อังคาร กัลยาณพงศ์
นักจิตรกรชื่อดังระดับโลก
ก
คำนำ
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา
ศิลปะ โดยรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับประวัตินัก
จิตรกรระดับโลก ของ อังคาร กัลยาณพงศ์
ผลงานประติมากรรม และรูปผลงาน ของ
อังคาร กัลยาณพงศ์
ผู้จัดทำหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็น
ประโยชน์กับผู้ที่กำลังหาประวัติข้อมูลของ
อังคาร กัลยาณพงศ์ อยู่ หากมีข้อแนะนำ
หรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อม
รับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย
ผู้จัดทำ
นางสาว อรจิรา นาขยัน
นางสาว ศิรประภา สายวงค์ปัญญา
สารบัญ ข
เรื่อง หน้า
ก
คำนำ ข
1-3
สารบัญ
ประวัติของ อังคาร กัลยาณพงศ์ 4-10
ผลงานของ อังคาร กัลยาณพงศ์
1.
ประวัติของ
อังคาร กัลยาณพงศ์
อังคาร กัลยาณพงศ์ เป็นบุตรของนายเข็บและนาง
ขุ้ม เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๙ ที่
ตำบลท่าวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวัย
เด็กเขาเคยเป็นอัมพาต เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ แต่ครั้ง
นั้นมีหมอท่านหนึ่งทดลองรักษาด้วยสมุนไพรจนอาการ
ของเด็กชายอังคารหายเป็นปกติ
เมื่อเข้าสู่วัยเรียนได้เรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียน
วัดใหญ่และโรงเรียนวัดจันทาราม ส่วนชั้นมัธยมศึกษาที่
โรงเรียนพระพุทธเจ้าหลวงอุปถัมภ์และโรงเรียนเบญจม
ราชูทิศ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในส่วนของงานประพันธ์
นั้น ส่วนหนึ่งเขาอาจถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กที่มีพื้นเพ
เดิมเป็นคนเมืองนครศรีธรรมราช โดยมีผู้กล่าวว่าเป็น
เมืองแห่งกาพย์กลอน และที่บ้านของเขามีหนังสือ
มากมาย โดยเฉพาะบทกลอน เขาต้องอ่านวรรณคดีให้แม่
ฟังอยู่เสมอ จึงทำให้เขารักวรรณคดี หลงใหลในกาพย์
กลอนเป็นชีวิตจิตใจ ความเป็นกวีจึงเป็นพรสวรรค์ที่เขา
เชื่อมั่นและฝึกฝนมาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม
2.
จากนั้นเขาได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาศึกษาวิชา
ศิลปะและหัตถกรรมที่โรงเรียนเพาะช่าง ต่อมาได้ย้ายมา
เข้าเรียนที่คณะจิตรกรรมประติมากรรม มหาวิทยาลัย
ศิลปากร เป็นศิษย์ของอาจารย์ ศิลป์ พีระศรี ในด้านงาน
จิตรกรรมนั้น ท่านอังคารเรียนวิชาวาดเขียนได้คะแนนดี
มาโดยตลอด จนได้รับคำบันทึกจากคุณครูเขียนลงใน
สมุดรายงานว่า เป็นผู้มีใจรักและฝักใฝ่ในวิชาวาดเขียน
เขามองว่าการวาดเขียนถึงแม้จะไม่ได้เงินทองมาก แต่จะ
มีประโยชน์ไปบริการทางวิญญาณ จะทำให้วิญญาณ
มนุษย์ดีขึ้น แต่เมื่อศึกษาอยู่ถึงชั้นปีที่ ๓ ได้ตัดสินใจออก
จากมหาวิทยาลัย
จากนั้นเขาได้ตระเวนเรียนรู้และสร้างสรรค์การวาด
ภาพและเขียนบทกวี วิชาแขนงหนึ่งที่ท่านมีโอกาสได้
ศึกษาคือ ศิลปะไทยโบราณกับอาจารย์เฟื้ อ หริพิทักษ์ โดย
ติดตามอาจารย์เดินทางไปยังเมืองต่างๆ เพื่อคัดลอก
ภาพจิตรกรรมที่ศรีสัชนาลัย สุโขทัย อยุธยา เพชรบุรี
ฯลฯ อันเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ท่านได้ศึกษาและร่วมมีส่วน
ช่วยฟื้ นฟูศิลปะไทยอีกหนทางหนึ่ง
3.
ระหว่างนั้นท่านได้พบปะทำความรู้จักกับศิลปินและ
กวีร่วมยุคสมัยหลายคน กระทั่งมีผลงานบทกวีตีพิมพ์ใน
หนังสือ “อนุสรณ์น้องใหม่” มหาวิทยาลัยศิลปากร ต่อมา
ได้พบกับสุลักษณ์ ศิวรักษ์ (ส. ศิวรักษ์) ผู้ก่อตั้งและ
บรรณาธิการคนแรกของ “สังคมศาสตร์ปริทัศน์” ทำให้
บทกวีของอังคาร กัลยาณพงศ์ ได้พิมพ์เผยแพร่อย่าง
กว้างขวางมากขึ้น ผลงานที่จัดพิมพ์สร้างความตื่นตัวให้
กับวรรณกรรมไทยมาเนิ่นนาน เช่น กวีนิพนธ์ (๒๕๐๗)
ลำนำภูกระดึง (๒๕๑๒) บางกอกแก้วกำสรวลหรือนิราศ
นครศรีธรรมราช (๒๕๑๒) สวนแก้ว (๒๕๑๕) ความเป็นกวี
และจิตรกรนั้นจึงเป็นสิ่งที่ท่านอังคารเชื่อมั่น
และมีโอกาสฝึกฝนมาแต่ครั้งวัยเยาว์ ท่านกล่าวถึงการ
เป็นจิตรกรและกวีของตนไว้ว่า จิตรกรรมและบทกวีนั้นมา
จากดวงใจดวงเดียวกันอุทิศชีวิตสู่งานศิลป์
4.
ผลงานของ
อังคาร กัลยาณพงศ์
5.
ปณิธานกวี เป็นหนังสือรวมกวีนิพนธ์ของอังคาร
กัลยาณพงศ์ แต่ละบทร้อยกรองด้วยคำประพันธ์ที่มี
ลักษณะเฉพาะตัวของผู้เขียนซึ่ง รักความอิสรเสรี
รักธรรมชาติ และเป็นศรัทธาในรสพระธรรม บทประพันธ์
ทุกบทจะสะท้อนชีวิต วิญญาณ คติชีวิต ปรัชญา และ
สัจธรรม ด้วยกลวิธีของศิลปะ ปณิธานกวีเป็นบทประพันธ์
บทหนึ่งที่ผู้เขียนได้ฝากความคิดแก่ผู้อ่านว่า แย่งแผ่นดิน
อำมหิตคิดแต่ฆ่า เพราะกิเลสบ้าหฤโหดสิงซากผี ลืมป่าช้า
คุณธรรมความดี เสียศรีสวัสดิ์ค่าแท้วิญญาณฯ —
ปณิธานกวี อีกทั้งทางมูลนิธิเสฐียรโกเศศและนาคะ
ประทีปยกย่องให้อังคารเป็นกวีดีเด่นเมื่อปี พ.ศ. 2515
และปณิธานกวีมีภาพประกอบงดงามโดย ผู้เขียนและมี
ภาคผนวกสัมภาษณ์ชีวิตและผลงานอีกด้วย
6.
กวีนิพนธ์ ของอังคาร กัลยาณพงศ์ โดยสำนักพิมพ์
กินรินทราเล่มนี้ รวบรวม เวลานี้บทกวีที่แหวกแนวโบราณ
ออกมา ถือเป็นงานกวีที่ยิ่งใหญ่แห่งยุค ด้วยข้อเขียนใน
ทางความรักอันบริสุทธิ์ ในทางพรรณนาความงามของ
เพศตรงกันข้าม ในทางชมพระนครหลวง ตลอดจนสังคม
ปัจจุบันอย่างสุจริตใจ ในมุมหนึ่งก็ยังเป็นเสมือนแสงที่
ฉายอยู่ภายในความมืดทึบแห่งสังคมปัจจุบัน
7.
บางกอกแก้วกำสรวล หรือ นิราศนครศรีธรรมราช เป็นกวีนิพนธ์
ของอังคาร กัลยาณพงศ์ กวีเอกคนหนึ่งของยุคปัจจุบัน แต่งด้วย
โคลงและกลอน มีร่ายเป็นบทเริ่มต้น โดยบทกวีของ อังคาร
กัลยาณพงศ์ นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า ไม่เคร่งครัดในฉันทลักษณ์
ตามขนบ หาก แต่ใช้ลีลาและท่วงทำนองของตนเอง การ แต่ง
นิราศนั้นเป็นวิธีบันทึกการเดินทางของเหล่ากวีมาตั้ง แต่โบราณ มี
การพรรณาโวหารกันอย่างเต็มที่ แสดฝีมือทางด้านศิลปกวีนิพนธ์
กันอย่างไม่ยั้ง ดังนั้น บทกวีนิราศนอกจะบันทึกสิ่งที่ได้พบเห็นผ่าน
มุมมอง ความคิดของกวีแล้ว ยังเป็นการแสดงฝีมือการประพันธ์
ของกวีด้วยบางกอกแก้วกำสรวลหรือนิราศนครศรีธรรมราช ก็อยู่
ในข้อนี้ อังคาร กัลยาณพงศ์ ได้ถ่ายทอดภาพชีวิตความเป็นอยู่
ของผู้คนและสิ่งที่ได้พบเห็นตั้ง แต่นครศรีธรรมราช ถึงกรุงเทพฯ
ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์สังคมมนุษย์อย่างตรงไปตรงมา กระตุ้นให้ผู้
อ่านขบคิดถึงความเป็นจริงของชีวิต บางกอกแก้วกำสรวล หรือ
นิราศนครศรีธรรมราช ได้รับรางวัลบทกวีดีเด่นของมูลนิธิเสฐียร
โกเศศ-นาคประทีป ปี พ.ศ.2515 ภาพปกเป็นภาพวาดของอังคาร
กัลยาณพงศ์ น่าจะเป็นภาพพระเจดีย์นครศรีธรรมราช อันเป็น
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้าน
เกิดของ อังคาร กัลยาณพงศ์
8.
บางบทจากสวนแก้ว ผลงานของ อังคาร กัลยาณพงศ์
ตีพิมพ์ในโอกาสที่ อังคาร กัลยาณพงศ์ ได้รับรางวัลใน
ฐานกวีที่ดีเด่นเป็นคนแรก จาก มูลนิธิ เสฐียรโกเศศ-นา
คะประทีป สนพ.ศึกษิตสยามปกอ่อน กระดาษปอนด์ หนา
50 หน้า
9.
รำลึกจิตรกรรม คำกวี หนังสือที่มีจุดเด่นอีกเล่มหนึ่ง
ของอังคาร กัลยาณพงศ์ ซึ่งไม่สามารถหาอ่านได้ที่ไหน ได้
รวบรวมจัดทำมาเพื่อเยาวชนได้ศึกษาหาอ่านกันที่นี่
หนังสือเล่มนี้มีจุดเด่น อาทิ 1) มีผลงานการคัดลอกสมุด
ไตรภูมิฉบับกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นฉบับที่เก่าแก่ที่สุด เมื่อ
ครั้งได้ทำการคัดลอกกับอาจารย์เฟื้ อ หริพิทักษ์ ท่านอัง
คารเป้นผู้คัดลอกลายด้วยตนเองจำนวน 168 ชิ้น แต่ที่
นำมาแสดงในหนังสือเป็นตัวอย่างมีจำนวน 24 ชิ้น ขนาด
ของจริงกว้าง 55 สูง 27 เซนติเมตร 2) มีผลงานโคลงที่
เขียนด้วยลายมือของท่านเมื่อครั้ง พ.ศ.2500 เป็นช่วงที่
อยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ มีความเป็นอยู่ยากลำบาก จึงได้
พรรณาความทุกข์ยากนั้นออกมาเป็นบทกวี ที่เขียนด้วย
ลายเส้นปากกาคอแร้ง ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้จนถึงปัจจุบันนี้
3) รวบรวมงานจิตรกรรมที่หาดูได้ยาก อาทิ เรือนแก้ว
ต้นโพธิ์ พระยืน พระพุทะเจ้า ญ่า ลั่นทม และภาพวาด
ครอบครัว เป็นต้น 4) มีงานร้อยแก้วจำนวน 2 ชิ้น ได้แก่
พลับพลึง และ แม่นกนางแอ่น
10.
หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา ผลงานของ
อังคาร กัลยาณพงศ์ ได้รับการประกาศยกย่องเชิดชู
เกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์)
ประจำปี ๒๕๓๒ มีร้อยแก้วสองลีลาเรียงร้อยอยู่ร่วมกัน
คือร้อยแก้ว และคำเสียดสีบริภาษสังคม และมนุษย์ร่วม
สมัยอย่างคมคายลุ่มลึก มีร้อยแก้วอันเพริศแพร้วด้วยสุ
นทรีย์แห่งรักและปรัชญาอันกลั่นกรองจากกระแส
ความคิดและจินตนาการลึกซึ้ง
ผู้จัดทำ
นางสาว อรจิรา นาขยัน นางสาว ศิรประภา สายวงค์ปัญญา
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/8
โรงเรียนจอมทอง