ควา
หมาย
ดอกไม้
10
ชนิด
ในภาษา
จีน
莲花
[Liánhuā เหลียนฮวา]
ดอกบัว
ดอกไม้ชนิดนี้เป็นที่คุ้นเคยกันดีสำหรับคนไทยและชาวพุ ทธทั้งหลาย เนื่องด้วย
ดอกบัวเป็นดังดอกไม้แทนความ สงบและบริสุทธิ์ มันผุดขึ้นมาจากโคลนตม ค่อย
ๆ โผล่ดอกตูมขึ้นเหนือผิวน้ำ และบานไสวสวยงามได้ในที่สุด นอกจาก ดอกบัวจะ
มีความหมายต่อศาสนาพุ ทธแล้ว มันยังมีความหมายต่อศาสนาฮินดู และตำนาน
ของอียิปต์ด้วยเช่นกัน แม้จะมี การตีความแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ก็ยังมีความ
คล้ายคลึงร่วมกันอยู่ด้วย ดังที่จะได้นำเรื่องราวของดอกบัวตามความเชื่อ จาก
แหล่งทั้งสามมาบอกเล่าสู่กัน ต่อไปนี้
1
菊花
[Júhuā จวี๋ฮวา]
ดอกเบญจมาศ
ดอกเบญจมาศ คือ สัญลักษณ์ ของฤดูใบไม้ร่วง ในคติความเชื่อโบราณของจีน ดอก
เบญจมาศคือความเป็นหนึ่งเดียว กับธรรมชาติทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความมีอายุยืนและ
ความงามนิรันดร์
ดอกเบญจมาศ (Chrysanthemum) - ดอกเบญจมาศหรือดอกมัม เป็นดอกไม้แห่ง
ความรื่นเริงและความบริสุทธิ์ใจ ผู้ที่ชอบให้ดอกไม้นี้ แสดงว่าเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ
หากอยากแสดงถึงความรื่นเริงชื่นบาน ให้ใช้ดอกไม้นี้มอบแก่ผู้รับ
ดอกเบญจมาศสีแดง เป็นดอกไม้แห่งความรัก นิยมมอบดอกเบญจมาศสีแดง เพื่อ
แสดงถึงความรักใคร่ชอบพอ
ดอกเบญจมาศสีเหลือง เป็นดอกไม้แห่งความโชคดี รักนิดหน่อย นิยมมอบดอก
เบญจมาศเหลืองแก่ผู้หลักผู้ใหญ่หรือ คนรู้จักกันเมื่อไปเยี่ยมเยียนหลังจากไม่ได้พบกันมา
นาน หรือเพิ่งไปมาหาสู่บ้านเขาเป็นคราวแรก (แสดงถึงรักที่บางเบา อ่อน ไหวง่าย)
ดอกเบญจมาศสีขาว ถือเป็นดอกไม้สูงศักดิ์ และทรงเกียรติ เป็นสัญลักษณ์แห่งความ
ซื่อสัตย์ สามารถมอบดอก เบญจมาศสีขาวให้แก่ผู้ใดก็ได้ เพื่อแสดงความซื่อสัตย์ภักดี ไม่
2จำกัดว่าผู้รับต้องเป็นเพศตรงข้ามเท่านั้น
牡丹
[Mǔ dā n หมู่ตาน]
ดอกโบตั๋น
ดอกไม้โบตั๋น หรือดอกพีโอนี (Peony) คือดอกไม้ที่มีความสำคัญที่สุดของ
ประเทศจีน ดอกไม้นี้เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย ความซื่อสัตย์ ความมี
โชคลาภ และซื่อสัตย์มีเมตตา ความภาคภูมิใจและเกียรติยศ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์
ของประเทศจีน นอกจากนี้ยังมีความหมายถึงความสวยงามของผู้หญิง ในเชิง
ความรัก ดอกไม้โบตั๋นจะสื่อความหมายถึงความรักใคร่ของหนุ่มสาว การใช้ดอกไม้
โบตั๋นมาใช้เป็นสื่อเสริมดวงด้านความรัก การดึงดูดชายหนุ่มหรือหญิงสาวให้เข้ามา
ในชีวิต แต่ในทางกลับกันทางฝั่งตะวันตกก็มีความเชื่อเกี่ยวกับดอกพีโอนีต่างออก
ไป เพราะตำนานกรีกเล่าว่าดอกพีโอนีนั้นใช้เป็นที่กำบังกายของบรรดานิมพ์ทั้ง
หลายที่เปลือยกายอยู่ ดังนั้นความหมายของดอกพีโอนีกับความเชื่อของคนตะวัน
ตกจะหมายถึงความอับอายและความโชคร้าย
3
梅花
[Méihuā เหม่ยฮวา]
ดอกเหมย
มีความหมายมงคลถึง ความชื่นบาน ความมีโชค ความยิ่งใหญ่ และอายุ
ยืนยาวกับความอ่อนเยาว์ที่ยืนยงถือเป็นหนึ่งในสามเกลอแห่งฤดูกาลอันหนาว
เย็น คือ ไผ่ หลิว และเหมยหรือดอกบ๊วยนั่นเองค่ะ
กวีจีนเปรียบความงามของดอกเหมยว่ามีกลีบดอกขาวประดุจหิมะก้านเขียว
เหมือนสีหยก ได้รับสมญาว่า "ยอดแห่งความหอมของมวลดอกไม้"
โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่ดอกไม้ชนิดอื่นจะร่วงโรยและเหี่ยวเฉา มีเพียงดอก
เหมยเท่านั้นที่คงความงามและความสดชื่นอยู่จนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ
ดังนั้นดอกเหมยจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการมาของฤดูใบไม้ผลิด้วยรวมถึงเป็น
สัญลักษณ์แห่งตรุษจีนและสัญลักษณ์แห่งความสุข
4
紫藤萝
[Zǐ téng luó จื่อเถิงหลัว]
ดอกวิสทีเรีย
ต้นวิสทีเรีย เป็นไม้ดอกประเภทไม้เลื้อย มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียกลางและ
เอเชียใต้ เป็นไม้ดอกที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับพืชตระกูลถั่ว วิสทีเรียเป็นไม้ดอกที่มี
ลำต้นแข็งแรง ขยายพันธุ์และเติบโตได้ไวมาก จนถูกจัดให้เป็นต้นไม้ประเภท
รุกราน(ต้นไม้ที่เติบโตจนข่มการเติบโตของต้นไม้ชนิดอื่น) ดอกของวิสทีเรียมีกลิ่น
หอมอ่อนๆคล้ายกับดอกลาเวนเดอร์
ถ้าจะจับดอกไม้นี้ให้จับที่ก้าน เพราะถ้าโดนดอกของมัน พิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจ
ทันที ซึ่งใช้เวลาในการทำให้ตายภายในครึ่งชั่วโมง แม้จะได้รับเข้าไปในร่างกายใน
ปริมาณน้อยก็ตาม ว่ากันว่าพิษของดอกวิสทีเรียปริมาณเท่ากัน มีความรุนแรง
เท่ากับพิษของงูทะเลเลยทีเดียว
ในต่างประเทศ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของดอกไม้ชนิดนี้มักจะเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าดอกไม้นี้
มีพิษ แค่ไปจับมาเลียก็ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ค่ะแม้ดอกวิสทีเรียจะมีพิษมาก แต่ความ
หมายของดอกไม้กลับตรงกันข้ามกันกับผลที่เกิดขึ้นกับเหยื่อโดยสิ้นเชิง ในภาษา
ดอกไม้ ดอกวิสทีเรีย หมายถึง ความมีอายุยืนยาว 5
玫瑰
[Méiguī เหมยกุ้ย]
ดอกกุหลาบ
กุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ของ ความรักและความโรแมนติก โดยมีบางตำนาน
เล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดา วีนัส ซึ่ง
เป็นเทพแห่งความงามและความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนาน
เทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตา ของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คน
รักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สี แดง
เข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ
อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอ แทงตัวเองด้วยหนามแหลม
6
兰花
[Lánhuā หลันฮวา]
ดอกกล้วยไม้
ดอกกล้วยไม้ เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ความรัก และความสง่างาม
แสดงถึงความประเสริฐ เลิศ และความงามอันละเมียดละไม
ดอกกล้วยไม้ยังใช้เป็นสัญลักษณ์วันครูด้วย กว่าที่กล้วยไม้แต่ละช่อจะผลิตดอก
ออกผล ให้เราชื่นชมได้ ต้องใช้เวลานานและต้องการดูแลเอาใจใส่เปรียบได้กับ ครู
แต่ละคนกว่าจะสั่งสอนเคี่ยวเข็นศิษย์คนแล้วคนเล่าให้มีความเจริญงอกงาม
ก้าวหน้าในชีวิตได้ ก็ต้องใช้เวลาอบรมสั่งสอนมิใช่น้อยเช่นกัน
7
樱花
[Yī nghuā อิงฮวา]
ดอกซากุระ
ซากุระ คือ ดอกไม้ซึ่งเปรียบเสมือนจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่น ซากุระมี
เอกลักษณ์พิเศษตรงที่เมื่อเริ่มผลิบานจะบานสะพรั่งพร้อมกันทั้งต้น ก่อนร่วงโรย
ไปพร้อมกัน บางคนจึงเปรียบพวกมันดั่งความสามัคคี พร้อมร่วมเป็นร่วมตาย
ของบรรดานักรบชาวญี่ปุ่นในยุคก่อน ซากุระเป็นดอกไม้ซึ่งชาวญี่ปุ่นภาคภูมิใจ
และยังได้รับความสำคัญมากกว่าดอกไม้ประจำชาติอย่างดอกเบญจมาศเสียอีก
ดอกซากุระยังทำหน้าที่เป็นปฏิทินบอกการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิเมื่อฤดูหนาวผ่าน
พ้นไป จึงเป็นตัวแทนการเริ่มต้นใหม่ด้วย ในทางปรัชญา ซากุระเป็นดอกไม้ที่ย้ำ
เตือนถึงความไม่จีรัง เพราะดอกซากุระจะงดงามอยู่เพียงขณะสั้น ๆ แล้วร่วงโรย
ไป เปรียบเหมือนความสุขหรือสิ่งสวยงามในชีวิต ที่จะผ่านมาเพียงชั่วเวลาหนึ่ง
ก่อนเลือนหายไป ไม่มีอะไรยั่งยืน
8
茉莉花
[Mòlìhuā โม่ลี่ฮวา]
ดอกมะลิ
ดอกมะลิ เป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง มีความหมายว่า เป็นดอกไม้ที่ได้รับความปราถ
นาดี เป็นที่รักและคิดถึงของคนทั่วไป อีกทั้งยังเป็นสื่อแทนของความกตัญญูอีก
ด้วย ยิ่งใกล้ถึงวันแม่แบบนี้ ดอกมะลิ ก็จะกลายเป็นตัวแทนส่งมอบความรักจากลูก
สู่แม่ ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมนำดอกมะลิ หรือพวงมาลัยที่ทำจากดอกมะลิไปกราบขอ
พรจากแม่ในวันนี้
9
杏花
[xìnghuā ] ซิ่งฮวา
ดอกเเอพริคอต
แอปริคอตญี่ปุ่นหรือพลัมญี่ปุ่น เรียกว่า “อูเมะ” มีประวัติทางวัฒนธรรมที่
ยาวนานในประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าแต่เดิมจะนำเข้ามาจากประเทศจีน เป็นหนึ่งใน
ดอกไม้พันธุ์แรกๆ ที่จะออกดอกในแต่ละปีซึ่งสัมพันธ์กับการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ
ในทางสัญลักษณ์ สื่อความหมายถึงความซื่อสัตย์ ความงามสง่า และหัวใจที่
บริสุทธิ์ ในโตเกียวดอกอูเมะมักจะออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมซึ่งจะ
มีการจัดเทศกาลอูเมะฉลองตามสวนสาธารณะ ศาลเจ้า และวัด ดอกอูเมะมีกลิ่น
หอมหวานส่วนผลจะมีความเปรี้ยวกว่าพลัมหรือแอปริคอตของทางตะวันตก มัก
ถูกนำไปแปรรูปเป็นอูเมะโบชิ (บ๊วยเค็ม) หรือเหล้าอูเมะชู
10