The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเล่มเล็กมหาเวสสันดรชาดก ตอนกัณฑ์มัทรี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pattranit070947, 2021-09-18 11:03:23

หนังสือเล่มเล็กมหาเวสสันดรชาดก ตอนกัณฑ์มัทรี

หนังสือเล่มเล็กมหาเวสสันดรชาดก ตอนกัณฑ์มัทรี

กัณฑ์มัทรี
มหาเวสสันดรชาดก

จัดทำโดย

น.ส.ศิรภัสสร ประสิทธิ์สารปรีชา
ม.๕/๖ เลขที่ ๓๓

เสนอ

อ.อัจฉรา แดงอินทวัฒน์

คำนำ

หนังสือเล่มนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่ อเป็นส่วนหนึ่งของวิชาท๓๒๑๐๑
ภาษาไทย เรื่องมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรี ในเนื้อหาประกอบด้วย
ประวัติผู้แต่ง ที่มา ลักษณะคำประพันธ์ เนื้อเรื่องและคุณค่าต่างๆที่ได้
รับจากเนื้อหา นับเป็นเรื่องที่ให้ประโยชน์อย่างยิ่งและให้แง่คิดในการ
ดำรงชีวิต โดยเฉพาะการแสดงถึงความรักความห่วงใยของมารดาที่มี
บุตร

ผู้จัดทำได้พยายามค้นคว้าและคัดสรรความรู้พร้อมทั้งสอด
แทรกแนวคิด ประสบการณ์ส่วนตัวไว้ในความเรียง และการแต่งร่ายยาว
ความกตัญญู หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มเล็กฉบับนี้คงมีประโยชน์
แก่ผู้ที่ได้ศึกษา ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ศิรภัสสร ประสิทธิ์สารปรีชา
ผู้จัดทำ

สารบัญ หน้า

-เจ้าพระยาพระคลังหน ๑
-ที่มามหาเวสสันดรชาดก ๒
-จุดประสงค์ในการแต่ง ๒
-ลักษณะคำประพั นธ์ ๓
-ตัวละครหลัก ๔-๕
-เรื่องย่อกัณฑ์มัทรี ๖-๗
-คุณค่าเนื้อหา ๘
-คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๘-๑๑
-คุณค่าด้านสังคม ๑๑
-ข้อคิดและการนำไปใช้ ๑๒
-การแต่งคำประพั นธ์ ๑๓
-บรรณานุกรม ๑๔

เจ้าพระยาพระคลัง(หน)

ชีวประวัติ

เจ้าพระยาพระคลัง(หน) เป็นกวีเอกท่านหนึ่งในสมัยรัตนโกสินทร์
ตอนต้น เกิดในปี พ.ศ. ใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่มีการสันนิษฐาน
ว่าท่านน่าจะเกิดในช่วงกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และถึงแก่อสัญกรรม
เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๔๘ ในสมัยรัชกาลกาลที่ ๑ รายละเอียดทางด้านประวัติ
ของท่านปรากฏหลักฐานไม่มากนัก ที่เหลือปรากฏให้เห็นเด่นชัดก็คือ
ผลงานทางด้านวรรณกรรมของท่านนั่นเอง

ผลงาน

ในสมัยรัชกาลที่ ๑ หนังสือที่เจ้าพระยาพระคลัง (หน) มีผลงานที่
สำคัญ ได้แก่ มหาชาติกลอนเทศน์หรือเวสสันดรชาดกกัณฑ์กุมารและ
กัณฑ์มัทรี โดยทั้งสองกัณฑ์นี้นับได้ว่าแต่งได้ดีเยี่ยมไม่มีสำนวนของผู้
ใดสู้ได้แม้กรมพระปรมานุชิตชิโนรสจะได้ทรงนิพนธ์ขึ้นอีกสำนวนหนึ่งใน
ภายหลังก็ยังเว้นกัณฑ์ทั้งสองนี้ เพราะของเดิมดีเยี่ยมอยู่แล้ว



มหาเวสสันดรชาดก

มหาเวสสันดรชาดก เป็นชีวประวัติเรื่องหนึ่งในทศชาติชาดก
กล่าวถึงพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ในการบำเพ็ ญทานบารมี
ก่อนจะทรงอุบัติเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุ ทธเจ้า มีชื่อเรียกอีกอย่าง
ว่า "มหาชาติชาดก" ในการเทศนา เรียกว่า "เทศน์มหาชาติ"

มหาเวสสันดรชาดก ปรากฏอยู่ในพระสุตตันตปิฎก ขุททก
นิกาย มหานิบาต ในหัวข้อทศชาติชาดก ยังปรากฏการกล่าวถึงใน
คัมภีร์ชินมหานิทาน พุ ทธจริยา และพุ ทธตำนาน และพบภาพสลักใน
สถูประยะแรก อย่าง สถูปสาญจีและภารหุต ในช่วงพุ ทธศตวรรษ
ที่๔-๕

มหาเวสสันดรชาดก ประกอบด้วยทั้งหมด ๑๓ กัณฑ์ ๑,๐๐๐ คาถา

๑. กัณฑ์ทศพร ทานกัณฑ์
๒. กัณฑ์หิมพานต์
๓. กัณฑ์ทานกัณฑ์ เพื่อใช้ในการเทศนามหาชาติ ดังที่
๔. กัณฑ์วนปเวศน์ ปรากฏหลักฐานในจารึกนครชุม
๕. กัณฑ์ชูชก และในสมัยอยธุยาก็มีการสวด
๖. กัณฑ์จุลพน มหาชาติคำหลวงในวันธรรมสวนะ
๗. กัณฑ์มหาพน ส่วนการเทศน์มหาชาติมีความเชื่อ
๘. กัณฑ์กุมาร ว่าการฟังมหาชาติจบภายในวัน
๙. กัณฑ์มัทรี
๑๐. กัณฑ์สักกบรรพ เดียวจะได้รับอนิสงค์มาก
๑๑. กัณฑ์มหาราช
๑๒. กัณฑ์ฉกษัตริย์ ๒
๑๓. กัณฑ์นครกัณฑ์

จุดประสงค์ในการแต่ง

ลักษณะคำประพั นธ์

มหาเวสสันดรชาดก มีลักษณะคำประพันธ์ประเภท ร่ายยาว

ร่ายยาว คือ ร่ายที่ไม่กำหนดจำนวนวรรคในบท (มากกว่าหรือ
เท่ากับ ๕ วรรค) และจำนวนคำในวรรคหนึ่งๆ (มากกว่าหรือเท่ากับ
๕ คำ) โดยแต่ละวรรคจึงอาจมีคำน้อยมากแตกต่างกันไป การสัมผัส
คำสุดท้ายของวรรคหน้าสัมผัสกับคำหนึ่งคำใดในวรรคถัดไป จะแต่ง
สั้นยาวเท่าไรเมื่อจบนิยมลงท้ายด้วยคำว่า แล้วแล นั้นแล นี้เถิด โน้น
เถิด ฉะนี้ ฉะนั้น ฯลฯ เป็นต้น

ตัวอย่างคำประพันธ์ร่ายยาว ตอนกัณฑ์มัทรี

“...จึ่งตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยจะมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งไปเสีย
แล้ว หรือกระไรไม่รู้เลย พระพายราเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้
อ่อนหิวสุดละห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตาม
เจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย
ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเหงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุก
แห่งห้องหิมเวศทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุด
โสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสาเนียง สุดสุรเสียง ที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง
สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื้องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุด
ค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย จึ่ง
ตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอ๋ย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไป
เกิดอื่นเหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล.....”



ตัวละครหลัก

พพรระะเเววสสสสัันนดดรร เป็นพระราชโอรส พระเวสสันดร
ของพระเจ้าสัญชัยและพระนางผุสดี
แห่งแคว้นสีพี เมื่อแรกประสูติพระ
กุมารทูลขอทรัพย์จากพระมารดา
เพื่อให้ทานทันที ครั้นทรงเจริญวัย
และได้สืบทอดราชสมบัติจากพระ
ราชบิดา พระเวสสันดรทรงสั่งให้ตั้ง
โรงทานถึง ๖ แห่ง ทั่วทั้งพระนคร
และยังทรงพระราชทานช้างเผือก
มงคลปัจจัยนาคให้แก่คณะปุโรหิต
จากแคว้นกาลิงครัฐ เพื่อช่วยแก้
ปัญหาภัยแล้ง

การบริจาคของพระเวสสันดรทำให้ชาวเมืองสีพี ไม่พอใจและต้อง
ออกจากแคว้น เนื่องจากพระเวสสันดรชอบทำทานทรงขอโอกาส
บริจาคทานอีกครั้งก่อนออกเดินทางโดยทรงกระทำ “สัตตสดกมหา
ทาน” ซึ่งเป็นการให้วัตถุทาน ๗ ชนิด ชนิดละ ๗๐๐ แก่ชาวเมือง

จากตอนกัณฑ์มัทรี แสดงให้เห็นว่าพระเวสสันดรเป็นผู้ชอบทำ
ทานเนื่องจากพระเวสสันดรได้พระราชทานพระกุมารทั้งสองให้แก่ชูชก
เพื่อบำเพ็ญทานบารมี และยังบอกให้พระนางมัทรีตั้งจิตให้โสมนัส
ศรัทธาในทางอันก่อกฤดาภินิหารทานบารมีอีกด้วย



ตัวละครหลัก

พระนางมัทรี พพรระะนนาางงมมััททรรีีเป็นพระราช
ธิดาในตระกูลมาตุลราชวงศ์แห่ง
กรุงมัทราช เมื่อเจริญพระชันษา
ได้อภิเษกกับพระเวสสันดร โอรส
ของพระเจ้ากรุงสญชัยและ
พระนางผุสดีผู้ครองนครสีพี เมื่อ
พระเวสสันดรได้รับราชสมบัติจาก
พระราชบิดาพระนางมัทรีจึงอยู่ใน
ฐานะพระราชินีแห่งกรุงสีพี และมี
พระโอรสและพระธิดา ๒ องค์ คือ
พระชาลีและพระกัณหา

บทบาทในฐานะมารดา พระนางมัทรีมีความรักและความเป็นห่วง
พระโอรสและพระธิดา ๒ องค์อย่างมากเห็นได้ชัดจากตอนกัณฑ์มัทรี
พระนางมัทรีเข้าไปป่าเพื่อหาอาหารกลับมาให้พระโอรส พระราชธิดาและ
พระสวามี ตลอดทางก็มีการรำพึงรำพันถึงพระโอรสและพระธิดาอยู่
เสมอเนื่องจากเป็นห่วง เมื่อกลับมาถึงไม่พบพระชาลีและพระกัณหา
พระนางมัทรีเศร้าเสียใจรีบออกตามหาที่ที่พระลูกน้อยเคยไปเที่ยวเล่น

บทบาทในฐานะภรรยา พระนางมัทรีจงรักพักดีต่อพระสวามี
ซื่อสัตย์และคอยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพระเวสสันดรมาโดยตลอด เห็นได้
จากตอนกัณฑ์มัทรี ในตอนที่พระเวสสันดรหวังในนางดับทุกข์จึงแกล้ง
บริภาษว่าพระนางมัทรีลอบคบชายอื่นจึงกลับมาช้าแต่พระนางมัทรีทรง
ยืนยันความภักดีแม้จะทรงตัดพ้ออยู่บ้างแต่ก็ไม่ทรงโกรธ และเมื่อพระ
เวสสันดรบอกพระนางเรื่องที่ยกพระกุมารทั้งสองเป็นทานให้แก่ชูชก
พระนางก็ร่วมอนุโมทนาในการบำเพ็ ญทานบารมีของพระเวสสันดรด้วย
ความจงรักภักดี



เรื่องย่อกัณฑ์มัทรี

ในคืนก่อนพระนางมัทรีจะเสด็จเข้าป่าเก็บผลไม้พระนาง
ฝันร้ายและให้พระเวสสันดรทำในฝันให้แต่นางก็ยังไม่สบาย
พระทัยก่อนเข้าป่าพระนางทรงฝากพระโอรสและพระธิดาแก่
พระเวสสันดรให้ช่วยดูแลให้ดี เมื่อพระนางมัทรีเข้าป่าก็แปลก
ใจผลไม้ไม่มีให้เก็บเหมือนแต่ก่อนทั้งแปดทิศก็มืดฟ้าก็แดง
กลายเป็นสายเลือดจึงรีบเก็บผลไม้ หลังจากพระเวสสันดร
ประทานพระชาลีและพระกัณหาให้แก่ชูชกไปแล้วบรรดาเทพ
กลัวว่าพระนางจะทุกข์โศกหากกลับออกจากป่าเร็วก็จะไป
ตามพระกุมารทั้งสองคืนทำให้บำเพ็ ญทานบารมีไม่สำเร็จ
พระอินทร์จึงสั่งให้เทพยบาลทั้ง ๓ องค์แปลงกายเป็นพญา
ไกรสรราชสีห์ พญาเสือโคร่งและพญาเสือเหลือง ไปขวาง
ทางพระนางมัทรี พระนางมัทรีไหว้ขอวอนขอแบ่งผลไม้ให้
พญาฬมฤคาราชนำกลับไปให้ภรรยาและลูกเมื่อพญาฬมฤคา
ราชเห็นน้ำตานึกสงสารจึงเปิดทางให้ เมื่อกลับมาถึงอาศรม
ไม่พบพระกัณหาและพระชาลีพระนางก็โศกเศร้าเสียใจพระ
เวสสันดรเห็นพระนางมัทรีเป็นทุกขว์มากจึงหาวิธีตัดความ
ทุกข์โศกด้วยการแกล้งกล่าวหานางว่าคิดนอกใจคบหากับ
ชายอื่น จึงกลับมาถึงอาศรมในเวลาดึก เพราะทรงเกรงว่าถ้า
บอกความจริงในขณะที่พระนางกำลังโศกเศร้าหนักและกำลัง
อ่อนล้าพระนางจะเป็นอันตรายได้ พระนางมัทรีก็ได้อธิบาย
เหตุผลด้วยความจงรักภักดีต่อพระเวสสันดรและขอออก
มาตามหาพระลูกน้อยน้อยทั้งสอง



เรื่องย่อกัณฑ์มัทรี

พระนางมัทรีออกตามหาพระกัณหาและพระชาลีตาที่พระลูก
น้อยทั้งสองเคยไปเที่ยวเล่นอยู่เป็นประจำแต่ฏ็หาไม่พบ
หลังจากตามหามานานพระนางมัทรีเริ่มอิดโรยเพราะไม่ได้
รับประทานอะไรเลยจึงเป็นลมล้มลงไป เมื่อพระเวสสันดรมา
พบก็รีบเข้าไปดู พระนางมัทรีเริ่มได้สติก็รีบถามพระ
เวสสันดรจึงตรัสประภาษว่า “อันสองกุมารนี้พี่ให้เป็นทาน
แก่พราหมณ์แต่วันวานนี้แล้ว” และพระเวสสันดรยังขอให้
พระนางมัทรีโสมนัสศรัทธาในทางอันก่อกฤดาภินิหาร
ทานบารมีอีกด้วย พระนางจึงขออนุโมทนาด้วยปิยบุตร
ทานบารมี



คุณค่าของเรื่อง

คุณค่าด้านเนื้อหา

คำประพันธ์ : ร่ายยาว โดยมีขุดเด่น คือ มีคาถาบาลีขึ้น
ต้น

สาระสำคัญ :แสดงถึงความรักของแม่คือที่มีต่อลูก เมื่อลูก
ไกลตัวก็เป็นห่วงตลอดเวลาและไม่อยากที่จะห่างไกลลูก
ความรู้ : การกราบแบบทศนัขเบญจางค์ คือ การกราบ
แบบเบญจางคประดิษฐ์ , เบญจางคจริต คือ ลักษณะ
หญิงงาม ๕ ประการ ได้แก่ ผมงงาม เนื้องาม ฟันงาม ผิว
งาม และวัยงาม , การให้ทานมี ๒ ประเภท ได้แก่ ทาน
ภายนอก และทานภายใน

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

โวหาร : บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร อุปมาโวหาร
อธิบายโวหาร เทศนาโวหาร
ตัวอย่าง อุปมาโวหารที่ปรากฏ
“…พระกายนางให้เสียวสั่นหวั่นไหวไปทั้งองค์ ดุจชายธงอัน
ต้องกำลังลมอยู่ลิ่วๆ สิ้นพระแรงโรยเธอโหยหิวระหวยทรวง
พระศอเธอหงุบง่วงดวงพระพั กตร์เธอผิดเผือดให้แปรผัน
จะทูลสั่งก็ยังมิทันที่ว่าจะทูลเลย…”
ตัวอย่าง พรรณาโวหารที่ปรากฏ
“…จึ่งตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยจะมิดึกดื่นจวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่ง
ไปเสียแล้วหรือกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่
เฉื่อยฉิวอกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดละห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อย
ลงลับไม้…”



คุณค่าด้านวรรณศิลป์

ภาพพจน์ : อุปมา อุปลักษณ์ นามนัย อติพจน์ สัทพจน์
บุคคลวัต ปฏิปัจฉา คำอัพภาส
ตัวอย่าง อุปมาที่ปรากฏ
“…เท้าเทอก็ขังขึงตึงพระองค์ดูเหมือนทรงพระขัดเคืองเต็มเดือด
ด้วยอันใด นางฏ้เศร้าสร้อยสลดพระทัยดั่งเอาเหล็กแดงมาแทง
หัวใจให้เจ็บจิตนี่เหลือทน…”
ตัวอย่าง นามนัยที่ปรากฏ พระลูกแก้ว หมายถึง พระกัณหาและพระชาลี
“…ทั้งเวลาก็เย็นลงเย็นลงไรๆ จะค่ำแล้ว ยังไม่เห็นหน้าพระลูกแก้ว
ของแม่เลย อกเอ๋ยจะทำไฉนดีจึ่งจะได้วิถีที่จะควรไล…”
ตัวอย่าง อติพจน์ที่ปรากฏ ไม่ห่างสักหายใจ
“…แม่สู้พยาบาลบำรุงเจ้าแต่เยาว์มา เจ้ามิได้ห่างพระมารดาสักหายใจ
โอความเข็ญใจในครั้งนี้นี่เหลือขนาด…”
ตัวอย่าง บุคคลวัตรที่ปรากฏ อาศรมมีอาการเศ้าโศก
“…โหยสำเนียงดั่งเสียงสังคีตขับประโคมไพร โอเหตุไฉนเหงา
เงียบเมื่อยามนี้ ทั้งอาศรมก็หมองศรีเหมือนหนึ่งว่าจะเศร้าโศก…”
ตัวอย่าง ปฏิปุจฉาที่ปรากฏ
“…ปานประหนึ่งว่าจะหลงลืมถูกสละผัวต่อมืดมัวจึ่งกลับมา ทำเป็น
บีบน้ำตาตีอกว่าลูกหาย ใครยะใหม่แยบคายความคิดหญิง ถ้าแม้น
เจ้าอาลัยอยู่ด้วยลูกจริงๆ เหมือนวาจา…”



คุณค่าด้านวรรณศิลป์

ลีลาการประพันธ์ : เสาวรจนี พิโรธวาทัง ศัลปังคพิสัย
ตัวอย่าง เสาวรจนีที่ปรากฏ

“…พร้อมด้วยเบญจางคจริตจำเริญโฉมประโลมโลกล่อแหลม
วิไลลักษณ์…”
ตัวอย่าง ศัลปังคพิสัยที่ปรากฏ
“…ทรงพระกันแสงโศกาไห้พิไรร่ำว่ากรรมเอ๋ยกรรม กรรม
ของมัทรี โอเวลาปานฉะนี้พระลูกน้อยจะคอยหา…”

รสในวรรณคดี : รุทธรส ศฤงคารรส ภยานกรส อัพภูตรส
ตัวอย่าง รุทธรสที่ปรากฏ

“…เมื่อได้สดับคำพระราชสามีบริภาษณานาง ที่ความโศกก็เสื่อมสร่าง
สงบจิตเพราะเจ็บใจ จึ่งก้มพระเศียรลงกราบไหว้แล้ววันทนาพลาง…”
ตัวอย่าง อัพภูตรสที่ปรากฏ
“…เหตุไฉนไม้ที่มีผลเป็นพุ ทมพวงก็กลายกลับเป็นดอกดวง
เดียรดาษอนาถเนตร แถวโน้นก็แก้วเกดพิกุลแกมกับกาหลง…”

การเล่นคำ : คำไวพจน์ การซ้ำคำ
ตัวอย่าง คำไวพจน์ที่ปรากฏ เถื่อน หมายถึง ป่า พร้า หมายถึง มีด

“…พบดอกไม้อันวิเศษต้องประสงค์หลงเคล้าคลึงรสจึงลืมรัง
เข้าเถื่อนเจ้าลืมพร้าได้หน้าแล้วลืมหลังไม่แลเหลียวเที่ยวทอด
ประทับมากลางทาง…“

๑๐

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

การเล่นเสียง : สัมผัสพยัญชนะ สัมผัสสระ
ตัวอย่าง สัมผัสพยัญชนะที่ปรากฏ

“…เดินมาโดยด่วนพอประจวบจวนพญาพาฬมฤคราช สะดุ้ง
พระทัยไหวหวาดวะหวีดวิ่งวน…”

คุณค่าด้านสังคม

สังคม : มีการปกครองแบบกษัตริย์ เมื่อผู้หญิงแต่งงานก็
เหมือนเป็นของสามีหากสามีไปไหนภรรยาก็ต้องตามไปด้วย
เหมือนที่
พระนางมัทรีต้องจากเมืองมาอยู่ในป่ากับพระเวสสันดรผู้เป็น
พระสวามี ผู้หญิงเป็นคนหาข้าวหาน้ำให้คนในบ้านดังที่พระนางมัท
รีต้องเข้าป่าไปหาผลไม้มาเป็นอาหารนอกจากนี้ฝ่ายหญิงต้องรัก
และเทิดทูนสามีเหมือนพ่อแม่ดูและเสมือนเป็นเหมือนพ่อมี ใน
กัณมัทรียังแสดงให้เห็นถึงการนับเวลาที่ใช้คำว่าปฐมยามซึ่ง
หมายถึงยามแรกตามบาลีที่แบ่งกลางคืนมี ๓ ยาม ยามหนึ่งมี ๔
ชคั่ววโามมงเชื่อ : ในตอนกัณฑ์มัทรีแสดงความเชื่อเรื่องของกรรม
จากที่พระนางมัทรีร่ำไห้และกล่าวว่าเป็นกรรมของนางจำทำให้
หาพระลูกน้อยทั้งสองไม่พบ และยังแสดงถึงความเชื่อเรื่อง
การทำบุญทำทาน จากที่พระเวสสันดรและพระนางมัทรีร่วม
กันทำปิยบุตรทานบารมีซึ่งเป็นบุญอันยิ่งใหญ่

ประเพณี : การจัดงานศพที่พระเวสสันดรกล่าวถึงเนื่องจากเข้าใจผิด
ว่าพระนางมัทรีจากไปแล้ว

๑๑

ข้อคิดและการนำไปใช้

ข้อคิดมหาเวสสันดรชาดก สามารถมองได้หลายประเด็นอันเกิด
จากความรักของผู้เป็นแม่จึงขอหยิบยกประเด็นที่ว่าแม่เป็นผู้ที่รัก
และเป็นห่วงลูกมากจนสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่ อนลูกเหมือนที่
พระนางมัทรีรักและเป็นห่วงพระกัณหาและพระชาลีอยากที่จะรีบ
กลับไปหาเมื่อกลับมาหาไม่พบก็รีบออกตามหาจนเป็นลมล้มไป
สามารถนำกลับมาในชีวิตจริงได้นั่นคือแม่ของเราก็รักและเป็น
ห่วงเรามากและสามารถทำทุกอย่างได้เพื่ อให้บุคคลที่เป็นลูกนั้น
สุขสบายซึ่งไม่เพี ยงแต่แม่ที่รักเเละเป็นห่วงเราแต่พ่ อก็ยังรักและ
เป็นห่วงเรามากเหมือนกันสิ่งเล็กๆที่พ่ อแม่ทำให้เราแต่เราไม่ได้
ใส่ใจ มองข้ามหรือไม่ถูกใจสามารถเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
ได้ ทุกคำที่คอยพร่ำสอนถึงจะไม่ถูกใจเราบ้างจนทะเลาะกันแต่สิ่ง
ที่ควรนึกถึงเสมอ คือ ความกตัญญู อย่าลืมที่จะทดแทนบุญคุณ
ท่าน ไม่เพียงแค่เป็นคนดีหรือทำตามที่พ่อแม่สอนแต่ต้องรักท่าน
และดูแลเอาใจใส่ด้วยความรักเหมือนที่ท่านมอบให้เรา

๑๒

แต่งคำประพั นธ์ประเภทร่ายยาว

ถึงผู้มีพระคุณ

พ่อแม่ผู้เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ห่วงใยแห่งรักที่โอบอ้อม
แนบเนื้อนอบน้อมให้เป็นคนดี บัดนี้ที่โตขึ้นด้วยความรัก ลูกขอ
คำนับกราบลงตักของพ่อแม่ สำนึกในรักแท้คอยตอบแทน
บุญคุณท่าน คอยสืบสานวงตระกูลด้วยความดี ขอพ่อแม่นี้
ให้สุขสบายในยามแก่ และขอดูแลท่านเอยไม่ให้ไกลตัวและ
เหินห่าง จนเท้าท่านเยื้องย่างขึ้นสุขาวดีฉะนี้แล

๑๓

บรรณานุกรม

บุญกว้าง ศรีสุทโธ. (๒๕๖๔). มหาเวสสันดร
ชาดก(กัณฑ์มัทรี). สืบค้นเมื่อ ๒๙ สิงหาคม
๒๕๖๔,
จากhttps://sites.google.com/a/htp.ac.th/m
ha-wessandr-chadk-kanth-math-ri/8-1-
Skihtuens.-gkohoag-dlea.cno-nme.u(๒-h๕a๖๔). ผู้แต่งพระเวสสันดร
ชาดกกัณฑ์มัทรี. สืบค้นเมื่อ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๔,
จากhttps://sites.google.com/site/kanipa03
1/prawati-phu-taeng

Wikipedia. (๒๕๖๔). มหาเวสสันดรชาดก.สืบค้นเมื่อ
๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๔,
จากhttps://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%
A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E
0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B
8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%A3
%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0
%B8%81




๑๔


Click to View FlipBook Version