1ป.รากก�ำาแรพงเมืองและป้อม 2. เจดีย์องคด์ �ำ องคข์ าว 3. ศาลากวง 4. ศาลาหลบเสอื 5. บอ่ เก๋ง 6. สสุ าน เจ.วี. ลารเ์ ซน 1. วดั สวุ รรณครี ี 2. วดั บอ่ ทรัพย์
เมืองสงขลาหัวเขา มีลักษณะเป็น พระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) และพระยา ศาลากวงเป็นโบราณสถานตวั แทนแหง่ การ ตั้งอยู่บนเส้นทางเดินโบราณระหว่าง ปราการรักษาด้านหน้าของเมืองสงขลา หลุมศพชาวต่างชาติ หัวหน้าช่างวิศวกร เป็นวัดที่ส�ำคัญประจ�ำเมืองสงขลาฝั่ง บริเวณวัดมีอุโบสถรูปแบบเรียบง่าย มี
“เมืองแห่งป้อมปราการ” ปจั จุบัน พิพฒั นร์ ัตนราชโกษา (ทัด บุนนาค) สรา้ ง ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินโดยมีศิลาจารึก บา้ นหวั เขา-สทงิ หมอ้ เพอื่ เอาไวพ้ กั หลบ แหลมสน ประกอบด้วยแนวก�ำแพงที่ต้ัง เสียชีวิตที่ “Singora” ชื่อเมืองสงขลา แหลมสนท่ีมภี มู สิ ถาปัตยกรรมท่สี วยงาม บ่อน�้ำพื้นเมืองที่เรียกว่า “บ่อซับ” เป็น
คงเหลอื หลกั ฐานอยู่ 13 ปอ้ ม อุทิศให้แก่ผู้เสียชีวิตไว้บนยอดเขาเมื่อคราว ภาษาจนี กลา่ วถงึ การสรา้ งสาธารณประโยชน์ เสือและเป็นอนุสรณ์การปราบเสือของ ปนื ใหญ่ ซุ้มประตู บ่อนำ้� และศาลาที่พกั (เดิม) เปน็ หลกั ฐานการเขา้ มาท�ำกิจการ ได้รับอิทธิพลจากศลิ ปะตะวนั ตก แหล่งเรียนรู้ด้านสมุนไพรเพื่อการรักษา
น�ำทัพลงมารักษาขอบขัณฑสีมาในเขตเมือง คนื ใหแ้ กป่ ระชาชนและแผน่ ดนิ ปจั จบุ นั เหลอื พระยาวิเชียรคีรี (เถ้ียนเสง้ ) โดยหลงั คามีรปู ทรงแบบเกง๋ จีน ท่ีเมอื งสงขลาในอดีต โรคระบาดในอดีต
ชายแดนภาคใต้ เพียงซากอฐิ หลงเหลอื ให้พบเหน็
3. วดั ศิรวิ รรณาวาส 4. วดั ภูผาเบกิ 5. วัดเขานอ้ ยและเจดีย์เขานอ้ ย 6. ทวดเขาแดง 1. กลมุ่ สตรชี ุมชนต�ำบลหวั เขา 2. แหล่งเรียนรสู้ มุนไพร ยา่ น 3. ทา่ เรอื แหลมสน 4. ชมุ ชนสทงิ หมอ้
ชุมชนเก่าหัวเขา-แหลมสน
เปน็ สถาปตั ยกรรมรปู แบบไทยผสม เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบไทยผสม สร้างขึ้นในสมัยศรีวิชัยและมีเจดีย์ตั้งอยู่ ศาลาเป็นสถาปัตยกรรมจีน มีรูปจ�ำลอง เปน็ กลมุ่ ทร่ี วมตวั กนั เพอ่ื พฒั นาผลติ ภณั ฑ์ เป็นท่าเรือที่ใช้สัญจรไปมาและขนส่ง ชมุ ชนมชี อื่ เสยี งในการทำ� เครอื่ งปน้ั ดนิ เผา
จีนและศิลปะพ้ืนบ้านที่ทรงคุณค่า ตะวันตก มีอุโบสถศาลาการเปรียญ บนยอดเขานอ้ ย ปจั จบุ นั ยงั เหลอื รอ่ งรอย แกะสลักของ “ทวดเขาแดง” และ “พระ ของชมุ ชนใหเ้ ปน็ ทร่ี จู้ กั เชน่ นำ้� มะมว่ งเบา เป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาการใช้ สินค้าระหว่างฝั่งสงขลาและฝั่งแหลมสน แบบโบราณหรือท่ีเรียกว่า “เคร่ืองปั้น
ทงั้ ดา้ นภมู ปิ ญั ญาและจติ ใจของชาว โบราณและกุฏิเรือนไทยที่ใช้เล่าเรียน ไว้เพียงส่วนฐานของเจดีย์และเศษอิฐ เอ็งบ้วนต๊ะ” เป็นแม่ทัพที่ชาวจีนต่าง แยมมะม่วงเบา ภายใต้แบรนด์ ซิงโก้ สมุนไพรด้านเภสัชกรรมไทยและการ ต้ังแตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ดินเผาสทิงหม้อ” ซ่ึงมีรูปแบบและ
สงขลา ภาษามคธในอดตี โบราณ นับถอื มาก (SINGO) อนรุ ักษ์แหลง่ สง่ิ แวดลอ้ มศิลปกรรม ลวดลายทีย่ งั คงความเป็นพ้ืนถ่ินภาคใต้