The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเล่มเล็ก มหาเวสสันดรชาดก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pattranit070947, 2021-09-18 09:46:41

หนังสือเล่มเล็ก มหาเวสสันดรชาดก

หนังสือเล่มเล็ก มหาเวสสันดรชาดก

ม หาเ วสสั น ด รช าด ก
กั ณฑ์ มั ทรี

จัดทำโดย
นางสาวภัทรานิษฐ์ อยู่ประเสริฐ ม.๕/๖ เลขที่ ๑๘



เสนอ
อาจารย์อัจฉรา แดงอินทวัฒน์



หนังสือเล่มเล็กนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทย

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕

คำนำ

หนังสือเล่มเล็กฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบ
การเรียนวิชาท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย เรื่องมหาเวสสันดร
ชาดกกัณฑ์มัทรี ในเนื้อหาประกอบด้วย ประวัติผู้แต่ง
ลักษณะคำประพันธ์ ที่มา เนื้อเรื่อง คุณค่าต่างๆที่
ได้รับจากเนื้อหา นับเป็นเรื่องที่ให้ประโยชน์อย่างยิ่ง
โดยเฉพาะการแสดงถึงความรัก ความผูกพันของ
ผู้เป็นแม่ที่มีต่อลูก

ผู้จัดทำได้พยายามค้นคว้าและคัดสรรความรู้
พร้อมทั้งสอดแทรก แนวคิด ประสบการณ์ส่วนตัว
ไว้ในความเรียง และการแต่งร่ายยาวความ กตัญญู
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มเล็กฉบับนี้คงมีประโยชน์
แก่ผู้ที่ได้ ศึกษาบ้างพอสมควร ขอขอบคุณมา
ณ โอกาสนี้

สารบัญ ๑

๑.ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ๓
๑.๑.ประวัติผู้แต่ง ๔-๕
๑.๒.ที่มาของเรื่อง ๖
๑.๓.ลักษณะคำประพันธ์


๒.ตัวละคร ๘-๙
๓.เนื้อเรื่องย่อ ๑๐
๔.คุณค่าของเรื่อง ๑๑
๑๒
๔.๑.ด้านเนื้อหา ๑๓
๔.๒.ด้านวรรณศิลป์
๔.๓.ด้านสังคม
๕.การนำข้อคิดจากเรื่องไปใช้
๖.แต่งคำประพันธ์จากร่ายยาว
๗.แหล่งที่มา

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง

ประวัติผู้แต่ง

ผู้แต่ง เจ้าพระยาพระคลัง (หน)

ประวัติผู้แต่ง
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ตอนปลาย แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รับราชการ
เป็นหลวงสรวิชิต แล้วไปเป็นนายด่านเมืองอุทัยธานี
ในสมัยรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้เลื่อน
เป็นพระยาพิพัฒน์โกษาและเจ้าพระยาพระคลัง
เสนาบดีจตุสดมภ์กรมท่า ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๔๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๑
เจ้าพระยาพระคลังเป็นกวีเอกที่มีผลงานจำนวนมาก
ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง เช่น ร่ายยาวมหาเวสสันดร
ชาดก กัณฑ์กุมาร และกัณฑ์มัทรี สามก๊ก ราชาธิราช
กากีคำกลอน เป็นต้น



ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง

ที่มาของเรื่อง

เรื่องมหาเวสสันดรชาดกเป็นพุทธดำรัสที่
สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสแก่ภิกษุสงฆ์ขีณาสพ
สองหมื่นรูป และพระประยูรญาติที่นิโครธารามหา
วิหารในนครกบิลพัสดุ์ในคราวเสด็จโปรดพระเจ้า
สุทโธทนะพุทธบิดาและพระวงศ์ศากยะ บรรดาล
พระประยูรญาติไม่ปรารถนาจะทำความเคารพ
พระองค์ด้วยเห็นว่าอายุน้อยกว่า พระองค์ทรงทราบ
ความคิดนี้จึงทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ (เป็พระพุทธ
รูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับบนบัลลังก์ ห้อพระบาท
ทั้งสองวางบนดอกบัวที่รองรับพระชานุ (เข่า) ยกตั้ง
แบบประทับบนพระเก้าอี้ พระหัตถ์ซ้ายวางบน
พระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ
(อก) จีบนิ้วพระหัตถ์ (มือ) โดยเสด็จขึ้นเบื้องนภา
อากาศ แล้วปล่อยให้ฝุ่นละอองธุลีพระบาทตกลงสู่
เศียรของพระประยูรญาติทั้งหลาย พระประยูรญาติ
จึงได้ละทิ้งทิฐิแล้วถวายบังคพระพุทธเจ้าขณะนั้น
ได้เกิดฝนโบกขรพรรษ พระภิกษุทั้งหลายเห็นเป็น
อัศจรรย์จึงได้ทูลถาม พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าฝน
ชนิดนี้เคยตกมาแล้วในอดีต แล้วจึงทรงแสดงธรรม
เรื่องมหาเวสสันดรชาดกหรือเรื่องมหาชาติให้แก่
พระภิกษุและพระประยูรญาติ



ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง

ลักษณะคำประพั นธ์

แต่งเป็นร่ายยาว มีพระคาถาภาษาบาลีนำ และ
พรรณนาเนื้อความโดยมีพระคาถาสลับเป็นตอน ๆ ไป
จนจบกัณฑ์
แผนผังร่ายยาว

การแต่งตำประพันธ์ประเภทร่ายยาว
๑.ไม่มีการกำหนดจำนวนคำในวรรค
๒.คำสุดท้ายของวรรคหน้าสัมผัสกับคำใดคำ
หนึ่งในวรรคถัดไป
๓.ใน ๑ บท จะมีความยาวเท่าใดก็ได้
๔.ตอนจบลงท้ายด้วยคำว่า "นั้นแล"
"นั้นเถิด" "นี้เถิด" "นี้แล" "ฉะนั้น" "ฉะนี้" ฯลฯ



ตัวละคร

พระเวสสันดร

พระเวสสั นดรเป็น
พ ร ะ โ อ ร ส ข อ ง พ ร ะ เ จ้ า
ก รุ ง ส ญ ชั ย แ ล ะ
พ ร ะ น า ง ผุ ส ดี แ ห่ ง
เมืองสี พี มีอุปนิสั ยและ
พ ฤ ติ ก ร ร ม ที่ สำ คั ญ
คื อ ก า ร บ ริ จ า ค ท า น
พระราชกุมารเวสสั นดร
ท ร ง บ ริ จ า ค ท า น ตั้ ง แ ต่ เ กิ ด
ค รั้ น พ ร ะ ช น ม า ยุ ไ ด้ ๔ - ๕ ชั น ษ า
ทรงปลดปิ่ นทองคำและเครื่องประดับเงินทองแก้วเพชร
ให้แก่นางสนมกำนัลทั่วทุกคนถึง๙ครั้งเพื่ อมุ่งหวัง
พ ร ะ โ พ ธิ ญ า ณ ใ น ภ า ย ภ า ค ห น้ า ค รั้ น เ จ ริ ญ ชั น ษ า ไ ด้ ๘ ปี ก็
ท ร ง ตั้ ง จิ ต อ ธิ ษ ฐ า น ว่ า จ ะ บ ริ จ า ค เ ลื อ ด เ นื้ อ แ ล ะ ด ว ง ห ทั ย
เพื่ อมุ่งพระโพธิญาณในกาลข้างหน้าอย่างแน่วแน่
เมื่อมีพระชนมายุ ๑๖ พรรษาก็แตกฉานในศิ ลปวิทยา
1 8 แ ข น ง ไ ด้ เ ส ว ย ร า ช ส ม บั ติ แ ล ะ อ ภิ เ ษ ก กั บ พ ร ะ มั ท รี
ตระกูลมาตุลราชวงศ์ มีพระราชโอรสและพระราชธิดา
คื อ พ ร ะ ช า ลี กุ ม า ร แ ล ะ พ ร ะ กั ณ ห า กุ ม า รี พ ร ะ อ ง ค์ ยิ น ดี ใ น
ก า ร ใ ห้ ท า น ไ ด้ ตั้ ง โ ร ง ท า น ถึ ง ๖ แ ห่ ง ใ น พ ร ะ น ค ร แ ล ะ เ ส ด็ จ
อ อ ก ท อ ด พ ร ะ เ น ต ร ก า ร ใ ห้ ท า น อ ยู่ เ ป็ น เ นื อ ง นิ จ ก า ร ที่ พ ร ะ
เวสสั นดรบำเพ็ ญบารมีโดยการบริจาคทานอยู่เป็นนิจ
แ ส ด ง ถึ ง ค ว า ม เ ป็ น ผู้ มี จิ ต ใ จ ดี ง า ม มี ค ว า ม เ ม ต ต า ก รุ ณ า
และการอดทนอดกลั้นอารมณ์โกรธได้ซึ่ งส่ งผลดีต่อ
ต น เ อ ง คื อ ทำ ใ ห้ ไ ม่ ว้ า วุ่ น ใ จ แ ต่ ถึ ง อ ย่ า ง ไ ร พ ร ะ อ ง ค์ ก็ ยั ง
ค ง มี ค ว า ม ป ร า ร ถ น า เ ห มื อ น กั บ บุ ค ค ล ทั่ ว ไ ป เ ช่ น กั น



ตัวละคร

พระนางมัทรี

พระนางมัทรี
เป็นพระราชธิดา
แห่งกษัตริย์มัทราช
อภิเษกสมรสกับ
พระเวสสันดร
มีพระโอรสชื่อพระชาลี
และมีพระธิดาชื่อ
พระกัณหา
พระนางตามเสด็จ
พระเวสสันดรไปยังเขา
วงกตแม้จะถูกพระเจ้า
กรุงสัญชัยทัดทาน แต่ด้วย
ความจงรักภักดีต่อพระสวามีพระนางก็ไม่ทรงยินยอม
เมื่อพระนางมัทรีตามเสด็จไปเขาวงกต พระนางได้ปฏิบัติ
ต่อพระสวามีและสองกุมาร คือลุกขึ้นแต่เช้า กวาดพื้น
บริเวณอาศรม ตั้งน้ำดื่ม จัดน้ำสรงพระพักตร์จัดสถานที่
ให้เป็นระเบียบและเข้าป่าหาผลไม้ทุกวัน พระนางได้
ปรนนิบัติรับใช้และทำตามหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
พระนางมัทรีเป็นแบบฉบับของนางในวรรณคดีที่เพียบ
พร้อมไปด้วยคุณสมบัติต่างๆทั้งการเป็นแม่ที่ประเสริฐ
ของลูก และการเป็นภรรยาที่ดีของสามี
คือมีความอ่อนน้อม นอบน้อม และอดทนเป็นภรรยาแม่
แบบผู้มีลักษณะเป็นกัลยาณมิตรของสามีสนับสนุนเป้า
หมายชีวิตอันประเสริฐที่พระสวามีได้ตั้งไว้ เป็นแบบ
อย่างของภรรยาตามทัศนะของคนตะวันออก เช่น
ปฏิบัติดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร และมีคุณธรรมสำคัญคือ
ซื่อตรง จงรัก และหนักแน่นต่อสามี



เนื้อเรื่องย่อ

มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

พระนางมัทรีฝั นร้ายว่ามีบุรุษมาทำร้าย จึงขอให้พระเวสสันดรทำนายฝั น
ให้ แต่พระนางก็ยังไม่สบายพระทัย ก่อนเข้าป่า พระนางฝากพระโอรส
กับพระธิดากับพระเวสสันดรให้ช่วยดูแล หลังจากนั้นพระนางมัทรีก็
เสด็จเข้าป่าเพื่อหาผลไม้มาปรนนิบัติพระเวสสันดรและสองกุมาร ขณะที่
อยู่ในป่า พระนางพบว่าธรรมชาติผิดปกติไปจากที่เคยพบเห็น เช่นต้นไม้ที่
เคยมีผลก็กลายเป็นต้นที่มีแต่ดอก ต้นที่เคยมีกิ่งโน้มลงมาให้พอเก็บผล
ได้ง่าย ก็กลับกลายเป็นต้นตรงสูงเก็บผลไม่ถึง ทั้งท้องฟ้าก็มืดมิด ขอบ
ฟ้าเป็นสีเหลืองให้รู้สึกหวั่นหวาดเป็นอย่างยิ่ง ไม้คานที่เคยหาบแสรกผล
ไม้ก็พลัดตกจากบ่าไม้ตะขอที่ใช้เกี่ยวผลไม้พลัดหลุดจากมือ ยิ่งพาให้
กังวลใจยิ่งขึ้นบรรดาเทพยดาทั้งหลายต่างพากันกังวลว่า หากนางมัทรี
กลับออกจากป่าเร็วและทราบเรื่องที่พระเวสสันดร ทรงบริจาคพระโอรส
ธิดาเป็นทาน ก็จะต้องออกติดตามพระกุมารทั้งสองคืนจากชูชพระอินทร์
จึงส่งเทพบริวาร ๓ องค์ให้แปลงกายเป็นสัตว์ร้าย ๓ ตัว คือราชสีห์
เสือโคร่ง และเสือเหลือง ขวางทางไม่ให้เสด็จกลับอาศรมได้ตามเวลา
ปกติ เมื่อล่วงเวลาดึกแล้วจึงหลีกทางให้พระนางเสด็จกลับอาศรม
เมื่อพระนางเสด็จกลับถึงอาศรมไม่พบสองกุมารก็โศกเศร้าเสียพระทัย
เที่ยวตามหาและร้องไห้คร่ำครวญ พระเวสสันดรทรงเห็นพระนางเศร้า
โศก จึงหาวิธีตัดความทุกข์โศกด้วยการแกล้งกล่าวหานางว่าคิดนอกใจ
คบหากับชายอื่น จึงกลับมาถึงอาศรมในเวลาดึก เพราะทรงเกรงว่าถ้า
บอกความจริงในขณะที่พระนางกำลังโศกเศร้าหนักและกำลังอ่อนล้า
พระนางจะเป็นอันตรายได้ ในที่สุดพระนางมัทรีทรงคร่ำครวญหาลูกจน
สิ้นสติไป ครั้นเมื่อฟื้ นขึ้น พระเวสสันดรทรงเล่าความจริงว่า พระองค์
ได้ประทานกุมารทั้งสองแก่ชูชกไปแล้วด้วยเหตุผลที่จะทรงบำเพ็ญ
ทานบารมี พระนางมัทรีจึงทรงค่อยหายโศกเศร้าและทรงอนุโมทนาใน
การบำเพ็ญทานบารมีของพระเวสสันดรด้วย



คุณค่าของเรื่อง

คุณค่าด้านเนื้อหา

๑. รูปแบบ
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีแต่งด้วยคำประพันธ์
ประเภทร่ายยาว นำด้วยคำภาษาบาลีท่อนหนึ่ง
แล้วแต่งด้วยร่ายยาวมีคำบาลีแทรก เป็นการใช้รูปแบบคำ
ประพันธ์ได้เหมาะสมกับสาระสำคัญ ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านมี
ความซาบซึ้งในความรักของผู้เป็นแม่ได้อย่างดี
๒. องค์ประกอบของเรื่อง
มีการวางโครงเรื่องได้ดี เป็นลำดับขึ้นตอนให้เข้าใจได้ง่าย
โดยที่ผูกเรื่องให้เทพบริวาร ๓ องค์นิรมิตกายเป็นสัตว์ร้าย
มาขวางนางมัทรีไว้ จนกลับอาศรมได้พอดีกับที่พระ
เวสสันดรจะให้ทานสองกุมารให้กับพราหมณ์ชูชกแล้ว
ทำให้เมื่อนางกลับมาแล้วไม่พบสองกุมารก็โศกเศร้าเสีย
พระทัยจนสลบไป จนต่อมาภายหลังได้ทรงทราบว่าพระ
เวสสันดรทรงให้ทานสองกุมารให้แก่พราหมณ์ชูชก นา
งมัทรีก็คลายความเศร้าโศกพระทัย และเต็มพระทัย
อนุโมทนาในบุตรทานของพระเวสสันดรแทน
๓. ฉากและบรรยากาศ
ฉากจัดให้เป็นป่าบริเวณอาศรมของพระเวสสันดร
ผู้แต่งบรรยายบรรยากาศได้สมจริง และเหมาะสม
สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ทำให้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับเนื้อ
เรื่องด้วย



คุณค่าของเรื่อง

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

ลีลาการประพั นธ์

-สัลลาปั งคพิสัย
เช่น ...แม่มิเคยได้เคืองแค้นเหมือนหนึ่งครั้งนี้ เมื่อจากบุรี
ทุเรศมา ก็พร้อมหน้าทั้งลูกผัวเป็นเพื่อนทุกข์ สำคัญว่าจะ
เป็นสุขประสายากเมื่อยามจน ครั้นลูกหายทั้งสองคนก็สิ้น
คิด บังคมทูลพระสามีก็มิได้ตรัสปรานีแต่สักนิดสักหน่อย
หนึ่ง ท้าวเธอก็ขังขึงตึงพระองค์ ดูเหมือนทรงพระขัดเคือง
เต็มเดือดด้วยอันใด
-เสาวรจนี
เช่น …เจ้าผู้มีพักตร์อันผุดผ่องเสมือนหนึ่งเอาน้ำทองเข้ามา
ทาบทับประเทืองผิว ราวกะว่าจะลอยลิ่วเลื่อนลงจากฟ้าใคร
ได้เห็นเป็นขวัญตาเต็มหลงละลายทุกข์ปลุกเปลื้องอารมณ์
ชายให้เชยชื่น



คุณค่าด้านวรรณศิลป์

รสวรรณคดี

-รุทธรส
เช่น …พอมาถึงก็ทำเสขึ้นเสียงเลี่ยงเลี้ยวพาโลว่าลูกหาย เออนี่เจ้ามิ
หมายว่า
ใคร ๆ ไม่รู้ทันกระนั้นกระมัง หรือเจ้าเห็นว่าพี่นี้เป็นชีอดจิตคิดอนิจจัง
ทิ้งพยศ อดอารมณ์เสีย
เจ้าเป็นแต่เพียงเมียควรหรือมาหมิ่นได้ ถ้าแม้นพี่อยู่ในกรุงไกรเหมือน
แต่ก่อนเก่า หากว่า
เจ้าทำเช่นนี้ กายของมัทรีก็จะขาดสะบั้นลงทันตาด้วยพระกรเบื้องขวา
ของอาตมานี้แล้วแล
-อัพภูตรส
เช่น …ทั้งอินทรีย์ก็เสียวๆ สั่นระรัวริก แสรกคานบันดาลพลิกพลัดลง
จากพระอังสา ทั้งขอน้อยในหัตถาที่เคยถือก็เลื่อนหลุดลงจากมือไม่เคย
เป็นเห็นอนาถ เอ๊ะ ประหลาดหลากแล้วไม่เคยเลยโอ้อกเอ๋ยมหัศจรรย์
จริงยิ่งคิดก็ยิ่งกริ่งๆ กรอมพระทัยเป็นทุกข์ถึงพระลูกรักทั้งสองคนเดิน
พลางนางก็รีบเก็บผลาผลแต่ตามได้ ใส่กระเช้าสาวพระบาท
บทจรดุ่ม

โวหารภาพพจน์

-อุปมา เช่น …ทั้งลูกรักดั่งแก้วตาก็หายไป อกเอ๋ยจะอยู่ไปไย
ให้ทนเวทนา อุปมาเสมือนหนึ่งพฤกษาลดาวัลย์ย่อมจะอาสัญ
ลงเพราะลูกเป็นเที่ยงแท้..
-อุปลักษณ์ เช่น ก็น้ำใจของมัทรีนี้กตเวทีเป็นไม้เท้าก้าวเข้าสู่
ทางทดแทน
-สัทพจน์ เช่น แต่ย่างเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง
-บุคคลวัต เช่น ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ
-อติพจน์ เช่น …โอพระจอมขวัญของแม่เอ๋ย เจ้ามิเคยได้ความ
ยากย่างเท้าลงเหยียบดิน ริ้นก็มิได้ไต่ไรก็มิได้ตอม…



คุณค่าด้านสังคม

๑ สะท้อนค่านิยมเกี่ยวกับสังคมไทย ที่ว่าผู้หญิงจะต้อง
คอบปรนนิบัติและซื่อสัตย์ ต่อสามี ส่วนลูกนั้นถือเป็น
ทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ ต้องเคารพเชื่อฟั ง และพ่อแม่
สามารถยกลูกให้ผู้อื่นได้
๒ สะท้อนความเชื่อของคนไทย เห็นได้ชัดจากตอนที่
พระนางมัทรีออหไปเพื่อหาผลไม้ในป่า ผลไม้ก็ผิดเพี้ยน
ไปจากปกติ ซึ่งถือว่าเป็นลางร้าย
๓ สะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติของมนุษย์ ที่ว่าความรัก
นำมาซึ่งความทุกข์ ความโศกเศร้าเสียใจที่พลัดพลาก
จากลูกความเป็นห่วงกังวลของสัญชาตญาณคนเป็นแม่
แต่ความเศร้าโศกนั้นกลับบรรเทาลงได้เมื่อมีความโกรธ
เข้าครอบงำ

๑๐

การนำข้อคิดที่ได้จากเรื่องไปใช้

“ลูกคือแก้วตาดวงใจของผู้เป็นพ่อแม่”
จากข้อความข้างต้นจะกล่าวว่าถือเป็นบทสรุป
ก็คงจะไม่ผิด เพราะ สิ่งที่เราได้จากการศึกษาเรื่อง
มหาเวสสันดรบาดก กัณฑ์มัทรี คือ พ่อแม่นั้น แม้ว่าจะ
ยากลำบากเพียงใด ขอเพียงให้ลูกของตนนั้นได้กินอิ่ม
นอนหลับก็เพียงพอแล้ว บุญคุณที่พ่อและแม่เฝ้า
เลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่นั้น นับว่ายิ่งใหญ่ยากที่จะหา
สิ่งใดมาเปรียบได้ ทดแทนอีกกี่สิบชาติก็คงจะไม่หมด
แต่สิ่ งที่ในตอนนี้เราจะทำได้เพื่ อแบ่งเบาภาระหน้าที่
ของพ่อแม่ นั่นคือการทำตนเป็นคนดี เชื่อฟั งคำสั่งสอน
ของท่าน ไม่มีพ่อแม่คนไหนคิดร้ายกับลูก ดังนั้น
การที่ท่านดุด่าว่ากล่าวเราเพราะอยากให้เราปฏิบัติตน
ให้เติบโตขึ้น ในอนาคตก็อยากที่จะให้เรามีอนาคตหน้าที่
การงานที่ดีและมั่นคง ท่านจึงคอยส่งเสียและสนับสนุน
การศึกษาของเราอยู่เสมอๆ ขอเพียงเรา
นำความตั้งใจของท่านมาเปลี่ยนเป็นพลังใจ ทั้งการใช้
ชีวิตให้โตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคม และ ตั้งใจศึกษา
เล่าเรียนเพื่อที่อนาคตของเราจะได้แบ่งเบาภาระของ
พ่อแม่ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

๑๑

แต่งคำประพั นธ์ประเภทร่ายยาว

หัวข้อ ความกตัญญู

ขื่อเรื่อง : สุดชีวานี้จะหาไม่

”เมื่อลูกนี้ลืมตาตื่นขึ้นมองโลก ลองชะโงกส่องดูเห็น
ชายหญิง ตั้งแต่เด็กแม้นตัวลูกจะกลิ้งเกลือกไปบนดิน
ท่านทั้งสองก็สูดกลิ่นด้วยห่วงใย ด้วยใจรักแลนอบน้อม
ลูกนี้พร้อมจะตอบแทน ที่ท่านคอยหวงแหนอยู่เรื่อยมา
อยากได้สิ่งใดลูกจะไปเสาะหาแม้ต้องปั้ นห้วงนภา
เหนื่อยโรยราลูกก็ยอม สิ่งใดที่แปลกปลอมจะถอดถอน
ไม่ให้ใกล้ โอ้ลูกนี้จะติดตามท่านไปและรับใช้จนสิ้นชีวา
นี้แล้วแล”

๑๒

แหล่งที่มา

ครูลัดดา เพ็ชสังฆาต (๒๕๕๘). ตัวละครในเรื่อง
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี. สืบค้นเมื่อ ๒๔ สิงหาคม
๒๕๖๔,จากhttps://6232arunthipp.wordpress.com
นายสุริยา แสนสุขไสย (๒๕๖๐). เนื้อเรื่องโดยรวม.
สืบค้นเมื่อ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔,
จากhttps://krusuriyapasathai.wordpress.com/
วรรณคดี-และวรรณกรรม/วรรณคดีในบทเรียน/
มัธยมศึกษาปีที่-5/ร่ายยาวมหาเวสสันดร-กัณฑ/
อาจารย์บุญกว้าง ศรีสุทโธ (๒๕๕๙). คุณค่าของเรื่อง.
สืบค้นเมื่อ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔,
จากhttps://sites.google.com/a/htp.ac.th/mha-
wessandr-chadk-kanth-math-ri/8-3-khunkha-
dan-sangkh

๑๓


Click to View FlipBook Version