681 พระปั่นมาทราบภายหลังว่า คนที่อยู่ข้างบนกุฏิยังเป็นเณร ชื่อ เณรเลียบ ซึ่งตามหลัก ต้องอยู่ต่ ำกว่าพระถึงจะถูก แต่เณรก็ไม่ได้สละห้องให้ แต่ . . . อ้าว! เฮ้ย! แค่ก! แค่ก! อ๊ะ! จะโกรธ เขาทำ ไม! เราสมัครใจ มาอยู่ตรงนี้เอง มีที่นอนแล้วยัง จะเอาอะไรอีก! จะกวาดขยะ ทำ ไมไม่โกย เสียก่อน!
682 ปัญหาอย่างนี้ควรจะ แก้ด้วยธรรมะข้อใด? อืมม ... พระปั่นเอาวิชา กระทู้ธรรมมาใช้ แผ่เมตตา! อย่างนี้ต้องแผ่ เมตตา! ปัญหาของเรา คือ แส่มาหาเรื่องเดือดร้อนเอง ทำกรรมไว้เอง ตรงกับคาถา แผ่เมตตาบทอุเบกขา . . . สัพเพ สัตตา กัมมัสสะกา - สัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้มี กรรมเป็นของของตน, กัมมะทายาทา - เป็นผู้รับ ผลของกรรม . . . กัมมะโยนิ - เป็นผู้มีกรรม เป็นกำ เนิด, กัมมะพันธุ - เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, กัมมะปะฏิสะระณา - เป็น ผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย, ยัง กัมมัง กะริสสันติ - . . . . .
มะเดื่อร้องได้ 683 สำ นักเรียนวัดหน้าพระธาตุ เป็นศูนย์รวมการศึกษาทาง ศาสนาที่พระเณรทั่วภาคใต้ มุ่งหน้ามา จนที่อยู่ที่อาศัย ในวัดค่อนข้างอัดแอ เมื่อ เทียบกันระหว่างจำ นวน ห้องกับจำ นวนคน แต่ปัญหาการอยู่ไม่สำคัญเท่าการฉัน พระจำ นวนมากที่มาอยู่รวมกันในวัด เดียว ทำ ให้เกิดปัญหาไม่สมดุลกับ อาหารที่บิณฑบาตได้จากชาวบ้าน รอบๆ วัด คือ บิณฑบาตได้อาหาร น้อย และมักจะมีแต่ข้าว บาตรเบาหวิว! หึหึ! วันนี้ต้องอาศัย น้ำถ่วงท้องอีกแล้ว! พระเณรรูปอื่น ก็ไม่ต่างจากพระปั่นเท่าใดนัก
684 พระบางรูปมีญาติโยมส่งปิ่นโตมาให้ประจำ คุณครับ! นิมนต์ ทางนี้ครับ! มาฉันด้วยกันครับ! ขอบคุณครับ! เชิญครับ!
685 ปิ่นโตเถาเดียว กับพระ ๔ รูป แม้จะไม่ถึงกับ อิ่มท้อง แต่ก็ อิ่มใจในไมตรี ครั้นถึงเวลาเพล พระเณร ทั้งหมดมาฉันพร้อมกันที่ หอฉัน อาหารที่ทางวัดจัด ทำ เองก็ไม่ดีไปกว่าอาหาร เลี้ยงนักโทษสักเท่าไร เพราะวัดไม่มีเงินมาก แกงส้มบอน อีกแล้ว! แกงก็มักเป็น แกงส้ม*บอน เพราะมะขาม กับบอนเป็นผัก ที่หาได้ในวัด ตัดเอาแค่พอกินนะ อย่าตัดทิ้งตัดขว้าง ไม่ต้องกลัวหมด พี่หลวง! มันโตเร็วจนตัดไม่ทันซะอีก! * แกงส้มอย่างปักษ์ใต้มีรสเปรี้ยวจัดเผ็ดจัด ที่คนภาคกลางเรียกว่า แกงเหลือง
686 แกงส้มเป็น แกงเผ็ดที่กิน เปลืองน้อย แกงเพียงสอง สามช้อนราด กินกับข้าว ได้เป็นจานๆ พระเณรวัด หน้าพระธาตุ อยู่กันมา อย่างนี้ เดือนแล้ว เดือนเล่า ถ้าเห็นพระเณร ตัวผอมๆ เดินลอยๆ หน้าเหี่ยวๆ ละก็ พอจะทายได้เลยว่า เป็นพระเณรมาจาก วัดหน้าพระธาตุ เผ็ดอย่างนี้ ก็ดีนะ จะได้ กินผักเหนาะ* เยอะๆ ผักหญ้าเรามีไม่อั้น! *ผักเหนาะ = ผักแนม
687 พระบางรูป ทนไม่ไหว เลิกเรียนไป กลางคันก็มี พระจุกไปไหนซะล่ะ? กลับพังงา ไปแล้ว เห็นว่าเป็นห่วงโยม ทุกคนรู้คำตอบที่แท้จริงอยู่แก่ใจ พระดีๆ ที่ต้องการศึกษาธรรมะ ทำ ไมต้องตกอยู่ ในสภาพ อย่างนี้?
688 การศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้งจริงจังต้องการสุขภาพร่างกายที่ปกติ อย่าว่าแต่ ตอนที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ชนะมารได้นั้น ก็ยังต้องบำรุงพระวรกายให้เป็น ปกติก่อน ถ้าปล่อยให้การศึกษาธรรมะของพระเณรเป็นไป ตามยถากรรมอย่างนี้ พระศาสนาจะมั่นคงอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อเสาหลักข้างหนึ่งของพระรัตนตรัย หย่อนทรุดลงเสียแล้ว? ภายหน้าถ้ามีโอกาส เรา อยากจะสร้างโรงเรียนให้ พระเณรได้ศึกษาพระธรรม อย่างปกติสุขกว่านี้ โดย ไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆ เมื่อกายแข็งแรง ใจก็ย่อม แข็งแรง ความคิดอ่านก็ แข็งแรง เป็นที่พึ่ง ของพระศาสนาได้
689 พระปั่นกับพระแป้น มาไหว้เจดีย์พระธาตุ ตั้งจิตอธิษฐานตาม คำสั่งของลุงหลวง ข้าพเจ้าขอถวายชีวิต จิตใจนี้ แด่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอมอบกายใจถวาย แด่พระพุทธศาสนา จะทำงานให้แก่พระ ศาสนาจนตลอดชีวิต เฮ้ย! อย่าพูดยังงั้น! คนพูดยังงั้นต้องไม่สึก! ถ้าทีหลังเกิดอยากสึก ขึ้นมา จะเป็นบ้า เป็นบอเอานา! อ้าว! ก็ไม่สึกน่ะซี! ใจของเรา เรา ต้องบังคับได้! ตั้งใจแล้ว ก็ต้องทำ ให้ได้! พระพุทธเจ้าท่านทำจริง เราก็ต้องจริงบ้าง!
690 เรื่องที่ว่า วัดหน้าพระบรมธาตุ มีพระเณร ล้นวัด อัตคัดภัตตาหารเป็นที่รู้กันทั่วไป วันดีคืนดีหากมีผู้ใจบุญ ตั้งใจมาถวายภัตตาหาร เลี้ยงพระทั้งวัด ก็ไม่ต้อง ไปตามนิมนต์พระเณร ให้ยุ่งยาก เพียงเอาเสื่อ กระจูดของวัดมาปูเข้า ที่ลานหน้าโบสถ์ . . . แล้วเดินมาสั่นระฆัง ที่แขวนอยู่กับต้น มะเดื่อใกล้ๆ นั้น พระเณรที่ได้ยิน เสียงระฆังก็จะ บอกต่อๆ กัน วันนี้อีเดื่อร้องแล้วโว้ย! แกง! ๊ แกง! ๊
691 พระเณรทั้งวัด ก็จะพากันมานั่งบนเสื่อจูด เรียงตามระดับ รอรับประเคน ภัตตาหารฉลองศรัทธาโยมผู้ใจบุญ โดยพร้อมเพรียง มะเดื่อต้นนั้น จึง เป็นมะเดื่อวิเศษ ที่พระเณรเรียกว่า “มะเดื่อร้องได้” คือร้องเรียกให้ พระเณรมาฉัน อาหารอย่างอิ่มหนำ อีกโอกาสหนึ่งที่พระเณร จะได้ฉันอิ่ม และยังได้รับ ปัจจัยเงินทองเพื่อใช้ซื้อ สิ่งของที่จำ เป็นด้วย ก็คือ เทศกาลบุญสารท*เดือนสิบ * สารท อ่านว่า สาด เช่น สารทจีน อ่านว่า สาดจีน
สารทเดือนสิบ สารทเดือนสิบ เป็นงานบุญประเพณีของคนปักษ์ใต้ เริ่มมีที่นครศรีธรรมราช เป็นความเชื่อจากศาสนาพราหมณ์ ผสมผสานกับศาสนาพุทธในภายหลัง ว่า เป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษและญาติที่ล่วงลับ ซึ่งจะถูกปล่อยตัว มาจากนรกที่ต้องจองจำ ให้มารับส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้อง ในช่วง แรม ๑ ค่ ำ ถึงแรม ๑๕ ค่ ำ เดือน ๑๐ พิธีกรรม พิธีกรรมของประเพณีสารทเดือนสิบ มีดังนี้ ๑. การจัดหฺมรับ* หฺมรับ คือ สำรับปัจจัยอุทิศส่งให้เปรตบรรพบุรุษ ที่จัดวางเป็นชั้นๆในภาชนะที่เตรียมไว้ คือ ชั้นล่างสุดเป็นอาหารแห้ง ชั้นสองเป็นพืชผักที่ เก็บไว้ได้นาน ชั้นสามเป็นของใช้ในชีวิต ประจำวัน ปัจจัย ๓ ชั้นนี้ เป็นส่วน นำถวายวัด ชั้นบนสุด เป็นขนม เดือนสิบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ แทนสิ่งต่างๆ ให้เปรต การจัดหฺมรับ ทำกัน ในวันแรม ๑๓ ค่ ำ * หฺมรับ เป็นคำ ภาษาใต้ มีทั้งเสียงอักษรนำและเสียงควบกล้ ำ โปรดสังเกตว่ามีจุดอยู่ใต้ ห หีบ แสดงฐานะการเป็นอักษรนำ ให้อ่านออกเสียง หมะ+หรับ เร็วๆ จนต่อกันเป็นคำ เดียว -นั่นละ! 692
693 ขนมเดือนสิบ ขนมเดือนสิบเป็นสิ่งที่ ประดับประดาอยู่ชั้นบนสุด ของหฺมรับ มี ๕ อย่าง ได้แก่ ขนมลา, ขนมดีซำ , ขนมเทียน, ขนมบ้า และ ขนมพอง โดยถือกันว่า ขนมเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ แทนสิ่งของอุทิศให้แก่ญาติ ผู้ล่วงลับ คือ ขนมลา แทนเสื้อผ้า ขนมดีซำ แทนเงิน ขนมเทียน แทนหมอน ขนมบ้า แทนลูกสะบ้า ไว้ทอยเล่น ขนมพอง แทนแพให้นั่ง ข้ามห้วงวัฏฏสงสาร ขนมลา ขนมเทียน ขนมดีซำา ขนมบ้า ขนมพอง
694 ๒. การยกหฺมรับ ในวันแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ ำ ชาวบ้านจะยกหฺมรับไปวัด และนำ ภัตตาหารไปถวาย พระด้วย โดยเลือกไปวัดที่ บรรพบุรุษของตนนิยมไป ๓. การฉลองหฺมรับ และบังสุกุล เมื่อหฺมรับไปถึงวัดจะมีการฉลองหฺมรับ และทำ บุญเลี้ยงพระเสร็จแล้วบังสุกุล การทำ บุญวันนี้เป็นการส่งเปรต บรรพบุรุษกลับนรก ๔. การต้ังเปรต เสร็จจากการฉลองหมฺรับและถวาย ภัตตาหารแล้ว ชาวบ้านจะนำ เฉพาะ ขนมจากหฺมรับไปวางไว้บนนั่งร้านที่ เรียกว่า หลาเปรต หรือตามลานวัด, ข้างกำแพงวัด, หรือโคนไม้ใหญ่
695 ๕. การชิงเปรต เมื่อตั้งเปรตเสร็จ ก็เป็นการชิงเปรต คือ ลูกหลานจะกรูกันเข้ามาแย่งขนม เดือนสิบกันอย่างชุลมุนสนุกสนาน เชื่อกันว่า ใครได้กินของเหลือ จากการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ จะได้ รับกุศลเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง บางวัดดัดแปลงหลาเปรตให้เป็น การละเล่นสนุกสนานแก่ผู้ดู คือ ตั้งหลาเปรตบนเสาสูงชะโลมน้ำ มัน ให้คนที่จะชิงเปรตปีนขึ้นไปเอา หฺมรับ (และรางวัล) ซึ่งต้องใช้ความ พยายามอย่างมาก เพราะ เสาลื่น ปีนลำ บาก หลังงานสารทเดือนสิบ วัดทุกวัดก็มีข้าวสาร อาหารแห้งเป็นสะเบียง อันสมบูรณ์ไปอีกพักหนึ่ง ส่วนพระเณรต่างก็ได้รับ ปัจจัยจากการพิธีสวด บังสุกุลพอไว้จับจ่าย ตามจำ เป็นกันถ้วนหน้า * หลาเปรต = ศาลา หรือศาลเปรต เป็นยกพื้นหรือนั่งร้าน
696 ผมย้ายกุฏิแล้วนะ ไปอยู่กุฏิ ๔ คณะ ๓ เหรอ? พระที่อยู่เดิมเขาย้าย ไป เพื่อนที่นั่นเลย ชวนไปอยู่แทน ก็เลยไม่ต้องนอน เบียดกัน ๓ คน คุณล่ะ! หาที่ใหม่ ได้หรือยัง? ผมไม่หาแล้วละ นอนคนเดียวถึง จะแคบหน่อย แต่ก็สบายใจ ไม่ต้องยุ่งกับใคร คับที่อยู่ได้ . . . . เอ๊ะ! คุณได้ยินไหม เสียงอะไรฟู่ๆ? เดินผ่านมาหลายกุฏิ มีเสียงนี้เหมือนๆ กัน ไม่เคยได้ยิน! ไปดูกันรึ!
697 อะไรน่ะ ครับ? น้ำตาลฟู น้ำตาลฟู? งานเดือนสิบชาวบ้านเอา น้ำผึ้ง*มาเตรียมทำขนมที่ วัด แล้วเหลือบ้าง เอามา ถวายวัด ต่างหาก บ้าง น้ำผึ้งจึงมีเยอะ แต่เอา มาใช้เอามากินลำ บาก ถ้าเคี่ยวให้งวดเป็น น้ำตาลแว่นก็จะกินง่าย ไม่เลอะเทอะ อ้อ! ชงกับน้ำร้อน หอมหวาน ฉันเป็นน้ำ ปานะ** ช่วยให้กะปรี้กะเปร่าดี การเคี่ยวมักใช้เตาฟู เพราะไม่วุ่นวาย ไม่มีควัน ก็เลยเรียกว่า น้ำตาลฟู * หมายถึงน้ำตาลโตนดที่เคี่ยวจนเหนียวเหมือนน้ำผึ้ง ** น้ำผลไม้คั้น เครื่องดื่มของพระภิกษุ
698 ผ่านไปสองสามเดือน เสียงเตาฟูค่อยๆ เงียบ หายไป พระเณรก็เริ่ม เงี่ยหูฟังเสียงจากต้น มะเดื่ออย่างเดิม ปีนั้นพระปั่นเรียนนักธรรมโท และสอบผ่านด้วยดี สอบผ่านนักธรรมโทแล้ว! อีกหน่อยก็ได้เป็นมหา ยินดีล่วงหน้า! ท่านมหาปั่น!* * เป็นการเรียกล้อๆ ล่วงหน้า ยินดีด้วย ท่านมหาแป้น! จริงไหม มหาโมก! ชื่อผมอยู่นี่! ใช่แล้ว!
699 การเรียนขั้นต่อไปคือ นักธรรมเอก มีวิชาวินัยบัญญัติ ซึ่งมีจุดประสงค์ให้ ผู้เรียนจะต้องรู้เรื่องพระวินัยอย่างทั่วถึงและถ่องแท้ เพื่อเป็นที่พึ่ง เป็นที่ อ้างอิงในกรณีที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับพระวินัยขึ้นในหมู่สงฆ์ ข้อสอบวิชาวินัยบัญญัติ บังคับให้ผู้เข้าสอบต้อง อ้างอิงการบัญญัติพระ วินัย ๒๒๗ ข้อให้ได้ ซึ่งรายละเอียดมีอยู่ใน บทสวดปาติโมกข์ ทางหนึ่งที่จะช่วยให้สอบได้ก็คือ ต้องท่อง บทสวดปาติโมกข์ภาษาบาลีอันยาวเหยียด ให้ได้นั่นเอง นะวัมปะนะ ภิกขุนา จีวะระลาเภนะ ติณณัง . . . แต่บทสวดศีล ๒๒๗ ข้อ ซึ่งเป็นภาษาบาลีล้วนๆ ท่องสวดได้ยากมากๆ ทุพพัณณะ กะระณัง นะวัง จีวะรัง
700 หรือ ปาฏิโมกข์ หมายถึง หลักคำสอนสำคัญของ พระพุทธศาสนา มี ๒ อย่าง ได้แก่ ปาติโมกข์ที่ พระพุทธองค์ทรงแสดงด้วยพระองค์เอง คือ โอวาทปาติโมกข์ กับ ปาติโมกข์ที่ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติให้พระสงฆ์แสดงแทน เรียกว่า อาณาปาติโมกข์ โอวาทปาติโมกข์* เป็นคำ สอนสำ คัญที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ครั้งแรกในวันเพ็ญเดือนมาฆะ หลังตรัสรู้ ๙ เดือน และตลอด ๒๐ พรรษาแรก เป็นพระคาถาความยาว ๓ บทครึ่ง ดังนี้ ๏ สพฺพปาปสฺส อกรณํ (การไม่ทำ บาปทั้งปวง) กุสลสฺสูปสมฺปทา (การบำ เพ็ญแต่กุศล) สจิตฺตปริโยทปนํ (การทำจิตให้ผ่องใส) เอตํ พุทฺธานสาสนํฯ (นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย) ๏ ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา (ขันติ คือความอดกลั้น เป็นตบะ**อย่างยิ่ง) นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา (พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า นิพพานเป็นบรมธรรม) น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี (ผู้ทำร้ายคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต) สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโตฯ (ผู้เบียดเบียนคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ) ๏ อนูปวาโท อนูปฆาโต (การไม่กล่าวร้าย, การไม่ทำร้าย) ปาติโมกฺเข จ สํวโร (มีความสำรวมในปาฏิโมกข์) มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ (รู้จักประมาณในอาหาร) ปนฺตญฺจ สยนาสนํ (นั่งนอนในที่อันสงัด) อธิจิตฺเต จ อาโยโค (มีความเพียรในอธิจิต) เอตํ พุทฺธาน สาสนํฯ (นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย) * อ่านว่า โอ-วา-ทะ-ปา-ติ-โมก ** ตบะ = ความเพียรเครื่องเผากิเลส อาณาปาติโมกข์ คือ คำสอนที่พระพุทธเจ้าให้สงฆ์อยู่ในขอบเขต ได้แก่ วินัยของสงฆ์ ๒๒๗ ข้อ (ดูรายละเอียด หน้า ๖๖๔) และมีพุทธานุญาตให้ สวดในที่ประชุมสงฆ์ ทุกกึ่งเดือน เรียกกันว่า สงฆ์ทำอุโบสถ พระภิกษุที่จำและ สวดปาติโมกข์ได้จนจบ ถือว่าเป็นพระภิกษุที่มีคุณูปการต่อพระศาสนาอย่างยิ่ง และเป็นหน้าเป็นตาแก่วัดที่พระภิกษุนั้นพำ นักอยู่ ปาติโมกข์
701 แต่ความพยายามของพระปั่นที่จะท่องบทสวด ปาติโมกข์ มีสิ่งรบกวนมาก ทั้งเสียง . . . ปะริภุญเชยยะ ปาจิตติยัง ทั้งฝุ่น . . . เฮ้ย! โย ปะนะ ภิกขุ สัญจะ ริตตัง สะมาปัชเชยยะ อิตถิยา ทั้งความหิว . . . หิวจนมือสั่นแล้ว! * อธิจิต = จิตอันเป็นสมาธิยิ่งยวด ประกอบด้วย หลักการ ๓, อุดมการณ์ ๔, และวิธีการ ๖ หลักการ ๓ (พระคาถาส่วนแรก) ได้แก่ ไม่ทำ บาปทั้งปวง, ทำแต่ความดี และ การ ทำจิตให้บริสุทธิ์ อุดมการณ์ ๔ (พระ คาถาส่วนที่สอง) ได้แก่ ขันติ , พระนิพพาน เป็นเป้าหมาย, ไม่ทำร้าย, และไม่เบียดเบียน ผู้อื่น วิธีการ ๖ (พระคาถาส่วนที่สาม) ได้แก่ ไม่กล่าวร้าย, ไม่ทำร้าย, สำรวม, รู้ประมาณในอาหาร, นั่งนอนในที่สงัด, และ มีความเพียรในอธิจิต* โอวาทปาติโมกข์
702 คุณปั่น ท่องปาติโมกข์ ได้ถึงไหนแล้ว? ไม่ได้ถึงไหนเลย ไม่มีสมาธิ! อืมม ... ผมมีคำ แนะนำ. . . ถ้าคุณจะท่องปาติโมกข์ละก็ ผมว่าไปวัดปากนครจะดีกว่า ที่นั่นพระน้อย เงียบสงบ . . . และไม่ลำ บากเรื่อง บิณฑบาต ยืนอยู่ที่เดียว แค่เดี๋ยวใจ ก็มีคนมาใส่ เต็มบาตร ผมไม่รู้จัก ใครที่นั่น ผมรู้จักท่านเจ้าอาวาส ผมเป็นลูกศิษย์ท่านมา ถ้าคุณจะไป ผมจะพาไป ขอบคุณครับ!
703 วัดปากนคร อยู่ห่างจากวัดหน้าพระธาตุ ๕ กิโลเมตร ติดแม่น้ำ ปากนคร พื้นที่รอบๆ วัดเป็นพื้นที่นา บรรยากาศโปร่งสบาย ไม่เหมือนวัดในเมือง ที่วัดปากนครมีพระอยู่รูปเดียว คือ พระใบฎีกาทอง* เจ้าอาวาส กับ เณรอีก ๒ รูป เมื่อพระปั่นมาขอ อยู่ท่องปาติโมกข์ ท่านเจ้าอาวาส จึงดีใจมาก เพราะถ้าพระปั่นท่อง ได้สำ เร็จก็จะเป็นหน้าเป็นตาของ วัดที่มีพระท่องสวดปาติโมกข์ได้ จึงรีบจัดหาที่พักให้ทันที * พระใบฎีกา เป็นชื่อตำแหน่ง, ทอง เป็นชื่อตัว ส่วนชาวบ้านเมื่อรู้ว่ามีพระที่มีวัตรปฏิบัติดี มาอยู่วัดเพิ่มขึ้นอีกรูปหนึ่ง ก็ดีใจช่วยกัน เอื้อเฟื้อทำ บุญใส่บาตรอย่างเต็มที่
704 àทศนครั้งแรก ์ พระปั่นมาอยู่วัดปากนคร ไม่ทันครบ ๗ วัน ก็เกิด เรื่อง! วันนั้นเป็นวันพระ ขึ้น ๘ ค่ ำ เดือนพฤษภา พ.ศ. ๒๔๗๕ ท่านเจ้าอาวาสไม่อยู่ พระปั่นสวด มนต์ทำวัตรเย็นกับเณรใน โบสถ์ . . . เอเตน สจฺจวชฺเชน วฑฺเฒยฺยํ สตฺถุ สาสเน สพฺเพปิ อนฺตรายา เม มาเหสุ ตสฺส เตชสา . . . . โดยไม่รู้ว่ามี คนกลุ่มหนึ่ง มารออยู่ที่ ประตูหลัง ของโบสถ์!
705 ท่านมหา ออกมาแล้ว! เอ๊ะ! ผู้ใหญ่พาโยมมาทำอะไรกัน? มาฟังเทศน์ พวกเรา ไปรออยู่ที่ศาลาฯ* แล้วครับ อ้าว! ใครจะเทศน์? ท่านสมภารไม่อยู่! ก็ท่านน่ะแหละ! * หมายถึง ศาลาการเปรียญ
706 ฮื้อ! อาตมาเทศน์ไม่เป็น! อาตมาไม่เคยเทศน์! ฮึ! ได้ซี! ท่านได้นักธรรมโทแล้ว ก็ต้องเทศน์ได้ซี! . . . . ยังไงท่านก็ต้องเทศน์ พวกผมอุตส่าห์มากันแล้ว ท่านเจ้าอาวาสให้พวกเรา มาฟังเทศน์ทุกวันพระ* เอางั้นเรอะ! * วันพระ คือ วันขึ้นหรือแรม ๘ ค่ ำ และ ๑๕ ค่ ำ ปกติคือสัปดาห์ละครั้ง วันนี้ท่านไม่ได้บอกงด ก็แปลว่าตั้งใจจะให้ ท่านมหาเทศน์แทน จะเทศน์เรื่องอะไรดี! เราไม่ได้เตรียม อะไรไว้เลย!
707 ท่านมหา มาแล้ว! เจริญพร โยม! นมัสการเจ้าค่ะ เมื่อกราบพระประธานที่โต๊ะหมู่ บูชาแล้วพระปั่นก็ขึ้นธรรมาสน์ ทำ ไมธรรมาสน์ ต้องสั่นด้วยล่ะ! ที่แท้พระปั่นตัวสั่น ธรรมาสน์จึงสั่นตาม ผู้ใหญ่จุดเทียนส่องธรรม* ผู้ใหญ่ นำสวด นะโมตัสสะ ภควะโต . . . * เทียนที่จุดเพื่อส่องคัมภีร์ประกอบการเทศน์ ** ขอรับศีล อาราธนาศีล** มะยัง ภันเต ... ให้ศีล ตาลปัตรสั่น! ปาณาติปาตา . . . สีลัง วิโสธะ เย ให้ศีลจบ เสียงยังสั่น!
708 พรหมา จะ โลกาธิปตี สหัมปะติ ... เอ่อ ... เรามาตั้ง นะโมกันก่อน! บทสวดนะโมนอบน้อมพระพุทธเจ้า ๓ จบ ทำ ให้ความตื่นเต้นของมหาปั่น สงบลง และอาศัยพุทธบารมีเข้าสู่ บทเทศนา โดยที่สติสตังยังครึ่งๆ กลางๆ อยู่แท้ๆ! สิ่งที่ยังพอรับรู้ได้ก็คือ เห็นชาวบ้านพนมมือยิ้มแย้ม พยักหน้ารับอยู่หงึกๆ อาราธนาธรรม* จะเทศน์ เรื่องอะไร! ... อนุกัมปิมัง ปะชัง อาราธนาธรรม จบแล้ว! ว่าตาม อาตมานะ! นะโมตัสสะ ภควะโต . . . ดูซี! ท่านเทศน์ ปากเปล่าซะด้วย! * ขอรับคำสอนธรรมะ
709 ความตื่นเต้นยังไม่ทันจางหายดี เรื่องราวที่เทศน์อยู่ก็จบลง ซ้า-ธุ! แหม! ท่าน เทศน์คล่องดี! แล้วแกล้งถ่อมตัว ว่าเทศน์ไม่เป็น! จ-เจริญพร โยม! เจริญพร! ใครจะไปเชื่อว่า พระที่เทศน์ครั้งแรก ก็ตื่นเต้นเสียจนจำ ไม่ได้ว่า ตัวเองเทศน์ เรื่องอะไร ต่อมาจะกลายเป็นนักเทศน์ที่ ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ประเทศสยาม*เคยมีมา! * เวลานั้นยังเป็นประเทศสยาม
710 àสนทางนัก ้ àทศน ์ วัดหน้าพระธาตุ มหาปั่น! อ้อ! มหาพลอย! มีไรครับ? พักนี้พอจะมีเวลามั่งมั้ย? วัดหน้าพระลานกำลังหา พระเทศน์คู่* รับงานที่ ญาติโยมเรียกร้องมา ท่านไปเทศน์คู่ กับผมได้มั้ย? เทศน์คู่เหรอ? ผมไม่เคย! * การเทศน์คู่ คือการแสดงธรรมโดยมีพระ ๒ รูป ถามตอบกัน (ปุจฉา-วิสัชนา) ทำ ให้การฟัง เทศน์ฟังธรรมไม่น่าเบื่อ พระผู้ถามมักเป็นผู้มีความรู้มากกว่า เพื่อควบคุมเนื้อหาและทิศทางได้ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ! ถ่อมตัวอีกแล้ว! วันก่อนผมไปเยี่ยมอาจารย์ ที่วัดปากนคร ท่านเล่าให้ ผมฟังหมดแล้ว! เล่าเรื่องไร?
711 เรื่องที่คุณขึ้นเทศน์ แทนท่านอาจารย์ น่ะซี! ชาวบ้านเล่าให้ท่านอาจารย์ฟัง ว่า ตอนแรกมหาปั่นจะไม่ยอม ขึ้นเทศน์ บอกว่า ไม่เคยเทศน์ พอขึ้นธรรมาสน์ได้ก็เทศน์ ปร๋อไปเลย! เทศน์ปากเปล่า ซะด้วย! ไม่ติดขัดเลย อ๋อ! เรื่องนั้นเอง! แต่เทศน์คู่นี่ ผม ไม่เคยจริงๆ นา! ถ้าเทศน์ปากเปล่าให้ญาติโยม ชอบใจได้ ก็ไม่ต้องห่วงแล้ว! คุณทำ ได้แน่! ผมถึงมา ชวนไงล่ะ เอางั้นรึ! แล้วจะให้ผมถาม หรือผมตอบล่ะ? แต่ที่ไหนได้! . . .
712 ถึงวันเทศน์คู่ ที่วัดหน้าพระลาน . . . อาตมภาพทั้งสองจะ แสดงธรรมเทศนาเรื่อง บุญกิริยาวัตถุ ๓ . . . บุญกิริยาวัตถุ คืออะไรครับ? บุญกิริยาวัตถุ คือ เหตุอันเป็นที่ตั้ง แห่งการทำ บุญ เอวังก็มีด้วย ประการะ ฉะนี้ ... ส๊า-ธุ!
713 แหม! ท่านเทศน์ดีจริงๆ ตอบคล่องแคล่วไม่ติดขัดเลย เจริญพร โยม! เจริญพร! คุณมหา ตอบได้ดี! ก็ตอบตามที่เรียน มาน่ะครับ! คนฟังเทศน์ ก็หนาแน่น ดีอยู่ . . . ว่าแต่... เขาจะได้ ประโยชน์จากการฟัง เทศน์คุ้มหรือเปล่า? เทศน์แบบนี้มันจะ ง่ายเกินไปหรือเปล่า!
714 หลังจากนั้น การเทศน์เป็น หน้าที่สำคัญของพระ นอกเหนือจากการสวดมนต์ทำ พิธี การเทศน์ คือ การเผยแผ่ธรรมะ พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง หลังจากตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงเทศน์ สอนธรรมะตลอด ๔๕ ปี ไม่เคยหยุดพัก ในเมื่อเราตั้งใจบวชเป็นลูกศิษย์ถวายชีวิต ให้กับพระพุทธศาสนาแล้ว เราก็ควรทำ หน้าที่สำคัญเช่นเดียวกับพระองค์ นั่นคือ การเทศน์สอนธรรมะ แต่เราจะเรียนเทศน์ ได้จากไหน? โรงเรียน นักเทศน์ก็ไม่มีซะด้วย! พุทโธ่! เรื่องการเทศน์ สอนธรรมะนี้ ใครจะสู้ บรมครูของเราได้! อ๊ะ!
715 พระองค์ทรงแสดงธรรมได้ - อาทิกัลยาณัง มัชเฌกัลยาณัง ปริโยสานะกัลยาณัง - คือ ไพเราะในเบื้องต้น ในท่ามกลาง และ ในที่สุด เราศึกษา ได้จากประวัติการ เทศนาธรรม ๔๕ ปี ของพระองค์ พุทธกาล พระอานนท์เดินผ่านเห็นคนกลุ่มใหญ่ ล้อมฟังพระอุทายีเทศนาธรรม แล้วสนุกเฮฮา อ๊ะ!
716 ข้าพระองค์เห็นพระอุทายี เทศน์ มีคนฟังจำ นวนมาก พากันหัวเราะเฮฮา พระอานนท์เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูล เล่าเรื่องที่พบเห็นมาให้ทรงทราบ ดูก่อน อานนท์ การแสดงธรรมแก่ผู้อื่น ไม่ใช่ทำ ได้ง่ายเช่นนั้น ภิกษุเมื่อ จะแสดงธรรมแก่ผู้อื่น พึงตั้งธรรมะ ๕ ประการ ไว้ภายใน แล้วจึง แสดงธรรม ธรรมะ ๕ ประการ เป็นไฉน พระเจ้าข้า? คือ ภิกษุพึงตั้งใจว่า เราจักแสดงธรรมไปโดย ลำดับ, เราจักอ้างเหตุผล, เราจักแสดงธรรม ด้วยความเมตตา, เราจักไม่เห็นแก่อามิสรางวัล, และ เราจักไม่แสดงธรรมให้กระทบตนและผู้อื่น สาธุ! คำตอบที่เราต้องการ! อ๊ะ! เล่มนี้ก็มีของดีอีก!
717 มีแนวคิดทฤษฎี เป็นธงนำ ทางแล้ว จะทดลองฝึกฝน ปฏิบัติได้ที่ไหน? คำตอบอยู่ตรงข้ามฝั่งถนน นั่นเอง! - วัดพระมหาธาตุ เป็นเช่นนั้นจริงๆ! ที่ระเบียงวิหารคดซึ่งล้อมรอบเจดีย์ พระบรมธาตุทั้งสี่ด้าน มีธรรมาสน์ ตั้งเป็นระยะๆ คอยให้พระภิกษุขึ้น ฝึกเทศน์ในวันพระ แต่ละธรรมาสน์ มีคนฟังตั้งแต่ ๓ คน ๕ คน ๑๐ คน เรื่อยไป ตามตำแหน่งนิยมของแต่ละ ธรรมาสน์ เหมือนบันไดดารา
718 ธรรมาสน์ที่ตั้งอยู่ตามระเบียง รอบนอกนั้น สำ หรับพระที่เริ่ม ไต่อันดับนักเทศน์ มีคนฟังไม่ กี่คน ส่วนใหญ่ก็เป็นญาติโยม ใกล้ชิดมาคอยให้กำลังใจ มาก กว่าจะมาฟังกันจริงๆ จังๆ ธรรมาสน์เทศน์ที่มี คนตั้งใจฟังกันอย่าง จริงจังคราวละหลาย สิบคนคือ ธรรมาสน์ ที่อยู่รอบระเบียงชั้น ในที่ติดกับฐานเจดีย์ พระธาตุ ธรรมาสน์ที่ มีคนคอยฟังมากที่สุด คือธรรมาสน์ด้านทิศ ตะวันออก การเทศน์โดยทั่วไปในเวลานั้น มักเป็นการอ่านตามใบลานหรือ หนังสือ หรือตามที่แต่งเตรียม มาล่วงหน้า ชาวบ้านก็พอใจที่ ได้เห็นเช่นนั้น เพราะเข้าใจว่า เรื่องที่เทศน์มาจากพระไตรปิฎก ไม่ใช่ผู้เทศน์พูดเอาเอง
719 เมื่อได้สำรวจรู้ความเป็นไป ของธรรมาสน์ ณ จุดต่างๆ และได้เตรียมตัวดีแล้ว มหาปั่นก็ก้าวข้ามธรรมาสน์ ระดับรองๆ ขึ้นธรรมาสน์เอก ทางด้านทิศตะวันออกของ เชิงพระธาตุเลยทีเดียว! อ๊ะ! พระ หน้าใหม่ อาตมาชื่อมหาปั่น มาจากวัด ปากนคร วันนี้ขอมาเทศน์ ฉลองศรัทธาญาติโยมในหัว ข้อเรื่อง การทำ มาหากิน ดังมีนิทานสาธก จากชาดกเรื่อง จุลลกะเศรษฐี
720 การเทศน์ของมหาปั่นเอาเรื่องความเป็นอยู่ ของชาวบ้าน และเหตุการณ์รอบตัวเข้ามา ผูกกับข้อธรรมะ สอดแทรกด้วยอารมณ์ขัน จึงเป็นที่ถูกใจของชาวบ้าน ไม่นาน ชื่อของมหาปั่น ก็เป็นที่รู้จักกันบ้างแล้ว ถึงกับมีขาประจำ คอยติดตามมาฟัง มหาปั่นเทศน์อยู่ เสมอ วันนี้มหาปั่น จะมามั้ย? มา! เห็นว่ามีคน ไปนิมนต์ไว้แล้ว หลังการเทศน์วันหนึ่ง นมัสการครับ ท่านมหา! เจริญพร โยม? ท่านกลางให้กระผมมานิมนต์ ท่านไปเทศน์ คืนวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์หน้าขอรับ
721 นักเทศน์เทียนดับ อ้อ! โยมมาจาก บ้านท่านกลางรึ? ครับ กระผมเองนี่แหละที่ไปเรียนท่านกลาง ว่าท่านมหาเทศน์ดีเหลือเกิน ทั้งสนุกทั้งได้ข้อ ธรรมะ และฟังเข้าใจง่าย ท่านกลาง หรือท่านหญิงกลาง เป็นน้องสาว ต่างมารดาของเจ้าพระยาบดินทร์เดชานุชิต (แย้ม ณ นคร) เชื้อสายอดีตเจ้าเมืองนครฯ ท่านกลางมีใจใฝ่ธรรมะ อย่างสูง ในช่วงเข้า พรรษาจะนิมนต์พระ ไปเทศน์ที่บ้านทุกคืน ท่านจะนิมนต์พระรูปหนึ่ง ให้เทศน์ ๓ คืน เมื่อเทศน์ ครบแล้วจึงถวายกัณฑ์ เทศน์ ได้แก่ ข้าวสาร ๑ กระสอบ หัวเผือก หัวมันอีกกระสอบ และเงิน ๓ บาท ท่านกลางก็อยากฟัง บ้าง ให้กระผมมา เรียนนิมนต์ท่าน การได้ไปเทศน์ ที่บ้านท่านกลาง ถือเป็นเกียรติ ที่เหนือกว่า ธรรมาสน์ด้าน ตะวันออก อีกขั้นหนึ่ง
722 ถ้าเทศน์จบก่อนเทียนหมด แปลว่า เทศน์น้อยไป ถ้าเทียนดับแล้ว แต่เทศน์ยัง ไม่จบ ก็แปลว่าเทศน์มากไป อุ๊บ! ดูใบลาน ไม่เห็นแล้ว! ศุกร์เสาร์อาทิตย์หน้ารึ? ได้ อาตมารับนิมนต์ งานนี้ต้อง เทศน์ปฏิภาณ**! ** เทศน์ปฏิภาณ คือ การเทศน์โดยไม่มีบท มีแต่ โครงเรื่อง ส่วนรายละเอียดไปคิดเอาขณะเทศน์ ยืด หยุ่นให้สั้นยาวได้ แต่ทั้งนี้ต้องใช้ความสามารถมาก * ธรรมกถึก คือ ผู้แสดงธรรม แต่การเทศน์ที่บ้าน ท่านกลาง ยากอยู่ข้อหนึ่ง เป็นที่รู้กันว่า เทียนส่องธรรม ที่ท่านกลางจุดนั้น เป็น เครื่องกำ หนดเวลา การเทศน์ด้วย คือ ต้องให้จบพอดีกับที่ เทียนหมดเล่ม อุ๋ย! เทียน เหลืออีกตั้ง เยอะ! จะว่า อะไรต่อดีล่ะ! พระธรรมกถึก* ส่วนใหญ่ถือหนังสือขึ้นไป อ่านบนธรรมาสน์ จึงต้องเตรียมบทให้ดี
723 อาตมภาพจะแสดง ธรรมเทศนา เรื่อง การสร้างบารมี . . . หัวค่ ำวันศุกร์ มหาปั่นเข้า บ้านท่านกลาง ด้วย ความรู้สึก เหมือนเข้า ห้องสอบ! นะโมตัสสะ ภควะโต . . . นมัสการ เจ้าค่ะ เจริญพร โยม
724 เอ๊ะ! พระรูปนี้แปลก! เทศน์ไม่ถือหนังสือ การบริจาค คือ การสละ ความสุขส่วนตน เพื่อความสุข ส่วนรวม เออ! ท่านเทศน์ดี อย่างเขาว่า! เอวังก็มีด้วย ประการะฉะนี้ สา... ธุ
725 ทุกคืนที่มาเทศน์ มหาปั่นเทศน์จบ พอดีกับเทียนดับ ทุกครั้ง แต่นั่นไม่ สำคัญเท่ากับที่ว่า เนื้อหาและลีลาการ เทศน์ของมหาปั่น ถูกใจท่านกลาง แหม! ท่านเทศน์ ดีจริงเจ้าค่ะ เจริญพร โยม! ท่านกลางไม่ได้ออก มาส่งพระนานแล้ว เพิ่งจะคราวนี้ อ้อ! การทำตามคำสอน ของพระองค์ ได้ผล แน่นอนจริงๆ!
726 โดยการตั้งหัวข้อเรื่องให้เหมาะกับผู้ฟังและเหตุการณ์แวดล้อม แล้วนำ ความรู้ทุกด้านที่เรียน ที่อ่าน และได้พบพาน มาเทศนาด้วยภาษาง่ายๆ ร่วมกับอารมณ์ขันอันเป็นบุคลิกส่วนตัว ทำ ให้การเทศน์ของมหาปั่น น่าสนใจ อย่างไม่เคยมีมาก่อน คือ มีทั้งธรรมะและความบันเทิงคู่กัน อย่างได้สมดุล เป็นที่พอใจของผู้คน และทำ ให้มหาปั่นต้องรับนิมนต์ เทศน์จากผู้คนรอบๆ เมืองนครฯ ข้ามทุ่งข้ามเขาไกลออกไปเรื่อยๆ ทุกก้าวที่เดินไป มหาปั่นมั่นใจว่า นี่คือ เส้นทางแห่งปณิธาณที่ตั้งไว้ ว่าชาตินี้จะ เป็นนักรบของพระบรมศาสดา เพื่อต่อสู้ กับความไม่รู้และความหลงผิดทั้งหลาย นี่คือ เส้นทางนักรบ
727 เป็นนักรบราญศึกด้วยฮึกหาญ เป็นธรรมธารวารีที่รี่ไหล เป็นพระดีศรีศาสน์ศรีชาติไทย เป็นผู้ให้ปัญญาชั่วอายุ คือเส้นทางนักรบครบเก้าเล่ม คือความเข้มคัดคั้นกลั่นบรรจุ คือสังฆบูชาว่าสาธุ! คือปัญญานันทภิกขุสดุดี.* * กลอน โดย พระวิสุทธิ ฐานากร
728 “เส้นทางนักรบ” ตลอด ๙๖ ปีของท่านปัญญานันทภิกขุนั้นยาวไกล และมีเรื่องสนุกน่ารู้มากมาย แม้ผู้เขียนการ์ตูนอยากเขียนทั้งหมด แต่ ไม่แน่ใจว่าผู้อ่านจะอยากอ่านด้วยหรือไม่ ผู้เขียนจึงขอเสนอเรื่องราว ของท่านเพียงนี้ก่อน ให้เรื่องจบตรงที่ท่านปัญญาฯ ได้เข้าสู่เส้นทาง การเป็นพระภิกษุที่มีจุดมุ่งหมายอันแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ซึ่งถือว่าเรื่องได้ จบสมบูรณ์ระดับหนึ่ง คือนับจากนี้ ท่านจะไม่เปลี่ยนเป็นอะไรอีกแล้ว นอกจากเป็นพระ เป็น“นักรบ” ของพระพุทธเจ้า ทั้งนี้ ผู้เขียนการ์ตูน มีความหวังว่าจะได้เขียน “เส้นทางนักรบ” ต่อ ถ้าหากภาคแรกนี้มีผู้ สนใจสนับสนุนตามสมควร.