หนังสืออเิ ล็กทรอนิกส์
โครงสร้ างและการทางานของตะไบ
จัดทาโดย
นายธัญญกร ชาติเชื้อ รหัสนิสิต 64040107
นายเดชารัตน์ บุญมี รหัสนิสิต 64040128
โครงสรา้ งและการทำงานของตะไบ
โครงสรา้ ง
ตะไบเปน็ เคร่ืองมือที่มีคมตัดคล้ายฟนั เล่อื ย แตค่ มตัดของตะไบวางเรียงอยู่เต็มหน้าตะไบ เพราะฉนั้นใน
การตะไบผิวช้ินงานแต่ละคร้ัง คมตัดของตะไบจะตดั ถากเน้ือวสั ดุออกครั้งละมากๆ ผตู้ ะไบจะต้องใชแ้ รง 2 แรง
คือ แรงกด และแรงดนั
แสดงหลักการตะไบโดยใชแ้ รงดนั
เนื่องจากฟันของตะไบ ต้องตัดชิ้นงานพร้อมๆ กันเป็นจำนวนมาก และกำลังที่ทำให้คมตัดของตะไบเข้าตัด
ผิวชิ้นงานนั้น ได้จากกำลังของผู้ตะไบ ดังนั้นในการออกแบบให้ฟันมีขนาดเล็ก ซึ่งสามารถตัดถากผิวชิ้นงานที
ละนอ้ ยๆ และลักษณะของตะไบทเ่ี หมาะสมกับงานทีป่ ฏบิ ตั ิมดี ังน้ี
1.) ตะไบแบน (Flat Files) ลักษณะรูปร่างหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สามารถตะไบชิ้นงานได้พื้นมากใน
แต่ละครั้ง เหมาะสำหรับใช้ปรับลดขนาดผิวชิ้นงานภายนอกที่เรียบหรือโค้ง คือ ตะไบแบนหยาบ และใช้
ปรับแต่งผวิ ชิน้ งานสำเร็จ คือ ตะไบละเอยี ด เป็นตะไบที่นิยมใช้กันมาก
แสดงลักษณะรปู รา่ งของตะไบแบน
2.) ตะไบสี่เหลี่ยม (Square Files) ลักษณะรูปร่างหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เหมาะสำหรับใช้ใน
การตะไบช้นิ งานท่ีมรี อ่ งบ่าเป็นมมุ ฉาก ตะไบช้นิ งานทเ่ี ปน็ รหู รือรอ่ งสี่เหล่ียม
แสดงลกั ษณะรูปรา่ งของตะไบส่ีเหลีย่ ม
3.) ตะไบสามเหลี่ยม (Three Square Files) ลักษณะรูปร่างหน้าตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า
เหมาะสำหรับใช้ตะไบช้ินงานท่ีมีมุมแหลมหรือฉาก ใชแ้ ตง่ คมตดั ฟันเล่ือยหรือฟันเกลียวที่มีรอยเยินจากการใช้
งาน
แสดงลกั ษณะรปู รา่ งของตะไบสามเหลี่ยม
4.) ตะไบท้องปลิง (Half Round Files) ลักษณะรูปร่างหน้าตัดเป็นรูปโค้งรัศมี มีผิวหน้าตะไบแบน
เรียบด้านหนึง่ และอีกด้านมีผิวหน้าเป็นรปู โค้งรัศมี สามารถใช้ตะไบผิวชิ้นงานเรียบ รูกลม หรือร่องโค้ง ขนาด
ตา่ งๆ
แสดงลกั ษณะรปู ร่างของตะไบท้องปลิง
5.) ตะไบกลม (Round Files) ลักษณะรูปร่างหน้าตัดกลม เหมาะสำหรับ ใช้ตะไบตัดถากผิวชิ้นงาน
โคง้ รัศมีหรือรูกลมขนาดตา่ งๆ
แสดงลกั ษณะรูปร่างของตะไบกลม
ทิศทางแนวตะไบ
ลักษณะของฟันตะไบจะมีมุมคายเป็นบวก เพื่อหน้าที่คายเศษโลหะ ที่เกิดจากคมตัดของตะไบตัด
ผวิ ชิน้ งาน เศษโลหะจะไหลออกได้มาก ถา้ หากมุมคายโต มมุ คายยิ่งโตจะทำให้มุมลิ่มมขี นาดเล็กลง คมตัดของ
ตะไบจะตัดเนื้อวัสดุของชิ้นงานครั้งละมากๆ และจะตัดพร้อมกันหลายๆ ฟัน ทำให้ผู้ปฏิบัติงานจะต้องออก
แรงดนั ตะไบมากพอสมควร ซ่ึงจะข้นึ อย่กู บั ชนิดของตะไบหรอื ลกั ษณะฟันของตะไบ
แสดงลกั ษณะมมุ คายเปน็ บวกของฟันตะไบ
ลักษณะของฟันตะไบที่มีมุมคายเป็นศูนย์ การคายเศษโลหะจะไหลออกยากขึ้นเศษโลหะที่ออกมาจะมี
ลักษณะหกั เป็นเสน้ สน้ั ๆ ฟนั ของตะไบจะตัดผิวช้ินงานได้ต้นื หรอื นอ้ ยใช้แรงในการกดดนั ตะไบน้อย
แสดงลักษณะมุมคายเป็นศนู ยข์ องฟันตะไบ
ลกั ษณะของฟนั ตะไบท่ีมีมุมคายเป็นลบ การตัดเนือ้ วสั ดุ จะตัดด้วยการขดู เศษวัสดุท่ีออกมาจะมี
ลักษณะเปน็ เกรด็ คมตัดของตะไบจะตัดเนื้อวัสดุของช้ินงานไมล่ ึกมาก แรงต้านทานหน้าคมตัดน้อย ใชแ้ รงใน
การดันตะไบน้อยมาก
แสดงลกั ษณะมุมคายเปน็ ศนู ย์ของฟันตะไบ
คมตดั ของตะไบ
เกดิ จากการนำคมตดั มาวางเรยี งซ้อนกันบนหนา้ ตะไบตลอดความยาวของตะไบถ้าหากในการผลิตมีการ
วางคมตัดห่าง และมีความลึกของคมตัดมาก เรียกว่า ตะไบหยาบ แต่ถ้าวางคมตัดถี่และตื้น จะเรียกว่า
ตะไบละเอียด ซ่งึ ในการใช้งานจะแตกต่างกัน การวางคมตดั ในการผลติ จะมคี วามแตกต่างกนั ดงั ต่อไปนี้
แสดงการวางคมตัดบนหนา้ ตะไบตลอดความยาว
คมตัดเดี่ยว (Single Cut) ลักษณะของคมตัด วางเป็นแถวเอียงทำมุมประมาณ 68-85 องศา กับขอบ
ตะไบ คมตัดจะถ่แี ละตนื้ เหมาะสำหรบั ใช้ปรับแต่งผวิ ชิ้นงานข้นั สดุ ทา้ ย คมตัดของตะไบลักษณะนี้ ขณะทำการ
ตะไบจะมีเนื้อวัสดุเข้าไปอุดติดร่องฟัน ทำให้ผิวชิ้นงานเปน็ รอย ผู้ปฏิบัติงานจะต้องหมั่นใช้แปรงลวดทำความ
สะอาดร่องฟันหรอื ร่องคมตดั ใหบ้ ่อย
แสดงลักษณะคมตัดเดยี่ วของฟนั ตะไบ
คมตัดคู่ (Double Cut) ลักษณะของคมตัด จะวางเรียงเป็น 2 แถว โดนแถวแรกจะวางเอียงประมาณ
40-45 องศา และแถวที่สองจะวางเอียงประมาณ 70-80 องศา คมตัดจะห่างและลึกส่วนมากจะเป็นตะไบ
หยาบ สามารถตดั เนือ้ วัสดไุ ด้มาก จึงเหมาะสำหรับใชใ้ นการปรับลดขนาดชิ้นงาน คร้ังละมากๆ
แสดงลกั ษณะคมตดั ค่ขู องฟันตะไบ
คมตดั โค้ง (Curved Cut) ลกั ษณะของคมตัด จะโคง้ เป็นรัศมแี ถวเดยี ว ตัดผิวชิ้นงานและสามารถคาย
เศษวัสดุไดด้ ี เหมาะสำหรบั ตะไบชนิ้ งานทีม่ ีเนือ้ วัสดอุ ่อน เชน่ ทองแดง อะลมู เิ นยี ม ทองเหลือง ตะก่วั เปน็ ต้น
แสดงลักษณะคมตดั โคง้ ของฟนั ตะไบ
การทำงานของตะไบ
ในการจับตะไบปฏิบัติงานนั้นการตะไบชิ้นงาน สิ่งหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ การจับตะไบ ผู้ปฏิบัติงาน
ตะไบ จะตอ้ งใชม้ อื จับตะไบใหถ้ กู ต้อง เพื่อใหก้ ารตะไบชน้ิ งานมปี ระสิทธิภาพมากทสี่ ดุ และไมท่ ำให้มอื บาดเจ็บ
แสดงการจบั ตะไบ เพ่อื ทำการตะไบชน้ิ งาน
1.) การจับตะไบขนาดใหญ่ การจับตะไบมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ตามขนาดความโตของตะไบ
โดยทว่ั ไป ตะไบมขี นาดใหญ่ 8, 10หรอื 12 น้ิว ลักษณะการจบั ควรเปน็ ดงั นี้
1.1) จับให้ปลายด้ามของตะไบวางอยู่ในอุ้งมือขวานิ้วทั้ง 4 นิ้ว จับด้ามตะไบไม่ต้องให้แน่นมาก หัวแม่
มอื ชไ้ี ปขา้ งหน้า เพอื่ ให้งา่ ยต่อการดนั ตะไบขา้ งหนา้ เขา้ ตัดชิ้นงาน
1.2) วางมอื ซา้ ยบนปลายตะไบ เพอื่ ออกแรงกดและประคองตะไบในจังหวะที่ดนั ตะไบไปข้างหน้าเข้าตัด
ผิวชน้ิ งาน
แสดงการจบั ตะไบขนาดใหญ่
2.) การจับตะไบขนาดกลางและขนาดเล็ก ตะไบที่มีขนาดกลางหรือเล็ก มีขนาดประมาณ 4 หรือ 6
นวิ้ หรอื ตะไบชุดเล็ก ลักษณะการจับควรเป็นดังน้ี
2.1) จับใหป้ ลายด้ามของตะไบด้วยมอื ขวา เหมือนกับการจบั ด้ามตะไบขนาดใหญ่
2.2) วางหัวแม่มือของมือซ้ายลงบนปลายตะไบและจับปลายตะไบด้วยน้วิ มือท้ังสองนว้ิ เพื่อออกแรงกด
และประคองตะไบให้ไดร้ ะดบั
แสดงการจบั ตะไบขนาดกลางและขนาดเล็ก
3.) การจับตะไบปรับแต่งผวิ ขั้นสำเร็จ การตะไบปรับแต่งผิวสำเรจ็ หรือแต่งผิวขั้นสดุ ท้าย ส่วนมากจะ
ใชต้ ะไบคมตดั เด่ียวหรอื ตะไบละเอียดปรับแตง่ โดยมวี ธิ ีการจับดังนี้
3.1) จับปลายดา้ มตะไบดว้ ยมอื ขวา ใหพ้ อเหมาะ
3.2) ใช้ผา่ มือหรือน้วิ ท้ังสี่ของมือซ้าย กดลงบนหน้าตะไบกลางลำตวั เพอ่ื ออกแรงกดและประคองตะไบ
ให้ได้ระดบั และไมแ่ กว่งไปซา้ ยหรอื ขวา
แสดงการจับตะไบปรบั แต่งผิวสำเรจ็
4.) การจับตะไบในพื้นที่จำกัด การตะไบปรับแต่งผวิ ชิ้นงานในบริเวณพื้นทีแ่ คบ หรือช่วงชักของตะไบ
สน้ั มวี ธิ กี ารจับดงั น้ี
4.1) จับด้ามตะไบด้วยมือขวามือเดียวหรือใช้มือซ้ายช่วยจับ เพื่อให้สามารถออกแรงในการกดหรือดัน
ตะไบไดม้ ากยง่ิ ขึ้น
แสดงการจบั ตะไบในพ้ืนทีจ่ ำกดั
5.) การวางตำแหน่งเท้าขณะทำการตะไบ ขณะทำการตะไบชิ้นงาน ควรวางตำแหน่งเท้าตะไบให้
ถกู ตอ้ งตามลกั ษณะการยนื ตะไบ ซงึ่ โดยท่วั ไป การยืนตะไบจะมลี ักษณะดงั นี้
5.1) วางเท้าซ้ายให้อยู่หน้าเท้าขวา โดยให้เท้าซ้ายทำมุมกับแนวกึ่งกลางของปากกาประมาณ 15-20
องศา และเทา้ ขวาทำมุมประมาณ 60-70 องศา
แสดงการวางตำแหน่งเท้าขณะทำการตะไบ
การเคลอ่ื นทีข่ ณะตะไบชน้ิ งาน
การเคลื่อนที่ขณะตะไบชิ้นงานแบ่งออกเป็น 4 จังหวะ ในระหว่างการเคล่ือนที่ให้ตะไบตัดผวิ ชิ้นงานนน้ั
ผ้ตู ะไบตอ้ งโยกตัวไปข้างหนา้ อยา่ งต่อเน่ือง เพอ่ื ให้การตดั ของคมตะไบมีประสทิ ธิภาพมากที่สดุ
แสดงข้นั ตอนเตรียมตะไบ
แสดงขนั้ เร่มิ ต้นตะไบ
แสดงขั้นจงั หวะเกือบสดุ
แสดงข้ันสุดระยะชัก
การยืนและการเคล่ือนตัวขณะปฏบิ ตั ิงานตะไบ
การยืนและการเคลื่อนตัวขณะทำการตะไบผิวชิน้ งาน ผู้ปฏิบัติงานจะต้องยืนเคล่ือนลำตัว การวางแขน
และขา จะต้องควบคมุ ให้ถูกต้องดงั น้ี
ก.) จบั ตะไบใหถ้ ูกตอ้ งตามลกั ษณะการจับตะไบ
ข.) ขาขวาตรง ขาซา้ ยงอเข่าเลก็ นอ้ ย
ค.) ก้มตวั ตามองช้นิ งาน
ง.) มอื ขวาดันตะไบไปขา้ งหน้าเขา้ ตัดผวิ ชนิ้ งาน
จ.) มือซ้ายออกแรงกดและประคองตะไบไม่ใหเ้ อยี งซ้ายหรือขวา
ฉ.) ดนั ตะไบไปข้างหน้าจนสุดความยาวของตะไบ
ช.) ในจงั หวะชักตะไบกลับ ไม่ตอ้ งยกตะไบห่างจากผวิ ชน้ิ งาน
การใชแ้ รงกดตะไบ
ในการตะไบผิวชน้ิ งาน แรงที่ใช้ในการกดตะไบขั้นเรม่ิ ต้นนั้น ให้ออกแรงกดด้านหนา้ มากกวา่ แรงดันหลัง
แสดงการใชแ้ รงกดตะไบดา้ นหนา้ และด้านหลังขน้ั เริ่มต้น
ในการตะไบผิวชิ้นงาน แรงที่ใช้ในการกดตะไบขนั้ กลาง ใหอ้ อกแรงกดเท่ากนั ทง้ั สองด้าน
แสดงการใช้แรงกดตะไบด้านหนา้ และดา้ นหลังขั้นกลาง
ในการตะไบผิวชิ้นงาน แรงทีใ่ ช้ในการกดตะไบขนั้ สดุ ทา้ ย จะตอ้ งออกแรงกดด้านหนา้ น้อยกวา่ ดา้ นหลัง
แสดงการใช้แรงกดตะไบด้านหน้าและดา้ นหลงั ขัน้ สดุ ทา้ ย
การตะไบผิวเรียบ
การตะไบผิวของช้นิ งานใหเ้ รียบ มีวิธกี ารตะไบทว่ั ไป 4 ลักษณะ คอื
1.) ตะไบตามความกว้าง แนวของตะไบจะขนานกับความกว้างและตั้งฉากกับความยาวของชิ้นงาน
สามารถปรบั ลดขนาดของช้ินงานได้รวดเร็ว เพราะคมตดั ของตะไบเขา้ ตดั ผิวชิ้นงานได้มากกวา่
แสดงการตะไบผวิ ชนิ้ งานตามความกวา้ ง
2.) ตะไบตามความยาว แนวของตะไบจะขนานกับความยาวและตั้งฉากกบั ความกว้างของช้ินงาน ปรบั
ลดขนาดได้ช้า เพราะช่วงชักตะไบสั้น ทำให้คมตัดเข้าตัดผิวชิ้นงานได้น้อย ส่วนมากจะใช้ในการปรับผิวเรียบ
ชิ้นงานหรือตะไบผิวเรียบช้ินงานท่มี พี นื้ ทแ่ี คบ
แสดงการตะไบผิวชน้ิ งานตามความยาว
3.) ตะไบทะแยงมมุ แนวของตะไบจะทำมุม 45 องศา กับความยาวของชิน้ งาน เหมาะสำหรับการตะไบ
ผิวเรียบ โดยเริ่มตะไบจากมุมของชิ้นงานด้านหนึ่งไปยังด้านตรงข้าม โดยการตะไบสลับทิศทาง ทำให้แนวเส้น
ของการตะไบตัดกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด สามารถสังเกตความเรียบของผิวชิ้นงานได้ ถ้าหากแนวเส้น
ตัดกันเต็มผิวหน้าของช้ินงาน แสดงว่าผิวของชิ้นงานเรียบ ซึ่งสามารถตรวจสอบความเรียบของผิวได้ ด้วยฉาก
คมมดี หรอื บรรทัดคมมีด
แสดงการตะไบผิวช้ินงานแนวทะแยง
4.) การไสตะไบ การตะไบในลักษณะน้ี เหมาะสำหรบั การตะไบปรับผวิ เรยี บช้ินงาน เฉพาะจุดช่วงสั้นๆ
ที่ผิวของชิ้นงานสูงกว่าจุดอื่นๆ โดยการจับตะไบที่ด้ามและปลายตะไบ และทำการดันขอบตะไบไปข้างหน้า
แล้วชักกลับตามปกติ
แสดงการไสตะไบผวิ ชน้ิ งาน
การตะไบผวิ โค้ง
เป็นการตะไบผิวชิ้นงานที่มีลักษณะโค้งตามรัศมี ผู้ปฏิบัติงานตะไบ จะต้องดันตะไบไปข้างหน้า พร้อม
กับกระดกปลายตะไบขึ้น-ลง ตามรัศมีความโค้งของผิวชิ้นงาน และสามารถตรวจสอบความเรียบ และรัศมี
ความโคง้ ดว้ ยเกจวดั รัศมี
แสดงการตะไบผิวชนิ้ งานท่ีมีลกั ษณะ โค้งตามรัศมี
การตะไบผวิ โคง้ เว้า
การตะไบผิวโค้งเวา้ ชน้ิ งานด้านในน้ี จะใช้ตะไบทอ้ งปลิงทำการตะไบ ในจังหวะทด่ี นั ตะไบไปข้างหน้าน้ัน
จะต้องทำการบิดข้อมือขวาไปพร้อมกัน เพอ่ื ให้คมตดั ของตะไบ เขา้ ตัดผวิ ชนิ้ งานโคง้ เวา้ ไดต้ ามรศั มีทกี่ ำหนด
แสดงการตะไบผิวชน้ิ งานทม่ี ีลกั ษณะ โคง้ เวา้ ตามรัศมี
การเลือกใช้ตะไบ
ก่อนทจี่ ะทำการตะไบทุกครั้ง ผ้ปู ฏิบัตจิ ะตอ้ งเลือกใช้ตะไบให้เหมาะสมกบั วัสดุงานท่จี ะทำการตะไบ จะ
ทำใหก้ ารตะไบผวิ ช้นิ งานมีคุณภาพท่ีถกู ต้อง
ตารางแสดงวสั ดุและการเลอื กใชต้ ะไบใหเ้ หมาะสมกบั วัสดงุ าน
วัสดุ ชนิดของตะไบ
โลหะออ่ น เช่น สังกะสี อะลูมิเนยี ม พลาสติก ตะไบแบบมมุ คายเป็นบวก
โลหะเหนียว เช่น ทองเหลอื ง บรอนซ์ ตะไบแบบลายตัดไขว้
โลหะแขง็ เชน่ เหล็กไม่ผสม เหลก็ หล่อ อะลมู ิเนยี มผสม ตะไบแบบลายตดั ไขว้
โลหะแขง็ มาก เช่น เหล็กผสม เหล็กดีข้นึ รูป ตะไบแบบลายตดั ไขว้
อโลหะ เชน่ ไม้ หนังสัตว์ เขาสัตว์ ตะไบคมนูน
การทำความสะอาดตะไบ
ผู้ปฏิบัติงานตะไบ จะต้องทำความสะอาดตะไบทุกครั้ง ก่อนที่จะใช้งานตะไบ ขณะที่ทำการตะไบ และ
หลังเลิกใช้งานตะไบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ทำการตะไบเศษโลหะจะไปอุดร่องฟัน และเข้าตัดผิวชิ้นงาน
ทำให้ผิวชิ้นงานเป็นรอย จึงต้องหมั่นทำความสะอาดตะไบ โดยเฉพาะตะไบละเอียด ซึ่งการทำความสะอาด
ตะไบนนั้ เราสามารถใช้แปรงลวดเหล็ก หรอื แปรงลวดทองเหลือง ทำความสะอาด
แสดงการทำความสะอาดตะไบด้วยแปรงลวด
การทำความสะอาดตะไบที่ถูกต้อง ผู้ปฏิบัติงานจะต้องใช้แปรงลวด ถูตามแนวร่องฟันตะไบ โดยใช้มือ
ซ้ายจับด้ามตะไบ ให้ปลายของตะไบวางบนแผ่นยางรองพื้นโต๊ะและจับแปรงลวดด้วยมือขวา เริ่มทำความ
สะอาดจากโคนตะไบ ไปจนสุดปลายตะไบพลิกกลับหน้าตะไบ และทำความสะอาดตามขั้นตอนเดิมอีกด้าน
หน่ึง
แสดงทศิ ทางการทำความสะอาดตะไบถูกต้อง
ในกรณีที่มีเศษวัสดุติดแน่น เมื่อใช้แปรงลวดทำความสะอาดแล้วไม่ออกจากคมตัดของตะไบ อาจจะใช้
ปลายลวดแหลม แคะเศษวสั ดุตรงจุดน้นั หรอื ใช้โลหะอ่อน ขดู เศษท่ีอดุ แน่นกบั ฟนั ตะไบออกได้
แสดงการใช้เส้นลวดหรือโลหะอ่อนแคะเศษวัสดุ
การเกบ็ รกั ษาตะไบ
หลังจากเลิกใชง้ านทุกครั้ง ผปู้ ฏบิ ตั งิ านจะต้องทำการเก็บรักษาตะไบไว้ในที่จัดเตรยี มไว้ ซึง่ แลว้ แต่จะ
ออกแบบการจดั เกบ็ แบบใด ตามความเหมาะสม ไม่ควรเก็บตะไบวางซอ้ นกนั เพราะจะทำให้คมตัดของตะไบ
เสยี ดสีกนั ทำใหค้ มตัดสึกหรอเร็วยง่ิ ขึน้ และไมใ่ ช้นำ้ มันทากันสนิทคมตัดตะไบเป็นอนั ขาด
แสดงการจดั เกบ็ รกั ษาตะไบหลังเลกิ ใช้งาน
การใชง้ านและการบำรุงรกั ษาตะไบ
1.) ก่อนทำการตะไบผิวชน้ิ งานทุกครั้ง จะต้องขดู ผิวดิบของชน้ิ งานออกด้วยขอบหรอื ปลายของตะไบ
2.) ควรเลือกใชข้ นาดและชนิดของตะไบ ใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะงาน
3.) อยา่ ใชต้ ะไบที่ไม่มดี ้าม ดา้ มแตก หรือดา้ มหลวมไม่แนน่
4.) อยา่ ใชต้ ะไบ ตี ตอก หรืองดั ชน้ิ งาน เพราะตะไบอาจจะหักได้
5.) ใชแ้ ปรงขนอ่อนปดั เศษผงตะไบทกุ ครง้ั อย่าเป่าหรอื ใชม้ ือปดั
6.) ควรจดั วางตะไบแยกต่างหาก จากเครื่องมือชนดิ อ่ืนๆ
7.) หา้ มใช้นำ้ มนั ทากนั สนิมตะไบเด็ดขาด ควรใชแ้ ปรงลวดทำความสะอาดสนิม
8.) หลังเลกิ ใชง้ านทกุ ครงั้ ใช้แปรงลวดทำความสะอาดตะไบ และเกบ็ เขา้ ที่ใหเ้ รยี บร้อย