20
20
20
20
20
20
20
สารบัญ หน้า
ขอ้ มลู พ้ืนฐานโรงเรียนวัดทรงธรรม...........................................................................................๑
โครงสร้างการบรหิ ารโรงเรยี น................................................................................................. ๓
สานสจ์ ากผู้อำนวยการโรงเรยี นวัดทรงธรรม.............................................................................๔
คณะผบู้ ริหารโรงเรยี นวัดทรงธรรม...........................................................................................๕
คณะครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาโรงเรยี นวัดทรงธรรม........................................................ ๖
คณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน......................................................................................๑๙
ทำเนียบผบู้ รหิ ารโรงเรยี นวดั ทรงธรรม.................................................................................... ๒๐
ยทุ ธศาสตรแ์ ละแนวทางการพัฒนาโรงเรียนวดั ทรงธรรม ปี พ.ศ. ๒๕๖๒–๒๕๖๕...................๒. ๑
กลุม่ บริหารวิชาการ________________________________________________ ๒๓
หลักสตู รโรงเรยี นวดั ทรงธรรม..................................................................................... ๒๔
โครงสร้างหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนตน้ ..........................................................................๒๗
โครงสร้างหลักสูตรมัธยมศกึ ษาตอนปลาย.....................................................................๒๙
โรงเรียนมาตรฐานสากล.................................................................................................๓๔
หลักการวัดผลและประเมินผลการเรยี น........................................................................ ๓๖
งานทะเบียนวัดผล........................................................................................................ ๔๐
งานแนะแนว................................................................................................................ ๔๑
กลมุ่ บรหิ ารงานบุคคลและกิจการนกั เรียน__________________________________๔๖
ระเบยี บฯ ว่าดว้ ยการปกครองนกั เรยี น พ.ศ.๒๕๖๓..................................................... ๔๗
ระเบียบฯ วา่ ดว้ ยเรื่องการลงโทษและดูแลช่วยเหลอื นักเรยี น พ.ศ. ๒๕๖๓...................๕. ๘
ระเบยี บฯ วา่ ด้วยการคมุ้ ครองสขุ ภาพผู้ไมส่ ูบบุหรี่ พ.ศ. ๒๕๖๓.................................. ๖๖
ประกาศฯ โรงเรยี นปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย......................................................... ๖๗
นโยบายโรงเรียนวัดทรงธรรม เร่อื งนโยบายโรงเรยี นปลอดบุหร่.ี ...................................๖๘
ประกาศ เรอื่ ง มาตรการคมุ้ ครองไมใ่ หบ้ คุ คลได้รับอันตรายจากการบริโภคใบกระทอ่ ม ฯ.... ๖๙
ประกาศ เรอ่ื ง แนวทางปฏบิ ัตใิ นการนำรถจักรยานยนต์มาโรงเรยี น ฯ....................... ๗๐
เคร่อื งแบบนกั เรียน ชั้นมธั ยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย.......................................... ๗๒
งานรักษาดินแดน (นักศกึ ษาวชิ าทหาร).........................................................................๘๐
กล่มุ บรหิ ารทว่ั ไป__________________________________________________๘๓
งานอาคารสถานท.่ี .........................................................................................................๘๔
งานโสตทศั นศกึ ษา........................................................................................................ ๘๕
งานหอ้ งสมุด................................................................................................................ ๘๕
งานอนามยั โรงเรยี น........................................................................................................๘๗
งานประชาสัมพนั ธ.์ ....................................................................................................... ๘๘
งานประกนั อบุ ตั ิเหต.ุ ......................................................................................................๘๙
การตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั ทางโรงเรยี น________________________________________๙๐
20
ขอ้ มลู พ้นื ฐานโรงเรียนวดั ทรงธรรม
ประวตั คิ วามเป็นมา
โรงเรียนวัดทรงธรรม สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต ๖ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร ตั้งอยู่ในบรเิ วณวัดทรงธรรมวรวหิ าร ตำบลตลาด อำเภอพระประแดง จงั หวดั สมุทรปราการ
ได้ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๓๙ (ร.ศ.๑๑๔) โดยพระอุดมญาณ (เจ้าอาวาสวัดทรงธรรม) ได้ทำหนังสือยื่นต่อท่านขุน
ประพจน์ เนติประวตั ร นายเวรการโรงเรยี นขอนำความกราบบังคมทูลพระเจา้ ลกู เธอ ฯ อธบิ ดีกรมศึกษาธิการ ทรงทราบเปน็
โรงเรียนเชลยศกั ดิ์ เมื่อวนั ที่ ๒๙ กรกฎาคม ร.ศ.๑๑๔ (พ.ศ.๒๔๓๙) มีพระใบฎีกากล่นั เปน็ ครูสอน
พ.ศ. 2429 โรงเรยี นวดั ทรงธรรม เดมิ ใช้ช่ือว่า "โรงเรียนเมืองนครเขื่อนขันธ์" (จากเอกสารรายงานการโรงเรยี น
ของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขนึ้ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้า
เจา้ อย่หู ัว คัดจากหนังสือพระราชกิจจานเุ บกษา เล่มที่ 3 วนั อาทิตย์ ขึน้ 7 ค่ำ เดือน 6 อัฐศกจุลศักราช 1248 ซ่ึงตรงกับ
วนั อาทิตยท์ ี่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2429)
พ.ศ. 2438 เจ้าพระคณุ อุดมวิจารณ์ (พระใบฎีกากลัน่ สีละเตชะ หรือ กลน่ั นพคุณ) ไดจ้ ัดการพฒั นาการศกึ ษา
จากเดมิ เรียนทก่ี ฏุ ิล่าง ของท่านพระครูปิฎกธร (แทน จนั ทรังสี) เขา้ มาสูร่ ะบบโรงเรยี น โดยตัง้ โรงเรยี นรัฐบาลบริเวณที่ดิน
ของวัดทรงธรรมวรวหิ าร โดยท่านเจา้ พระคณุ อุดมญาณ เจ้าอาวาสวัดทรงธรรมวรวิหารไดท้ ำหนังสือยืน่ ต่อท่านขุนประพจน์
เนตปิ ระวตั ร นายเวรการโรงเรยี น ขอนำความกราบบงั คมทูลพระเจ้าลูกเธอฯ อธิบดกี รมศกึ ษาธิการ ทรงทราบเปน็ โรงเรียน
เชลยศักดิเ์ มื่อวนั ท่ี 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2438 (ร.ศ. 114) โดยมเจ้าพระคุณอุดมวิจารณ์ เปน็ ครูคนแรกของโรงเรียนเมือง
นครเขือ่ นขนั ธ์
พ.ศ. 2439 โรงเรยี นเมอื งนครเขอื่ นขันธ์ ใช้หลักสตู รพทุ ธศักราช 2438 และได้มกี ารสอบไลต่ ามระเบยี บของ
กรมการศึกษาในสมัยน้ันและได้ประกาศนยี บตั ร
พ.ศ. 2463 โรงเรียนเมอื งนครเขื่อนขันธ์ ได้เริ่มก่อสร้างเรือนนาคณรงค์สงเคราะห์ เรือนเรียนหลังแรกของ
โรงเรียนเมอื งนครเข่ือนขนั ธ์ โดยมีพระยานาคราชกำแหงประแดงบุรนี ายก (แจ้ง คชเสน)ี และพระยาณรงคฤ์ ทธี เปน็ แม่กอง
ในการสรา้ งเรอื นเรียนหลังนี้
พ.ศ. 2464 ในวันที่ 10 กรกฎาคม เจา้ พระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนน่ั เทพหสั ดนิ ณ อยธุ ยา) เสนาบดีกระทรวง
ธรรมการเดินทางมาเปน็ พธิ ีเปดิ เรอื นนาคณรงคส์ งเคราะห์ อาคารเรยี นของโรงเรียนเมอื งนครเขื่อนขนั ธ์
พ.ศ. 2475 โรงเรียนเมอื งนครเขือ่ นขนั ธ์ ได้เปิดการเรยี นการสอนขยายถึงช้นั มัธยมศกึ ษา และได้มีฐานะเป็น
โรงเรียนประจำจังหวัดพระประแดง เปิดสอนนักเรียน ชาย-หญิง ต่อมาแยกชั้นประถมศึกษาออกไปเหลือเฉพาะชั้น
มธั ยมศึกษา มีชือ่ วา่ "โรงเรียนมัธยมวดั ทรงธรรม"
พ.ศ. 2478 โรงเรยี นมัธยมวัดทรงธรรม ได้เปดิ สอนแผนก พณชิ ยกรรม และยกเลิกเมอ่ื พ.ศ. 2481
พ.ศ. 2481 โรงเรียนมัธยมวัดทรงธรรม ได้แยกนักเรียนหญิงไปเรียนที่กองโรงเรียนทหารเรือที่ 3 ตั้งเป็น
"โรงเรียนมัธยมวดั ทรงธรรม แผนกสตร"ี และปจั จบุ ันเปลยี่ นช่ือเปน็ "โรงเรยี นวสิ ุทธิกษัตร"ี
พ.ศ. 2494 โรงเรยี นมัธยมวัดทรงธรรม ไดเ้ ปลี่ยนชอ่ื เปน็ "โรงเรยี นวัดทรงธรรม" จนมาถึงปัจจบุ นั
พ.ศ. 2517 กรมสามัญศึกษา ไดท้ ดลองเปดิ สอนชนั้ มัธยมศึกษาท่ีวัดบางนำ้ ผ้ึงใน โดยให้โรงเรยี นวัดทรงธรรม
เป็นแมข่ า่ ยใหค้ วามช่วยเหลอื โดยรับนกั เรยี นชาย-หญิง
พ.ศ. 2520 โรงเรยี นวัดทรงธรรม ไดร้ ับอนมุ ตั ใิ ห้เปิดทำการการสอนในระดับชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลาย แบบ
สหศกึ ษา
พ.ศ. 2521 ทางวดั บางนำ้ ผึ้งในไม่สามารถจดั หาท่ดี นิ สำหรบั สร้างโรงเรยี นใหค้ รบตามหลักเกณฑ์ได้ จึงมีการ
ยกเลิกการเรียนการสอนในวัดบางน้ำผึ้งใน และได้ย้ายนักเรียนทั้งหมดกลับมาเรียนที่โรงเรียนวัดทรงธรรม และเปิดรบั
นกั เรยี นหญงิ อีกครงั้ ในระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
พ.ศ. 2553 โรงเรียนวดั ทรงธรรม ไดร้ บั ให้เป็น "โรงเรยี นมาตรฐานสากล"
พ.ศ. 2559 โรงเรยี นวัดทรงธรรม ได้รับใหเ้ ป็น "โรงเรยี นรางวลั คณุ ภาพระดับ OBECQA”
ทำเนยี บผู้บรหิ ารโรงเรยี นวดั ทรงธรรม
รายนาม ดำรงตำแหนง่
๑. พระอุดมวิจารณ์ (กล่ัน นพคุณ) พ.ศ.๒๔๓๘ – ๒๔๖๘
๒. นายคลา้ ย พงษเ์ วช พ.ศ.๒๔๖๘ – ๒๕๐๔
๓. นายบญุ ชว่ ย ลวนานนท์ (รกั ษาการ) พ.ศ.๒๕๐๔ – ๒๕๐๗
๔. นายสุรพงษ์ พรหมบุตร พ.ศ.๒๕๐๗ – ๒๕๑๒
๕. นายเชาว์ สันติจารี (รักษาการ) พ.ศ.๒๕๑๒ – ๒๕๑๓
๖. นายนพชยั รธู้ รรม พ.ศ.๒๕๑๓ – ๒๕๒๗
๗. นายวริ ฬุ ห์ ทุนอินทร์ พ.ศ.๒๕๒๗ – ๒๕๓๒
๘. นายประมวญ บุญญพาพงศ์ พ.ศ.๒๕๓๒ – ๒๕๓๕
๙. นายสันติ คงทน พ.ศ.๒๕๓๕ – ๒๕๓๖
๑๐. นายอุดม เทยี นไพโรจน์ พ.ศ.๒๕๓๖ – ๒๕๔๒
๑๑. นายสมบตั ิ คมุ้ ภู พ.ศ.๒๕๔๒ – ๒๕๔๓
๑๒. นายวันชยั เทยี มทดั พ.ศ.๒๕๔๓ – ๒๕๔๔
๑๓. นางรชั นี ศุภเกษตร พ.ศ.๒๕๔๔ – ๒๕๔๖
๑๔. นายเสกสณั ห์ กิจวรรณ พ.ศ.๒๕๔๖ – ๒๕๕๔
๑๕. นายยงศักดิ์ ศฤงคารนนท์ พ.ศ.๒๕๕๔ – ๒๕๕๙
๑๖. นายสมเกยี รติ ภเู่ จรญิ พ.ศ.๒๕๕๙ – ๒๕๖๑
๑๗. นายสมชาย แสงถนอม พ.ศ.๒๕๖๑ – ๒๕๖๔
๑๘. นายประภาส กรุดพนั ธ์ พ.ศ.๒๕๖๔ – ปัจจบุ นั
ยทุ ธศาสตรแ์ ละแนวทางการพฒั นาโรงเรียนวัดทรงธรรม
ระหว่างปี พ.ศ. 256๒ – 2565
วิสัยทัศน์
โรงเรียนวดั ทรงธรรม สรา้ งคณุ ภาพการศึกษาสสู่ ากลอยา่ งยัง่ ยนื
อตั ลักษณ์
เรียนดี มวี ินยั
เอกลกั ษณ์
โรงเรียนวดั ทรงธรรม เปน็ โรงเรียนคณุ ธรรม
พนั ธกิจ
1. พัฒนาหลักสูตรและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิด Active Learning
ให้เหมาะสม กบั ศักยภาพของผ้เู รียนเทยี บเคียงมาตรฐานสากล
2. พฒั นาผูเ้ รยี นให้มีสมรรถนะตามหลักสูตรสถานศกึ ษา และทกั ษะท่ีจำเป็นในศตวรรษที่ 21
รวมทง้ั พฒั นาความสามารถเฉพาะทางตามศักยภาพของผูเ้ รยี น
3.พัฒนาและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ และ
การบรหิ ารจดั การอย่างมีประสทิ ธิภาพ
4. พัฒนาผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถในการจัดการศึกษา
เพื่อตอบสนองทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยใช้พน้ื ทีเ่ ป็นฐาน
5. เสริมสร้างความมีระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ของผูเ้ รียน ตามแนววิถพี ทุ ธ
6. สืบสาน ส่งเสริม วฒั นธรรม และภมู ิปญั ญาท้องถิ่น รวมทง้ั พฒั นาแหล่งเรียนรู้ของชุมชน
7. เสรมิ สรา้ งความปลอดภยั ของสถานศึกษา
8. ส่งเสริมให้ครูและผ้เู รยี นมีสว่ นรว่ มในการสรา้ งและพฒั นานวตั กรรมอนรุ ักษ์พลังงาน
และส่งิ แวดล้อม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
9. บริหารจัดการสถานศกึ ษาดว้ ยหลกั ธรรมาภบิ าล
เปา้ ประสงค์
1. สถานศึกษามีหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนรู้ รูปแบบ Active
Learning อยา่ งมคี ณุ ภาพ เทยี บเคยี งมาตรฐานสากล
2. ผ้เู รียนมสี มรรถนะตามหลกั สูตรสถานศกึ ษาและทักษะทจี่ ำเปน็ ในศตวรรษท่ี 21
3. ผู้เรียนใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการเรียนรู้ อย่างมีประสิทธิภาพและ
มวี ิจารณญาณ
4. ครูใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการสร้างส่ือ นวัตกรรม เพื่อจัดการเรียนรู้ และการบริหาร
จัดการอย่างมีประสิทธภิ าพ
5. ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา มีความรู้ความสามารถในการจัดการศึกษา
อย่างต่อเนอื่ ง เพ่ือตอบสนองทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยใช้พ้ืนท่เี ปน็ ฐาน
6. ผู้เรียนได้รับการเสริมสร้างความมีระเบียบวินัยคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์ ตามแนววถิ พี ทุ ธ
7. ผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา มีส่วนร่วมในการสืบสาน ส่งเสริม
วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ รวมทง้ั พัฒนาแหล่งเรยี นรู้ของชุมชน
8. สถานศึกษาบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เพื่อเสริมสร้าง
ความปลอดภยั ของผเู้ รยี น
9. ผเู้ รียนและครมู ีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความปลอดภัยของสถานศกึ ษา
10. ผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา สามารถสร้างและพัฒนานวัตกรรม
อนุรักษพ์ ลงั งานและสิง่ แวดล้อม บนพน้ื ฐานตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
11. สถานศึกษามีระบบการบริหารจัดการทม่ี คี ุณภาพ
กลยทุ ธ์
1. ยกระดับคณุ ภาพการจดั การศึกษาเทียบเคยี งมาตรฐานสากล
2. ส่งเสริม พัฒนาผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถ
ในการจัดการศึกษา
3. เสริมสร้างความมีระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ตามแนววถิ ีพุทธ สบื สานวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาท้องถิน่ และพฒั นาแหล่งเรียนรขู้ องชมุ ชน
4. เสริมสรา้ งความปลอดภัยของสถานศกึ ษา
5. ส่งเสริม พัฒนานวัตกรรม อนุรักษ์พลังงาน และสิ่งแวดล้อม บนพื้นฐาน
ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
6. พัฒนาระบบการบริหารจดั การให้มปี ระสิทธภิ าพ
หลักสูตรโรงเรยี นวัดทรงธรรม
โรงเรียนมาตรฐานสากล
(WORLD–CLASS STANDARD SCHOOL)
*******************************************************
หลกั สตู รโรงเรยี นวัดทรงธรรม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑ เป็นหลักสูตรสถานศกึ ษาเทียบเคียง
หลักสูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
วสิ ยั ทศั น์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติ
ให้เป็นมนษุ ยท์ มี่ คี วามสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจติ สำนึกในความเป็นพลเมืองไทย
และเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อการประกอบอาชีพ
และการศึกษาตลอดชีวติ โดยม่งุ เน้นผเู้ รียนเป็นสำคญั บนพน้ื ฐานความเชอ่ื ว่าทกุ คนสามารถเรียนรู้
และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ
หลกั การ
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน มีหลักการทสี่ ำคญั ดงั นี้
๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐาน
การเรียนรู้ เปน็ เป้าหมายสำหรับพัฒนาเดก็ และเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรม
บนพ้ืนฐานของความเปน็ ไทยควบค่กู บั ความเปน็ สากล
๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษา
อยา่ งเสมอภาคและมีคณุ ภาพ
๓. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจดั
การศึกษาใหส้ อดคล้องกบั สภาพและความตอ้ งการของท้องถ่ิน
๔. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและ
การจัดการเรียนรู้
๕. เปน็ หลักสตู รการศึกษาที่เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั
๖. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
ครอบคลุมทกุ กลมุ่ เปา้ หมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์
จดุ หมาย
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา
มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นจุดหมาย เพื่อให้เกิด
กับผู้เรียนเมือ่ จบการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ดงั นี้
๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัย
และปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
๒. มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา
การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชีวติ
๓. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตทด่ี ี มีสุขนสิ ยั และรกั การออกกำลงั กาย
๔. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิต
และการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
๕. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนา
ส่ิงแวดลอ้ ม มจี ิตสาธารณะท่มี ุง่ ทำประโยชนแ์ ละสรา้ งสิง่ ท่ีดงี ามในสงั คม และอยู่ร่วมกันในสังคม
อยา่ งมีความสขุ
สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน
การเรียนรู้ ซึ่งการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดนั้น จะช่วยให้ผู้เรียน
เกิดสมรรถนะสำคญั ๕ ประการ ดังนี้
๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสารอย่าง
มวี ัฒนธรรมในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความร้คู วามเขา้ ใจ ความรู้สกึ และทัศนะของตนเอง
เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเอง
และสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพือ่ ขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรอื
ไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผล และความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร
ทม่ี ปี ระสิทธภิ าพโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบทม่ี ีตอ่ ตนเองและสังคม
๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์
การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้าง
องค์ความรหู้ รอื สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเก่ียวกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม
๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรค
ตา่ ง ๆ ที่เผชญิ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและขอ้ มูลสารสนเทศ
เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ในสังคมแสวงหาความรู้ ประยุกต์
ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาและมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึง
ผลกระทบทีเ่ กิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิง่ แวดล้อม
๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ เปน็ ความสามารถในการนำกระบวนการตา่ ง ๆ
ไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน
และการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหา
และความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม
และสภาพแวดล้อม และการรูจ้ ักหลกี เลยี่ งพฤตกิ รรมไม่พึงประสงค์ทีส่ ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผ้อู น่ื
๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลอื กและใชเ้ ทคโนโลยี
ด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้าน
การเรียนรู้ การส่ือสาร การทำงาน การแก้ปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถูกต้องเหมาะสมและมคี ณุ ธรรม
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฯ มุ่งพัฒนาผู้เรียนใหม้ ีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก
ดงั นี้
๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
๒. ซ่อื สัตย์สจุ ริต
๓. มีวนิ ยั
๔. ใฝเ่ รยี นรู้
๕. อยู่อย่างพอเพยี ง
๖. มุ่งม่นั ในการทำงาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มจี ติ สาธารณะ
ในปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนวัดทรงธรรม ใช้หลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) และโรงเรียน
มาตรฐานสากล (WORLD–CLASS STANDARD SCHOOL) จึงได้กำหนดโครงสร้างหลักสูตร
สถานศกึ ษา ดังนี้
โครงสร้างหลกั สูตรสถานศกึ ษา
ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนต้น หอ้ งเรยี นพิเศษ (ห้อง ๑)
ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕-๒๕๖๗
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ จำนวนชัว่ โมง/สปั ดาห์/ปี
ม.๑ ม.๒ ม.๓
ภาษาไทย
คณติ ศาสตร์ พน้ื ฐาน เพม่ิ เติม พ้นื ฐาน เพ่ิมเตมิ พ้ืนฐาน เพ่ิมเติม
วทิ ยาศาสตร์ ๖-๖-๖-
สงั คมศกึ ษา ศาสนาและ ๖๔๖๔๖๔
วฒั นธรรม ๘๘๘๘๘๔
สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา
ศลิ ปะ ๘-๘-๘-
การงานอาชีพและ
เทคโนโลยี ๔-๔-๔-
ภาษาต่างประเทศ ๔-๔-๔-
รวม ๒-๒ - ๒๔
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน
๖๖๖๖๖๖
๑. กิจกรรมแนะแนว
๒. กิจกรรมลกู เสือ - ๔๔ ๑๘ ๔๔ ๑๘ ๔๔ ๑๘
เนตรนารี ๒-๒-๒-
๓. กจิ กรรมชมุ นุม
๔. กจิ กรรมเพอื่ สังคม ๒-๒-๒-
และสาธารณประโยชน์
๒-๒-๒-
รวมชั่วโมงต่อสปั ดาห์
รวมช่วั โมงต่อปี รวม ๓ ปี จำนวน ๔๕ ช่วั โมง (ปีละ ๑๕ ช่วั โมง)
๓๔ ๓๔ ๓๔ ๓๔ ๓๔ ๓๔
๑๓๖๐ ๑๓๖๐ ๑๓๖๐
ทีม่ า: งานพัฒนาหลกั สูตรและคณุ ภาพวิชาการ กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ
โครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษา
ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ หอ้ งเรยี นปกติ (ห้อง ๒-๑๐)
ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕-๒๕๖๗
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ จำนวนชั่วโมง/สปั ดาห์
ม.๑ ม.๒ ม.๓
ภาษาไทย
คณิตศาสตร์ พน้ื ฐาน เพ่ิมเติม พน้ื ฐาน เพม่ิ เตมิ พืน้ ฐาน เพม่ิ เตมิ
วทิ ยาศาสตร์ ๖๖๖
สงั คมศกึ ษา ศาสนาและ ๖๖๖
วัฒนธรรม ๘๘๘
สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา
ศิลปะ ๘ ๑๐ ๘ ๑๐ ๘ ๖
การงานอาชีพและ ๔๔๔
เทคโนโลยี ๔๔๔
- วิชา IS
ภาษาต่างประเทศ ๒๒๖
รวม - - - - -๔
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๖๖๖
๑. กิจกรรมแนะแนว ๔๔ ๑๐ ๔๔ ๑๐ ๔๔ ๑๐
๒. กจิ กรรมลกู เสอื -
๒-๒-๒-
เนตรนารี
๓. กจิ กรรมชุมนมุ ๒-๒-๒-
๔. กิจกรรมเพ่อื สังคมและ
สาธารณประโยชน์ ๒-๒-๒-
รวมชวั่ โมงต่อสัปดาห์ รวม ๓ ปี จำนวน ๔๕ ชว่ั โมง (ปลี ะ ๑๕ ช่ัวโมง)
รวมชว่ั โมงต่อปี
๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐
๑๒๐๐ ๑๒๐๐ ๑๒๐๐
ที่มา: งานพัฒนาหลกั สตู รและคุณภาพวิชาการ กล่มุ บรหิ ารวิชาการ
โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศกึ ษา
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ห้องแผนการเรยี นพเิ ศษ (หอ้ ง ๑)
ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕-๒๕๖๗
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ จำนวนชว่ั โมง/สัปดาห์/ปี
ม.๔ ม.๕ ม.๖
ภาษาไทย
คณิตศาสตร์ พ้นื ฐาน เพมิ่ เตมิ พืน้ ฐาน เพิ่มเตมิ พน้ื ฐาน เพิม่ เตมิ
วิทยาศาสตร์ ๔-๔-๔-
สงั คมศกึ ษา ศาสนาและ ๔๘๔๘ - ๘
วฒั นธรรม ๑๓ ๑๔ ๑ ๒๓ ๓ ๒๐
สุขศึกษาและพลศกึ ษา
ศิลปะ ๔-๖-๖-
การงานอาชีพและ
เทคโนโลยี ๒๒๒ - ๒๑
- กลุ่มวิชา IS ๒-๒-๒-
ภาษาต่างประเทศ
๒-๒-๒-
รวม
กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น - - -๔- -
๔๖๔๖๔๖
๑. กิจกรรมแนะแนว
๒. กิจกรรมพฒั นาคุณธรรมฯ ๓๓ ๓๐ ๒๕ ๔๑ ๒๓ ๓๑
๓. กิจกรรมชุมนุม/ นศท.
๔. กจิ กรรมเพื่อสงั คมและ ๒-๒-๒-
๒-๒-๒-
สาธารณประโยชน์ ๒-๒-๒-
รวมชวั่ โมงต่อสปั ดาห์
รวม ๓ ปี จำนวน ๖๐ ชัว่ โมง (ปีละ ๒๐ ชัว่ โมง)
รวมชั่วโมงต่อปี
๓๖ ๓๓ ๓๗ ๓๕ ๓๓ ๓๐
๑๓๘๐ ๑๔๔๐ ๑๒๖๐
ทีม่ า: งานพฒั นาหลกั สูตรและคณุ ภาพวิชาการ กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ
โครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษา
ชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย ห้องแผนการเรียนวทิ ยาศาสตร์-คณติ ศาสตร์ (ห้อง ๒-๓)
ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕-๒๕๖๗
กลุม่ สาระการเรียนรู้ จำนวนชว่ั โมง/สัปดาห์
ม.๔ ม.๕ ม.๖
ภาษาไทย
คณิตศาสตร์ พ้ืนฐาน เพม่ิ เตมิ พ้นื ฐาน เพมิ่ เตมิ พืน้ ฐาน เพมิ่ เติม
วิทยาศาสตร์ ๔-๔-๔-
สังคมศึกษา ศาสนาและ ๔๘๔๘ - ๘
วฒั นธรรม ๑๒ ๑๓ - ๒๔ ๔ ๒๒
สุขศึกษาและพลศกึ ษา
ศลิ ปะ ๔-๖-๖-
การงานอาชพี และ
เทคโนโลยี ๒๒๒๒๒๒
- วชิ า IS ๒-๒-๒-
ภาษาต่างประเทศ
๒ - ๒ - ๒๒
รวม
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น - - -๔- -
๔๖๔๖๔๖
๑. กจิ กรรมแนะแนว
๒. กจิ กรรมพัฒนาคณุ ธรรมฯ ๓๔ ๒๙ ๒๔ ๔๔ ๒๔ ๓๘
๓. กจิ กรรมชมุ นุม/ นศท.
๔. กิจกรรมเพื่อสงั คมและ ๒-๒-๒-
๒-๒-๒-
สาธารณประโยชน์ ๒-๒-๒-
รวมช่ัวโมงตอ่ สปั ดาห์ รวม ๓ ปี จำนวน ๖๐ ชัว่ โมง (ปลี ะ ๒๐ ชั่วโมง)
รวมช่ัวโมงต่อปี
๓๕ ๓๔ ๓๗ ๓๗ ๓๔ ๓๔
๑๓๘๐ ๑๔๘๐ ๑๓๖๐
ที่มา: งานพฒั นาหลกั สูตรและคณุ ภาพวชิ าการ กลุม่ บรหิ ารวิชาการ
โครงสร้างหลักสตู รสถานศกึ ษา
ช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย หอ้ งแผนการเรยี นคณติ ศาสตร์-ภาษาองั กฤษ (หอ้ ง ๔-๕)
ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕-๒๕๖๗
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ จำนวนชวั่ โมง/สัปดาห์
ภาษาไทย ม.๔ ม.๕ ม.๖
คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ พ้ืนฐาน เพ่ิมเติม เลือก พน้ื ฐาน เพ่ิมเตมิ เลอื ก พนื้ ฐาน เพ่ิมเตมิ เลือก
สงั คมศกึ ษา ศาสนาและ
วัฒนธรรม ๔๔ - ๔ - - ๔ ๔ -
สขุ ศึกษาและพลศึกษา
ศลิ ปะ ๔๘ - ๔๘ - - ๘ -
การงานอาชพี และ
เทคโนโลยี ๓๒ - ๖๒ - ๗ - -
- วิชา IS
ภาษาตา่ งประเทศ ๔๒ - ๖ - - ๖ ๒ -
รวม ๒๒ - ๒๒ - ๒ ๒ -
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
๒- ๒- ๒-
๑. กจิ กรรมแนะแนว
๒. กจิ กรรมพัฒนาคณุ ธรรมฯ ๒-๔๒ -๔ ๒ - ๔
๓. กิจกรรมชมุ นมุ / นศท.
๔. กิจกรรมเพ่ือสงั คม --- -๔- - - -
๔ ๑๒ - ๔ ๑๒ - ๔ ๑๒ -
และสาธารณประโยชน์
๒๕ ๓๐ ๔ ๓๐ ๒๘ ๔ ๒๗ ๒๘ ๔
รวมชวั่ โมงต่อสปั ดาห์
รวมช่ัวโมงตอ่ ปี ๒- -๒- -๒- -
๒- -๒- -๒- -
๒- -๒- -๒- -
รวม ๓ ปี จำนวน ๖๐ ช่ัวโมง (ปีละ ๒๐ ชว่ั โมง)
๓๑ ๓๔ ๓๒ ๓๒ ๓๓ ๓๐
๑๓๐๐ ๑๓๖๐ ๑๓๐๐
ทีม่ า: งานพฒั นาหลักสตู รและคณุ ภาพวชิ าการ กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ
โครงสรา้ งหลักสูตรสถานศกึ ษา
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ห้องแผนการเรยี นภาษาองั กฤษ-สังคมศึกษา (ห้อง ๖-๗)
ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕-๒๕๖๗
กลุ่มสาระการ จำนวนช่วั โมง/สปั ดาห์
เรยี นรู้
ม.๔ ม.๕ ม.๖
พน้ื ฐาน เพม่ิ เติม เลอื ก พนื้ ฐาน เพม่ิ เติม เลอื ก พื้นฐาน เพมิ่ เตมิ เลอื ก
ภาษาไทย ๔ ๔ -๔ ๔ -๔ ๔ -
คณิตศาสตร์ ๔ - -๔ - - - ๒ -
วทิ ยาศาสตร์ ๓ ๒ -๖ ๒ -๗ ๔ -
สงั คมศึกษา ศาสนา ๔ ๑๐ - ๖ ๔ - ๖ ๑๐ -
และวฒั นธรรม
สขุ ศึกษาและ ๒ ๒ -๒ ๒ -๒ ๒ -
พลศกึ ษา
ศลิ ปะ ๒ ๔ ๔ ๒ - ๔ ๒ ๔ ๔
การงานอาชพี และ ๒ - ๒ - ๒ -
เทคโนโลยี - - -- ๔ -- - -
- วิชา IS
ภาษาต่างประเทศ ๔ ๑๒ - ๔ ๑๒ - ๔ ๑๒ -
รวม ๒๕ ๓๔ ๔ ๓๐ ๒๘ ๔ ๒๗ ๓๔ ๔
กจิ กรรมพฒั นา
ผ้เู รียน
๑. กจิ กรรมแนะแนว ๒ - - ๒ - - ๒ - -
๒. กจิ กรรมพฒั นา ๒- -๒ - -๒ - -
คณุ ธรรมฯ
๓. กจิ กรรมชมุ นมุ / ๒ - -๒ - -๒ - -
นศท.
๔. กิจกรรมเพอื่ สงั คม
และสาธารณ รวม ๓ ปี จำนวน ๖๐ ช่ัวโมง (ปีละ ๒๐ ชว่ั โมง)
ประโยชน์
รวมช่วั โมงต่อ ๓๑ ๓๔ ๓๔ ๓๔ ๓๕ ๓๒
สปั ดาห์
รวมชัว่ โมงตอ่ ปี ๑๓๐๐ ๑๓๖๐ ๑๓๔๐
ทมี่ า: งานพัฒนาหลักสูตรและคณุ ภาพวชิ าการ กล่มุ บริหารวชิ าการ
โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา
ชนั้ มัธยมศึกษาตอนปลาย หอ้ งแผนการเรียนภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน (ห้อง ๘)
ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕-๒๕๖๗
กลมุ่ สาระการ ม.๔ จำนวนช่ัวโมง/สัปดาห์ ม.๖ เลอื ก
เรียนรู้ -
พนื้ ฐาน เพ่มิ เตมิ ม.๕ เพิ่มเติม -
ภาษาไทย -
คณติ ศาสตร์ ๔๔ เลอื ก พ้ืนฐาน เพิ่มเตมิ เลือก พื้นฐาน ๔
วทิ ยาศาสตร์ ๔- ๒
สงั คมศกึ ษา ศาสนา ๓๒ -๔ ๔-๔ -
และวฒั นธรรม -๔ - - -
สุขศึกษาและ -๖ ๒-๖
พลศกึ ษา
ศิลปะ ๔ ๒ -๖ - -๖ ๒-
การงานอาชีพและ
เทคโนโลยี ๒ ๒ -๒ ๒-๒ ๒-
- วชิ า IS
ภาษาต่างประเทศ ๒ - ๔ ๒ - ๔ ๒ - ๔
๒ - ๒ - ๒ -
รวม
กจิ กรรมพัฒนา - - -- ๔-- --
ผู้เรียน ๔ ๒๔ - ๔ ๑๘ - ๔ ๒๐ -
๑. กจิ กรรมแนะแนว
๒. กิจกรรมพฒั นา ๒๕ ๓๔ - ๓๐ ๓๐ - ๒๗ ๓๐ ๔
คณุ ธรรมฯ
๓. กิจกรรมชุมนุม/ ๒ - -๒ - -๒ --
นศท. ๒ - -๒ - -๒ --
๔. กิจกรรมเพ่อื สงั คม
และสาธารณ ๒ - -๒ - -๒ --
ประโยชน์
รวม ๓ ปี จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง (ปีละ ๒๐ ช่ัวโมง) ๓๒
รวมชวั่ โมงตอ่
สปั ดาห์ ๓๑ ๓๔ ๓๔ ๓๖ ๓๕
รวมช่วั โมงตอ่ ปี ๑๓๐๐ ๑๔๐๐ ๑๓๔๐
ทีม่ า: งานพฒั นาหลกั สูตรและคณุ ภาพวิชาการ กลุม่ บรหิ ารวิชาการ
โรงเรียนมาตรฐานสากล(World–Class Standard School)
“การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทย ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย
จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรม ในการดำรงชีวิตสามารถ
อยรู่ ว่ มกบั ผู้อ่ืนได้อย่างมีความสขุ ” ในมาตรา ๖ ตามพระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒
๑. ลกั ษณะการเป็นมาตรฐานสากล ประกอบด้วย
๑) การจัดการเรยี นการสอน (หลักสตู รและการสอน)
๒) บริหารจัดการด้วยระบบคุณภาพ
๒. คณุ ลกั ษณะโรงเรียนมาตรฐานสากล มดี งั นี้
๑) ผูเ้ รยี นมีศกั ยภาพเป็นพลโลก (World Citizen) [เป็นเลิศวิชาการ, สอื่ สารสองภาษา,
ลำ้ หนา้ ทางความคิด, ผลติ งานอยา่ งสรา้ งสรรค์ รว่ มกนั รบั ผิดชอบต่อสังคมโลก]
๒) การจัดการเรียนการสอนเทียบเคียงมาตรฐานสากล (World–Class Standard)
๓) บรหิ ารจัดการด้วยระบบคุณภาพ (Quality System Management)
๓. วตั ถุประสงคโ์ รงเรยี นมาตรฐานสากล
๑) พัฒนาผูเ้ รยี นให้มศี กั ยภาพเป็นพลโลก (World Citizen)
๒) ยกระดบั การจัดการเรียนการสอนเทียบเคียงมาตรฐานสากล (World - Class
Standard)
๓) ยกระดบั การบริหารจดั การดว้ ยระบบคณุ ภาพ (Quality System Management)
คณุ ลักษณะผเู้ รียน ผูเ้ รียนมศี ักยภาพเปน็ พลโลก (World Citizen)
๑. เปน็ เลิศวิชาการ
๒. สื่อสารไดอ้ ยา่ งน้อย ๒ ภาษา
๓. ลำ้ หน้าทางความคิด
๔. ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์
๕. ร่วมกนั รบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมโลก
ด้านท่ี ๑ คุณภาพผเู้ รียนมลี ักษณะ ดงั นี้
๑. เปน็ เลิศวิชาการ
๑.๑ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์การเรียนผ่านการประเมินระดับชาติอยู่ในระดับดี
เป็นทย่ี อมรับจากสถาบันนานาชาติ
๑.๒ นักเรียนมีความสามารถความถนัดเฉพาะทางเปน็ ทีป่ ระจักษ์สามารถแข่งขนั
ในระดับชาติและนานาชาติ
๑.๓ นักเรียนสามารถเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นจนถึงระดับอุดมศึกษา
ทง้ั ในประเทศและต่างประเทศไดใ้ นอัตราสูง
๑.๔ นักเรียนมีผลการเรียนที่สามารถถ่ายโอนกับสถานศึกษาระดับต่าง ๆ
ในนานาชาติได้
๒. สื่อสารได้อยา่ งนอ้ ย ๒ ภาษา
๒.๑ นกั เรียนใช้ภาษาไทย/ภาษาองั กฤษ และภาษาต่างประเทศอืน่ ๆ ในการสือ่ สารไดด้ ี
๒.๒ นักเรียนสามารถสอบผ่านการวัดระดับความสามารถทางภาษาจากสถาบัน
ภาษานานาชาติ
๓. ล้ำหน้าทางความคิด
๓.๑ นักเรียนสร้างกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และจัดทำโครงงานที่เสนอแนวคิด
เพ่ือสาธารณะประโยชน์รว่ มกบั นักเรยี นนานาชาติ
๓.๒ นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าเผชิญความเสี่ยง สามารถใช้ความคิด
ระดบั สงู มเี หตผุ ล และวางแผนจัดการสเู่ ป้าหมายทตี่ ั้งไวไ้ ด้
๓.๓ นักเรียนสามารถสร้างสรรค์ความคิดใหม่ ๆ เพื่อประโยชน์ต่อตนเอง สังคม
และประเทศชาติ ค่านิยม และความเช่ือของตนเองและของผู้อ่ืน
๔. ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์
๔.๑ นักเรียนมีความสามารถประเมิน แสวงหา สังเคราะห์ และใช้ข้อมูลข่าวสาร
อยา่ งมปี ระสทิ ธผิ ล โดยการนำเทคโนโลยีมาใชใ้ นการดำเนินการให้สำเรจ็
๔.๒ นักเรียนมีความรอบรู้ด้านทัศนภาพ (ภาษาภาพ สัญลักษณ์ สัญรูป)
รู้จักตคี วาม สร้างส่อื ในการพัฒนาการคิด การตดั สินใจ และการเรียนร้ใู ห้กา้ วหน้าขนึ้
๔.๓ นักเรียนมีผลงานการประดิษฐ์ สร้างสรรค์ และออกแบบผลงานเข้าแข่งขัน
ในเวทรี ะดบั ชาตแิ ละนานาชาติ
๔.๔ นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยใี นการเรียนรู้ ออกแบบ สร้างสรรค์งานสือ่ สาร
นำเสนอ เผยแพร่ และแลกเปลย่ี นผลงานได้ในระดับนานาชาติ
๕. ร่วมกันรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมโลก
๕.๑ นักเรียนมีความตระหนักรู้ในภาวการณ์ของโลก สามารถเรียนรู้และจัดการ
กับความซับซอ้ น
๕.๒ นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนกั ในความหลากหลายทางวฒั นธรรม
ขนบธรรมเนียมประเพณีของนานาชาติ
๕.๓ นักเรียนมีความสามารถระบุประเด็นทางเศรษฐศาสตร์ วิเคราะห์ผลกระทบ
ของการเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกิจและนโยบายสาธารณะ เปรยี บเทยี บค่าใชจ้ า่ ยและผลตอบแทนได้
๕.๔ นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นพลเมืองดี สามารถจัดการและ
ควบคุมการใช้เทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะและปกป้องคุ้มครอง
สงิ่ แวดลอ้ ม และอุดมการณ์ประชาธปิ ไตยสงั คมไทยและสังคมโลก
หลกั การวัดผลและประเมินผลการเรยี น
ตามหลักสูตรสถานศึกษา
องค์ประกอบและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
๑. การวดั และประเมินผลการเรยี นรตู้ ามกลุ่มสาระการเรยี นรู้
๒. การประเมินการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขยี น
๓. การประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๔. การประเมินกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น
เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑. การตัดสินผลการเรยี น มีเกณฑด์ ังน้ี
๑.๑ ตดั สินผลการเรยี นเป็นรายวิชา ผู้เรยี นต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อย
กว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทัง้ หมดในรายวิชาน้ัน ๆ
๑.๒ ผเู้ รียนไดร้ ับการประเมินทุกตัวชวี้ ัดและผ่านตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากำหนด
๑.๓ ผ้เู รยี นไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรยี นทุกรายวิชา
๑.๔ ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินผลการประเมินในระดับ “ผ่าน” ตามเกณฑ์
ที่สถานศึกษากำหนดในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรม
พัฒนาผเู้ รยี น
๑.๕ การตัดสินผลการเรียน ตัดสินโดยใช้ผลการประเมินระหว่างภาคและปลายภาค
ตามสดั สว่ น ๘๐ : ๒๐
๒. การให้ระดับผลการเรียน ใช้ตัวเลขแสดงระดับผลการเรียนเป็น ๘ ระดับ และ
มีความหมายดงั นี้
ช่วงคะแนน ระดบั ผลการเรยี น ความหมาย
๘๐-๑๐๐ ๔ ดีเยีย่ ม
๗๕-๗๙ ๓.๕ ดมี าก
๗๐-๗๔ ๓ ดี
๖๕-๖๙ ๒.๕ ค่อนขา้ งดี
๖๐-๖๔ ๒ ปานกลาง
๕๕-๕๙ ๑.๕ พอใช้
๕๐-๕๔ ๑
๐-๔๙ ๐ ผา่ นเกณฑ์ข้ันต่ำ
ต่ำกวา่ เกณฑ์
ในกรณีที่ไม่สามารถให้ระดับผลการเรียนเป็น ๘ ระดับได้ ให้ใช้ตัวอักษรระบุเงื่อนไข
ของผลการเรยี น ดงั นี้
“มส” หมายถึง ผู้เรียนไม่มสี ทิ ธ์ิเข้ารบั การวัดผลปลายภาค เนื่องจากมเี วลาเรียนไม่ถึง
ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นในแต่ละรายวชิ า และไม่ได้รบั การผอ่ นผันใหเ้ ข้ารบั การวัดผลปลายภาคเรียน
และถ้ามเี วลาเรียนไมถ่ ึงร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนในแต่ละรายวชิ า ต้องลงเรียนซำ้ ใหมใ่ นรายวิชานัน้ ๆ
“ร” หมายถึง รอการตัดสนิ และยังตัดสินผลการเรียนไม่ได้ เนื่องจากผู้เรียนไม่มีข้อมูล
ผลการเรียนรายวิชานั้นครบถ้วน คือ ไม่ได้วัดผลกลางภาคเรียน ปลายภาคเรียน ไม่ได้ส่งงาน
ทีม่ อบหมายใหท้ ำ ซง่ึ งานนั้นเป็นส่วนหนงึ่ ของการตัดสินผลการเรียน หรือมีเหตอุ ันสุดวสิ ัยที่ทำให้
ประเมนิ ผลการเรยี นไม่ได้
๓. การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น
ได้รับระดับผลการประเมินเพื่อการเลอื่ นช้ันและจบการศึกษา กำหนดเกณฑ์เป็น ๔ ระดับ คอื ดี
เยยี่ ม (๓) ดี (๒) ผ่าน (๑) และไมผ่ ่าน (๐)
๔. การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน พจิ ารณาจากเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อย
กว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นในกจิ กรรมน้ัน ๆ และแสดงผลการเรียนประเมนิ เปน็
“ผ” หมายถึง ผู้เรียนเข้าเรียนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติและมีผลงาน
ตามเกณฑท์ ีส่ ถานศึกษากำหนด
“มผ”หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติและมีผลงาน
ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากำหนด
การเปลี่ยนผลการเรียน
๑. การเปล่ยี นผลการเรียน “๐”
เมื่อมีการประกาศผลการเรียนในปลายภาคเรียน สถานศึกษาจัดให้มีการสอน
ซอ่ มเสริมก่อน แล้วจงึ สอบแกต้ วั ไดไ้ มเ่ กิน ๒ ครั้ง
ถ้าผู้เรียนไม่ดำเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาที่สถานศึกษากำหนด
ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีก ๑ ภาคเรียน ทั้งน้ี
ตอ้ งให้เสรจ็ ส้ินภายในปกี ารศกึ ษานนั้ ถา้ สอบแกต้ วั ๒ ครงั้ แลว้ ยังได้ระดบั ผลการเรียน “๐” อีก
ใหส้ ถานศึกษาแตง่ ต้ังคณะกรรมการดำเนินการเปล่ยี นผลการเรียน โดยปฏบิ ตั ิดงั น้ี
๑) ถา้ เปน็ รายวิชาพ้นื ฐาน ให้เรยี นซ้ำรายวชิ าน้นั
๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติม ให้เรียนซ้ำหรือเปลีย่ นรายวิชาเรยี นใหม่ ทั้งนี้ให้อยู่
ในดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษา
๒. การเปลยี่ นผลการเรยี น “ร”
ผู้เรยี นดำเนนิ การแก้ไขผลการเรียน “ร” ภายในเวลาที่สถานศึกษากำหนดให้ระดบั
ผลการเรียนไดต้ ามปกติ คือ ๐ – ๔
ถ้าผู้เรยี นไม่ดำเนนิ การแก้ไข “ร” ภายในเวลาท่สี ถานศกึ ษากำหนด สามารถขยาย
เวลาออกไปอีก ๑ ภาคเรียน หากพ้นกำหนดสามารถเปลี่ยนผลการเรียนเป็น “๐” ให้ดำเนิน
การแก้ไขตามหลกั เกณฑ์การเปล่ยี นผลการเรียน “๐”
๓. การเปลย่ี นผลการเรียน “มส”
กรณีที่ได้ผลการเรียน “มส” เพราะเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ แต่ไม่น้อยกว่า
ร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด สถานศึกษาต้องจัดใหเ้ รยี นเพิ่มเติมจนมีเวลาเรียนครบตาม
ที่กำหนด แล้วจึงสอบวัดผลปลายภาคเรียนเป็นกรณีพิเศษ ผลการแก้ “มส” ให้ได้ระดับผล
การเรียนไม่เกิน “๑” โดยต้องกระทำให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ถ้าผู้เรียนไม่มาดำเนิน
การตามทีก่ ำหนดให้เรียนซ้ำ
การเรียนซำ้ รายวชิ า ท้ังนใ้ี หอ้ ยู่ในดุลยพินจิ ของสถานศึกษาในการจัดให้เรียนซ้ำในช่วง
ใดช่วงหนึ่งของสถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น วันหยุด ชั่วโมงว่าง หลังเลิกเรียน ภาคฤดูร้อน
เป็นตน้
๔. การเปลยี่ นผลการเรียน “มผ”
ในกรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำ
กจิ กรรมส่วนที่ผูเ้ รียนไม่ได้เขา้ ร่วมหรือไม่ได้ปฏบิ ัตจิ นครบถ้วน จงึ เปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ”
เป็น “ผ” ได้ ทั้งนี้ต้องดำเนินการในเสร็จสิ้นภายในภาคเรียนนั้น ๆ หรืออาจขยายเวลา
ไดแ้ ต่ ไม่เกินปีการศกึ ษานั้น
การเลื่อนช้ัน
เมือ่ สิ้นปีการศึกษา ผูเ้ รยี นไดร้ บั การเลอ่ื นชั้น เม่ือมคี ุณสมบัตติ ามเกณฑ์ ดังต่อไปน้ี
๑. รายวิชาพืน้ ฐานและเพิ่มเติม ได้รับการตัดสินผลการเรียนในระดับผา่ นตามเกณฑ์
ทส่ี ถานศึกษากำหนด
๒. ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินผล และมีผลการประเมินในระดับ “ผ่าน”
ในการประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน
๓. มีระดบั ผลการเรยี นเฉลยี่ ในปีการศึกษานัน้ ไมต่ ำ่ กวา่ ๑.๐๐
ทั้งนร้ี ายวิชาใดท่ไี มผ่ า่ นเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซอ่ มเสริมผเู้ รียนให้ไดร้ บั
การแกไ้ ขในภาคเรยี นถดั ไป
การเรยี นซ้ำชน้ั
ผู้เรียนที่มีผลการประเมินรายวิชาอยู่ในระดับไม่ผ่านจำนวนมาก และมีแนวโน้ม
ว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับช้ันที่สูงขึ้น สถานศกึ ษาตั้งคณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รียน
ซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของผู้เรียนเป็นสำคัญ การเรียนซ้ำ
มี ๒ ลักษณะ คือ
๑) ผู้เรียนมีระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นต่ำกว่า ๑.๐๐ และมีแนวโน้ม
ว่าจะเปน็ ปญั หาต่อการเรียนในระดับท่สี ูงขนึ้
๒) ผู้เรียนมีผลการเรียน “๐ , ร , มส” เกินครึ่งหนึ่งของรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียน
ในปกี ารศึกษาน้นั
เกณฑ์การจบการศึกษาระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนต้น
๑. ผูเ้ รยี นเรียนรายวชิ าพนื้ ฐานและเพิ่มเติมไม่นอ้ ยกว่า ๗๗ หน่วยกิต โดยเป็นรายวชิ า
พ้ืนฐาน ๖๖ หนว่ ยกิต และรายวิชาเพ่มิ เตมิ ไม่นอ้ ยกวา่ ๑๑ หน่วยกิต
๒. ผู้เรียนมีผลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน ในระดับ “ผ่าน” เกณฑ์
การประเมนิ ตามที่สถานศกึ ษากำหนด
๓. ผูเ้ รียนมีผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ในระดบั “ผา่ น” เกณฑ์ การ
ประเมนิ ตามทส่ี ถานศึกษากำหนด
๔. ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และมีผลการประเมิน “ผ่าน” เกณฑ์
การประเมนิ ตามทสี่ ถานศกึ ษากำหนด
เกณฑ์การจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
๑. ผ้เู รียนเรียนรายวชิ าพนื้ ฐานและเพมิ่ เตมิ ไมน่ อ้ ยกว่า ๗๗ หนว่ ยกติ โดยเปน็ รายวิชา
พื้นฐาน ๔๑ หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพ่มิ เติมไม่นอ้ ยกวา่ ๓๖ หน่วยกิต
๒. ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ในระดับ “ผ่าน” เกณฑ์
การประเมนิ ตามทสี่ ถานศกึ ษากำหนด
๓. ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับ “ผ่าน” เกณฑ์
การประเมนิ ตามทส่ี ถานศกึ ษากำหนด
๔. ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และมีผลการประเมิน “ผ่าน” เกณฑ์
การประเมนิ ตามที่สถานศึกษากำหนด
แนวปฏิบตั เิ กี่ยวกับงานทะเบยี น กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ
๑. การขอหลกั ฐานตา่ ง ๆ
๑.๑ การขอใบรับรอง (ปพ.๗) กรณีที่ยังไม่จบหลักสูตร รับแบบคำร้อง
ไดท้ ง่ี านทะเบยี น กลมุ่ บรหิ ารวิชาการ ยน่ื คำร้อง พรอ้ มรปู ถ่ายนักเรยี น ขนาด ๑.๕ นิ้ว จำนวน ๑ รปู
โดยใบแรกทข่ี อเอกสารไม่เสยี ค่าธรรมเนียม ใบต่อไปเสียคา่ ธรรมเนยี มใบละ ๕ บาท เมอื่ ส่งคำร้อง
แล้วมารบั ไดภ้ ายใน ๓ วันทำการ นับตงั้ แต่วนั ที่ยืน่ คำรอ้ ง
๑.๒ การขอระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) ในกรณีที่ยังไม่จบการศึกษา
รับคำร้องได้ที่งานทะเบียน กลุ่มบริหารวิชาการ พร้อมทั้งรูปถ่ายนักเรียนที่แต่งกายถูกต้อง
ตามระเบยี บของโรงเรียน (ถ่ายรปู ไวไ้ มเ่ กนิ ๖ เดอื น) ขนาด ๑.๕ นวิ้ จำนวน ๒ รปู เม่ือสง่ คำร้อง
แลว้ มารบั ไดภ้ ายใน ๓ วนั ทำการ นับต้งั แตว่ นั ท่ียื่นคำร้อง
๒. การขอเปลยี่ นแปลงหลกั ฐาน
๒.๑ การขอแกไ้ ขข้อมลู ของนกั เรยี นที่ทางโรงเรียนผดิ พลาด เช่น ชื่อ ชือ่ สกลุ วนั
เดือน ปเี กิด ใหน้ ำเอกสารหลักฐานที่ถกู ต้อง เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หรือทะเบียนบา้ น มา
ตดิ ตอ่ ขอแก้ไขทีง่ านทะเบียน กลมุ่ บรหิ ารวิชาการ
๒.๒ การขอเปลี่ยนชื่อ-ชื่อสกุล ให้นักเรียนรับแบบคำร้องที่ห้องกลุ่มบริหารวิชาการ
กรอกขอ้ มลู ใหเ้ รยี บร้อย แล้วยนื่ คำรอ้ ง พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้
- สำเนาหนงั สืออนุญาตให้เปลี่ยนชอื่ -ช่ือสกลุ ทไ่ี ด้รบั อนุญาตจากอำเภอ /เทศบาล
- สำเนาทะเบยี นบา้ นของผทู้ ่เี ปลี่ยนชื่อ-ชอื่ สกุล
- สำเนาบตั รประจำตวั ประชาชนของผู้ทเี่ ปลยี่ นชื่อ-ช่ือสกลุ
๒.๓ การขอเปล่ียนยศของบิดาหรอื มารดา ใหน้ ักเรยี นรบั แบบคำรอ้ งทห่ี ้องวชิ าการ
กรอกข้อมลู ใหเ้ รียบรอ้ ย แลว้ ยื่นคำรอ้ งพร้อมสำเนาหลกั ฐานการเปลยี่ นยศ
๓. การขอยา้ ยสถานศึกษา
๓.๑ ผู้ปกครองต้องมาเขียนแบบคำร้องขอลาออกด้วยตนเอง หรือมีจดหมาย
ของผู้ปกครองอนุญาตให้ผู้อื่นมากระทำการแทน โดยตอ้ งไมค่ ้างชำระค่าบำรงุ การศึกษาหรือเงินอ่ืน
ๆ ของทางโรงเรียน พรอ้ มทั้งรปู ถ่ายนักเรยี น ขนาด ๑.๕ นว้ิ จำนวน ๒ รปู และเมือ่ ยื่นคำรอ้ งแล้ว
จะมารับเอกสารไดห้ ลงั จากวันท่ยี ่นื คำรอ้ ง ๓ วันทำการ
งานทะเบียนวัดผล
๑. การขอหลกั ฐานตา่ ง ๆ สำหรับนกั เรยี นปัจจบุ นั
๑.๑ ใบรับรองผลการเรียนสำหรับนำไปสมัครเรียนต่อ ให้นักเรียนนำรูปถ่ายขนาด ๑ นิ้วครงึ่
แต่งเครื่องแบบนักเรียนถูกต้องตามระเบียบของโรงเรียน จำนวน ๑ รูป มาติดต่อพร้อมเขียน
คำรอ้ งขอใบรับรอง
๑.๒ ใบระเบยี นแสดงผลการเรียน จะออกให้เฉพาะนักเรียนที่ย่ืนคำร้องขอเอกสารนี้เท่าน้ัน
และเป็นผู้ที่จบหลักสูตร หรือผู้ที่ลาออกไปศึกษาต่อที่อื่น โดยยื่นคำร้องพร้อมรูปถ่ายขนาด ๒ นิ้ว
แต่งเครือ่ งแบบนักเรยี นถกู ตอ้ งตามระเบยี บของโรงเรยี นจำนวน ๒ รูป
๒. การขอหลกั ฐานตา่ ง ๆ สำหรับศิษยเ์ ก่า
กรณีถ้าเปน็ ศษิ ย์เกา่ ประสงค์จะขอหลักฐานการศึกษาใหม่ เนอ่ื งจากฉบับเก่าชำรุดหรือ
สูญหาย ให้นำรูปถ่ายขนาด ๑ นิ้วครึ่ง ใส่เสื้อขาว หน้าตรง (ไม่สวมหมวก) ถ่ายไม่เกิน ๖ เดือน
จำนวน ๒ รูป มาตดิ ตอ่ ยนื่ คำร้องที่งานทะเบียนวัดผล และชำระเงินค่าธรรมเนียมตามทโ่ี รงเรียน
กำหนด แล้วนำคำร้องพรอ้ มใบเสรจ็ รบั เงนิ มายืน่ ที่งานทะเบียนเพ่อื ดำเนนิ การต่อไป
๓. การขอแก้ไขวัน เดือน ปีเกิด
ในกรณี วัน เดือน ปีเกิด ของนักเรียนผิดพลาด ให้ยื่นคำร้องพร้อมสำเนาเอกสารอย่าง
ใดอยา่ งหนง่ึ ตอ่ ไปน้ี คอื สตู บิ ัตร สำเนาทะเบยี นบ้าน หรอื เอกสารอื่น ๆ ทแ่ี สดงวนั เดือน ปีเกิด
มาแสดงเพ่อื ประกอบการพจิ ารณา และถา้ เอกสารหลักฐานท่หี น่วยราชการออกให้น้ัน วัน เดือน
ปีเกดิ ไมต่ รงกัน จะตอ้ งดำเนินการสอบหาข้อเท็จจรงิ เพ่ือนำเสนอผูอ้ ำนวยการสถานศึกษาอนุมัติ
ตอ่ ไป
๔. การขอเปล่ยี นช่อื ตวั , ชื่อบดิ า, ชื่อมารดา, ช่ือสกุล
นักเรียนที่มีความประสงค์ขอเปลี่ยนชื่อตัว, ชื่อบิดา, ชื่อมารดา, ชื่อสกุล ให้ยื่นคำร้อง
พร้อมแนบหลักฐานสำเนาใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัว, ชื่อบิดา, ชื่อมารดา, ชื่อสกุล และสำเนา
ทะเบียนบ้านทไี่ ดแ้ กไ้ ขแล้ว
๕. การขอเปลีย่ นแปลงยศของบิดามารดา
ในกรณีที่บิดามารดาของนักเรียนรับราชการทหาร ตำรวจ เมื่อได้รับการเลื่อนยศ
และมีความประสงคเ์ ปลี่ยนแปลงในหลักฐานของโรงเรียน ให้ย่ืนคำรอ้ งพร้อมแนบหลกั ฐานประกอบ
งานแนะแนว
งานแนะแนว
การแนะแนว เป็นงานบริการทีม่ กี ระบวนการและเทคนิคท่ีช่วยให้ผู้เรียนร้จู ักและเข้าใจ
ตนเอง ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบตัว และสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อมีปัญหา
ได้อย่างถกู ต้อง มหี ลกั การทเ่ี ป็นไปไดท้ ัง้ ดา้ นการเรยี น ทางครอบครัว ทางเศรษฐกจิ และทางสังคม
จนสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ประสบความสำเร็จในการศึกษาและชีวติ
ส่วนตวั โดยมีเป้าหมายของการบริการแนะแนว เพื่อแก้ปญั หา ป้องกันปัญหา และพัฒนาส่งเสริม
๑. การจัดบริการแนะแนว กำหนดให้มขี อบข่าย ๓ ด้าน คือ
๑.๑ การแนะแนวด้านการศกึ ษา
๑.๒ การแนะแนวดา้ นอาชพี
๑.๓ การแนะแนวดา้ นสว่ นตัวและสังคม *มุ่งเน้นเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ
๒. งานแนะแนว จดั ใหม้ ีบรกิ ารในโรงเรยี น ประกอบด้วย ๕ บรกิ าร ดังน้ี
๒.๑ บรกิ ารรวบรวมข้อมูลนักเรยี นเป็นรายบุคคล
๒.๒ บรกิ ารสารสนเทศ
๒.๓ บรกิ ารใหค้ ำปรกึ ษา
๒.๔ บรกิ ารจดั วางตวั บคุ คล *มุง่ เนน้ ปอ้ งกัน สง่ เสริม พฒั นาและช่วยเหลือ
๒.๕ บรกิ ารติดตามผลและประเมินผล
๓. ลกั ษณะของงานแนะแนวในโรงเรยี น มี ๓ ลักษณะ ดังน้ี
๓.๑ การจัดกิจกรรมด้วยกระบวนการทางจิตวิทยาให้แก่ผู้เรียน เป็นรายบุคคล
และเป็นกลุ่ม (กล่มุ ปกตแิ ละกลมุ่ พิเศษ) โดยการจัดกิจกรรมทัง้ ในและนอกหอ้ งเรียน
๓.๒ การจัดบรกิ ารตา่ ง ๆ
๓.๓ การบรู ณาการแนะแนวในการเรยี นการสอน
บทบาทหน้าทข่ี องครแู นะแนว
๑. เป็นที่ปรึกษาแก่ครูและผู้เกี่ยวข้องทุกคนในการให้ความรู้ เทคนิคกระบวนการ
แนะแนวตามหลกั จติ วทิ ยาและการแนะแนว ดงั น้ี
- จุดประกายใหค้ รูทุกคน ใช้กระบวนแนะแนวพฒั นาจิตใจของผเู้ รียนอยา่ งตอ่ เน่ือง
และจริงจงั
- เปน็ แกนนำใหค้ วามรู้ ให้คำแนะนำแกค่ รู ผู้ปกครอง และผู้เก่ยี วข้อง ในการรู้จัก
และเข้าใจผ้เู รียนด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การใชร้ ะเบียนสะสมและเอกสารหลักฐานทางการศึกษา
การใชแ้ บบทดสอบ การสงั เกต การสมั ภาษณ์ การเยีย่ มบ้าน เป็นตน้
- ให้ความรแู้ ก่ครูทกุ คนในการใชเ้ ครื่องมือ การร้จู กั และการคดั กรองผู้เรียน
- เสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมโฮมรูมและกิจกรรมสำหรับผู้เรียนทุกกลุ่ม
ให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด ความสนใจและสามารถพัฒนาตนเองได้เต็มตาม
ศกั ยภาพ
- ให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติลักษณะผู้เรียนกลุ่มพิเศษประเภทต่าง ๆ
และเสนอแนวทางในการดูแลช่วยเหลือ สง่ เสรมิ พฒั นา
๒. เป็นผู้ให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียน ผู้ปกครอง และผู้มาขอรับบริการทั่วไป ทั้งด้านการส่งเสรมิ
พฒั นา ป้องกนั และแก้ไขปญั หา