3หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่
การหมนุ เวียนของน้าในมหาสมทุ ร
ผลการเรยี นรู้
• อธิบายปัจจัยที่ท้าให้เกิดการแบง่ ชั้นนา้ ในมหาสมุทร
• อธบิ ายปัจจยั ที่ท้าใหเ้ กิดการหมนุ เวียนของน้าในมหาสมทุ รและรูปแบบการหมุนเวยี นของน้าในมหาสมทุ ร
• อธบิ ายผลของการหมุนเวียนของน้าในมหาสมทุ รทมี่ ตี ่อลกั ษณะลมฟา้ อากาศ ส่งิ มีชวี ิต และสิ่งแวดล้อม
การแบง่ ชนั น้าในมหาสมทุ ร หากพจิ ารณามวลนา้ ในแนวดิง่ และใช้อุณหภมู เิ ปน็ เกณฑ์
สามารถแบง่ ชันนา้ ได้ 3 ชนั ได้แก่ น้าชนั บน นา้ ชันเทอร์โมไคลน์ น้าชนั ล่าง
ผิวน้า
(เมตร)
นา้ ชันบน ความเค็ม ต่้า ได้รบั อิทธิพลจากแสงอาทติ ยแ์ ละบรรยากาศ ้่ตา ุอณหภู ิม สูง
ทา้ ใหน้ า้ มอี ุณหภมู สิ งู เน่ืองจากนา้ ชนั บนมนี ้าฝน
(0-200 เมตร) และนา้ จากแม่นา้ ล้าคลองปนอยู่ น้าจึงมคี วามเคม็
200
400 และความหนาแน่นต่า้
น้าชันเทอร์โมไคลน์ อุณหภมู ขิ องนา้ ทะเลลดลงอย่างรวดเรว็
ความเค็มและความหนาแนน่ เพมิ่ ขนึ อย่างรวดเร็ว
600 (200-1,000 เมตร)
800 ตามระดบั ความลึก
1,000 นา้ มีอณุ หภูมติ ้่า ความเค็มและความหนาแนน่ สูงมาก
1,200 น้าชนั ลา่ ง ูสง
(มากกวา่ 1,000 เมตร)
การแบง่ ชนั นา้ ในมหาสมุทร กราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอณุ หภมู ิ ความเคม็
และความหนาแนน่ ของนา้ ในแต่ละบริเวณและระดบั ความลึก
ระดบั ความลึก (m) อณุ หภมู ิ (℃) ความเคม็ (%) ความหนาแนน่ (g/cm3)
0 0° 5° 10° 15° 20° 32 33 34 35 36 1.024 1.026 1.028
500
1,000 เทอร์โมไคลน์ แฮร์โลไคลน์ ไพโลไคลน์
1,500
2,000 ชนั นา้ ท่ีมอี ณุ หภมู ิลดตา่้ ลง ชันน้าท่ีมีความเค็มเพ่ิมขึน ชันนา้ ท่มี ีความดันเพิ่มขนึ
2,500 อย่างรวดเร็วตามระดับความลกึ อย่างรวดเรว็ ตามระดบั ความลกึ ตามระดับความลกึ
3,000
3,500
4,000
ปจั จัยท่ที ้าใหเ้ กดิ การหมนุ เวียนของกระแสน้าในมหาสมทุ ร
✓ ลมท่ีมีอทิ ธพิ ลตอ่ การหมุนเวียนของกระแสน้าผิวหน้า คอื ลมคา้
แรงคอรอิ อลิส เปน็ แรงทีเ่ กิดจากการหมนุ รอบตวั เองของโลก
✓ ซงึ่ มีผลตอ่ ทศิ ทางการเคลือ่ นทข่ี องลมและกระแสน้าผวิ หน้า
✓ ตา้ แหนง่ และลักษณะของทวีป เมื่อกระแสน้าไหลไปปะทะกับทวปี
หรอื ผืนดินทีข่ วางอยู่ กระแสน้าจะเปลี่ยนทศิ ทางการไหล
✓ ความแตกต่างของอณุ หภูมิและความเคม็ ของน้า นา้ บรเิ วณขัวโลก
มีอณุ หภูมติ ่า้ จะจมตวั ลงและเคล่ือนทีไ่ ปยงั เส้นศนู ย์สตู ร
สว่ นนา้ บรเิ วณเสน้ ศนู ยส์ ตู รมีอณุ หภูมสิ งู จะเคลือ่ นทไ่ี ปยงั ขวั โลก
การหมนุ เวียนของกระแสนา้ ผิวหนา้ เกดิ จากอิทธพิ ลของลมและความแตกตา่ งของอุณหภูมิทผ่ี วิ น้า ซ่งึ วงจรการ
ไหลแตกตา่ งกนั ตามลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์ ท้าให้กระแสนา้ เกิดการไหลเวยี น
รอบของแอง่ มหาสมทุ รเปน็ วงวนใหญ่
วงวนใหญข่ อง วงวนใหญ่ของ
มหาสมทุ รแปซฟิ ิกเหนอื มหาสมทุ รแอตแลนติกเหนือ
วงวนใหญข่ อง วงวนใหญข่ อง วงวนใหญ่ของ
มหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซฟิ ิกใต้ มหาสมทุ รแอตแลนติกใต้
กระแสน้าในมหาสมทุ รที่หมนุ เวยี นในวงใหญ่ประกอบด้วย 4 กระแสนา้
กระแสน้าในมหาสมทุ รแปซฟิ กิ
กระแสน้าอุ่น
กระแสน้าเยน็
กระแสนา้ ในมหาสมุทรอินเดยี
กระแสนา้ อนุ่
กระแสนา้ เยน็
กระแสนา้ ในมหาสมุทรแอตแลนติก
กระแสน้าอนุ่
กระแสน้าเย็น
กระแสนา้ ในมหาสมุทรอารก์ ตกิ
กระแสน้าอุ่น
กระแสน้าเย็น
การหมนุ เวียนของกระแสน้าลกึ เกดิ จากความหนาแนน่ ของน้าทะเลทมี่ คี วามแตกตา่ งกนั ในแต่ละบรเิ วณ
ซึ่งเปน็ ผลมาจากอุณหภมู แิ ละความเคม็ ของนา้ ทา้ ใหเ้ กิดการหมนุ เวียน
กระแสนา้ อ่นุ ของกระแสนา้ ลึก ซง่ึ เรียกการหมนุ เวยี นนวี ่า เทอรโ์ มฮาไลน์
กระแสนา้ เยน็
ลกั ษณะการไหลเวียน
ของกระแสน้าลกึ เปน็ วงจร
เรียกว่า “แถบสายพานยักษ”์
การเกิดน้าผดุ นา้ จม การเกิดน้าผุด
ลมพัดผา่ นผวิ นา้ ในทศิ ทางขนานกับชายฝั่ง มวลนา้ ชนั บนถกู พัดออกจากชายฝง่ั
รวมทังผลจากแรงคอรอิ อรสิ ในแนวตังฉากกบั ทศิ ทางลม
มวลน้าชนั ลา่ งจะเคลอื่ นท่ีเข้ามาแทนทีม่ วลนา้ ชนั บน
การเกิดน้าผุดน้าจม การเกิดนา้ จม
ลมพดั ผา่ นผวิ นา้ ในทิศทางขนานกบั ชายฝ่งั มวลน้าชันบนถูกพัดเขา้ สู่ชายฝ่ังใน
รวมทงั ผลจากแรงคอริออริส แนวตงั ฉากกับทิศทางลม แลว้ จมตัวลง
การใชป้ ระโยชนจ์ ากมหาสมทุ ร
การคมนาคมขนสง่ แหล่งอาหาร และที่อยู่ สถานท่พี ักผ่อนหยอ่ นใจ นาเกลอื สมทุ ร
ของพชื และสตั ว์