขุ องปัญหา ตลอดจนแนวทางแก้ไข
๒) การตัดสินใจเลือกแนวทางและวางแผนพฒั นาแก้ไขปัญหา
๓) การปฏบิ ตั ิงานในกิจกรรมการพฒั นา
๔) การประเมนิ ผลงานกิจกรรมการพัฒนา
เม่ือพิจารณาความเห็นของนักวิชาการท้ังในและต่างประเทศและผู้ที่เคยทําการวิจัยไว้
ก่อนแล้ว สามารถสรุปได้ว่าข้ันตอนการมีส่วนร่วมน้ันเริ่มตั้งแต่การเข้ามาร่วมคิดค้นหาสาเหตุของ
ปัญหาท่ีเกิดขึ้นกับชุมชนของตนเอง วิเคราะห์สภาพปัญหาร่วมกัน หาวิธีการแก้ไขปัญหา เข้าร่วม
แก้ไขปัญหาตามโครงการที่กําหนดไว้ และตดิ ตามประเมินผลงานทีเ่ กิดขึ้น แล้วนาํ มาปรับปรงุ แก้ไขให้
ดีข้ึน๑๒
๒.๑.๕ กระบวนการของการมีส่วนร่วม
นักวิชาการและผู้ที่เคยทําการศึกษาวิจัยเร่ืองการมีส่วนร่วมได้กล่าวถึงกระบวนการของ
การมสี ว่ นร่วม ดังน้ี
ไดเ้ สนอกระบวนการมีส่วนรว่ มของประชาชนในการดําเนินกจิ กรรมไว้ ๔ ขั้นตอนดงั น้ี
๑) การวางแผนประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ปัญหาจัดอันดับความสําคัญ
ตั้งเป้าหมายกําหนดการใช้ทรัพยากรกําหนดวิธีติดตามประเมินผลและประการท่ีสําคัญคือต้อง
ตัดสนิ ใจดว้ ยตนเอง
๒) การดําเนินงานประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดําเนินการบริหารการใช้
ทรัพยากร และมคี วามรับผดิ ชอบในการควบคมุ จดั สรรทางการเงนิ
๓) การใช้ประโยชน์ประชาชนต้องนําเอากิจกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ซ่ึงเป็น
การเพิ่มระดับของการพ่ึงตนเองและการควบคมุ ทางสงั คม และ
๑๑ ไพรัตน์ เตชะรินทร์, ทบทวนการพัฒนาชนบทไทย, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ดีแอนด์เอส
,๒๕๒๕), หน้า๗.
๑๒ อคิน ระพีพัฒน์, การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนา, (กรุงเทพมหานคร: ศูนย์การศึกษา
นโยบายสาธารณสุข, ๒๕๔๗), หนา้ ๓๒๐.
๑๖
๔) การได้รับประโยชน์ประชาชนต้องได้รับการแจกจา่ ยผลประโยชนจ์ ากชุมชนในพืน้ ฐาน
ทีเ่ ท่าเทยี มกันซึง่ เป็นผลประโยชนส์ ว่ นตวั สังคมหรอื ในรปู วตั ถุกไ็ ด๑้ ๓
เห็นว่ากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นเงื่อนไขแห่งความสําเร็จปัจจัยแห่ง
ความสําเร็จที่ควรยึดถือไว้ในการออกแบบและบริหารจัดการโครงการการมีส่วนร่วมของประชาชน
ประกอบไปด้วย ๔S คอื
๑. Starting Early กระบวนการมีสว่ นรว่ มของประชาชนจะต้องดาํ เนนิ การกอ่ น
การตัดสินใจ ที่ผ่านมาความล้มเหลวของการมีส่วนร่วมของประชาชนเกิดจากภาครัฐเร่ิม
กระบวนการมีส่วนร่วมล่าช้า หลังมีการตัดสินใจเรียบร้อยแล้วหรือมีข้อผูกมัดอื่นๆ จนเปล่ียนแปลง
ไม่ได้ หรือหลังจากเกิดความขัดแย้งข้ึน อย่างไรก็ตาม การจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นก่อนการ
ตัดสินใจมใิ ห้หมายความว่าก่อนการตดั สินใจไม่ก่ีวัน หรือไม่กี่สัปดาห์ มิตเิ วลาเป็นปจั จัยหนึ่งท่ีสะท้อน
ความจริงใจของหน่วยงานภาครัฐในกระบวนการมีส่วนร่วม ควรให้มีเวลาเพียงพอในการรับฟังความ
คิดเหน็ อยา่ งกว้างขวาง เพอ่ื ให้การตัดสินใจสะทอ้ นความคิดเห็นของชุมชน
นอกจากนี้ ในการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตั้งแต่ต้น มีประโยชน์ช่วย
ให้ประชาชนมีเวลาคิดถึงทางเลือกหรือแนวทางแก้ไขปัญหาของชุมชนท่ีเหมาะสมมากข้ึน และเป็น
ข้อมูลในการพัฒนาโครงการ การบริหารการมีส่วนร่วมควรให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมต้ังแต่เร่ิมต้น
เพ่ือตระหนักถึงปัญหาความจําเป็นของโครงการ ในข้ันของการหาข้อมูลพ้ืนฐาน เช่นกรณีการทํา
โครงการโรงไฟฟา้ หรอื ท่ีทง้ิ ขยะ ควรต้องปรึกษาหารอื ถงึ ความจาํ เป็นของการมีโรงไฟฟ้าหรอื ที่ท้งิ ขยะ
หรอื ไม่กอ่ นจะถามว่าตั้งท่ีน่ีได้หรือไม่
๒. Stakeholders ผู้ท่ีได้รับผลกระทบหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายไม่ว่าโดยตรงหรือ
ทางอ้อม ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ควรมีโอกาสเข้าสู่กระบวนการมีส่วนร่วม สําหรับกลุ่มที่ได้รับ
ผลกระทบโดยตรงอาจต้องได้รับฟังข้อมูลหรือปรึกษาหารือเป็นกลุ่มต้นๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบต้อง
ให้ความสําคัญในการระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ระวังไม่ให้เกิดการผิดกลุ่มเป้าหมาย องตระหนักว่า
ประชาชนแต่ละกลุ่มได้รับผลกระทบจากประเด็นการตัดสินใจไม่เท่ากัน บ่อยครั้งท่ีเรามักคิดว่า
ประชาชนเป็นคนกลุ่มเดียวกัน ในความจริงผู้ท่ีได้รับผลกระทบมีหลากหลายกลุ่ม การบริหารจัดการ
การมีส่วนร่วมตอ้ งม่นั ใจว่ากลุ่มผู้มีสว่ นได้ส่วนเสียท่ีสําคัญทุกกลุ่มไดโ้ อกาสเขา้ มามีส่วนรว่ มและแต่ละ
กล่มุ อาจมีรปู แบบการมีสว่ นรว่ มที่แตกต่างกัน เพอื่ อํานวยให้กลุ่มผทู้ ่ีมสี ่วนได้สว่ นเสียเข้ามามสี ่วนรว่ ม
เช่น กําหนดเวลาการรับฟังความคิดเห็นที่ชาวบ้านมาร่วมได้ หรือการใช้ภาษาท้องถิ่นรวมท้ังการ
อํานวยความสะดวกให้ชาวบ้านในการเดินทางไปร่วม การพยายามเข้าหากลุ่มท่ีด้อยโอกาสในสังคม
เช่น คนยากจน ผู้หญงิ ตนชรา และเดก็
๑๓ WHO and UNICEF, Report of the international conference on primary healthcare,
(New York: N.P.Press, 1978), p. 41.
๑๗
๓. Sincerity การมีส่วนร่วมเป็นกระบวนการที่มีความละเอียดอ่อน และความสัมพันธ์
ระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดกระบวนการมีส่วนร่วมและประชาชนถือว่ามีความสําคัญใน
การบริหารการมีส่วนร่วมให้ประสบผลสําเร็จ หน่วยงานของรัฐที่เป็นเจ้าของโครงการหรือมีอํานาจ
อนุมัติต้องจัดกระบวนการอย่างจริงจัง เปิดเผย ซื่อสัตย์ ปราศจากอคติ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีการ
สอ่ื สารสองทางตลอดเวลา โดยเฉพาะให้ข้อมูลท่ีถกู ต้องเพียงพอ ตอบสนองต่อความสงสัยของผู้มีส่วน
ได้ส่วนเสีย รวมท้ังแจ้งความก้าวหน้าหรือเปลี่ยนแปลงของโครงการอย่างต่อเน่ืองอธิบายกระบวนการ
ได้อย่างชัดเจน ลดปัญหาข้อสงสัยท่ีอาจก่อให้เกิดข่าวลือให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในระยะเริ่มต้น
ขณะเดียวกันต้ังใจรับฟังข้อมูลและความคิดเห็นและนําไปเป็นข้อมูลสําหรับการตัดสินใจ ซึ่งข้อมูล
เหล่าน้ีเป็นพื้นฐานของความน่าเช่ือถือและความไว้วางใจซ่ึงกันและกัน อันนํามาสู่ความร่วมมือ ความ
เขา้ ใจ และการส่อื สารทดี่ ขี ้ึน
๔. Suitability การเลือกเทคนิคหรือรูปแบบการมีส่วนร่วมของประชาชนต้องพิจารณา
จากประเภทและขนาดของโครงการ โดยคํานึงถึงความเหมาะสม ความหลากหลายและลักษณะที่
แตกต่างกันของพ้ืนที่ และกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดจนความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมสังคม
และค่านยิ ม ระดบั ความสนใจของชมุ ชนในประเด็นหรือโครงการความสามารถหรือความพรอ้ มรวมทั้ง
ขอ้ จํากดั ของหน่วยงานท่รี บั ผิดชอบในการจดั กระบวนการมีส่วนร่วม เช่น ด้านระยะเวลาบุคลากรและ
งบประมาณ ความสําเร็จของการมีส่วนร่วมอยู่ที่ความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์และเลือก
กระบวนการมีส่วนร่วมที่เหมาะสม การมีส่วนร่วมที่สร้างสรรค์ต้องประกอบด้วยกระบวนการย่อย
หลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ นอกจากนั้นยังต้องตระหนักว่าการให้ข้อมูล
ข่าวสารและขอ้ เท็จจริงเปน็ องคป์ ระกอบทีข่ าดไมไ่ ดข้ องการปรึกษาหารือทม่ี ปี ระสทิ ธิผล
กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนไม่มีวิธีท่ีดีที่สุด จําเป็นต้องปรับตามสถานการณ์ซึ่ง
ประกอบไปด้วยตัวแปรหลากหลาย เช่น ประเด็นสาธารณะท่ีต้องนําสู่กระบวนการมีส่วนร่วมเทคนิค
การมีส่วนร่วมของประชาชน รวมท้ังกลุ่มเป้าหมายหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ควรเข้าสู่กระบวนการมี
สว่ นรว่ ม รวมท้ังปทัสถาน วฒั นธรรมชุมและบริบททางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองมีผลต่อกระบวนการ
มีส่วนรว่ มของประชาชนทงั้ สน้ิ ๑๔
๒.๑.๖ แนวทางการจัดการการมสี ่วนร่วมของประชาชน
ได้แบ่งจัดการการแนวทางมีส่วนร่วมของประชาชนเป็น ๑๓ ด้าน คือ ด้านประชาชน
(Public) ด้านการมีส่วนร่วม (Participation) และด้านภาครัฐโดยการมีส่วนร่วม(Participation) มี
วัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ประชาชนท่ีเป็นบุคคลหรือคณะบุคคลเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนการ
ดําเนินการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทําประโยชน์ช่วยสนับสนุนในเร่ืองต่าง ๆ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่
รว่ มคิด ร่วมตัดสินใจร่วมดําเนินการ ร่วมรับผลประโยชน์และร่วมประเมินผล เพ่ือให้เกิดผลประโยชน์
สูงสดุ และยอมรบั กนั ทุกฝ่าย ต่อไปน้ี
๑๔ อรทัย ก๊กผล, การบริหารปกครองสาธารณะ: การบริหารรัฐกิจในศตวรรษที่ ๒๑,พิมพ์คร้ัง
๒,(ปทมุ ธานี: โรงพิมพม์ หาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ศูนยร์ ังสติ , ๒๕๕๖), หน้า ๙๘-๑๐๐.
๑๘
๑. การรับรู้ (Perception)
ต้องสร้างจิตสํานึกให้ประชาชนและภาครัฐ การยอมรับ และตระหนักถึงการรับรู้ในสิทธิ
หน้าที่การมีส่วนร่วมของทุกกลุ่มทุกฝ่าย โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องสร้างสํานึกใหม่ว่ากิจการที่ตน
รบั ผิดชอบไม่ใช่รัฐกจิ หรือกิจการของรัฐท่ีตนเท่านั้นมีสทิ ธิตัดสินใจ แต่เป็นประชาชนที่จะมีสว่ นร่วมใน
การคิด ร่วมกระทํา หรือตรวจสอบ ถ้าเจ้าหน้าท่ีของรัฐไม่ปรับทัศนคติให้ได้ก็จะต้องเผชิญกับข้อ
ขัดแย้งกับประชาชนที่จะเกิดขึ้น ส่วนภาคประชาชน ควรจะตระหนักถึงการรับรู้และยอมรับในสิทธิ
และหนา้ ทตี่ ลอดจนการมสี ว่ นรว่ มนัน้ ตอ้ งเขา้ ใจว่าตนและผอู้ ่ืนตา่ งกม็ ีสิทธหิ น้าท่แี ละสว่ นรว่ มเสมอ
๒. ทศั นคติ (Attitude)
ต้องปรับทัศนคติและสร้างความเข้าใจของบุคลากรท้ังสองฝ่าย คือทั้งภาครัฐและภาค
ประชาชน ให้มีทัศนคติที่ดีต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน ภาครัฐต้องส่งเสริมการมีส่วนร่วมของ
ประชาชนหลายด้าน เพื่อการได้ข้อมูล ทั้งท่ีเป็นข้อเท็จจริงและความคิดที่แตกต่างหลายด้าน ด้าน
เจ้าหนา้ ทภ่ี าครัฐผรู้ บั ผิดชอบเก่ียวกับการมีส่วนร่วมตอ้ งมีทศั นคติทด่ี ีต่อกระบวนการมีสว่ นรว่ มทีม่ กี าร
ปรับปรุงบทบาทและค่านิยมและต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน และเจ้าหน้าท่ีภาครัฐต้องอดทนใน
การทํางานกับประชาชน เพราะต้องใช้ระยะเวลายาวนานอย่างต่อเนื่องในการมีส่วนร่วม และมีความ
จริงใจกับประชาชน และประชาชนเองก็ต้องทําความเข้าใจความสําคัญของการมีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน
โดยมีทัศนคติท่ีดีต่อเจ้าหน้าท่ีในกระบวนการมีส่วนร่วม เพ่ือให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่
และประชาชน และเกิดความไว้วางใจซ่ึงกันและกันมากขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมการมีส่วนร่วมบรรลุ
เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อท้ังสองฝ่ายมีทัศนคติท่ีดีต่อกระบวนการมีส่วนร่วมแล้วความ
ร่วมมือระหวา่ งประชาชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐกจ็ ะพัฒนาอย่างก้าวหนา้ ต่อไป
๓. การเป็นตวั แทน (Representation)
การคัดเลือกและการสรรหาตัวแทนจะต้องคํานึงถึงประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายเพ่ือให้
ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ท่ีหลากหลายทุกกลุ่มน้ันมีตัวแทนเข้าไปร่วมในการประสานผลประโยชน์ให้เกิด
ความเป็นธรรม โดยคํานึงถึงคุณสมบัติของตัวแทนท่ีต้องการด้วย โดยพิจารณาจากคุณสมบัติเช่น
ทักษะความสามารถท่ีเก้ือหนุนกัน ความสอดคล้องของเทคโนโลยี วัตถุประสงค์ ค่านิยม และ
วฒั นธรรมองคก์ ร การตอบสนองซ่งึ กันและกัน ความรบั ผดิ ชอบ ความม่ันคงดา้ นการเงนิ ความสามารถ
ในการสร้างความเช่ือม่ัน และกลุ่มท่ีเป็นตัวแทนต้องได้รับความน่าเชื่อถือจากลุ่มหลายกลุ่มหรือกลุ่มผู้
มีส่วนได้เสีย และสมาชิกที่เป็นตัวแทนต้องมีความรู้สึกท่ีจะต้องอาศัยซ่ึงกันและกันซึ่งเป็นท่ีต้อง
ตระหนกั ถงึ อีกปจั จัยหนึ่งดว้ ยเชน่ กนั
๔. ความเชอื่ มัน่ และไว้วางใจ (Trust)
การมีสว่ นร่วมต้องสร้างให้สมาชกิ มีความจริงใจและเข้าใจในการเข้าร่วม และผลตอบรับท่ี
ตามมาคือไว้วางใจและความเชื่อม่ันในองค์กร โดยการสร้างความเช่ือมั่นและไว้วางใจกันต้องแสดงให้
เห็นอย่างชัดเจน กําหนดให้เป็นเป็นวัฒนธรรมและรูปธรรมขององค์กร ซ่ึงการสร้างความความ
ไว้วางใจกัน เช่ือถือ ศรัทธา เป็นส่ิงสําคัญที่จะทําให้กระบวนการมีส่วนร่วมล้มเหลวหรือประสบ
ความสําเร็จ การสร้างความเชื่อถือและไว้วางใจอาจทําได้จากการดําเนินกิจกรรม แลกเปลี่ยนข้อมูล
๑๙
ข่าวสาร นาํ เสนอข้อมลู ข้อเท็จจริงอยา่ งตรงไปตรงมา ในการดาํ เนนิ กิจกรรมอยา่ งตอ่ เนือ่ ง มกี ารติดต่อ
ระหว่างสมาชิกอย่างสม่ําเสมอบ่อยครั้ง และทําอย่างต้ังใจท้ังที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการภายใน
องค์กรซึ่งเป็นสิ่งท่ีจะทําให้เกิดความเชื่อม่ันและความไว้วางใจของการร่วมมือซ่ึงกันและกันเพื่อสร้าง
ความสําเรจ็
๕. การแลกเปลีย่ นข้อมูลขา่ วสาร (Information-sharing)
สร้างกลไกเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เนื่องจากการมีส่วนร่วมเป็นกระบวนการที่
ทําให้ข้อมูลข่าวสารทั้งด้านที่เป็นข้อเท็จจริงและด้านท่ีเป็นความคิด ความรู้สึก ความคาดหวัง ได้ถูก
แสดงออกมาอย่างหลากหลายลุ่มลึกและสมบูรณ์ครบถ้วนมากข้ึน ซ่ึงจะทําให้การวินิจฉัยปัญหาและ
การเสนอทางเลือกในการแก้ไขปัญหามีหลากหลาย และตรงกับความต้องการมากขึ้น ผลท่ีตามมาคือ
ทําให้การตัดสินใจในการกําหนดนโยบายและการวางแผนดําเนินไปได้อย่างรอบรู้รอบคอบและรอบ
ดา้ นยิง่ ขึ้น โดยการทป่ี ระชาชนจะมสี ว่ นรว่ มไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพน้นั จําเป็นท่จี ะตอ้ งมีความรู้ และมี
ข้อมูลข่าวสารเพียงพอในนโยบายท่ีตนต้องการมีส่วนร่วม ข้อมูลข่าวสารเหล่าน้ีส่วนใหญ่แล้วมักจะ
เป็นของหน่วยงานท่ีเป็นผู้ริเริ่มนโยบายบางส่วนเกิดจากการศึกษาของนักวิชาการและองค์กรพัฒนา
เอกชน ดังนั้นประชาชนที่สนใจการมีส่วนร่วมกับนโยบายใดอาจไปขอความร่วมมือและข้อมูลจาก
บุคคลและองค์กรเหลา่ นนั้
๖. ฉันทามติ (Consensus)
การมีส่วนร่วมเป็นการสร้างฉันทามติ โดยการให้ประชาชนและผู้ท่ีเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน
เข้าร่วม ในการหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนร่วมกันหาทางออกสําหรับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ในทางสันติ เป็นท่ียอมรับหรือเป็นฉันทามติของประชาสังคมซึ่งทุกคนยินยอมเห็นพ้องต้องกันในทุกๆ
ข้ันตอนของกระบวนการมีส่วนร่วม โดยเสาหลักของการมีส่วนร่วมท่ีดีก็คือการท่ีประชาชนสามารถที่
จะร่วมมือกัน ลดความขัดแย้ง สร้างข้อตกลงที่ม่ันคงยืนยาว การยอมรับระหว่างกลุ่ม และหาข้อสรุป
ร่วมกันได้ทุกฝ่าย แม้ว่าอาจจะมีความเห็นท่ีแตกต่างกันก็ตามก็ต้องสามารถท่ีจะปรับความเห็นที่
ต่างกัน โดยการเจรจาหาข้อยุติที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้อย่างสันติวิธีเพื่อนําไปสู่ข้อสรุปที่เห็นพ้องหรือ
ฉนั ทามตริ ว่ มกนั ได้ทกุ ฝา่ ย
๗. การมีปฏสิ ัมพนั ธ์ (Interaction)
องค์กรกลางมีส่วนร่วมต้องสร้างให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในองค์กร คือจะต้อง
จดั กจิ กรรมทท่ี ําให้มีการพบปะ พูดคุย แลกเปล่ียนขอ้ มูลขา่ วสาร ความคิดเห็นของกันและกันเป็นการ
ส่ือสารแบบสองทาง (Two Ways Communication) ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันซ่ึงจะ
นําไปสู่การลดอคติท่ีมีต่อกันและเกิดความเข้าใจที่ดีข้ึนระหว่างผู้ที่เข้าร่วม สิ่งเหล่าน้ีนับว่าเป็นกลไกที่
จะช่วยป้องกันความขัดแย้งท่ีอาจจะเกิดข้ึนหรือกรณีท่ีมีความขัดแย้งเกิดข้ึนแล้วก็จะเป็นกลไกที่ช่วย
บรรเทาความขัดแย้งให้ลดระดับความรุนแรงลงได้ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์ในกระบวนการการมีส่วนร่วม
ของประชาชนก็เพ่ือท่ีจะให้เกิดการตัดสินใจท่ีดีขึ้นและรับการสนับสนุนจากสาธารณชน ซึ่งเป้าหมาย
ของกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนก็คือการให้ข้อมูลต่อสาธารณชน และให้สาธารณชนแสดง
๒๐
ความคิดเห็นต่อโครงการท่ีนําเสนอหรือนโยบายรัฐ รวมทั้งมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเพ่ือหาทางออก
ที่ดีท่ีสดุ ตลอดจนสร้างความสัมพันธท์ ่ดี ีสําหรบั ทุก ๆ คน
๘. ความประสงคห์ รอื ความมุ่งหมาย (Purpose)
ต้องกําหนดวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายในการมีส่วนร่วมไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นไปเพ่ือ
จุดประสงค์อะไร ผู้เข้าร่วมจะได้ตัดสินใจว่าสมควรจะเข้าร่วมหรือไม่ การมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้
สมาชิกผู้เข้าร่วมได้เข้าใจตรงกันอย่างชัดเจนไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นความเข้มแข็ง
ขององค์กรอย่างเป็นเอกภาพทางความคิดเห็นและเอกภาพในการดําเนินกิจกรรม นอกจากน้ีการมี
ส่วนร่วมต้องระบุลักษณะของกิจกรรมว่าต้องมีกิจกรรมเป้าหมายในการให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วม มี
ลักษณะและรูปแบบอย่างไร เพ่ือที่ประชาชนจะได้ตัดสินใจในการเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม ต้องระบุว่า
ในกิจกรรมแต่ละอย่าง มีกี่ข้ันตอนรวมทั้งขั้นตอนของกิจกรรมจะต้องให้ประชาชนสามารถเข้าร่วมใน
ข้ันตอนไหนบ้าง
๙. การประเมนิ ผล (Appraisal)
เน่ืองจากการประเมินผลเป็นข้ันตอนหน่ึงในกระบวนการมีส่วนร่วมต้องมีระบบการ
ประมวลผล และถือเป็นเคร่ืองมือสําคัญอย่างหน่ึงในการบริหารทรัพยากรบุคคลของผู้บริหารให้เกิด
ประโยชน์สูงสุดองค์กรท่ีมีการประเมินผลการปฏิบัติงานท่ีเป็นธรรม โปร่งใสและปราศจากทัศนคติ
สว่ นตัวออกไดม้ ากทสี่ ุดถือวา่ องคก์ รน้ันใช้เคร่อื งมือนี้ให้เกิดประโยชนส์ ูงสดุ ประเมินผลการปฏิบัติงาน
ของบุคลากรในองค์กรย่อมส่งผลถึงประสิทธิผลและประสิทธิภาพขององค์กรได้เหมือนกัน ซ่ึงผลของ
การประเมินผลก็จะกลายเป็นปัจจัยนําเข้าในกระบวนการมีส่วนร่วมในข้ันตอนการวางแผน เพื่อนํา
ปญั หาอุปสรรคที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติมาปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาผลการดําเนินงานให้มีประสิทธิภาพ
ยิ่งขึ้น ดังนั้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลงาน (Performance Appraisal) จึงต้อง
เรม่ิ ตัง้ แต่การเข้าร่วมควบคุม ร่วมบาํ รุงรกั ษาโครงการว่ มตดิ ตาม ร่วมประเมนิ ผล และกิจกรรมทจ่ี ัดทํา
ไว้ทงั้ โดยเอกชนและรัฐบาลใหใ้ ช้ประโยชน์ไดต้ ลอดไป
๑๐. ความโปร่งใส (Transparency)
เน่ืองจากการมีส่วนร่วมน้ันเป็นกระบวนการที่ทําให้ประชาชนมีโอกาสตรวจสอบการใช้
ดุลยพินิจสําหรับการตัดสินใจของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐซ่ึงจะก่อให้เกิดความโปร่งใสในการ
ดําเนินการ ปรับปรุงกลไกการทํางานขององค์การมีส่วนร่วมให้มีความโปร่งใส ลดการทุจริตและ
ข้อผิดพลาดของนโยบาย แผน โครงการลงได้ ซ่ึงความโปร่งใสเป็นองค์ประกอบหน่ึงของการบริหาร
กิจการบ้านเมืองที่ดี โดยการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันของคนในองค์กร ประกอบด้วย ความ
ไว้วางใจ การเปดิ เผยขอ้ มูล การเข้าถึงข้อมูล และกระบวนการตรวจสอบ
๑๑. ความเปน็ อิสระ (Independence)
องค์กรการมีส่วนร่วมจะต้องมีการยอมรับความคิดเห็นของกัน และกันมีอิสระทาง
ความคิด ความเปน็ ประชาธิปไตยโดยการให้เกียรติ สมาชกิ ทุกคนในองค์กร การทีส่ มาชกิ มีส่วนร่วมใน
การเสนอความคิดเห็นและตัดสินใจจะเป็นปัจจัยให้เกิดความรู้สึกรับผิดชอบร่วมกันซ่ึงเงื่อนไขและ
๒๑
หลักการที่สําคัญของการมีส่วนร่วมประการหนึ่งคือ ความสมัครใจหรือความเป็นอิสระที่จะเข้าร่วม
หรือไม่เข้าร่วมการบังคับไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของการคุกคามการระดมและการว่าจ้างไม่ถือว่าเป็น
การมีสว่ นร่วม
๑๒. ก้าวไปข้างหน้าอยา่ งตอ่ เนือ่ ง (Onward-doing)
เนือ่ งจากการมีส่วนร่วมของประชาชนทําใหเ้ กิดประสบการณ์ การเรียนรู้ใหมค่ วามคิดใหม่
ท่ีท้าทายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นองค์กรการมีส่วนร่วมต้องเปิดโอกาสประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่าง
ตอ่ เน่ือง ภาครัฐจะต้องเตรียมประชาชนให้มีความพร้อมและเห็นประโยชน์ของการมีส่วนร่วมด้วยการ
ให้ความรู้ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเน่ือง โดย
ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกจะเป็นตัวกําหนดที่สําคัญที่จะทําให้การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นไป
อย่างต่อเน่ืองสม่ําเสมอในการสร้างความเข้าใจในบทบาทของการมีส่วนร่วมภาคประชาชน รวมท้ังมี
การพูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเห็นซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสําคัญที่จะบ่งบอกถึงความ
เข้มแข็งของการมีส่วนร่วม ทําให้เกิดความม่ันใจได้ว่าการเปล่ียนแปลงจะเป็นไปในการก่อให้เกิด
ประโยชน์สงู สดุ ต่อชุมชนและสังคม
๑๓. เครือขา่ ย (Network)
การท่ีจะต้องมาทําความเข้าใจกัน ส่งเสริมให้มีการผนึกกําลังร่วมกันของท้ังภาครัฐและ
ภาคประชาชนในลักษณะเครือข่ายคือ มาผนึกกําลังกันเป็นหนึ่งเดียวท่ีสําคัญต้องเป็นไปเพ่ือสร้าง
ผลประโยชน์ในเชิงการทํางานร่วมในรูปกิจกรรม โครงการ แผนงานที่จะต้องอาศัยความร่วมมือกัน
ต้องผนึกกําลังขอความร่วมมือ หรือการทํากิจกรรมร่วมมือกันต้องอาศัยหลายองค์กรซ่ึงเครือข่าย
ความร่วมมือกันของสมาชิก ผู้บริหาร และบุคคลในชุมชนเป็นหลักจากวิธีการคิด โดยเครือข่ายความ
ร่วมมือนั้นจําเป็นต้องให้มีตัวแทนของประชาชนมาพบปะพูดคุยเพื่อก่อตัวและกล่าวถึงวัตถุประสงค์
ร่วมกัน เพราะฉะน้นั เครือขา่ ยการมีส่วนร่วมจึงเป็นกระบวนการเชื่อมโยงสมาชิกในกลุ่มหรือเชอื่ มโยง
องค์กรการมีส่วนร่วมกับสมาชกิ ประชาชนและกลุ่ม/องค์กรต่าง ๆ ในชุมชนเข้าด้วยกัน โดยมีรูปแบบ
การมีส่วนร่วมความสัมพันธ์ในแนวราบขององค์การการมีส่วนร่วมกับชุมชนให้เป็นกระบวนการ
ส่งเสริมสนับสนุนประชาชนสามารถพัฒนาชุมชนของตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการ
ทํางานของคนในชุมชนเพ่ือร่วมแก้ไขปัญหาส่วนรวมของคนและในชุมชนซ่ึงการดําเนินงานของ
เครอื ขา่ ยจะนําไปสู่การพัฒนาการมสี ่วนร่วมทีย่ ง่ั ยืนต่อไป
สรุปได้ว่าแนวทางการจัดการการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้น จะตอ้ งเร่ิมตน้ ด้วยการสร้าง
สํานึก เพ่ือให้ภาครัฐและประชาชนรับรู้ปัญหาประกอบกับการสร้างความเข้าใจและปรับทัศนคติให้มี
ทัศนคติที่ดีต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน หลังจากนั้นสรรหาตัวแทนของแต่ละกลุ่มเพื่อจะได้
ประสานประโยชน์ใหล้ งตัว แลว้ สร้างให้สมาชกิ มีความเขา้ ใจและมีความจริงใจในการเข้าร่วม สามารถ
ทาํ การแลกเปลยี่ นขอ้ มูลขา่ วสารกันได้ แล้วสรา้ งฉนั ทามตริ ่วมกัน แต่ภายในองค์กรจะตอ้ งสรา้ งใหเ้ กิด
ปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างกันในองคก์ ร การทาํ กิจกรรมใด ๆ จะตอ้ งกาํ หนดความประสงค์หรือความมุ่งหมาย
ในการมีส่วนร่วมให้ชัดเจน และต้องมีระบบประเมินผลจากกระบวนการของการมีส่วนร่วมทั้งหมด
ปรับปรุงกลไกการทํางานให้เกิดความโปร่งใส มีความเป็นประชาธิปไตยยอมรับความคิดเห็นของกัน
๒๒
และกันที่สําคัญต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างสม่ําเสมอและต่อเน่ือง และเมื่อ
ทํางานภายในองค์กรประสบผลสําเร็จแล้วก็จะต้องมองหาพันธมิตรสร้างเครือข่ายเพื่อผนึกกําลัง
รว่ มกนั ทํางานรว่ มกนั แลกเปล่ียนขอ้ มูลร่วมกนั ๑๕
สรุปการมีสว่ นรว่ มของประชาชน
นักวิชาการ สรปุ
องคก์ ารสหประชาชาติ, วฒุ ิสาร ตนั ไชย, แนวทางการจดั การการมสี ่วนรว่ มของประชาชน
ธีระพงษ์ แก้วหาวงษ์, ไพรัตน์ เตชะรนิ ทร์, นน้ั จะต้องเร่ิมต้นด้วยการสรา้ งสํานึก เพ่ือให้
อคนิ ระพีพฒั น,์ WHO and UNICEF, อรทยั ก๊ก ภาครัฐและประชาชนรบั รู้ปัญหาประกอบกับการ
ผล สรา้ งความเข้าใจและปรบั ทัศนคตใิ ห้มที ัศนคตทิ ดี่ ี
ต่อการมสี ่วนรว่ มของประชาชน หลงั จากน้ันสรร
หาตวั แทนของแตล่ ะกลมุ่ เพ่อื จะไดป้ ระสาน
ประโยชนใ์ หล้ งตัว แล้วสร้างให้สมาชกิ มีความ
เข้าใจและมคี วามจริงใจในการเขา้ รว่ ม สามารถ
ทาํ การแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ข่าวสารกันได้ แลว้ สรา้ ง
ฉันทามติร่วมกนั แตภ่ ายในองคก์ รจะต้องสรา้ งให้
เกดิ ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างกันในองค์กร การทํา
กิจกรรมใด ๆ จะต้องกาํ หนดความประสงค์หรือ
ความมงุ่ หมายในการมสี ว่ นรว่ มใหช้ ดั เจน และ
ต้องมีระบบประเมินผลจากกระบวนการของการ
มสี ว่ นรว่ มทงั้ หมดปรับปรงุ กลไกการทํางานใหเ้ กดิ
ความโปร่งใส มคี วามเป็นประชาธิปไตยยอมรับ
ความคิดเห็นของกนั และกนั ทส่ี ําคญั ต้องเปิด
โอกาสใหป้ ระชาชนเข้ามามีสว่ นร่วมอย่าง
สม่าํ เสมอและตอ่ เน่ือง และเมือ่ ทํางานภายใน
องค์กรประสบผลสําเรจ็ แล้วกจ็ ะตอ้ งมองหา
พันธมติ รสร้างเครอื ข่ายเพอ่ื ผนกึ กาํ ลงั ร่วมกนั
ทํางานร่วมกัน แลกเปลยี่ นขอ้ มูลร่วมกัน
๑๕ สมลักษณา ไชยเสริฐ, พ.ต.อ.หญิง, “การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในคณะกรรมการ
ตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตํารวจสถานีตํารวจนครบาล”, วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต,
(บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั สวนดสุ ติ , ๒๕๔๙), หน้า ๑๔๒-๑๔๙.
๒๓
๒.๑.๗ ระดับการมสี ่วนรว่ มของประชาชน
นักวิชาการได้แบ่งระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนไว้หลายระดับ โดยเร่ิมต้ังแต่ระดับ
การแจ้งให้ประชาชนทราบการดําเนินโครงการหลังจากท่ีผู้บริหารได้ตัดสินใจให้ดําเนินการแล้ว จึงจะ
จัดให้มีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดําเนินงานเช่น การให้ประชาชนมาร่วมในการปลูกป่า เก็บ
ขยะ ซ่ึงการมีส่วนร่วมในระดับนี้ประชาชนอาจไม่ได้ร่วมคิดเลยก็ได้ แต่เข้ามาร่วมในข้ันตอนการ
ดาํ เนินโครงการ เป็นต้น
ดังนั้น เพ่ือทําให้เกิดความชัดเจนและสามารถพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชนได้ใน
อนาคต การเข้าใจในเรื่องระดับการมีส่วนร่วมเป็นเรื่องสําคัญ มีนักวิชาการได้เสนอตัวแบบการมีส่วน
รว่ ม ดงั นี้
ได้นําตัวแบบชั้นบันไดของ Armstein ในการแบ่งระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนคือ
ตัวแบบชั้นบันไดการมีส่วนร่วมของพลเมือง (Ladder of izen Participation) ซึ่งเป็นตัวแบบท่ีได้รับ
ความนิยมอยา่ งต่อเนอ่ื ง ไดแ้ บ่งบนั ไดการมสี ่วนรว่ มของประชาชนออกเปน็ ๘ ชั้นประกอบด้วย
๑) ขน้ั การควบคุม (Manipulation)
๒) ขั้นการรกั ษา (Therapy)
๓) ขัน้ การใหข้ ้อมูล (Informing)
๔) ข้นั การรบั ฟังความคิดเหน็ (Consultation)
๕) ขัน้ การปรกึ ษาหารือ (Placation)__
๖) ขั้นการเป็นหุ้นสว่ น (Partnership)
๗) ขนั้ มอบหมายอาํ นาจ (Delegated Power)
๘) ขน้ั อาํ นาจพลเมอื ง (Citizen Control)
โดยระดับข้ันบันไดท่ีสูงข้ึนสะท้อนอํานาจของประชาชนที่มากขึ้น สําหรับ Armstein นั้น
ข้ันบันไดที่ ๑ และ ๒ ถือว่ายังไม่เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนเลย หรือที่เรียกว่าnonparticipation
ส่วนขั้นท่ี ๓ ถึงขั้นที่ ๕ เรียกว่า Tokenism หมายถึง ประชาชนมีโอกาสในการให้ข้อมูลความคิดเห็น
แต่ยังไม่มีอํานาจในการตัดสินใจ ขั้น ๖, ๗ และ ๘ ถือว่าประชาชนมีอํานาจในการตัดสินใจหรือเรียกว่า
Citizen Power จากตัวแบบนี้สะท้อนให้เห็นว่าการมีส่วนร่วมในระดับเป็นภาคีหุ้นส่วน (partnership)
จึงจะเป็นจดุ เร่ิมของบทบาทและอํานาจของประชาชนอยา่ งแท้จรงิ
ตัวแบบระดับการมีสว่ นรว่ มของประชาชนของ IAP๒
ตัวแบบการมีส่วนร่วมท่ีเสนอโดยสมาคมนานาชาติด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน
(International Association of Public Participation) ได้แบ่งระดับการมีส่วนร่วมของประชาชน
ออกเป็น ๕ ขน้ั ซึ่งเป็นตามหลกั การเดียวกบั ของ Arnstein คอื ย่ิงสงู ข้ึนยิง่ สะท้อนอํานาจและอิทธพิ ล
ของประชาชนในการบริหารหรือตัดสินใจมากข้ึนด้วย การมีส่วนร่วมของประชาชนแบ่งเป็น ๕ ระดับ
คือ
๒๔
๑) การมีส่วนร่วมในระดับเสริมอํานาจให้ประชาชน(Empower)เป็นข้ันที่ให้บทบาท
ประชาชนในระดับท่ีสูงสุด เพราะให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเอง องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
จะดําเนินการตามผลของการตัดสินใจนั้น รูปแบบการมีส่วนร่วมในข้ันน้ีท่ีรู้จักกันดีคือ การลง
ประชามติหรือสภาเมือง การมีส่วนร่วมในรูปแบบน้ีสะท้อนความยินยอมพร้อมใจขององค์กรปกครอง
ส่วนท้องถ่ินในการยอมรับอํานาจการตัดสินใจของประชาชนหรือชุมชน อย่างไรก็ตาม การมีส่วนร่วม
ในระดับนี้ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินต้องมีกระบวนการเสริมความสามารถของประชาชนใหส้ ามารถ
ตัดสินใจได้ด้วยตนเอง อาทิเช่น ข้อมูลท่ีครอบคลุมเพียงพอ การเสริมสร้างทักษะให้ประชาชน
วเิ คราะห์ข้อมูลและตดั สินใจหาทางแก้ปัญหาทีม่ ีคณุ ภาพการใช้การมีส่วนร่วมในระดับนีส้ ะทอ้ นใหเ้ ห็น
ถึงอาํ นาจของประชาชนในระดบั สงู
๒) การมีส่วนร่วมในระดับสร้างความร่วมมือ (Collaboration) เป็นการให้บทบาทของ
ประชาชนในระดับสูง โดยประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะทํางานร่วมกันในกระบวนการ
ของการตัดสินใจฉะนั้น ความคิดเห็นของประชาชนจะสะท้อนออกมาในการตัดสินใจค่อนข้างสูง
รูปแบบการมีส่วนร่วมในข้ันน้ี เช่น คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน และคณะท่ีปรึกษาฝ่าย
ประชาชน ผลการตัดสินใจท่ีออกมาเป็นผลการตัดสินใจร่วมกัน เชื่อว่าน่าจะนําไปสู่การเสริมสร้าง
ความสมานฉันท์ในสังคม เพราะประชาชนหรือตัวแทนของประชาชนเข้าไปมีส่วนในองค์กรตัดสินใจ
ดว้ ยไม่ใช่เพยี งให้ความคิดเหน็ ต่อองค์กรตัดสินใจ
๓) การมีส่วนร่วมในระดับเข้ามามีบทบาท (Involve) เป็นลักษณะการเปิดโอกาสให้
ประชาชนมีส่วนร่วมทํางานตลอดกระบวนการตัดสินใจ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูล
ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับประชาชนอย่างจริงจังและมีจุดมุ่งหมายชัดเจน ข้อมูลความ
คิดเห็นของประชาชนจะสะท้อนออกมาในทางเลือกต่าง ๆ ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนข้ันน้ี
ใกล้เคียงกับการมีส่วนร่วมในระดับการร่วมมือ เพียงแต่รูปแบบการมีส่วนร่วมแบบร่วมมือมีลักษณะ
เป็นกิจกรรมถาวรมากกว่าการมีส่วนร่วมในขั้นน้ี นอกจากนั้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในขั้นน้ี
อํานาจการตัดสินใจสุดท้ายยังเป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ประชาชนมีส่วนร่วมตั้งแต่
เร่ิมตน้ และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเข้มข้น ตัวอย่างเทคนิคการมีส่วนร่วมที่ใช้มาก อาทิ
เช่น การประชุมเชิงปฏบิ ัตกิ ารการต้ังคณะทํางานภาคประชาชน
๔) การมีส่วนร่วมในระดับรับฟังความคิดเห็น (Consult) เป็นลักษณะการให้ประชาชนมี
ส่วนร่วมในการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ความรู้สึกและความคิดเห็นประกอบการตัดสินใจดังน้ัน
ประชาชนมีบทบาทในฐานะเป็นผู้ให้ข้อมูล การตัดสินใจเป็นบทบาทของหน่วยงานภาครัฐเทคนิคการ
มีส่วนร่วมในลักษณะนี้ เช่น การสํารวจความคิดเห็น การประชุมสาธารณะ ปัจจุบันนี้กฎหมายส่วน
ใหญ่มักกําหนดให้หน่วยงานภาครัฐจัดการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างน้อยในระดับการรับฟังความ
คดิ เหน็
๕) การมีส่วนร่วมในระดับให้ข้อมูลข่าวสาร (Inform) เป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนใน
ระดับตา่ํ ท่สี ดุ บทบาทของประชาชนน้อยมากเพียงแต่รับทราบว่าเกิดอะไรที่ไหน ปัจจุบันการทภ่ี าครัฐ
ตัดสินใจในเรื่องที่กระทบประชาชนและแจ้งให้ประชาชนทราบสะท้อนความล้าสมัยในการบริหารงาน
แต่ในขณะเดียวกันจําเป็นต้องตระหนักว่าไม่ว่าจะเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในข้ันใดการให้ข้อมูล
ขา่ วสารแกป่ ระชาชนเป็นเรือ่ งที่สําคัญมาก แต่ต้องไม่ใช่การให้ขอ้ มูลในลักษณะประชาสัมพันธ์ โดยให้
๒๕
มองแต่ด้านดีเท่าน้ันหัวใจสําคัญ คือ การให้ข้อเท็จจริง ครอบคลุมและเพียงพอเพื่อทําให้ประชาชนได้
ขอ้ เท็จจริงและตัดสนิ ใจแสดงความคดิ เห็นอย่างมคี ณุ ภาพ
ตัวแบบการมีส่วนร่วมของประชาชน IAP๒ เป็นตัวแบบในการออกแบบกระบวนการมี
ส่วนร่วมของประชาชน เนื่องจากตัวแบบแบ่งเป็น ๕ ขั้นตอนช่วยให้เห็นความแตกต่างแต่ละระดับ
ภาษาที่ใช้เปน็ ภาษาทางบวก อาทิเช่น การมสี ว่ นร่วมขั้นสงู สดุ ใชศ้ ัพท์ว่าขั้นการเสรมิ อํานาจ ไม่ใช่การ
ควบคุมโดยประชาชนซึ่งหัวใจของการมีส่วนร่วมของประชาชนไม่ว่าจะเป็นตัวแบบใดมักจะสะท้อน
อาํ นาจและความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งภาครัฐหรอื องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นและประชาชน๑๖
๒.๑.๘ การสง่ เสรมิ การมีส่วนร่วมของประชาชน
สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ๑๗ ได้เสนอหลักการสําคัญของการส่งเสริม
การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนที่ทาํ ให้เกิดความสาํ เร็จ ๕ ประการ ดังน้ี
๑. ภาวะผู้นําที่จะสร้างความเช่ือม่ัน ศรัทธาและความร่วมมือร่วมใจในการทํางานท่ีมี
ความสอดคล้องกัน ซ่ึงต้องมีวิสัยทัศน์ในเชิงกลยุทธ์ ความซ่ือสัตย์สุจริตและเสียสละเพ่ือประโยชน์
ส่วนรวม
๒. การสร้างค่านิยมในการทํางานกันอย่างเหนียวแน่น จึงจะทําให้เกิดความสัมพันธ์ท่ีเป็น
มิตรภาพอยา่ งแทจ้ รงิ
๓. การพัฒนาปรับปรุงการทํางานอย่างสมํ่าเสมอเพื่อให้เกิดการปรับกระบวนการทํางาน
อยา่ งตอ่ เนอื่ ง
๔. การจัดทําฐานข้อมูลสมาชิกเครือข่ายเพ่ือใช้ในการติดต่อประสานงาน และมี
ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งกนั
๕. การสรา้ งช่องทางในการติดตอ่ ส่อื สาร และแลกเปล่ยี นเรียนรู้ระหว่างกนั
สํานักมาตรฐานการศึกษา สํานักงานสภาสถาบันราชภัฏกระทรวงศึกษาธิการ สํานัก
มาตรฐานอุดมศึกษาทบวงมหาวิทยาลัย๑๘ ได้กล่าวถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนไว้ ๒
ประการ คือ
๑. การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สามารถทาํ ได้ ดังต่อไปนี้
๑.๑ จดั เวทีวิเคราะห์สถานการณ์ของประชาชนเพื่อทําความเขา้ ใจและเรยี นรู้ร่วมกัน
ในเรื่อง ประเด็นตา่ ง ๆ
๑.๒ จัดเวทีแลกเปล่ียนข้อมูล ประสบการณ์ หรือจัดทัศนศึกษาภายในชุมชนและ
ระหว่างองค์กรต่าง ๆ กบั ประชาชน
๑๖ อรทัย ก๊กผล, ค่คู ิด คู่มือการมีสว่ นรว่ มของประชาชน สาํ หรับนักบริหารท้องถ่นิ , หนา้ ๑๙-๒๖.
๑๗ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ พ.ศ.
๒๕๕๑-๒๕๕๕, [ออนไลน์], แหล่งที่มา: http://opdc.go.th//special.php?spc_id=2&content_id=156 [๑
สิงหาคม ๒๕๖๓].
๑๘ อา้ งแล้ว.
๒๖
๑.๓ จัดอบรมทกั ษะเฉพาะด้านต่าง ๆ เพอื่ การพัฒนาทกั ษะ
๑.๔ ลงมือปฏบิ ตั จิ ริง
๑.๕ สรุปบทเรียนและถ่ายทอดประสบการณ์ที่จะนําไปสู่การปรับปรุงกระบวนการ
ทาํ งานทีเ่ หมาะสม
๒. การพัฒนาผู้นําเครือข่าย เพ่ือให้ผู้นําเกิดความมั่นใจในในความสามารถท่ีมี จะช่วยให้
สามารถรเิ ริม่ กจิ กรรมการแกไ้ ขปัญหา หรือกิจกรรมการพฒั นาได้ ซ่งึ สามารถทาํ ไดห้ ลายวธิ ีดงั น้ี
๒.๑ แลกเปลยี่ นเรียนรูร้ ะหวา่ งผูน้ าํ ทง้ั ภายในและภายนอกชุมชน
๒.๒ สนับสนุนการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนข้อมูล
ข่าวสารที่จาํ เป็นอย่างต่อเนือ่ ง
๒.๓ แลกเปลี่ยนเรียนรู้และดําเนินการร่วมกันของเครือข่ายอย่างต่อเน่ืองจะทําให้
เกดิ กระบวนการจัดการและจดั องค์กรร่วมกัน๑๙
๒.๑.๙ กรรมวิธใี นการมีส่วนรว่ มของประชาชน
ได้เสนอวา่ กรรมวธิ ีการมสี ว่ นร่วมของประชาชน สามารถดําเนินการด้วยวธิ ีดงั ตอ่ ไปนี้
๑. การเข้าร่วมประชุมอภิปราย เป็นการเข้าร่วมหรือเน้ือหาสาระของแผนงานหรือ
โครงการพฒั นาเพ่ือสอบถามความคดิ เหน็ ของประชาชน
๒. การถกเถียง เป็นการแสดงความคิดเหน็ โตแ้ ยง้ ตามแนวทางประชาธิปไตยเพื่อให้ทราบ
ผลต่าง ๆ ทั้งผลดีและผลเสีย โดยเฉพาะประชาชนในท้องถิน่ ท่ีมผี ลกระทบ ทั้งทางบวกและทางลบต่อ
ความเป็นอยูข่ องเขา
๓. การให้คําแนะนําปรึกษากับประชาชนต้องเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการในการบริหาร
โครงการ เพ่ือให้ความมั่นใจว่ามีเสียงของประชาชนทถ่ี ูกผลกระทบ เข้ามีส่วนร่วม รับรู้และรว่ มในการ
ตัดสนิ ใจและการวางแผนด้วย
๔. การสาํ รวจ เป็นวิธกี ารมสี ว่ นร่วมให้ประชาชนไดแ้ สดงความคิดเหน็ ในเรอื่ งตา่ ง ๆ อยา่ ง
ท่วั ถึง
๕. การประสานงานร่วม เป็นวิธีการที่ให้ประชาชนเข้าร่วมต้ังแต่การคัดเลือกตัวแทนของ
กลุ่มเข้าไปเป็นแกนนาํ ในการบรหิ ารหรือจดั การ
๖. การจัดทัศนศึกษา เป็นการใช้ประชาชนได้เข้าร่วมสอบข้อเท็จจริง ณ จุดดําเนินการ
ก่อนให้มีการจดั สนิ ใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
๗. การสัมภาษณ์ หรือพูดคุยกับผู้นําอย่างไม่เป็นทางการ รวมถึงประชาชนที่ได้รับ
ผลกระทบ เพื่อหาข้อมูลเกย่ี วกับความคดิ เห็นและความตอ้ งการท่ีแทจ้ รงิ ของทอ้ งถิ่น
๘. การไต่สวนสาธารณะ เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าร่วมแสดงความ
คิดเหน็ ตอ่ นโยบาย กฎ ระเบยี บในประเด็นต่าง ๆ ทีจ่ ะมผี ลกระทบตอ่ ประชาชนโดยรวม
๑๙ สํานักมาตรฐานการศึกษา สํานักงานสภาสถาบันราชภัฏกระทรวงศึกษาธิการ สํานักมาตรฐาน
อุดมศึกษาทบวงมหาวิทยาลยั , ชุดวชิ าการวิจัยชุมชน, (นนทบรุ ี: เอสอารป์ ริ๊นต้งิ แมสโปรดกั ส,์ ๒๕๔๕), หน้า ๑๑๘.
๒๗
๙. สานสาธิต เป็นการใช้เทคนิคทุกรูปแบบในการส่ือสาร เพ่ือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ให้
ประชาชนรบั ทราบอย่างท่ังถึงและชดั เจนอนั จะเป็นแรงจงู ใจใหเ้ ข้ามามีสว่ นร่วม
๑๐. การรายงานผล ให้ประชาชนได้เปิดโอกาสทบทวนและสะท้อนผลการตัดสินใจต่อ
โครงการอีกครัง้ หากมกี ารเปล่ียนแปลงจะไดแ้ กไ้ ขไดท้ ันทว่ งที๒๐
๒.๑.๑๐ ประโยชน์ของการมีสว่ นร่วมของประชาชน
ได้ทําการวิจัยปัญหาการจัดอันดับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีเข้าร่วมโครงการรางวัล
พระปกเกล้าประจําป๒ี ๕๔๕ ความเป็นเลิศด้านความโปร่งใสและการมสี ่วนร่วมของ
ประชาชนและการศกึ ษาภาพรวมขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ พบว่าการมีสว่ นร่วมของ
ประชาชนไม่ว่าในหน่วยงานใดก็ตามเป็นส่ิงท่ีพึงปรารถนา เพราะการมีส่วนร่วมมีคุณประโยชน์
หลากหลายประการ อย่างไรก็ตามประโยชน์ที่จะได้จากการมีส่วนร่วมของประชาชนข้ึนอยู่กับความ
จริงใจและความจริงจังในการดาํ เนนิ การดว้ ยซง่ึ ประโยชนโ์ ดยทั่วไป ไดแ้ ก่
๑. การเพ่ิมคุณภาพการตัดสินใจ การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล
ข่าวสารและความคิดเห็นต่าง ๆ จะช่วยให้ได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ครบถ้วนรอบคอบมากขึ้น
นอกจากนั้นยังช่วยให้เกิดทางเลือกใหม่ ทําให้การตัดสินใจรอบคอบและได้รับการยอมรับมากข้ึน
โดยเฉพาะการตัดสินใจทีก่ ระทบกบั ประชาชนโดยตรง
๒. ลดค่าใช้จ่ายและการสูญเสียเวลา เมื่อการตัดสินใจนั้นได้รับการยอมรับประชาชนเข้า
มามีส่วนร่วมต้ังแต่ต้นรับทราบข้อมูลคําอธิบายต่าง ๆ เห็นประโยชน์ส่วนรวมที่จะได้รับ จะช่วยลด
ความระยะเวลาแต่เมือ่ ประชาชนยอมรบั การนําโครงการไปสกู่ ารปฏิบัติจะรวดเร็วข้นึ ซึ่งในประเดน็ นี้
จะเห็นว่าโครงการของภาครัฐที่เร่งการตัดสินใจหรือปกปิด เมื่อประชาชนทราบภายหลังและต่อต้าน
บางโครงการนาํ ไปสู่การปฏิบตั ิไม่ได้ ล่าช้าเป็นปีๆ บางโครงการสามารถก่อสร้างได้เสร็จและประชาชน
ไม่ยอมให้เข้าไปดําเนินการ กลายเป็นอนุสาวรีย์ร้าง ซ่ึงเป็นเร่ืองท่ีน่าเสียดาย งบประมาณดังกล่าว
สามารถนาํ ไปสร้างคณุ ประโยชน์ไดม้ ากมาย
๓. การสร้างฉันทามติ สําหรับสถานการณ์ปัจจุบันการสร้างฉันทามติอาจเป็นเรื่องยาก
สังคมเรากลายร่างเป็นพหุลักษณ์และต้องยอมรับความหลากหลายแตกต่างทางความคิด กลไกท่ีช่วย
ให้ความแตกต่างน้ันได้มีการแลกเปลี่ยน คือ กลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน ในทางลักการเราเช่ือ
ว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนอาจช่วยป้องกันความขัดแย้งได้แต่ในสังคมไทยที่ผ่านมาภาครัฐมัก
ดําเนินการตัดสนิ ใจไปก่อน เมื่อประชาชนตอ่ ต้านจงึ จัดกระบวนการการมสี ่วนร่วมของประชาชนซึง่ ช้า
ไปแล้ว หากเกิดเป็นความขัดแย้งข้ึน จําเปน็ ต้องใช้หลักการจัดการความขัดแยง้ เขา้ มาแทนดงั นั้นการมี
ส่วนร่วมของประชาชนจึงสามารถช่วยลดความขัดแย้งทางการเมืองและเกิดความชอบธรรมในการ
ตัดสนิ ใจของรัฐ
๔. ร่วมมือในการนําไปปฏิบัติ การมีส่วนร่วมของประชาชนเม่ือประสบความสําเร็จจะทํา
ใหป้ ระชาชนเกดิ ความรู้สึกเป็นเจา้ ของและมีความกระตือรือร้นในการช่วยให้เกดิ ผลในทางปฏบิ ตั ิ
๒๐ โกวิทย์ พวงงาม, การปกครองทอ้ งถิ่นไทย, (กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน, ๒๕๕๐), หน้า ๑๘.
๒๘
๕. ช่วยทําให้ผู้บริหารท้องถ่ินมีความใกล้ชิดกับประชาชน การมีส่วนร่วมของประชาชน
ช่วยให้ผู้บรหิ ารและผู้ปฏิบตั ิงานในองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินเกิดความใกล้ชดิ สร้างความสัมพันธท์ ่ีดี
สร้างความรู้สึกว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเป็นของประชาชนไม่ใช่เป็นของนักการเมืองเท่านั้น
นอกจากนั้นด้วยความใกล้ชิด ผู้บริหารท้องถิ่นจะไวต่อความรู้สึกห่วงกังวลของประชาชนและเกิด
ความตระหนกั ในการตอบสนองตอ่ ความกังวลของประชาชน
๖. ช่วยพัฒนาความเชี่ยวชาญและความคิดสร้างสรรค์ของสาธารณชน การมีส่วนร่วมของ
ประชาชนเป็นการให้การศึกษาแก่ประชาชน เพ่ือเรียนรู้กระบวนการตัดสินใจและเป็นเวทีฝึกผู้นํา
ชุมชน
๗. ชว่ ยทาํ ให้ประชาชนสนใจประเดน็ สาธารณะมากขนึ้ การมีส่วนร่วมเป็นการเพ่ิมทุนทาง
สังคม และช่วยเสริมสร้างให้ประชาชนเป็นพลเมืองที่กระตือรือร้นสอดคล้องกับการปกครองตามหลัก
ประชาธิปไตยแบบมสี ่วนรว่ ม๒๑
สรุประดับและการส่งเสรมิ การมีสว่ นร่วมของประชาชน
นกั วิชาการ สรุป
อรทัย กก๊ ผล, สาํ นกั งานคณะกรรมการพฒั นา การมีส่วนรว่ มของประชาชน มเี งอื่ นไขทสี่ าํ คญั ใน
ระบบราชการ,สํานกั มาตรฐานการศึกษา, การเขา้ ไปมสี ว่ นร่วมของประชาชนเกดิ จากความ
พร้อม ความเตม็ ใจ ความรู้สึกผกู พันกับทอ้ งถ่ิน
วถิ ีชวี ิตวัฒนธรรม และความกระตือรือร้น แต่การ
ดําเนินโครงการของหน่วยงานภาครัฐท่ีไม่ประสบ
ความสาํ เรจ็ สว่ นใหญ่จะเกิดจากปัญหา อปุ สรรค
ท่ีไมไ่ ดร้ บั ความรว่ มมือจากภาคประชาชน ท่ีไม่ได้
เขา้ มามีส่วนร่วมในการดําเนนิ งาน ซงึ่ อาจเกดิ
จากการท่ปี ระชาชนยังขาดความตระหนัก และ
จิตสาํ นกึ ความรสู้ กึ รบั ผดิ ชอบต่อส่วนรวมและ
ส่งิ แวดลอ้ มหรอื ระบบการบริหารราชการ
แบบเดมิ ที่ไม่กระจายขา้ ราชการอาจมองวา่
ประชาชนเปน็ แคเ่ พียงผู้รับผลประโยชน์เท่านัน้
ข้าราชการสามารถใช้อาํ นาจหนา้ ที่ หรอื กฎหมาย
เข้ามาจัดการแก้ไขปญั หาได้
๒๑ อรทยั ก๊กผล, คู่คดิ คมู่ อื การมีส่วนร่วมของประชาชน สําหรบั นักบรหิ ารทอ้ งถิ่น, หนา้ ๒๖-๒๘.
๒๙
๒.๒ แนวคดิ เก่ยี วกบั กิจกรรมทางการเมอื งภาคพลเมอื ง
๒.๒.๑ ทมี่ าของการเมอื งภาคพลเมือง
นับแต่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนการปกครองมาสู่ระบอบประชาธิปไตย เม่ือวันท่ี ๒๔
มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ โดยให้สิทธิประชาชนเป็นผู้เลือกตัวแทนของตนเข้าไปทําหน้าที่ในสภา
ผแู้ ทนราษฎรโดยผ่านกระบวนการเลือกต้ัง ซ่ึงเราเรียกว่า ประชาธิปไตยแบบตัวแทนลักษณะดังกล่าว
ทาํ ใหก้ ารเลือกตัง้ มคี วามสําคัญต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จนมีความพยายามจากชนช้ัน
ปกครองที่จะทําให้ประชาชนเชื่อว่าการเลือกต้ังเป็นกระบวนการเดียวที่สามารถสร้างความชอบธรรม
ในทางการเมืองการกระทําการใด ๆ ของนักการเมือง แม้จะกระทําต่อสิทธิวิถีชีวิตของประชาชนก็ถือ
เป็นการกระทําที่ถูกรองรับด้วยฉันทามติของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ดังท่ีเราจะเห็นจากการ
กล่าวอ้างของนักการเมืองตามสื่อต่าง ๆ และย่ิงนับวันจะยิ่งเป็นไปในทิศทางดังกล่าว ส่ิงที่เกิดข้ึนได้
สร้างกรอบแนวคิดที่ผิดเพี้ยนต่อระบอบประชาธิปไตยแก่ตัวนักการเมืองเอง และท่ีสําคัญคือต่อ
ประชาชน เพราะสง่ ผลต่อการ แสดงออกของประชาชน ในทางการเมืองในระบอบประชาธปิ ไตยอย่าง
เลยี่ งไมไ่ ด้
การเลือกตั้งไม่ได้จํากัดอยู่ที่ประชาชนไปใช้สิทธิของตนในการกากบาทแล้วหย่อนบัตร
ลงคะแนนเพื่อเลือกตัวแทนของตนเท่าน้ัน หากแต่การเลือกตั้งยังเป็นการส่ือสารเชื่อมโยงและส่งผ่าน
ความต้องการของผู้ใต้ปกครองไปสู่ผู้ปกครอง เป็นกระบวนการกล่อมเกลาทางการเมืองที่มี
ความสําคัญ แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากประชาชนมีความเข้าใจว่าความเป็นประชาธิปไตยหยุดอยู่ท่ีการ
เลือกต้ังและการไปใช้สิทธิเลอื กต้ังโดยปราศจากการแสดงออกในทางการเมืองอื่นแล้วก็ถือไม่ได้วา่ การ
เลือกตั้งได้สัมฤทธ์ิผลในการสร้างระบบการเมืองให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เพราะ
ประชาธิปไตยเป็นเรอื่ งของการยืนยนั ในอาํ นาจอธิปไตยของประชาชนอยา่ ง ตอ่ เนือ่ งต้งั แต่การเข้าร่วม
กิจกรรมทางการเมืองของประชาชน การพูดคุยถกเถียง อภิปราย วิพากษ์วิจารณ์ เรียกร้องคัดค้าน
การดําเนินการตามโครงการต่าง ๆ ของรัฐท่ีไม่ชอบธรรม และการตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐใน
รูปแบบต่าง ๆ หาใชย่ ุตทิ ี่การเลือกตง้ั อย่างที่เราเขา้ ใจกันในปจั จุบนั แตอ่ ย่างใด
นับวันการเมืองภาคพลเมืองย่ิงปรากฏให้เห็นเด่นชัด และยึดครองความชอบธรรมใน
พ้ืนท่ีทางการเมืองไทยมากข้ึน และได้สร้างความเชื่อให้เกิดขึ้นต่อสังคมว่าจะเป็นแนวทางท่ีการ
เมืองไทยไขว่คว้าแสวงหา เพราะการเมืองภาคพลเมืองห้อมล้อมด้วยพลังของประชาชนโดยตรง
ในขณะที่พลังทางการเมืองของภาคตัวแทนเส่ือมทรุดลงทุกขณะ และหากการเมืองภาคตัวแทน ไม่มี
การปรบั ตวั ให้สอดคลอ้ งกับการเปล่ยี นแปลง ย่อมจะสญู เสียความชอบธรรมในการดําเนนิ การใด ๆ ใน
ฐานะผู้รับฉันทามติจากประชาชนในท่ีสุด ดังนั้น เม่ือลําพังประชาธิปไตยแบบตัวแทนไม่เพียงพอต่อ
การแก้ไขปัญหาประเทศได้ ในขณะเดียวกันเราพยายามหาพลงั จากภาคส่วนอ่นื ๆ ท่ีสามารถจะทําให้
ระบบการเมืองการปกครองไทยเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง และมีประสิทธิภาพในการดูแลทุกข์สุข
ของประชาชนในชาตใิ หไ้ ด้ การกลับไปทาํ ความเขา้ ใจ และให้ความสําคัญต่อบทบาทของประชาชนเจ้า
อํานาจอธิปไตย อันเป็นต้นธารของระบอบประชาธิปไตย โดยการขยายประชาธิปไตยออกนอกเวที
การแข่งขันของนักการเมือง ทําให้มันมี ลักษณะประชาธปิ ไตยทางตรงมากยิ่งขึ้น และอาศัยการมีส่วน
๓๐
ร่วมทางการเมืองประชาชน สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นการหลุดพ้นจากกรอบแนวคิดของการเมืองแบบเดิม ท่ี
ให้ความสําคัญต่อตัวนักการเมืองและพรรคการเมืองมาสู่แนวคิดของการเมืองแบบใหม่ ท่ีให้
ความสําคัญต่อการเคล่ือนไหวแสดงบทบาทของประชาชนและสังคมท่ีมีความหลากหลายแตกต่าง ใน
การร่วมกันพฒั นาและแก้ปญั หาของประเทศชาติ
ในการเมืองไทยคาํ ว่า ปฏิวัติ กับ รฐั ประหาร มักใช้ปะปนกัน แลว้ แตผ่ ู้ยดึ อาํ นาจได้นัน้ จะ
เรียกตัวเองว่าอะไร เท่าท่ีผ่านมามักนิยมใช้คําว่า ปฏิวัติ เพราะเป็นคําท่ีดูขึงขังน่าเกรงขาม เพ่ือความ
สะดวกในการธาํ รงไวซ้ ึ่งอํานาจที่ไดม้ านั้น ท้ังที่โดยเน้ือแท้แล้ว นับแต่มีการ เปล่ียนแปลงการปกครอง
๒๔ มถิ ุนายน ๒๔๗๕ ซงึ่ อาจถือได้ว่าเปน็ การปฏิวัติทีแ่ ท้จรงิ คร้ังเดียวที่ เกิดข้นึ ในประเทศไทย การยึด
อํานาจโดยวิธีการใช้กําลังครั้งต่อ ๆ มาในทางรัฐศาสตร์ถือว่าเป็นเพียงการรัฐประหารเท่านั้น เพราะผู้
ยึดอํานาจได้น้ันไม่ได้ทําการเปล่ียนแปลงหลักการมูลฐานของระบอบการปกครองเลย ดังน้ัน เพื่อให้
สอดคล้องกับพฤติกรรมทางการเมืองและมิให้สับสนกับการใช้ชื่อเรียกตัวเองของคณะที่ทําการยึด
อํานาจทั้งหลาย อาจสรุปความหมายแคบ ๆ โดยเฉพาะเจาะจงสําหรับคําว่าปฏิวัติ และรัฐประหารใน
บรรยากาศการเมืองไทยเป็นดังนี้คือ
“ปฏิวัติ” หมายถึงการยึดอํานาจโดยวิธีการท่ีไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ยกเลิก รัฐธรรมนูญ
ที่ใช้อยู่ อาจมีหรือไม่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และรัฐบาลใหม่ได้ทําการ เปล่ียนแปลงมูล
ฐานระบอบการปกครอง เช่นเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบ
ประชาธปิ ไตย หรือ คอมมวิ นิสต์ ฯลฯ
ส่วน “รัฐประหาร” หมายถึงการยึดอํานาจโดยวิธีการท่ีไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ แต่
ยังคงใช้รัฐธรรมนูญฉบับเก่าต่อไปหรือประกาศใช้รัฐธรรมฉบับใหม่ เพ่ือให้มีการเลือกต้ังเกิดข้ึนใน
ระยะเวลาไม่นานนักในประเทศไทย ถือได้ว่ามี การปฏิวัติ เกิดขึ้นครั้งแรกและครั้งเดียวคือ การ
เปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๕๔๗ โดยคณะราษฎรจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบ
ประชาธิปไตยและมีการกบฏเกิดขึ้น ๑๒ ครง้ั และรัฐประหาร ๘ ครั้ง๒๒
๒.๒.๒ ความหมายของการเมอื งภาคพลเมือง
โดยท่ัวไปการเมืองภาคพลเมืองมีความหมายหลากหลายตามเป้าหมายท่ีแตกต่างกัน เช่น
๑) การเมืองภาคปริมณฑลสาธารณะ (Public sphere) ที่มุ่งสร้างพื้นท่ี เวที กลไก ส่วนกลางที่ไม่ใช่
รฐั สภาที่จะถกเถียง สร้างประเดน็ ต่าง ๆ ขยายสิทธิอํานาจต่าง ๆ ท่เี ป็น ประโยชน์ต่อสังคม ๒) การเมือง
ภาคประชาสังคม (Civil society) หรือการเมืองภาคพลเมือง (Citizen politics) ท่ีเน้นการมี ส่วนร่วมที่
แขง็ ขนั ของบุคคล องค์การต่าง ๆ ในสังคมที่จะ ถกเถียงและบรรจขุ ้อตกลงในประเด็นปัญหา ตา่ ง ๆ หรือ
ผลักดันบางประเด็นให้เป็นนโยบาย ของรัฐ ๓) การเมืองภาคพลเมือง (People’s politics) หรือ
ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม รูปแบบใหม่ (New Social Movement) ที่มุ่ง เคล่ือนไหวสร้างจิตสํานึก
ในประเด็นผลประโยชน์ ร่วมของมนุษยชาติ ได้แก่ สภาพแวดล้อมโลก สภาพทุนโลก การคัดค้าน
๒๒ คณะกรรมการปฏริ ูปการเมือง. รายงานผลการทํางานของคณะกรรมการปฏริ ปู การเมอื ง (คปก).
กรงุ เทพมหานคร: ม.ป.ท.๒๕๓๘
๓๑
โลกาภิวัตน์ เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเมืองภาคพลเมืองในรูปแบบใด การเคลื่อนไหวภาคประชา
สังคม (Civil society movement) หรือ ภาคพลเมืองดังกล่าวมีองค์ประกอบสําคัญ คือ พลเมืองที่
กระตือรือร้น (Active citizen) มุ่งปกป้องคุ้มครองสิทธิและมุ่งประโยชน์สาธารณะ (Common good)
เปน็ พลังสําคญั
การอธิบายพลเมืองและการเมืองภาคพลเมืองน้ันสัมพันธ์กับบริบท กล่าวคือ พลเมืองท่ี
อยู่ในกลุ่มองค์กรหรือพลเมืองในสังคมภาคการเมืองเป็นพลเมืองที่มิใช่ในมติ ิของความเป็นปัจเจกนิยม
ตรงกันข้ามกลับให้ความสําคัญกับการรวมกลุ่มทางสังคม ซึ่งเป็น แนวคิดสําคัญของพลเมืองในแนว
ชุมชนนยิ ม (Communitarian) ทีค่ วามสําคัญในวงวิชาการ สายหนงึ่ ในปัจจบุ ัน เชน่ ในงานของนักคิด
สายชุมชนนิยมอยา่ ง Etzioni ท่ีเขาค้นพบว่าพลังของ กลุ่มคนองค์กรเป็นกลไกในการขับเคล่ือนชุมชน
ท่ีดีเพราะสถาบันทางการเมือง ดั้งเดิมมีวิกฤต เขาจึงเสนอให้ร้ือฟื้นพลังชุมชนท่ีมีอยู่ต้ังแต่อดีต อันมี
พลังอํานาจให้เป็นขบวนการใหม่ งานช้ินนี้มาจากความเชื่อท่ีว่าปัญหาต่าง ๆ (Etzioni, A, ๑๙๗๕) ใน
สังคมอเมริกามาจากรากฐานหรือ เป็นผลพวงมาจากการต่ืนสิทธิ การเน้นสิทธิปัจเจกบุคคลท่ีมี
หลากหลายและเกิดขึ้นอย่างสูงมาก นับว่ามีพลังมากในการเคลื่อนตัวของสหรัฐอเมริกาผ่านสิทธิใน
การพูด สิทธิของส่วนบุคคลแนน่ อนว่ามีโอกาสนาํ ไปสคู่ วามขัดแย้งในชมุ ชน ๒๓
การเมืองภาคพลเมือง เป็นสถานการณ์ที่ประชาชนได้รับสิทธิและ เสรีภาพในการเข้ามามี
ส่วนร่วมทางนโยบาย มีการกระจายอํานาจให้ประชาชนสามารถกําหนด วิถีชีวิตของตนเองโดยไม่ละเมิด
สิทธิของผู้อ่ืน ภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยกิจกรรมใดทาง นโยบายท่ีอาจเกิดผลกระทบต่อประชาชน
ประชาชนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มแรกและประชาชนสามารถดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทาง
การเมืองได้ด้วยตนเอง รูปแบบการเมืองภาคพลเมือง สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า
รปู แบบการเมืองภาค
๒.๒.๓ รูปแบบการเมืองภาคพลเมอื ง
สํานกั งานเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร กลา่ ววา่ รูปแบบการเมืองภาคพลเมอื ง ไดแ้ ก่ ๒๔
๑. การออกเสียงประชามติ (Referendum) การออกเสียงประชามติเป็นรูปแบบหน่ึง
ของการเมืองภาคพลเมืองที่ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง โดยเปิดโอกาสให้ประชาชน
ลงคะแนนออกเสียงในกิจกรรมหรือประเด็นต่าง ๆ ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเพ่ือเป็นแนวทางในการ
ตัดสินใจของรัฐในกิจกรรมหรือประเด็นน้ัน การออกเสียงประชามติได้มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นครั้งแรก และรัฐธรรมนูญฉบับต่อมาก็มีการบัญญัติไว้เช่นกัน ส่วนการออกเสียง
ประชามติคร้ังแรกของประเทศไทย คือการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๙ อันเป็น
๒๓ ศรัญยุ หมั้นทรัพย์, การศึกษาเพ่ือสร้างพลเมือง: รากฐานของการเมืองภาคพลเมือง,
(กรงุ เทพมหานคร: สถาบนั พระปกเกล้า, ๒๕๕๐).
๒๔ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน.
(กรงุ เทพมหานคร: สํานักการพมิ พส์ ํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๔).
๓๒
ผลของการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ โดยกําหนดให้รัฐ โดยสํานักงานคณะกรรมการการ
เลือกต้ังจัดใหม้ ีการออกเสยี งประชามตริ า่ ง รัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐
๒. ประชาพิจารณ์ (Public Hearing) เป็นรปู แบบการดําเนินการโดยราชการหรอื รัฐที่ ให้
ประชาชนมาร่วมอาจจะมาจากความประสงค์ของราชการ หรือการที่ประชาชนเคล่ือนไหวเพื่อใช้เป็น
พ้ืนท่ีในการได้โอกาสเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ในประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้ง ดังนั้น ประชาพิจารณ์จึง
เป็นรูปแบบที่รัฐนํามาดําเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม คนที่มีความคิดเห็น
แตกต่างกัน และ/หรือรับประโยชน์ต่างกันจากโครงการพัฒนาของรัฐและเป็นกระบวนการท่ีบริหาร
จัดการโดยราชการหรือรัฐ
๓. การอภิปรายสาธารณะ (Public Dialogue) การอภิปรายสาธารณะหรือการถกแถลง
ของ ประชาชน (People Dialogue) เป็นกลไกของการเมืองภาคพลเมืองแต่ในสังคมไทยยังมีคาํ อ่ืน ๆ
ที่มีนัยเดียวกัน ตัวอย่างเช่น การสานเสวนาสาธารณะเป็นคําท่ีถูกใช้โดย ศ.นพ. วันชัย วัฒนศัพท์
นักวิชาการประจําศูนย์สันติศึกษา สถาบันพระปกเกล้า เพื่อใช้เป็นกลไกแก้ไขปัญหาการเมืองที่
แบ่งเป็นฝักฝ่าย ในช่วงเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม ๒๕๕๑ หรือประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือหรือ
พิจารณาอย่างใคร่ครวญ (Deliberative Democracy) เป็นคําที่มีการใช้กันหลากหลายทั้งท่ีเหมือน
และแตกตา่ งกันบา้ ง
๔. การริเร่ิมกฎหมายโดยประชาชน (People Initiation) การริเริ่มกฎหมายโดย
ประชาชนเป็นมาตรการท่สี ําคัญในการท่ีจะให้ระบบการเมืองรับผิดชอบตอ่ เจตนารมณ์ของ ประชาชน
หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามจํานวนที่กําหนด สามารถเสนอร่างกฎหมายที่เห็นสมควรเข้าสู่กระบวนการ
พิจารณาสาธารณะและโดยท่ัวไปแลว้ การริเร่ิมร่างกฎหมายจะตามมาดว้ ยการลงประชามติ ให้ผู้มสี ิทธิ
เลือกตั้งตัดสินใจในขั้นสุดท้าย การริเร่ิมกฎหมายโดยประชาชนสามารถจําแนกประเภทได้เป็น ๒
ประเภท คือ
๔.๑) การริเร่ิมกฎหมายโดยประชาชนโดยตรงอันเป็นกระบวนการที่ใช้การลง
ประชามตเิ มื่อมกี ารลงชื่อ เสนอกฎหมาย และ
๔.๒) การริเริ่มกฎหมายโดยประชาชนโดยอ้อมเป็นกระบวนการลงประชามติ
หลงั จากกฎหมายไม่ผ่านการพจิ ารณาของฝา่ ยนติ บิ ญั ญตั ิ
๕. รูปแบบอื่น ๆ การนัดหยุดงานการชุมนุมประท้วง ฯลฯ พบว่า การนัดหยุดงานมักจะ
เป็นวิธีการท่ีสัมพันธ์กับเง่ือนไขความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจ จงึ ทําการกดดันเพ่ือ ผลประโยชน์ของ
กลุ่มด้วยรูปแบบต่าง ๆ เช่น การครอบครองหรือการยึดโรงงานการเดินขบวนทําลายโรงงาน อุทธรณ์
ต่อการกระทําจากกฎหมาย ฯลฯ ส่วนการชุมนุมประท้วงนั้น เป็นการกระทําร่วมกันท่ีจะสัมพันธ์กับ
สทิ ธิทางการเมืองและสทิ ธิทางสังคม เรมิ่ จากฝูงชน มารว่ มประชมุ กัน อย่างเปิดเผยในทส่ี าธารณะโดย
อาจจะมีกิจกรรมการเล่นดนตรีเพ่ือชีวิตหรือ ดนตรีร็อค มีการอภิปราย โจมตีวิพากษ์วิจารณ์ฝ่าย
ตรงกันข้าม เช่น ข้าราชการหรือฝ่ายการเมือง มีการจัดตั้งองค์กรปฏิบัติการด้วย จากน้ันก็จะมีการ
เสนอข้อเรยี กร้องหรอื คาํ อทุ ธรณต์ า่ ง ๆ หรืออาจจะมกี ารเคลอื่ นย้ายสถานที่ มากกวา่ หนง่ึ สถานทก่ี ไ็ ด้
การเมืองภาคพลเมืองในประเทศไทย ปัจจุบันได้รับการยอมรับและมีฐานะชอบธรรม ทาง
การเมืองสามารถถ่วงดุลต่อรองกับการเมืองในระบบรัฐสภาได้มากขึ้น เพราะลักษณะของการ
เคลื่อนไหวทางการเมอื งภาคพลเมืองมิใชแ่ ค่เพียงท่เี กย่ี วข้องกับวิถีชวี ิตความ เป็นอยู่ของประชาชนแต่
๓๓
ยังรวมถึงการมีจุดมุ่งหมายในการเข้าถึงอํานาจรัฐ ในหลายครั้ง พบว่า การริเร่ิมหรือการเปลี่ยนแปลง
ครัง้ สําคญั ทางการเมืองจะถูกกาํ หนดโดยประชาชน ๒๕
สรปุ แนวคดิ เกี่ยวกบั กจิ กรรมทางการเมืองภาคพลเมือง
นกั วิชาการ สรุป
คณะกรรมการปฏิรูปการเมือง, ศรัญยุ หมั้น แบบการเมืองภาคพลเมืองในปั จจุบั นของ
ทรัพย์. สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สังคมไทยรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย
ปริญญา เทวานฤมิตรกลุ . พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ มบี ทบัญญัติที่รองรับสิทธิและ
เสรีภาพของประชาชนในการมีส่วนร่วมทางการ
เมืองไว้หลายประการด้วยกัน เช่น สิทธิการออก
คะแนนเสียงเลือกตั้ง สิทธิการสมัครรับเลือกต้ัง
สิทธิการเขาชื่อเสนอกฎหมาย สิทธิการออกเสียง
ประชามติสิทธิการเขาช่ือรองขอให้ถอดถอนผู้ดํารง
ตําแหน่งทางการเมือง สิทธิการเข้าชื่อรองขอให้
ถอดถอน ผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น
สิทธิการมีส่วนร่วมในการจัดการ การบํารุงรักษา
และการใช้ประโยชนจากทรัพยากร ธรรมชาติและ
สิ่งแวดลอมอยา่ งสมดุลและยงั่ ยนื เปน็ ตน
๒.๒.๔ การพัฒนาการทางการเมืองภาคพลเมอื ง
การพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบส่วนร่วมนั้น นอกจากการเสริมสร้าง พลัง
อํานาจทางการเมืองในภาคพลเมือง (People Empowerment) แล้วยังจําเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องสร้าง
ความเขม้ แข็งหรือท่ีเรียกวา่ การสรา้ งความสามารถทางการเมอื งของประชาชน (Citizen Competence)
ให้เป็นรากฐานรองรับพร้อม ๆ กันไปกับการมีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่เอื้ออํานวยดังได้กล่าวไว้แล้ว
ซง่ึ จาํ เป็นตอ้ งอาศยั เวลาขนั้ ตอนและปัจจัยสาํ คญั ดงั ตอ่ ไปน๒ี้ ๖
๑. การส่งเสริมให้ประชาชนมีความสามารถทางการเมืองสูงข้ึน (Political Competence)
โดยจัดให้มีการฝึกฝน ถ่ายทอด แลกเปลี่ยนและเผยแพร่ทักษะความรู้กันอย่าง ทั่วถึงและต่อเนื่อง
โดยเฉพาะทักษะของการต่อสู้ทางการเมืองในวิถีทางสันติที่ช่วยในการ ประนีประนอมและประสาน
ประโยชน์
๒๕ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล, การศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง, (กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิสร้างเสริม
สขุ ภาพ, ๒๕๕๕).
๒๖ เชาวนะ ไตรมาศ, การเสริมสร้างพลังประชาชนกับการสร้างฐานรากประชาธิปไตย แบบ
ส่วนรวมในศูนย์ประชมุ สหประชาชาติ, (กรุงเทพมหานคร: ส.เจริญการพิมพ์, ๒๕๔๘).
๓๔
๒. การส่งเสริมวัฒนธรรมทางการเมืองแบบพลเมืองของประชาชน (Civic Culture) โดย
จัดให้มีการสร้างขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี แนวความคิดและจริยธรรมที่สามารถใช้ เป็นบรรทัด
ฐานอา้ งองิ รว่ มกันไดห้ รอื เปน็ ตน้ แบบในการถา่ ยทอดแบบแผนพฤตกิ รรมทาง การเมอื งร่วมกนั ได้
๓ . การส่งเสริมสถาบันทางการเมืองของประชาชนให้เข้มแข็งขึ้น (Political
Institutionalization) โดยส่งเสริมให้มีการจัดต้ังองค์กรประชาชนท่ีเข้มแข็ง สามารถดําเนินงานได้
อย่างมีประสิทธิภาพ มีความต่อเน่ืองในการปฏิบัติภาระหน้าที่อย่างเป็นระบบ มีการกระจายอย่าง
ท่ัวถึง สามารถพ่ึงพาตัวเองได้และมีความคงทนสามารถเผชิญกับปัญหาแรงกดดันได้อย่างหนักแน่น
ม่ันคงตลอดจนมีการพัฒนาและหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงผู้นําและบุคลากรท่ีมีความสามารถได้โดย
ราบรื่นและถ่ายโอนภารกิจอย่างต่อเนอ่ื ง๒๗
๔. การส่งเสริมขบวนการทางการเมืองของประชาชน (Political Movement) ให้มี การ
ดําเนินกิจกรรมอย่างเป็นรูปธรรมและมีการปฏิสัมพันธ์ร่วมกันกับส่วนอ่ืนของสังคม โดยเฉพาะด้าน
เศรษฐกิจอย่างกวา้ งขวางและต่อเนอื่ ง ตลอดจนการพฒั นาให้กา้ วหนา้ สงู ย่ิง ๆ ขนึ้
๕. การส่งเสริมเครือข่ายทางการเมืองของประชาชน (Political Network) ให้มีการ
เช่ือมโยงและการช่วยเหลือสนับสนุนซ่ึงกันและกันภายนอก ทั้งในทางราบและทางดิ่ง มีการแบ่งงาน
กนั ทําและมกี ารยึดโยงกบั ประชาชนกล่มุ ต่าง ๆ อยา่ งใกลช้ ิด
๖. การส่งเสริมการสื่อสารทางการเมืองของประชาชนให้แพร่หลาย (Political
Communication) โดยจัดให้มีระบบสารสนเทศ มรี ะบบทางด่วนข้อมูลท่ีมีประสิทธิภาพฉบับไวทั่วถึง
และกระจายอย่างกว้างขวาง มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและการปรับความทันสมัยของข้อมูล
ตลอดจนระบบการบริการและการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพสูงและ
ยดื หยนุ่ สูงด้วย
๗. การส่งเสริมมาตรการและกลยุทธ์ทางการเมืองของประชาชน (Political Strategy)
โดยส่งเสริมให้มีระเบียบวิธีท่ีมีประสิทธิภาพเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมือง และ
เป้าหมายทางการเมืองท่ีต้องการบรรลุด้วย รวมท้ังสามารถใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขของ กฎหมาย
รัฐธรรมนูญ โอกาส สิทธิและเสรีภาพทางการเมือง ตลอดจนการจัดการในการใช้ ทรัพยากรทาง
การเมืองท่ีก่อให้เกิดผลสัมฤทธ์ิหรือประสิทธิผลทางการเมืองได้สูงด้วย โดยเฉพาะมาตรการและกล
ยุทธ์ท่ีสําคัญที่จําเป็นต้องใช้ในการประสานประโยชน์และลดความขัดแย้ง การกดดัน เจรจาต่อรอง
ควบคุมตรวจสอบ การเจาะลึกและเกาะติดกับกรณีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง การเรียกร้องหรือแม้แต่การ
สร้างแนวรว่ มพันธมติ ร การสรา้ งอิทธิพลรปู แบบต่าง ๆ ต่อองคก์ รของรัฐ
๘. การส่งเสริมบรรทัดฐานทางการเมืองของประชาชน (Political Norm) โดยจัดให้มี
การ สร้างสรรค์ ส่ังสม ปลูกฝังและสืบสานจารีตประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองภาคพลเมืองขึ้นมา
รองรบั อยา่ งต่อเน่ืองและเปน็ รปู ธรรม
๒๗ อนุชาติ พวงสําลี และกฤติยา อาชาวนิจกลุ, ขบวนการประชาสังคมไทย: การเคลื่อนไหวภาค
พลเมอื ง, (กรงุ เทพมหานคร: สํานกั งานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ยั , ๒๕๕๒).
๓๕
๙. การส่งเสริมการกล่อมเกลาทางการเมืองของประชาชน (Political Socialization)
โดย จัดให้มีการสร้างความรู้ ความเข้าใจ สร้างทัศนคติ ค่านิยมและหล่อหลอมพฤติกรรมทาง
การเมืองในภาคพลเมืองในระหวา่ งเครือขา่ ยการเมอื งภาคพลเมืองดว้ ยกันเอง
๑๐. การส่งเสริมให้มีการสร้างผู้นําประชาชนทดแทน (Political Reproduction) โดยจัด
ให้มีการพัฒนาบุคลากรหรือทรัพยากรบุคลากรทางการเมืองภาคพลเมือง สร้างยุวชนการเมืองภาค
ประชาชน มีการกาํ หนดหลกั สูตรการศึกษาเรยี นรู้และฝกึ ฝนทักษะใหม่ ๆ ทมี่ ีความกา้ วหนา้ ยงิ่ ๆ ขึ้น
๑๑. การส่งเสริมภาวะผู้นําทางการเมืองในหมู่ประชาชน (Political Leadership) โดย
จดั ให้มีการส่งเสริมภาวะผู้นําใหม่ทางการเมืองที่ไม่เน้นการแข่งขันทางอํานาจหรือเพอื่ การ แข่งขันเข้า
กุมอํานาจรัฐ แต่เน้นความสําคัญของการมีภาวะผู้นําทางการเมืองแบบพลเมือง รวมท้ังการส่งเสริม
การ สร้างวีรบุรุษมวลชนด้วย
๑๒. การส่งเสริมให้ประชาชนมีทางเลือก (Alternative Politics) โดยจัดให้มีการสร้าง
ทางเลือกใหม่ ให้แก่ประชาชน นอกเหนือจากแบบแผนด้ังเดิมท่ีเน้นการมีส่วนร่วมแบบทางอ้อม โดย
เน้นให้ประชาชนมีส่วนรวมแบบทางตรงมากข้ึน ให้มีสิทธิมีส่วนในการตัดสินใจท่ีแท้จริง ขยายโอกาส
ให้ประชาชนเป็นฝ่ายนําในกระบวนการตัดสินใจสาธารณะ โดยเฉพาะในการแก้วิกฤติการณ์หรือ
ปัญหาสาํ คัญท้ังระดบั ชุมชนและระดับชาติ รวมทง้ั การแกไ้ ขปญั หากนั เองระหวา่ งภาคีทีเ่ กี่ยวข้อง
๑๓. การส่งเสริมอุดมการณ์ทางการเมืองในหมู่ประชาชน (Political Ideology) โดยจัด
ให้มีการสร้างอุดมการณ์ทางการเมืองภาคพลเมืองแยกเป็นเอกเทศต่างหากจากกรอบอุดมการณ์ทาง
การเมืองที่พรรคการเมืองนําเสนอและสามารถสร้างแรงบันดาลใจทางการเมืองให้แก่ประชาชน
ดว้ ยกันเองได้อย่างมีประสิทธิผล
สรุปแนวคดิ เก่ียวกบั การพัฒนาการทางการเมอื งภาคพลเมอื ง
นักวชิ าการ สรปุ
เชาวนะ ไตรมาศ, อนุชาติ พวงสําลี และกฤติยา ปัจจัยสําคัญในการพัฒนาการทางการเมืองภาค
อาชาวนจิ กล,ุ พ ล เมื อ งโด ย ส่ งเส ริม ให้ มี ระเบี ย บ วิธีที่ มี
ประสิทธิภาพเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์
ทางการเมือง รวมทั้งสามารถใช้ ประโยชน์จาก
เง่ือนไขของกฎหมาย รัฐธรรมนูญ โอกาส สิทธิ
และเสรภี าพทางการเมือง ตลอดจนการจดั การใน
การใช้ทรัพยากรทาง การเมืองที่ก่อให้เกิด
ผลสัมฤทธิ์หรือประสิทธิผล ทางการเมืองได้สูง
ด้วย
๓๖
๒.๒.๕ ความสําคัญของการมีส่วนรว่ มทางการเมือง
การมีส่วนร่วมของประชาชนมีความสําคัญในการสร้างประชาธิปไตยอย่างย่ังยืนและ
ส่งเสริมธรรมาภิบาล ตลอดจนการบริหารงาน หากการมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้นเพียงใด ก็จะ
ช่วยให้มีการตรวจสอบการทํางานของผู้บริหาร และทําให้ผู้บริหารมีความรับผิดชอบต่อ สังคมมาก
ยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการป้องกันนักการเมืองจากการกําหนดนโยบายที่ไม่เหมาะสมกับสังคมนั้น ๆ
นอกจากนี้การมีส่วนร่วมของประชาชนยังเป็นการสร้างความม่ันใจวา่ เสียงของประชาชนจะมีคนรับฟัง
อีกทั้งความต้องการหรือความปรารถนาของประชาชนก็จะได้รับการตอบสนองอย่างไรก็ดีไม่มีเทคนิค
การมีส่วนร่วมของประชาชนเทคนิคใดเทคนิคหนึ่งท่ีมีความเหมาะสมและสามารถใช้ได้ผลดีกับทุก
สถานการณ์๒๘
สําหรับความสําคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้น นอกจากการมีส่วนร่วมของ
ประชาชนและเป็นเง่ือนไขหลักของระบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมแล้ว ยังจะช่วยให้กระบวนการ
ตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหาและโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลเป็นไปด้วยความรอบคอบ ลดความขัดแย้งใน
สังคมและบงั เกดิ ประโยชน์สูงสุดท้งั แก่ชมุ ชนและประเทศชาตทิ ําใหค้ ณุ ภาพของการตัดสินใจดขี ้ึน การ
มีส่วนร่วมของประชาชนทําให้ใช้ต้นทุนน้อยและลดความล่าช้าลงการมีส่วนร่วมของประชาชนจึงมี
เป้าหมายสําคัญคือ นําค่านิยม ความคิดเห็นของสาธารณชนเข้าสู่การตัดสินใจ เพื่อปรับปรุงคุณภาพ
ของการตัดสินใจท่ีสําคัญแก้ปัญหาความขัดแย้งจากความต้องการท่ีเหมือนกัน การสร้างความเชื่อมั่น
และให้การศึกษาและให้ข้อมูลแก่สาธารณชน อุดมคติของประชาธิปไตยแล้วต้องการให้ประชาชนมี
ส่วนร่วมกับรัฐบาลอย่างกว้างขวาง เช่น ไปเลือกตั้งมีกิจกรรมในชุมชน ร่วมเป็นสมาชิกในองค์กร
ชุมชนและเป็นสมาชกิ ๒๙
๒.๒.๖ รปู แบบกจิ กรรมการมสี ่วนร่วมทางการเมือง
รูปแบบกิจกรรมการมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นการท่ีกลุ่มประชาชนหรือขบวนการ ท่ี
สมาชิกของชุมชนที่กระทําการออกมาในลักษณะของการทํางานร่วมกัน ท่ีจะแสดงให้เห็นถึง ความ
ต้องการร่วม ความสนใจร่วม มีความต้องการท่ีจะบรรลุถึงเป้าหมายร่วมทางเศรษฐกิจและสังคมหรือ
การเมืองหรือการดําเนินการร่วมกันเพ่ือให้เกิดอิทธิพลต่อรองอํานาจมติชนไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือ
ทางอ้อม หรือการดําเนินการเพื่อให้เกิดอิทธิพลต่อรองอํานาจทางการ เมือง เศรษฐกิจ การปรับปรุง
สถานภาพทางสังคมในกลมุ่ ชุมชน รปู แบบกจิ กรรมการมสี ่วนร่วม ทางการเมือง มดี ังนี้ ๓๐
๒๘ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน,
(กรงุ เทพมหานคร: สํานักการพมิ พส์ ํานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๔).
๒๙ เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ, ความรู้เบื้องต้นเก่ียวกับรัฐประศาสนศาสตร์, (กรุงเทพมหานคร: บริษัท
บพิธีการพิมพ,์ ๒๕๕๐).
๓๐ วสันต์ สุวรรณ, “การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบล: ศึกษา
เฉพาะกรณีตําบลหนองจ๊อม อาํ เภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่”, วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการเมือง
และการปกครอง, (บัณฑติ วทิ ยาลัย: มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม,่ ๒๕๔๗).