The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการเรียนการสอน นี้ เป็นสื่อร่วมสมัยใช้ร่วมกับแอปพลิเคชัน Zappar ประกอบด้วยเนื้อหา ดังนี้
- ความหมายโขน
- วิวัฒนาการของโขน
- ประเภทของโขน
- บทพากย์ เจรจา
- ตัวละคร
- ศีรษะโขน
- เครื่องแต่งกาย
- วงดนตรี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tutah285, 2021-05-03 04:25:20

เอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง โขน นาฏกรรมแห่งสยาม

เอกสารประกอบการเรียนการสอน นี้ เป็นสื่อร่วมสมัยใช้ร่วมกับแอปพลิเคชัน Zappar ประกอบด้วยเนื้อหา ดังนี้
- ความหมายโขน
- วิวัฒนาการของโขน
- ประเภทของโขน
- บทพากย์ เจรจา
- ตัวละคร
- ศีรษะโขน
- เครื่องแต่งกาย
- วงดนตรี

Keywords: โขน

โขนเปน็ นาฏศิลป์ประจาชาติท่ีมีการพัฒนาสืบเน่ืองมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นมหรสพของหลวงท่ีสมโภชใน ๑
งานพระราชพธิ ีสาคญั ๆ โขนเปน็ การประมวลวิจิตรศลิ ป์หลายสาขาไวด้ ้วยกัน กลา่ วคอื กระบวนทา่ ราจัดเป็นนาฏศิลป์ หน้าโขน
หรือหัวโขนท่ีผู้แสดงสวมใส่จัดเป็นงานประติมากรรม หัวโขนที่ทาด้วยกระดาษแล้วต้องนามาเขียนลวดลายลงสี ซ่ึงเป็นงาน
จิตรกรรม ส่วนประกอบของอาภรณ์เครื่องดับต่างๆ ปักลวดลายอย่างวิจิตรบรรจงด้วยงานหัตถศิลป์ชั้นสูง เรื่องราวท่ีนามา
แสดงคือรามเกียรติ์เป็นวรรณกรรมสาคัญอย่างหนึ่ง แล้วในการแสดงต้องมีวงปี่พาทย์บรรเลงประกอบ นับได้ว่าโขนเป็น
มหรสพสมควรแก่คุณค่าท่ีได้รับการยกย่องเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติอย่างเป็นทางการ จาก
องค์การการศึกษา วทิ ยาศาสตร์ และวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติ (ยเู นสโก)

เอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง โขน นาฏกรรมแห่งสยาม น้ี จัดทาข้ึนเพื่อรวบรวมเนื้อหาองค์ความรู้
เกยี่ วกับองคป์ ระกอบของการแสดงโขน โดยได้นาเทคโนโลยรี ่วมสมยั ระบบ AR (Augmented Reality) รปู แบบ Zapcode ท่ี
ใช้รว่ มกับแอปพลเิ คชนั Zappar เขา้ มาผสมผสานไว้เพอ่ื เผยแพรค่ วามรู้ สอื่ รปู ภาพ เสียง วิดที ศั น์ ซ่ึงเกดิ แรงกระตุ้นใหผ้ เู้ รยี น
มีความเข้าใจเกี่ยวกับโขนได้อย่างลึกซ้ึง และส่งผลไปยังเร่ืองการปลูกฝังให้ผู้เรียนรักษานาฏศิลป์โขน ให้คงอยู่เป็นมรดก
วฒั นธรรมของชาติ

ปภัชภณ ฉตั รอายธุ
ผจู้ ัดทา

เอกสารประกอบการเรียนการสอน เรือ่ ง โขน นาฏกรรมแหง่ สยาม นี้ ผู้เรียนต้องดาเนินการ ดงั นี้

 จะต้องดาวนโ์ หลดแอปพลิเคชัน Zappar ผ่านแอปพลเิ คชัน Play store หรอื Apps store ในสมาร์ทโฟนมือถอื

 เม่ือดาวนโ์ หลดเรยี บรอ้ ยแลว้ ใหก้ ดอนญุ าตเพ่ือให้แอปพลเิ คชันเขา้ ถึงระบบกล้องถ่ายรปู ในสมารท์ โฟน

 ขณะท่ีผ้เู รียนอ่านขอ้ มลู สาระสาคญั ตา่ งๆ เรียบร้อยแลว้

 หากเกดิ ข้อสงสัยนากลอ้ งสแกนไปที่ Zapcode เพ่อื ใชใ้ นการสแกนเข้าถงึ ภาพตวั อย่าง จะทาให้ผูเ้ รยี นเกิดความ

เข้าใจมากยิ่งขึ้น



คานา ............................................................................................................................................................................................................................................................. ............... ๑ ๓
คู่มอื การใช้ .................................................................................................................................................................................................................................................................. ๒
ความหมายของ โขน ............................................................................................................................................................................................................................................... ๓
ววิ ัฒนาการของ โขน ............................................................................................................................................................................................................................................... ๖
ประเภทของ โขน ...................................................................................................................................................................................................................................................... ๗

โขนกลางแปลง .............................................................................................................................................................................................................................. ๗
โขนนัง่ ราวหรอื โขนโรงนอก ...................................................................................................................................................................................................... ๘
โขนหนา้ จอ ...................................................................................................................................................................................................................................... ๙
โขนโรงใน ........................................................................................................................................................................................................................................ ๑๐
โขนฉาก ........................................................................................................................................................................................................................................... ๑๑
บท โขน ....................................................................................................................................................................................................................................................................... ๑๒
บทพากย์ โขน ............................................................................................................................................................................................................................................................ ๑๓
บทเจรจา โขน ............................................................................................................................................................................................................................................................ ๑๔
ตวั ละคร โขน .............................................................................................................................................................................................................................................................. ๑๕
ศรี ษะ โขน ................................................................................................................................................................................................................................................................... ๑๖
เครือ่ งแตง่ ตวั โขน .................................................................................................................................................................................................................................................... ๑๗
วงดนตรี โขน ............................................................................................................................................................................................................................................................. ๑๘
Zapcode ภาพและภาพเคลอื่ นไหว ................................................................................................................................................................................................................... ๑๙

องคก์ ารการศกึ ษา วิทยาศาสตร์ และวฒั นธรรมแหง่
สหประชาชาติ (ยเู นสโก)

ป“ระกโาขศรบันรอง”ให้

เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมทจี่ ับตอ้ งไมไ่ ด้ของมวล
มนุษยชาติอยา่ งเปน็ ทางการ



โขน คือ การแสดงท่าราเต้น ออกท่าเข้าดนตรี ประกอบด้วยตัวละครที่เป็นยักษ์ ลิง
มนุษย์ และเทวดา ผู้แสดงสวมหัวโขน ไม่ร้องและเจรจาเองท้ังหมด แต่ปัจจุบันผู้แสดงเป็นมนุษย์
เทวดาไม่สวมหัวโขน และเพิ่มการขับร้องอย่างการแสดงละครใน ผู้แสดงแบ่งออกเป็น พระ นาง
ยกั ษ์ และลิง



โขนเกิดจากการแสดงท่ีพฒั นามาจากการแสดงประเภทอน่ื ๆ ๓ อย่าง คอื
๑) การแสดงชกั นาคดกึ ดาบรรพ์ ในพธิ ีอินทราภเิ ษก ไดแ้ ก่ การแสดงทแ่ี บง่ ออกเปน็ ฝา่ ยอสูรกับฝ่ายเทวดาต่อสู้

กนั และรปู แบบของเคร่อื งแต่งกาย
๒) การแสดงหนงั ใหญ่ เปน็ ศลิ ปะแห่งการพากย์ เจรจา รวมทั้งทา่ ทางเตน้ ของคนเชิดหนัง ได้รับการยอมรับ

ว่าเปน็ ทา่ แสดงโขนในโอกาสต่อมา โดยเฉพาะบทยกั ษแ์ ละการเตน้ “เขน”
๓) การแสดงกระบก่ี ระบอง เนื่องจากการแสดงโขนเปน็ ศิลปะการตอ่ สู้ ฉะน้ัน ลีลาการต่อสขู้ องคนสมัยก่อนใน

เชิงกระบีก่ ระบอง พลองและอน่ื ๆ จึงไดร้ บั การปรับปรงุ และนามารวมไวใ้ นการแสดงโขน



๑) โขนกลางแปลง เป็นการแสดงโขนกลางสนามบนพื้นดิน การแสดงโขนแบบนี้มีแต่การยกทัพและการรบกัน
ดนตรที บ่ี รรเลงประกอบ ก็จะบรรเลงเฉพาะเพลงหนา้ พาทย์ประกอบการยกทพั และรบกันเท่าน้ัน บทโขนใช้แต่คาพากย์และ
คาเจรจา เน้นการดาเนินเรื่อง การแสดงโขนกลางแปลงนี้เคยมีแสดงคร้ังใหญ่ เมื่อ พุทธศักราช ๒๓๓๙ ในงานฉลอง
พระบรมอัฐสิ มเดจ็ พระปฐมบรมชนกาธริ าช โดยโขนวังหลวงเป็นกองทัพพระราม และโขนวังหน้าเป็นทัพทศกัณฐ์ ยกทัพมา
บรรจบกันท่ีท้องสนามหลวงประสมโรงเล่นกันตอนสิบขุนสิบรถ ปรากฏว่าโขนวังหน้าซ่ึงเป็นทัพทศกัณฐ์ไม่ยอมแพ้ จึงเกิด
รบกันขึ้นจริง เสร็จจากงานสมโภชพระบรมอัฐิแล้ว ความบาดหมางระหว่างวังหลวงกับวังหน้าก็เกิดข้ึนจนถึงกับเตรียม
ทาสงครามกนั สมเดจ็ พระพี่นางเธอท้งั สองพระองค์ คอื สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสดุ าวดี และสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระ
ศรีสดุ ารักษต์ ้องทรงเปน็ ผ้ไู กล่เกลีย่ จงึ คนื ดเี ป็นปกติสบื มา

จากหลกั ฐานท่ีกลา่ วมาข้างต้น จะเหน็ วา่ การแสดงโขนกลางแปลงนยิ มแสดง ตอนยกรบหรือยกทัพเป็นส่วนใหญ่
เนื่องจากเวทีกลางแจ้งมีความกว้างเหมาะกับการแสดงโขนที่มีผู้แสดงมาก ฉากท่ีใช้เป็นฉากธรรมชาติ ผู้ชมจึงต้อง
จินตนาการฉากตามเน้อื เรอื่ งท่แี สดง ในปจั จบุ ันการแสดงโขนกลางแปลงจะมีการดาเนินเร่ืองด้วยการพากย์ เจรจา ขับร้อง
และจดั ตอนแสดงอยา่ งหลาย



๒) โขนน่ังราว หรือ โขนโรงนอก เป็นการแสดงโขนบนโรงมีราวพาดยาวตามส่วนขนานกับเวทีของโรงโขน
เพอ่ื ให้ตวั นายโรงและตวั เอกน่ังและรา ช่องวา่ งระหวา่ ง ราวพาดกับฉากมีไว้เพื่อให้ตัวโขนดินรอบราวมีประตูเข้าออก ๒ ข้าง
เม่อื ตัวโขนออกมาราแล้วจะไปนั่งประจาท่ีบนราวซ่ึงสมมติว่าเป็นเตียงหรือท่ีน่ังประจาตาแหน่ง ดาเนินเร่ืองด้วยการพากย์
เจรจา ใชเ้ พลงหนา้ พาทย์ เช่น เพลงกราวใน กราวนอก คุกพาทย์ และตระนิมิต เป็นต้น มีวงป่ีพาทย์ ๒ วงตั้งทางซ้ายและ
ทางขวาของโรง เรียกว่า วงหวั วงท้าย

ข้นั ตอนในการแสดงโขนนงั่ ราวหรอื โขนโรงนอก เริ่มตั้งแตต่ อนบ่ายกอ่ นถึงวันแสดงใช้วงป่ีพาทย์ ๒ วง โหมโรง
ในระหวา่ งโหมโรงพวกโขนจะออกมากระทุ้งเส้าตามจังหวะเพลงท่ีกลางโรงจนจบ โหมโรงแล้วแสดงตอนพิราพออกเที่ยวป่า
จับสัตวก์ ินเป็นอาหาร พระรามหลงเขา้ สวนพวาทองของพิราพ แล้วหยุดการแสดง ผู้แสดงนอนพักค้างคืนเฝ้าโรง ๑ คืน จึง
เรยี กตอนนี้ว่า “โขนนอนโรง” ในวันรุ่งข้นึ ครั้นถงึ เวลากลางคืน จงึ เรมิ่ การแสดงเร่อื งราวต่างๆ ท่ีกาหนดไว้โดยเริ่มจากการ
ไหว้ครูโดยครูผู้อาวุโสจุดธูปเทียนบูชาครูเทพเจ้า ผู้แสดงทุกคนร่วมไหว้บูชาครูแล้วเร่ิมแสดงป่ีพาทย์บรรเลงเพลงวา การ
แสดงจะดาเนนิ เรอื่ งไปจนจบการแสดง

ปัจจุบัน การแสดงโขนน่ังราวหรือโขนโรงนอก ไม่ค่อยมีการจัดแสดงกันมากนัก มีเพียงแต่จัดแสดงสาหรับ
การศึกษาเป็นฉากๆ เทา่ นัน้ และจัดผสมผสานกับการแสดงโขนประเภทอื่นๆ เชน่ โขนหนา้ จอ เปน็ ตน้



๓) โขนหน้าจอ เป็นโขนประเภทหน่ึงที่พัฒนามาจากการแสดงหนังใหญ่ คือมีการแต่งตัวโขนออกมาแสดง
หนา้ จอหนังใหญ่ โดยเจาะผ้าดิบ ๒ ข้าง ทาเป็นช่องประตู เข้าออก ด้านขวาของเวทีเป็นซุ้มประตูค่ายพลับพลาของพระราม
ดา้ ยซา้ ยของเวทีเปน็ ซ้มุ ประตูปราสาทราชวังกรุงลงกาของทศกัณฐ์ กลางฉากตอนบนจะเขียนรูปเมขลาล่อแก้วด้านหนึ่งรูป
รามสรู เหนือข้นึ ไปเขยี นรูปดวงอาทิตยแ์ ละพระจนั ทร์ ด้านละดวง ยกพ้ืนหน้าจอข้ึนลาดกระดานปูเส่ือ มีลูกกรงล้อมรอบกั้น
คนมิให้เข้ามา ดนตรีจะบรรเลงบนพ้ืนโรงโขนหลังจอหนังใหญ่ท่ียกจอขึ้นเหนือพื้นเวที ผู้บรรเลงจะมองเห็นผู้แสดงผ่าน
ชอ่ งวา่ งระหว่างจอหนงั กับพ้ืนเวทีซ่งึ มีเชือกผูกตรงึ ยดึ จอไว้

ลาดบั ขัน้ ตอนในการแสดงจะเร่ิมจากช่วงบา่ ย เนื่องจากแต่เดิม ก่อนการแสดงหนังใหญ่เป็นเร่ือราวจะมีการเชิด
หนงั ใหญ่จบั ระบาหนา้ จอหนงั เรียกว่า “หนงั จับระบาหนา้ จอ” ตอ่ มามีผ้คู ดิ เอาคนแตง่ ตัวละครไปเล่นจับระบาไปจนค่าแล้วจึง
เรม่ิ เล่นหนงั ตอ่ ตอ่ มามผี ู้ปลอ่ ยตวั โขนออกมาเล่นแทนตัวหนังแล้วมีการเชิดหนังสลับไปบ้าง จึงเรียกการแสดงในตอนน้ีว่า
“หนังตดิ ตวั โขน” ครนั้ ภายหลงั เลยปล่อยตวั โขนเลน่ ไปต้ังแต่เยน็ จนเลกิ ในเวลากลางคนื ส่วนจอตง้ั ไวพ้ อเป็นพธิ เี ท่าน้นั

ปัจจุบันมีการจัดการแสดงโขนหน้าจอโดยดาเนินเร่ืองด้วยการพากย์ เจรจา และขับร้อง ส่วนมากจัดในเวลา
กลางคืน นยิ มแสดงเป็นเรอ่ื งยาว



๔) โขนโรงใน เปน็ โขนประเภทหนง่ึ ทีพ่ ัฒนามาจาก “หนงั จับระบา หน้าจอ” และ “หนงั ตดิ ตวั โขน” ซ่ึงเอามาเล่น
ระบาแทนตวั หนงั สลับการเชิดหนงั ใหญ่ ศลิ ปะแห่งการเล่นหน้าจอหนังเร่ิมผสมปะปนกันมากขึ้น โดยมีการนาการเต้น การ
พากย์ เจรจา และการราเพลงหน้าพาทย์อย่างโขนมาประสมกับระบา รา ฟ้อน ประกอบการขับร้องและเพลงประกอบกิริยา
อาการของดนตรีแบบละครในด้วยลีลาท่าราที่ประณีตงดงามต้ังแต่สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี นิยมเอาเรื่องรามเกียรติ์ไปแต่ง
ละครสาหรับการแสดงละครใน เช่น บทละครเร่ืองรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และบทพระราช
นพิ นธ์ในรัชกาลท่ี ๑ และรัชกาลท่ี ๒ กรุงรัตนโกสนิ ทร์ เปน็ ตน้ เช่น โขน ชดุ นางลอย ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ที่มีบทพากย์
เจรจาและบทร้องท่ีไพเราะ เป็นศิลปะการแสดงโขนภายในพระราชสานักที่งดงาม ต่อมาจึงนามาแสดงโขนประเภทนี้มา
แสดงในโรงอย่างละครใน จงึ เรยี กการแสดงโขนประเภทนวี้ า่ “โขนโรงใน” ต่อมาพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ กล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ
ครงั้ ดารงพระอสิ รยิ ยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกฎุ ราชกมุ าร ในรัชกาลท่ี ๕ ทรงพระราชนิพนธ์แกไ้ ขบทเก่าแลว้
บรรจุคาพากย์ เจรจา และเพลงหน้าพาทย์ โปรดเกลา้ ฯ ให้พวกโขนสมัครเล่นนาออกแสดง

ลาดับขน้ั ตอนการแสดงโขนโรงใน คือ มีการโหมโรงไหวค้ รเู ทพเจ้า โดยศิลปิน อาวโุ สกล่าวนาไหว้ครูแล้วเร่ิมการ
แสดง ปพี่ าทย์บรรเลงเพลง ดาเนินเร่อื งด้วยการพากย์ เจรจา และขับรอ้ ง มรี ะบาประกอบการแสดงด้วย

๑๐

๕) โขนฉาก เป็นการแสดงโขนอีกประเภทหนึ่งท่ีพัฒนาข้ึนในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลท่ี ๕ แห่งกรุงรัตนโกสนิ ทร์ ซงึ่ เปน็ พระราชดารขิ องสมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานรศิ รานวุ ัติวงศ์ โดย
นารปู แบบการสรา้ งฉากและแบง่ ฉากมาใช้ประกอบการแสดงเหมือนละครดึกดาบรรพ์ สว่ นวิธีการแสดงจะแสดงแบบโขนโรง
ใน คือ การพากย์ เจรจา และขับร้อง มรี ะบาประกอบการแสดงด้วย ลกั ษณะของฉากที่เป็นฉากประดิษฐ์ขึ้นให้สอดคล้องตาม
ทอ้ งเรอ่ื ง ตอ่ มาหลังสงครามโลกคร้ังที่ ๒ กรมศิลปากรก็นาออกแสดงในลักษณะโขนฉากหลายชุด เช่น ศึกมัยราพณ์สะกด
ทัพ ชุดพรหมาสตร์ ชุดนาคบาศ ชดุ นางลอย ชุดศึกวิรญุ จาบัง ชดุ ปรากากนาสรู และชุดหนุมานอาสา เปน็ ตน้

ต่อมาได้มีการนาเทคโนโลยีมาใช้ในการตกแต่งฉาก และมาช่วยในการดาเนินเรื่อง เช่น ใช้แสงเลเซอร์
ประกอบการแสดงในฉากอภินิหารตา่ งๆ พร้อมมีระบบเสียงประกอบทาให้ดสู มจริงมากยิง่ ข้ึน

๑๑

สาหรับการแสดงโขน เป็นศิลปะการแสดงช้ันสูงท่ีมีองค์ประกอบหลากหลายล้วนแล้วแต่ประณีต งดงาม มีคุณค่า
ไม่วา่ จะเป็นผแู้ สดงประเภทต่างๆ กระบวนทา่ รา ท่าเตน้ เครื่องแต่งกาย เครอ่ื งโรง จารตี การแสดง และองค์ประกอบท่ีกลา่ วถงึ
ตอ่ ไปน้ี คอื บทการแสดง
 วรรณกรรมรามเกยี รตส์ิ มัยอยุธยา รามเกียรติค์ าพากย์
 วรรณกรรมรามเกยี รต์สิ มัยกรุงธนบรุ ี ปีพ.ศ. ๒๓๑๓ สมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบรุ ี ทรงพระราชนพิ นธ์ ไว้ ๔ ตอน
 วรรณกรรมรามเกยี รติส์ มยั กรงุ รัตนโกสินทร์

- บทละครเรอื่ งรามเกยี รต์ิ ในรัชกาลที่ ๑ ตง้ั แตต่ น้ จนจบเรอ่ื ง
- บทละครเรอ่ื งรามเกยี รติ์ ในรชั กาลท่ี ๒ ทรงตดั ทอนจากบทพระราชนพิ นธ์ใน ร.๑ เพอื่ ใหเ้ หมาะสมในการแสดง
- บทละครเรื่องรามเกียรต์ิ ในรัชกาลท่ี ๔
- โคลงภาพเรือ่ งรามเกยี รติ์ ฝาผนังระเบียงวดั พระศรีรตั นศาสดาราม
- บทพากย์และบทร้องเรอ่ื งรามเกียรติ์ ในรชั กาลที่ ๖ ทรงพระราชนิพนธเ์ ปน็ ตอนส้นั ๆ
- บทโขนของกรมศลิ ปากร

๑๒

บทพากย์โขน เป็นบทกวีประเภทกาพย์ ได้แก่ กาพย์ยานีและกาพย์ฉบัง ตามจารีตของการพากย์โขนน้ัน เม่ือผู้
พากย์พากยไ์ ปจบบทหนึง่ ผู้ตีกลองตะโพนจะตที ้าใหผ้ ตู้ ีกลองทัดตีรับ ๒ ที ผู้ทีอ่ ย่ใู นโรงโขนก็จะรอ้ งรับพรอ้ มกันว่า “เพย้ ”

ลักษณะของบทพากยแ์ ละโอกาสท่ีใชพ้ ากยป์ ระกอบการแสดงโขน แบง่ เปน็ ๖ ตอน
๑) พากยเ์ มือง หรือพากย์พลับพลา ใช้พากย์ตอนเจา้ เมอื งประทับทที่ อ้ งพระโรง
๒) พากยร์ ถ ใชพ้ ากยต์ อนนายทพั ทรงราชรถ รวมไปถงึ ทรงชา้ ง ทรงม้า หรือพาหนะอน่ื ๆ
๓) พากยช์ มดง ใชพ้ ากย์ตอนชมปา่ ชมไพร
๔) พากย์โอ้ ใช้พากยต์ อนโศกเศรา้ เสยี ใจ และราพงึ ราพัน
๕) พากยบ์ รรยาย ใช้เวลาบรรยายความเป็นมาของสงิ่ ใดสิ่งหน่งึ
๖) พากย์เบด็ เตลด็ ใช้พากยใ์ นโอกาสทั่วไป

๑๓

บทเจรจา เป็นคาประพันธป์ ระเภทร่ายยาว ใช้เป็นบทพูด หรือบรรยายอริ ยิ าบถ และความรู้สกึ นกึ คิดของตวั โขน
การเจรจา แบ่งออกเป็น ๒ แบบ ได้แก่
๑) เจรจาดน้ คอื การเจรจาต้องแต่งบทเจรจาด้วยตนเองไมม่ ีการแตง่ บทไว้ก่อน การเจรจาแบบน้ีผเู้ จรจาตอ้ งจดจา
เร่ืองราวที่เจรจาให้แม่นยา และใชป้ ฏภิ าณ แต่งถ้อยคาสัมผัสให้สละสลวยไดเ้ นือ้ ความ
๒) เจรจากระทู้ คอื บทเจรจาทม่ี ีผู้แตง่ ขึ้นไวแ้ บบฉบับเฉพาะตอน เรียกวา่ “บทกระทู้” ใช้ในตอนที่ตัวโขนสนทนา
โต้ตอบกัน เมื่อการแสดงโขนดาเนินมาถึงตอนที่มีบทกระทู้ ผู้เจรจาจะต้องเจรจาตามบทกระทู้ บทกระทู้มีความไพเราะ
สละสลวยในเชิงสมั ผัส การเล่นอกั ษร และความหมาย

๑๔

ตัวละคร ในการแสดงโขนมีตวั ละครอย่างเห็นไดช้ ัด สามารถแบ่งเปน็ ๔ ประเภท ไดแ้ ก่
๑) ตัวพระ ผู้แสดงท่เี ป็นมนษุ ย์และเทวดา ซึง่ ได้แก่ พระราม พระลักษณ์ พระพรต พระสัตรตุ พ ร ะ อิ ศ ว ร พ ร ะ
นารายณ์ พระพรหม ในปจั จบุ นั นม้ี ักสวมเพียงชฎา ไม่ได้สวมหัวโขนปิดหน้าดังสมัยโบราณ ผู้ท่ีจะหัดแสดงเป็นตัว
พระ จะคดั เลือกผ้มู ีลกั ษณะใบหน้าสวย จมูกเป็นสัน ลาคอโปรง่ ระหง ไหลล่ าดงาม ช่วงอกใหญ่ ลาตวั เรยี ว เอวเล็ก
๒) ตัวนาง ตวั ละครตัวนางในเร่ืองรามเกียรติ์นั้นมีทั้งท่ีเป็นมนุษย์ ปลา นาค แต่ละตัวจะบอกชาติกาเนิดด้วยการ
สวมศรี ษะ และหางเปน็ สัญลักษณ์ ตัวนางในโขน ผู้ที่จะหัดแสดงเป็นตัวนาง จะคัดเลือกผู้ที่มีลักษณะคล้ายตัวพระ
แตต่ ้องมใี บหน้างาม กิริยาท่าทางนมุ่ นวลอยา่ งผู้หญิง
๓) ตัวยักษ์ ต้องมีลักษณะสูง วงเหลี่ยมตลอดจนการทรงตัวต้องดูแข็งแรง บึกบึน ลีลาท่าทางมีสง่า ซ่ึงต้องได้รับ
การฝึกหัดมาอย่างดีเพราะถือกันว่าหัดยากกว่าตัวอื่นๆ ผู้ท่ีจะหัดแสดงเป็นตัวยักษ์ คัดเลือกผู้ที่มีลักษณะคล้ายตัว
พระ แตไ่ มต่ อ้ งเลือกหนา้ ตา รปู ร่างต้องใหญ่ และท่าทางแข็งแรง
๔) ตวั ลิง ต้องมีท่าทางลุกล้ีลุกลน กระโดดโลดเต้นตามลักษณะธรรมชาติของลิง ผู้ที่จะหัดแสดงเป็นตัวลิง
คัดเลือกผ้ทู ี่มีลกั ษณะป้อมๆ ทา่ ทางหลกุ หลกิ คลอ่ งแคล่ววอ่ งไว

๑๕

การแสดงโขนแต่โบราณ ผู้แสดงตอ้ งสวมหนา้ โขนหรือหัวโขนปิดหน้า เว้นแต่ตัวตลกท่ีเรียกว่าตลกโขนเท่าน้ันท่ี
สวมหน้าโขนครอบไว้บนศีรษะ ไม่ปิดหน้า เพ่ือให้สามารถเจรจาแสดง “มุข” ได้เอง ผู้ท่ีสวมหน้าโขนอยู่ไม่พากย์เจรจาด้วย
ตนเอง แตต่ ้องเต้นและราใหเ้ ขา้ จงั หวะทานองดนตรี กบั ตอ้ งทาบทแสดงกิรยิ าอาการไปตามคาพากย์เจรจา

ภายหลงั การแสดงโขนมกี ารเปลย่ี นแปลงไปบา้ ง กล่าวคือผูแ้ สดงเป็นตัวยกั ษ์ ตวั วานรกับสัตวบ์ างจาพวกเท่านนั้ ท่ี
ยงั สวมหน้าโขนอยู่ สว่ นผแู้ สดงเปน็ เทวดาและมนุษย์ชาย หญิง ไม่นิยมสวมหน้า แต่ยังคงไม่พูด ไม่เจรจาเองตามแบบแผน
ของโขนดัง้ เดมิ

หน้าโขนหรือหัวโขน มีลักษณะและสีสันที่แตกต่างตามเร่ืองรามเกียรต์ิ เช่น หัวโขนทศกัณฐ์ หน้าสีเขียว สวม
มงกุฎยอดชยั ปากแสยะ ตาโพลง เปน็ ต้น

๑๖

เครอ่ื งแตง่ กายโขน ได้เลียนแบบอยา่ งเครอ่ื งแต่งกายของพระมหากษตั รยิ ์ แบง่ ได้ ๓ ประเภท คือ
๑. ศริ าภรณ์ (เครื่องประดบั ศีรษะ) เชน่ ชฎา มงกุฎ ปนั จุเหร็จ หวั โขน เปน็ ตน้
๒. ภษู าภรณ์ (เส้อื ผา้ เคร่อื งนงุ่ ห่ม) เช่น ฉลององค์(เส้อื ) สนับเพลา(กางเกง) ห้อยหน้า(ชายไหว) ห้อยข้าง(ชายแครง) พระ
ภูษา(ผา้ นงุ่ ) รดั เอว ผ้าทพิ ย์ เจยี ระบาด สไบ เปน็ ต้น
๓. ถนิมพิมพาภรณ์ (เคร่ืองประดับต่าง ๆ) เช่น ป้ันเหน่ง(เข็มขัด) สังวาล ตาบหน้า ตาบทิศ ตาบหลัง อินทรธนู ธามรงค์
แหวนรอบ ปะวะหลา่ ทองกร กรองคอ สะอิง้ พาหุรัด กาไลเทา้ เป็นต้น

๑๗

ในการแสดงโขนนั้นเคร่อื งดนตรีท่ใี ชป้ ระกอบการแสดงโขน ตอ้ งใช้ “วงปี่พาทย์” ซึ่งเปน็ วงดนตรีทใี่ ชป้ ระกอบการ
แสดงมหรสพไทยหลายประเภท เช่น หนังใหญ่ หุ่น ละคร เป็นต้น ซ่ึงขนาดของวงก็แล้วแต่ อาจจะเป็นวงป่ีพาทย์เครื่องห้า
เครอ่ื งคู่ หรอื เคร่อื งใหญ่

ลักษณะวงปี่พาทยเ์ คร่ืองห้า ประกอบด้วยเครอื่ งดนตรี ดงั นี้
๑. ระนาดเอก ๕. ปใี่ น
๒. ฆอ้ งวงใหญ่ ๖. ฉงิ่
๓. ตะโพน ๗. กรับ

๔. กลองทัด ๘. โกรง่

หากในการแสดงงานพระราชพิธีหรอื งานใหญ่ท่ีใช้คนจานวนมาก อาจขยายวงปีพ่ าทย์ เครือ่ งคู่ หรอื ปพี่ าทย์
เครอื่ งใหญก่ ไ็ ด้

๑๘

วิวฒั นาการของโขน บทพากยโ์ ขน
ประเภทของโขน บทเจรจาโขน
ตัวละครโขน
วงดนตรใี นการแสดงโขน ศรี ษะโขน
เครอ่ื งแตง่ ตัวโขน

๑๙

ใหน้ ักเรยี นชมวิดที ศั น์ โดยการสแกน Zapcode ขา้ งต้น แล้วจงวิเคราะห์รูปแบบการแสดงโขนท่ีตนเองชม ว่ามี
รูปแบบเปน็ อย่างไร อธบิ ายอย่างละเอียด (เลือกเพยี ง ๑ วิดที ัศน์)


Click to View FlipBook Version