การจัดการความรู้ เรื่อง แนวความคิดในการใช้อาวุธน าวิถี (พื้น-สู่-อากาศ) ระยะปานกลาง แบบเคลื่อนที่ (FK3) ปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานระดับยุทธวิธี จัดท าโดย กองพันต่อสู้อากาศยานที่ ๑๑ กรมต่อสู้อากาศยานที่ ๑ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ประจ าปีงบประมาณ ๒๕๖๖
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๒ ของ 31 หน้า
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๓ ของ 31 หน้า คณะท างาน การจัดท าองค์ความรู้(knowledge) เแนวความคิดในการใช้อาวุธน าวิถี (พื้น-สู่-อากาศ)ระยะปานกลาง แบบเคลื่อนที่ FK–3 ปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานระดับยุทธวิธี คณะท างาน ๑ น.ท.วัชระ ค าแก้ว ๒ น.ต.ณรงค์ ยิ้มแย้ม ๓ น.ต.สมชาย อินธิสาร ๔ ร.อ.พิทักษ์ ไชยะโอชะ ๕ ร.ท.เชิดชัย รักษาสัตย์ ๖ ร.ท.ณภรรต สายลุ่น
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๔ ของ 31 หน้า หัวข้อประกอบการจัดท าองค์ความรู้ แนวความคิดในการใช้อาวุธปล่อยน าวิถี(พื้น-สู่-อากาศ) ระยะปานกลางแบบเคลื่อนที่ FK–3 ปฏิบัติการต่อสู้ อากาศยานระดับยุทธวิธี ๑. วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการจัดการความรู้ ๒. ขอบเขตการด าเนินการ ๓. ค าจ ากัดความ ๔. หน้าที่ความรับผิดชอบ ๕. กระบวนการปฏิบัติงาน ๖. ขั้นตอนการปฏิบัติ ๗. มาตรฐานการปฏิบัติงาน ๘. การตรวจสอบประเมินผล ๙. เอกสารอ้างอิง ๑๐. แบบฟอร์มที่ใช้งาน
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๕ ของ 31 หน้า แนวความคิดในการใช้อาวุธปล่อยน าวิถี (พื้น-สู่-อากาศ) ระยะปานกลางแบบเคลื่อนที่ FK–3 ปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานระดับยุทธวิธี ----------------------------------- ๑. วัตถุประสงค์และเปูาหมายของการจัดการความรู้ ๑.๑ วัตถุประสงค์ของการจัดการความรู้ ตามนโยบาย ผบ.ทร.ประจ าปี ๒๕๖๖ มีวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างรากฐานการด าเนินการ โครงการพัฒนากองทัพเรือในด้านต่าง ๆ ให้มีแผนและแนวทางการด าเนินการที่ชัดเจนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และต้องแสดงภาพความส าเร็จที่จะเกิดขึ้น โดยก าหนดนโยบายออกเป็น ๒ ส่วนหลัก ประกอบด้วย นโยบาย เร่งด่วน จ านวน ๓ ด้าน ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างรากฐานของกองทัพเรือ ซึ่งเปรียบเสมือนการปรับแต่งเข็มและ ความเร็วรวมทั้งจังหวะในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กองทัพเรือ ให้สามารถน าพากองทัพเรือเข้าสู่แนวทางแนว ทางการเดินเรือตามหลักน าอีกครั้งหนึ่งและนโยบายหลัก ๙ ด้าน ซึ่งในด้านที่ ๑ การก าหนดยุทธศาสตร์และโครงสร้างด้าน ก าลังรบในข้อ ๒ เสริมสร้างขีดความสามารถทางฝังทะเลอันดา มัน เพื่อรองรับการปฏิบัติการสองฝั่งทะเลตามยุทธศาสตร์ ทร. พ.ศ.๒๕๖๐ - ๒๕๘๐ ข้อ ๒.๒ ทบทวน/ปรับปรุงหลักนิยม (Harbour Defense) การควบคุมเรือ (Harbour Control) ใน ส่วนของการใช้งานระดับยุทธวิธีของอาวุธปล่อยระยะปาน กลางแบบเคลื่อนที่ (FK3) ตามแผนยุทธศาสตร์ของ สอ.รฝ.พ.ศ.๒๕๕๘ - ๒๕๖๗ ในยุทธศาสตร์ที่ ๑ "ด ารงขีดความสามารถในการงาน ตามภารกิจหลักของ ทร.ในการรักษาสิทธิและอ านาจ อธิปไตยทางทะเลจนเป็นที่เชื่อมมั่นและไว้วางใจจาก สาธารณชน" เมื่อ ๑ ต.ค.๖๒ รมว.กห.ได้อนุมัติการปรับอัตราโครงสร้างการจัดและอัตรา สอ.รฝ. และ ทร. เห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างการจัดและอัตรา สอ.รฝ.โดยเป็นการปรับปรุงโครงสร้างการจัดและอัตราก าลังพล ของ สอ.รฝ.ประกอบด้วย กรม สอ. กรม รฝ. กรม สน.และ ศสร. ศฝ. เพื่อรองรับภารกิจที่มีความหลากหลายและมี ความพร้อมในตัวเอง และผลจากการปรับโครงสร้างใหม่นั้นในส่วนของ กรม สอ. และ กรม รฝ. ได้มีการปรับ
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๖ ของ 31 หน้า โครงสร้างในระดับกองพันให้มีอาวุธประเภทอาวุธอาวุธปล่อยและจรวด ซึ่งเป็นอาวุธประจ าหน่วยชนิดใหม่ที่มีขีด สมรรถนะทางด้านยุทธการสูง เข้าประจ าการในหน่วย เป็นประเภท อาวุธปล่อยน าวิถีต่อสู้อากาศยาน (พื้น –สู่ – อากาศ) และ (พื้น – สู่ – พื้น) ซึ่งมีระยะยิงที่ไกลมากขึ้น และครอบคลุ่มพื้นที่บัญชีเป้าหมายที่ ทร.รับผิดชอบได้ อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีความจ าเป็นที่หน่วยต้องด าเนินการในการจัดเตรียมความพร้อมในด้าน ต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ด้านองค์บุคคล ด้านองค์วัตถุ ด้านองค์ยุทธวิธี และ ด้านการบริหารจัดการ ให้มีความพร้อม ที่จะสามารถส่งมอบก าลังให้ ทรภ.ในสถานการณ์ไม่ปกติได้ตั้งแต่วัน ว.หรือในสถานการณ์ปกติได้เมื่อสั่ง กรม สอ.๑ สอ.รฝ. มีภารกิจ “การปูองกันภัยทางอากาศและปูองกันฝั่งทะเล ให้แก่ที่ตั้งส าคัญใน พื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ และพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย” โดยแนวคิดในการป้องกันภัยทางอากาศจะเป็นการ ป้องกันภัยทางอากาศเฉพาะต าบลที่ (Point Defense) ตามบัญชีเป้าหมายของแผนป้องกันภัยทางอากาศ บก.ทท. (ทปอ.๖๐) โดยมี ศปก.ทร./ศปอ.ทร. รับผิดชอบ ในระดับยุทธศาสตร์ – ยุทธการ และ ศปก.ทรภ./ศปอ. ประจ าพื้นที่ (ทรภ.๑ – ๓) รับผิดชอบในระดับยุทธการ – ยุทธวิธี ในสถานการณ์ปกติณ ปัจจุบัน กรม สอ.๑ จะมี ก าลังตามโครงสร้างประกอบด้วย กองร้อยกองบังคับการกรม และกองพันต่อสู้อากาศยาน จ านวน ๒ กองพัน (ปิด บรรจุ ๑ กองพัน) ก าลังรบส่วนนี้จะเป็นก าลังส าหรับใช้ในการปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจาก สอ.รฝ.และ ทัพเรือภาคที่ ๑ และเมื่อเข้าสู่สถานการณ์วิกฤต การเตรียมก าลังป้องกันภัยทางอากาศจะเป็นไปตามแผนป้องกัน ประเทศที่ก าหนด เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ขั้นวิกฤต และ ทร.ประกาศ วัน ว.แล้ว สอ.รฝ.โดย ศปก.สอ.รฝ.จะท าการ ประกอบก าลังเป็น หน่วย สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ เพื่อส่งมอบก าลังให้กับทัพเรือภาค ภายใน วัน ว.+ ๑ หรือเมื่อสั่ง เพื่อให้ หน่วย สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ ท าการเคลื่อนย้ายก าลังจากที่รวมพลขั้นต้น สู่ที่รวมพลทางยุทธวิธี เข้าที่ตั้งยิง ตามแผนที่ก าหนด ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการจัดการความรู้นี้ เพื่อให้ ๑. การใช้อาวุธปล่อยน าวิถี (พื้น-สู่-อากาศ) ระยะปานกลางแบบเคลื่อนที่ FK–3 ปฏิบัติการต่อสู้ อากาศยานระดับยุทธวิธีเกี่ยวกับการใช้อาวุธน าวิถี ฯ ยิงต่อสู้อากาศยานที่บินต่ า ในเขตการยิงอิสระ ๑๕ ไมล์ลงมา มีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน ตามขอบเขตอ านาจหน้าที่ฝ่ายทหารที่ก าหนดไว้ใน แผนป้องกันภัยทางอากาศ บก.ทท. (ทปอ.๖๐) ได้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ๒. การก าหนดผู้รับผิดชอบในการอนุมัติการใช้อาวุธน าวิถี ฯ ที่อยู่ในเขตการยิงอิสระ มีความชัดเจน ๑.๒ เป้าหมายของการจัดการความรู้ ๑.๒.๑ ได้องค์ความรู้ ในขั้นตอน การใช้อาวุธปล่อยน าวิถี (พื้น-สู่-อากาศ) ระยะปานกลางแบบ เคลื่อนที่ FK–3 ปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานระดับยุทธวิธีในขั้นการใช้อาวุธน าวิถีต่อตีเป้าหมายข้าศึกที่เข้ามาโจมตี บัญชีเป้าหมายป้องกันตามที่ก าหนดไว้ตามแผนป้องกันภัยทางอากาศ บก.ทท. (ทปอ.๖๐) ในส่วนที่ ทรภ.รับผิดชอบ ได้ตั้งแต่เมื่อเป้าหมายข้าศึกเคลื่อนที่เข้ามาแตะจุดแนวเขตการยิงอิสระ ๑๕ ไมล์ลงมา ๑.๒. ๒ องค์ความรู้นี้ ถูกน าไปใช้ในการฝึกตามแผนประจ าปีของหน่วยระดับ น.สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ และน าไปถ่ายทอดในการเรียนการสอนของ ศฝ.สอ.รฝ.ในหลักสูตร ชั้นนายเรือ นายนาวา และทหาร สอ.รฝ. ๒. ขอบเขตของการปฏิบัติ แนวความคิดของกองทัพเรือ ในการใช้ก าลังในการป้องกันพื้นที่ส่วนหลังของ ทรภ.๑ จะเป็นวิธีการ ป้องกันทางลึก (Defense in Depth) โดยใช้ก าลังทางอากาศและเรือ ฟก./ตกก.ท าการ ลว.ตรวจการณ์พื้นที่ ชั้นนอก เรือ ตกป./ตกฝ./ตกช. ลว.ตรวจการณ์พื้นที่ชั้นกลางและชั้นใน และใช้ก าลัง น.สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ ๑ ใน การป้องกันภัยทางอากาศสนามบินและฐานทัพเรือ ท่าเรือ โดยก าหนดแนวความคิดในการใช้อาวุธ สอ.ระยะปาน กลาง - ระยะใกล้ ในการต่อตีเป้าหมายทางอากาศที่เข้ามาโจมตีบัญชีเป้าหมายป้องกันในความรับผิดชอบของ ทร.
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๗ ของ 31 หน้า ๒.๑ การจัดเฉพาะกิจ ตามแผนป้องกันภัยทางอากาศ (ทปอ.๖๐) การจัดเฉพาะกิจ ประกอบแผนป้องกันภัยทางอากาศ - กองทัพไทย ในขั้นตอบโต้และขั้นป้องกันประเทศที่เกี่ยวข้องกับ สอ.รฝ. จัดตั้งเป็น หน่วยต่อสู้อากาศยานและ รักษาฝั่งประจ าพื้นที่ ๑ (น.สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ ๑) โดยมีศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจ าพื้นที่ ๑ (ศสรท. ๑) กองพันต่อสู้อากาศยานที่ ๑๑ (พัน.สอ.๑๑) กองพันต่อสู้อากาศยานที่ ๑๒ (พัน.สอ.๑๒) กองพันต่อสู้อากาศ ยานที่ ๑๓ (พัน.สอ.๑๓) ๒.๒ แนวความคิดในการปฏิบัติ แนวความคิดในการปฏิบัติ ประกอบแผนป้องกันภัยทางอากาศ- กองทัพไทย ก าหนดการปฏิบัติ ออกเป็น ๓ ขั้น ขั้นปกติ ขั้นตอบโต้ และขั้นป้องกันประเทศ ๒.๓ ขอบเขตของการด าเนินการจัดท าองค์ความรู้ ในการจัดท าองค์ความรู้ในเรื่อง "แนวความคิดในการใช้อาวุธปล่อยน าวิถี (พื้น-สู่-อากาศ) ระยะ ปานกลางแบบเคลื่อนที่ FK–3 ปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานระดับยุทธวิธี" นี้จึงก าหนดขอบเขตการปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ใน "ระดับยุทธวิธี" ของหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจ าพื้นที่ลงมาถึงระดับกองร้อย เพื่อก าหนดเป็น แนวทางในการใช้อาวุธน าวิถีดังกล่าวให้อยู่ในขอบเขตอ านาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ประกอบผนวก ค. แนวความคิดในการปฏิบัติ ประกอบแผนป้องกันภัยทางอากาศ - กองทัพไทย โดยก าหนดประเด็นหัวข้อหลักในการ พิจารณาจัดท าเป็นองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติทางยุทธวิธี ที่จะก าหนดในหัวข้อการปฏิบัติ ขั้นที่ ๕ การใช้ อาวุธน าวิถี (พื้น-สู่-อากาศ) ระยะปานกลาง แบบเคลื่อนที่ FK–3 ปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานในระดับยุทธวิธี โดย ก าหนดผลลัพธ์ที่ต้องการในเรื่อง ๑. ผู้อนุมัติในการใช้อาวุธน าวิถี ฯ ต่อตีเป้าหมายที่สามารถเล็ดลอดจากการสกัดกั้นของ ทอ.เข้า มาในพื้นที่เป้าหมายในการป้องกันภัยทางอากาศในเขตการยิงอิสระ ๑๕ ไมล์ลงมา โดยการจัดท าตารางประสาน การปฏิบัติในขั้นตอนการใช้อาวุธ ๒. การก าหนดเขตการใช้อาวุธน าวิถี ฯ ในการท าลายเป้าหมายที่สามารถเล็ดลอดจากการสกัด กั้นเข้ามาในพื้นที่เป้าหมายในการป้องกันภัยทางอากาศ ตั้งแต่ระยะ ๑๕ ไมล์ลงมา ๓. การก าหนดรูปแบบการตั้งยิงของระบบอาวุธน าวิถี ฯ ในการเชื่อมโยงแบบไร้สาย ๓.ค าจ ากัดความ อาวุธน าวิถี ฯ (Missile) หมายถึง อาวุธน าวิถี (พื้น-สู่-อากาศ) ระยะปานกลาง แบบเคลื่อนที่ FK3 ภัยคุกคามทางอากาศ (Air Threat) หมายถึง ภัยทางอากาศ ตามแผนป้องกันภัยทางอากาศ บก.ทท. การป้องกันภัยทางอากาศ (Air Defense) หมายถึง การปฏิบัติการเชิงรับเพื่อเพิ่มความปลอดภัย จาก ก าลังทางอากาศของฝ่ายตรงข้าม ให้กับก าลังของฝ่ายเราและเหล่าทัพอื่น เพราะเป้าหมายส าคัญต่างๆ ที่ประกอบ ขึ้นเป็นศักยภาพของชาตอ มิใช่มีแต่เฉพาะเป้าหมายของทหารเท่านั้น การป้องกันแบบเป็นจุด (Point Defense) หมายถึง การป้องกันภัยทางอากาศของ ทร.จะเป็นการ ป้องกันภัยจากอากาศที่หลุดรอดมาจากการสกัดกั้นของ ทอ.หรืออาวุธปล่อยน าวิถี หรืออากาศยานไร้คนขับ ที่มีทิศ ทางเข้าโจมตีพื้นที่ปฏิบัติการต่าง ๆ ที่ ทร.รับผิดชอบ
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๘ ของ 31 หน้า ระบบบัญชาการและควบคุมทางอากาศ (Air Command and Control System : ACCS) หมายถึง การ แสดงภาพสถานการณ์ทางอากาศและการกระจายสัญญาณภาพสถานการณ์ผ่านระบบ การแลกเปลี่ยนข้อมูลภาพ สถานการณ์ของ บก.ทท.ไปยังเหล่าทัพต่าง ๆ กิจเฉพาะ (Specified tasks) หมายถึง กิจที่ได้รับมอบหมายโดยตรง หรือที่มีระบุไว้ในเอกสารสั่งการอย่าง ชัดเจน กิจแฝง (Implied tasks) หมายถึง กิจที่มีความจ าเป็นจะต้องปฏิบัติเพิ่มเติมจากกิจเฉพาะ ไม่ได้เป็นกิจที่ หน่วยเหนือสั่งการ กิจส าคัญยิ่ง (Essential tasks) หมายถึง กิจที่จ าเป็นที่ต้องกระท า เพื่อให้บรรลุภารกิจ โยการสงเคราะห์ หรือเลือกจากกิจเฉพาะและกิจแฝง ค าสั่งเตือน (Warning Order) หมายถึง ค าสั่งที่อธิบายถึงสถานการณ์ มอบก าลังและทรัพยากร อธิบาย โครงสร้างการบังคับบัญชา ชี้แนะแนวทางการวางแผน และตั้งหน่วยวางแผนระดับรองขึ้น ค าสั่งยุทธการ (Operation Oeder : OPORD) หมายถึง ค าสั่งของผู้บังคับบัญชาที่เป็นทางการไปยัง ผู้บังคับบัญชาของหน่วยรอง เพื่อประสานการปฏิบัติให้ปฏิบัติการเป็นระบบและเป็นหนึ่งเดียว จุดตกลงใจของผู้บังคับบัญชา (Commanders Decision Point : CDP) หมายถึง จุดซึ่งผู้บังคับบัญชาต้อง ตัดสินใจเลือกเส้นทางการปฏิบัติการหนึ่งในสองเส้นทาง เพื่อให้ปฏิบัติการเดินหน้าต่อไปได้ เจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชา (Commander s Intent) หมายถึง ข้อความอย่างเป็นทางการในแนวคิดใน การปฏิบัติหรือแนวทางค าสั่งทั่วไปซึ่งเป็นข้อความที่ผู้บังคับบัญชามอบให้ส าหรับเป็นแนวทางที่ชัดเจนในการวางแผน ทางทหารต่อไป จุดศูนย์ดุล (Center of Gravity : COG) หมายถึง ศูนย์รวมของพลังงานและความเคลื่อนไหวทั้งมวลซึ่งทุก สิ่งทุกอย่างต้องพึ่งพา มักเป็นที่มีมวลของก าลังอยู่มากที่สุดซึ่งเป็นได้ทั้งรูปธรรมและนามธรรม โดยที่จะต้องมี องค์ประกอบวิกฤต (CC,CR) เพื่อให้จุดศูนย์ดุลด ารงสภาพอยู่ได้ นอกจากนั้นจุดศูนย์ดุลนี้ยังมีศักดิ์ยาภาพในตัวตนใน การให้ขีดความสามารถที่ส าคัญต่อความส าเร็จของภารกิจด้วย แนวความคิดในการปฏิบัติ (Concept of Operations : CONOPS) หมายถึง ข้อความที่แสดงแนวทางการ ปฏิบัติการอย่างกระชับชัดเจน โดยผู้บังคับบัญชาจะเลือกขึ้นมาเพื่อให้บรรลุภารกิจ พื้นที่ปฏิบัติการ (Area of Operations : AO) หมายถึง พื้นที่ที่ก าลังของหน่วยท าการรบซึ่งควรจะใหญ่ มากพอที่จะบรรลุภารกิจและป้องกันก าลังของฝ่ายเรา พื้นที่สนใจ (Area of Interest : AI) หมายถึง พื้นที่ที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจความคลาดเคลื่อนของ ก าลังฝ่ายตรงข้ามซึ่งส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติการของก าลังฝ่ายเราในพื้นที่ปฏิบัติการ เป็นพื้นที่ที่ก าหนดไว้ส าหรับ วางเครื่องมือหาข่าวความเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม ยุทธการ (Operation) หมายถึง กระบวนการปฏิบัติภารกิจการรบซึ่งได้แก่ การเคลื่อนก าลัง การส่งก าลัง บ ารุง การโจมตี การป้องกัน และการด าเนินกลยุทธ์ที่จ าเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการรบหรือการทัพ ยุทธการ ยังอาจหมายถึง ปฏิบัติการทางทหารหรือการปฏิบัติภารกิจทางทหารระดับยุทธศาสตร์ ยุทธการ ยุทธวิธี เหล่าทัพ การฝึก หรือทางธุรการก็ได้ สภาวะที่ต้องการทางการรบ (Decisive Point :DP) หมายถึง สภาวะที่ต้องการให้เกิดขึ้น เพื่อให้ส่งผล กระทบต่อการปฏิบัติหรือก าลังรบฝ่ายตรงข้ามและในเวลาเดียวกันต้องสนับสนุนการปฏิบัติหรือป้องกันก าลังรบของ ฝ่ายเดียวกันอาจเป็นสถานที่ทางภูมิศาสตร์ เหตุการณ์ส าคัญ ปัจจัยวิกฤติ หรือกิจกรรมที่เมือภูกกระท าแล้วจะท าให้
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๙ ของ 31 หน้า ได้เปรียบฝ่ายตรงข้าม หรือเป็นแรงผลักดันท าให้บรรลุความส าเร็จ จุดชี้ขาดทางการรบนี้อาจอยู่ในรูปของปัจจัยเวลา สถานที่และข้อมูลของสภาวะแวดล้อม เส้นแนวการยุทธ์ (Line of Operation :LOO) หมายถึง การน าเอาจุดชี้ขาดทางการรบมาร้อยเรียงกันเป็น เส้นส าคัญสภาวะที่ต้องการให้เกิด เพื่อสร้างผลกระทบและเอาชนะจุดศูนย์ดุลฝ่ายตรงข้าม*¹ พื้นที่ บ.สกัดกั้น (Fighter Engagement Zone) หมายถึง การปฏิบัติการของ บ.ฝ่ายเราในการบินสกัด กั้นและใช้อาวุธต่อ บ.ฝ่ายข้าศึก พื้นที่กันชน (Cross Over Zone) หมายถึง เป็นพื้นที่ที่ บ.ฝ่ายเดียวกันก าหนดเป็นจุดเลี้ยวออก (Break Away) ขณะที่ไล่ติดตาม บ.ฝ่ายข้าศึกเข้ามาในพื้นที่ก่อนที่ บ.ข้าศึกจะบินเข้าสู่พื้นที่ใช้ อาวุธปล่อย (Missile Engagement Zone : MEZ) ของ ฝ่ายเรา พื้นที่ใช้อาวุธปล่อยน าวิถี(Missile Engagement Zone) หมายถึง เป็นพื้นที่ในการใช้อาวุธปล่อยน าวิถี (SAM) ต่อ บ.ข้าศึกที่เล็ดลอดเข้ามาจากการสกัดกั้นของ บ.ฝ่ายเรา ๔. หน้าที่การปฏิบัติในระดับยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่คนส าคัญ จากแผนยุทธศาสตร์กองทัพเรือที่ก าหนดไว้กองทัพเรือจะต้องด ารงบทบาทหลักที่ส าคัญ คือ"บทบาท เพื่อการรบ" และยังคงต้องด าเนินการตามบทบาทอื่น คือ "บทบาทที่มิใช่การรบ" ดังนั้นการปฏิบัติของหน่วยตั้งแต่ สอ.รฝ. - พัน.สอ. จึงต้องมีการด าเนินการเตรียมก าลังให้มีความพร้อมส าหรับการปฏิบัติตามภารกิจที่ก าหนดไว้ ตั้งแต่ยามปกติ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่จะสามารถตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือที่ก าหนดไว้ดังกล่าว และ ปัจจุบัน กห.ได้มีการอนุมัติก าหนดอัตราโครงสร้างหน่วยใหม่ รวมทั้งการจัดหาอาวุธต่อสู้อากาศยาน ประเภทอาวุธ น าวิถี(พื้น -สู่ - อากาศ) ระยะปานกลาง (FK3) เข้าประจ าการ ในการปฏิบัติทางด้านยุทธวิธีที่เกี่ยวข้องกับการใช้ อาวุธ จะต้องปฏิบัติให้อยู่กรอบที่ก าหนดตามแผนป้องกันภัยทางอากาศ (ทปอ.๖๐) ที่ก าหนด ในขั้นตอบโต้ - ขั้น ป้องกันประเทศ ๑. เจ้าหน้าที่ ตามแผนปูองกันภัยทางอากาศ (ทปอ.๖๐) เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ประกอบผนวก ค.แนวความคิดในการปฏิบัติ ประกอบแผนป้องกันภัยทาง อากาศ - กองทัพไทย ได้ให้ค าจ ากัดความ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร หมายถึง เจ้าหน้าที่ทหารอากาศหรือเจ้าหน้าที่ทหาร อื่นที่มีอ านาจหน้าที่ก าหนดไว้ในแผนป้องกันภัยทางอากาศ ดังนี้ ข้อ ๓ เจ้าหน้าที่ทหารเรือ ๓.๗ เจ้าหน้าที่หน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจ าพื้นที่ (น.สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่) ๓.๙ เจ้าหน้าที่ของหน่วยต่อสู้อากาศยาน ๒. อ านาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝุายทหาร ประกอบผนวก ค.แนวความคิดในการปฏิบัติ ประกอบ แผนป้องกันภัยทางอากาศ - กองทัพไทย ๓.๙ เจ้าหน้าที่ของหน่วยต่อสู้อากาศยาน มีอ านาจหน้าที่ดังนี้ ๓.๙.๑ ด าเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการป้องกันภัยทางอากาศของหน่วยต่อเป้าหมายที่ ได้รับการประสานการแจ้งเตือนภัยจาก ศสรท.กับรายงานเป้าหมายที่ตรวจพบให้กับ น.สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ ได้รับ ทราบด้วยเครื่องมือที่มีอยู่ ๓.๙.๒ สั่งการใช้อาวุธท าลายเป้าหมาย ตามขั้นตอนของหน่วย เพื่อท าลายเป้าหมายที่สามารถ เล็ดลอดจากการสกัดกั้นเข้ามาในพื้นที่เป้าหมายในการป้องกันภัยทางอากาศ ตามที่ได้รับแบ่งมอบให้ป้องกันภัยทาง อากาศเฉพาะต าบลตามอนุผนวก ๖ ( การแบ่งมอบเป้าหมายในการป้องกันภัยทางอากาศ) ประกอบผนวก ค. (แนวความคิดในการปฏิบัติ)
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๑๐ ของ 31 หน้า ๓.๙.๓ ใช้อาวุธต่อสู้อากาศยานหรืออาวุธอื่นบังคับอากาศยานที่มีการกระท าอันอาจเป็นภัยต่อ ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรืออาจเป็นภัยต่อสาธารณะ ซึ่งถูกก าหนดไว้ในประกาศกระทรวงกลาโหมและ กระทรวงคมนาคม ฯลฯ ๓.๙.๔ ใช้อาวุธต่อสู้อากาศยานหรืออาวุธอื่นนั้นได้ ในกรณีกองทัพอากาศน าอากาศยานขึ้น สกัดกั้นแล้ว แต่ไม่อาจสกัดกั้นอากาศยานนั้นได้หรือไม่อาจน าอากาศยานขึ้นสกัดกั้นได้ทัน หากอากาศยานนั้นมีการ กระท าอันเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรืออาจเป็นภัยต่อสาธารณะและสามารถเล็ดลอดจากการสกัด กั้นเข้ามาในพื้นที่เป้าหมายในการป้องกันภัยทางอากาศ ตามที่ได้รับมอบหมายให้ป้องกันภัยทางอากาศเฉพาะต าบล ตามอนุผนวก ๖ ( การแบ่งมอบเป้าหมายในการป้องกันภัยทางอากาศ) ประกอบผนวก ค. (แนวความคิดในการ ปฏิบัติ) ๓.๙.๕ สั่งการยิงอิสระตามขั้นตอนของหน่วย เพื่อท าลายเป้าหมายที่สามารถเล็ดลอดจากการ สกัดกั้นเข้ามาในพื้นที่เป้าหมายในการป้องกันภัยทางอากาศ ตามที่ได้รับแบ่งมอบให้ป้องกันภัยทางอากาศ ๓. หน้าที่ของผู้บังคับบัญชาคนส าคัญของหน่วย ( แนวทางปฏิบัติของหน่วยต่อสู้อากาศยานและ รักษาฝั่งประจ าพื้นที่ พ.ศ.๒๕๖๔) ผู้บังคับหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจ าพื้นที่ มีหน้าที่ บังคับบัญชาหน่วยต่อสู้อากาศ ยานและรักษาฝั่งประจ าพื้นที่ รับผิดชอบการปฏิบัติทั้งปวง รับผิดชอบหน่วยของตนในการปฏิบัติให้บรรลุภารกิจ ของหน่วย เป็นผู้ตัดสินใจ ก าหนดนโยบายและแผนของหน่วย ก ากับดูแลการปฏิบัติทางยุทธวิธีให้บรรลุตามภารกิจ ที่ได้รับมอบหมาย รับผิดชอบการฝึก ด ารงขวัญและก าลังใจ ปลูกฝังด้านวินัย รับผิดชอบงานในด้านธุรการ ตลอดจนการส่งก าลังบ ารุงและการซ่อมบ ารุงของหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจ าพื้นที่ มีฝ่ายอ านวยการ เป็นผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ผู้บังคับหน่วยต่อสู้อากาศยาน มีหน้าที่ รับผิดชอบการปฏิบัติงานทั้งปวง รับผิดชอบหน่วยของตน ในการปฏิบัติการให้บรรลุภารกิจของหน่วย เป็นผู้ตัดสินใจ ก าหนดนโยบายและแผนของหน่วย ก ากับดูแลหน่วย ต่อสู้อากาศยานในการปฏิบัติทางยุทธวิธีให้บรรลุตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย รับผิดชอบการฝึก ด ารงขวัญและ ก าลังใจ ปลูกฝังด้านวินัย รับผิดชอบงานในด้านธุรการ ตลอดจนการส่งก าลังบ ารุงและการซ่อมบ ารุงของหน่วยต่อสู้ อากาศยาน มีฝ่ายอ านวยการเป็นผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ในความรับผิดชอบให้บรรลุภารกิจ ผู้บังคับกองร้อยต่อสู้อากาศยาน มีหน้าที่ รับผิดชอบการปฏิบัติงานทั้งปวง รับผิดชอบหน่วยของ ตนในการปฏิบัติการให้บรรลุภารกิจของหน่วย เป็นผู้ตัดสินใจ ก าหนดแผนงานของหน่วย ก ากับดูแลกองร้อยต่อสู้ อากาศยานในการปฏิบัติทางยุทธวิธีให้บรรลุตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย รับผิดชอบการฝึก ด ารงขวัญและก าลังใจ ปลูกฝังด้านวินัย รับผิดชอบงานในด้านธุรการ ตลอดจนการส่งก าลังบ ารุงและการซ่อมบ ารุงของกองร้อยต่อสู้อากาศ ยาน มีเจ้าหน้าที่ในกองบังคับการกองร้อยเป็นผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ในความรับผิดชอบให้บรรลุ ภารกิจ ๕. กระบวนงานที่ส่งผลลัพธ์ให้กระบวนการปฏิบัติงานสมบูรณ์ (Work Flow) รับภารกิจ วางแผนการเตรียมความพร้อม ขั้นการวางแผน
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๑๑ ของ 31 หน้า ๖. ขั้นตอนการปฏิบัติ ขั้นที่ ๑ การวางแผน เป็นการก าหนดล าดับความส าคัญของบัญชีเป้าหมายส าหรับการวางก าลังหน่วยยิง หน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ประจ าพื้นที่ ๑ เป็นหน่วยที่ขึ้นการบังคับบัญชาทางยุทธการกับ ทรภ.๑ ซึ่ง ทรภ.๑ มีบัญชีเป้าหมายป้องกันภัยทางอากาศที่รับผิดชอบ ตามที่ก าหนดใน แผนป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพไทย (ทปอ.๖๐) จ านวน ๒๐ บัญชีเป้าหมาย และ หน่วย สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ ในฐานะที่จะต้องด าเนินการใน ด้านการป้องกันภัยทางอากาศให้กับบัญชีเป้าหมายดังกล่าว จึงได้ด าเนินการดังนี้ ๑.๑ การพิจารณาจัดล าดับความส าคัญของบัญชีเปูาหมาย ๑.๑.๑ กลุ่มบัญชีเปูาหมายความส าคัญเร่งด่วน ล าดับที่ ๑ จ านวน ๑๒ บัญชีเป้าหมายป้องกัน ซึ่งมี หน่วยงานรับผิดชอบพื้นที่บัญชีเป้าหมาย ได้แก่ การซักซ้อมการปฏิบัติ ประเมินผล การปฏิบัติที่รวมพลทางยุทธวิธี การสถาปนาหน่วย ไม่ผ่าน การใช้อาวุธน าวิถี เลิกตั้งยิงและเคลื่อนย้ายก าลัง รายงานผล ขั้นการเชื่อมโยงข้อมูล ขั้นการเตรียมความพร้อม ขั้นการเคลื่อนย้ายก าลัง ยุทธวิธีการต่อสู้อากาศยาน
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๑๒ ของ 31 หน้า ล าดับที่ บัญชีเป้าหมายป้องกันภัยทางอากาศ หน่วยรับผิดชอบ ๑. พื้นที่พัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก พัน.สอ.๑๑ ๒. ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา พัน.สอ.๑๑ ๓. โรงแยกก๊าซมาบตาพุด พัน.สอ.๑๑ ๔. แหล่งอุตสาหกรรมมาบตาพุด พัน.สอ.๑๑ ๕ การท่าเรือมาบตาพุด พัน.สอ.๑๑ ๖. ท่าอากาศยานนานาชาติ สุวรรณภูมิ พัน.สอ.๑๒ ๗. ศูนย์ปฏิบัติการก๊าซ ต.นาป่า อ.เมือง จว.ชลบุรี พัน.สอ.๑๒ 8. โรงกลั่นน้ ามันไทยออยล์ ศรีราชา พัน.สอ.๑๒ ๙. การท่าเรือแหลมฉบัง พัน.สอ.๑๒ ๑๐. แหล่งอุตสาหกรรมแหลมฉบัง พัน.สอ.๑๒ 1๑. คลังปิโตเลียมและโรงกลั่นน้ ามันศรีราชา พัน.สอ.๑๒ 1๒. คลังก๊าซโรงโป๊ะศรีราชา พัน.สอ.๑๒ ๑.๑.๒ กลุ่มบัญชีเปูาหมายความส าคัญเร่งด่วน ล าดับที่ ๒ จ านวน ๒ บัญชีเป้าหมายป้องกัน หน่วยงาน รับผิดชอบพื้นที่บัญชีเป้าหมายป้องกัน ล าดับที่ บัญชีเป้าหมายป้องกันภัยทางอากาศ หน่วยรับผิดชอบ ๑. ท่าเรือสัตหีบ พัน.สอ.๑๑ ๒. ท่าเรือประจวบ พัน.สอ.๑๒ ๑.๑.๓ กลุ่มบัญชีเปูาหมายความส าคัญเร่งด่วน ล าดับที่ ๓ จ านวน ๖ บัญชีเป้าหมายป้องกัน ซึ่ง มีหน่วย พัน.สอ.๑๑ และหน่วย พัน.สอ.๑๒ รับผิดชอบพื้นที่บัญชีเป้าหมายป้องกัน ล าดับที่ บัญชีเป้าหมายป้องกันภัยทางอากาศ หน่วยรับผิดชอบ ๑. สถานีไฟฟ้าย่อยโรงพยาบาลศิริราช พัน.สอ.๑๑ / พัน.สอ.๑๒ ๒. สถานีไฟฟ้าย่อยสวนส้ม พัน.สอ.๑๑ / พัน.สอ.๑๒ 3. สถานีไฟฟ้าย่อยบางเมือง พัน.สอ.๑๑ / พัน.สอ.๑๒ 4. สถานีไฟฟ้าย่อยธนานคร พัน.สอ.๑๑ / พัน.สอ.๑๒ 5. สถานีไฟฟ้าย่อยบางพลี พัน.สอ.๑๑ / พัน.สอ.๑๒ 6. สถานีไฟฟ้าย่อยแพรกษา พัน.สอ.๑๑ / พัน.สอ.๑๒ ๑.๒ ข้อพิจารณาในการวางหน่วยยิงอาวุธน าวิถี (FK3) ปูองกันบัญชีเปูาหมายใน ทรภ.๑ การจัดก าลังของหน่วยทางยุทธวิธีระดับกองพัน จะมีการใช้อาวุธที่หลากหลายชนิดผสมกัน ตั้งแต่ ปตอ. จรวดน าวิถี และอาวุธน าวิถีต่อสู้อากาศยาน และการมีระบบอาวุธปล่อยน าวิถี ฯ จึงเป็นการเพิ่ม อ านาจในการติดพันเป้าหมายได้ตั้งแต่ระยะไกลมากขึ้นถึงนอกเขตการยิงอิสระ ดังนั้นการก าหนดข้อพิจารณาใน การเลือกต าบลที่บัญชีเป้าหมายป้องกันส าคัญ ส าหรับการใช้อาวุธน าวิถี ฯ ป้องกันภัยทางอากาศให้ได้ครอบคลุม บัญชีเป้าหมายที่รับผิดชอบ จึงต้องผ่านกระบวนการวางแผนทางทหาร ตั้งแต่ขั้นการประเมินสถานการณ์ การ แสวงข้อตกลงใจของหน่วยตั้งแต่ระดับกองพันขึ้นไป เพื่อเลือกต าบลที่ที่มีความส าคัญที่สุดในการวางก าลังหน่วยยิง
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๑๓ ของ 31 หน้า ของระบบอาวุธน าวิถี ฯ ในการใช้อาวุธต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศต่อ บ.ข้าศึก ให้ได้ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ มากที่สุด โดยมีกลุ่มบัญชีเป้าหมายป้องกัน มีที่ตั้งส าคัญที่สุด คือ ๑. เป้าหมายทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับความอยู่รอดของชาติ ๒. เป้าหมายที่ส าคัญทางทหาร ๓. เป้าหมายที่ส าคัญในเชิงจิตวิทยา และระบบอาวุธน าวิถีต่อสู้อากาศยานแบบ FK3 มีขีดความสามารถ ๑. การตรวจจับเป้าอากาศยาน ได้ไกลสุด ระยะ 180 กม. ๒. การติดตามเป้าหมายทางอากาศ ได้ไกลสุด 142 กม. ๓. ระยะยิงไกลสุดของอาวุธน าวิถี ฯ ได้ไกลสุด 100 กม. การวางก าลังหน่วยยิงอาวุธน าวิถี (พื้น - สู่ - อากาศ) ระยะปานกลางแบบเคลื่อนที่ FK3 ได้ก าหนดแนวทางปฏิบัติ ในการวางหน่วยยิงในจุดพิกัดที่ตั้งไว้ดังนี้ ขั้นที่ ๒ การเตรียมความพร้อมของหน่วยและการพัฒนาเสริมสร้างก าลังรบ ๑. ด้านองค์บุคคล ก าหนดชั่วโมงในการหัดศึกษา และการฝึกซ้อมรบในที่ตั้งปกติ ก าหนดแผนการพัฒนาก าลังพลในด้าน ความรู้ ก าหนดแผนการพัฒนาก าลังพลใน ด้านทักษะ ๒๔๐ ชม./ปี - การอบรมในห้องเรียน ๙๖ ชม./ปี - การฝึกใช้อุปกรณ์และการต่อเชื่อม ระบบ ๑๔๔ ชม./ปี ท าการวัดและประเมินผลก าลังพลที่บรรจุในต าแหน่งของระบบอาวุธน าวิถี ฯ ปีละ ๑ ครั้ง เนื่องจากเป็นอาวุธที่มี ความส าคัญและมีคุณค่าทางยุทธการสูงของ ทร. และการใช้อาวุธดังกล่าวนี้มีความละเอียดอ่อน ต้องการความถูก ต้องในการปฏิบัติทุกขั้นตอนก่อนที่จะท าการยิง ร้อยละ ๑๐๐ ดังนั้นหน่วยปฏิบัติในระดับกองร้อยจึงต้องท าการ ประเมินก าลังพลในสังกัด เพื่อให้ทราบว่าก าลังที่บรรจุตามต าแหน่งและปฏิบัติงานอยู่ในปัจจุบันมีผลการประเมิน อยู่ในระดับใดบ้าง เพื่อน ามาเป็นข้อมูลในการพัฒนาก าลังพลในแต่ละกลุ่มต่อไป ระดับต่ ากว่าพื้นฐาน ระดับพื้นฐาน ระดับการพัฒนา ระดับเชี่ยวชาญ ๒๕ % ๗๕ % - การพัฒนาในการปฏิบัติหน้าที่ สูงขึ้นในสายงานเดียวกัน ๕๐ % - การพัฒนาในการปฏิบัติหน้าที่ ข้ามสายงาน ๑๐ % ๒.ด้านองค์วัตถุ ประเมินความพร้อมของเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น ระบบอาวุธน าวิถี ยานพาหนะ และ ระบบการเชื่อมโยงข้อมูล ความพร้อมของระบบอาวุธ ความพร้อมของยานพาหนะ ความพร้อมของการเชื่อมโยง 100 % 100 % - การเชื่อมโยงข้อมูลภายใน ๑๐๐ % - การเชื่อมโยงข้อมูลภายนอก ๘๐ % ๓.ด้านองค์ยุทธวิธี ข้อมูลของส่วนสนับสนุนเป็นส่วนส าคัญส าหรับเป็นข้อมูลให้การปฏิบัติด้าน ยุทธวิธีมีความพร้อมและมีประสิทธิภาพได้สูงสุด โดยข้อมูลต้องมีความถูกต้อง ทันสมัย และพร้อมใช้ได้ทันเวลา ที่ องค์ประกอบที่สนับสนุนการปฏิบัติทางยุทธวิธี ผลการตรวจสอบ มี X ไม่มี
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๑๔ ของ 31 หน้า ๑. เอกสารการจัดท าบัญชีเป้าหมายที่เป็นรูปเล่ม √ ๒. เอกสารการจัดท ารายงานสนามรบด้านการข่าวในพื้นที่ปฏิบัติการที่เป็นรูปเล่ม √ ๓. เอกสารการจัดท ารายงานการด ารงสรรพก าลังที่เป็นรูปเล่ม √ ๔. แผนการบรรจุก าลัง ตพ.๕ ที่เป็นรูปเล่ม √ ๕. แบบฝึกการปฏิบัติในการใช้อาวุธน าวิถี ฯ FK3 ของแต่ละเครื่องมือ √ ๖. คู่มือปฏิบัติงานในการใช้เครื่องมือแต่ละชนิดของอาวุธน าวิถี FK3 √ ๗. การบันทึกสถิติการใช้เวลาในฝึกซ้อมรบในที่ตั้งปกติที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ เวลาในการตั้งยิงของระบบอาวุธน าวิถี ๑๒๐ นาที เวลาในการทดสอบระบบอาวุธน าวิถี ๓๐ นาที เวลาในการรับข้อมูลการเชื่อมโยงภาพสถานการณ์ทางอากาศ จากหน่วยแจ้งเตือน - CCV. ๙๐ วินาที ๘. การจัดท าตารางประสานสอดคล้องการปฏิบัติกับหน่วยที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติขั้น การใช้อาวุธน าวิถี มีการจัดท าเอกสารเป็นรูปเล่ม X ขั้นที่ ๓ การเคลื่อนย้ายก าลังของระบบอาวุธน าวิถี ฯ เข้าพื้นที่การรบและการตั้งยิงระบบอาวุธ แนวทางการปฏิบัติในการเคลื่อนย้ายก าลังของหน่วยอาวุธน าวิถี ฯ ได้มีการจัดท าองค์ความรู้ไว้แล้ว เมื่อปี ๒๕๖๕ ในการด าเนินการในหัวข้อนี้ในปี ๒๕๖๖ จะมุ่งเน้นการจัดท าแนวทางปฏิบัติในเรื่องการเตรียมพื้น ที่ตั้งยิง และ การก าหนดรูปแบบการวางระบบอาวุธน าวิถี ๑. การเตรียมพื้นที่ตั้งยิงระบบอาวุธน าวิถี ในการวางระบบอาวุธปล่อยน าวิถี FK-3 ควรพิจารณา พื้นที่โล่ง การตรวจการณ์ทางอากาศได้ดี ลักษณะพื้นที่แข็งและราบเรียบ (ความลาดเอียงไม่เกิน ๒.๕ องศา) มี ขนาดความกว้าง x ความยาว ของพื้นที่ อย่างน้อย ๑๐๐ x ๑๐๐ เมตร โดยจะต้องค านึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้ - ครอบคลุมพื้นที่ป้องกัน ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย - สามารถด ารงการติดต่อสื่อสารกับหน่วยเหนือได้ตลอดเวลา - สามารถสนับสนุนระบบอาวุธ ปตอ.ระยะใกล้ และระยะปานกลางได้ - ไม่ถูกรบกวนโดยสัญญาณคลื่นวิทยุแม่เหล็กไฟฟ้า - สามารถวางก าลังป้องกันทางภาคพื้น และ มีเส้นทางในการรับการสนับสนุนจากหน่วย เหนือ ๒. การก าหนดรูปแบบการตั้งยิงของอาวุธปล่อยน าวิถีต่อสู้อากาศยาน ในรูปแบบการเชื่อมต่อ ระบบโดยใช้สายสัญญาณ ระยะการเชื่อมต่อแบบใช้สาย หน่วย หน่วย ระยะ (เมตร) รถบังคับการ CCV รถปล่อยอาวุธน าวิถีMLV 50 – 110 M. รถเครื่องก าเนิดไฟฟ้า PDV 30 M. รถเรดาร์ GRV 60 M. รถเรดาร์ GRV รถเครื่องก าเนิดไฟฟ้า PDV 30 M. รถทดสอบระบบ CMV 180 M.
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๑๕ ของ 31 หน้า ๓. การก าหนดรูปแบบการตั้งยิงของอาวุธปล่อยน าวิถีต่อสู้อากาศยาน ในรูปแบบการเชื่อมต่อ ระบบโดยไร้สายสัญญาณ ระยะการเชื่อมต่อแบบไร้สายใช้เฉพาะจุด จากรถบังคับการ (CCV) ถึง รถปล่อยอาวุธ น าวิถี (MLV) ได้ตั้งแต่ระยะ ๕๐ - ๑,๐๐๐ ม. โดยต้องพิจารณาถึงข้อจ ากัดในเรื่องของสิ่งกีดขวางตามธรรมชาติ และ สิ่งรบกวนที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น อาคาร เสาสัญญาณ ต่าง ๆ ประกอบการพิจารณาด้วย (รายละเอียดการ ปฏิบัติทางเทคนิคในการตั้งยิงระบบอาวุธน าวิถี ฯ ตามเอกสารคู่มือแบบฝึกอาวุธน าวิถีฯ) รูปแบบการตั้งยิง CCV CMV CMV MLV PDV MLV GRV
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๑๖ ของ 31 หน้า
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๑๗ ของ 31 หน้า
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๑๘ ของ 31 หน้า ขั้นที่ ๔ การเชื่อมโยงข้อมูลภาพสถานการณ์ทางอากาศจากเรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศแบบเคลื่อนที่มายังรถ บังคับบัญชา (CCV) ศสรท.ประจ าพื้นที่ จะท าการติดตั้งระบบการเชื่อมโยงข้อมูลภาพสถานการณ์รบ เพื่อส่งข้อมูลให้กับ หน่วยควบคุมทางยุทธการ (ทรภ.) การเชื่อมโยงข้อมูลภาพสถานการณ์รบจากเครื่องมือตรวจการณ์ภายในของ หน่วย ที่เกิดจากการค้นหาเป้าหมายและส่งข้อมูลให้กับหน่วยควบคุมและหน่วยปฏิบัติ โดยมีประเด็นค าถามที่ จะต้องร่วมกันพิจารณาให้ได้เป็นข้อยุติ การน าไปทดสอบการปฏิบัติในห้วงการฝึก และการใช้ปฏิบัติงาน จนเกิด ผลสัมฤทธิ์ และหน่วย สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ รวมทั้งหน่วยรองด้วยเครื่องมือตรวจการณ์ที่มีในอัตรา การปฏิบัติในการ เชื่อมโยงข้อมูลภาพสถานการณ์รบ จากการรับข้อมูลที่เกิดขึ้นจากหน่วยภายนอก แล้วเชื่อมโยงเข้าระบบส่งผ่านไป ยังหน่วยควบคุมและหน่วยปฏิบัติ จนการด าเนินการในขั้นตอนการปฏิบัติในการเชื่อมโยงข้อมูลภาพสถานการณ์รบ สมบูรณ์ ( รายละเอียดตามเอกสาร แนวทางปฏิบัติของหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจ าพื้นที่ พ.ศ.๒๕๖๔) เรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศ แบบเคลื่อนที่ (Kronos) ระบบสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Net work Centric Warfare : NCW ) ระบบบัญชาการและควบคุมทางอากาศ (Air Command and Control System : ACCS) รถเรดาร์ (GRV) ศปอ.ทรภ .
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๑๙ ของ 31 หน้า กรณีการเชื่อมโยงข้อมูลภาพสถานการณ์แบบ Near Real Time จะใช้เวลาในการด าเนินการตั้งแต่เริ่มต้นรายงาน จนถึง รถควบคุมบังคับบัญชา ตัวชี้วัดค่าความเป็นเวลา Near Real Time เป็นวินาที รถเรดาร์ตรวจการณ์ ทก.พัน. รถควบคุมบังคับบัญชา (CCV.) 14.00.00 14.01.00 14.01.30 เวลา Near Real Time ที่ปฏิบัติได้ 90 วินาที ขั้นที่ ๕ การใช้อาวุธน าวิถี (พื้น-สู่-อากาศ) ระยะปานกลาง แบบเคลื่อนที่ FK–3 ต่อตีเป้าหมายในเขตการยิงอิสระ แนวความคิดในการป้องกันภัยทางอากาศในภาพรวมของ ทร.ในอนาคตจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก เดิมมากนัก ทั้งนี้แนวความคิดในการใช้ก าลัง สอ.รฝ.ส าหรับการป้องกันภัยทางอากาศ จะต้องมีขีดความสามารถใน การใช้อาวุธระยะปานกลาง (๑๕ – ๕๐ ไมล์) และมีขีดความสามารถในการท าลายต่อเป้าหมายสูง เพื่อตอบสนอง แนวความคิดในการใช้ก าลังของ ทร. ด้านการป้องปราม และรองรับการโจมตีจากภัยคุกคามที่มีความเร็วสูง รวมทั้ง มีขีดความสามารถในการใช้ ปตอ.แบบผสมผสาน (MIX) กับระบบอาวุธ ปตอ.แบบ MANUAL แบบมีเครื่องควบคุม การยิง และระบบอาวุธแบบ อวป. ตามแนวทางการใช้ก าลังของหน่วยต่อสู้อากาศยาน และหลักนิยมการป้องกันภัย ทางอากาศภาคพื้น (GBAD: Ground Base Air Defense) และสามารถเชื่อมโยงภาพสถานการณ์ทางอากาศจนถึง หน่วยยิง และรองรับภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ภาวะปกติ ๕.๑ แนวทางการใช้ก าลังต่อสู้อากาศยานในการปฏิบัติการป้องกันภัยทางอากาศในระดับยุทธวิธี แนวทางการใช้อาวุธในการป้องกันภัยทางอากาศในลักษณะการป้องกันพื้นที่แบบ Point Defense ที่ปฏิบัติการใน ระดับยุทธวิธีให้ครอบคลุมพื้นที่ตามบัญชีเป้าหมายที่ก าหนดทุกพื้นที่ปฏิบัติการ สามารถเพิ่มขีดความสามารถใน การใช้อาวุธต่อสู้อากาศยานต่อเป้าหมายที่อยู่ ในเขตการยิงอิสระ ด้วยการใช้ระบบอาวุธน าวิถีต่อสู้อากาศยาน ระยะปานกลาง - ระบบอาวุธต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ ได้อย่างรวดเร็ว ระยะไกล และแม่นย า ๕.๒ การควบคุมบังคับบัญชา สั่งการอนุมัติท าลายเป้าหมายในเขตพื้นที่ท าลายเป้าหมาย ในรัศมี ๑๐๐ กม.มีการใช้อาวุธน าวิถีต่อสู้อากาศยานระยะปานกลาง (พื้น สู่ อากาศ) แบบ FK3 การปฏิบัติตาม กระบวนงานของยุทธวิธีการต่อสู้อากาศยาน ๔ ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นการตรวจการณ์ ขั้นการพิสูจน์ทราบฝ่าย ขั้นการติดพัน และขั้นการท าลายเป้าหมาย การควบคุมบังคับบัญชา แบบรวมการ ในขั้นการตรวจการณ์ และการพิสูจน์ทราบฝ่าย เป็นการปฏิบัติร่วมกัน โดยความ รับผิดชอบของ กองทัพอากาศ และมีการส่งข้อมูลเป้าเหล่านั้นมายัง ศปก.ทร.และการส่งข้อมูลเป้าต่อไปยัง ศปอ.ทรภ. ส าหรับการก าหนดระดับความพร้อมรบ มีการก าหนดรหัส DEFCON ใน ๕ ระดับ โดย ผบ.ทหารสูงสุด อุปกรณ์ปรับเปลี่ยน สัญญาณ รถปล่อยอาวุธน าวิถี (MLV) รถบังคับบัญชา ( FK3 ) ( Command Control Vehicle: CCV.) เชื่อมโยง ข้อควรระวัง เมื่อจะท าการแพร่คลื่นเรดาร์ความถี่สูง จะต้องไม่มีก าลังพลอยู่ภายนอกและใน แนวด้านหน้าในระยะ ๓๐๐ เมตร
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๒๐ ของ 31 หน้า ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพไทย ซึ่งหน่วย สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ เป็นหน่วยที่ขึ้นการควบคุมทาง ยุทธการกับ ทัพเรือภาค จะถูกควบคุมสั่งการแบบรวมการในขั้นตอนนี้ การควบคุมบังคับบัญชา แบบแยกสั่งการ ส าหรับสองขั้นสุดท้ายของการป้องกันภัยทางอากาศทางรับในเชิงรุก คือ การติดพัน และ การท าลายอากาศยานข้าศึก จะด าเนินการโดยแยกการควบคุมบังคับบัญชา ส าหรับอาวุธน าวิถี (พื้น – สู่ – อากาศ) ระยะปานกลาง แบบเคลื่อนที่ FK3 เป็นอาวุธที่มีขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศ ระยะยิง ไกลสุดได้๑๐๐ กม. มีขีดความสามารถในการติดตามเป้าหมาย ด้วยเรดาร์ควบคุม (GRV) ได้สูงสุด ๑๖ เป้าหมาย และถ้าสามารถเชื่อมโยงข้อมูลภาพสถานการณ์รบทางอากาศจากระบบ ACCS ให้เชื่อมต่อกับระบบควบคุมสั่งการ (CCV) จะท าให้ระบบอาวุธน าวิถีฯ มีความพร้อมในการป้องกันภัยทางอากาศได้สูงสุด แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถ เชื่อมต่อได้ ส าหรับการควบคุมบังคับบัญชาในการใช้อาวุธ ปตอ.ระยะใกล้ได้มีการก าหนดแนวทางการปฏิบัติ โดย ใช้การควบคุมแบบแยกสั่งการในขั้นตอน การติดพัน และขั้นการท าลายเป้าหมาย โดยหน่วยยิงเป็นผู้ด าเนินการ แต่เนื่องจากอาวุธน าวิถี ฯ มีระยะยิงที่ไกลถึง ๑๐๐ กม. การปฏิบัติในขั้นของการติดพันเป้าหมาย และการสั่งการใช้ อาวุธต่อตีเป้าหมายที่อยู่ในเขตการยิงอิสระ จะใช้แนวความคิดในการควบคุมบังคับบัญชา จะใช้แบบแยกสั่งการ เหมือนกับการยิง ปตอ.ระยะใกล้ดังนี้ ข้อก าหนด ผบ.สอ.รฝ. ประจ าพื้นที่ ผบ. พัน. ผบ. ร้อย. ๑.ค าสั่งอนุมัติการใช้อาวุธน าวิถีต่อตีเป้าหมายภายในเขตการยิงอิสระ ๒.เตรียมยิงอาวุธน าวิถี ๓.ค าสั่งติดพันเป้าหมาย / ก าหนดจ านวนท่อยิงอาวุธน าวิถีต่อตีเป้าหมาย สั่งยิง อาวุธน าวิถี ๔.รายงานระยะเป้าบินเข้า ขั้นตอนการใช้อาวุธน าวิถี รายงานผลการใช้อาวุธวิถี เมื่อ ศสรท.ประจ าพื้นที่ ตรวจจับเป้าหมายที่เกิดขึ้น และท าการพิสูจน์ทราบเป้าหมาย "เป็นข้าศึก" จะรายงานข้อมูลเป้าหมายไปยังทัพเรือภาค หน่วย สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ มี พัน.สอ.และ ร้อย.สอ. (CCV) พล็อต ติดตามเป้าหมาย โดยการแบ่งมอบความรับผิดชอบของส่วนต่าง ๆ ตามกระบวนการท างานในการควบคุม บังคับ บัญชา สั่งการใช้อาวุธน าวิถีต่อสู้อากาศยาน(พื้น สู่ อากาศ) ระยะปานกลางเคลื่อนที่ แบบ Fk3 ในการใช้อาวุธที่มี ระยะการยิงอยู่ในเขตการยิงอิสระ ๑๕ ไมล์ ( ตามกระบวนที่แนบ) ระบบสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Net work Centric Warfare : NCW ) ระบบบัญชาการและควบคุมทางอากาศ (Air Command and Control System : ACCS) ศสรท.ประจ าพื้นที่ ค้นหาเป้าหมาย เป้าหมายภายใน ทร. ติดตามเป้าหมาย ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันภัย ทางอากาศทัพเรือภาค สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ "อนุมัติการยิงอาวุธน าวิถี"
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๒๑ ของ 31 หน้า การเชื่อมโยงข้อมูล ขั้นตอนการใช้อาวุธ การควบคุมสั่งการ/ค าสั่งการยิง รายงานการใช้อาวุธปล่อยน าวิถี ฯ เว้นแต่ในขั้นของการใช้อาวุธน าวิถีในการต่อตีเป้าหมายที่อยู่นอกเขตการยิงอิสระ จะรายงานขออนุมัติการใช้อาวุธ น าวิถีจากหน่วยตั้งแต่ ระดับ ทรภ.ขึ้นไปเป็นผู้พิจารณา การก าหนดขอบเขตของการควบคุมสั่งการให้มีความ ชัดเจน เพื่อไม่ให้ระดับผู้ปฏิบัติเกิดความสับสนหรือมีการปฏิบัติที่เกินขอบเขตอ านาจหน้าที่ฝ่ายทหาร จนส่งผล กระทบกับภาพรวมของหน่วยในการปฏิบัติที่ขัดต่อกฎหมาย ๕.๓ กฎการปะทะ (Rule of Engagement : ROE) การก าหนดสถานภาพควบคุมอาวุธ อทร.๓๕๐๐ หลักนิยมในการป้องกันภัยทางอากาศ และป้องกันฝั่งของ สอ.รฝ. ก าหนดแนวทางการป้องกันภัยทางอากาศ หมายถึง มาตรการที่ใช้ในการปฏิบัติทั้งปวงที่ จ าเป็นเพื่อขจัดหรือ ลดประสิทธิภาพในการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของข้าศึก ภายหลังที่อากาศยานหรืออาวุธ น าวิถีของข้าศึก ได้ขึ้นสู่อากาศแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องปรามหรือยับยั้งการรุกรานของข้าศึก (Deterrence) ให้ ความปลอดภัยแก่หน่วยก าลังส าหรับท าการรุกของฝ่ายเรา (Security for Offensive Forces) ท าลายกองก าลัง ทางอากาศของข้าศึกที่เข้ามารุกราน (Destruction of Enemy Forces) และด ารงไว้ซึ่งความอยู่รอดของ ประเทศชาติ หลักนิยมการป้องกันภัยทางอากาศประกอบด้วย การค้นหา การพิสูจน์ฝ่าย การสกัดกั้น และการ ท าลาย การป้องกันภัยทางอากาศในภาพรวมของประเทศจะเป็นการป้องกันทางอากาศแบบ Area Defense โดย ทอ. จะใช้ก าลังทางอากาศท าการสกัดกั้นอากาศยานข้าศึกหรืออากาศยานไม่ทราบฝ่ายโดยใช้อาวุธประจ า บ. หรือ อาวุธต่อสู้อากาศยานท าลายอากาศยานข้าศึกในระยะไกลก่อนที่อากาศยานข้าศึก จะเข้ามาถึงแนวปล่อยอาวุธหรือ พิสูจน์ทราบเป้าหมาย (Hostile) อนุมัติใช้ อาวุธปล่อยฯ ยิงท าลายเป้าหมาย พัน.สอ. "ควบคุมการยิงอาวุธน าวิถี" ร้อย.สอ. "กดปุ่ม ยิงอาวุธน าวิถี" (CCV.) รายงานผลการยิง อาวุธน าวิถีฯ ข้อพิจารณา ก าหนดใช้อาวุธ น าวิถีฯ ค าสั่งติดพันเป้าหมาย ฝุายข้าศึก ฝุายข้าศึก
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๒๒ ของ 31 หน้า แนวปลดระเบิดส่วนในกรณีที่อากาศยานข้าศึกรอดพ้นจากการท าลายและเล็ดลอดบินเข้าหาเป้าหมายทางทหาร และเป้าหมายที่ส าคัญที่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของชาติ หน่วยต่อสู้อากาศยานในแต่ละพื้นที่จะด าเนินการ ป้องกันและท าลายอากาศยานด้วยอาวุธต่อสู้อากาศยานตามยุทธวิธีในการป้องกันภัยทางอากาศโดยค านึงถึงขีด ความสามารถของยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ ในปัจจุบันแบบ Point Defense ซึ่งจะท าการยิงอากาศยานข้าศึกที่รอดพ้น จากการท าลายหรือการสกัดกั้นของ ทอ. เข้าหาเป้าหมายในพื้นที่ป้องกันภัยทางอากาศและประสานการปฏิบัติกับ หน่วยที่เกี่ยวข้องในระบบการป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพไทยการป้องกันภัยทางอากาศในเขตพื้นที่ส่วนหลัง จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างใกล้ชิด ผ่านระบบเชื่อมต่อข้อมูลเป้าหมายทางอากาศอัตโนมัติของ ทท. มายัง ศปอ.ทรภ. จนถึงระดับหน่วยยิงโดยก าหนดแนวทางในการปฏิบัติดังนี้ ๕.๓.๑ พื้นที่ท าลาย (Destruction Area) ประกอบด้วยพื้นที่ย่อยต่างๆ ดังนี้ ๑) พื้นที่ บ.สกัดกั้น (Fighter Engagement Zone) เป็นการปฏิบัติการของ บ.ฝ่ายเราในการ บินสกัดกั้นและใช้อาวุธต่อ บ.ฝ่ายข้าศึก ๒) พื้นที่กันชน (Cross Over Zone) เป็นพื้นที่ที่ บ.ฝ่ายเดียวกันก าหนดเป็นจุดเลี้ยวออก (Break Away) ขณะที่ไล่ติดตาม บ.ฝ่ายข้าศึกเข้ามาในพื้นที่ ก่อนที่ บ.ข้าศึกจะบินเข้าสู่พื้นที่ใช้ อาวุธปล่อย (Missile Engagement Zone : MEZ) ของ ฝ่ายเรา ๓) พื้นที่ ใช้อาวุธปล่อยน าวิถี(Missile Engagement Zone) เป็นพื้นที่ในการใช้อาวุธ ปล่อยน าวิถี(SAM) ต่อ บ.ข้าศึกที่เล็ดลอดเข้ามาจากการสกัดกั้นของ บ.ฝ่ายเรา ๔) พื้นที่ ใช้ปืนต่อสู้อากาศยาน (Air Defense Artillery Zone) เป็นพื้นที่สุดท้ายในการใช้ อาวุธ ปตอ. ประกอบ คคย. และ อาวุธ ปตอ. ในการยิงต่อเป้าหมาย บ.ข้าศึกก่อนที่จะท าการปล่อยอาวุธ หรือปลด ระเบิดเพื่อท าลายเป้าหมายส าคัญของฝ่ายเรา โดยค านึงถึงขีดความสามารถของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ ในปัจจุบัน และประสานการปฏิบัติกับหน่วยที่เกี่ยวข้องตามระบบการป้องกันภัยทางอากาศรวมทั้งให้ปฏิบัติตามกฎการใช้ อาวุธ (Rules of Engagement) โดยเคร่งครัดเพื่อที่จะลดอันตรายในการใช้อาวุธต่อฝ่ายเดียวกัน ๕.๓.๒ ก าหนดเขตการใช้อาวุธน าวิถีต่อสู้อากาศยาน (Missile Zone) ตาม อทร.๓๕๐๐ ได้ก าหนดเขตการยิงอิสระไว้ที่ระยะ ๑๕ ไมล์ แต่เนื่องจากปัจจุบัน สอ.รฝ. ได้มีการบรรจุอาวุธน าวิถีต่อสู้อากาศยานระยะปานกลาง (พื้น - สู่ - อากาศ) แบบเคลื่อนที่ FK3 เข้าประจ า หน่วยในอัตราของ กรม สอ.๑ ดังนั้นการปฏิบัติทางยุทธวิธีการต่อสู้อากาศยานจึงต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้มีความ เหมาะสมกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการใช้อาวุธน าวิถีต่อสู้อากาศยานระยะปานกลาง แบบเคลื่อนที่ FK3 เนื่องจากขีดความสามารถของอาวุธดังกล่าวมีระยะการยิงไกลสุดถึง ๑๐๐ กม.ซึ่งเกินจากระยะของเขตการอิสระที่ ก าหนดไว้ตามหลักนิยมในการป้องกันภัยทางอากาศและป้องกันฝั่งของ สอ.รฝ. (อทร.๓๕๐๐)ดังนั้นเพื่อป้องกัน ข้อผิดพลาดและไม่เป็นการลดประสิทธิภาพของอ านาจในการยิงท าลายเป้าหมายลง จึงมีแนวความคิดในการ ก าหนดเขตการใช้อาวุธน าวิถีต่อสู้อากาศยาน (พื้น - สู่ - อากาศ) ระยะปานกลาง แบบเคลื่อนที่ FK3 ดังนี้ เขตการใช้อาวุธน าวิถีต่อสู้อากาศยาน (Missile Zone) คือรัศมีรอบพื้นที่ส าคัญในระยะ สังหารของอาวุธน าวิถีฯ (Kill Zone) ที่ระยะเกิน ๑๕ ไมล์ทะเล (๒๗ กม.) รอบพื้นที่ส าคัญ ในการก าหนดเขตนี้ ต้องแจ้ง ศยอ.ทอ.ทราบก่อนทุกครั้งโดย ศปอ.ทรภ. และหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจ าพื้นที่ จึงจะมี อิสระในการใช้อาวุธน าวิถีต่อเครื่องบินข้าศึกที่จะเข้ามาในเขตนี้ ส าหรับอากาศยานฝ่ายเราห้ามบินเข้าในเขตนี้ ยกเว้นในช่องทางปลอดภัย (Safety Corridor)
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๒๓ ของ 31 หน้า เขตกันชน (Crossover Zone) จะอยู่ต่อจากเขตการใช้อาวุธของอาวุธน าวิถีฯ (FK3) ออกไป ๖๐ ไมล์ซึ่ง ศปอ.ทรภ.ต้องสั่งการเครื่องบินฝ่ายเราในการไล่ติดพันเครื่องบินข้าศึกว่าจะให้ปฏิบัติต่อไปหรือ เลิกปฏิบัติ เมื่อเข้ามาในเขตนี้ เพื่อจะใช้อาวุธน าวิถีฯ (FK3) เข้าต่อตีและท าลายเป้าหมายแทน โดยปกติเครื่องบิน ฝ่ายเราต้องอยู่นอกเขตนี้ เขตการใช้เครื่องบินสกัดกั้น ( Fighter Zone) เป็นเขตการใช้เครื่องบินสกัดกั้น เข้าพิสูจน์ ทราบ และสกัดกั้นท าลายข้าศึก ภายใต้การควบคุมของหน่วยควบคุม ๕.๓.๓ ก าหนดยุทธวิธีการวางอาวุธต่อสู้อากาศยานปูองกันพื้นที่ส าคัญ การประกอบก าลังของหน่วย สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ จะมี พัน.สอ.เป็นหน่วยรับผิดชอบในเรื่อง ของการใช้อาวุธในการป้องกันภัยทางอากาศ และปัจจุบันได้มีการบรรจุอาวุธต่อสู้อากาศยานทั้งอาวุธน าวิถี จรวด น าวิถี และ ปตอ.แบบล ากล้อง ในอัตราของหน่วย ดังนั้น จึงก าหนดแนวความคิดในการวางอาวุธต่อสู้อากาศยาน ป้องกันบัญชีเป้าหมายส าคัญ ดังนี้ ๑. อาวุธปูองกันชั้นนอก เมื่อมี บ.ข้าศึกเข้ามาในเขตพื้นที่การใช้อาวุธที่ก าหนด จะใช้อาวุธ น าวิถี (พื้น - สู่ - อากาศ) ระยะปานกลาง แบบเคลื่อนที่ FK3 รับผิดชอบในการต่อตีเป้าหมายเป็นล าดับแรก โดย วางก าลังป้องกันภัยทางอากาศโดยรอบบัญชีเป้าหมายส าคัญ (COG) ในระยะ ๑๐ – ๑๕ กม. ๒. อาวุธปูองกันชั้นกลาง จะใช้ อาวุธ ปตอ.ระยะใกล้เป็นระบบอาวุธที่ขีดจ ากัดระยะยิง ในระยะ ๖ – ๘ กม. อาวุธ ปตอ.ระยะใกล้ วางก าลังป้องกันภัยทางอากาศโดยรอบบัญชีเป้าหมายส าคัญ (COG) ใน ระยะ ๔ – ๘ กม. ๓. อาวุธปูองกันชั้นใน จะใช้จรวดน าวิถีต่อสู้อากาศยานแบบเคลื่อนที่ Igla -S เป็นระบบ อาวุธที่ขีดจ ากัดระยะยิงในระยะ ๖ – ๘ กม วางก าลังป้องกันภัยทางอากาศโดยรอบบัญชีเป้าหมายส าคัญ (COG) บริเวณพื้นที่สูงข่ม หรือพื้นที่เหมาะสม เพื่อต่อตีเป้าหมายทางอากาศในขั้นสุดท้าย ระยะท าลาย ๕๕ ไมล์ (๑๐๐ กม.) เขตกันชน ระยะ ๖๐ ไมล์ เขตกันชน เขตกันชน เขตกันชน ระยะใช้อาวุธ น าถี(FK3) ๑๕ ไมล์
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๒๔ ของ 31 หน้า ภาพประกอบข้อมูลเขตการใช้อาวุธต่อสู้อากาศยาน หมายเหตุ การแปลงค่าฟุตเป็น กิโลเมตร ( ๑ ฟุต = 0.000305 กิโลเมตร) ๕.๓.๔ ค าสั่งควบคุมการยิงอาวุธน าวิถี ค าสั่งควบคุมการยิง (Fire Control Orders) เป็นกฎการติดพันเป้าหมายอันดับสุดท้าย ที่จะตัดสินใจว่าจะท าการยิงอากาศยานหรือไม่ เป็นค าสั่งที่ใช้เพื่อควบคุมการติดพันเป้าหมายในการป้องกันภัยทาง อากาศโดยไม่เกี่ยวข้องกับสถานภาพควบคุมการยิงที่ก าหนดขึ้น ส าหรับหน่วยที่มีอาวุธ สอ.ระยะปานกลาง ซึ่งมี ระยะยิงที่ไกลมากขึ้นและไม่สามารถมองเห็นเป้าหมายด้วยตาเปล่าเหมือนกับการยิง สอ.ระยะใกล้ จึงต้องมีความ ละเอียดรอบครอบพร้อมทั้งข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว ทันเวลา ในการประกอบการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา ในการ สั่งการใช้อาวุธน าวิถี แต่ละครั้ง ดังนั้นค าสั่งควบคุมการยิงอาวุธน าวิถีนี้ จึงก าหนดผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบ ตั้งแต่ ผบ.หน่วยระดับ สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ จนถึงระดับกองร้อย จะเป็นผู้ออกค าสั่งที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ โดยมี ขอบเขตที่ก าหนดในตารางประสานสอดคล้องการปฏิบัติที่ก าหนดไว้เพื่อให้การควบคุมการใช้อาวุธต่อเป้าหมาย หรือเพื่อควบคุมความปลอดภัย เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ค าสั่งควบคุมการยิงที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้ "อนุมัติใช้อาวุธปล่อย" เป็นค าสั่งที่ก าหนดจากหน่วย สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ โดยผ่าน กระบวนการวิเคราะห์ตามข้อพิจารณาในการใช้อาวุธน าวิถี ฯ ต่อตีเป้าหมาย ตามแบบที่ก าหนดขึ้นและได้รับการ อนุมัติจาก ผบ.สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ หรือ ผู้ที่ ผบ.สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ มอบหมายไว้ในค าสั่งยุทธการ สอ.รฝ.ประจ า พื้นที่แล้วเท่านั้น "เตรียมยิงอาวุธปล่อย" เป็นค าสั่งที่ สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ ได้อนุมัติใช้อาวุธน าวิถีต่อตี เป้าหมาย โดยสั่งการไปยัง พัน.สอ. "ติดพันเป้าหมาย" ( Engage) เป็นค าสั่งภายหลังจากที่ พัน.สอ.ได้รับการอนุมัติในการ เตรียมยิงอาวุธปล่อยน าวิถีต่อตีเป้าหมาย โดยการสั่งการไปที่ ร้อย.อาวุธน าวิถีฯ (หน่วยยิง) ก่อนที่อากาศยานฝ่าย ข้าศึกจะเข้ามาแตะที่เส้นเขตแนวแจ้งเตือน ระยะ ๒๕ ไมล์ COG H 15,000 ft / 4.5 km. H 30,000 ft / 9 km. H 50,000 ft / 15 km. 10 km. 15 km. 30 km. > 50 km. ปตอ.ระยะใกล้ 2 Igla-S 3 Fk3 1 H 90,000 ft / 27 km. เพดานบินของ บ.โดยสารอยู่ระหว่าง 18,000 ft - 40,000 ft
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๒๕ ของ 31 หน้า "ยิงอาวุธน าวิถี" (Missile Fire ) เป็นค าสั่งภายหลังจากที่ ร้อย.สอ.ได้รับการอนุมัติใน การติดพันเป้าหมาย และเมื่ออากาศยานฝ่ายข้าศึกเข้ามาแตะที่เขตการยิงอิสระ ๑๕ ไมล์ จะท าการยิงอาวุธน าวิถี ต่อตีเป้าหมายทันทีโดยการสั่งการไปที่ รถบังคับบัญชา (CCV) "เลิกติดพันเป้าหมาย" (Cease Engagement) เป็นค าสั่งที่ใช้เพื่อหยุดการปฏิบัติการ ทางยุทธวิธีต่อเป้าหมายที่ก าลังติดพัน อันเนื่องจากเป้าหมายนั้นบินออกนอกเขตการยิง ตัวอย่างของการสั่งการใน การเลิกติดพันเป้าหมาย เช่น หยุด - หยุด - หยุด เลิกติดพันเป้าหมาย หมายเลข ........... "ค าสั่งหยุดยิง" ( Hold Fire) เป็นค าสั่งฉุกเฉินใช้ส าหรับหยุดการยิงและหยุดการปฏิบัติ ทั้งปวง เช่นกรณีที่หน่วยยิง (CCV) /พัน.สอ./หรือหน่วยควบคุม (สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่) เห็นว่าการปฏิบัติการยิงอาวุธ น าวิธีที่จะเกิดขึ้นเป็นอันตรายต่อฝ่ายเรา โดยเฉพาะอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่อากาศยานฝ่ายเดียวกันและ บ.โดยสาร (เมื่อได้รับสั่งว่า "หยุดยิง/ Hold Fire" ให้ผบ.หมวดอาวุธน าวิถี ที่ควบคุมรถควบคุมบังคับบัญชา (CCV) กดปุ่ม สัญญาณยกเลิกการปล่อยอาวุธน าวิถี("Reset") ทันที "รายงานอาวุธน าวิถีพ้นท่อยิง" เป็นการปฏิบัติในการรายงานของรถปล่อยอาวุธน าวิถี (MLV) เพื่อให้หน่วยควบคุมสั่งการตั้งแต่ รถบังคับบัญชา (CCV) ขึ้นไปจนถึง ศปอ.ทรภ. ทราบการท างานของอาวุธ น าวิถีที่เกิดขึ้น "เวลาโคจรของอาวุธน าวิถี" เป็นการปฏิบัติในการรายงานของ รถบังคับบัญชา (CCV) เพื่อให้กองพันทราบว่าเมื่อยิงอาวุธปล่อยออกไปแล้ว เวลาโคจรของอาวุธน าวิถีจากจุดที่ตั้งของอาวุธน าวิถี ฯ - เป้าหมาย มีระยะเท่าใด ใช้เวลาในการวิ่งเข้าชนเป้าหมายที่ระยะ .......... กม. เวลา ......... วินาที ส าหรับกรณีพาด เป้าหมาย จะใช้เวลาในการท าลายตัวเองในเวลา .................... วินาที "รายงานผลการยิงอาวุธน าวิถี" เป็นการปฏิบัติในการรายงานของ รถบังคับบัญชา (CCV) เพื่อให้กองร้อย - กองพันทราบว่าเมื่อยิงอาวุธปล่อยออกไป ผลลัพธ์ของการปฏิบัติที่เกิดขึ้น เป็นอย่างไร เพื่อ รายงานผลให้ สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ และ ศปอ.ทัพเรือภาคทราบต่อไป ๗. มาตรฐานในการปฏิบัติงาน ๗.๑ การสถาปนาหน่วยอาวุธน าวิถี เริ่มต้นจากที่ตั้งปกติ - เข้าพื้นที่ตั้งยิง - การตั้งระบบอาวุธน าวิถี - พร้อมยิง ในการวางก าลังหน่วยยิง ในที่ตั้ง สอ.รฝ. (สนามบินเก่า ) ใช้การประเมินผลลัพธ์เชิงปริมาณ ในการใช้เวลา
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๒๖ ของ 31 หน้า ๗.๒ การเชื่อมโยงข้อมูลภาพสถานการณ์รบ การประเมินผลลัพธ์ในเชิงปริมาณ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ เวลาตั้งแต่ ศสรท.ประจ าพื้นที่ส่งข้อมูลเป้า จนถึงรถควบคุมบังคับบัญชาป้อนข้อมูลเป้า ใช้เวลาในการด าเนินการที่ เป็นเวลา near real time ๘. ระบบการติดตามและประเมินผล ในการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติ "แนวทางการใช้อาวุธน าวิถี ระยะปานกลางแบบเคลื่อนที่ FK3 ปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานในระดับยุทธวิธี" เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาระดับกองร้อยขึ้นไปที่จะต้อง 120 100 0 30 25 0 60 50 0 30 25 0 ๒๕๖๕ ๒๕๖๖ ๒๕๖๗ การใช้เวลาในการสถาปนาหน่วยยิง (นาที) เวลามาตรฐาน เวลาการเคลื่อนย้าย เวลาตั้งยิง เวลาทดสอบระบบ 90 90 0 120 100 0 ๒๕๖๕ ๒๕๖๖ ๒๕๖๗ การรับข้อมูลเปูาภาพสถานการณ์ทางอากาศจาก เรดาร์ตรวจการแบบเคลื่อนที่ (วินาที) เวลามาตรฐาน CCV.รับข้อมูลเป้า
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๒๗ ของ 31 หน้า ด าเนินการพัฒนาด้านองค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติไว้ตั้งแต่สถานการณ์ปกติ และด าเนินการประเมินผล เพื่อให้เกิดการปฏิบัติที่มีความเป็นมาตรฐาน ๘.๑ ด้านการพัฒนาองค์บุคคล การประเมินผลลัพธ์ในเชิงปริมาณ เกี่ยวกับการพัฒนาก าลังพล เกี่ยวกับจ านวนคนที่ได้รับการพัฒนาในแต่ละระดับที่เกิดขึ้น ๘.๒ ด้านยุทธวิธี การประเมินผลลัพธ์ในเชิงปริมาณเกี่ยวกับการฝึกซ้อมรบในที่ตั้งปกติ โดยใช้หน่วย วัดเป็นระดับความส าเร็จที่เกิดขึ้นในแต่ละส่วน (ก าหนดค่าสูงสุด ๕ ค่ามาตรฐาน ๓ ) ๙. เอกสารอ้างอิง ๙.๑ เอกสารอ้างอิงกองทัพเรือ หมายเลข ๓๕๐๐ หลักนิยมในการป้องกันภัยทางอากาศและป้องกันฝั่งของ สอ.รฝ. พ.ศ.๒๕๔๓ 50 45 45 25 30 0 5 5 ๒๕๖๕ ๒๕๖๖ ๒๕๖๗ การพัฒนาองค์บุคคล (จ านวนก าลังพล) ระดับพื้นฐาน ระดับพัฒนา ระดับเชี่ยวชาญ 2 2.5 0 2 2 0 2 2 0 0 0 0 ๒๕๖๕ ๒๕๖๖ ๒๕๖๗ ด้านยุทธวิธี ชุดข้อมูลสนับสนุน การพัฒนาระบบการเชื่อมโยง การบูรณาการข้อมูล การฝึกซ้อมรบการเปลี่ยนท่อยิงอาวุธน าวิถีในสนาม
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๒๘ ของ 31 หน้า ๙.๒ เอกสารอ้างอิงกองทัพเรือ หมายเลข ๓๔๕๑ คู่มือราชการสนามว่าด้วยการป้องกันภัยทางอากาศของ กองร้อยต่อสู้อากาศยาน พ.ศ.๒๕๔๕ ๙.๓ เอกสารอ้างอิงกองทัพเรือ หมายเลข ๓๕๐๖ แนวทางการปฏิบัติการร่วมระหว่าง ก าลังทางเรือของ ทร. และก าลังทางอากาศของ ทอ. พ.ศ.๒๕๖๐ (ปกร.๖๐) ๙.๔ เอกสารแนวทางการใช้ก าลังหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจ าพื้นที่ พ.ศ.๒๕๖๕ ๙.๕ แผนป้องกันภัยทางอากาศ บก.ทท. (ทปอ.๖๐) ๙.๖ คู่มือหลักปฏิบัติของ ผบ.ร้อย.สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ พ.ศ.๒๕๔๙ ๑๐. แบบฟอร์มที่ใช้ ๑๐.๑ แบบบันทึกข้อพิจารณาในการสั่งใช้อาวุธน าวิถีต่อสู้อากาศยาน Fk3 ต่อตีเป้าหมายของ ทัพเรือภาค ๑๐.๒ แบบฟอร์มการบันทึกค าสั่งการปฏิบัติทางยุทธวิธีในการยิงอาวุธน าวิถี ------------------------------------ บทสรุปของการจัดท าองค์ความรู้ เรื่อง แนวความคิดการใช้อาวุธน าวิถี (พื้น-สู่-อากาศ) ระยะปานกลางแบบ เคลื่อนที่ FK3 ปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานระดับยุทธวิธี ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ๑. การผลิตเอกสารองค์ความรู้ (Explicit) ส าหรับใช้เป็นแนวทางเบื้องต้นในการศึกษาหรือค้นคว้าของ ก าลังพลในหน่วยที่ต้องการพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ และต่อยอดในการพัฒนาการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งหน่วยศึกษา (ศฝ.สอ.รฝ.) ได้ใช้ประโยชน์ในการฝึกอบรมก าลังพลในระดับต่าง ๆ ของ สอ.รฝ.ตามหลักสูตรที่ ก าหนด ๒. การสร้างความเข้าใจในเรื่องการปฏิบัติทางยุทธวิธีเกี่ยวกับการใช้อาวุธปล่อยน าวิถีต่อสู้อากาศยาน (FK3) ระหว่างหน่วยปฏิบัติ (น.สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่) และหน่วยควบคุมการปฏิบัติ (ทรภ.) ได้มองภาพการปฏิบัติ เดียวกัน ซึ่งจะส่งผลให้การใช้อาวุธดังกล่าวนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ๓. การสร้างการเรียนรู้ในเรื่องของยุทธวิธีการต่อสู้อากาศยานในระยะปานกลาง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ใหม่ของหน่วย จากการที่ได้รับอาวุธดังกล่าวเข้าประจ าการในหน่วย ซึ่งต้องตอบค าถามที่ว่า "จะใช้อาวุธนี้ในการ ปฏิบัติทางยุทธวิธีการรบต่อสู้อากาศยานที่เปลี่ยนแปลงจาก สอ.ระยะใกล้ เพิ่มขีดความสามารถเป็นระยะปาน กลาง ให้ได้ผลลัพธ์เชิงคุณภาพสูงสุดอย่างไร" ดังนั้นหน่วยปฏิบัติจึงต้องร่วมกันสร้างองค์ความรู้ที่มีคุณค่าและ พัฒนาต่อยอดให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ๔. การสร้างผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการใช้อาวุธปล่อยน าวิถี (พื้น-สู่-อากาศ) ระยะปานกลาง แบบ เคลื่อนที่ (FK–3) "คนต้นแบบ" แล้วจ านวน ๒๐ นาย และต้องด าเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนคนต้นแบบรุ่น ๑ ที่จะต้องจากไปตามวาระ ด้วยการจัดระบบการเรียน การสอน การถ่ายทอด ที่เข้มข้น เพื่อรองรับการซ้อมรบด้วย การยิงอาวุธปล่อยในการปฏิบัติการยิงจริงด้วยลูกจรวดจริงที่จะเกิดขึ้นในห้วงเวลาต่อไป น.อ. ผบ.กรม สอ.๑ สอ.รฝ. บันทึกการแก้ไขปรับปรุง วัน เดือน ปี รายการแก้ไข ผู้บันทึก
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๒๙ ของ 31 หน้า แบบฟอร์ม ข้อพิจารณาของหน่วย สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ ในการอนุมัติใช้อาวุธน าวิถี (พื้น - สู่ - อากาศ) ระยะปานกลางเคลื่อนที่ แบบ FK3
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๓๐ ของ 31 หน้า ต่อตีเป้าหมายอากาศยานฝ่ายข้าศึก ที่ หัวข้อ ผลการพิจารณา / ใช้X ไม่ใช่ ๑. เป้าอากาศยานข้าศึกเข้ามาในเขตการยิงอิสระของการใช้อาวุธปล่อยน าวิถีฯ และมีความ สูงเกินระยะยิงไกลสุดทางดิ่งของอาวุธ สอ.ระยะใกล้ ๒. เป้าอากาศยานข้าศึกเข้ามาในเขตการยิงอิสระของการใช้อาวุธปล่อยน าวิถีฯ และมี ความเร็วสูงเกิน ๒ มัค มีทิศทางมุ่งหน้าเข้ายังบัญชีเป้าหมายป้องกัน ๓. เป้าอากาศยานข้าศึกเข้ามาในเขตการยิงอิสระของการใช้อาวุธปล่อยน าวิถีฯ มีทิศทาง มุ่งเข้าโจมตีบัญชีเป้าหมายป้องกันที่ส าคัญที่สุด และส าคัญมาก ๔. เป้าอากาศยานข้าศึกเข้ามาในเขตการยิงอิสระของการใช้อาวุธปล่อยน าวิถีฯ และมี ทิศทางมุ่งหน้าโจมตีที่ตั้งอาวุธปล่อยน าวิถี ฯ ๕. เป้าอากาศยานข้าศึกเข้ามาในเขตการยิงอิสระของการใช้อาวุธปล่อยน าวิถีฯ และมีการ ร้องขอหรือมอบหมายเป้าจาก บ.ทอ. เสนอ ครบตามข้อก าหนดในหลักเกณฑ์การพิจารณา ใช้อาวุธน าวิถี FK3 ขออนุมัติยิงอาวุธน าวิถีฯ ลงชื่อ ............................................................. (......................................................) (ต าแหน่ง) .................................................................. อนุมัติ ใช้อาวุธปล่อยน าวิถีฯ ไม่อนุมัติใช้อาวุธปล่อยน าวิถี ฯ ลงชื่อ ............................................................. (......................................................) (ต าแหน่ง) ....................................................................... แบบฝึกการสั่งการ ทางยุทธวิธีการใช้อาวุธน าวิถี (พื้น - สู่ - อากาศ) ระยะปานกลาง แบบเคลื่อนที่ FK3 ต่อตีเปูาหมายในระยะ ๑๕ ไมล์ลงมา
การจัดการความรู้ ประจ าปีงป.๖๖ หน้า ๓๑ ของ 31 หน้า หน่วยปฏิบัติ ข้อความการปฏิบัติการ ศสรท.ประจ าพื้นที่ ๑.ตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่ายแบริ่ง ๒๗๐ ระยะ ๑๐๐ ไมล์ "เตือนภัยทางอากาศขั้นเหลือง" ๒.อากาศยานไม่ทราบฝ่าย ไม่ตอบสัญญาณ IFF ไม่อยู่ในแผนบิน ก าหนดให้เป็นอากาศ ยานข้าศึก เป้าหมายเลข ๕๔๐๑ แบริ่ง ๒๗๐ ระยะ ๘๐ ไมล์เวลา ๑๔๐๐ ความเร็ว ๒ มัค ความสูง ๕๐,๐๐๐ ฟิต "เตือนภัยทางอากาศขั้นแดง" ศอย.พัน. ๓. ร้อย.สอ.ประจ าสถานีต่อสู้อากาศยาน ผบ.ร้อย.อาวุธน าวิถี ๔. ระบบอาวุธน าวิถี "พร้อม" พัน.สอ. - ขออนุมัติใช้อาวุธน าวิถี FK3 ต่อตีเป้าหมาย สอ.รฝ.ประจ าพื้นที่ - อนุมัติใช้อาวุธน าวิถี FK-3 ต่อตีเป้าหมาย เตรียมยิงอาวุธน าวิถี ศอย.พัน. ๕. ค้นหาเป้าหมายอากาศยานข้าศึก หมายเลข ๕๔๐๑ ที่คาดว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อ บัญชีเป้าหมายนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยใช้ GRV และท าการ Lock on เป้าหมาย ผบ.หมวดอาวุธน าวิถี ๖. RGV ตรวจพบเป้าอากาศยานข้าศึก หมายเลข ๕๔๐๑ แบริ่ง ๒๗๐ ระยะ ๕๐ ไมล์ ท าการ Lock on เป้าหมายเลข ๕๔๐๑ เรียบร้อย เวลา ๑๔๐๑ ศอย.พัน. ๗.เตรียมการต่อตีเป้าหมายอากาศยานข้าศึก หมายเลข ๕๔๐๑ ด้วยอาวุธน าวิถี FK3 จ านวน ๑ ลูก ผบ.ร้อย.สอ. ๘. ต่อตีเป้าหมายอากาศยานข้าศึก หมายเลข ๕๔๐๑ ด้วยอาวุธน าวิถี FK3 จ านวน ๑ ลูกที่ ระยะ ๑๕ ไมล์ ผบ.มว.อาวุธน าวิถี. ๙. เป้าอากาศยานข้าศึกหมายเลข ๕๔๐๑ บินเข้าระยะ ๒๐ ไมล์ ยิงอาวุธน าวิถี เวลา ............ จนท.CCV ๑๐. จะท าการยิงอาวุธน าวิถี FK3 ท่อที่ ๑ 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 จรวดพ้นท่อ ๑๑. อาวุธน าวิถี FK3 จะชนเป้าหมายใน 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 ชนเป้าหมาย ผบ.ร้อย. ๑๒. อากาศยานข้าศึก หมายเลข ๕๔๐๑ ถูกท าลาย ----------------------------------------