การพฒั นานวัตกรรมสีย้อมธรรมชาตใิ นรปู แบบผงและผา้ มัดยอ้ ม
สำหรบั ผา้ ทอชมุ ชนบ้านไทรงาม จงั หวดั สระแกว้
กระบวนการพัฒนานวตั กรรมสยี อ้ มธรรมชาติในรปู แบบผงและผา้ มัดย้อมสำหรบั ผ้าทอชุมชนบ้านไทร
งาม และบ้านสุขเจรญิ จังหวัดสระแก้ว
1. ผลการดำเนินการศึกษาศักยภาพ ชุมชนในพื้นที่ชุมชนบ้านไทรงาม จังหวัดสระแก้ว ผู้วิจัยและ
นวัตกรชุมชนร่วมดำเนินการโดยศึกษา ข้อมูลเพื่อพัฒนาสีย้อมธรรมชาติในรูปแบบผงและผ้ามัดย้อมจากดอก
ดาวเรอื งสำหรบั ผา้ ทอชมุ ชนบา้ นไทรงาม จังหวดั สระแก้ว โดยอาศัยพ้ืนฐานทางวัฒนธรรมท้องถ่ินมาประยุกต์
และผสมผสานดังขน้ั ตอนต่อไปน้ี
1) ศกึ ษาสำรวจ สิง่ แวดลอ้ ม ธรรมชาติ
ภาพที่ 1 ลกั ษณะทางกายภาพของธรรมชาติในเขตพน้ื ท่ชี ุมชน
จากการลงพื้นที่สำรวจภาคสนาม บ้านไทรงาม และบ้านสุขเจริญ ตำบลพระเพลิง อำเภอเขา
ฉกรรจ์ จงั หวัดสระแกว้ ผู้วจิ ัยพบวา่ ลกั ษณะทางกายภาพ ทางธรรมชาติ ในพ้นื ทสี่ ่วนใหญช่ มุ ชนยงั คงยดึ อาชีพ
เกีย่ วเน่อื งกบั การเกษตร เช่น อ้อย ยางพารา ข้าว และเลี้ยงสตั ว์
ซ่ึงในการออกสำรวจพื้นที่ ผูว้ ิจัยมีข้อสงั เกตวา่ ผคู้ นในชมุ ชน นอกเหนอื จากการทำการเกษตรแล้ว
พบว่าชุมชนบ้านไทรงาม และบ้านสุขเจริญ ถ้าได้รับการพัฒนา ถ่ายทอดการผลิต การแปรรูป ผลิตภัณฑจ์ าก
ผ้าฝ้ายทอมือ ไปเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ แล้ว ชุมชนแห่งนี้จะเป็นฐานกำลังที่สำคัญ สำหรับการผลิต
ผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้ายทอมือ ทั้งยังสามารถสร้างรายได้ส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้ อาชีพเสริมนอกเหนือจาก
รายไดห้ ลักจากการเกษตรอีกด้วย
2) ศึกษาสำรวจ วฒั นธรรม วถิ ชี วี ติ
ภาพที่ 2 วฒั นธรรม วถิ ชี วี ติ ในชุมชน
วิถีวัฒนธรรม การดำเนินชีวิตภายในชุมชนบ้านไทรงาม เป็นไปแบบเรียบง่าย อาศัยการพึ่งพาซ่ึง
กันและกัน ผู้คนในชุมชนมีการรวมกันด้วยความสมัครสมานสามัคคีกัน พร้อมรับในสิ่งใหม่ และยังคงรักษา
ขนบประเพณไี ดเ้ ป็นอย่างดี ในภาพรวมสว่ นใหญ่ ผู้คนมีความสขุ มคี วามเป็นมติ รต่อกนั
3) ศึกษาสำรวจ ภมู ปิ ัญญา วัสดุท้องถิน่
ภาพที่ 3 ภมู ปิ ัญญา วัสดทุ ้องถ่ิน
จากการสำรวจพบว่า ชุมชนมีศักยภาพทางภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการทอผ้า โดยใช้กี่กระทบและ
จากฐานเดิมของภูมิปัญญาจากการเคลื่อนยา้ ยถ่ินฐานดงั ท่ีกล่าวไว้ในบทท่ี 2 ขอ้ 2.1 แนวคดิ ภูมปิ ญั ญา และการ
สืบทอด ใช้เส้นฝ้ายจากการรับซื้อจากโรงงานอุตสาหกรรมผลิตเสื้อ โดยทางชุมชนได้นำปกเสื้อโปโลที่ไม่ได้
มาตรฐานของโรงงานมาดึงเป็นเส้นและม้วนเก็บรอใช้งาน โดยอาศัยเวลาช่วงเย็นหรือขณะพักผ่อนดูโทรทัศน์
สีเส้นฝ้ายที่ได้จึงอาจมีหลากหลายสี ไม่สามารถเลือกได้ แต่ชุมชนสามารถจับคู่สีและวางลวดลายผ้าได้อย่าง
เหมาะสมสวยงาม จากลวดลายผ้าผนื ที่ออกมาจึงมีความโดดเด่นและแตกตา่ งกับผา้ ขาวมา้ แหล่งอน่ื ๆ ที่พบ จงึ
ทำให้ชุมชนสามารถขายผ้าผืนได้ โดยขายที่ราคาผืนละ 150 บาท กว้าง 85 เซนติเมตร ยาว 2 เมตร ดังนั้น
วัตถุดิบหลักที่นำมาใช้ในการออกแบบและผลิตเป็น ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ จึงเป็นวัตถุดิบที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบ
พื้นฐานที่มีอยู่ในท้องถิ่นมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ นำมาเป็นต้นทุนเพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ หรือเป็น
ผลิตภัณฑ์ทางเลือก เพิ่มมูลค่าด้วยกระบวนการผลิต การออกแบบ หลักสูตรการอบรมระยะสั้นและการมีส่วน
ร่วมของชุมชนบา้ นไทรงาม และบ้านสุขเจริญ
4) การวิเคราะหศ์ กั ยภาพชุมชนบา้ นไทรงาม
SWOT การวเิ คราะห์ศักยภาพชุมชนบา้ นไทรงาม
ตารางที่ 18 ผลการวเิ คราะห์ของชุมชนบ้านไทรงามและบ้านสขุ เจรญิ โดยใช้ SWOT Analysis
จดุ แข็ง (Strengths) จดุ ออ่ น (Weaknesses)
- มีลวดลายท่ีเป็นเอกลักษณเ์ ฉพาะ - ไม่มีแผนการตลาดท่ีชัดเจน
ัปจจัยภายใน (Internal) - ชมุ ชนมีความรู้ ความสามารถ ความ - ขาดการพัฒนาตราสินค้า บรรจุภณั ฑ์
ชำนาญในกระบวนการผลิต - ขาดการพฒั นานวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์
- มีลกู คา้ ประจำ และกระบวนการผลติ
- วตั ถดุ บิ ในการผลติ มคี ณุ ภาพ - บคุ ลากรขาดทกั ษะในการใช้ความคดิ
สร้างสรรค์ เพ่ือการพฒั นาผลิตภณั ฑ์
- ระบบการตรวจสอบคุณภาพสินคา้
- ระบบการบรหิ ารจัดการ การวเิ คราะห์ทาง
การเงิน ยงั ขาดคณุ ภาพ
โอกาส (Opportunities) อุปสรรค (Threats)
- กระแสบรโิ ภคนยิ มของผบู้ รโิ ภคใหค้ วาม - มผี ู้ผลิตสินค้าท่มี ีลกั ษณะเดียวกัน
ปัจ ัจยภายนอก (External) สนใจสนิ คา้ จากภมู ปิ ัญญา - ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น สง่ ผลให้
- รฐั บาลใหค้ วามสำคัญกับสินค้าชุมชน มี ภาวการณแ์ ข่งขนั สงู ข้ึน
นโยบายและมาตรการยกระดับ และพัฒนา - การเขา้ ถงึ หนว่ ยงานท่ีสนับสนุนการพัฒนา
ขีดความสามารถของผู้ประกอบการ ดา้ นเทคโนโลยี
- ภาคการท่องเท่ียวมีแนวโน้มการขยายตวั ดี - การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ
ข้นึ
- นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนากระบวนการ
ผลิตและจัดจำหน่าย
เพื่อให ้กา ร ดำ เน ิ น การ ว ิจ ั ย มี แน ว ทา ง ใน กา ร ทำ งา น ใ น ข ั้น ต อน ล ำดั บต่ อ ไ ปแล ะส ัม พ ัน ธ ์ กั บ
วัตถุประสงค์ที่ได้วางเอาไว้ ผู้วิจัยเลอื กใช้เครือ่ งมือ SWOT มาใช้ในการวิเคราะห์ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและ
อปุ สรรคโดยสามารถสรปุ ไดว้ ่าในการยกระดับสำหรับชมุ ชนทอผ้าในครงั้ นี้ ต้องเพมิ่ ขีดความสามารถของชุมชน
โดยการใช้นวัตกรรม ที่เหมาะสมกับชุมชน การพัฒนานวัตกรชุมชน การเพิ่มมูลค่า คุณค่าให้วัตถุดิบในพื้นท่ี
เทคนิคกระบวนการใหม่ ๆ เป็นทางเลือกใหม่ให้กับชุมชน รวมถึงการออกแบบสร้างตราสัญลักษณ์และบรรจุ
ภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑผ์ ้า
2. การพฒั นาสีย้อมธรรมชาติในรูปแบบผงจากดอกดาวเรือง
การพัฒนาสยี ้อมธรรมชาตใิ นรปู แบบผงจากดอกดาวเรือง การออกแบบผ้ามดั ย้อมและการมดั
ยอ้ มดว้ ยสีธรรมชาตดิ อกดาวเรือง เพ่ือพฒั นาและออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าชมุ ชน (สยี อ้ มธรรมชาติในรปู แบบ
ผง) ท่ีต่อยอดภมู ปิ ัญญาโดยใช้นวตั กรรม ยกระดับผลติ ภณั ฑ์ผา้ ชมุ ชนและเศรษฐกจิ ฐานรากในพืน้ ท่จี ังหวดั
สระแก้ว จดั ขึ้นระหวา่ งวันท่ี 12-14 พฤศจกิ ายน 2563 ณ ชมุ ชนบ้านไทรงาม อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวดั
สระแก้ว กลุม่ เป้าหมายจำนวน 20 คน วิทยากรจำนวน 3 ท่าน ประกอบดว้ ย ผศ.กรณัท สขุ สวัสด์ิ ผศ.อไุ ร
วรรณ คำสิงหา และอาจารย์ ดร.กติ ิยาพรรณ โพธิล์ ่าม จากคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี โดยพัฒนานวตั กรรมชมุ ชนด้านการพฒั นาสีย้อมธรรมชาติในรูปแบบผงจากดอก
ดาวเรืองการย้อมสีธรรมชาติ และการออกแบบผา้ มัดยอ้ มด้วยสีธรรมชาติ
การยอ้ มสีธรรมชาติ คือ การนำเอาวตั ถดุ บิ ในธรรมชาตทิ ี่ได้จากพชื สัตว์ จลุ ินทรยี ์ และแร่
ธาตุตา่ ง ๆ มาทำการย้อมกบั เส้นด้ายหรอื ผืนผ้า เพ่อื เพม่ิ สสี ันให้มคี วามสวยงาม ซ่งึ มีการสบื ทอดองค์ความรู้ใน
การยอ้ ม และเทคนคิ วิธีการย้อมสีดว้ ยภูมิปัญญาของคนรุน่ กอ่ นมายงั คนรุ่นหลังเป็นวิธีการทีง่ ่ายไมย่ ุ่งยาก
ซับซอ้ น และเกิดการพฒั นาต่อยอดเพ่ือเพิ่มคณุ ภาพการติดสีใหด้ ขี ี้นและลดตน้ ทุนการผลิต โดยการใชค้ วามรู้
ทางด้านวทิ ยาศาสตร์เข้ามาชว่ ย
ขอ้ ดีของสธี รรมชาติ
- ไมเ่ ป็นอนั ตรายต่อสุขภาพของผผู้ ลิตและผู้บรโิ ภค
- น้ำทิ้งจากกระบวนการผลิตไมเ่ ปน็ อนั ตรายตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม
- วตั ถุดิบหาได้ง่ายในชมุ ชนไม่ตอ้ งใช้สีเคมที ีน่ ำเข้าจากตา่ งประเทศ
- การย้อมสีธรรมชาติสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นความรู้ที่เพิ่มพูนขึ้นตามประสบการณ์
สามารถ ถ่ายทอดใหแ้ กค่ นรนุ่ หลัง เป็นภูมิปัญญาของทอ้ งถนิ่
- สธี รรมชาตมิ ีความหลากหลาย ตามชนิด อายแุ ละส่วนของพืชท่ีใช้ ตลอดจนชนดิ ของสารกระตุ้น
หรอื ขั้นตอนการย้อม
- การย้อมสีธรรมชาตทิ ำใหเ้ ห็นคุณค่าและรจู้ กั ใชป้ ระโยชนข์ องทรพั ยากรธรรมชาติ
- ความสัมพันธ์ระหว่างคนย้อมสีกับต้นไม้ ย่อมก่อให้ เกิดความรัก ความหวงแหน และเรียนรู้ท่ี
จะอนรุ ักษ์ และปลกู ทดแทนเพ่อื การผลติ ทีย่ ่ังยนื
ขอ้ จำกัดของสีธรรมชาติ
- ปรมิ าณสารสใี นวัตถดุ บิ ย้อมสีมนี ้อยทำให้ย้อมไดส้ ีไมเ่ ข้มหรือตอ้ งใช้วัตถดุ บิ ปรมิ าณมาก
- ไม่สามารถผลิตไดใ้ นประมาณมากและไมส่ ามารถผลติ สีตามทีต่ ลาดต้องการ
- สีซีดจางและมคี วามคงทนตอ่ แสงตำ่
- คุณภาพการย้อมสีธรรมชาติขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการซึ่งควบคุมได้ยากการย้อมสีให้
เหมือนเดมิ จึงทำได้ยาก
- ในการยอ้ มสธี รรมชาติถ้าไม่มวี ธิ ีการและจิตสานึกในการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนย่อมจะกลายเป็น
การทำลายส่ิงแวดลอ้ มได้
สีธรรมชาติได้จากธรรมชาติ เช่น ส่วนต่าง ๆ ของพืช และสัตว์ มีสมบัติละลายน้ำได้ มีรูปแบบ
การย้อมทั้งย้อมร้อนและย้อมเย็น สารให้สีทพี่ บในพืช โดยพจิ ารณาจากโครงสรา้ งของสารประกอบ งานวิจัยใน
ครั้งนี้ใช้ดอกดาวเรืองให้สีเหลือง การสกัดสีจากพืช สามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น การโขลก ทุบหรือป่ัน
ผ่านการกรองได้น้ำสีใส ไม่มีกาก สะดวกต่อการย้อม หรือการต้ม ใช้เวลาประมาณ 30-120 นาที ขึ้นอยู่กับ
วัสดุที่ใช้ เมื่อได้น้ำสีเข้มพอ นำมากรอง เพื่อให้มีสีจากดอกดาวเรืองใช้ได้ตลอดปีจึงศึกษากระบวนการ
ผู้วจิ ัยและนวตั กรชุมชนไดศ้ ึกษาวิธีการทำผงสีย้อมธรรมชาติ เช่นการผึง่ แหง้ การใช้เคร่ืองอบแห้งด้วยลมร้อน
แบบตู้หรือถาด (Tray dryer) เครื่องอบแห้งแบบพ่นฝอย (spray dryer) การมอลโทเดกซ์ทริน (Malto
Dextrin) เมื่อศึกษากระบวนการทำสีธรรมชาติแบบผงพบว่านวัตกรมที่เหมาะกับบริบทชุมชนและไม่เพ่ิ ม
ต้นทุนในการผลิตจึงใช้การ ผึ่งแห้งและบดผงเพื่อเก็นสีธรรมชาติจากดแกดาวเรืองและพัฒนาเป็นชุดย้อมผ้า
จากดอกดาวเรืองพรอ้ มใช้
ภาพที่ 4 วิทยากรจาก คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี
ภาพที่ 5 วัตถดุ ิบธรรมชาติจากท้องถิ่น ดอกดาวเรือง
ภาพท่ี 6 แยกกลีบดอกดาวเรือง
ภาพที่ 7 กลีบดอกดาวเรืองทีผ่ า่ นการคดั แยกแล้ว
ภาพท่ี 8 ชดุ ยอ้ มผา้ จากดอกดาวเรอื งพร้อมใช้
3 การออกแบบผา้ มัดย้อมและการมัดย้อมดว้ ยสธี รรมชาติดอกดาวเรือง
การดำเนินการในกระบวนการนี้เป็นการบูรณาการร่วมกับนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญจาก
สาขาวชิ าสิ่งทอและเครื่องนุ่งหม่ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล เพ่ือนำภูมิ
ปัญญาและนวัตกรรมด้านการย้อมสีธรรมชาติ ที่สกัดจากดอกดาวเรือง ซึ่งเป็นพืชที่มกี ารปลกู อย่างแพร่หลาย
ในพื้นที่ยกระดับการใช้ประโยชน์ด้วยการนำมาย้อมร้อนด้วยเทคนิคการมัดย้อม เพื่อสร้างลวดลายที่มี
ลักษณะเฉพาะ สามารถนำไปประยกุ ต์ต่อยอดเป็นผลติ ภณั ฑจ์ ากผา้ มัดยอ้ มได้อย่างหลากหลาย
ภาพท่ี 9 ซักหรอื ต้มนำ้ ร้อนเพอ่ื ทำความสะอาดผ้าเตรยี มนำไปมดั และยอ้ ม
ภาพที่ 10 การเตรียมผา้ โดยการมดั ท่ตี ้องใช้รปู แบบการผูกการมัดเฉพาะตัว
เทคนิคการผูกการมัดก่อนการย้อม มีความสำคัญมาก เนื่องจากจะเป็นปัจจัยสำคัญในการที่จะทำ
ให้เกิดลวดลายลักษะเฉพาะต่าง ๆ ขึ้นบนผืนผ้า โดยมีอุปกรณ์ในการผูกการมัด คือ ไม้กลม หรือแบนสำหรับ
หนีบผ้า หรืออาจใช้ตะเกียบสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายอยู่โดยทั่วไป และวัสดุสำหรับการผูกและการมัดในการวิจัย
ครง้ั น้ี ใช้เชือกฟางกับหนังยางเอนกประสงค์
ภาพที่ 11 การสกัดสีย้อมจากดอกดาวเรอื ง (กลีบดอก)
ภาพที่ 12 กรองน้ำสสี กดั ด้วยผา้ ขาวบางหนา 2 ชั้น
การเตรยี มน้ำสสี กดั จากธรรมชาติ ดอกดาวเรอื ง บีบคั้นสจี ากกลบี ดอกดาวเรืองแล้ว กอ่ นนำมาใช้
งานตอ้ งผ่านการกรองดว้ ยผ้าขาวบาง จำนวน 2 ชน้ั เพอื่ แยกเอาแต่น้ำสีท่ีไดจ้ ากการสกัดมาใช้ ซึ่งกระบวนการ
นช้ี ุมชนสามารถนำความรู้ไปปรบั ใชไ้ ด้จรงิ อยา่ งเหมาะสม
ภาพที่ 13 วิทยากรให้คำแนะนำการเตมิ สารช่วยติดสใี นน้ำสีย้อม
ภาพท่ี 14 นำผ้าทม่ี ดั เตรยี มไวไ้ ปใสใ่ นภาชนะสแตนเลสสำหรับย้อมรอ้ น
ภาพท่ี 15 ใช้ไม้พายกดใหผ้ า้ จมน้ำสยี ้อม ต้องควบคุมใหส้ ีสมำ่ เสมอทัว่ ถึง
ภาพท่ี 16 หลังจากแชส่ ารตดิ สีเรยี บรอ้ ยแล้ว ใหล้ ้างนำ้ สีย้อมด้วยน้ำสะอาดในภาชนะทเี่ ตรยี มไว้
** หมายเหตุ : หลังจากนำผ้าแช่น้ำสีย้อมประมาณ 1 ชั่วโมง ตักหรือคีบผ้าลงมาแช่ในน้ำที่ผสมสารติดสี
ระยะเวลาประมาณ 10-15 นาที จากนั้นค่อยนำผ้าไปล้างในน้ำสะอาด เมื่อน้ำใสดีแล้วนำไป
ผึ่งใหแ้ ห้งในที่ร่ม จากนนั้ จึงนำไปซักให้ผ้าสะอาดอีกครั้งกอ่ นนำไปใชง้ าน
ภาพที่ 17 ผึ่งลมในท่ีรม่ ให้แห้ง
ภาพท่ี 18 ผลงานลวดลายผ้ามดั ย้อมท่ีมีลักษณะเฉพาะของแต่ละผืน
สรุปกระบวนการทำผ้ามดั ย้อมสธี รรมชาตจิ ากดอกดาวเรือง
การเตรียมผา้ เพ่อื การมัดยอ้ ม
1. ทำความสะอาดผ้าเพ่ือกำจดั ส่ิงสกปรกและสีย้อมทลี่ ะลายในนำ้ แทรกซึมเข้าสเู่ ส้นใยได้ง่าย โดย
ใช้การใช้สารออกซิไดซิ่ง สารที่ใช้ คือ เพอร์ซัลเฟตและเพอร์ออกไซด์ (ต้องระวังสูตร และสภาวะให้เหมาะสม
อาจทำให้ความเหนยี วลดลง) สารเคมีที่ใช้ประกอบด้วย น้ำสบู่ โซดาไฟและ เพอร์ซัลเฟต เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก
และไขมันตามธรรมชาติของเส้นใย และช่วยให้ผ้าเปยี กซมึ นำ้ ได้ง่าย และเส้นใยเงามนั มากข้ึน ผลการย้อมสีเข้ม
ขนึ้ 15-30 %
2. ผง่ึ แดดให้แหง้
3. ออกแบบและมัดลายผา้
สรปุ กระบวนการเตรยี มน้ำสีย้อม
1. นำกลบี ดอกดาวเรอื งท่ีเตรยี มไวป้ ริมาณ 2 กิโลกรัม ใสภ่ าชนะสแตนเลส
2. ตวงน้ำสะอาด 30 ลติ ร ลงในภาชนะสแตนเลส
3. ทำการต้มให้เดอื ดเปน็ เวลา 1 ชั่วโมง
4. ทำการกรองนำ้ สี ผา่ นผา้ ขาวบาง
5. นำน้ำสที ่ีสกดั ได้ไปใช้ย้อมผ้า
วธิ กี ารยอ้ มสี
1. ตวงน้ำสตี ามปริมาณท่ีต้องการใส่ลงในภาชนะสแตนเลส
2. ใส่ผา้ ท่ผี ่านการทำความสะอาด ผกู มดั แล้ว ลงในภาชนะที่มีสารละลายสยี ้อมผสมอยูแ่ ละกดผา้
ให้จมลงในสารละลายสียอ้ ม
3. เพ่ิมอณุ หภมู ิใหร้ ้อนขนึ้ ถงึ นำ้ เดือดโดยทำการย้อมที่อุณหภูมนิ ีเ้ ป็นเวลา 1 ช่ัวโมง
การใช้สารช่วยตดิ มอรแ์ ดนท์
1. จากนน้ั นำข้นึ มาแช่สารชว่ ยตดิ มอร์แดนท์ (สาร copper sulphate หรือ สาร Aluminium
sulphate หรือ สาร rust iron)
2. เตรียมสารละลายสารช่วยติด โดยชั่งสารมา 5 กรมั และนำมาละลายในน้ำ 1 ลิตร
3. นำผ้าทผ่ี า่ นการย้อมสี ใสล่ งในสารละลายมอรแ์ ดนท์
4. แชผ่ ้าในสารละลายมอร์แดนท์เป็นเวลา 10-15 นาที
5. นำไปตากแหง้ ในทรี่ ่ม (ห้ามตากกลางแดด) เมื่อผ้าแหง้ แล้วนำไปซกั ใหส้ ะอาด
สรุปขั้นตอนการย้อมสีธรรมชาติ คือ การนำเอาวัตถุดิบในธรรมชาติที่ได้จากพืช สัตว์ จุลินทรีย์
และแร่ธาตุต่าง ๆ มาทำการย้อมกับเส้นด้ายหรือผืนผ้า เพื่อเพิ่มสีสันให้มีความสวยงาม ซึ่งมีการสืบทอดองค์
ความรู้ในการย้อม และเทคนิควิธีการย้อมสีด้วยภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อนมายังคนรุ่นหลังเป็นวิธีการที่ง่ายไม่
ยุ่งยากซับซ้อน และเกิดการพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มคุณภาพการติดสีให้ดีขี้นและลดต้นทุนการผลิต โดยการใช้
ความรูท้ างดา้ นวทิ ยาศาสตร์เข้ามาช่วย
การยอ้ มสีธรรมชาตใิ ห้มคี ุณภาพ
ควรต้องมีการใช้สารประกอบช่วยเพ่ือให้เส้นใยดูดสีและ ติดสไี ด้ดีขึ้น ซึง่ สารประกอบที่ใช้ไดม้ า
จากวสั ดุธรรมชาตเิ ช่นกนั เชน่
- ตวั ดูดสีจะใชใ้ บยูคาลิปตสั ใบกระถนิ เป็นตน้
- ตัวตดิ สีจะใชใ้ บมะขาม เปน็ ต้น
- สารประกอบที่ใช้เติมในการย้อมสีธรรมชาติจะทำให้สีย้อมที่ได้มีสี แตกต่างกันออกไป ซึ่งเป็น
เรอื่ งทีผ่ ยู้ ้อมต้องศึกษา และทดลองหาวา่ สารประกอบใดใชก้ บั วสั ดใุ หส้ ชี นดิ ใดแล้วจะใหส้ ีใดออกมา ซง่ึ วัสดุใหส้ ี
ชนิดหนึ่งสามารถค้นคว้าสร้างสรรค์ให้สีได้ถึง 3-5 สี นอกจากนี้ ความอ่อนแก่ของสียังแตกต่างกันไปตาม
ฤดูกาล และความอ่อนแก่ของต้นไม้ที่นำมาใช้เป็นวัสดุย้อมสีอีกด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ ได้ควบคุมด้วยสารเคมี
หรือวธิ กี ารใดแตเ่ ปน็ การควบคุมดว้ ยธรรมชาติ
การดูแลรกั ษาเสอื้ ผ้าย้อมสธี รรมชาติ
1. ซกั ดว้ ยมือ : ดว้ ยผงซักฟอกเจอื จาง /ไม่ใส่สารฟอกสี
2. ซักเครอ่ื งได้ : ผงซกั ฟอกอ่อน /ไม่มฟี อกสแี ยกผา้ ออกจากผา้ อ่ืน ๆ เพื่อป้องกันสตี ก
3. ผ่งึ ลมใหแ้ ห้ง ไมต่ ้องโดนแดด
4. การรดี เสื้อผา้ ใชไ้ ฟปรกติตามชนดิ ของเนอื้ ผ้า
หมายเหตุ: 1. การใช้น้ำในแต่ละแหล่งของชุมชนควรต้องปรับปรุงคุณภาพน้ำให้เหมาะสมน้ำที่มีเกลือโลหะ
หนกั
2. นำ้ กระด้างท่ีมีอิออนของโลหะแคลเซยี มหรอื แมกนเี ซียม เมื่อผ่านกระบวนการเตรียมผ้าอาจมี
คราบขาวเกาะตดิ บนผ้า เป็นจ้ำ ๆ หรอื เป็นดวง การดูดสีจะไมส่ ม่ำเสมอ