ระบำลีลาชาชัก
CHA CHAK DANCE
โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา
BY SOCIAL LEARNING THEORY BANDURA
คำนำ ก
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "ระบำลีลาชาชัก" โดยใช้
ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา ซึ่งเนื้อหาข้างในจะประกอบไปด้วย ประวัติความเป็น
มาของระบำลีลาชาชัก เครื่องแต่งกาย ท่ารำของการแสดง ดนตรีประกอบการแสดง
อุปกรณ์การแสดง และ โอกาสที่ใช้ในการแสดง รวมถึงการเชื่อมโยงเนื้อหาวิจัยเข้ากับทฤษฎี
ทางการศึกษาโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เล่มนี้จะเป็นประโยชน์
ไม่มากก็น้อยให้แก่ผู้ที่จะศึกษา และเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติชาชักหรือการแสดงระบำลีลาชาชัก
ของวิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช ตลอดจนการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนและนำ
ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันต่อไป
และสุดท้ายนี้หากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เล่มนี้มีข้อผิดพลาดประการใดทาง
ตัวผู้จัดทำเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ภาคภูมิ ศรีประเสริฐ
สารบัญ ข
คำนำ ก
สารบัญ ข
ประวัติความเป็ นมาของระบำลีลาชาชัก 1
เครื่องแต่งกาย 2
ท่ารำของการแสดง 5
ดนตรีประกอบการแสดง 11
อุปกรณ์การแสดง 12
โอกาสที่ใช้ในการแสดง 13
ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา 14
บรรณานุกรม 18
ประวัติผู้จัดทำ 19
1
ประวัติความเป็นมา
ของระบำลีลาชาชัก
"ชาชัก" จัดว่าเป็นสินค้าโอทอปที่เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ได้รับความนิยมกันอย่าง
แพร่หลาย อันเป็นผลจากความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นภาคใต้ ซึ่งใน
จังหวัดนครศรีธรรมราชเอง มักจะพบเห็นการโชว์ลีลาการชงชาชักในการจัดงานต่างๆ
โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็น งานเลี้ยง งานแสดงสินค้า มหกรรมอาหาร งานเทศกาลประเพณี
งานแสดงทางศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ ก็จะพบเห็น "ชาชัก" เข้าร่วมออกร้านจำหน่ายชาชัก
ไปพร้อมๆกับการโชว์ลีลาการชักชาในรูปแบบที่แตกต่างกันตามเทคนิควิธีการ อันเป็น
ลักษณะเฉพาะตัวของร้านนั้น ๆ ในการดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค ให้จับจ่ายซื้อหา
ชาชักไปลิ้มลองรสชาติ
นับเป็นเวลาไม่น้ อยกว่า 10 ปี ที่ร้านชาชักได้มีการพัฒนาตนเองให้เป็นที่รู้จัก
กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ไม่เพียงแต่เฉพาะในภาคใต้เท่านั้น แต่ปัจจุบันชาชักยังเป็น
สินค้าที่ติดอันดับมาตรฐานในระดับประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ก็คงเป็นไปได้ว่ามีผล
มาจากมนต์เสน่ห์ของลีลาท่าทางการชักชาตลอดจนรสชาติอัน กลมกล่อม หอมละมุน
เป็นที่ถูกปาก ถูกใจ ของผู้บริโภคโดยทั่วไป ซึ่งจุดที่น่าสนใจของการชักชาชักคือขั้น
ตอนที่ต่อเนื่องหลังจากการนำส่วนผสมประกอบเข้าด้วยกัน กล่าวคือน้ำชาที่เดี่ยวจน
ได้ที่ นมสด และนมข้นหวาน ผสมรวมเข้าด้วยกันในกระบอกชาตามสัดส่วนหรือตาม
สูตรที่กำหนดแล้วในกระบอกใดกระหนึ่ ง จากนั้นผู้ชงชาจะถือกระบอกชาข้างละ
1 กระบอก แล้วยกกระบอกที่มีส่วนผสมอยู่ให้สูงขึ้น แล้วเทชาลงสู่กระบอกเปล่า
ที่ถืออยู่ในระดับต่ำกว่า และเทสลับกันไปตามท่วงทีลีลา อันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัว
ของผู้ชงชาแต่ละคนไปตามความสัมพันธ์ของแรงโน้ มถ่วง ผ่านอากาศอันจะช่วยให้เป็น
ตัวเสริมในการทำปฏิกิริยาให้ชาเกิดเป็ นฟอง ที่สวยงามและมีรสชาดที่ชวนชิม
ลิ้มลอง
จากเทคนิควิธีการชงชาที่ต้องอาศัยทักษะ ความชำนาญ ในท่วงที ลีลา ต่าง ๆ
จึงเป็นมูลเหตุให้ผู้วิจัย มีความสนใจที่จะศึกษาเรื่อง การชักชา เพื่อร่วมอนุรักษ์และ
สืบสานตำนานการชักชาของชาวใต้ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ให้แพร่หลายต่อไป ทั้งร่วม
ส่งเสริมการท่องเที่ยว และการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน โดยการนำเสนอผลการศึกษาใน
มิติของการสร้างสรรค์ผลงานการแสดงชุด ระบำลีลาชาชัก ของวิทยาลัยนาฏศิลป
นครศรีธรรมราช
2
เครื่องแต่งกายระบำลีลาชาชัก
การออกแบบเครื่องแต่งการของการแสดงชุดระบำลีลาชาชักชุดของนักแสดง
ชายจะใช้เป็นรูปแบบเดียวกันคือแต่งกายแบบภาคใต้ตอนล่าง ที่สำคัญที่สุดของ
เครื่องแต่งกายของนักแสดงชายคือหมวกกะปิเยาะห์ ซึ่งปกติจะเป็นเพียงหมวก
ธรรมดาแต่ทางผู้สร้างสรรค์ ได้นำมาปักตกแต่งด้วยเลื่อมและลูกปัดให้เกิดความ
สวยงามและโดดเด่น ส่วนการแต่งกายของนักแสดงหญิงจะแบ่งออกเป็น 2 สี
คือ สีฟ้ าและสีชมพู เนื่องจากเป็นสีที่ตัดกันและไม่เป็นสีที่แจ่มเกินไป และเลือก
ใช้รูปแบบชุดแต่งงานแบบมุสลิม เนื่องจากระบำลีลาชาชักเป็นสินค้าโอทอปของ
ชาวมุสลิม ผู้สร้างสรรค์จึงเลือกใช้รูปแบบของชุดในการแสดงเป็นชุดแต่งงาน
แบบมุสลิม เพื่อให้เหมาะสมกับการแสดงชุดระบำลีลาชาชักซึ่งเป็นสินค้าโอทอป
ขึ้นชื่อของชาวมุสลิม
3
เครื่องแต่งกายระบำลีลาชาชัก
• การแต่งกายนักแสดงชาย
1. เสื้อ (ยูเบาะห์) เป็นเสื้อคอตั้ง แขนยาว ด้านหน้ าของตัวเสื้อและปลายแขนของ
แขนเสื้ อปั กด้วยเลื่ อมและลูกปั ด
2. กางเกงขายาว เป็นกางเกงขายาว ปลายขาเข้ารูป
3. ผ้านุ่ง ใช้ผ้าพื้นเมืองของชาวมุสลิมทางภาคใต้
4. เข็มขัด
5. หมวก เป็นหมวกกะปิเยาะห์ ตกแต่งด้วยเลื่อมและลูกปัด
4
เครื่องแต่งกายระบำลีลาชาชัก
• การแต่งกายนักแสดงหญิง
1. เสื้อในนาง ข้างหน้ าของตัวเสื้อปักด้วยเลื่อมและลูกปัดให้เป็นลวดลายดอกไม้
2. เสื้อกุหรง (ประยุกต์) ใช้สำหรับเป็นเสื้อตัวนอก ตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้แบบโปร่ง
ตัวเสื้อยาวคลุมสะโพก แขนยาวจรดข้อมือ
3. กระโปรง ตัดเย็บด้วยผ้าปาเต๊ะ ยาวคลุมข้อเท้า ปลายกระโปรงปักด้วยเลื่อม
และลูกปั ดเป็ นลวดลายดอกไม้
4. ผ้าคลุมศีรษะ (ฮิญาบ)
5. เครื่องประดับ สร้อยคอ เข็มขัด กำไล
5
ท่ารำที่ใช้ในการแสดง
ระบำลีลาชาชัก
รูปแบบท่ารำของระบำลีลาชาชัก มีแนวคิดมาจากการศึกษาและเลียนแบบ
ท่าทางลีลาของการชงชาชัก โดยได้คัดเลือกจากท่ารำจากการประกอบอาชีพ
ของผู้ประกอบอาชีพชงชาชัก นำมาเรียบเรียง สร้างสรรค์ และดัดแปลงลีลาการ
ชักชา ให้เป็นท่ารำที่ยังคงความถูกต้องของการชงชาชัก ซึ่งจากการศึกษาข้อมูล
เบื้องต้นแล้วนั้น ท่ารำของระบำลีลาชาชัก แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มท่า คือ 5 ท่าพื้น
ฐาน และ 3 ท่าพิเศษ ดังนี้
- กลุ่มท่าพื้นฐาน
1. ท่าเท
2. ท่าดิ่งชา
3. ท่าเทสลับไป-มา
4. ท่าดิ่งชาหมุนตัว
5. ท่าไขว้มือใต้ศอก
- กลุ่มท่าพิเศษ
1. ท่าเทเอี้ยวตัว
2. ท่าผีเสื้อ
3. ท่าเทตะแคงออกนอกไขว้มือต่ำ
6
ท่ารำที่ใช้ในการแสดง
ระบำลีลาชาชัก
ท่าที่ 1 ท่าเท
ท่าที่ 2 ท่าดิ่งชา
7
ท่ารำที่ใช้ในการแสดง
ระบำลีลาชาชัก
ท่าที่ 3 ท่าเทสลับไป-มา
ท่าที่ 4 ท่าดิ่งชาหมุนตัว
8
ท่ารำที่ใช้ในการแสดง
ระบำลีลาชาชัก
ท่าที่ 5 ท่าไขว้มือใต้ศอก
ท่าที่ 6 ท่าเทเอี้ยวตัว
9
ท่ารำที่ใช้ในการแสดง
ระบำลีลาชาชัก
ท่าที่ 7 ท่าผีเสื้อ
ท่าที่ 8 ท่าเทตะแคงออกนอกไขว้มือต่ำ
10
ระบำลีลาชาชัก
11
ดนตรีที่ใช้ในการแสดง
ระบำลีลาชาชัก
ดนตรีที่ใช้ในการแสดงระบำลีลาชาชัก
วงดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงชุด ระบำลีลาชาชัก ใช้วงดนตรีพื้นบ้านภาคใต้
(ตอนล่าง) มี 2 ประเภท คือ
เครื่องดำเนินทำนอง ประกอบด้วย
1.แ มนโดลิน
2.ไวโอลิน
3.แอ๊คคอร์เดียน
4.เบส
เครื่องดำเนินจังหวะ ประกอบด้วย
1.แทมโบรีน
2.ม าราคัส
3.ร ำมะนา
4.ฆ้อง
5.กลอง
6.ต๊อกแต๊ก
12
อุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดง
ระบำลีลาชาชัก
อุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดงระบำลีลาชาชัก ประกอบไปด้วย กระบอกชงชา จำนวน 2 ใบ
ซึ่งนักแสดงหนึ่งคนจะใช้กระบอกชงชาจำนวน 2 ใบ โดยบนกระบอกชงชาจะประดับ
ด้วยเพชรลิเกเพื่อตกแต่งให้สวยงาม เมื่อเวลาขึ้นแสดงบนเวทีจะเป็นการเร้าให้เกิด
ความสนใจในท่วงท่าลีลา การชักชาซึ่งเป็นจุดเด่นและจุดสำคัญของการแสดงชุดนี้
13
โอกาสที่ใช้ในการแสดง
ระบำลีลาชาชัก
ระบำลีลาชัก เป็นชุดการแสดงที่ใช้ได้ทั่วไปทุกๆโอกาส ไม่มีการเจาะจงว่าจะต้องใช้
ในงานใด สามารถใช้ได้ทุกโอกาสไว่ว่าจะเป็น งานศพ งานรื่นเริง งานฉลองต่างๆ หรือ
งานจัดแสดงสินค้าโอทอป มหกรรมอาหารท้องถิ่นใต้ เป็นต้น
14
ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม
ของแบนดูรา
จากการสัมภาษณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ อาจารย์สุณี ลิมป์ปิยพันธ์ เรื่องระบำ
ลีลาชาชักสามารถนำมาเชื่อมโยงกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา 4 ขั้น
ได้แก่ กระบวนการใส่ใจ กระบวนการจดจำ กระบวนการแสดงพฤติกรรม และ
กระบวนการจูงใจ ได้ดังนี้
ขั้นที่ 1 กระบวนการใส่ใจ
กระบวนการใส่ใจ เป็นกระบวนการแรกที่ผู้เรียนจะต้องรับรู้ส่วนประกอบต่างๆ
ที่สำคัญ ของพฤติกรรมของผู้เรียนซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญ ต้นแบบหรือตัวแบบมี
อิทธิพลต่อผู้เรียนมีความเข้าใจต่อการใส่ใจ ผู้เรียนจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป
และผู้เรียนมีความสัมพันธ์กับกระบวนการใส่ใจ ระบำลีลาชาชักจะสอดแทรกการใส่ใจ
ในองค์ประกอบต่างๆในการแสดง เช่น เครื่องแต่งกายก็จะใส่ใจถึงความคล่องแคล่ว
ของนักแสดง แต่ยังคงอยู่ซึ่งความสวยงามตามแบบฉบับชุดแต่งงานของชาวไทย
มุสลิม ด้านท่ารำ ผู้สร้างสรรค์ได้ลงพื้นที่ศึกษาการชงชาจากผู้ประกอบการร้านชาชัก
จากหลายๆจังหวัดในภาคใต้ อาทิเช่น สงขลา สตูล ปัตตานี กระบี่ ระนอง
นครศรีธรรมราช แล้วจึงคัดเลือกเฉพาะท่าหลักหรือท่าพื้นฐาน และท่าพิเศษ นำมาส
ร้างสรรค์ เรียบเรียง และดัดแปลงลีลาท่าทางการชักชา ให้เป็นท่ารำที่ยังคงความถูก
ต้องตามวิธีการชงชา โดยสร้างสรรค์ขึ้นตามหลักวิธีการทางนาฏศิลป์ไทย ที่มีการผสม
ผสานความเป็นเอกลักษณ์ของรูปแบบการแสดงพื้นเมืองภาคใต้ คือ รองเง็ง ยอเก็จ
และลิเกฮูลู เป็นต้น
15
ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม
ของแบนดูรา
จากการสัมภาษณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ อาจารย์สุณี ลิมป์ปิยพันธ์ เรื่องระบำ
ลีลาชาชักสามารถนำมาเชื่อมโยงกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา 4 ขั้น
ได้แก่ กระบวนการใส่ใจ กระบวนการจดจำ กระบวนการแสดงพฤติกรรม และ
กระบวนการจูงใจ ได้ดังนี้
ขั้นที่ 2 กระบวนการจดจำ
แบนดูราพบว่า ผู้เรียนหรือผู้สังเกตสามารถอธิบายพฤติกรรมหรือการกระทำของตัว
แบบได้ด้วยคำพูดหรือภาพพจน์ ซึ่งองค์ประกอบที่สามารถมองเห็นได้ถึงกระบวนการ
จดจำของผู้เรียนหรือผู้สังเกตเลยก็คือทำนอง และ ท่ารำ กล่าวคือ ในการแสดงชุด
ระบำลีลาชาชักมีทั้งเพลงที่มีท่วงทำนองแบบภาคใต้ตอนล่าง และเป็นเพลงที่ประพันธ์
ขึ้นใหม่ตามหลักของทางดุริยางคศิลป์ไทย โดยแนวคิดของเพลงนำมาจากเพลงพื้น
เมืองภาคใต้ ส่วนกระบวนการจำท่ารำในการแสดงชุดระบำลีลาชาชัก ผู้สร้างสรรค์ผล
งานได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์ท่ารำ ซึ่งแบ่งกลุ่มท่ารำออกเป็น 2 กลุ่มท่าคือ ท่าพื้น
ฐาน และ ท่าพิเศษ ซึ่งท่ารำทั้ง 2 กลุ่มนั้นมีความยากและมีเทคนิคเฉพาะตัว ผู้แสดง
หรือผู้สังเกตจึงจำเป็นที่จะต้องจดจำรายละเอียดต่างๆของทำนองและท่ารำ ในขณะที่ผู้
สร้างสรรค์กำลังฝึกซ้อม จึงจะทำให้กระบวนการจดจำเกิดศักยภาพตามเป้ าหมาย
16
ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม
ของแบนดูรา
จากการสัมภาษณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ อาจารย์สุณี ลิมป์ปิยพันธ์ เรื่องระบำ
ลีลาชาชักสามารถนำมาเชื่อมโยงกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา 4 ขั้น
ได้แก่ กระบวนการใส่ใจ กระบวนการจดจำ กระบวนการแสดงพฤติกรรม และ
กระบวนการจูงใจ ได้ดังนี้
ขั้นที่ 3 กระบวนการแสดงพฤติกรรม
เป็นกระบวนการที่ตัวผู้เรียนนั้นสามารถแสดงหรือปฏิบัติในสิ่งที่ตนจดจำได้ สามารถ
ลอกเลียนแบบได้ ในการแสดงระบำลีลาชาชักนี้ ได้ประดิษฐ์ท่ารำขึ้นจากการศึกษา
ท่าทางในการประกอบอาชีพชาชักจริงๆ นำมาสร้างสรรค์ เรียบเรียง และดัดแปลงลีลา
ให้เป็ นท่ารำที่สวยงามแต่ยังคงไว้ซึ่งความถูกต้องตามหลักวิธรชงชา จึงเกิดเป็ น
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมและการเลียนแบบ ทำให้มีอิทธิพลต่อกันเป็นท่าต่างๆ
ทั้งตัวแม่แบบจริงที่เป็ นสัญลักษณ์หรือพฤติกรรมของมนุษย์และสิ่งต่างๆ
17
ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม
ของแบนดูรา
จากการสัมภาษณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ อาจารย์สุณี ลิมป์ปิยพันธ์ เรื่องระบำ
ลีลาชาชักสามารถนำมาเชื่อมโยงกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา 4 ขั้น
ได้แก่ กระบวนการใส่ใจ กระบวนการจดจำ กระบวนการแสดงพฤติกรรม และ
กระบวนการจูงใจ ได้ดังนี้
ขั้นที่ 4 กระบวนการจูงใจ
กระบวนการจูงใจของแบนดูราได้อธิบายไว้ว่า แรงจูงใจของตัวผู้เรียนที่จะแสดง
พฤติกรรมเหมือนตัวแบบที่ตนจดจำหรือสังเกต เนื่องจากมีความคาดหวังว่าการเลียน
แบบน่าจะนำไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด การแสดงพฤติกรรมต่างๆที่ครูหรือตัวแม่
แบบจะทำให้ผู้เรียนเห็นก็จะเกิด การเรียนรู้โดยการสังเกตและเป็นแรงจูงใจให้กับผู้
เรียน แสดงพฤติกรรมในการสอนให้เห็นถึงความสำคัญของการเสริมแรงทางบวกมีผล
ต่อพฤติกรรมของผู้เรียนต่อการเรียน จะทำให้ตัวของผู้เรียนเองเกิดความตั้งใจเรียน
ตามตัวแม่แบบมากขึ้น
18
บรรณานุกรม
สุณี ลิมป์ปิยพันธ์. ( 2556 ).ระบำลีลาชาชัก. ผลงานทางวิชาการ.นครศรีธรรมราช:วิทยาลัย
นาฏศิลปนครศรีธรรมราช
จิราวรรณ จันทร์โยธา. ( 2560 ).ศึกษาเรื่อง การสร้างสรรค์การแสดงพื้นบ้าน.วิทยาลัยนาฏ
ศิลปนครศรีธรรมราช
19
ประวัติผู้จัดทำ
ชื่อ – นามสกุล ภาคภูมิ ศรีประเสริฐ
คุณวุฒิ ระดับปริญญาตรี
ตำแหน่ง นักศึกษา
ส าขาวิชา นาฏยศิลป์ศึกษา
ค ณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
ติดต่อ 084-6292575
E -mail [email protected]
ที่อยู่ 179 ถนน พัฒนาการทุ่งปรัง ตำบล ในเมือง
อำเภอ เมือง จังหวัด นครศรีธรรมราช 80000