เร่อื ง การสรา้ งสัมพันธภาพทีด่ ี
จัดทำโดย
น.ส.พรลดา แกน่ แจ่ม
ปวช.1ชอ1 รหสั 64201050013
เสนอ
อาจารย์ ชุตกิ าญจน์ ทาเอ้ือ
วทิ ยาลยั เทคนิคลพบุรี
บทที่ 3
การสรา้ งสัมพันธภาพทีด่ ี
พัฒนาการทางสังคมและความคดิ ความเข้าใจของ
แตล่ ะบุคคลพัฒนาขึน้ จากการมีสัมพันธภาพกบั ผู้
อ่ืน เอกลกั ษณ์ของแตล่ ะบุคคล ความสำเรจ็ ใน
อาชีพ และสุขภาพทางจิต ลว้ นไดร้ บั ผลกระทบ
จากสัมพันธภาพระหวา่ งบุคคล มนุษย์แตล่ ะคนจะ
ถกู หลอ่ หลอมจากประสบการณ์ ความคดิ ความ
เช่ือ ทัศนคติ และคา่ นิยมทีแ่ ตกตา่ งกนั ดงั น้ันการเช่ือมโยงความสัมพันธ์
ระหวา่ ง 2 คนจึงตอ้ งมีทักษะการสรา้ งสัมพันธภาพทีด่ รี ะหวา่ งกนั
ความหมายและความสำคญั ของสัมพันธภาพ
สัมพันธภาพ (Relationship) หมายถงึ ความสัมพันธ์อันดี ระหวา่ งบุคคล
อันจะทำใหเ้ กดิ ความรกั ความนับถอื ความรว่ มมือ สามารถอยู่รว่ มกนั กับ
บุคคลอ่ืนไดอ้ ย่างมีความสุข
ในการมีสัมพันธภาพทีด่ นี ้ันควรเร่มิ จากการทำความเข้าใจตนเองและ
ปรบั ปรุงข้อบกพรอ่ งของตนเองกอ่ นทีจ่ ะมีสัมพันธภาพทีด่ กี บั ผู้อ่ืน ซึ่งความ
เข้าใจตนเองคอื การมองตนเอง แบ่งได้ 2 ประเภท ดงั นี้
1. ตนตามอุดมคติ (Ideal Self) หมายถงึ ตนทีเ่ ราอยากเป็น
2. ตนทีต่ นเองรบั รูแ้ ละตนทีค่ นอ่ืนรบั รู้ (Perceived) มี 2 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่
2.1 ตนทีต่ นรบั รู้ หมายถงึ การทีเ่ รามองตวั เองวา่ เป็นอย่างไร
2.2 ตนทีค่ นอ่ืนรบั รู้ หมายถงึ การทีค่ นอ่ืนมองเราวา่ มีลกั ษณะอย่างไร
3. ตนทีเ่ ป็นจรงิ (Real Self) หมายถงึ สภาพทีแ่ ท้จรงิ ของบุคคล บางคร้งั
บุคคลไม่รูจ้ ักตนเองดพี อจึงแสดงพฤตกิ รรมทีไ่ ม่เหมาะสม
หลกั พ้ืนฐานในการสรา้ งสัมพันธภาพ
1. การมีวตั ถปุ ระสงคร์ ว่ มกนั
2. การเคารพในสิทธิและความเป็นส่นตวั ของบุคคล
3. โครงสรา้ งและแบบแผนของสัมพันธภาพ
4. องคป์ ระกอบของการตดิ ตอ่ ส่ือสาร
5. การรูจ้ ักตนเองและส่ิงแวดลอ้ มอย่างถอ่ งแท้
6. การหว่ งใยในความรูส้ ึกของคนอ่ืน
7. การซ่ือสัตย์ตอ่ ตนเองและผู้อ่ืน
กลวธิ ีการสรา้ งมนุษยสัมพันธ์
การมีความสัมพันธ์อันดกี บั ผู้อ่ืนเป็นส่ิงจำเป็นในการมีชีวติ อยู่ของมนุษย์
มนุษย์แตล่ ะคนจะถกู หลอ่ หลอมจากประสบการณ์ใหม้ ีความคดิ ความเช่ือ
ทัศนคติ และคา่ นิยมทีต่ า่ งกนั
ความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ระหวา่ งคนสองคนจะเป็นสัมพันธภาพทีด่ ตี อ่ กนั
ตอ้ งอาศัยคณุ ลกั ษณะสำคญั
การจรงิ ใจ หมายถงึ การไม่เสแสรง้ ในการแสดงออกถงึ ความคดิ ความ
รูส้ ึก และทัศนคตขิ องตนเอง
นอกจากนี้การสรา้ งมนุษยสัมพันธ์ควรทำดว้ ยวธิ ีตา่ งๆ ใหเ้ หมาะสมกบั
สถานการณ์ เวลา และบุคคล มีหลกั การดงั นี้
1. การสรา้ งความรูส้ ึกทีด่ ใี หก้ บั ตนเอง
2. ใช้เทคนิคการสนทนาดพ่ือสรา้ งมนุษยสัมพันธ์
2.1 การสนทนาใหเ้ กดิ ความอุ่นใจ (Rapport)
2.2 การใช้คำถาม (Asking Skill)
2.3 การฟัง (Listening skill)
2.4 การทวนคำพูด (Restatement)
3. ทวนคำพูด
4. ทำตวั เป็นผู้ฟังทีด่ ไี ม่ขัดจังหวะและไม่แสดงท่าทางในเชิงซุบซิบนินทา
5. แสดงความรู้ ความคดิ เหน็ ของตนเองพอสมควร
6. ไม่ทำตวั เป็นเจ้าปัญหา
7. ควรสนทนากบั ทุก ๆ คน ไม่ควรเจาะจงสนทนากบั ใครคนหนึง่
ทักษะการสรา้ งสัมพันธภาพทีด่ ี
ทักษะการสรา้ งสัมพันธภาพทีด่ ี เป็นทักษะทีช่ ่วยใหบ้ ุคคลมีความสัมพันธ์ทีด่ ี
ตอ่ กนั สมารถรกั ษาและดำรงไวซ้ ึ่งความสัมพันธ์อันดกี บั ผู้อ่ืน มีดงั นี้
1. การเปิดเผยตนเอง (Self Disclosure)
2. ความไวใ้ จ (Trust)
3. ทักษะการส่ือสารความเข้าใจ
การฟังเป้นทักษะพ้ืนฐานทีส่ ำคญั ในการสรา้ งสัมพันธภาพระหวา่ งบุคคล
ปฏบิ ัตไิ ดด้ งั นี้
1. ส่ือสารโดยการใช้วาจาหรอื คำพูด
2. ส่ือสารผ่านการใช้น้ำเสียง สีหน้า และท่าทาง
การฟังทีม่ ีประสิทธิภาพ จะทำใหเ้ ข้าใจความหมายทีแ่ ท้จรงิ ของสารทีผ่ ู้
พูดเจตนาจะส่ือหรอื พยายามทีจ่ ะหลบซ่อน กลบเกล่อื นโดยใช้คำทีไ่ ม่
ตรงกบั ใจ แตส่ ีหน้าท่าทางจะไม่สามารถปิดบังได้
การฟังทีไ่ ม่มีประสิทธิภาพ เช่น การฟังทีค่ ดิ วเิ คราะหล์ ว่ งหน้าวา่ คน
พูดจะพูดวา่ อะไร หาคำแนะนำและหนทางออกไวใ้ ห้ หรอื ต้งั ข้อสังเกต
เป็นวธิ ีหนึง่ ของการส่ือสารดว้ ยเสียง ภาษา และกริ ยิ าท่าทาง เพ่ือใหผ้ ู้
ฟังรบั รูเ้ ข้าใจตรงตามจุดประสงคข์ องผู้พูด หลกั พูดทีด่ ตี อ้ งคำนึงถงึ ส่ิง
ตา่ ง ๆ ดงั น้ัน
1. การใช้ภาษ ถอ้ ยคำเข้าใจง่าย
2. ออกเสียงพูดชัดเจน ดงั พอประมาณ
3. สีหน้า ท่าทางย้ิมแย้มแจ่มใส เป็นกนั เอง
4. ทักทายผูกมิตร การเข้าไปพูดคยุ ใหค้ วามสนใจ
5. พูดเร่งื ใกลต้ วั ทีเ่ ป็นเร่อื งสนุกสนานดว้ ยท่าทางและกริ ยิ านุ่มนวล
6. การถามเป็นการแสดงความสนใจและใส่ใจผู้อ่ืนวธิ ีหนึง่
7. มีอารมณ์ขัน คนทีพ่ ูดคยุ ดว้ ยความสนุกสนานจะทำใหเ้ กดิ
สัมพันธภาพทีด่ แี ละสัมพันธภาพทีเ่ รว็ ขึน้ ดว้ ย
8. ความจรงิ ใจเป็นหวั ใจสำคญั ของการสรา้ งสัมพันธภาพ การไม่
เสแสรง้ ในการแสดงออกถงึ ความคดิ ความรูส้ ึก