The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Siriwat Laokhum, 2023-02-26 19:33:55

ึึคู่มือกีฬายูโด

ยูโด

คู่ มื คู่ อ มื ก า ร เ ล่ น แ ล ะ ฝึ ก ซ้ อ ซ้ ม กี ฬ า ยู โ ด


ยูยิสสู ในประเทศญี่ปุ่นปุ่ สมัยโบราณ ซึ่งเชื่อว่าว่ตนเองเป็นป็ลูกพระอาทิตย์ มีถิ่นที่อยู่บนเกาะใหญ่น้อยทั้งทั้หลาย ราวๆ 3,000-4,000 เกาะ ประชากรส่วนใหญ่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันและไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้ ทำ ให้เกิดการแย่ง ชิงอำ นาจ ผู้ที่ได้รับชัยชนะก็พยายามซ่องสุมเสริมริสร้างกำ ลังพลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ผู้ที่พ่ายแพ้ก็พยายามที่จะ รวบรวมสมัครพรรคพวกที่พ่ายแพ้ขึ้นใหม่เพื่อรอจังหวะช่วงชิงอำ นาจกลับคืนมา ในสมัยนั้นนั้ประเทศญี่ปุ่นปุ่ มีแต่การ ทำ สงคราม นักรบของแต่ละเมืองจะได้รับการฝึกฝึฝนศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ในสงครามหลายชนิด เช่น การฟันฟัดาบ การ ยิงธนู การใช้หอก ทวน หลาว การขี่ม้า และยูยิสสู ซึ่งเป็นป็การต่อสู้ที่ใช้มือเปล่าในระยะประชิดตัว ไม่สามารถที่จะใช้ อาวุธวุได้ถนัด การต่อสู้แบบยูยิสสูมิได้มุ่งที่จะทำ ให้คู่ต่อสู้มีอันตรายถึงชีวิตวิแต่มีจุดประสงค์เพื่อให้คู่ต่อสู้ได้รับบาด เจ็บและยอมแพ้ ถ้าไม่ยอมแพ้ก็อาจทำ ให้พิการทุพพลภาพ โดยใช้วิธีวิธีจับมือหักข้อต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย นักรบญี่ปุ่นปุ่ ในสมัยนั้นนั้จะต้องฝึกฝึการต่อสู้วิชวิายูยิสสูทุสู ทุกคน และต้องฝึกฝึสมาธิควบคู่ไปด้วย ทุกคนจะต้องมีความ ตั้งตั้ใจในการฝึกฝึมิฉะนั้นนั้จะเป็นป็อันตรายได้ การทำ ร้ายคู่ต่อสู้ด้วยยูยิสสูไม่คำ นึงถึงความเมตตาและศีลธรรม และใช้ เทคนิคคอยหาโอกาสซ้ำ เติมคู่ต่อสู้ตลอดเวลา จึงทำ ให้อาจารย์ที่ตั้งตั้สถานที่ฝึกฝึอบรมวิชวิานี้ พยายามคิดค้นประดิษฐ์ ท่าทางกลวิธีวิธีแตกต่างกันออกไปอย่างอิสระ สถานที่เปิดปิ ฝึกฝึสอนหรือรืที่เรียรีกว่าว่ โรงเรียรีนสำ หรับสอนวิชวิายิวยิตสูสมัยนั้นนั้ มีประมาณ 20 แห่ง ส่วนการต่อสู้อีกประเภทหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาวิชวิายูโดคือ ซูโม่ ซึ่งเป็นป็กีฬาอีกประเภทหนึ่งของญี่ปุ่นปุ่ ที่เป็นป็ ที่นิยมแพร่หลาย ซูโม่เป็นป็การต่อสู้ของคน 2 คน ใช้มือเปล่าและกำ ลังกายเข้าทำ การต่อสู้กันมาแต่สมัยโบราณกว่าว่ 2,500 ปีมปีาแล้ว นักประวัติศาสตร์ในวิชวิายิวยิตสูได้สนใจซูโม่มาก จากหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นปุ่ ที่ รวบรวมขึ้นภายใต้พระบรมราชโองการของพระจักรพรรดิ ชื่อ "นิฮงโชะกิ" ในปี พ.ศ. 1263 กล่าวถึงการแข่งขันใน สมัยของจักรพรรด์ซุยนิน ก่อนคริสริต์ศักราช 230 ปี (พ.ศ. 313) ยืนยันว่าว่เป็นป็การเริ่มริ่ต้นของวิชวิาซูโม่ ซึ่งแปลว่าว่การ ต่อสู้โดยใช้กำ ลังเข้าประลองกัน การต่อสู้ตามหลักวิชวิาซูโม่ บางท่าจะตรงกับวิชวิายิวยิตสู เช่น การใช้สะโพกเป็นป็กำ ลัง บังคับขากวาดเหวี่ยวี่งคู่ต่อสู้ให้เสียหลักล้มลงซึ่งท่านี้วิชวิายูยิสสูเรียรีกว่าว่ฮาราย กุชิ (Harai Goshi) เป็นป็การยืนยันว่าว่ วิชวิาซูโม่มีความสัมพันธ์กับวิชวิายิวยิตสู


การพัฒนาวิชวิายิวยิตสูเป็นป็วิชวิายูโด ในตอนปลายยุคเซ็งโงะกุ วิชวิายิวยิตสูได้มีการรวบรวมไว้เป็นป็แบบแผน ต่อมาเมื่อ ตระกูลโทะกุ งะวะ ได้ทำ การปราบเจ้าแคว้นต่างๆ ให้สงบลงอย่างราบคาบและตั้งตั้ตนเป็นป็ โชกุน ปกครอง ประเทศญี่ปุ่นปุ่ ได้มีการปรับปรุงวิชวิาการรบของพวกซะมุไร นอกจากวิชวิาการรบแล้ว ซะมุไรต้อง เรียรีนหนังสือเพื่อศึกษาวิชวิาการปกครอง การอบรมจิตใจให้มีศีลธรรม ยิวยิตสูเสูป็นป็วิชวิาป้อป้งกันตัว ชนิดหนึ่งในสมัยนั้นนั้จึงต้องมีการปรับปรุงวิธีวิธีการต่อสู้จากการไร้ศีลธรรมมาเป็นป็การป้อป้งกัน การต่อสู้ด้วยกำ ลังกาย และกำ ลังใจอันประกอบด้วยคุณธรรม มีจรรยามารยาทที่สุภาพเรียรีบร้อย ขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับคำ ว่า ยิวยิตสู ซึ่งหมายความถึง ศิลปะแห่งความสุภาพ เมื่อมีการปรับปรุงบทบัญญัติทางศีลธรรมของนักรบให้รัดกุมนี้เอง ทำ ให้ช่วง 50 ปีขปีองสมัย กาไน บันจิ และคันม่ง (Kanei Banji and Kanmon พ.ศ. 2167-2216) ได้มีผู้เชี่ยวชาญวิชวิา ยิวยิตสูขึ้นมามากมาย โดยมีวิชวิาที่เป็นป็แนวเดียวกับยิวยิตสูแต่ใช้ชื่อต่างกันจำ นวนมาก เช่น ไท จุสึ , วะจุสึ, โคะงุโซะกุ หรือรืเค็มโปะ เป็นป็ต้น ซึ่งทั้งทั้หมดเป็นป็การต่อสู้ที่ทำ ให้คู่ต่อสู้พ่ายแพ้โดยใช้ มือเปล่า ทำ ให้วิชวิายิวยิตสูเป็นป็ที่นิยมมาตลอดสมัยโทะกุงะวะ ต่อมาในยุคเมจิ ญี่ปุ่นปุ่ ได้รับอารยธรรมตะวันตกเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นปุ่ ทำ ให้วัฒนธรรมประเพณี ของญี่ปุ่นปุ่ หลายอย่างกลายมาเป็นป็ สิ่งล้าสมัยของต่างชาติ และชาวญี่ปุ่นปุ่ สมัยใหม่ ดังนั้นนั้ในปี พ.ศ. 2414 จึงได้ออกกฎหมายห้ามนักรบใช้ซะมุไรเป็นป็อาวุธ ห้ามพกหรือรืสะพายดาบซะมุไร ยิวยิตสูซึ่งเป็นป็วิชวิาที่นิยมเล่นกับซะมุไร จึงถูกมองว่าว่เป็นป็ สิ่งล้าสมัย เพราะทารุณ ป่าป่เถื่อน ฉะนั้นนั้ วิชวิายิวยิตสูจึงได้รับการปรับปรุงและแก้ไขพร้อมกันหลายอย่างในยุคเมจิ ด้วยเหตุนี้จึงทำ ให้ ศิลปะการต่อสู้นานาชนิดรวมทั้งทั้ยิวยิตสูต้องซบเซาลง สถาบันที่เปิดปิ ฝึกฝึสอนยิวยิตสู ซึ่งมีอยู่แพร่ หลายได้รับกระทบกระเทือนถึงกับเลิกกิจการไปเป็นป็อันมาก


การกำ เนิดวิชวิายูโด หลังจากที่ญี่ ที่ ญี่ปุ่นปุ่ ได้ปฏิวัติวัฒนธรรมในยุคเมจิ ทำ ให้วิชวิายิวยิตสูเสื่อมความนิยมลงจนหมด ต่อมา เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2403 ชาวญี่ปุ่นปุ่ ชื่อ คะโน จิโงะโร ชาวเมืองชิโรโกะซึ่งได้อพยพ ครอบครัวมาอยู่ในกรุงโตเกียว เมื่อปี พ.ศ. 2414 ขณะเมื่ออายุ 18 ปี ได้เข้าทำ การศึกษาที่ มหาวิทวิยาลัยโตเกียว ในสาขาปรัชญาศาสตร์ จนสำ เร็จการศึกษา เมื่ออายุ 23 ปี ท่านคะโน จิโงะ โร เป็นป็มีความเห็นว่าว่วิชวิายิวยิตสูนอกจากจะเป็นป็กีฬาสำ หรับร่างกายและจิตใจแล้ว ยังมีหลัก ปรัชญาที่ว่าว่ด้วยหลักแห่งความเป็นป็จริงริ เมื่อท่านคะโน จิโงะโรได้ศึกษาค้นคว้าว้เกี่ยวกับวิชวิายิวยิตสูอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าว่ผู้ฝึกฝึวิชวิา ยิวยิตสูจนมีความชำ นาญดีแล้ว จะสามารถสู้กับคนที่รูปร่างใหญ่โตได้ หรือรืสู้กับคนที่มีอาวุธวุด้วย มือเปล่าได้ จากการค้นพบทำ ให้บังเกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า ท่านจึงได้เข้าศึกษายิวยิตสู อย่างจริงริจังจากอาจารย์ผู้สอนวิชวิายิวยิตสูหลายท่านจากโรงเรียรีนเท็นจิ ชินโย และโรงเรียรีนคิโตะ ในปี พ.ศ. 2425 ท่านคะโน จิโงะโร อายุได้ 29 ปี ได้ก่อตั้งตั้โรงเรียรีนสำ หรับวิชวิายูโดขึ้นเป็นป็ครั้ง แรกในบริเริวณวัดพุทธศาสนา ชื่อวัดเอโชะจิ โดยตั้งตั้ชื่อสถาบันนี้ว่าว่ "โคโดกัง ยูโด" โดยได้นำ เอา ศิลปะของการต่อสู้ด้วยการทุ่มจากสำ นักเทนจิ ซิโย และการต่อสู้จากสำ นักคิโตเข้ามาผสมผสาน เป็นป็วิชวิายูโดและได้ปรับปรุงวิธีวิธีการยูโดให้เหมาะสม สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในระบอบ การปกครองและสังคมในขณะนั้นนั้ได้สอดแทรกวิทวิยาศาสตร์ใหม่ๆ คณิตศาสตร์ประยุกต์ที่เกี่ยว กับการเคลื่อนไหว จิตศาสตร์ และจริยริศาสตร์เข้าด้วยกัน โดยได้ตัดทอนยิวยิตสู ซึ่งไม่เหมาะสมอ อก แล้วพยายามรวบรวมวิชวิายิวยิตสูให้เป็นป็หมวดหมู่มีมาตรฐานเดียวกันตามความคิดของท่าน และได้ตั้งตั้ระบบใหม่เรียรีกว่าว่ยูโด (Judo) ในยุคแรก ท่านคะโน จิโงะโร ต้องต่อสู้กับบุคคลหลายๆ ฝ่าฝ่ยเพื่อให้เกิดการยอมรับในวิชวิายูโด โดยเฉพาะจากบุคคลที่นิยมอารยธรรมตะวันตกบุคคลพวกนี้ไม่ยอมรับว่าว่ยูโดดีกว่าว่ยิวยิตสู จนในปี พ.ศ. 2429 กรมตำ รวจญี่ปุ่นปุ่ ได้จัดการแข่งขันระหว่าว่งยูโดกับยิวยิตสูขึ้น โดยแบ่งเป็นป็ ฝ่าฝ่ยละ 15 คน ผลการแข่งขันปรากฏว่าว่ยูโดชนะ 13 คน เสมอ 2 คน เมื่อผลปรากฏเช่นนี้ ทำ ให้ประชาชนเริ่มริ่ สนใจยูโดมากขึ้น ทำ ให้สถานที่สอนเดิมคับแคบจึงต้องมีการขยายห้องเรียรีน เพื่อต้อนรับผู้ที่สนใจ จนถึงปี พ.ศ. 2476 จึงได้ย้ายสถานที่ฝึกฝึ ไปที่ ซูอิโดบาชิ (Suidobashi) และสถานที่นี้ในที่สุดก็ เป็นป็ ศูนย์กลางของนักยูโดของโลกในปัจปัจุบัน ในปี พ.ศ. 2455 ได้ก่อตั้งตั้สหพันธ์ยูโดระหว่าว่งประเทศขึ้น โดยมีประเทศต่างๆ ที่ร่วมก่อตั้งตั้ครั้ง แรกประมาณ 20 ประเทศ และได้มีการตั้งตั้ The Kodokun Cultural Society ในปี พ.ศ. 2465 ขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2499 สหพันธ์ยูโดระหว่าว่งชาติได้จัดให้มีการ แข่งขันเพื่อความชนะเลิศยูโดระหว่าว่งชาติขึ้น โดยอยู่ในการอำ นวยการของสหพันธ์ยูโดระหว่าว่ง ประเทศโคโดกัง และหนังสือพิมพ์อาซาอิซัมบุน


วิชวิายูโด คะโน จิโงะโร พบว่าว่วิชวิายิวยิตสูแบบดั้งดั้เดิมนั้นนั้ไม่สามารถที่จะฝึกฝึอย่างเต็มกำ ลังได้เนื่องเพราะว่าว่ เทคนิคอันตรายต่างๆ เช่น การจิ้มตา การเตะหว่าว่งขา การดึงผม และอื่นๆ อาจทำ ให้คู่ฝึกฝึซ้อมบาด เจ็บสาหัสจากการฝึกฝึ ได้ รวมทั้งทั้การฝึกฝึที่เรียรีกว่าว่กะตะ (การฝึกฝึแบบเข้าคู่โดยทั้งทั้สองฝ่าฝ่ยรู้กันและ ฝึกฝึตามท่าโดยที่ไม่มีการขัดขืนกัน) แต่เพียงอย่างเดียวก็ยังไม่ได้ประสิทธิภาพที่เพียงพอ เพราะเรา จะไม่สามารถคาดหวังได้ว่าว่ศัตรูของเราจะให้ความร่วมมือในท่าที่เราฝึกฝึมาโดยที่ไม่มีการขัดขืน ท่านจึงปรับปรุงการฝึกฝึส่วนใหญ่ในโรงเรียรีนของท่านให้เป็นป็แบบ รันโดริ (RANDORI) คือการ ฝึกฝึซ้อมแบบจริงริ โดยใช้แนวความคิดว่าว่นักเรียรีนสองคนใช้เทคนิคต่างๆที่ตนเรียรีนรู้เพื่อการเอาชนะ อย่างเต็มกำ ลัง ทั้งทั้นี้นักเรียรีนจะคุ้นเคยกับความรู้สึกต่อต้าน ขัดขืนจากคู่ต่อสู้ การฝึกฝึแบบนี้ นักเรียรีนจะสามารถพัฒนา ร่างกาย จิตใจและความคล่องตัวได้ดีกว่าว่เพื่อทำ ให้การฝึกฝึซ้อมแบบรัน โดริมีริมีประสิทธิภาพมากขึ้น ท่าน คะโน จิโงะโร่ จำ เป็นป็ต้องเอาเทคนิครุนแรงที่ก่อให้เกิดอันตราย บางส่วนเช่น การชก เตะ หัวโขก ในจูจิสสุออกไป การล็อกสามารถกระทำ ได้เพียงแค่ข้อศอก ซึ่ง ปลอดภัยกว่าว่การล็อกสันหลัง คอ ข้อมือ หรือรืหัวไหล่ เขาเรียรีกการฝึกฝึซ้อมแบบนี้ว่าว่ยูโด ยูโดในปัจปัจุบันเป็นป็กีฬาสากลประเภทบุคคล มีหลักการและวัตถุประสงค์คือ มุ่งบริหริารร่างกายและ จิตใจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้แรงให้น้อยที่สุด เพื่อสวัสดิภาพและประโยชน์สุขร่วมกัน การ ฝึกฝึยูโดต้องมีการฝึกฝึการต่อสู้และป้อป้งกันตัว ก็เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกฝึ ได้ออกแรง ซึ่งเป็นป็หนทางก่อ ให้เกิดสมรรถภาพทางกายตามอุดมคติของท่านคะโน จิโงะโร ผู้ให้กำ เนิดกีฬาประเภทนี้ว่าว่ "Maximum Efficiency with minimum Effort and Mutual Welfare and Benefit" คือยูโดใช้วิธีวิธีการโอนอ่อนผ่อนตาม หรือรืที่เรียรีกว่าว่ "ทางแห่งความสุภาพ" "Gentleness or soft way" ทำ ให้ได้เปรียรีบแก่ผู้ที่มีกำ ลังมากกว่าว่เป็นป็วิธีวิธีการที่ทำ ให้คนตัวเล็กกว่าว่น้ำ หนักน้อยกว่าว่และ กำ ลังด้อยกว่าว่สามารถต่อสู้กับผู้ที่อยู่ในลักษณะเหนือกว่าว่ ได้


นาเงวาซา [3] (Nagewaza)เป็น ป็ เทคนิคเกี่ยวกับการทุ่ม มีท่าทุ่มที่เป็น ป็ พื้นฐานอยู่ 12 ท่า และแยกออกเป็น ป็ ประเภทตามส่วนของร่างกายที่ใช้ทุ่มนั้นนั้ๆซึ่งได้แก่การทุ่มด้วยมือ การทุ่มด้วยสะโพก การปัดปัขา การทุ่มด้วยไหล่ การทุ่มด้วยสีข้างและหลัง กะตะเมวาซา (Katamawaza) เป็น ป็ เทคนิคเกี่ยวกับการกอดรัดเพื่อให้หายใจไม่ออก การจับยึดและการล็อกข้อต่อ เป็น ป็ เทคนิคที่ใช้ขณะอยู่กับพื้นเบาะ (tatami) เพื่อให้คู่ ต้อสู้ยอมจำ นน กะตะเมะวาซายังสามารถแยกย่อยออกได้อีก 3 ประเภท คือ โอไซโคมิ วาซา (Osaekomiwaza) ซึ่งเป็น ป็ เทคนิคเกี่ยวกับการกดล็อกบนพื้น ชิเมวาซา (Shimewaza) ซึ่งเป็น ป็ เทคนิคการรัดคอหรือรืหลอดลม และคันเซทสึวาซา (Kansetsuwaza) ที่เป็น ป็ เทคนิคในการหักล็อกข้อต่อให้คู่ต่อสู้ยอมจำ นน อาเตมิวาซา[4] (Atemiwaza) เป็น ป็ เทคนิคเกี่ยวกับการชกต่อย ทุบตี ถีบถอง ส่วน ต่างๆของร่างกายให้เกิดการบาดเจ็บ พิการ หรือรืถึงแก่ชีวิตวิซึ่งวิธีวิธีการเหล่านี้จะใช้ใน การต่อสู้ป้อป้งกันตัวเท่านั้นนั้และไม่เคยจัดการแข่งขัน เทคนิคของวิชวิายูโด เทคนิคของวิชวิายูโดแบ่งออกได้เป็น ป็ 3 กลุ่มดังนี้ 1. 2. 3.


ระดับคิว (Kyu) คือระดับก่อนสายดำ ที่อาจเรียรีกว่าว่นักเรียรีน ระดับดั้งดั้ (Dan) คือระดับที่เรียรีกว่าว่ผู้นำ เป็นป็ผู้ซึ่งมีความสามารถสูง ทั้งทั้ระดับนักเรียรีนและระดับผู้นำ นี้ยัง แบ่งออกเป็นป็ระดับย่อยๆลงอีก โดยมีสีประจำ แต่ละระดับไว้ซึ่ว้ ซึ่ งแต่ละประเทศกำ หนดไม่เหมือนกัน รองสายดำ ชั้นชั้ 5 สายคาดเอวสีขาว รองสายดำ ชั้นชั้ 4 สายคาดเอวสีเขียว รองสายดำ ชั้นชั้ 3 สายคาดเอวสีฟ้าฟ้ รองสายดำ ชั้นชั้ 2 สายคาดเอวสีน้ำ ตาล รองสายดำ ชั้นชั้ 1 สายคาดเอวสีน้ำ ตาลปลายดำ สายดำ ชั้นชั้ 1 สายคาดเอวสีดำ สายดำ ชั้นชั้ 2 สายคาดเอวสีดำ สายดำ ชั้นชั้ 3 สายคาดเอวสีดำ สายดำ ชั้นชั้ 4 สายคาดเอวสีดำ สายดำ ชั้นชั้ 5 สายคาดเอวสีดำ สายดำ ชั้นชั้ 6 สายคาดเอวสีขาวสลับแดง สายดำ ชั้นชั้ 7 สายคาดเอวสีขาวสลับแดง สายดำ ชั้นชั้ 8 สายคาดเอวสีขาวสลับแดง สายดำ ชั้นชั้ 9 สายคาดเอวสีแดง สายดำ ชั้นชั้ 10 สายคาดเอวสีแดง ระดับความสามารถมาตรฐานของนักยูโดทั้งทั้สองเพศ (ชาย-หญิง) ได้ถูกกำ หนดขึ้นโดยมีสีของสายคาดเอว เป็นป็เครื่อรื่งหมาย ระดับความสามารถมาตรฐานดังกล่าวแบ่งออกได้เป็นป็ 2 ระดับใหญ่ คือ 1. 2. การกำ หนดระดับของนักยูโดในประเทศไทยกำ หนดไว้ดัว้ ดังนี้ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15.


สถานที่ฝึก ฝึ (โดโจ) สถานที่ฝึก ฝึ ยูโดจะต้องเป็น ป็ สถานที่กว้า ว้ งขวาง อากาศถ่ายเทได้ สะดวก ที่พื้นปูด้ ปู ด้ วยเบาะ (Tatami) วางอัดแน่นเป็น ป็ แผ่น เดียวกัน และมีผ้าคลุมให้ดึงอีกชั้นชั้หนึ่ง โดยปกติเบาะยูโดหรือ รื เสื้อยูโดแต่ละผืนจะมีขนาดยาว 6 ฟุต ฟุ กว้า ว้ ง 3 ฟุต ฟุ และหนา 4 นิ้ว เบาะที่ใช้ฝึก ฝึ นี้ต้องมีความยืดหยุ่นพอดีไม่อ่อนหรือ รื แข็งเกินไป ถ้า อ่อนเกินไปจะทำ ให้พื้นผิวไม่เรีย รี บทำ ให้เท้าพลิกแพลงได้ง่าย และทำ ให้การเคลื่อนไหวลำ บาก แต่ถ้าแข็งเกินไปเวลาล้มอาจ ทำ ให้เกิดอันตรายได้ง่าย พื้นที่สำ หรับปูเ ปู บาะยูโดที่เหมาะสมควร เป็น ป็ พื้นไม้ที่ยกสูงขึ้นโดยเฉพาะ ไม่ควรปูกั ปู กั บพื้นซีเมนต์หรือ รื พื้น ดินทีเดียว เพราะจะมีความยืดหยุ่นน้อยก่อให้เกิดการการบาด เจ็บได้ง่าย


เสื้อ คล้ายเสื้อกิโมโน ถักด้วยด้ายดิบสีขาวหนาแข็งแรงทนทาน แต่อ่อนนิ่มไม่ลื่นมือ สามารถซักได้และใช้ได้นาน ส่วนแขนและลำ ตัวกว้าว้งหลวม ตัวยาวคลุมก้น แขนยาว ประมาณครึ่งรึ่แขนท่อนล่างเสื้อยูโดที่ดีต้องมีลักษณะเบาบางแต่แข็งแรง การเบาบางจะ ช่วยให้การระบายความร้อนในร่างกายดีขึ้น ประเทศญี่ปุ่นปุ่ นับว่าว่เป็น ป็ ประเทศผู้ผลิตเสื้อ ยูโดที่ดีที่สุดในโลก กางเกง มีลักษณะคล้ายกางเกงจีนเป็น ป็ ผ้าดิบเช่นกัน ที่เอวมีร้อยเชือกรัดเอว กางเกงต้อง หลวมพอสบายยาวประมาณครึ่งรึ่ขาท่อนล่าง สายคาดเอว เป็น ป็ ผ้าเย็บซ้อนกันหนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร กว้าว้งประมาณ 2 นิ้ว ยาว ให้คาดเอวได้ 2 รอบ เหลือชายไว้ผูว้ผู กเงื่อนพิรอด (Reef Knot) แล้วเหลือชายข้างละ 15 เซนติเมตร สำ หรับสายคาดเอวนี้เป็น ป็ เครื่อรื่งแสดงระดับความสามารถมาตรฐานของนัก ยูโดด้วย เครื่อรื่งแต่งกาย (ยูโดงิ) เครื่อรื่งแต่งกายในการฝึกฝึยูโดต้องสวมชุดโดยเฉพาะที่เรียรีกว่าว่ Judoji ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก การแต่งกายของชาวญี่ปุ่นปุ่ มีลักษณะดังนี้ 1. 2. 3.


มารยาทของนักยูโด วิชวิายูโดเป็น ป็ วิชวิาแห่งความสุภาพอ่อนโยน และห้องฝึกยูโดนั้นนั้เป็น ป็ ที่รวมของผู้ที่สนใจต่อ ความสุภาพ นอกจากนั้นนั้ห้องฝึกยูโดยังเป็น ป็ ที่สำ รวมร่างกายและจิตใจ ผู้ที่เข้าไปในห้องฝึกฝึ ยูโดจึงควรสำ รวมกิริยริาวาจาให้สุภาพและเหมาะแก่สถานที่ เช่น ไม่พูดเสียงดังเกินไป ไม่ กล่าวคำ หยาบคาย ไม่ตลกคะนอง ไม่สูบบุหรี่ ไม่สวมรองเท้าขึ้นไปบนเบาะยูโด เป็น ป็ ต้น ระหว่าว่งการฝึกซ้อม หรือรืฟังฟัคำ บรรยายจากครูอาจารย์ควรฟังฟัด้วยความเคารพ นอกจากนั้นนั้ ควรเคารพเชื่อฟังฟัคำ แนะนำ ของครูอาจารย์ และปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของห้องฝึกฝึที่ กำ หนดไว้โว้ดยเคร่งครัด ทั้งทั้นี้ก็เพื่อรักษาไว้ซึ่ว้ ซึ่ งระเบียบประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม กับ ทั้งทั้เป็น ป็ การอบรมนิสัย มารยาทและจิตใจของตนเอง


เมื่อถึงสถานที่ฝึก ฝึ ต้องแสดงความเคารพสิ่งที่ตั้งตั้บูชาประจำ สถานที่ครั้ง หนึ่งก่อน ก่อนเริ่มริ่ฝึก ฝึ เมื่อขึ้นบนเบาะต้องแสดงความเคารพต่อที่บูชาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนเริ่มริ่ฝึก ฝึ ซ้อมต้องแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน และหลังจากยุติการ ฝึก ฝึ ซ้อมต้องเคารพกันอีกครั้งหนึ่ง ก่อนเลิกฝึก ฝึ ต้องแสดงความเคารพที่บูชา เมื่อเปลี่ยนเครื่อ รื่ งแต่งตัวแล้ว ก่อนจะกลับต้องแสดงความเคารพที่บูชา อีกครั้งหนึ่ง วิธีวิธี การแสดงความเคารพ การแสดงความเคารพตามหลักการของวิชวิายูโดมีดังต่อไปนี้ 1. 2. 3. 4. 5. วิธีวิธี ทำ ความเคารพมี 2 วิธีวิธี คือ นั่งนั่และยืน ส่วนวิธีวิธี เคลื่อนไหวในการแสดง ความเคารพ เช่น ยืนแล้วจะกลับเป็น ป็ นั่งนั่หรือ รื นั่งนั่แล้วกลับยืน ตามปกติใช้ขา ขวาเป็น ป็ หลักในการทรงตัว การเล่นยูโดยังมีหลักการและศิลปอื่นๆอีก มากมายอาทิ การอบอุ่นร่างกายและศิลปการล้ม การทรงตัวและการ เคลื่อนไหว การทุ่ม เป็น ป็ ต้น


นายสิริวั ริวั ฒน์ เลาคำ 6410600178


Click to View FlipBook Version