The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อหาบทเรียนเกี่ยวกับวิชาสังคมศึกษา สาระเศรษฐศาสตร์ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหวังว่าผู้อ่านจะได้รับประโยชน์และความรู้จากหนังสือเล่มนี้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by netchanok20040, 2023-01-15 08:38:02

เศรษฐศาสตร์

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อหาบทเรียนเกี่ยวกับวิชาสังคมศึกษา สาระเศรษฐศาสตร์ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหวังว่าผู้อ่านจะได้รับประโยชน์และความรู้จากหนังสือเล่มนี้

เศรษฐศาสตร์ E C O N O M I C S


เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ความหมายของเศรษฐศาสตร์ เป็ นวช ิ าทศ ี ่ ึ กษาพฤต ิ กรรมของมน ุ ษย ์ น ั บต ้ ั งแต ่การเลือกใช้ ทรัพยากร การตัดสินใจซื้อสินค้าไปบริโภค เลือกประกอบอาชีพและ การปฏ ิ บ ั ต ิ ต ่ อบ ุ คคลต ่ างๆ ทอ ี ่ ย ่ ู ในส ั งคม การน าเอาทร ั พยากรทม ี ่ ี อย ่ ู อย่างจ ากัดมาผลิตสินค้าและบริการเพื่อสนองความต้องการและที่ จะจ าแนกแจกจ่ายสินค้าและบริการไปยังประชาชนในสังคม เพื่อให้ ม ี การกน ิ ด ี อย ่ ู ด ี และม ี ความเป็ นธรรมท ้ ง ัในปั จจ ุ บ ั นและอนาคต


เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ความส าคัญของเศรษฐศาสตร์ เป็ นวิชาที่เกี่ยวกับการตัดสินใจในชีวิตประจ าวันทั้งใน ฐานะผ ้ ู ผลต ิ ผ ้ ู บร ิโภค หร ื อผ ้ ู บร ิ หารประเทศ สร ุ ปได ้ดังนี้ 1.ช่วยในการตัดสินใจของประชาชน 2.ช่วยสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับนโยบายของรัฐ 3.ช ่ วยสร ้ างองค ์ ความร ้ ู ในการบร ิ หารงาน 4.ช่วยสร้างผลประโยชน์ให้เกิดกับประเทศชาติ


ขอบข่าย เป้าหมายของการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ ขอบข่ายของการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ จ าแนกได้ 2ลักษณะ คือ จ าแนกตามเนื้อหาของวิชาเศรษฐศาสตร์ และตามการวิเคราะห์ปัญหา 1.จ าแนกตามเนื้อหาของวิชาเศรษฐศาสตร์ - เศรษฐศาสตร ์ จ ุ ลภาค เป็ นการศึกษาพฤติกรรมทางเศรษฐกิจเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องของราคาและ หน่วยผลิต (หน ่ วยธ ุ รกจ ิ) - เศรษฐศาสตร์มหภาค ศึกษาพฤติกรรมทางเศรษฐกิจส่วนรวม เกี่ยวกับเรื่องรายได้และรายจ่าย ประชาชาติ การจ้างงาน การออมเพื่อช่วยให้การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น


2.จ าแนกตามการวิเคราะห์ปัญหา - เศรษฐศาสตร์ตามความเป็ นจริงหรือเศรษฐศาสตร์พรรณนา เป็ นการม ่ ุ งอธ ิ บายเร ื ่ องทเกิดขึ้น ี ่ เร ื ่ องทเ ี ่ ป็ นอย ่ ู และเร ื ่ องทจ ี ่ ะเกด ิ ข ึ น ้ ว ่ าเป็ นอย ่ างไรจากผลทบ ี ่ ุ คคลหร ื อส ั งคมต ัดสินใจเลือกการกระท า อย ่ างใดอย ่ างหน ึ ่ งลงไป เช ่ น การอธ ิ บายถ ึ งสาเหต ุ ของการเกด ิ ภาวะเศรษฐกจ ิ ตกต ่ า - เศรษฐศาสตร์ที่ควรจะเป็ นหรือเศรษฐศาสตร์นโยบาย เป็ นการม ่ ุ งกล ่ าวถ ึ งส ิ ่ งทค ี ่ วรจะมีหรือ ควรจะเป็ น โดยอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เป็ นไปตามที่คาดหมายไว้ก็ได้ เช่น ประเทศไทยควรจะมีกฎหมาย ทด ี ่ ิ นและส ิ ่ งปล ู กสร ้ างและภาษ ี มรดกมาใช ้ เพ ื ่ อทา ให ้ ร ั ฐม ี รายได ้ เพม ิ ่ ข ึ น ้


เป้าหมายของวิชาเศรษฐศาสตร์ - ผ ้ ู บร ิโภค ทา ให ้ ผ ้ ู บร ิโภคร ้ ู จ ั กการตด ั ส ิ นใจเล ื อกใช ้ ทร ั พยากรทม ี่ี อย ่ ู อย ่ างจ ากด ัในการบริโภคและ ใช ้ในทางทด ี่ท ี ส ีุ่ ด - ผ ้ ู ประกอบการผลต ิ ทา ให ้ ผ ้ ู ประกอบการมค ี วามร ้ ู ความสามารถในการวางแผนการผลต ิ เพ ื่อสนองความ ต ้ องการของผ ้ ู บร ิโภคได ้ อย ่ างถ ู กต ้ อง - ผ ้ ู บร ิ หารในองค ์ กรของร ั ฐ ช ่ วยให ้ ผ ้ ู บร ิ หารในองค ์ กรของร ั ฐมค ี วามร ้ ู ความเข ้ าใจในเร ื่องการจ ั ดสรรทร ั พยากร อย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ


ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ มน ุ ษย ์ มค ี วามต ้ องการปั จจ ั ยข ้ ั นพ ื น ้ ฐานในการดา รงช ี ว ิ ต เร ี ยกว ่ า ปัจจัยสี่ ได้แก่อาหาร ทอ ี่ย ่ ู อาศ ั ย เคร ื่องน ่ ุ งห ่ ม รวมถ ึ งยาร ั กษาโรค และยง ั มค ี วามต ้ องการอ ื่นๆอก ี มากมายส ิ่งทน ี่ ามาตอบสนองความ ต้องการ คือ สินค้าและบริการ What เนื่องจากทรัพยากรมีจ ากัด จึงต้องเลือกว่าจะผลิตสินค้าและบริการประเภทใตบ้าง จ านวนเท่าไร How จะผลต ิ อย ่ างไร ผลต ิ แบบใด ใช ้ปั จจ ั ยการผลต ิ อะไรบ ้ างจ ึ งจะทา มปี ระส ิ ทธ ิ ภาพมากทส ีุ่ ด For whom จะผลต ิ เพ ื่อใคร และจะจ าแนกแจกจ ่ ายส ิ นค ้ าไปยง ั ผ ้ ู ใช ้ อย ่ างไร


กิจกรรมทางด้านเศรษฐศาสตร์ 1.การผลิต การผลิต หมายถึง การสร้างอรรถประโยชน์ของปัจจัยการผลิตต่างๆ ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เกิดสินค้าและบริการ ต ่ างๆ ทจ ี่ะน าไปสนองความต ้ องการของมน ุ ษย ์ในการผลต ิ จะมห ี น ่ วยการผลต ิ เป็ นผ ้ ู ด าเน ิ นการ ท ้ ง ั หน่วยแบบเอกชน คนเดย ี วเป็ นเจ ้ าของแบบห ้ างห ้ ุ นส ่ วน แบบบร ิ ษ ั ทจ ากด ั แบบสหกรณ ์ และแบบร ั ฐวส ิ าหกจ ิ ซ ึ่งจะใช ้ทรัพยากรต่างๆ ที่ มอ ี ย ่ ู มาทา การผลต ิ แบ ่ งออกเป็ น 4 ประเภท ดังนี้ 1. ที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ ผลตอบแทนคือ ค่าเช่า 2. แรงงาน ผลตอบแทนคือ ค่าจ้าง 3.ท ุ น ผลตอบแทนค ื อ ดอกเบี้ย 4.ผ ้ ู ประกอบการ ผลตอบแทนค ื อก าไร


ทรัพยากรการผลิต


กิจกรรมทางด้านเศรษฐศาสตร์ 2.การบริโภค การบริโภค หมายถึง การใช้ประโยชน์จากสิ่งของ และบร ิ การเพ ื ่ อสนองความต ้ องการของมน ุ ษย ์ เช ่ น เม ื ่ อหิว ก็รับประทานอาหาร เมื่อปวดฟันก็ไปหาทันตแพทย์จึงถือ เป็ นการบร ิโภค เพราะทา ให ้ ผ ้ ู บร ิโภคเกด ิ ความพง ึพอใจ


กิจกรรมทางด้านเศรษฐศาสตร์ 3.การกระจายรายได้ การกระจายรายได้ หมายถ ึ งการกระจายรายได ้ ระหว ่ างเจ ้ าของปั จจ ั ยการผลต ิ ท ุ กประเภทอน ัได ้ แก ่ ทดิน ี่ แรงงาน ท ุ น และผ ้ ู ประกอบการ ซ ึ่งทา งานร ่ วมกน ัในการผลต ิ ส ิ นค ้ าและบร ิ การ โดยได ้ ร ั บรายได ้ เป็ นค ่ าเช ่า ค่าจ้าง ดอกเบี้ยและก าไร เรียกว่า การกระจายรายได้ ตามหน้าที่ในการผลิต 4. การแลกเปลี่ยน การแลกเปลี่ยน หมายถ ึ งกระบวนการทเ ี่กด ิ จากบ ุ คคลท ้ ั งสองฝ่ ายม ี ความสมค ั รใจในการด าเน ิ นกจ ิ กรรม ทางเศรษฐกจ ิ ระหว ่ างกน ั โดยมบ ี ุ คคลหน ึ่งเป็ นผ ้ ู ครอบครองทร ั พย ์ ส ิ นและบร ิ การเตม ็ ใจและต ้ องการมอบส ิ่งของที่ ตนครอบครองให ้ บ ุ คคลอ ื่นโดยมส ีื่อกลางในการแลกเปลย ี่น เช ่ น เงน ิ ส ิ่งของ


เศรษฐศาสตร์กับการด าเนินชีวิต เป็ นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิดประจ าวัน เช่น ชีวิตประจ าวันของนักเรียน เมื่อว่างควรพยายามจัดสรรเวลาใช้เวลา ไปทบทวนหนังสือ เมื่อส าเร็จการศึกษาออกไปท างาน จะต้องพยายามเลือกงานที่ตนเองมีความถนัดตามความสามารถ และความสนใจเล ื อกงานทจ ี่ะทา ให ้ ตนเองได ้ ผลตอบแทนส ู ง เม ื่อร ั บรายได ้ ต ้ องมก ี ารตด ั ส ิ นใจว ่ าจะแบ ่ งสรรรายได้ในแต่ ละเดือนอย่างไร สร ุ ป เศรษฐศาสตร ์ เป็ นเร ื่องทเ ี่กย ี่วข ้ องกบ ั ช ี ว ิ ตประจ าว ั นของท ุ กคนท ้ ั งการดา เน ิ นช ี ว ิ ตประจ าวัน การตัดสินใจของ ผ ้ ู ประกอบการ ตลอดจนการวางแผนและการแก ้ปั ญหาเศรษฐกจ ิ ของภาคร ั ฐ ความร ้ ู ความเข ้ าใจทางเศรษฐศาสตร ์ จะช ่ วย ให ้ บ ุ คคลน าความร ้ ู เหล ่ าน ้ ั นมาใช ้ในการด าเน ิ นช ี ว ิ ตได ้ อย ่ างถ ู กต ้ อง และสามารถอย ่ ู ในส ั งคมได ้ อย ่ างมค ี วามส ุ ข


ระบบเศรษฐกจ ิในโลกปั จจ ุ บ ั น หน่วยเศรษฐกิจ ในสังคมหนึ่งจะประกอบไปด้วยหน่วยเศรษฐกิจเล็กๆ หลายหน่วยมารวมกันเรียกว่า ระบบเศรษฐกิจ 1.ประเภทของหน่วยเศรษฐกิจ - ครัวเรือน อาจเป็ นบ ุ คคลเพย ี งคนเดย ี วหร ื อหลายคนร ่ วมกน ั ตด ั ส ิ นใจเพ ื่อใช ้ ทร ัพยากรให้ เกด ิประโยชน ์ ส ู งส ุ ด เป้ าหมายหลก ั ค ื อการแสวงหาความพอใจส ู งส ุ ด -ธ ุ รกจ ิ เป็ นบ ุ คคลหร ื อกล ่ ุ มบ ุ คคลท าหน ้ าทใี่นการน าเอาปั จจ ั ยการผลต ิ ต ่ างๆ ไปจ าหน่ายให้ แก ่ ผ ้ ู บร ิโภค มจ ี ุ ดม ่ ุ งหมายทส ี่ าคญ ั ค ื อการแสวงหากา ไรส ู งส ุ ด -องค์กรรัฐบาล เป็ นหน่วยงานของรัฐมีความสัมพันธ์กับหน่วยงานอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจ


ความสัมพันธ์ของหน่วยเศรษฐกิจ


ระบบเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกิจ หมายถึง กระบวนการทาง เศรษฐกจ ิ ทเ ี ่ กด ิ จากการร ่ วมม ื อกน ั ของมน ุ ษย ์ในการ สร้างและใช้ทรัพยากรเพื่อสนองความต้องการระหว่าง กันของสมาชิกในสังคมที่มีการปฏิบัติคล้ายกันระบบ เศรษฐกิจจึงเป็ นแนวทางที่สังคมใช้ในการตัดสินใจ ร่วมกัน


ระบบเศรษฐกจ ิ แบบท ุ นน ิ ยม ลก ั ษณะของระบบเศรษฐกจ ิ แบบท ุ นน ิ ยม หรือระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี หมายถึง ระบบเศรษฐกิจกชนมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน มีเสรีภาพในการตัดสินใจ มีลักษณะต่างๆ ดังนี้ 1.กรรมสิทธิ์ เอกชนม ี ส ิ ทธ ิ เป็ นเจ ้ าของทร ั พย ์ ส ิ นต ่ างๆ ตามกฎหมาย ม ี ส ิ ทธ ิ ควบค ุ มและปกป้ อง ทรัพย์สินของตนเอง 2.การด าเน ิ นการผลต ิ เป็ นไปในร ู ปแบบเอกชน เอกชนจะมีเสรีภาพในการตัดสินใจโดยตนเองรัฐบาล ไม ่ เข ้ าไปเกย ี ่ วข ้ องท ้ ง ั ด ้ านการควบค ุ มการผลต ิ การกา หนดราคาและการจ าหน ่ าย


ระบบเศรษฐกจ ิ แบบท ุ นน ิ ยม 3.การด าเนินกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ โดยผ ่ านกลไกราคาถ ้ าผ ้ ู บร ิโภคต ้ องการส ินค้า หร ื อบร ิ การเขากเ ็ ตม ็ ใจจ ่ ายเงน ิ ซ ื ้ อส ิ นค ้ าและบร ิ การเป็ นจา นวนมาก ผ ้ ู ผลตเห็นโอกาสที่จะ ิ ได้ก าไรก็จะผลิตสินค้ามากขึ้น 4.การแข่งขัน เป็ นปั จจย ั ส าคญ ั ทจ ี ่ ะป้ องกน ั การแสวงหากา ไรเกน ิ ควรถ ้ าผ ้ ู ผลิตรายใดหรือ กล ่ ุ มใดผลต ิ ส ิ นค ้ าแล ้ วได ้ ราคาส ู ง ได ้ กา ไรมากกจ ็ ะม ี ผ ้ ู ผลต ิ รายอ ื ่ นเข ้ ามาตั้งกิจการและผลิต สินค้าชนิดนั้นเข้ามาแข่งขันด้วย


ระบบเศรษฐกจ ิ แบบท ุ นน ิ ยม ข ้ อดข ี องระบบเศรษฐกจ ิ แบบท ุ นน ิ ยม 1. เกด ิ แรงจ ู งใจในการผลต ิ และการทา งาน 2. ต ้ องปร ั บปร ุ งเทคน ิ คการผลต ิ อย ่ ู เสมอ ทา ให ้ ค ุ ณภาพของงส ินค้าดีขึ้น 3. บ ุ คคลในระบบเศรษฐกจ ิ มอ ี ส ิ รเสร ีในการใช ้ ทร ั พยากร 4. ผ ้ ู บร ิโภคม ีโอกาสบร ิโภคส ิ นค ้ าและบร ิ การต ่ างๆ ทเ ี ่ ป็ นธรรมมากขึ้น


ระบบเศรษฐกจ ิ แบบท ุ นน ิ ยม ข ้ อเส ี ยของระบบเศรษฐกจ ิ แบบท ุ นน ิ ยม 1. ท าให้การกระจายรายได้ของประชาชนไม่เท่าเทียมกัน 2. ระบบเศรษฐกจ ิ แบบท ุ นน ิ ยมอาจไม ่ เหมาะสมทจ ี ่ ะใช ้ในท ุ กสถานการณ ์ในบางคร ้ ังรัฐบาล จ าเป็ นต ้ องด าเน ิ นการควบค ุ มราคา หร ื อแบ ่ งปั นส ิ ่ งของบางอย ่ างเม ื ่ อเกด ิ การขาดแคลน 3. ผ ้ ู ผลต ิ จะรวมต ั วกน ั ผ ู กขาดการผลต ิ ส ิ นค ้ าและบร ิ การย ่ อมเป็ นไปได ้ ง ่ าย ระบบเศรษฐกจ ิ แบบท ุ นน ิ ยมส ่ วนใหญ ่ เป็ นประเทศทางย ุ โรปตะวน ั ตกและทวปี อเมร ิ กา


ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ลักษณะของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม เป็ นระบบเศรษฐกจ ิ ทร ี่ั ฐบาลเข ้ าไปเป็ นผ ้ ู ควบค ุ มดา เน ิ นการผลต ิ การประกอบการ เน้นด้านสวัสดิการของประชาชนเป็ นส าคัญ ลักษณะเด่นของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ร ั ฐจะเข ้ าควบค ุ มและโอนกจ ิ การธนาคารท ้ ง ั หมดมาเป็ นของร ั ฐ ร ั ฐจะเข ้ าไปควบค ุ มอ ุ ตสาหกรรมข ้ ั นพ ื น ้ ฐานและอ ุ ตสาหกรรมหน ั กต ่างๆ ไว้ ร ั ฐจะเข ้ าไปควบค ุ มกจ ิ การสาธารณ ู ปโภค รัฐจะเข้าไปจัดสวัสดิการให้กับประชาชน เอกชนม ี กรรมส ิ ทธ ์ ิในทอ ี ่ ย ่ ู อาศ ั ยการประกอบอาช ี พ การเล ื อกซ ื ้ อส ินค้าและบริการ


ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม 1. ประชาชนได ้ ร ั บการด ู แลเกย ี่วกบ ั สวส ั ดก ิ ารจากร ั ฐค ่ อนข ้ างด ี 2. ร ั ฐบาลควบค ุ มกจ ิ การบางอย ่ าง มก ี ารจ ั ดสรรทร ั พยากรและมก ี ารกระจายรายได ้ ทด ี่ี 3. เป็ นการขจัดการแข่งขันทางด้านการโฆษณาที่ไม่เกิดประโยชน์ ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม 1.หากวางแผนและนโยบายไม ่ ด ี อาจทา ให ้ การจ ั ดสรรทร ั พยากรไม ่ เกด ิประโยชน ์ ส ู งส ุ ด 2.ประชาชนไม่มีเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการท าธ ุ รกจ ิ ท ี่ตนเองม ี ความร ้ ู ความสามารถ 3.ขาดแรงจ ู งใจทจ ี่ะกระต ้ ุ นให ้ ทา การผลต ิ หร ื อคด ิ ค ้ นส ิ่งใหม ่ ๆ ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม เช่น ลาว เวียดนาม เป็ นต้น


ระบบเศรษฐกิจแบบผสม ลักษณะของระบบเศรษฐกิจแบบผสม เป็ นระบบเศรษฐกิจที่ได้น าเอาลักษณะบางอย่างที่เหมาะสมของระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม และสังคมนิยมมาผสมผสานให้เป็ นระบบใหม่ โดยระบบนี้รัฐบาลจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทาง เศรษฐกิจหลายด้านเพื่อให้เกิดความเป็ นธรรมทางเศรษฐกิจ ลักษณะส าคัญของระบบเศรษฐกิจแบบผสม สร ุ ปได ้ ดง ั น ี ้ 1. เอกชนและรัฐบาลมีส่วนร่วมในการใช้กลไกราคาและการวางแผนในการตัดสินใจ 2. เอกชนและรัฐบาลสามารถเป็ นเจ้าของปัจจัยการผลิตสินค้าและบริการ 3. กลไกราคาเป็ นสิ่งส าคัญในการก าหนดราคาสินค้าและบริการต่างๆ แต่รัฐมีอ านาจเข้าไปแทรกแซง


ระบบเศรษฐกิจแบบผสม ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบผสม 1. มีความคล่องตัวในการด าเนินการ 2. รายได ้ ถ ู กน ามาเฉลย ี ่ ให ้ ผ ้ ู ทา งานตามกา ลง ั ความสามารถ 3. เอกชนมีบทบาททางเศรษฐกิจมีการแข่งขันกันผลิตสินค้า 4. เอกชนสามารถเข้าถึงบริการของรัฐ


ระบบเศรษฐกิจแบบผสม ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบผสม 1. กา ลง ัใจหร ื อแรงจ ู งใจส าหร ั บเอกชนอาจม ีไม ่ มากพอ 2. รัฐได้เข้ามาวางแผนเพียงบางส่วนไม่มีประสิทธิภาพ 3. การวางแผนจากส่วนกลางท าได้ยาก 4. การบร ิ หารงานของร ั ฐในกจ ิ การอ ุ ตสาหกรรมบางประเภท ยง ั ขาดประส ิ ทธ ิ ภาพ ปั จจ ุ บ ั นประเทศทใี ่ ช ้ ระบบเศรษฐกจ ิ แบบผสม เช ่ น ประเทศไทย ส ิ งคโปร ์ ญปี ่ ่ ุ น เป็ นต้น


ตลาดในระบบเศรษฐกิจ ตลาด หมายถ ึ ง สถานทท ี ่ ผ ี ่ ้ ู ซ ื ้ อและผ ้ ู ขายม ี การต ิ ดต ่ อกน ัได ้โดยสะดวกจนสามารถทา การแลกเปลี่ยน ซื้อขายกันได้ มีความหมาย 2 นัย คือ ตลาดนัยแรก หมายถ ึ ง สถานทท ี ่ ผ ี ่ ้ ู ซ ื ้ อผ ้ ู ขายมาต ิ ดต ่ อซ ื ้ อขายกน ั เช ่ น ตลาดท ่ าเต ียน ตลาดไท เป็ นต้น ตลาดนัยที่สอง หมายถ ึ งการต ิ ดต ่ อกน ั ระหว ่ างผ ้ ู ซ ื ้ อและผ ้ ู ขายในทางใดทางหน ึ ่ งหร ือหลายทาง ได้แก่ ทางโทรศัพท์ โทรสาร จดหมาย


ความส าคัญของตลาดในระบบเศรษฐกิจ ช ่ วยให ้ ผ ้ ู ผลต ิ ทา การผลต ิ ส ิ นค ้ าและบร ิ การได ้ ตรงกบ ั ความต ้ องการของผ ้ ู บริโภค ช ่ วยให ้ ผ ้ ู บร ิโภคม ี มาตรฐานครองช ี พส ู งข ึ น ้ ช ่ วยให ้ เศรษฐกจ ิ ของประเทศขยายต ั วส ู งข ึ น ้


ขนาดของตลาด ข ึ น ้ อย ่ ู กบ ัปั จจ ั ยต ่ างๆ ด ั งน ี ้ 1.การคมนาคมและการสื่อสาร ถ ้ าระบบการต ิ ดต ่ อส ื ่ อสารท ้ ง ั ระบบวท ิ ย ุ สื่อสาร โทรศัพท์ ถนน ท่าเรือ สนามบิน มีการพัฒนาและขยายตัวได้กว้างขวางเท่าไหร่ ตลาดก็จะกว้างขวางมากขึ้น 2.ลักษณะของสินค้า สินค้าประเภทใดเน่าเสียง่าย น ้าหนักมาก เคลื่อนย้ายยาก ตลาดจะแคบ แต่ถ้าสินค้ามีน ้าหนักเบา ขนาดเล็ก เน่าเสียยาก ตลาดจะกว้าง 3.นโยบายของรัฐ ประเทศใดที่มีการเปิ ดประเทศมาก ใช้นโยบายการค้าเสรี ก็จะช่วยให้ตลาดสินค้าของประเทศเหล่านี้กว้างขวาง


คนกลางในตลาด การซ ื ้ อขายส ิ นค ้ าในตลาดม ี ท ้ ง ั การซ ื ้ อขายส ิ นค ้ าโดยตรงระหว ่ างผ ้ ู ผลต ิ กบ ั ผ ้ ู บร ิโภค กบ ัการซื้อขายผ่านพ่อค้า คนกลาง ซึ่งพ่อค้าคนกลางอาจมีหลายระดับ เช่น - พ่อค้าคนกลางในตลาดท้องที่ เป็ นคนกลางซ ื ้ อขายส ิ นค ้ าอย ่ ู ในท ้ องทใี ่ ดท ้ องทห ี ่ น ึ ่ งเช ่ น ในหม ่ ู บ ้ านในต าบล - พ่อค้าคนกลางในตลาดท้องถิ่น ซื้อขายสินค้าในระดับท้องถิ่น อ าเภอ หรือจังหวัด - พ่อค้าคนกลางในตลาดปลายทาง เพื่อส่งไปจ าหน่ายในต่างประเทศ - พ่อค้าปลีก เป็ นผ ้ ู ทข ี ่ ายส ิ นค ้ าให ้ กบ ั ผ ้ ู บร ิโภคคนส ุ ดท ้ ายอย ่ ู ใกล ้ ช ิ ดกบ ั ผ ้ ู บร ิโภคมากทส ี ่ ุ ด


เกษตรกรผ ้ ู ปล ู กข ้ าวโพด พ่อค้าคนกลางในท้องที่ พ่อค้าคนกลางในท้องถิ่น พ่อค้าคนกลางในตลาดปลายทาง ส่งออกต่างประเทศ ส่งโรงงานผลิตอาหารสัตว์


จากแผนผง ั จะเห ็ นได ้ ว ่ าเกษตรกรผ ้ ู ผลต ิ ข ้ าวโพด น าข ้ าวโพดทผ ี ่ ลตได้ไปขาย ิ ให ้ กบ ั พ ่ อค ้ าคนกลางผ ้ ู รวบรวมในตลาดท ้ องท ี ่ พ ่ อค ้ าคนกลางในตลาดท ้องที่จะ รวบรวมข้าวโพด แล้วส่งต่อไปให้กับพ่อค้าคนกลางในท้องถิ่น และตลาดท้องถิ่น จะน าส่งไปจ าหน่ายให้พ่อค้าคนกลางในตลาดปลายทาง เพื่อส่งไปจ าหน่ายต่อยัง ต่างประเทศและจ าหน่ายให้โรงงานอาหารสัตว์ต่อไป


ประเภทของตลาด -การแบ่งตลาดตามชนิดของสินค้า แบ่งได้เป็ น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ตลาดส ิ นค ้ าอ ุ ปโภคบร ิโภค ม ี การซ ื ้ อขายส ิ นค ้ าอ ุ ปโภคบร ิโภคโดยผ ้ ู ซ ื ้ อน าไปบริโภคโดยตรง 2. ตลาดปัจจัยการผลิต มีการซื้อขายปัจจัยการผลิตเพื่อน าไปใช้ในการผลิตสินค้าชนิดอื่นๆ 3. ตลาดเง ิ นและตลาดท ุ น ม ี การต ิ ดต ่ อตกลงกน ั เร ื ่ องเง ิ นและท ุ นเ -การแบ ่ งตลาดตามการดา เน ิ นการของผ ้ ู ขายแบ่งได้เป็ น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ตลาดขายส่ง ขายสินค้าครั้งละมากๆ โดยจ าหน่ายให้กับพ่อค้าคนกลาง 2. ตลาดขายปลีก ขายส ิ นค ้ าให ้ แก ่ ผ ้ ู บร ิโภคโดยตรง


ประเภทของตลาด -การแบ ่ งตลาดตามกล ่ ุ มของผ ้ ู ซ ื ้ อแบ่งได้เป็ น 5 ประเภท ได้แก่ 1. ตลาดผ ้ ู บร ิโภค เป็ นกล ่ ุ มของผ ้ ู บร ิโภคทซ ี ่ ื ้ อส ิ นค ้ าอ ุ ปโภคบร ิโภคในครัวเรือน 2. ตลาดผ ้ ู ผลต ิ เป็ นการซ ื ้ อส ิ นค ้ าของผ ้ ู ผลต ิ ไปแปรร ู ปหร ื อใช ้ในการผลิตสินค้า เพื่อจ าหน่ายอีกทอดหนึ่ง 3. ตลาดผ ้ ู ขายต ่ อเป็ นการซ ื ้ อส ิ นค ้ าของผ ้ ู ประสงค ์ จะน าส ิ นค ้ าไปขายต่อโดยหวัง ผลก าไรอีกทอดหนึ่ง 4. ตลาดรัฐบาล เป็ นการซื้อสินค้าของหน่วยราชการเพื่อน าไปใช้ในองค์การต่างๆ 5.ตลาตระหว่างประเทศ เป็ นการซื้อสินค้าระหว่างประเทศ


ประเภทของตลาด -การเบ่งตลาดตามลักษณะของการแข่งขัน แบ่งได้เป็ น 2 ประเกท ได้แก่ 1.ตลาดทม ี ่ ี การแข ่ งข ั นอย ่ างสมบ ู รณ ์มีลักษณะที่ส าคัญ ดังนี้ - ม ี ผ ้ ู ซ ื ้ อและผ ้ ู ขายจ านวนมาก - สินค้าที่ซื้อหรือขายจะต้องมีลักษณะอย่างเดียวกัน - ผ ้ ู ซ ื ้ อและผ ้ ู ขายจะต ้ องม ี ความรอบร ้ ู สภาวะตลาด -การติดต่อซื้อขายจะต้องกระท าโดยสะดวก - หน ่ วยธ ุ รกจ ิ สามารถเข ้ าหร ื อออกจากธ ุ รกจ ิ การค ้ าโดยเสร ี


ประเภทของตลาด 2. ตลาดทม ี ่ ี การแข ่ งขน ั อย ่ างไม ่ สมบ ู รณ ์แบ่งได้ ดังนี้ - ตลาดผ ู กขาด ม ี ผ ้ ู ขายเพย ี งรายเด ี ยว ผ ้ ู ขายม ี ส ิ ทธ ิ เหน ื อราคาและปริมาณ ขายสินค้า - ตลาดกง ึ ่ แข ่ งขน ั กง ึ ่ ผ ู กขาด ม ี ผ ้ ู ซ ื ้ อและผ ้ ู ชายจ านวนมากและผ ้ ู ขายต ่ างม ี อิสระในการซื้อขายสินค้าของตนเอง - ตลาดผ ้ ู ขายน ้ อยราย ม ี ผ ้ ู ขายเพย ี งไม ่ กร ี ่ ายแต ่ ละรายจะขายส ินค้าเป็ น จ านวนมาก มักจะมีการขายสินค้าในราคาที่ใกล้เคียงกัน


การก าหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ การกา หนดราคาตามอ ุ ปสงค ์ และอ ุ ปทาน 1.ความหมายของอ ุ ปสงค ์ และอ ุ ปทาน -อ ุ ปสงค ์( demand ) หมายถ ึ ง ความเตม ็ ใจและความสามารถของผ ้ ู ซ ื ้ อในการจ ่ ายเง ิ นซ ื ้ อส ิ นค ้ าในปร ิ มาณ ต่างๆ ณ ระดับราคาต่างๆ กันของสินค้าชนิดนั้นๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง มอ ี ย ่ ู สองประเภท ค ื ออ ุ ปสงค ์แต่ละ บ ุ คคลกบ ั อ ุ ปสงค ์ รวมหร ื ออ ุ ปสงค ์ ตลาด กฎของอ ุ ปสงค ์ ตามปกตปิ ระชาชนมค ี วามต ้ องการส ิ นค ้ าและบร ิ การต ่ างกน ั แต ่ ละคนจ ึ งมอ ี ุ ปสงค ์ในการซ ื ้ อสินค้า เฉพาะของตนเองการซ ื ้ อส ิ นค ้ าและบร ิ การของประชาชนในระยะเวลาหน ึ่งจะข ึ น ้ อย ่ ู กบ ั ราคาส ิ นค ้ าและบร ิ การนั้นๆ


จากกฎของอ ุ ปสงค ์ ม ี ผลให ้ เส ้ นอ ุ ปสงค ์ ม ี ลก ั ษณะทล ี่าดต ่าลงจากบนซ ้ ายไปล ่ างขวา มเ ี หต ุ ผลทจ ี่ะอธ ิ บายได้ 3 ประการ คือ 1.ผ ้ ู บร ิโภคมร ี ายได ้ จ ากด ั 2. เม ื่อราคาส ิ นค ้ าหร ื อบร ิ การใดๆลดลง ผ ้ ู บร ิโภคจะซ ื ้ อส ิ นค ้ าและบร ิ การน ้ ั นใช ้ มากข ึ น ้ 3.การทส ี่ิ นต ้ าหร ื อบร ิ การใดๆ มร ี าคาลดลง ผ ้ ู บร ิโภคอาจซ ื ้ อส ิ นค ้ าและบร ิ การน ้ ั นมากข ึ น ้ ปั จจ ั ยทม ี่ผ ี ลต ่ อการกา หนดอ ุ ปสงค ์ ค ื อ ปั จจ ั ยต ่ างๆ ทม ี่อ ี ท ิ ธ ิ พลต ่ อจ านวนหร ื อปร ิ มาณส ิ นค ้ าท ี่ต้องการซื้อ เช่น 1.ราคาสินค้า 4.การเปลย ี่นแปลงของฤด ู กาล 2.จ านวนและส่วนประกอบของประชากร 5.การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าชนิดอื่นที่เกี่ยวข้อง 3.รายได้เฉลี่ยของครัวเรือน 6.ปัจจัยอื่นๆ เช่น การศึกษาและการโฆษณา การก าหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ


การก าหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ -อ ุ ปทาน ( supply ) หมายถง ึ ปร ิ มาณส ิ นค ้ าและบร ิ การทผ ี ่ ้ ู ผลต ิ หร ื อผ ้ ู ขายพร้อมที่จะ ผลิตออกขาย ณ ระดับราคาต่างๆ ภายในระยะเวลาที่ก าหนด กฎของอ ุ ปทาน ผ ้ ู ผลต ิ ม ี ความต ้ องการในการผลต ิ ส ิ นค ้ าและบร ิ การต ่ างกน ั จะขน ึ ้ อย ่ ู กบ ั ราคาสินค้าและบริการนั้นๆ


การก าหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ ปั จจ ั ยทม ี ่ ี ผลต ่ อการกา หนดอ ุ ปทาน คือ ปัจจัยต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อจ านวนหรือปริมาณสินค้าที่จะผลิต ออกมาขาย 1. ราคาสินค้าที่ผลิต 2. เป้ าหมายของผ ้ ู ผลต ิ หร ื อธ ุ รกจ ิ 3. เปลี่ยนแปลงของเทคนิคการผลิต 4. ราคาปั จจ ั ยการผลต ิ ถ ้ าราคาปั จจ ั ยการผลต ิ ส ู งข ึ น ้ 5. จ านวนผ ้ ู ผลต ิ หร ื อผ ้ ู ขาย 6. ปัจจัยอื่นๆ เช่น การเก็งก าไร


การกา หนดราคาส ิ นค ้ าและบร ิ การตามอ ุ ปสงค ์ และอ ุ ปทาน หร ื อทเ ี่ร ี ยกว ่ า ราคาด ุ ลยภาพ เป็ นกลไกของราคาที่ส าคัญ เพราะจะเป็ นเคร ื่องม ื อในการจ ั ดสรรปั จจ ั ยการผลต ิ ทเ ี่หมาะสม ทา ให ้ ส ิ นค ้ ามร ี าคาส ู งข ึ น ้ ผ ้ ู ผลต ิเห็นว่าเป็ นโอกาสที่จะ ได ้ ร ั บกา ไรส ู งกจ ็ ะมก ี ารจ ั ดสรรปั จจ ั ยการผลต ิ ไปผลต ิ ส ิ นค ้ าและบร ิ การชน ิ ดน ้ ั นมากข ึ น ้ แต ่ ถ ้ าสินค้าชนิดใดที่มีราคา ลดลง ก็จะจัดสรรปัจจัยการผลิตไปผลิตสินค้าชนิดนั้นน้อยลงตามความต้องการของตลาด ท าให้มีการเคลื่อนย้าย ปั จจ ั ยการผลต ิให ้ เป็ นไปตามกลไกราคา ทา ให ้ มก ี ารใช ้ปั จจ ั ยการผลต ิ อย ่ างเหมาะสมและมท ี า ให ้ ผ ้ ู ผลตต้องมีการปรับตัว ิ อย ่ ู ตลอดเวลา ผ ้ ู ผลต ิ ทข ี่าดความร ้ ู และประสบการณ ์ อาจมปีั ญหาในการผลต ิ ทา ให ้ กา ไรลดลงหร ื อขาดท ุ นก็เป็ นไปได้ ข ้ อดแ ี ละข ้ อเส ี ยของการกา หนดราคาตามอ ุ ปสงค ์ และอ ุ ปทาน


เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ความหมายการพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทย การพัฒนาเศรษฐกิจ เป็ นกระบวนการท าให้เกิดการเพิ่มขึ้นในระดับ รายได ้ ทแ ี ่ ท ้ จร ิ งเฉลย ี ่ ต ่ อบ ุ คคลตลอดระยะเวลาทย ี ่ าวนาน เพ ื ่ อให้ประชากร ม ี ความเป็ นอย ่ ู ทด ี ่ ี ข ึ น ้


2.ควบค ุ มสภาวะแวดล ้ อมได ้ มากขน ึ ้ เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ความส าคัญการพัฒนาทางเศรษฐกิจ 1.ประชากรม ี ความเป็ นอย ่ ู ด ีขึ้น 3.ช ่ วยเหล ื อบ ุ คคลด ้ อยโอกาสได ้ดี 4. ประชากรมีอิสระเพิ่ม 5.เป็ นประเทศมหาอ านาจ


สหกรณ ์ และการรวมกล ่ ุ มเพ ื ่ อการพฒ ั นาช ุ มชนของไทย สหกรณ์กับการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ความร ้ ู เบ ื ้ องต ้ นเกย ี ่ วกบ ั สหกรณ ์ สหกรณ์หมายถ ึ งการรวมต ั วกน ั ของกล ่ ุ มบ ุ คคลทม ี ่ ี จ ุ ดม ่ ุ งหมายอย ่ างเด ี ยวกน ั ด ้ วยความสม ั ครใจร ั บผด ิ ชอบและ ด าเน ิ นงานให ้ บรรล ุ จ ุ ดม ่ ุ งหมายทต ี ่ ้ ง ัไว ้โดยย ื ดหลก ัประชาธิปไตย และม ี การแบ ่ งปั นผลประโยชน ์ อย ่ างย ุ ตธ ิ รรม


ลักษณะส าคัญของสหกรณ์ C O O P E R A T I V E 1. เป็ นธ ุ รกจ ิ ทม ี ่ ี การประกอบธ ุ รกจ ิ เช ่ นเดย ี วกบ ั ธ ุ รกจ ิ อ ื ่ นๆ 2. เกด ิ ขน ึ ้ จากการรวมคนและรวมท ุ นด ้ วยความสม ั ครใจ 3. ม ี วต ั ถ ุ ประสงค ์ในการดา เน ิ นธ ุ รกจ ิ ทแ ี ่ น ่ นอน 4. ม ี การจดทะเบ ี ยนถ ู กต ้ องตามกฎหมาย 5. สมาช ิ กท ุ กคนม ี ส ิ ทธ ิ เสมอภาคเท ่ าเทย ี มกน ั 6. ม ี กฎหมายข ้ อบ ั งคบ ั เป็ นแนวทางในการดา เน ิ นธ ุ รกิจ


ประวัติความเป็ นมาของสหกรณ์ ระหว่างศตวรรษที่ 18-19 ได ้ เกด ิ การปฏ ิ วต ั อ ิ ุ ตสาหกรรมข ึ น ้ ในย ุ โรปม ี การน าเอาเคร ื่องจักรมาใช้ แทนแรงงานคน ท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เกิดภาวะการว่างงานและเศรษฐกิจตกต ่า การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจากประเทศอังกฤษ ชาวอังกฤษต้องประสบปัญหาความเดือดร้อนอย่าง มากมายจากการปลดคนงานออกจากโรงงาน ส ่ วนผ ้ ู ประกอบ การรายย่อย ต้องเลิกล้มกิจการ ไป สภาพสังคมทั่วไปมีการแบ่งชนชั้นออกเป็ น 2 ฝ่ าย คือ ฝ่ ายนายท ุ นและทางฝ่ ายกรรมการ บรรดากรรมการทถ ีู่ กบ ี บค ้ ั นท ้ ั งหลายจ ึ งเร ิ่มแสวงหาหนทางอยากจะช ่ วยพย ุ งฐานะของส ังคมให้ดี ขึ้น ได ้ เสนอแนวทางปร ั บปร ุ งสภาพทางเศรษฐกจ ิให ้ เกด ิ ความเป็ นธรรมแก ่ ส ั งคมให ้ ร ้ ู จ ักการช่วย ตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แนวความคิดดังกล่าวได้ก่อให้เกิดระบบสหกรณ์ขึ้นในเวลาต่อมา


ประวัติความเป็ นมาของสหกรณ์ บ ุ คคลแรกทส ี่อนให ้ คนท ั่วไปร ้ ู จ ั กคา ว ่ า “สหกรณ์” คือ โรเบิร์ต โอเวน ชาวอังกฤษซึ่งถือว่า เป็ นผ ้ ู ให ้ กา เน ิ ดการสหกรณ ์ ข ึ น ้ ในโลกและได ้ ช ื่อว ่ าเป็ นบ ิ ดาแห ่ งการสหกรณ ์ เขาเป็ นนายจ้าง ที่มีความหวังดีต่อกรรมกร จ ึ งได ้ปร ั บปร ุ งสภาพความเป็ นอย ่ ู ทว ั่ไปของคนงานให้ดีขึ้นและ ได ้ หาวธ ิี ช ่ วยเหล ื อกรรมกรอ ื่นๆ โดยสอนให ้ ร ้ ู จ ั กการช ่ วยตนเองและช ่ วยเหล ื อซ ึ่งกันและกัน โอเวนเสนอให้จัดตั้ง “ชมรมสหกรณ์” ให้ชมรมสหกรณ์นี้ผลิตสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆใช้เอง แต่ยังไม่สามารถจัดตั้งได้อย่างไรก็ตามแนวความคิดของโอเวนก็มีอิทธิพลต่อน ั กปฏ ิ ร ู ปทาง เศรษฐกจ ิ เขาได ้ให ้ แนวความคด ิ เกย ี่วกบ ั ความร ่ วมม ื อร ่ วมใจระหว ่ างมน ุ ษย ์ในการที่จะช่วย ตนเองและช่วยเหลือ ซ ึ่งกน ั และกน ั เพ ื่อยกมาตรฐานความเป็ นอย ่ ู ให ้ ส ู งข ึ น ้ ซ ึ่งในวันเสาร์แรก ของเด ื อนกรกฎาคมท ุ กปี เป็ น " วันสหกรณ์สากล "


หลักการของสหกรณ์ 1. เปิ ดรับสมาชิกทั่วไป 2. สมาชิกคนหนึ่งออกเสียงลงคะแนนได้เสียงเดียว 3. จ่ายเงินปันผลตามส่วนแห่งการซื้อของสมาชิก 4. จ ่ ายดอกเบ ี ย ้ ตามห ้ ุ นในอต ั ราจา กด ั 5. เป็ นกลางในลัทธิศาสนาและการเมือง 6. ขายสินค้าตามราคาตลาด และขายด้วยเงินสด 7. ส่งเสริมการศึกษาอบรมทางสหกรณ์


วิวัฒนาการของสหกรณ์ในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2458 นโยบายแห่งรัฐเห็นสมควรน าวิธีการสหกรณ์ เข้ามาช่วยพัฒนาประเทศ ให ้ประชาชนได ้ หล ุ ดพ ้ นจากความยากจน พระราชวรวงศ ์ เธอกรมหม ื ่ นพท ิ ยาลงกรณ ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย ได้ทรงส่งเสริมให้ก่อตั้งสหกรณ์แห่งแรก คือ สหกรณ์วัด จันทร์ ไม่จ ากัดสินใช้ ณ ต าบลวด ั จ ั นทร ์ อา เภอเม ื องจ ั งหวด ั พษ ิ ณ ุ โลกและทรงเป็ นนาย ทะเบียนสหกรณ์ รับจดทะเบียนเป็ นสหกรณ์แห่งแรก และเมื่อวันที่ 9 ต ุ ลาคม 2527 ที่ ประช ุ มคณะร ั ฐมนตร ี ม ี มตก ิ า หนดให ้ วน ั ท ี ่ 26กม ุ ภาพน ั ธ ์ ของท ุ กปี เป็ น “ วันสหกรณ์แห่งชาติ ”


Click to View FlipBook Version